ลวงเธอให้เผลอรัก
เธอ เอ๋...หรือจะเรียกว่าเขาดี มาตามหารักครั้งแรกไกลถึงประเทศญี่ปุ่น เพราะเขาคนนั้นคือจูบแรกของเธอ โดยการปลอมตัวเป็นผู้ชาย(ต้องปลอมด้วยเหรอ) เพื่อจะได้ใช้รูปร่างร่างอันแสนยั่วยวนด้วยสัดส่วนซึ่งสมบรูณ์แบบเกินห้ามใจ อก 30(นั่นอกคนหรือว่าไม้กระดาน แบนสนิทศิษย์ส่ายหน้า) เอว 24 สะโพก 32 สูงร้อยกว่าๆ ชอบม้าๆ(งู ไม่ใช่ม้า)


Tags: โรแมนติค คอมเมดี้

ตอน: พรหม(ไม่ได้)ลิขิต 100%

พรหม(ไม่ได้)ลิขิต

บ้านอนันตรัย ประเทศไทย
“ฮัดเช้ย! ใครมันบ่นหาวะ” กษีรขยี้จมูกพร้อมกับร้องโวยวาย บุษบากรจึงเดินมาดูสามีที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง
“เป็นอะไรไปคะพี่เสือ คิดถึงเจ้าสองตัวแสบใช่ไหมล่ะ”
“คิดถึง? คนอย่างพี่เหรอจะคิดถึงไอ้พวกมหาภัยวายป่วงนั่น ไปๆ เสียได้ก็ดี เจ้าคนพี่ก็ร้ายเหลือจะเอ่ย เจ้าคนน้องก็แสบเหลือจะกล่าว ไปกันหมดแบบนี้ถือว่าหมดเคราะห์หมดโศกเสียที พรุ่งนี้เรานิมนต์พระมาปัดวังควานสิ่งที่ไม่ดีออกจากบ้านเราไปดีไหม” กษีรไม่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือแล้วบ่นอะไรต่อเยอะถึงการมีอยู่ของพวกลูกๆ
“เดี๋ยวลูกสาวได้แต่งงานไปจริงๆ จะร้องไห้ขี้มูกโป่ง พี่เสือใจร้าย ทีกับน้องสาวเฝ้าขัดขวางเอาเป็นเอาตายหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมให้น้องมีสามี แต่ทีลูกสาวบอกจะไปญี่ปุ่นเพื่อตามผู้ชาย พี่กลับขับไล่ไสส่งแถมยังไม่ให้ลูกกลับมาอีกถ้าไม่เสียตัว ทำแบบนี้บุษชักเริ่มสงสัยแล้วเชียวว่าพี่เสือไม่รักลูกหรือยังไง” บุษบากรบ่นและค้อนสามี อีกทั้งเป็นห่วงลูกสาวและลูกชายที่ต้องไปไกลบ้านไกลเมือง
“เหอะ เป็นห่วง คนที่มันน่าจะต้องเป็นห่วงน่ะมันผู้ชายคนที่ไอ้งูเขียวมันไปตามหา เพราะดวงมันถึงฆาตแล้ว เมื่อมาเจอกับไอ้สองวายร้ายของบ้านอนันตรัย ถ้าเป็นพี่นะพี่จะหนีไปให้ไกลสุดขอบโลกเลยถ้าทำได้ โธ่ ซวยจริงๆ” กษีรส่ายหน้าแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ จนภรรยาเดินเข้าห้องน้ำไปจึงเงยหน้าขึ้น แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“งานนี้ฟันธงว่าไอ้หนุ่มนั้นไม่ตายก็พิการ ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งด้วยสักนิด เดี๋ยวผู้ชายไม่เล่นด้วยก็คลานกลับเองนั่นแหละ”

ถนนนามิคิ ย่านกินซ่า ประเทศญี่ปุ่น
อาศิรพิษมึนงงกับสถานที่ตรงหน้า เพราะนอกจากจะไม่ใช่ค่ายทหารแล้วยังเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย ซึ่งเต็มไปด้วยสถานบันเทิง โรงแรม หือ...โรงแรม หรือที่แท้แล้วผู้ชายคนนี้รู้มาตลอดว่าเธอเป็นผู้หญิงแล้วล่อลวงให้ตามมาเพราะคิดจะข่มขืนพรากความบริสุทธิ์ของหญิงสาวที่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้ชายเช่นเธอ
‘ไม่นะ ถึงเขาจะเป็นรักแรกของเราแต่ถ้าต้องมีอะไรกันก่อนแต่งงานเป็นเรื่องที่หญิงไทยใจงามอย่างเรารับไม่ได้ แต่ถ้าพลาดคราวนี้ไปโอกาสเสียตัวจะน้อยยิ่งกว่าศูนย์ เอาเป็นอย่างน้อยก็น่าจะบอกกล่าววันและเวลารวมทั้งสถานที่ให้รู้ล่วงหน้าเสียก่อนจะได้เตรียมขัดตัวและชุดเซ็กซี่ได้ทัน ยังไงก็ตามเรื่องมีอะไรกันก่อนแต่งงานเรารับไม่ได้จริงๆ นะ’
“ไปกันเถอะ นายเตรียมตัวเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้แล้วใช่ไหม” กินไซหันมาถาม
“เอาจริงเหรอ เราเพิ่งจะเจอหน้ากันเองนะ ฉันยังไม่รู้จักนายดีพอเลย ขอเวลาเตรียมตัวเตรียมใจก่อนได้ไหม บ้าจัง ...คนเค้าก็อายเป็นนะ” อาศิรพิษยืนบิดไปบิดมาเป็นเกลียวเพราะความเขินอาย
“อาย? อ๋อ...นายคงจะอายที่ตัวเองไม่มีกล้ามเนื้ออย่างฉันสินะ เอาเถอะฉันสัญญาแล้วไง ฉันต้องทำให้นาย ‘สมชายตั้งแต่หัวจรดเท้า’ วางใจได้ครั้งแรกของนายจะไม่มีคำว่าผิดพลาด” กินไซให้คำมั่นพร้อมกับฝ่ามือลงบนไหล่ของอาศิรพิษ
“สมชาย? ครั้งแรก?”
“อื้อ สมชายชาตรีนี่คือวิถีแห่งความเป็นชาย”
“เหอะๆๆๆ สมชาย เข็มกลัด” อาศิรพิษตอบรับเสียงขื่น
‘พ่อจ๋า แม่จ๋า งูเขียวจะทำยังไงกับคนแบบนี้ดี นี่เขาเชื่อแบบหัวชนฝาเลยใช่ไหมว่า ฉันอยากจะเป็นชายเต็มตัวมากกว่าสาวเต็มกาย งูเขียวเริ่มรู้แล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือมาม่ายังมีหมูสับ’
“ตามมาสิ ที่นี่เป็นที่ทำงานของฉันเอง เออ...ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะเรียกนายว่าอะไร” กินไซถามชื่อเพราะเมื่อสักครู่เอาแต่โมโห ไม่ทันได้แนะนำตัว
“เรียกฉันว่าเฮบิก็แล้วกัน แล้วนายล่ะ จะให้ฉันเรียกว่าอะไร” อาศิรพิษตอบเลี่ยงไม่อยากบอกชื่อทั้งหมดเดี๋ยวไปสะกิดต่อมความทรงจำได้ขึ้นมา แต่จะว่าไปเขาน่าจะเรียกเธอว่า ‘ที่รัก’ นะ
“บอส”
“หา..บอส” อาศิรพิษอ้าปากกว้าง
“ใช่ เพราะตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายเป็นลูกน้องในสังกัด ฟูจิวาระ กินไซ ว่าที่มาเฟียใต้ดินคนต่อไปของย่านกินซ่ายังไงล่ะ ทำไมไม่ชอบอย่างนั้นเหรอ ฉันว่านายได้รับเกียรติอันสูงสุดแล้วนะ เพราะคนอื่นก็เป็นได้แค่ลิ้วล้อแต่สำหรับนายฉันยกให้เป็นลูกน้องคนสนิทด้านการใช้กำลังส่วนอีกคนซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางด้านมันสมองอยู่ข้างใน เข้ามาสิฉันจะแนะนำให้รู้จักกับ ‘เรียว’ อ้าว...ยืนเป็นบื้ออยู่นั่นรีบๆ เดินมาเสียที เกิดเป็นผู้ชายคิดจะทำอะไรต้องตัดสินใจรวดเร็วไม่โลเล เข้าใจไหม?”
อาศิรพิษยืนตัวตรงขาชิดกันพร้อมทั้งตะโกนร้องเสียงเข้มแข็งว่า
“รับทราบครับ”
“ดีมาก” กินไซพยักหน้ารับอย่างพอใจ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในทันที ปล่อยให้อีกฝ่ายคอตกทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ด้านนอกก่อนจะค่อยๆ บังคับเท้าตัวเองให้ตามเข้าไป
เมื่อเข้ามาภายในคลับขนาดใหญ่ที่สุดในย่านนี้ อาศริพิษตกตะลึงเมื่อเห็นเหล่าบริกรหรือที่นี่น่าจะเรียกว่า ‘โฮส’ ยืนเรียงรายเป็นแถวเต็มไปหมดทั้งสองด้าน และพร้อมใจกันโค้งตัวลงอย่างงดงามน่าชื่นชมทันทีเมื่อเห็นกินไซเดินเข้าประตูมา ชายหนุ่มเดินเชิดหน้าตรงเหมือนไม่สนใจ เธอจึงเร่งตามเขาให้ทัน แต่จู่ๆ เขาก็หยุดชะงักกะทันหันทำให้หญิงสาวชนเข้ากับแผ่นหลังของกินไซทันที
“โอ๊ย....” อาศิรพิษร้องโอย เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งจะเดินชนกำแพง
กินไซหันมามองด้วยสีหน้านิ่งเฉยออกจะดุๆ กับการกระทำของมือขวาคนใหม่
“เป็นผู้ชายไม่สมควรซุ่มซ่าม” กินไซดุแล้วหันไปทางด้านขวามือของตน ก่อนจะยกมือขึ้นมาชี้ที่พนักงานชายคนหนึ่ง
“นาย เนคไทเบี้ยว รีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่แขกจะเข้ามา” กินไซสั่ง พนักงานคนนั้นร้อนรนรีบจัดเนคไทตนเองอย่างเร่งด่วน ก่อนจะเดินต่ออย่างไม่สนใจ
อาศิรพิษเดินตามจนกระทั่งเห็นกินไซเลี้ยวเข้าไปยังห้องที่ดูเหมือจะเป็นห้องลับเอาไว้สังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในคลับแห่งนี้ หญิงสาวยังตามเข้าไปแต่ก่อนจะได้เปิดประตูก็ชนเข้ากับใครบางคน
“โอ๊ย...” รอบที่สองที่อาศิรพิษร้องโอย
“เป็นผู้ชายไม่สมควรเดินเล่อทะล่า”
อาศิรพิษโดนด่าเป็นรอบที่สอง แต่ไม่ใช่เสียงของกินไซ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองถึงได้เห็นหน้าตาของคนพูด ผู้ชายคนนี้หน้าตาหล่อเหลาเหมือนดารานักร้อง สัดส่วนก็แลดูผอมบางเหมือนคนอดข้าวคือผอมจนเกินไป แต่ก็ใส่ชุดสูทได้ดูดีมากทีเดียว เส้นผมดำสนิทและถูกเซตเอาไว้เป็นทรงยากที่จะปลิวไหวตามลม คนๆ นี้นอกจากจะเจ้าระเบียบแล้วยังเป็นคนเจ้าอารมณ์อย่างแรงด้วย
“นายเป็นใคร?” เรียวซึเกะถามขึ้นทันที เพราะหลังจากเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมาก็เห็นกินไซเดินเข้าห้องทำงาน เขาจึงเดินตามเข้าไปแต่บังเอิญโดนเจ้าหนุ่มน้อยนี่ชนเข้าเสียก่อน จึงนึกสงสัยในครามครันว่าเจ้าหนุ่มนี่เป็นใครและเข้ามาข้างในนี้ได้อย่างไร
“แล้วแกล่ะเป็นใคร?” อาศิรพิษไม่ยอมแพ้ แม้จะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่องนักแต่เดาเอามั่วๆ ตามหน้าตาของคนที่ยืนอยู่น่าจะถามประมาณนี้
“อ๋อ...คนต่างชาติ นั่นเอาใหม่ แกเป็นใคร? มาทำไมที่นี่? มีจุดประสงค์อะไร? แกเป็นหนอนบ่อนไส้ใช่ไหม? แล้วแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” เรียวใส่ประโยคคำถามเป็นภาษาอังกฤษไม่ยั้ง
“ฉันจะไปรู้เหรอว่าแกเป็นใคร ขนาดตัวเองแกเองยังไม่รู้เลย ว่างๆ ก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลหน่อยก็ดีนะ ถอยไปฉันจะเข้าไปในห้อง” อาศิรพิษไม่สนใจแถมยังด่ากลับ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อหาทางเข้าห้อง แต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้เธอทำเช่นนั้นแถมยังเดินมาบังทุกทางที่เธอจะเดิน
“เฮ้ย...หลีกไปสิ” อาศิรพิษเหลืออดเลยใช้สองมือผลักหน้าอกของอีกฝ่ายให้หลีกทาง แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเร็วกว่า ทำให้เธอโดนฝ่ามือผลักใส่หน้าอกจนล้มลงไปกองแทนเพราะความไม่ระวังตัว
“เฮ้ย...นี่แก...แก” เรียวก้มมองที่ฝ่ามือตัวเองอย่างครุ่นคิดแล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
อาศิรพิษหน้าเสียหรือว่าตัวเองจะโดนจับได้แล้วว่าเป็นผู้หญิง ถึงสมองทื่อๆ อย่างกินไซอาจจะไม่รู้แล้วคิดว่าเป็นกล้ามเนื้อหน้าอกก็ตามแต่คนๆ นี้ดูแล้วน่าจะฉลาดดูท่าจะมีคนรู้แล้วแน่ๆ แต่จู่ๆ สมองบ้าๆ ของตัวเองก็คิดขึ้นว่า
‘แม่เจ้าโว้ย....มาญี่ปุ่นคราวนี้ไม่เสียที โดนลวนลามสองครั้งภายในวันเดียวกัน แล้วความใฝ่ฝันของงูเขียวก็เป็นจริง จากนี้ไปความฝันที่จะได้เสียตัวในชาตินี้ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม พ่อเสือ...ภูมิใจเถอะ...ลูกสาวคนนี้ต้องได้สามีกลับบ้านแน่นอน’
แต่นี่มันไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องโดนผู้ชายลวนลาม เธอต้องโวยวายสิเราเป็นสาวเป็นนางมีอย่างที่ไหนคุยกันไม่เท่าไรก็มาจับหน้าอกกันแบบนี้ ยังนี้มันต้องโวยวายแล้วบังคับให้รับผิดชอบ ในเวลานี้จะเป็นรักแรกหรือแรกพบก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ขอแค่ให้ใครสักคนได้รู้ทีเถอะว่าเธอเป็นผู้หญิงและรอคอยความรักที่เต็มเปี่ยมจากชายหนุ่มมานานแสนนานแล้ว ช่วยสงเคราะห์ให้หญิงรูปร่างชายคนนี้ได้แฟนสมใจทีเถอะ
“ไม่จริง...ทำไมแกมีอะไรนูนๆ บนหน้าอกด้วย รูปร่างประหลาดสิ้นดี หรือว่าจะเป็นเนื้องอกบนหน้าอก”
“หา...เนื้องอกบนหน้าอก” อาศิรพิษร้องออกมาทั้งตกใจและหน้าแตก
“มันไม่ใช่กล้ามเนื้อหน้าอกและมันก็ไม่ใช่เนื้องอกบนหน้าอก มันคือหน้าอกของผู้หญิง นมน่ะ รู้จักไหม? ทำไมผู้ชายญี่ปุ่นมันโง่กันขนาดนี้วะ” หญิงสาวเหลืออดจึงคร่ำครวญออกมาเป็นภาษาไทยแล้วใช้ฝ่ามือตบเข้าที่หน้าผากตัวเองเสียงดัง ทั้งคับแค้นในความรันทดของชีวิตและแค้นใจที่เกิดมามีรูปร่างเช่นนี้
เสียงเปิดประตูออกมาพร้อมกับเสียงของกินไซที่ดังขึ้นทำให้อาศิรพิษเงยหน้ามอง
“ทำอะไรกันอยู่ทำไมไม่เข้ามากัน เข้ามาสิ เรียว เฮบิทำไมลงไปนั่งกับพื้น ลุกขึ้นมาได้แล้ว” กินไซยื่นมือไปให้อาศิรพิษ
อาศิรพิษมองมือนั้นอย่างซาบซึ้งสายตาวิบวับอย่างปลื้มปิติ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยมีชายหนุ่มยื่นมือช่วยเหลือสาวน้อยผู้อ่อนแอเช่นเธอ เพราะปกติแล้วส่วนใหญ่จะปล่อยให้หญิงสาวนั่งที่พื้นอย่างไม่สนใจแถมยังบอกอีกว่า ‘นั่งต่อไปเถอะถึก ล้มเองก็น่าจะลุกเองนะ’ คำแบบนั้นมันช่างกระทบใจของสาวใสเช่นเธอจนอดจะดีใจไม่ได้เมื่อมีชายหนุ่มแถมยังเป็นรักแรกยื่นมือมาช่วย
แต่ไม่นะเมื่อสักครู่เราเพิ่งจะโดนชายอื่นลวนลามถ้าเกิดกินไซรู้เข้าอาจจะตราหน้าว่าเธอเป็นหญิงสองใจ อาศิรพิษจึงก้มหน้าลงด้วยความละอายแก่ใจจะทำยังไงดีถ้าเกิดศึกแย่งชิงสาวงามเช่นเธอ หญิงสาวคงจะรู้สึกผิดเอามากๆ
“อ้าว...คนรู้จักของนายเหรอกิน ฉันก็คิดไปว่าเป็นพวกศัตรูทางธุรกิจ นั้นฉันก็ขอโทษนายด้วยละกัน จับมือฉันไว้แล้วลุกขึ้นมาสิ” เรียวยื่นมือพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มหวานบาดใจให้แทน
อาศิรพิษมองมือของกินไซและผู้ชายอีกคนสลับกันไปมา แล้วเอามือขึ้นปิดปากของตัวเองเพราะกลัวจะส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“ฝันที่เป็นจริง ชายสองคนกำลังแย่งชิงงูเขียว พระเจ้าช่วย...งูเขียวจะเลือกใครดี” อาศิรพิษพูดเป็นภาษาไทยแล้วหลับตาลงก่อนจะยื่นมือออกไปเหมือนต้องการให้สวรรค์เป็นคนตัดสินว่าควรจะเลือกใคร
ทันทีที่ฝ่ามือแตะกับมือของอีกฝ่ายอาศิรพิษก็โดนฉุดขึ้นจากพื้นแต่เพราะเธอกำลังหลับตาอยู่จึงตั้งหลักไม่ทันเซถลาไปชนกับอ้อมกอดของคนที่ฉุดขึ้นไป หญิงสาวเงยหน้าและลืมตาขึ้นทันทีเพื่อดูว่าใครเป็นคนช่วยตัวเองไว้ ทันทีที่พบสบตากับชายคนนั้นหัวใจของสาวน้อยเช่นเธอก็หวั่นไหวเพราะคนๆ นี้คือรักแรกของตัวเองนี่มันพรหมลิขิตแท้ๆ เชียว
“เฮ้ย...” กินไซตกใจกับท่าทีแสนประหลาดของอาศิรพิษจึงผลักออกจากอ้อมกอดทันที
“ว้าย...” อาศิรพิษร้องอย่างดีใจเพราะคิดอยากจะอุทานแบบนี้มานานแล้วในที่สุดฝันก็เป็นจริง จนลืมทรงตัวยืนด้วยตัวเองเลยเซไปปะทะกับแผ่นอกของเรียวอีกครั้งและเขาก็รับเธอเอาไว้ได้ทันท่วงที หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย เธอหยีตาให้เล็กลงแล้วยิ้มอย่างคนละเมอเมื่อเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา
“เฮ้ย....” เรียวเองก็ตกใจสีหน้าของอีกฝ่ายเช่นกันเลยผลักกลับไปหากินไซอีกรอบ
แต่ในคราวนี้กินไซกลับเบี่ยงตัวหนีจนอาศิรพิษไม่ทันได้ระวังทำให้ล้มลงไปกระแทกพื้นทั้งตัว
“โอ๊ย...จะไม่รับทำไม่ส่งสัญญาณกันก่อนเล่า ปล่อยลงมาแบบนี้ถ้าเกิดพิการจะทำยังไง” อาศิรพิษโอดครวญ
“เรื่องแค่นี้อย่าได้โอดครวญโวยวาย เจ็บตัวเพียงเล็กน้อยแต่ร้องเสียใหญ่โต ดูแล้วมันน่าโมโหนักแกคงจะเป็นผู้ชายใจหญิงจริงๆ สินะ” กินไซสังเกตอาการของอีกฝ่ายอย่างโมโห เดี๋ยวก็เข้มแข็งเก่งกาจเดี๋ยวก็อ่อนแอร้องวี้ดว้ายแถมยังชอบทำหน้าตาประหลาดหวานแหววเห็นแล้วน่าขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก
“ลุกขึ้น ไม่อย่างนั้นฉันจะกระทืบเสีย” กินไซประกาศกร้าวแล้วเดินหันหลังเข้าไปข้างในห้องทันทีอย่างไม่ใส่ใจ ส่วนเรียวก็ยิ้มเยาะแล้วเดินตามเข้าไปเช่นกัน
อาศิรพิษตื่นจากความฝันอันสวยงามว่ากำลังมีชายสองคนแย่งชิงรักใคร่ตัวเอง แล้วตระหนักได้ว่าเขาทั้งสองน่าจะรังเกียจมากกว่าจึงพยายามลุกขึ้นแล้วปัดกางเกงไล่ฝุ่นออกก่อนจะเดินเข้าไปอย่างเซ็งๆ แต่ทันทีที่เปิดประตูจู่ๆ ก็มีฝ่ามือลึกลับพุ่งใส่มาที่ใบหน้าของตน ด้วยปฏิกิริยาโต้ตอบที่ว่องไวจึงยกมือกันได้ทันท่วงที ก่อนจะฟาดขาใส่ชายนิรนามนั้นอย่างเต็มเปา คาดไม่ถึงว่าชายผู้นั้นจะจับขาของตัวเองเอาไว้ได้ เธอจึงแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วโดยการหมุนตัวเล็กน้อยแล้วใช้ขาอีกข้างที่ว่างอยู่ถีบยันชายที่จับขาตนเองอยู่จนสามารถหลุดเป็นอิสระได้
เพราะแก้เกมได้ทัน อาศิรพิษจึงสามารถทรงตัวยืนได้อย่างสง่างามแบบไม่บุบสลาย แต่คนที่โดนทำร้ายกลับนั่งทรุดลงกับพื้นอย่างหมดท่า แถมด้วยสีหน้าเจ็บแค้นเหลือกำลัง เสียงปรบมือดังขึ้นดังขึ้นจากกินไซ เธอจึงเงยหน้ามองอย่างงุนงง
“ดีมากๆ ไม่เสียแรงที่ฉันตัดสินใจเลือกนาย ว่ายังไงเรียว ทีนี้นายคงไม่มีปัญหาสินะถ้าฉันจะรับเฮบิเป็นมือขวา ใช่ไหม” กินไซยืนขึ้นแล้วมองไปที่เพื่อนสนิทที่ล้มอย่างไม่เป็นท่า เพราะฝีมือของมือขวาคนใหม่ของตน ก่อนจะยื่นมือออกไปให้เรียวจับเพื่อลุกขึ้น
“เหอะ แค่นี้มันยังพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก” เรียวซึเกะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง แต่ก็ยอมรับในความเก่งของอีกฝ่ายเพราะถ้ามีการโต้ตอบที่รวดเร็วได้ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ คนแบบนี้หาไม่ได้เยอะนัก ไม่น่าเชื่อรูปร่างสูงโปร่งไม่มีกล้ามเนื้อจะเป็นพวกที่เชี่ยวชาญการกันป้องกันตัวดีขนาดนี้ สร้างความเจ็บใจให้ตนเองไม่ใช่น้อย แต่ก็ยอมรับฝ่ามือของกินไซที่ยื่นมาจึงจับเอาไว้ด้วยความเต็มใจแล้วรวบรวมเรี่ยวแรงแล้วลุกขึ้น
“ฉันยังไม่ยอมรับนายหรอกนะ ฉันจะคอยจับตาดูนายตลอดเวลา แต่ก็ขอต้อนรับ ฉันชื่อ ทาคาอิ เรียวซึเกะ แต่เรียกฉันว่าท่านเรียวก็พอ”
“หา..ท่านเรียว” อาศิรพิษงุนงงอีกรอบ เมื่อสักครู่ก็โดนกินไซบอกให้เรียกว่า ‘บอส’ มาคราวนี้ก็เป็น ‘ท่านเรียว’ อีก ตกลงเธอเป็นลูกน้องหรือข้าทาสกันแน่ อยู่ที่เมืองไทยมีแต่คนหวาดกลัวไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยชื่อ ปกติมีคนนับหน้าถือตาให้เป็นลูกพี่ใหญ่ พอมาอยู่ที่นี่กลายเป็นเบ้ไปเสียอย่างนั้น
“อย่าวางท่านักเลย เรียว คนอย่างนายถ้าไม่ยอมรับแล้วล่ะก็มีเหรอจะได้ยินชื่อจริงนามสกลุจริงของแก จริงไหม” กินไซตบฝ่ามือลงที่ไหล่ของเพื่อนสนิทแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานตามเดิม
“อย่าสู่รู้หน่อยเลยกิน นายก็คงจะแพ้ให้กับเจ้านี่มาแล้วใช่ไหม ถึงได้ยอมรับมันง่ายดายขนาดนี้” เรียวซึเกะโวยวายเพราะอุตส่าห์วางท่าเป็นอย่างดีกลับโดนกินไซแฉเอาเสียได้ จึงอดไม่ได้ที่เหวี่ยงใส่เพื่อน
“ใช่ ตอนแรกฉันเข้าใจผิดว่าเจ้านี่เป็นกะเทยชั่วที่เคยทำร้ายจิตใจฉัน แต่พอลองสอบถามแล้วก็คิดว่าไม่น่าจะใช่คนเดียวกัน และฉันนับถือฝีมือของเขามาก” กินไซพูดอย่างจริงใจ แล้วก้มหน้าลงมองเอกสารตามเดิม
อาศิรพิษเดาไม่ออกว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน แต่ต้องเป็นอะไรสักอย่างที่เกี่ยวตนเองเป็นแน่แท้ แต่ทำไมสีหน้าของแต่ละคนถึงได้ดูเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง หรือว่าทั้งสองคนจะรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร ถ้าอย่างนั้นควรจะรีบเผ่นจากไปเสียก่อนที่จะฆ่าปางตาย เรื่องการต่อสู้ถ้าหนึ่งต่อหนึ่งยังไงก็สู้ไม่ถอยอยู่แล้ว แต่สองคนนี้ฝีมือไม่ใช่ย่อยๆ ขืนต้องสู้กับทั้งคู่มีหวังไม่ตายก็พิการ ทันทีที่เห็นเรียวซึเกะหันหลัง เธอก็ค่อยๆ ลดตัวลงจนแทบจะเหมือนว่ากำลังหมอบคลานบนพื้นก่อนจะค่อยๆ ไปที่ประตูแล้วเอื้อมมือไปจับลูกบิดทันที ทันใดนั้นเสียงของกินไซก็ดังขึ้น
“แกจะไปไหน เฮบิ” กินไซถามทั้งๆ ที่ไม่เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร
อาศิรพิษลุกขึ้นยืนนิ่งแล้วรีบโบกมือส่ายหน้าทันที
“เปล่าๆ ผมว่าจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อยเท่านั้นเอง นั้นผมขอตัวก่อนเลยนะ” อาศิรพิษนึกขึ้นได้จึงหาอุบายที่ง่ายที่สุดในการหลบหนี แต่ทว่า...
“ยังไม่ต้องไป รู้จักใช้คำว่าอดทนเสียบ้าง” กินไซวางปากกาและผลักเอกสารออกไปข้างๆ โต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องคนใหม่ “ฉันอยากรู้ประวัติของนายแบบคร่าวๆ แล้วเป็นไงมาไงถึงได้มาถึงญี่ปุ่น” เขาจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างอยากรู้
“ผม..คือ..ฉันมาเป็นเพื่อนพี่สาว พี่สาวฉันเขามาตามหาแฟนของเขาที่นี่” อาศิรพิษตัดใจพูดให้ตรงกันกับน้องชายเพื่อว่าจะโดนถามพร้อมๆ กันทั้งสองคน
“แล้วครอบครัวที่บ้านทำอะไร” กินไซถามต่อโดยไม่ละสายตาไปเลยแม้แต่น้อย
“เอ่อ ทำ...ทำไร่ไถนา อาชีพพื้นๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ”
“จะเป็นไปได้รึ ฝีมือระดับนี้จะบอกว่าแกฝึกมาจากท้องไร่ท้องนา ใครเชื่อก็บ้าแล้ว แกเป็นใครกันแน่พูดมา” กินไซเริ่มตวาดเสียงดัง
“ฉัน...แค่เคยเรียนต่อสู้และวิชาป้องกันตัวจากอาจารย์เท่านั้น ไม่เห็นจะต้องเป็นใคร” อาศิรพิษพยายามแก้ตัว ในใจก็ลุ้นว่าจะโดนจับได้หรือไม่
“มีชื่ออาจารย์ที่สอนแกมาไหม” กินไซยังซักไม่เลิก
อาศิรพิษคิดไม่ออก แต่ถ้าจะให้ตอบชื่อบิดาและน้าสาวออกไปแล้วถ้าเกิดกินไซจำได้ขึ้นมามีหวังตายแน่ จึงรีบพูดชื่อที่คิดได้เป็นชื่อแรกในสมอง
“จา พนม”
“หา...จา พนม” กินไซและเรียวซึเกะร้องออกมาอย่างตกใจ
อาศิรพิษหน้าเหวอเพราะคิดว่าตัวเองคงตัดสินใจผิดพลาดไปแล้ว ชื่อคนมีเป็นร้อยเป็นพันดันพูดชื่อนักแสดงชื่อดังด้านการต่อสู้ออกไปได้ ต่อให้โง่แค่ไหนก็ไม่มีทางเชื่อเรื่องบ้าๆ แบบนี้ง่ายๆ หรอก
“นายมีอาจารย์เป็นนักแสดงชื่อดังเชียวเหรอ มิน่าล่ะนายถึงได้เก่งขนาดนี้” กินไซพูดอย่างชื่นชมแล้วยิ้มให้ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปหาอาศิรพิษที่ยืนทำหน้างงๆ
“โอเค วันนี้ฉันจะพานายไปเที่ยวก่อนการฝึกที่หฤโหดของฉันในวันพรุ่งนี้ ถือเสียว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับจากฉันก็แล้วกันไม่ต้องเกรงใจ” กินไซเดินนำออกไปแต่ไม่วายหันหลังกลับมามองที่เพื่อนสนิทแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เรียว แกไม่ไปรึไง” กินไซถามเมื่อเห็นเรียวซึเกะยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว
“ฉันไปเพราะแกหรอกนะ กิน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น” เรียวซึเกะรีบพูดเป็นภาษาอังกฤษแล้วหันไปทำหน้ายักษ์ใส่อาศิรพิษ ก่อนจะเดินตามหลังกินไซออกไปแต่ก็ไม่วายจะเบี่ยงตัวกระแทกใส่อีกฝ่ายที่ยืนทำหน้างงๆ
อาศิรพิษมองตามแผ่นหลังของชายสองคนไปอย่างงุนงง ผู้ชายต่างประเทศนี่ประหลาดแท้ ตอนแรกก็ถามเอาเป็นเอาตายแต่พอตอบโกหกก็ดันเชื่อเอาง่ายๆ หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจแล้วตัดสินใจตามทั้งสองคนไปในที่สุด เธอตามออกมาถึงหน้าร้านรถหรูคันเดิมก็จอดรออยู่ จึงรีบเร่งเปิดประตูทันทีเพราะกลัวจะโดนดุว่าทำให้เสียเวลา
แต่พอประตูรถเปิดออกที่นั่งด้านหน้าก็ถูกจับจองโดยเรียวซึเกะเสียแล้ว อาศิรพิษจึงจำต้องเปลี่ยนไปนั่งเบาะหลังอย่างเสียไม่ได้ ทันทีที่เธอขึ้นไปนั่งเรียบร้อยรถก็ออกตัวอย่างรวดเร็ว รถยนต์วิ่งมาไม่นานก็จอดสนิทที่หน้าคลับแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากคลับเมื่อสักครู่แต่แตกต่างแค่ตรงสถานบันเทิงแถบนี้จะเป็นโฮสเตสทั้งหมด พูดง่ายๆ ก็คือสถานบันเทิงยามค่ำคืนของผู้ชายนั่นเอง
“เฮ้ย..อย่าบอกนะว่าจะพามาเที่ยวผู้หญิง ไม่นะโว้ย” อาศิรพิษร้องโหยหวนออกมาเป็นภาษาไทย
“เป็นอะไร ดีใจนาดนั้นเชียว” กินไซถามเป็นภาษาอังกฤษเพราะฟังคำพูดของอาศิรพิษสักครู่ไม่ออก
“อาจจะเป็นพวกไก่อ่อนที่ไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงมากกว่า” เรียวซึเกะถือโอกาสเหยียดหยาม
อาศิรพิษหันขวับเพราะได้ยินอย่างชัดเจน ว่าเรียวซึเกะว่าตนจึงแยกเขี้ยวใส่แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มทันที ก่อนจะหลอกด่าอีกฝ่ายเป็นภาษาไทย
“โธ่..ไอ้ยุ่น ถ้างูเขียวเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อนก็ฟ้าผ่านะสิ โง่แล้วยังอวดฉลาดอีก ไอ้บัพโฟโล่” อาศิรพิษยิ้มแย้มเหมือนกับพูดขอบคุณในความหวังดีที่เรียวซึเกะมีให้
“ถึงฉันจะฟังภาษาไทยไม่ออกแต่ฉันรู้นะว่านายกำลังด่าฉันอยู่” เรียวซึเกะรีบตอกกลับทันที ไม่ใช่ว่าฟังออกแต่สัมผัสได้จากความรู้สึกว่ากำลังโดนอีกฝ่ายหลอกด่าด้วยการตีสีหน้ายิ้มแย้ม
“เข้าไปข้างในเถอะ” กินไซตัดบทแล้วเดินนำเข้าไปในคลับโฮสเตสชื่อดังของย่านนี้
คราวนี้อาศิรพิษชิงเดินเข้าก่อนและไม่ลืมที่จะกระแทกไหล่ใส่ลำตัวของอีกฝ่าย ก่อนจะหันมายิ้มเยาะอย่างสะใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะตามมาหาเรื่องจึงรีบวิ่งเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศด้านในไม่ได้แตกต่างกับคลับของกินไซเมื่อสักครู่มากนัก ยกเว้นก็แต่ที่นี่ไม่มีพนักงานต้อนรับเป็นผู้ชาย ทางด้านทั้งสองด้านจึงเต็มไปด้วยหญิงสาวหน้าตาดีหลายคนยืนเรียงรายคอยโค้งคำนับอย่างสุภาพพร้อมทั้งรอยยิ้มที่หวานบาดใจชาย อาศริพิษทึ่งในความสวยของสาวๆ เหล่านั้น ไม่ว่าจะทรวดทรงองค์เอวหรือจะหน้าอกหน้าใจล้วนแล้วแต่เจริญใจสำหรับชายหนุ่มทั้งสิ้น ขนาดตัวเธอเองยังอดไม่ได้ที่จะคิดอิจฉา เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงก้มลงมองสภาพของตัวเองซึ่งก็ทำให้ปลงตก เมื่อตนเองสวมใส่เพียงเสื้อเชิ้ตลายตารางสีเข้มด้านในก็ใส่เสื้อกล้ามสีขาวเอาไว้อีกที ส่วนเรื่องเสื้อชั้นในไม่ต้องพูดถึงเพราะหญิงสาวไม่ชอบใส่ เนื่องจากมันไม่มีขนาดที่ต้องการจึงทำได้แต่พันผ้าเอาไว้รอบตัว นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่มันไม่เคยเพิ่มขนาดไปมากกว่าเดิมเลยแม้แต่น้อย
“ยินดีต้อนรับ เชิญค่ะ” เสียงหญิงวัยกลางคนแต่ยังเต็มไปด้วยความงามและเสน่ห์แพรวพราวเอ่ยต้อนรับ
และทันทีที่กินไซยกมือเป็นเชิงรับรู้ผู้หญิงอีกมากมายก็ส่งเสียงทักทายและวิ่งเข้ามาหาเขาและเรียวซึเกะกันใหญ่ ก่อนจะมีคนนำไปห้องรับรองแขกวีไอพีทันที อาศิรพิษเดินตามเข้าไปอย่างมึนงง แล้วก็นั่งลงบนโชฟาข้างๆ โฮสเตสหญิงแสนสวยอีกสองคนที่คอยขนาบข้างกินไซ
“มาดามมิโกะช่วยหาผู้หญิงน่ารักๆ มาให้สักคนสองคนสิครับ จะได้ลดความตื่นเต้นของเจ้าเฮบิที่นั่งเป็นเจ้าเข้าตรงนั้นเสียหน่อย” กินไซเอ่ยแซวเมื่อเห็นอาการตื่นตะลึงของมือขวาคนใหม่ของตน
“ฉันไม่ได้ตื่นเต้นสักหน่อย แค่ไม่เคยมาเที่ยวแบบนี้เฉยๆ” อาศิรพิษเผลอหลุดปากออกไป แต่ก็กลับตัวได้ทัน “ฉันหมายถึงที่เมืองไทยไม่ค่อยมีคลับแบบนี้”
“อ๋อ เช่นนั้นเหรอ นั้นวันนี้ก็เต็มที่เลยแล้วกัน ฉันอนุญาต หวังว่านายจะคอแข็งพอนะ” กินไซถามอย่างคาดหวังเป็นผู้ชายไม่สมควรคออ่อน ประเภทที่ดื่มไปไม่กี่แก้วแล้วหน้าแดงอ้วกแตกอ้วกแตนนั้นเขาเกลียดนักเชียว
“คอแข็ง ตายละสิ งูเขียวได้รับพันธุกรรมเรื่องนี้มาจากแม่บุษโดยตรงเลย ขืนกินเข้าไปมีหวังกลายร่างแน่นอน เอายังไงดีเล่าทีนี้” อาศิรพิษบ่นพึมพำเป็นภาษาไทย แล้วก็ค่อยๆ คิดแผนการดีๆ ขึ้นได้จึงพูดขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ว่า
“คอแข็ง นายคิดว่ากำลังถามใครอยู่ ระดับฉันเขาเรียกว่า เทพเจ้าแห่งสุราเชียวนะ ว่าแต่พวกนายเถอะจะดื่มได้สักเท่าไหร่ แก้วสองแก้วก็ถือว่าเก่งล่ะนะ”
“โฮะ ไอ้เจ้านี่มันขี้คุยใช่เล่น นั้นมาลองดูกันสักตั้ง” กินไซรับคำท้าแล้วรีบสั่งเหล้าชั้นดีมาหลายขวด
“เฮอะ ขี้คุย” เรียวซึเกะบ่นงุบงิบแล้วรีบยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดภายในครั้งเดียวจนสาวๆ พากันปรบมือให้ยกใหญ่ ส่วนกินไซก็ไม่ยอมน้อยหน้ารีบยกแก้วของตัวเองดื่มจนหมดภายในครั้งเดียวเช่นกัน
อาศิรพิษถือโอกาสเลื่อนแก้วของตัวเองที่พยายามใส่เหล้าเพิ่มเข้าอีกเข้าไปวางตรงหน้าแล้วเอ่ยชื่นชมทั้งสองคนทันที
“พวกนายก็คอแข็งเหมือนกันนี่นา ดูเหมือนฉันคงจะต้องเจอกับศัตรูที่ร้ายกาจถึงสองคนเป็นแน่แท้” ปากก็ยกยอปอปั้นแต่มือกลับหยิบแก้วที่เป็นโค้กขึ้นดื่มแทน ซึ่งเป็นแก้วที่แอบเปลี่ยนกับโฮสเตสที่นั่งข้างๆ ซึ่งตามปกติแล้วโอสเตสจะชงเหล้าแบบบางเพื่อจะได้ไม่เมามากเวลาต้อนรับแขก หรือไม่ก็สั่งเป็นโค้กมาตบตาลูกค้า และไม่ลืมที่จะผสมเหล้าให้ลูกค้าแบบเข้มๆ เพื่อจะได้ทำให้แขกสั่งเหล้าเพิ่มได้โดยง่าย โชคดีที่เธอมองไปเห็นสาวน้อยที่ดูท่าทางเหมือนจะเป็นผู้ช่วยมือใหม่จึงจัดแจงเปลี่ยนแก้วได้อย่างสบายใจโดยที่ทุกคนไม่รู้เพราะมัวแต่สนใจสาวๆ ข้างกาย
หลังจากนั้นกลยุทธ์อีกหลายหลากก็ถูกนำมาใช้เพื่อหลีกหนีการดื่มเหล้า เพราะอาศิรพิษรู้ตัวเองดีทันทีที่เหล้าเข้าปากไม่ว่ายังไงก็ต้องคืนร่างเป็น ‘ลำยอง’ เหมือนมารดาเป็นแน่แท้ ตอนแรกหญิงสาวยังไม่เข้าใจเท่าไรนักว่ามันประหลาดอย่างไร แต่มีครั้งหนึ่งในวัยเด็กเคยได้เห็นวีรกรรมของมารดาที่ยอมดื่มเหล้าประชดบิดาจนกลายร่างเป็นสาวขี้เมาโดยแท้
ภาพมารดากระโดดขี่คอบิดาแล้วระดมตบศีรษะของบิดาอย่างเอาเป็นเอาตายยังอยู่ในความทรงจำ ปกติแล้วมารดาค่อนข้างเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยคำพูดคำจาน่าฟัง จะเถียงใครให้เห็นสักครั้งยังไม่มี แต่ในวันนั้นเห็นแต่สภาพบ้านราวกับเพิ่งผ่านสงครามมาหยกๆ เสียงเอะอะโวยวายของมารดาที่พร่ำบ่นบิดาที่ทำเรื่องให้ไม่พอใจ กว่าจะสงบลงได้ก็เล่นเอาบ้านแทบพัง บิดาก็แอบมีเลือดตกยางออก เธอจึงคิดได้ตั้งแต่นั้นมาว่าไม่สมควรให้มารดาดื่มเหล้า
แต่เรื่องมันยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านั้นเพราะเมื่อเติบโตขึ้น ด้วยความห่ามผิดมนุษย์มนาของอาศิรพิษก็เผลอไปดื่มเหล้าเข้าจนได้ และไม่น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่ทุกคนต่างหลีกไกลจนหมดหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น แถมเจ้าน้องชายตัวแสบยังแอบอัดวีดีโอเอาไว้ประจานอีกด้วย หลังจากนั้นมาหญิงสาวก็สาบานไว้ว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ตามเธอจะไม่ยอมดื่มเป็นเด็ดขาด
ยังไงวันนี้ก็ต้องหาทางเอาตัวรอดให้ตลอดรอดฝั่ง อาศิรพิษจึงแอบเอาทิ้งบ้างแอบเปลี่ยนแก้วบ้าง แล้วแสร้งทำเป็นสนใจผู้หญิงที่นั่งข้างๆ หลังจากผ่านมาได้สักพักกินไซและเรียวซึเกะก็เริ่มเมา ใบหน้าเริ่มแดงซ่าน และกำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับสาวๆ ที่ออเซาะอยู่ข้างกาย
อาศิรพิษเผลอมองใบหน้าของกินไซ และแอบจ้องเขาอย่างลืมตัว หัวใจเต้นระรัวอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวรู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านชะงักหยุดลงไม่เคลื่อนไหว ไม่ได้ยินเสียงของผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ภาพตรงหน้ามีเพียงรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นของผู้ชายที่เป็นรักแรก เธอกลัวเหลือเกินว่าเสียงหัวใจที่เต้นรุนแรงของตนจะทำให้ทุกคนรู้ จึงได้แต่เลื่อนมือขึ้นมาจับที่หน้าอกข้างซ้ายเอาไว้และกดน้ำหนักลงให้แน่นขึ้นอีกเพื่อบังคับไม่ให้มันส่งเสียงดัง แต่ดูเหมือนจะไร้เหตุผลเมื่อมันไม่ยอมเต้นให้น้อยลงเลย
และในทันใดนั้นเองกินไซก็เหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังโดนสายตาของอาศิรพิษจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงเงยหน้าขึ้นแล้วแล้วส่งสายตาเหมือนเป็นคำถามว่า ‘มองอะไร’ แต่หญิงสาวกลับรู้สึกหวั่นไหวอีกครั้งเมื่อสายตาที่มองเห็นนั้นหวานเชื่อมเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่เธอกลับคิดว่าเขากำลังส่งสายตาหวานซึ้งให้ตัวเอง ทำเอาหัวใจที่เต้นแรงมากพอดูแล้วก็เต้นตูมตามขึ้นอีกจนแทบจะโดดออกมาตีลังกาข้างนอก เสียงข้างในใจของหญิงสาวอยากจะกรีดร้องออกมาแต่ก็ไม่สามารถทำได้ดั่งใจ ได้แต่สูดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ เพื่อเรียกสติ
“ใจเย็นไว้ก่อนสิ งูเขียวจู่ๆ จะมาหน้าแดงเขินหรือใจเต้นกับอีแค่ผู้ชายมองมามันไม่ใช่นะ” อาศิรพิษเอ่ยเช่นนั้นเหมือนเป็นปลอบใจตัวเองแต่ก็ไม่กล้าสู้หน้าต่อจึงได้แต่ก้มลงมองไม้มองมือตัวเอง แต่พอนึกได้ว่าไม่ควรทำให้เรื่องราวมันประหลาด แค่ผู้ชายจ้องหน้าทำไมต้องหลบสายตาด้วย เธอจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อสู้สายตาคู่นั้นอีกครั้ง
แต่อาศิรพิษคาดเดาความเข้มแข็งของตัวเองผิดพลาด เพราะทันทีที่เธอประสานสายตากับอีกฝ่ายที่ยังจ้องมา หญิงสาวก็ผงะทันที เลือดลมสูบฉีดและทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไหลออกมาจากโพรงจมูกตัวเอง ก็เลยเอามือขึ้นปาดที่ปลายจมูกของตัวเองถึงได้รู้ว่าตนเองกำลังเลือดกำเดาไหล จึงร้องออกมาอย่างตกใจ
“เฮ้ย...”
“อะไรกัน เจ้าเฮบิ ดื่มไปไม่เท่าไหร่แค่นี้ถึงขนาดเลือดกำเดาไหลเชียวรึ ไหนคุยนักคุยหนาว่าคอแข็งขั้นเทพไง แต่ว่าแกก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ ยังไม่เห็นมีอาการมึนเลยมีแต่หน้าแดงเล็กน้อยเอง พวกฉันสิเหมือนจะมึนจนจะยืนไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆๆๆ” กินไซพูดเยอะมากกว่าปกติเพราะเมาได้ที่ แต่ก็ยังมีสติอยู่บ้างจึงพูดแซวเมื่อเห็นเจ้าลูกน้องมือขวาเลือดกำเดาไหล
“เฮอะ ไอ้ขี้คุย โธ่...คิดว่าจะแน่” เรียวซึเกะก็ไม่วายค่อนขอด
อาศิรพิษหน้าเสียเมื่อโดนล้อจึงพยายามหากระดาษมาซับเลือดออก แต่มือไม่ไวเท่ากินไซที่หยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาแล้วยื่นมือมาเช็ดให้เสียก่อน หญิงสาวชะงักสีหน้าตื่นตะลึงเพราะตกใจ แถมปลายนิ้วของอีกฝ่ายก็ริมฝีปากของตนเองพอดิบพอดี ทีนี้ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มความแดงระเรื่อไปทั่วใบหน้าและลำคอ ชายหนุ่มชักมือกลับทันทีเมื่อเห็นเพราะตกใจ
“เหอะๆๆๆ ไม่มีอะไรนี่ ก็แค่บังเอิญจ้องหน้าอกของสาวสวยตรงหน้ามากเกินไปหน่อย” อาศิรพิษรีบแก้ตัวแล้วทำเป็นหยิบแก้วขึ้นมาดื่มอีกครั้ง แต่ตนเองก็ลืมไปว่าแก้วใบนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนกับใครเลย จึงกลายเป็นว่าตัวเองดื่มเหล้าเข้าไปโดยตรง ทันทีที่ปลายลิ้นสัมผัสรับรสชาติของแอลกอฮอล์ได้ก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองพลาดเสียแล้ว แต่จะให้บ้วนออกก็ต้องโดนจับได้เป็นแน่แท้ จำต้องกลืนลงกระเพาะไปอย่างทุกข์ทน
สารแอลกอฮอล์ค่อยๆ ไหลตามลำคอและลงกระเพาะไป เพราะความแรงของเหล้าที่ผสมแบบเข้มสุดๆ จึงทำให้เกิดอาการแสบท้องทันที อาศิรพิษเบ้หน้าแต่ก็พยายามกดเสียงร้องตัวเองเอาไว้ แต่เพียงไม่นานเนื้อตัวของเธอก็เริ่มแดงดั่งเช่นใบหน้า ตามลำตัวเหมือนมีผดขึ้นหัวใจเต้นแรงผิดปกติเพราะฤทธิ์ของน้ำเมา และหญิงสาวก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เหมือนเช่นเคย
“เฮ้อ....... งาย...หวัดดีทุกโคน...” อาศิรพิษเริ่มพูดภาษาลำยองออกมา
“อ้าว แกเมาเสียแล้วเหรอเจ้าเฮบิ” กินไซมึนงง เพราะเมื่อคู่ยังเห็นนิ่งเงียบดีๆ แต่พอเลือดกำเดาไหลจู่ๆ ก็พูดจาไม่รู้เรื่อง
“เห็นไหมๆ มันขี้คุยชัดๆ ทำเป็นกร่างว่าขั้นเทพ ที่แท้แค่ขั้นธรรมดามันไม่ไหวเลย” เรียวซึเกะไม่วายจะเหน็บแนม แม้ว่าตัวเองก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว
“เออๆ แค่นี้ก็ถือว่ามันคอแข็งใช้ได้แล้ว ถ้าเมาก็พามันกลับดีกว่า วันนี้ฉันก็เริ่มไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” กินไซชวนกลับ แต่อีกฝ่ายกลับโวยวายขึ้นมาว่า
“ม่ายกลับ และฉันก็ไม่มาว เข้าใจมะ” อาศิรพิษร้องขึ้นแล้วยกแก้วขึ้นดื่มอีก
“ทำไมแกไม่พูดเป็นภาษาอังกฤษเล่า พวกฉันจะได้เข้าใจได้” กินไซไม่เข้าที่อาศิรพิษพูดเลยสักนิด แต่มันคงจะแปลว่ายังไม่กลับอะไรประมาณนี้
“ภาษาอังกฤษ...พูดม่ายเป็น ภาษาไทยได้มะ ฉัน..ร๊าก..เธอ เหอๆ นี่นาย” อาศิรพิษยิ้มหวานเชื่อมแล้วชี้นิ้วไปที่กินไซ “เออ นายนั่นแหละ งูเขียวเป็นผู้หญิงนะ ไม่ใช่ผู้ฉิงแบบไอ้กระดิ่ง แล้วทำไมไม่มีคนรู้หรือสนใจเลย แถมวันนี้ยังนี้ยังโดนผู้ชายจับหน้าแกตั้งสองคน เหอะๆๆๆ” หญิงสาวหยุดพูดแล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นร้องไห้ทันที “ฮือๆๆๆ ทีนี้ชาตินี้งูเขียวก็คงหาผัวไม่ได้แล้ว เพราะควายเผือกทั้งสองตัวมันไม่รู้เลยว่าที่มันจับอยู่มันคือ ‘นม’ มันไม่ใช่กล้ามเนื้อท้อง และมันก็ไม่ใช่เนื้องอกด้วย เข้าใจไหม”
“มันพูดอะไรของมันวะ” เรียวซึเกะนึกงง
“เออ แล้วใครจะฟังมันออกล่ะทีนี้ พอเมาแล้วดันพูดภาษาบ้านเกิด แล้วใครจะไปรู้ว่ามันจะสื่ออะไร เจ้านี่เวลาเมาแล้ววุ่นวายดีแท้” กินไซส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นก่อนจะสั่งเก็บเงินเพื่อกลับทันที
อศิรพิษลุกขึ้นตามทันที แต่ทันทีเมื่ออีกฝ่ายหันหลังให้เธอก็กระโดดขี่หลังของกินไซทันที ก่อนจะร้องเพลงออกมาเพราะความเมามาย
“พรหม..ลิขิตบันดาลชักพา....ดลให้มาพบกาน...ทันใด เอิ๊กๆๆๆ ต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ ทันทีที่งูเขียวมาถึงก็เจอรักแรกแบบไม่ยากไม่เย็น กินไซ ฉันต้องได้นายเป็นสามีแน่ๆ คอยดูสิ” อาศิรพิษตบศีรษะของกินไซหนึ่งทีเสียงค่อนข้างดังจนทุกคนในห้องหันมามองอย่างตกตะลึง แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้พูดอะไรนั้น หญิงสาวก็ดันอ้วกใส่แผ่นหลังของกินไซ แล้วสลบไปทันที
“เฮ้ย....” กินไซร้องโวยวายออกมา กลิ่นอ้วกเหม็นจนทำให้หายเมาได้โดยง่าย






นีรนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2555, 16:09:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 เม.ย. 2555, 16:09:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1411





<< บุพเพอาละวาด(100%)   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account