ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: ก่อนเวลา

ตอนที่ 15

“สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้านายของสิดีครับ”

“อ้อ คุณคงจะเป็นประธานบริษัทนราธรสินะคะ ให้เกียรติมารับสิดีถึงบ้านเลยเหรอคะ เชิญเข้ามาก่อนค่ะ”

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ ไม่ทราบว่าสิดีเสร็จหรือยังครับ”

“อ้อ...คงจะ...”

“ว้าย! คุณนรินทร์! นี่คุณมาเร็วไป 10 นาทีรึเปล่าคะ ขอฉันทานอาหารเช้าแป๊ปนึงนะคะ” อะไรของอีตานี่เนี่ย นี่มันพึ่ง 7.50 น. เท่านั้นนะ ฉันยังทานข้าวเช้าไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ แล้วนี่!!!! แม่เชิญเขาเข้าบ้านทำไมน่ะโอ๊ย! รกอย่างกับรูหนูอย่างนี้

“ไม่เป็นไรครับผมทานอาหารเช้ามาแล้ว เชิญคุณแม่ตามสบายเถอะครับ”

เสียงคุณนรินทร์คุยกับแม่แว่วให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง เชอะ! ทำมาสุภาพเรียกแม่ของฉันว่า‘คุณแม่’ เนี่ยนะ แล้วแม่ก็ตื่นเต้นใหญ่ ทำเอาเช้าอันสดใสของฉันหม่นหมองไปทันที

ฉันกำลังตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากแม่ก็เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เข้ามา

“รีบๆทานเข้าสิลูก ปล่อยให้ท่านประธานมาคอยได้ยังไงกัน ลูกนี่เหลวไหลจริง” วุ้ย! ทีกับฉันล่ะทำมาขึ้นเสียง

“นี่ลูก แล้วมีธุระอะไรกันเหรอจ๊ะเขาถึงมารับลูกด้วยตัวเอง…หรือว่า...” แม่ทำหน้ากรุ้มกริ่ม ทำเอาฉันแทบสำลักน้ำ

“ไม่ใช่ค่ะแม่ เรามีธุระสำคัญมากค่ะ หนูไปก่อนนะคะ แล้ววันนี้แม่ต้องไปไหนหรือเปล่าคะ” ฉันพูดอย่างรัวและเร็วที่สุด

“ไปแจกลายเซ็นนิดหน่อยน่ะจ้ะ ลูกรีบไปเถอะ เขาคอยนานแล้ว”

นานอะไร แค่ 10 นาทีเนี่ยนะ ทีฉันต้องคอยเขาประชุมนานกว่านี้ยังไม่บ่น

จากนั้นฉันก็คว้ากระเป๋าแล้วรีบวิ่งออกมาหาเขาที่ห้องรับแขก แต่คงรีบมากไปหน่อย และเนื่องจากพื้นที่ลื่นเลยทำเอาฉันเบรกแตก ชนร่างสูงใหญ่ที่ยืนเก้ๆกังๆขวางทางฉันอยู่ได้

ปึ้ก!

และแทนที่ฉันจะล้มลง กลับกลายเป็นเขาเอื้อมมือมาประคองฉันไว้ได้ทัน แต่ไม่ต้องห่วง มันไม่มีความโรแมนติกใดๆเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ถึงแม้ฉันรู้สึกได้ว่าสายตาของเรา 2 คนประสานกัน อีกทั้งลมหายเขาก็รดหน้าฉันใกล้ขนาดนั้น แต่ทั้งหมดนั่นมันเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวนาทีก่อนที่จะ...

ตุ้บ!

ให้ตายสิ! กระเป๋าฉันที่ลอยขึ้นอากาศตอนที่ฉันล้ม มันกลับหล่นลงมาใส่ศีรษะคุณนรินทร์เสียนี่

“โอ๊ย!” นั่นเสียงเขาร้องพร้อมกับปล่อยมือจากตัวฉันไปกุมศีรษะตัวเองแทน

“ว้าย!” นี่เสียงฉันร้องขึ้นเนื่องจากเขาปล่อยมือจากฉัน ทำให้ฉันล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น

แม่รีบออกมาดูทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” แม่พูดแล้วรีบพยุงฉันให้ลุกขึ้น โอ๊ย! เจ็บก้นชะมัด

คุณนรินทร์รีบสลัดความเจ็บแล้วทำท่ายืนขึ้นอย่างสง่างามก่อนจะหยิบกระเป๋าตัวการของฉันขึ้นจากพื้น แล้วคว้าแขนฉันให้มายืนข้างตัวเขาอย่างรวดเร็ว

“ไม่มีอะไรครับ ผมไปก่อนนะครับคุณแม่”

แล้วเขาก็กระชากตัวฉันไป ไม่ทันให้ฉันได้พูดล่ำลาแม่สักคำ

“เอ่อ...คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ ให้ฉันดูศีรษะหน่อยไหมคะ” ฉันพูดด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ก็เพราะฉัน เขาถึงต้องเจ็บตัว ถ้าเขาจะตวาดใส่ฉันว่าฉันซุ่มซ่ามวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ

แต่เขากลับทำท่าแปลกๆพิกล มันดูเหมือน...เขินๆ วางตัวไม่ถูกยังไงก็ไม่รู้

“ช่างมันเถอะน่า!!!” ขึ้นเสียงกับฉันครั้งที่ 1

“ว่าแต่คุณเถอะ” แล้วเขาก็พยักเพยิดไปข้างหลังฉัน

“อะไรคะ”

“เจ็บ...ตรง...ตรงนั้นรึเปล่า” เขาพูดเสียงเบา

“ตรงไหนคะ.. อ๋อ....ฮ่าๆๆๆ ไม่แล้วล่ะค่ะ”

แล้วเขาก็กระแอมซะเสียงดัง ก่อนจะเก๊กมาดนิ่ง

“งั้นก็ไปกันได้แล้ว ขึ้นรถซะทีสิคุณ!!! ช้าจริง!!!” ขึ้นเสียงกับฉันครั้งที่ 2

หนอย ขึ้นเสียงอยู่ได้ กระเป๋าน้อยลูกแม่เอ๊ย น่าจะตกใส่ศีรษะเขาแรงกว่านี้ให้รู้แล้วรู้รอด

เมื่อเราทั้งสองคนมาที่บริษัท เขาก็มีเรื่องให้ต้องตวาดฉันเรื่อยๆ

“คุณสิดี! คุณฟังผมอยู่รึเปล่า!”

“เอ่อ...ฟังค่ะ...แต่แหม ช้อนมันสวยดีนี่คะ ฉันเลย...”

“คุณสิดี!” แล้วเขาก็ทำหน้าเหี้ยม

ฉันเลยทำคอตก “ค่ะ” ได้ผล พอฉันทำท่าอ่อนให้อย่างนี้เขาเลยพูดกับฉันเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม

“คุณอย่าให้ผมต้องพูดซ้ำหลายรอบได้ไหม อย่าลืมว่าให้ใช้ ช้อน ส้อม แล้วก็มีดจากนอกสุดเข้ามาด้านใน ไหนทวนซิ” เขาสั่ง

ฉันถอนหายใจ ทำอย่างกับฉันเป็นเด็ก แล้วฉันก็มอง โต๊ะอาหารจำลองที่เขาจัดวางเองกับมือตรงหน้าฉันพร้อมกับพูดตามเขาปาวๆ เหมือนเด็กประถมท่องอาขยาน “ใช้ ช้อน ส้อม และมีด จากด้านนอกเข้าด้านใน”

“ดี คุณเห็นแก้ว 3 ใบ ทางด้านขวาของคุณไหม นั่นล่ะ แล้วขนมปังก็จะอยู่ทางซ้าย แก้วน้ำจะวางอยู่เหนือมีดหั่นเนื้อเล่มใหญ่แก้วไวน์ขาวอยู่ถัดมาทางขวา ส่วนแก้วไวน์แดงอยู่เหนือขึ้นไปจาก 2 ใบนั้น เข้าใจใช่ไหม”

โอ๊ย! จะอะไรนักหนา ช้อนก็มีตั้งกี่อันต่อกี่อัน ยังจะแก้วอีก แล้วใครมันจะจำได้ ฉันขอสละสิทธิ์ไม่ไปงานนี้ได้ไหมเนี่ย

“ค่ะ” ฉันก็ได้แต่คิดแหละนะ นี่ถ้าเขาจะเอาอาหารจริงๆมาสอนฉันด้วยก็ดีหรอก อาไร้มีแต่ขนมปังเหี่ยวๆ ก้อนเดียว งกชะมัด

“จำไว้ด้วยว่า อาหารที่เป็นปลาหรืออาหารทะเลเอาไว้ทานกับไวน์ขาว ส่วนไวน์แดงนั้นทานกับอาหารพวกเนื้อ” เขาหยุดกลืนน้ำลายนิดหนึ่ง

“ทีนี้คุณทานขนมปังเป็นหรือเปล่าคุณสิดี”

ฮี่เธ่อ ดุถูกกันจริงนะกะอีแค่ขนมปังก้อนเดียวมันมีปัญหานักหรือไง

“เป็นสิคะ นี่ไงล่ะ” แล้วฉันก็หยิบขนมปังทางซ้ายมือมาทั้งก้อน แล้วตั้งท่าจะยัดใส่ปากหมดนั่น

“ไม่ใช่!!!”คุณนรินทร์คำรามแล้วทำหน้าละเหี่ยใจ นี่อย่าบอกนะว่าขนมปังก็มีกฎเกณฑ์ในการกินด้วยน่ะ

“คุณต้องใช้มือบิเป็นชิ้นเล็กๆ แค่ชิ้นเดียวแล้ววางก้อนใหญ่ลงบนจานเหมือนเดิม จากนั้นก็ใช้มีดทาเนย แล้วป้ายกับขนมปัง แค่นี้ ลองทำซิ”

“ค่า” ดี ได้กินสักทีถึงจะเป็นแค่ขนมปังก็เถอะ

แล้วเขาก็สอนฉันไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องการตักซุปออกนอกตัว การรวบมีดและส้อมชี้ไปที่ 10 นาฬิกาเมื่อทานอาหารอิ่มแล้ว และให้วางผ้าเช็ดปากไว้บนตัดไม่ใช่เสียบไว้ที่คออย่างที่ฉันกำลังทำอยู่

“ใครจะไปจำได้คะ กฏเกณฑ์เยอะขนาดนี้” ฉันพูด

“ก็ต้องจำให้ได้ ผมไม่ยอมให้คุณทำอะไรตลก ต่อหน้าคนตั้งมากมายหรอก” เขาพูดจริงจัง

“งั้นฉันไม่ร่วมทานอาหารกับท่านไม่ได้เหรอคะ ขอฉันไปทานกับเพื่อนๆแทน” ฉันเสี่ยงพูดดู เผื่อได้ผล

“ไม่ได้” เขาส่ายหัวดิก
“แต่คุณคะ คุณก็รู้นี่คะว่าสำหรับดิฉันแล้ว...บางอย่างมันก็เกิดขึ้นโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ฉันไม่อยากทำให้คุณขายหน้านะคะ”

“เถอะน่าคุณสิดี ผมเชื่อว่าคุณต้องทำได้ อีกอย่างนะอาหารของโต๊ะเราน่ะ อร่อยที่สุด”

หา? จริงเหรอ? โอเคไม่ลังเลแล้ว

“ค่ะ ฉันจะพยายาม” แล้วฉันก็ยิ้มให้เขา ขาก็ยิ้มตอบ ก่อนจะชักเสียหน้าให้เรียบสนิทเหมือนเดิม

“เอาล่ะจบแค่นี้ คุณกลับไปทำงานเอกสารได้แล้ว”



แล้วฉันก็นั่งทำงานงกๆเหมือนเดิม จนเวลา 4 โมงเย็น คุณนรินทร์ก็ออกมาจากห้องไล่ให้ฉันรีบกลับบ้านไปแต่งตัว แล้วเขาจะไปรับฉัน 6 โมงเป๊ะ

“6 โมงตรงนะคุณ ช้ากว่านี้ผมตัดเงินเดือน” เขาสั่ง

“แล้วถ้าคุณมาก่อนเวลา 10 นาทีล่ะคะ” ฉันย้อนถาม

“ผมก็จะไปนั่งนับถอยหลังแล้วกัน” เขาพูดเสร็จก็สั่งคนขับรถให้ออกรถไป

ว่าแล้วฉันก็รีบจับแท็กซี่กลับบ้านไปแต่งเนื้อแต่งตัว แม่ไม่กลับมาสักทีฉันคงต้องแต่งหน้าทำผมเอง...ฉันลืมบอกแม่ไปเลย ว่าให้รีบกลับมาทำสวยให้ฉัน แล้วฉันก็ขึ้นห้องนอนอาบน้ำแต่งตัวสวยพริ้งยกเว้นผมกับหน้า ไม่เห็นจะยากก็แค่เปิดหนังสือแฟชั่นของแม่แล้วลองทำตามดู

อืม...อืม...อืม...ทรงอะไรกันล่ะนี่ ทำตามแล้วไม่เห็นจะรู้เรื่อง มัดนู่น บิดนี่.....อืม....

แต่งหน้าก่อนดีกว่า แล้วฉันก็เผ่นเข้าห้องนอนแม่ไปหยิบเครื่องสำอาง กางตำราแต่งหน้าแล้วก็เริ่มลงมือ ทารองพื้น ปัดแก้ม ทาตา เขียนคิ้ว ดัดขนตา

โอ๊ย! เจ็บชะมัด แล้วฉันก็ลืมตามองตัวเองในกระจก ซึ่งมันน่าละเหี่ยใจจริงๆ ทำไมฉันเหมือนนางเอกงิ้วหรือไม่ก็นางเอกลิเกอย่างนี้ล่ะ!!!!!!! ผมก็ยังไม่ได้ทำ หน้าตาก็มาเป็นเสียอย่างนี้ แล้วนี่กี่โมงกันแล้วเนี่ย

5 โมง แล้ว!!!! ไม่นะ อีกแค่ชั่วโมงเดียว ฉันทำไม่ทันแน่ๆ คุณนรินทร์นอกจากจะหักเงินเดือนฉันจนไม่เหลือซักบาทแล้ว อาจจะหักคอฉันไปจิ้มน้ำพริกด้วยก็ได้ ถ้าเขามาเห็นฉันในสภาพนี้ โอ๊ย….โอ๊ย.....ฉันจะทำยังไงดี๊!

ติ๊งต่อง!

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ใครสะเออะมาตอนนี้ โอ๊ย! ฉันเลยต้องวิ่งหน้าตั้งพร้อมชุดกระโปรงยาวที่สวยเสียเหลือเกิน แต่ไม่เข้ากับสภาพฉันตอนนี้เลยสักนิด พอฉันเดินลงมาที่หน้าบ้านก็เห็น นั่นใครน่ะ บ๋อยจากร้านอาหารไหนเหรอ

“คุณสิดี....คุณทำอะไรกับตัวเองน่ะ”

แล้วฉันก็แทบจะปล่อยโฮ เป็นเขานั่นเอง เจ้านายฉันน่ะ ในชุดหูกระต่ายเต็มยศ

นี่มันยังไม่ 6 โมงเลยนะ!!!!!

แต่ความคิดทุกอย่างของฉันก็จบลงเมื่อคุณนรินทร์เดินย่างสามขุมเข้ามาพร้อมลูกน้องตามหลังอีก 4-5 คน จากนั้นคนพวกนั้นก็ลากตัวฉันไปหลังบ้าน ฉันมองอย่างงุนงง ตั้งท่าจะถามคุณนรินทร์ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขากลับพยักหน้าน้อยๆแล้วสั่งลูกน้องของเขา

“ช่วยทำให้เธอดูดีที่สุดด้วยครับ”

ฉันเลยเข้าใจ เมื่อคนพวกนั้นเริ่มเช็ดหน้าเช็ดตาฉันและหวีผมที่เละเทะให้เป็นทรง พร้อมหัวเราะกันคิกคัก

“ไม่ต้องห่วงสาวน้อย ชาลีคนนี้จะทำให้คุณผู้หญิงสวยจนอาเจ็กยังต้องหันมามอง”

ฉันได้แต่กลืนน้ำลาย แล้วอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้คนพวกนั้นทำตามหน้าที่ของเขาไป

6 โมงเป๊ะ ฉันเดินออกมาจากหลังบ้านอย่างงุนงง ตอนนี้ฉันในชุดราตรีสวยงาม ผมเกล้าขึ้นอย่างเรียบร้อย และหน้าที่แต่งจนพริ้มเพรา ออกมายืนเผชิญหน้าอยู่กับคุณนรินทร์

ดูเขาตะลึงเล็กน้อย

“เอ่อ....ฉัน....”

“เป็นอย่างไรบ้างครับท่าน ชาลีคนนี้ทำให้ท่านพอใจใช่หรือไม่” อีตาชาลี เดินออกมายืนข้างฉันพร้อมทำท่าพรีเซนท์ฉันสุดฤทธิ์ แล้วก็ชมฉันไม่หยุดจนฉันรู้สึกเขิน แต่อีตาเจ้านายฉันไม่พูดอะไรสักคำ

“ไปกันเถอะคุณสิดี” แล้วเขาก็เปิดประตูให้ฉันเดินนำออกไป

“ทำไมคุณล่ะคะว่าฉันมีปัญหา” ฉันถามเขาอย่างสงสัยในลีมูซีนสุดหรูของเขา

เขาทำหน้าเยาะเย้ย “โถ่คุณสิดี ผมรู้ทันคุณทุกอย่างล่ะน่า”

หนอย...ทำมาอวดดี

“ดีค่ะ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ นึกว่าจะโดนหักคอจิ้มน้ำพริกเสียแล้ว”

“คุณว่าอะไรนะ”

“อ๋อ...เปล่าค่ะ ว่าแต่ตอนแรกที่ฉันเห็นคุณ นึกว่าบ๋อยที่ไหนมาส่งอาหารเสียอีก” แล้วฉันก็หัวเราะ แต่ดูเขาทำท่าไม่พอใจ

“ตอนแรกที่ผมเห็นคุณก็นึกว่านางเอกงิ้วที่ไหนหลุดออกมาเหมือนกันแหละน่า” เขาย้อนฉันบ้าง แต่ฉันไม่โกรธหรอกนะ ก็มันเรื่องจริง

“ฮ่ะๆๆๆ เหรอคะ แล้วตอนนี้ดูดีแล้วใช่ไหมคะ คุณชาลีอะไรนั่นก็แต่งเก่งพิลึก แต่มือหนักจะตายตอนทำผมให้ดิฉัน เจ๊บเจ็บ”

แล้วเขาก็มองฉันแว่บหนึ่งก่อนจะเบนหน้าออกไปมองนอกรถ

“ก็สวยดี”

แล้วเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนถึงที่งาน



เล่นน้ำกันสนุกไหมคะ




ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 เม.ย. 2555, 16:59:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 เม.ย. 2555, 16:59:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1925





<< เตรียมพร้อม   ยุ่่งยาก >>
konhin 13 เม.ย. 2555, 20:08:59 น.
สิดีน่ารัก


ลายเส้น 13 เม.ย. 2555, 20:20:50 น.
สงสัยวันนี้มีคุณก้อนหินอ่านคนเดียว อิอิ


goldensun 13 เม.ย. 2555, 20:23:12 น.
นรินทตอบคอบ สิดีเลยสวยทันเวลา.


คิมหันตุ์ 14 เม.ย. 2555, 01:29:38 น.
เล่นน้ำดับร้อนสนุกดีจ้า คุณลายเส้นหล่ะคะ?


ลายเส้น 14 เม.ย. 2555, 08:27:50 น.
นอนอยู่บ้านอัพนิยายค่า อิอิ


oolong 14 เม.ย. 2555, 10:16:25 น.
อ่านกี่ครั้งก็ทำให้หัวเราะได้เหมือนเดิม คิดถึงค่ะ ตกลงเรื่องรักนั้ที่วังหลวง(อาจจำชื่อเรื่องไม่ถูก). ได้เขียนต่อไหมคะ


ลายเส้น 14 เม.ย. 2555, 11:06:56 น.
คงเขียนต่อนะคะ แต่อาจจะนานหน่อย ขอคิดเนื้อตอนดีดีก่อน กลัวไม่สนุก อิอิ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account