ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: เตรียมพร้อม

ตอนที่ 14

หลังจากฉันทำธุระทุกอย่างเสร็จสิ้นในตอนเย็น ไม่ว่าจะเป็นการไปรับแขกของเจ้านายที่สนามบิน หรือไปรับชุดงานวันเกิดของคุณนรินทร์ ซึ่งจะบอกอะไรให้นะชุดที่ฉันต้องใส่ไปงานพรุ่งนี้น่ะมัน...สวยเกินไปสำหรับฉันจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าคนออกแบบน่ะคิดได้ยังไง ไม่โป๊เกินไปแต่ก็ไม่ธรรมดาจนเกินไป แถมมีดอกไม้กลัดที่อกด้วย โชคดีอย่างหนึ่งคือฉันไม่ต้องจ่ายค่าชุดเอง...ท่าทางแพงหูฉี่จะตายไป ก็คุณนรินทร์เจ้านายผู้แสนดีน่ะสิ ออกให้ฉันทุกอย่าง

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกคุณสิดี ยังไงคุณก็จ่ายไม่ได้อยู่แล้วนี่” นี่แหละคำพูดของเขา ดูถูกไปเถอะ ก็ฉันจ่ายไม่ได้จริงๆนี่

“แล้วพรุ่งนี้หกโมงเย็นผมจะมารับนะ เตรียมตัวให้พร้อม” นี่คือคำพูดสุดท้ายของเขาที่พาฉันมาส่งบ้านก่อนจะจากกันในเย็นวันนั้น

นั่นแหละพอฉันเสร็จจากทุกอย่างที่บอกไป ฉันก็รีบเอาของเข้าไปเก็บในบ้านแล้วรีบบึ่งไปที่บ้านแจ๊กกี้ทันที ที่ฉันมาบ้านแจ๊กกี้ในวันนี้ก็เพราะ ฉันคงต้องมาบอกเลิกเรียนกับเขาแล้วล่ะ คือฉันก็รักศิลปะนะ ฉันชอบจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฉันคงต้องกลับไปทำงานแล้ว ฉันก็รู้สึกผิดนะ ฉันเลยแวะซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อขนมฝากเขาเพียบ อีกเหตุผลหนึ่งฉันจะมาซื้อภาพศิลปะจากแจ๊กกี้ด้วย ไว้เป็นของขวัญวันเกิดของเจ้านายตัวเองยังไงล่ะ...คุณนรินทร์คงชอบแน่

พอมาถึงบ้านเขา แจ๊กกี้ที่กำลัง... กำลังทำอะไรน่ะ? แจ๊กกี้กำลังทำอะไรอยู่เหรอ เอ...เขาดูแปลกๆนะ

“คุณแจ๊กกี้ นั่นคุณกำลังทำอะไรน่ะ” สิ้นเสียงฉัน แจ๊กกี้ก็เงยหน้าขึ้นมาจากกอหญ้าสูงท่วมศีรษะ หน้ามอมแมมไปหมด

“ทรัพย์สิดี!!!!!!!!!” เขาแผดเสียงเรียกชื่อฉันดังลั่น “where have you been?!!!!! คุณกลับมาแล้วจริงๆ!!!!!” แล้วเขาก็ลุกขึ้นวิ่งโทงเทงพร้อมด้วยเสื้อผ้ามอมแมมเข้ามาหาฉัน

“เอ่อ...คุณแจ๊กกี้กำลัง....”

“มานี่เลยๆ วางของไว้ก่อน help me หน่อย แหมคุณนี่ดีจริง มาจังหวะเหมาะพอดี”

แล้วเขาก็ลากฉันไปที่กอหญ้าพวกนั้นแล้วยัดถุงมือหนาๆใส่มือฉัน

“มาช่วยผมหน่อย ช่วยผมถางหญ้าพวกนี้หน่อยนะ มันรกมากจริงๆ” แล้วเขาก็เลิกสนใจฉัน หันไปดึงหญ้าสูงๆพวกนั้นใหญ่เลย ฉันหมดปัญญา หลายสิ่งที่อยากพูดเลยต้องกลืนลงคอไปหมด แจ๊กกี้นี่ก็เป็นคนแปลกอยู่เหมือนเดิม ฉันชักทิ้งเขาไม่ลงแล้วสิ...

ขณะที่ฉันกำลังถอนหญ้าพวกนั้น ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“เอ่อ คุณแจ๊กกี้คะ ทำไมไม่ใช้เครื่องตัดหญ้าล่ะคะ” พูดเสร็จก็ปาดเหงื่อ

“ฮึ machine พวกนั้นน่ะ มันขาดความเป็นศิลปะ”

มามุกนี้อีกและ

“ยังไงเหรอคะ”

“โถคุณ คุณไม่ feel บ้างเหรอ เวลาที่มือของคุณได้ดึงหญ้าเหล่านี้ออกจากผืนดิน มันเหมือนคุณได้สร้าง success ด้วยตัวเองแล้วอย่างหนึ่ง พอคุณถอนหญ้าเหล่านี้ไปเรื่อยๆ ถอนไปๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” แล้วแจ๊กกี้ก็หยุดทำหน้าซาบซึ้ง

“คุณก็จะเห็นว่าวัชพืชสวยงามเหล่านี้หายไปหมดด้วยตัวคุณเอง คุณเป็นคนทำให้พื้นที่รกๆแห่งนี้กลับมาว่างเปล่าเช่นเดิม!!!! ด้วยมือของคุณเองเลยนะ!!!!! คุณเข้าใจแล้วใช่ไหม งั้นก็keep working ต่อไปซิ”

หนอย...ในที่ทำงานฉันโดนคุณนรินทร์สั่งมาไม่พอใช่ไหม เลยต้องมาเจอแจ๊กกี้สั่งให้สร้างความสำเร็จของตัวเองบนที่รกๆแห่งนี้เนี่ย!!!!

เมื่อเวลาได้ล่วงมาเพียงพอที่จะให้ฉันได้สร้างความสำเร็จมากมายบนพื้นที่รกๆ ฉันก็ได้ปาดเหงื่อเม็ดสุดท้าย พร้อมกับที่แจ๊กกี้ พูด
“Finish!!! Alright คุณสิดี ไปนั่งพักในบ้านกันเถอะ คุณซื้อขนมมาเยอะเลยนี่”

นั่นแหละฉันและแจ๊กกี้จึงมานั่งบนโซฟารกๆที่แจ๊กกี้บอกว่ามันเป็น ‘ศิลปะ’ ซึ่งฉันเคยท้วงไว้ว่า เตารีด เปลือกแอปเปิ้ล หลอดสี และอะไรต่อมิอะไรนี่หรือคือ ศิลปะ อย่างที่เขาว่า
“ฮ่า! คุณสิดี วันนี้คุณกับผมได้สร้างสรรค์ศิลปะมากมายจริงๆนะ ศิลปะของมนุษย์นี่มีหลายแบบ ใช่ว่าจะมีแต่รูปภาพอย่างเดียว ถึงจะเป็นรูปภาพก็เถอะ ก็ยังมีหลายรูปแบบอีก เมื่อก่อนนะ ภาพพวก impessionist ไม่ได้รับการยอมรับร้อก เหมือนกับ...”

“อ่า..แจ๊กกี้คะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ” ฉันต้องทำท่าจริงจังเข้าไว้ เพราะไม่อย่างนั้นแจ๊กกี้จะได้แทรกเรื่อง ‘ศิลปะพรรณนา’ ของเขาอีก ฉันชอบฟังเรื่องพวกนี้อยู่หรอกนะ เพราะแจ๊กกี้เขามักมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเล่าเยอะแยะไปหมด ถ้าให้ฉันทายนะ...แจ๊กกี้คงเคยไปมาแล้วรอบโลกแน่นอน และคงได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับศิลปะมากมาย และนั่นแหละฉันเลยคิดตกได้ว่าถึงเขาจะไม่ได้รับเงินค่าเรียนจากฉัน เขาก็คงอยู่ได้ เพราะเขาอาจจะเป็นลูกเศรษฐี ที่พ่อแม่ไม่ยอมให้เรียนศิลปะ แต่อยากให้เขาเรียนหมอแทน เขาเลยถูกเนรเทศมาทำตัวรุงรังอยู่คนเดียวแบบนี้

ฉันสูดหายใจอีกครั้ง “ฉันมีเรื่องสำคัญค่ะ”

แจ๊กกี้ลดถ้วยชาที่ถืออยู่ลง แล้วรีบกลืนเอแคลร์ลงท้องอย่างรวดเร็ว เขาทำหน้าจริงจังเป็นครั้งแรก
“ว่ามาสิ” เขาพูด จ้องฉันเขม็ง

“ฉัน...ฉัน...ฉันคงต้องเลิกเรียนศิลปะกับคุณแล้วล่ะค่ะ” ฉันก้มหน้ามองกับพื้น คิดในใจว่าเขาคงเสียใจและซักถามฉันไม่หยุด

แต่เปล่า...

“Great! ยอดมากคุณสิดี ผม think แล้ว คุณคงอยากกลายมาเป็นมืออาชีพเต็มตัว but first of all นะ คุณต้องตอบคำถามผมที่ค้างไว้จากคราวที่แล้วก่อนล่ะ ก็ไอ้ภาพที่คุณตอบว่าเป็นสีดำนั่นแหละ เดี๋ยวเรามาลองกันอีกทีนะ คุณต้องมองลองใหม่ว่ามันเป็นสีอะไร” แล้วเขาก็ทำท่าจะลุกไปหยิบรูปนั่นมา
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่แจ๊กกี้ยังคิดว่าฉันจะเอาดีด้านศิลปะอยู่อีกเหรอ
“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้อยากเป็นมืออาชีพ...แต่ฉันคงต้องเลิกเรียนศิลปะเลยน่ะค่ะ คือฉันได้งานเดิมกลับคืนมาแล้ว และคงไม่มีเวลามาเรียนอีก แต่ฉันชอบศิลปะมากนะคะ ที่ผ่านมาฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย แต่ ตอนนี้ ฉันคงไม่มีเวลาให้กับสิ่งเหล่านี้แล้วล่ะค่ะ”

แจ๊กกี้มองฉันอย่างสงบ แล้วถอนหายใจ

“สำหรับคุณศิลปะคือการฆ่าเวลาสินะ”

“ไม่ใช่นะคะ!” ฉันรีบแย้ง แต่แปลกที่เวลานี้แจ๊กกี้กลับดูเหมือนคน ‘ปกติ’ จริงๆ

“แต่ฉันไม่มีเวลามาเรียนจริงๆค่ะ งานที่บริษัทก็ยุ่งจะตาย คราวนั้นที่ฉันมาเพราะคิดว่าจะมาเอาดีด้านนี้จริงๆ แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”

“นั่นแหละ ทำไมคุณไม่คิดบ้างว่าคุณต้องทำงานศิลปะจนยุ่งเลยไม่มีเวลาไปทำงานออฟฟิศเล่า ก็เพราะ ศิลปะไม่ได้ให้เงินกับคุณอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ให้ที่ทำงานหรูๆกับคุณน่ะสิ ใครๆก็เป็นเหมือนกันหมด คิดว่าศิลปะ คือการเสียเวลา เป็นการฆ่าเวลาไปวันๆ นี่ถ้าโลกนี้ไม่มีภาพเขียนราคาเป็นล้าน ศิลปะกับมนุษย์ก็คงไม่มีความหมายอะไร แต่ก่อนที่ แวนโก๊ะ ยังมีชีวิต เขาก็ไม่เคยได้รับเกียรติจากใคร แต่พอเขาตายไป ภาพของเขาราคาพุ่ง ผู้คนก็มาสรรเสริญ เอาเถอะคุณสิดี สักวันคุณก็เหมือนกัน คุณคงมองออกว่าภาพที่คุณเคยทายมันไม่ใช่สีดำ”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำให้ฉันทึ่ง เขาทำให้ฉันทึ่งตั้งแต่แรกพบด้วยซ้ำ และต่อมาที่ฉันได้เรียนกับเขา ทุกอย่างในตัวเขาก็ออกจะประหลาดสักหน่อย แต่ฉันก็รับรู้ได้ถึงความน่าประทับใจ บัดนี้เขาได้สั่งสอนฉันในมุมมองที่ฉันไม่เคยได้เข้าไปถึง และฉันก็ยอมรับว่าฉันไม่เคยเข้าไปถึงศิลปะจริงๆ ก็เหมือนคนอื่นๆในโลกนั่นแหละ เงินสิที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า...

“แล้วฉันต้องทำยังไงคะ ถึงจะมองออกว่ามันไม่ใช่สีดำ”

แจ๊กกี้หัวเราะกว้าง

“วันที่คุณสามารถมองอะไรให้ลึกซึ้งอย่างไรล่ะ เหมือนกับที่คุณเคยผ่านบททดสอบของผมมาแล้ว แต่คงจะไม่มีหวังแล้วล่ะคุณสิดี เพราะคุณคงไม่มีเวลาที่จะมามองให้ลึกซึ้งอีกต่อไป ไม่มีวัน”

ฉันลิ้นจุกปากพูดอะไรไม่ออก ถ้าเขาดุด่าต่อว่าฉันแบบภาษาพื้นๆ ฉันคงรีบจากเขาไปได้อย่างง่ายดาย แต่นี่ไม่ใช่ เขาพูดปลอกเปลือกสันดานของฉันดีดีนี่เอง แล้วมันก็เป็นเรื่องจริง

“แต่เอาเถอะ ผมก็ว่าผมมองคนไม่ผิดนะ คุณน่ะจิตวิญญาณสูงกว่าคนอื่นๆที่ผมเคยสอนมา ถึงคุณจะไปไม่ถึงแก่น แต่ถ้าสอนกันอีกหน่อยก็คงได้ แต่ไม่เป็นไร คุณไปได้เท่านี้นี่นา อย่างไรก็เถอะ ผมจะให้รูปภาพคุณไว้เป็นที่ระลึกแล้วกัน เฮ้อ ผมล่ะเสียดายคุณ เวลาผมเล่าเรื่องอะไรต่างๆนานา คุณเป็นคนเดียวที่ไม่เคยขัดผม และที่คุณพูดขัดผมเมื่อกี้นี้ ผมเลยรู้ได้ทันทีเลยว่าคุณมีเรื่องสำคัญจริงๆ เอ้านี่ อย่าเอาไปทำเป็นประตูกั้นห้องน้ำแล้วกันนะ” แล้วเขาก็ยื่นรูปให้ฉัน “ภาพทุ่งดอกทิวลิปสีน้ำมัน วาดไว้ที่เนเธอร์แลนด์...ยังคงงดงามอยู่จริงๆ”

ฉันไม่เคยรู้เลย...ไม่เคยรู้เลยจริงๆว่าตัวเองก็มีความเลวอยู่เหลือเกิน ฉันคิดได้ยังไงน่ะที่จะมาบอกลาจากคนดีดีคนหนึ่งไป แถมจะมาขอรูปภาพของเขาอีก แต่นี่เขาไม่ได้โมโหฉัน กลับสั่งสอนให้ตาสว่างแถมให้รูปวาดดีดีกับฉันอีก ฉัน ฉันมันเลวจริงๆ

“คุณกลับไปได้แล้วผมต้องไปพักผ่อนบ้าง นี่ถ้าคุณคิดได้เมื่อไหร่ว่าศิลปะสำหรับคุณไม่ใช่เพียงการฆ่าเวลาล่ะก็ กลับมาใหม่ก็ได้นะ” แล้วแจ๊กกี้ก็ปิดประตูบ้านใส่หน้าฉัน

ฉัน...ทรัพย์สิดี ดีแต่เกิด ตำแหน่ง : เลขาประธานบริษัทนราธร กรุ๊ป ผู้เป็นเจ้าของโรงแรมหลายสาขาทั่วประเทศ เงินเดือน : XXXXX มีแม่เป็นนักเขียนเบสท์เซลเลอร์ แต่ตอนนี้กลับไม่มีความหวังกับอะไรทั้งหมด เพราะฉันมันเป็นพวกจิตวิญญาณไม่ถึงแก่น มองศิลปะอย่างไร้ค่า เป็นพวกกระหายวัตถุ แจ๊กกี้พูดถูก ฉันไม่เคยมองอะไรลึกซึ้งเลย

ไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาบ้านได้อย่างไร หลังจากที่ถูกแจ๊กกี้ปิดประตูใส่หน้า ฉันก็เหมือนคนไร้วิญญาณ จิตใจฉันล่องลอยพิกล

“สิดีลูกรักของแม่ รู้ไหมจ๊ะว่าหนังสือของแม่ขึ้นเป็น Best seller เป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้ว” แม่ทำหน้าดี๊ด๊าออกมาต้อนรับฉันหน้าบ้าน แต่พอเห็นฉันดูเอ๋อๆไปแม่ก็รีบเปลี่ยนอากัปกิริยาทันที

“แล้วนี่ทานข้าวเย็นมารึยังล่ะลูก เอ๊ะแล้วนั่นรูปภาพของใคร สวยจริง”

เฮ้อ...ฉันน่ะหรือเป็นคนจิตวิญญาณไม่ถึงแก่น

“สิดี...ลูกเป็นอะไรรึเปล่า”

คุณนรินทร์ว่าฉันยังไม่น่าเศร้าเท่านี้เลยนะ

“นี่ฟังแม่อยู่รึเปล่า”

“หา? แม่ว่าอะไรนะคะ” ฉันถามแม่อย่างมืดแปดด้าน

“นี่ลูกเป็นอะไรไป แม่ถามว่าทานข้าวเย็นมารึยัง”

โอย ฉันล่ะเหนื่อย ทั้งกายและใจ ไหนพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า พอตอนเย็นก็ต้องรีบแต่งตัวไปงานกับเจ้านาย ยังไม่พอ ฉันต้องแบกรับความจริงที่ว่าฉันมันพวก...เฮ้อ

“หนูเหนื่อย ไปนอนก่อนนะคะ” ฉันรีบถอดรองเท้าแล้วจะวิ่งขึ้นห้องนอนไป

“เดี๋ยวลูก มีคุณ...คุณนรงค์ หรืออะไรนี่แหละ เขาโทรมาหาลูก บอกว่าโทรเข้ามือถือลูกแล้วไม่ยอมรับ เขาเลยฝากข้อความมาบอกว่าให้ลูกโทรกลับหาเขาด้วย”
หา? ใครโทรมานะ นี่ฉันกลุ้มแต่เรื่องแจ๊กกี้เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เลยงั้นเหรอ

“ใครโทรมานะคะ”

แม่ทำท่าไม่แน่ใจ “เอ่อ...แม่ก็จำชื่อเขาไม่ค่อยได้น่ะลูก นรงค์หรืออะไรทำนองนั้น เจ้านายของลูกน่ะ”

อ่อ...เข้าใจละ ยิ่งได้ยินชื่อของเจ้านายฉัน ความเหนื่อยยิ่งเพิ่มทวีคูณ

“ค่ะขอบคุณค่ะแม่” แล้วฉันก็วิ่งขึ้นห้องนอน รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วคว้ามือถือโทรหาเจ้านาย

“ขอโทษค่ะ ขณะนี้ยอดเงินของคุณคงเหลือไม่ถึง 20 บาท กรุณาเติมเงินด้วยค่ะ ตรูด......”

ให้ตายสิ! ฉันรีบกดวางทันที เงินโทรฉันเหลือนิดเดียวต้องเก็บเอาไว้ก่อน คุณนรินทร์ฉันขอโทษนะ แต่ฉันคงต้องใช้วิธียิงแล้วล่ะ ฉันกดเบอร์เขาอีกครั้ง รอให้สัญญาณดัง ตืด 1 ครั้งแล้วรีบกดวาง ทำอย่างนี้ได้ 2-3 ครั้ง คุณนรินทร์ก็โทรกลับ

“นี่คุณสิดี! ใครสอนให้คุณยิงหาเจ้านาย หา!!!!”

เอาละ ฉันเหนื่อยมามากพอแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามฉันต้องอดทนไว้

“คือ...คุณคะ ฉันเงินหมดน่ะค่ะ มีอะไรด่วนรึเปล่าคะ” ฉันตอบอย่างเนือยๆ

เขาพยายามทำเสียงปกติ เมื่อรู้ว่าฉันขี้เกียจทะเลาะด้วย

“คุณทานอาหารฝรั่งเป็นรึเปล่า”

“หา? นี่เหรอคะเรื่องด่วน คุณนรินทร์คะ ฉันเหนื่อยมากแล้ววันนี้ ไม่มีเวลามาคุยเล่นด้วยหรอกค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ”
อะไรของเขา บ้าบอคอแตก

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ พรุ่งนี้มีดินเนอร์อาหารฝรั่ง คุณต้องรู้จักการใช้ช้อนทานอาหารประเภทต่างๆ มีแขกฝรั่งมาเยอะแยะไปหมด ผมไม่ยอมให้คุณไปทำเสียหน้าผมอีกเป็นแน่ ตอบมาว่าคุณใช้ช้อนพวกนั้นเป็นรึเปล่า”

อ้อ...งั้นเหรอ

“เอ่อ...ไม่เป็นค่ะ”

“ผมนึกแล้ว...พรุ่งนี้มาทำงานก่อนเวลาสัก 1 ชั่วโมงด้วยล่ะ ไม่ดีกว่าเดี๋ยวผมไปรับคุณที่บ้านตอน 8 โมงเช้านะ ลาก่อนคุณสิดี”

แล้วเขาก็วางสายไป

ฉันมองภาพทุ่งดอกทิวลิป วาดที่เนเธอร์แลนด์ หน้าของแจ๊กกี้ก็ผุดขึ้นมาในจิตสำนึก แต่ก่อนฉันจะล้มตัวลงนอน หน้าของคนที่ฉันจะให้ภาพนี้ก็ผุดขึ้นมาแทนที่ “8 โมงเช้านะคุณสิดี” แล้วฉันก็ผล็อยหลับไป


สวัสดีวันสงกรานต์ค่ะ มาอ่านทรพย์สิดีช่วงสงกรานต์ได้ทุกวันนะคะ คนเขียนไม่ไปไหนค่ะ ฮ่าๆๆ




ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 เม.ย. 2555, 19:55:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 เม.ย. 2555, 19:55:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1880





<< งานใหญ่   ก่อนเวลา >>
konhin 12 เม.ย. 2555, 21:17:54 น.
โดนแจ๊กกี้ยิงศรปักอก พูดไม่ออกเลย


Pat 13 เม.ย. 2555, 06:44:20 น.
ดีคร๊าบเจอกันทุกวันเนอะ


gozilar 14 เม.ย. 2555, 15:14:11 น.
เอ๋ ถ้าจำไม่ผิด ถ้าระบบโทรศัพท์ มันขึ้นว่ากรุณาเติมเงินด้วยคะ มันจะไม่ให้โทรออก ไม่ใช่เหรอคะ สิดีควรจะเอาโทรศัพท์บ้านโทรหานะคะ


ลายเส้น 14 เม.ย. 2555, 19:09:36 น.
ฮ่าๆๆจริงด้วย โอเคค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account