บ่วงร้อยรัก
ชีวิตที่ถูกร้อยรัดไว้ด้วยหนี้บุญคุณและความแค้น หญิงสาวจะทำอย่างไร เมื่อบ่วงรักที่หล่อนเข้าใจ กลับกลายเป็นบ่วงมารที่ฆ่าหล่อนให้ตายทั้งเป็น
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บ่วงมาร ตอนที่ 1

เกิดเหตุผิดพลาดทำให้มาช้าค่ะ
ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ

__________________________________________________________

Vieng Kawe -- ขอบคุณมากค่ะที่ติดตาม ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ ^^
หมูอ้วน -- ขอบคุณมากค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
ปอแก้ว -- ตอนต่อไปมาแล้วค่ะ แฮ่ๆ
อริสา -- มาแล้วค่ะ ช้าไปนิดแต่มาแล้ว

__________________________________________________________

ตอนที่ 1


ตรีประดับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก…

รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่ยกมือขึ้นเคาะประตูบานเล็กเบาๆ ร่างโปร่งระหงในชุดเสื้อสีครีม กางเกงยีนส์สีฟ้าสว่างขายาวแนบเรียวขาขยับถอยหลังไปสองสามก้าว ดวงหน้าฉาบสีสันด้วยเครื่องสำอางเบาๆ กระจ่าง ผมหยิกหยักสีน้ำตาลเข้ม ที่เจ้าตัวคงรำคาญถูกมัดสูงเป็นหางม้า กระนั้นความยาวยังกินพื้นที่เกือบกึ่งกลางแผ่นหลัง หญิงสาวถอยหลังไปสองสามก้าว หยุดรอเสียงตอบรับจากภายในด้วยใจจดจ่อ หากทุกอย่างยังสงบเงียบ แม้จะลงมือเคาะซ้ำอีกหลายครั้ง แต่ทุกอย่างเหมือนเดิม

“ เธอ...หลับอยู่หรือเปล่าคะ ? ”

เด็กสาววัยสิบเจ็ดที่คอยขึ้นมารับใช้บนตัวตึกถามเบาๆ ย่นคอลงเล็กน้อยเมื่อคิดว่าบางทีคนในห้องอาจรอออกฤทธิ์อยู่ภายใน เมื่อหล่อนและผู้เป็นนายเปิดประตูเข้าไป ทั้งหมอน ทั้งผ้าห่ม คงลอยละลิ่วมาปะทะ

“ หรืออาจจะแอบหนีออกไปแล้ว ”

“ ไม่หรอกนิด ”

ตรีประดับคิดไปคนละทาง หญิงสาวใช้กุญแจซึ่งขอคุณแม่บ้านติดมือขึ้นมาด้วยไขประตูให้เปิดออก คนตามติดรีบแทรกตัวเดินนำ ถ้าจะโดนก็ต้องโดนหล่อนก่อนล่ะ
ห้องนอนเล็กแคบโทนสีเขียวอ่อนปรากฏแก่สายตา ถ้าไม่มีหน้าต่างหลายบานคอยช่วยรับแสงนวลจากดวงอาทิตย์ ห้องเก็บของที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องนอน คงอยู่ในสภาพทึบทึมน่ากลัว ส่วนเครื่องประดับที่จัดวางแทบนับชิ้นได้ล้วนเป็นของเก่าที่ผู้เป็นเป็นเจ้าของห้องไม่ยอมเปลี่ยน ทั้งโต๊ะหนังสือตัวใหญ่เทอะทะ วางขวดแก้วกระจุกกระจิกหลากสีและโคมไฟจำลองเป็นร่มคันเล็กกางเปิดสีเขียวแกมน้ำเงินที่ยามเปิดไฟห้องทั้งห้องจะสว่างเรืองด้วยแสงอ่อนๆ ตรงปลายร่มประดับด้วยคริสตันปลอมเม็ดเล็กสีเดียวกันตอดสติ๊กเกอร์รูปตัวการ์ตูนสมัยเก่าปิดรอยแตก เลยขึ้นไปด้านบนมีชั้นไม้วางพาดยาวขนานไปกับผนังทาสีน้ำตาลแก่ วางหนังสือแออัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนิทานเล่มเล็กบ้างใหญ่บ้าง หรือก็ไม่วรรณคดีดั้งเดิมที่ตัวสันเปลี่ยนเป็นสีซีดด้วยกาลเวลาผ่าน เด็กสาวที่ต้องเข้ามาทำความสะอาด ‘ เคย ’ ลองหยิบเพื่ออ่านเนื้อหาภายใน ความสนุกทำให้อ่านเพลินจนเมื่อถึงตอนจบในหน้าสุดท้าย เด็กสาวต้องรีบเก็บวางด้วยอาการตัวสั่น บทอวสานของนิทานทุกเล่มถูกฉีกขาด ดุจคำประกาศิตถึงตอนจบที่ต่อให้สมหวังแค่ไหนก็ไม่วันเป็นจริงได้ !

“ มิ่ง ”

เสียงหวานใส ทำลายความเงียบอันน่าอึดอัด ตรีประดับเรียกเจ้าของร่างผอม ที่ยืนพิงขอบหน้าต่างมองผู้มาเยือนด้วยสีหน้าเกือบหยัน เสื้อสีน้ำเงินเข้มเอวลอยอย่างสมัยใหม่ฉูดฉาดตัดกับกางเกงยีนส์ขาสั้นสีแดงสด คนถือวิสาสะก้าวเข้ามาถอนหายใจโล่งอกที่ห้องทั้งห้องไม่ได้ว่างเปล่า แถมยังกรุ่นกำจายไปด้วยกลิ่นหอมบางเบา ที่พอแลหาก็พบกิ่งดอกแก้วที่เสียบประดับไว้ลวกๆ ในกระป๋องใส่ดินสอข้างหัวเตียงนอน กระป๋องใบเล็ก...ที่คนเข้ามาจำได้ทันทีว่าทั้งหล่อนและตรีนนท์ช่วยกันทำขึ้นเพื่อให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่คนอ่อนวัยกว่าในวันครบอายุสิบขวบ หลังผ่านพ้นชีวิตในรั้วเดียวกันมาได้ปีกว่า เป็นวันเดียวกับที่...อรรถ...ผู้เป็นบิดา เปิดเผยความจริงให้ทุกคนในบ้านหลังใหญ่ได้รู้ถึงสถานะของเด็กสาวที่ตนพาเข้ามา น้องน้อยที่ตรีนนท์รัก นับเนื่องต่อจากนั้น มิ่งโมรี และตรีประดับวางใจที่จะอยู่ร่วมกันได้ จะกลายเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวที่อรรถรักและทุ่มเทให้ความรักแต่ผู้เดียว

“ เป็นยังไงบ้าง มิ่งน่าจะนอนพักอีกหน่อยนะ เพิ่งหายไข้ยังไม่ควรยืนตากลม ”

ดวงตาคู่สวยหวานสนิท มองผ่านผ้าม่านสีเขียวอ่อนฉลุลวดลายดอกแก้วปักประณีตด้วยแววตาเป็นประกาย แปลกใจเล็กน้อยที่หล่อนไม่เคยเห็นลวดลายดอกไม้บนตัวผ้ามาก่อน อันที่จริงตรีประดับเคยนึกสงสัยหลายครั้งว่าทุกคราวที่ย่างเข้าสู่บ้านหลังใหญ่ในช่วงเวลาที่มิ่งโมรีอยู่ ข้าวของบางชิ้นมักแปลกตาไปจากเดิมถ้าไม่ได้สังเกตจริงจังแทบไม่รู้เลยว่าของชิ้นนั้นหายไปจากชั้นวาง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ มองเผิน... กุลชาติยังคงความงดงาม เฉกเช่นที่เคยรุ่งเรือง ไม่ได้โงนเงนเจียนล้ม อย่างที่กำลังเป็นอยู่

“ ทำไม ? ”

คนที่เห็นอาการนิ่งไปอึดใจใหญ่ถามเสียงแหบ พิษไข้ที่รุมเร้ามานานหลายวันไมได้ทำให้เจ้าตัวละความขยันในการแต่งเติมดวงหน้าให้มีสีสันประหลาดเกินงาม รอยยิ้มบนริมฝีปากอิ่มแห้งผาก กระนั้นยังเปิดรอยหยันได้ยามมองตรงมายังคนที่หยุดยืนอยู่
มิ่งโมรีมองผ่านหลังตรีประดับ เด็กรับใช้ซึ่งตามติดเข้ามาชะเง้อมองมาทางหล่อนราวกับกลัวว่า วินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า คนยืนพิงขอบหน้าต่างจะกระโจนเข้าหาผู้เป็นนาย แล้วตบตีทำร้าย ท่าทีที่แสดงออกจึงระแวงไวรอบคอบเป็นพิเศษ

“ สวยดีจ้ะ กำลังคิดว่าฝีมือคุณละอองหรือเปล่า ”

ตรีประดับชื่นชม เริ่มแรกที่ได้ข่าวว่ามิ่งโมรีจะกลับมาพักยัง ‘ บ้าน ’ หลังเจ้าตัวทำเสมือนไม่เกี่ยวข้องกับกุลชาติอยู่พักใหญ่ หญิงสาวที่เคยดูแลความเรียบร้อยภายในยังแอบหวั่นใจว่าการทำหน้าที่ของหล่อนหลังจากที่มิ่งดมรีไม่อยู่ตามคำสั่งของนวลอนงค์เพื่อ ‘ ตีกัน ’ ไม่ให้ลูกเลี้ยงได้ทุกอย่างง่ายดายนักอาจทำให้คนเป็นน้องไม่พอใจ เพราะการเข้ามาดูแลเท่าประกาศสิทธิ์ในกุลชาติ ในฐานะลูกสาวคนโตของอรรถ หกเมื่อมิ่งโมรีเฉย และนางละอองไม่ได้ปริปากพูดถึงความเปลี่ยนแปลง คนรอคอยว่าจะถูกว่าไม่ทางใดทางหนึ่งเลยค่อยหายใจทั่วท้อง ยกเว้นห้องนอนเล็กที่มิ่งโมรีเคยอาศัยหลับนอนเท่านั้นที่คุณแม่บ้านยังคงเข้าดูแลด้วยตัวเองมิให้หล่อนแตะต้อง หญิงสาวที่ตามใจมิ่งโมรีมาตลอดทั้งไม่เคยห้ามปรามแม้อีกฝ่ายจะก่อเรื่องก่อราวสักเท่าใดเลยปล่อยผ่าน เก็บความสงสัยทั้งมวลไว้อย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้

“ มาตรงนี้ดีกว่า พี่ทำข้าวต้มมาให้ ถ้ามิ่งกินร้อนๆ จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ”

ตรีประดับมองผ้าปูเตียงที่ไร้รอยยับเหมือนคนเจ็บยังไม่ได้นอนสลับกับร่างผอมที่ยืนอยู่ แสงสว่างที่ส่องกระทบคนอ่อนวัยกว่าให้เงาเหลื่อมล้ำที่ทำให้คนถูกมองคล้ายภาพวาดที่จิตกรลงฝีแปรงแรง จนกลายเป็นรูปวาดฉูดฉาดบนกระดาษสีซีด คลับคล้ายคนอ่อนวัยกว่าทิ้งความสดใสร่าเริงในวัยเด็กไว้เบื้องหลัง แล้วเปิดเผยแง่มุมแท้จริงจากที่ที่หล่อนเติบโตมาด้วยมารยาทที่นวลอนงค์ค่อนแคะเสมอถึงกำพืดเดิมที่ยากจะปรับเปลี่ยน อดีตเด็กหญิงตัวน้อยช่างฉอเลาะ ติดตรีประดับแจ เติบโตกลายเป็นหญิงสาวที่นานวันยิ่งเอาแต่ใจสมการ ‘ ให้ท้าย ’ ของอรรถ รอยชิงชังที่พอกพูนขึ้นเปลี่ยนถ้อยคำหวานหูเป็นคำกระแนะกระแหนเหยียดหยัน แม้นวลอนงค์มารดาหล่อน มิ่งโมรีก็ไม่เว้น คนอ่อนวัยกว่าทำทุกอย่างโดยมีอรรถให้ท้าย จะดุด่าไล่ใครหญิงสาวก็กระทำอย่างคนเอาแต่ใจ คงเหลือแต่ตรีนนท์ผู้เป็นพี่ชายหล่อนเท่านั้น ที่ยังได้รับความรักจากน้องสาวเลี้ยงอย่างเต็มเปี่ยม และอีกฝ่ายก็ตอบแทนความรักนั้นอย่างดีเยี่ยมเฉกเช่นเดียวกัน

“ ออกไป ”

ริมฝีปากซีดเม้มแน่นอยู่ตลอดเอ่ยเบาๆ ดวงตากลมโตแห้งผากปรากฏรอยหยันลึก คนสูงวัยกว่าฝืนยิ้ม แต่ยังไม่ยอมถอย ตรีประดับทำใจดีสู้เสือเอื้อมมือเข้าหาอีกครั้ง

“ ข้าวต้มไม่กินตอนนี้ไม่เป็นไร แต่กลับมานอนที่เตียงก่อนดีกว่า มาจ้ะ พี่ช่วยพยุง ”

คนเจ็บเอื้อมมือจับเหมือนโอนอ่อนให้ คนสูงวัยกว่าเลยยิ้มกว้าง กุลีกุจอประคองร่างผอมพาออกห่างจากหน้าต่าง หากเพียงครู่เดียวก็นิ่วหน้า แรงจิก...ทำให้หญิงสาวต้องหดมือกลับด้วยความเจ็บปวด มือขาวขึ้นรอยเล็บแดงบุ๋มลงไปในเนื้อ ดวงหน้าหวานเผือดซีดลงอย่างรวดเร็ว มิ่งโมรีผละมือออก ริมฝีปากซีดเลยหยิบยกขึ้นอย่างพอใจ

“ รีบปล่อยทำไมล่ะคะ ไหนว่าจะช่วยประคองมิ่งไง ”

ตรีประดับลูบมือข้างที่ถูกมิ่งโมรีจิกเล็บลง หญิงสาวได้แต่ยืนอึ้งมองร่างผอมประคองตัวตรงเข้าห้องน้ำโดยไม่พึ่งพาการช่วยเหลือด้วยแววตาหม่นซึม ขณะที่เด็กสาวซึ่งตามขึ้นมาละล้าละลัง สุดท้ายก็ตัดใจวางถาดข้าวต้มในมือลงบนโต๊ะหนังสือข้างหน้าต่าง ก่อนรีบวิ่งมาดูข้อมือผู้เป็นนายด้วยอาการรีบร้อน

“ คุณสอง เป็นยังไงบ้างคะ ? ”

คนที่รู้กิตติศัพท์ตามคำเล่าลือ แต่ไม่รู้ว่าความร้ายกาจของมิ่งโมรีจะมีมากมายขนาดนี้มองมือขาวขึ้นรอยแดงแล้วทำตาโต ดวงหน้าอ่อนใสแสดงความไม่สบายใจฉายชัด

“ ไม่เป็นไรจ้ะนิด ไม่เป็นไร ”

เสียงหวานแกมรอยเศร้าทำเอาคนเข้าดูมองอย่างเห็นใจ อดคิดถึงคำบอกเล่าจากญาติผู้พี่ ซึ่งเคยทำงานอยู่ที่กุลชาติมาก่อนไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรคำบอกเราแกมเตือนในทีก็เป็นความจริงที่ปรากฎให้เห็นอยู่ตรงหน้าเสมอ

‘ ที่นี่น่ะเงินดี งานสบาย เสียอย่างเดียวนายจ้างอารมณ์ร้ายไปนิด ไม่มีกรณีทำร้ายลูกจ้างบาดเจ็บหรอกนะ เพราถ้าจะทำเธอจะทำคนของเธอ ถ้านิดทำไหวจะลองดูก็ได้ ส่วนฉันน่ะชินแล้วถ้าไม่ติดว่ามีลูกล่ะก็คงไม่ลาออกหรอก ’

ประณีตที่เดือดร้อนเรื่องเงินอย่างหนัก เลยตกลงเข้าทำงานแทนพร้อมกับอุดรคนสวนหนุ่มที่นางละอองเป็นคนรับเข้าทำงานในเวลาหลังหล่อนเพียงไม่กี่เดือน เด็กสาวที่ไม่มีเพื่อนเลยสนิทกับชายหนุ่มที่วางใจถึงขั้นนับเป็นพี่ชายได้ เห็นทีต้องบอกให้คนสวนหนุ่มระวังตัวไว้ อย่าทำอะไรที่ขัดอกขัดใจมิ่งโมรีจนเกิดเรื่อง

“ ยังไม่ไปอีก ”

คนก้าวออกมาจากห้องน้ำขมวดคิ้วมุ่น ไม่พอใจ ร่างผอมเดินตัวตรง หน้าเชิดแข็ง เลี่ยงหลบจากตรีประดับที่รอจังหวะเข้าประคอง ก่อนหันกลับมากอดอกจ้องตาวาว หาเรื่องคนยืนอยู่เต็มที่

“ ทำไมยังไม่ออกไป ”

“ มิ่งไม่สบาย หน้าที่ดูแลมิ่งเป็นหน้าที่ของพี่ ”

ตรีประดับว่าเสียงเบา ขยับตัวเข้าหา ท่าทางพร้อมจะเข้าใจเสมอของหล่อน ทำเอาเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างกันส่งสายตาอย่างศรัทธา มิ่งโมรีเสียอีกที่กราดเกรี้ยวเข้าหา

“ ไม่ต้องมาโกหก อย่างคุณสองน่ะหรือจะห่วงมิ่งจริง มีแต่จะแช่งให้ตายวันตายพรุ่งมากกว่า ”

“ ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะมิ่ง พี่ไม่เคยคิด ไม่แม้แต่จะคิด ”

ตรีประดับเน้นประโยคหลังเสียงหนัก ดวงหน้าหวานขาวซีด ท่าทางเพียรระงับใจตัวเองไว้ทำให้ มิ่งโมรีปรายตามองคนสูงวัยกว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะกรีดเสียงหัวเราะแหลมให้ดังขึ้น หญิงสาวเห็นแต่แรกแล้วล่ะว่าร่างเล็กบางของเด็กสาวที่ขึ้นมาคอยรับใช้ยืนตะแคงหูฟังแต่ไม่กล้าสบตาหล่อนอยู่ด้านหลังตรีประดับ ตอนนี้...คงไม่มีอะไรสนุกไปกว่าการ ‘ แสดง ’ ให้คนยืนหลบอยู่ด้านหลังรู้ว่าบ้านหลังนี้ ใครกันที่ควรให้ความเคารพ ใครกันที่ควรนอบน้อมเข้าหาตรีประดับนายจ้างตกหอคอยที่หล่อนทั้งกดและเหยียบไว้ หรือ หล่อน มิ่งโมรีคนนี้...คนที่กุมอำนาจทุกอย่างไว้ในกำมือ

“ เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ มิ่งว่า คุณสองคงคอแห้งแย่แล้ว ทานน้ำสักหน่อยไหมคะ ? ”

คนเปลี่ยนท่าทีไม่รอคำตอบ ร่างผอมก้าวกระฉับกระเฉงไปยังหัวเตียง หยิบเหยือกแก้วสีเขียวใสกัดลายรูปใบไม้ใหญ่ ซึ่งบรรจุน้ำอุ่นไว้เต็ม รินใส่แก้วเนื้อบางสีเขียวกลีบใบไม้เข้าชุดกัน ไม่มีใครคาดเดาอารมณ์หญิงสาวถูก เมื่อมือบางยื่นแก้วน้ำในมือส่งให้ตรีประดับ

“ ขอบใจนะจ๊ะ แต่พี่ยังไม่...”

เสียงหวานใสขาดหาย เมื่อแก้วน้ำในมือคนอ่อนวัยกว่าบรรจงราดตั้งแต่ศีรษะลงปลายเท้า ตรีประดับยกมือขึ้นลูบใบหน้า ความรู้สึกแรกคืองง ก่อนตามมาด้วยอาการสำลักน้ำแล้วหอบไอจนตัวโยน

“ ว้าย ! คุณสอง ตายแล้ว ”

“ ตายที่ไหน ยังหายใจอยู่เลย ”

มิ่งโมรีสวนเสียงเยาะ เด็กสาวที่ตามขึ้นมารับใช้บนตัวตึกแทบกลั้นหายใจ ตอนเข้าช่วยปัดหยดน้ำตามเนื้อตัวผู้เป็นนายอย่างห่วงใย มิ่งโมรีทอดสายตามองภาพตรงหน้า แววตาดำสนิทดุจนิลแท้ฉายรอยพอใจเป็นอย่างยิ่ง !

“ ข้าวต้มล่ะ ไหนล่ะข้าวต้ม ”

คนยืนมองด้วยสีหน้าเฉยเมยส่งเสียงถามเด็กสาวที่แทบจะดึงตรีประดับออกจากห้องนอนเล็กเพื่อหลบภัยอึกอัก มองท่าทางกอดอกรอของมิ่งโมรี แล้วชี้มือไปยังโต๊ะเขียนหนังสือบอกว่า

“ วาง...วางไว้ให้บนโต๊ะโน้นแล้วค่ะ ”

“ จะให้เดินไปหยิบมากินเองใช่รึเปล่า ! ”

มิ่งโมรีถามเสียงเย็น ตรีประดับต้องแตะแขนเด็กสาวที่ไม่กล้าขยุกขยิก บอกผ่านสายตาให้เด็กสาวทำตามคำสั่งของมิ่งโมรีก่อนที่เรื่องราวจะบานปลาย ประณีตลนลานทำตาม เด็กสาวยกถาดข้าวต้มมาให้เนื้อตัวสั่นเทา ร่างเล็กบางก็คุกเข่ากับพื้นคลานเข้าหา ก้มหน้าหลบสายตา จ้องมองพื้นห้องอย่างหวาดกลัว

“ ยังร้อนอยู่หรือเปล่า ? ”

“ ระ…ระ…ร้อนค่ะ ” คนถูกถามตอบทั้งที่ไม่ยอมเงยหน้า รับรู้ผ่านน้ำหนักในมือว่า มิ่งโมรียกถ้วยข้าวต้มออกไปแล้ว “ ระ ระ วังนะคะ ”

“ คุณสองทำเองหรือคะ ? ” มิ่งโมรีหันหาคนยืนอยู่ หยิบช้อนที่วางไว้ในถาดขึ้นคน ควันลอยกรุ่นส่งกลิ่นหอม มีตรีประดับยืนมองไม่วางตา

“ จ้ะ จ้ะ พี่ทำเอง เห็นว่ามิ่งไม่สบายน่าจะอยากกินอะไรอ่อนๆ ”

คนถูกรังแกจนตัวเปียกรีบบอกเอาใจ มิ่งโมรีก้มตัวลงสูดกลิ่นหอม แล้วเงยหน้าขึ้นมองตรีประดับอย่างหมายมาด

“ น่าอร่อยดีนะคะ… แต่มิ่งไม่อยากกินแล้วล่ะ ! ”

มิ่งโมรีเอ่ยเสียงเหี้ยม ชามข้าวต้มในมือก็ถูกยกขึ้นสูง ประณีตที่เงยหน้าขึ้นมองเพราะเฉลียวใจ กรีดเสียงร้องลั่นผวากอดตรีประดับไว้ทั้งตัวอย่างปกป้อง หากจานข้าวต้มในมือมิ่งโมรี แทนที่จะสาดใส่คนสูงวัยกว่าเหมือนน้ำในแก้ว หญิงสาวกลับปล่อยให้ตกสู่พื้น แตกกระจาย ประณีตหวีดร้องรอบสองในขณะที่ตรีประดับยกมือขึ้นปิดปากไม่ให้เสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา

“ ที่นี้ก็รู้แล้วนะคะ ว่ามิ่งเกลียดคุณสอง ทั้งเกลียดทั้งเบื่อ เอียนจะแย่ คำก็พี่...สองคำก็น้อง ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่กันแน่คะ ตั้งแต่เล็กจนโตมิ่งเคยออกปากรับคุณเป็นพี่สาวสักครั้งหรือก็เปล่า มีแต่คุณที่ทึกทักเอาเอง อยากกระโดดขึ้นมานับญาติกับมิ่ง ไม่เจียมตัว ! ”

คนที่ได้สติก่อนคือประณีต เด็กสาวก้มเก็บเศษแก้วที่พื้นเพื่อป้องกันไม่ให้ใครถูกบาด มีตรีประดับที่ทำอะไรไม่ถูก ลงมือช่วยอย่างเงอะงะ

“ ไม่ต้องค่ะคุณสอง หนูทำเอง ”

“ มิ่ง ... มิ่งไม่เป็นไรใช่ไหม ถอยออกไปยืนไกลๆ ไม่ได้ใส่รองเท้าอย่างนี้เดี๋ยวโดนเศษแก้วบาด ”

ตรีประดับเงยหน้าขึ้นบอกเสียงสั่น ประณีตมองท่าทางกลั้นสะอื้นเต็มที่ของนายจ้างสาวด้วยแววตาสงสาร แทบจะเก็บเศษแก้วทุกชิ้นในมือตรีประดับมาถือไว้เองแต่อีกฝ่ายไม่ยอม

“ ไม่เป็นไร นิด...นิดรีบไปเอาที่ตักขยะนะ แล้วก็ผ้าขนหนูชุบน้ำมา ”

“ งั้นคุณสองรอหนูแป๊บนะคะ อย่าเพิ่งลุกเดี๋ยวจะโดนแก้วบาด ”

มิ่งโมรีมองอาการห่วงใยตรงหน้าแล้วทำท่าขยักขย้อนใส่เด็กสาวที่เงยหน้าขึ้นมองพอดี ประณีตอ้าปากค้าง ก่อนรีบวิ่งออกจากห้อง ด้วยอาการเหมือนคนถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ สวนผ่านกับสตรีร่างโปร่งในชุดลำลองกรุยกรายสีเขียวใบตองพาดลายสลับขาวที่วิ่งเข้ามาเพราะได้ยินเสียงเอะอะ

“ เกิดอะไรขึ้นยัยสอง ตายแล้ว ! ทำไมมันเละเทะอย่างนี้ ”

นวลอนงค์อุทานเสียงดัง มองห้องนอนเล็กที่หล่อนเผลอก้าวเข้ามาแล้วชะงัก ตาสบตา มิ่งโมรีเป็นคนแรกที่ถอนหายใจใส่หน้ามารดาเลี้ยง คนอ่อนวัยกว่าบอกความรู้สึกทั้งหมดผ่านท่าทาง หล่อนไม่เคารพมารดาของตรีประดับ ไม่...แม้แม้แต่นิดเดียว

“ ฝีมือแกล่ะสินังเด็กชั่ว ”

นังเด็กชั่วเปิดรอยยิ้มหวาน ความแตกต่างของตรีประดับและผู้เป็นมารดาอยู่ตรงนี้ ในขณะที่ลูกสาวอดทนยอมเป็นฝ่ายโดนกระทำ นวลอนงค์กลับตรงกันข้าม หญิงกลางคนพร้อมโต้ตอบกลับคืนทุกทาง และแน่นอน มิ่งโมรีชอบอย่างหลังมากกว่าอยู่แล้ว

“ มิ่งเลียนแบบคุณนวลแท้ๆ ทำไมไม่ชอบใจล่ะคะ ”

“ แก…แก๊…แก…”

คนถูกย้อนกลับตัวสั่น ร่างโปร่งระหงไม่ต่างจากลูกสาวในชุดนอนกรุยกรายสีน้ำเงินเข้มกระตุกเกร็งด้วยแรงโทสะ มิ่งโมรีที่มองเห็นท่าทางเหล่านั้นเลยยิ่งยั่ว

“ คุณนวลจะผันเสียงวรรณยุกต์หรือคะ แหม…มิ่งต้องกางตำราเรียนฉบับประถมไหมคะเนี่ย ”

“ อกตัญญู ! เลี้ยงเสียข้าวสุก กินข้าวบ้านนี้อยู่ทุกมื้อยังกล้าเนรคุณ ”

นวลอนงค์เค้นเสียงรอดไรฟัน ความแค้นสุมแน่นอยู่ในอก ทั้งสามี ทั้งลูกชาย ต่างพากันเอาอกเอาใจ แถมสุดท้ายยังกล้าประกาศให้มิ่งโมรีเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่ ‘ ตั้งใจ ’ ยกสมบัติให้ แล้วที่ผ่านมาล่ะ ความดีของนางกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครไม่เห็นค่า ผลของมัน คือการทรยศหักหลังเช่นนี้ใช่ไหม ลูกสาวหล่อน ตรีประดับ คอยรับกรรม กลายเป็นไม้ประดับให้มิ่งโมรีหักหาญน้ำใจอยู่ทุกวี่วัน

“ ก็ข้าวบ้านนี้มันไม่อร่อยนี่คะ กับข้าวที่คุณสองทำเมื่อวันก่อนมิ่งเอาไปเทให้หมากิน หมามันยังเมินไม่กิน ฝีมือแค่ไหนคะ ขนาดหมายังหน่าย ! ”

มิ่งโมรีลอยหน้ายอกย้อน จากหางตาเห็นชัดล่ะว่า ตรีประดับชะงักนิ่งก้มหน้าหลบสายตา ทั้งที่คำกระทบว่าหมายถึงตัวหล่อนทุกคำ คนสูงวัยกว่าก็ยังไม่ยอมแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นปกป้องศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียบย่ำ นอกจากยอมลงให้มิ่งโมรีแล้ว...ตรีประดับดูเหมือนจะทำอย่างอื่นไม่เป็นอีกเลย

และเพราะ ‘เรื่อง ’ มักลงเอยอย่างนี้ มิ่งโมรีถึงได้อยากเห็น วันที่หญิงสาวลุกขึ้น กรีดร้อง แสดงความไม่พอใจ แล้วทวงคืนทุกอย่าง ถ้าวันนั้นมีจริง... ฟ้าคงกลับด้าน กลางคืนกลายเป็นกลางวัน และถึงจะเป็นอย่างนั้น มิ่งโมรีก็เฝ้ารอด้วยใจจดจ่อ !

“ อีบ้า ! สันดานเด็กซ่องก็อย่างนี้ ไร้การอบรม ”

นวลอนงค์จิ้มนิ้วลงบนหน้าผากเล็ก ผลักศีรษะมิ่งโมรีจนสะบัดไปอีกทาง ตอบโต้แทนลูกสาวที่ได้แต่ยืนนิ่งเหมือนเป็นใบ้ เจ็บใจ...แค้นใจ...ปนเปรวมกันไปหมด

มิ่งโมรีสะบัดหน้ากลับ ยักไหล่ราวกับคำพูดและการกระทำของนวลอนงค์นั้นเป็นเหมือนสายลมพัดผ่าน หล่อนไม่รู้สึกรู้สา แถมยังกล้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้เร่งเร้าให้ความอดทนของคนสูงวัยยิ่งหมดลงด้วยซ้ำ

“ ด่าเสร็จแล้ว จะตบประกอบเสียงด้วยไหมล่ะคะ วันนี้มิ่งอารมณ์ดีจะยื่นหน้าให้คุณนวลตบฟรีๆ ก็ได้ ! ”

“ อย่าท้านะนังเด็กผี ! ”

“ ไม่ได้ท้าค่ะ แต่ยุให้ทำเลยต่างหาก ”

“ งั้นเหรอ ” นวลอนงค์เงื้อมือขึ้น ตรีประดับที่นิ่งอยู่นานรีบคว้าแขนห้ามไว้ หญิงสาวเรียกมารดาเสียงสั่น ขอบตาแดงช้ำมองมิ่งโมรีอย่างหวั่นไหว

“ พี่ทนได้ทุกอย่างมิ่ง ไม่ว่ามิ่งจะทำอะไรก็ตาม แต่ขอร้องอย่าก้าวร้าวกับแม่พี่ ถ้ามิ่งอยากด่าระบายอารมณ์ พี่นี่แหละจะฟังให้ ”

ริมฝีปากแตกระแหงแย้มรอยยิ้มแกมเยาะซึ่งเจ้าตัวคงติดเป็นนิสัย ดวงตาที่ทอดมองมาเฉยชา ไม่มีทางที่มิ่งโมรีจะทำตามคำขอของตรีประดับ !

***

โปรดติดตามตอนต่อไป



บุรีวาด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 เม.ย. 2555, 01:47:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 เม.ย. 2555, 15:50:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1728





<< บทนำ   บ่วงมาร ตอนที่ 2 >>
หมูอ้วน 5 เม.ย. 2555, 13:22:47 น.
สงสารหนูตรีประดับ จังเลยค่ะ


มุกมาดา 5 เม.ย. 2555, 13:36:14 น.
ตรีประดับเธอช่างดราม่าเหลือเกิน T^T


ปอแก้ว 5 เม.ย. 2555, 18:32:55 น.
มันคงต้องมีสาเหตุที่ทำให้มิ่งโมรีเป็นอย่างนี้...
อยากรู้จัง??


siita 16 เม.ย. 2555, 12:09:54 น.
โหยย แร๊งงงงงง อยากจะฮู้ ผู้ได๋ คือนางเอก ตรีประดับเถอะ ถึงจะน้ำเน่า มิ่งโมรี ก็ อือหือ เหลือเกิน แต่ชื่อเพราะอยู่นะ นางเอกป่าวหว่า ลุ้นๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account