กลิ่นรัก...อบอวลหัวใจ
หญิงสาวผู้มาดมั่นเลือกการงานมากว่าเรื่องรักใคร่ๆหรือต้องมาข้องแวะเกี่ยวหัวใจให้ชายคนไหน
กับชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ไม่เคยคิดจะจริงจังพันใจกับผู้หญิงใดๆ ทั้งคู่จะมาบรรจบรักกันได้เช่นไร
โปรดคอยติดตามนะคะ

แนะนำตัวละคร

พระเอก
นายธารานนท์ เตชโชติ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ รวมทั้งเจ้าของโรงแรมรีสอร์ทในเครือมากมายล้นฟ้า แต่ไร้คู่ครองเคียงข้าง เมื่อไม่เคยเจอผู้หญิงที่จะทำให้อิ่มเอมทั้งชีวิตโดยไม่รู้สึกเบื่อ หญิงสาวคู่ครองสักคนของเขาคงจะไม่มีในโลกนี้ แต่เมื่อได้มาทำงานในต่างจังหวัดและพื้นที่อำเภอท้องถิ่นเล็กๆ แห่งหนึ่ง โดย ได้พบกับส.ส. นรินศาสาวมั่นแสนสวย แต่ไม่ไร้สมอง ทั้งเก่งเอาตัวรอดโดยไม่ต้องขอความช่วยจาก ใครๆก็ได้ ทำให้ชายหนุ่มเพลินเพลิดไปกับเธอ ไม่ว่าเธอจะมาพบเจอเขาด้วยอย่างความบังเอิญหรือในสถานที่ไม่คาดถึงก็ตามทุกครั้ง แต่หัวใจของเขากลับอบอุ่นร้อนทั้งโหยหา มีแต่ความคิดถึงให้เธอทั้งกลางวันและกลางคืนที่นอนหลับฝัน รวมทั้งยังเข้าไปเจออุปสรรคด้านการเมืองการทำของเธอ ซึ่งชายหนุ่มนั้น ทั้งแสนชิงชังอาชีพการเมืองของพ่อผู้ให้กำเนิดนัก

นิสัย : การพูดทั้งจริงจังอย่างมาก ทั้งพูดเล่นกับคนที่ถูกชะตา เจ้าชู้ไม่เคยจริงใจกับผู้หญิงคนไหนๆเลย แต่จริงๆแล้ว ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นฝ่ายชอบวิ่งเข้าหา เขาจึงต้องตอบรับบรรดาผู้หญิงเหล่านั้น ในใจลึกๆ เขากำลังต้องการผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูก ไม่ใช่ชอบเขาเพียงแค่เงินตราอันมหาศาลของเขา ด้านการทำงานไม่มีที่ติและเขาต้องทำให้จนสำเร็จ แม้ว่า ฝ่ายตรงข้ามจะต้องล้มละลายเขาก็ไม่สนใจ

นางเอก
นางสาว นรินศา อัณณ์ศญา หญิงสาวผู้มีใจรักในบ้านเกิดของตนเองยิ่งชีวิต อยากให้บ้านเกิดของตนเองมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตามแบบประเพณีวิถีชีวิตดั่งเดิมในรัชสมัยๆที่ผ่านๆมา จึง ขอก้าวเข้ามาเป็นตัวแทนของราษฎร และประชาชน เพื่อนำความสุขมาสู่บ้านเกิดของตนเอง แต่อุปสรรค์มากมายทั้งภายในไม่ลงรอยกับนักการเมืองในพรรค ทั้งภายนอกด้านการมีเส้นสายที่คอยจะคดโกงกินแผ่นดิน กว่าจะเปลี่ยนความคิดให้รู้จัก คำว่า “สามัคคี” อีกครั้ง มันคงทำให้เธอใช้ความรู้และสามารถ ทั้งหัวใจยิ่งชีวิต บนเส้นทางวิถีดำเนินชีวิตปัจจุบันที่มีเล่ห์เหลี่ยมชักจูงหวาดล้อมมากมาย รวมทั้งบนเส้นทางแห่งความรักที่ก่อเกิดโดยไม่รู้ตัว เพราะความอวดดีอวดเก่งของชายหนุ่มเจ้าของรีสร์อทคนใหม่ ที่มีหัวใจแบบคนโกง เจ้าชู้ จนครบทุกรูปแบบเป็นผู้ชายที่หญิงสาวแสนเกลียดนัก และจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายพันธุ์นี้เด็ดขาด

นิสัย : สาวมั่น ผู้มีอุดมการณ์ของตนเองสูง การพูดจาจะนิ่งหนักแน่น จะอ่อนหวานเฉพาะคนเป็นพ่อกับแม่และเพื่อนสาวคนสนิทเท่านั้น

แล้วกลิ่นรักที่คุกรุ่นหมองหม่น ในใจของชายหนุ่มธารานนท์กับท่ามกลางธรรมชาติท้องทุ่งนาแสนอันจะใกล้กลับคืนมาให้สมบรูณ์อีกครั้ง...ด้วยหัวใจอันรักยิ่งแห่งบ้านเกิดของหญิงสาวนรินศานี้จะจบลงได้เช่น ไร ในเวลาไม่ช้านี้ ตะวันที่รอทอแสงรุ่งอรุณให้สดใสกำลังจะพิสูจน์ความรักของทั้งคู่...
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานแหวว,หวานน่ารัก,แนวรักสบายๆ

ตอน: บทที่ 2 เรื่องร้องทุกข์จนป่วนหัวใจ

บทที่ 2 เรื่องร้องทุกข์จนป่วนหัวใจ

เสียงโทรศัพท์สำนักงานกรีดร้องดังไม่ขาดสายตั้งแต่ก้าวแรกของท่าน ส.ส.นรินศาเข้ามายังออฟฟิคสำนักงาน เลขาสองหนุ่มสาวที่รับเข้ามาร่วมงานด้วยถึงกับเอ่ยสนทนาในสายจนลิ้นพันกัน ไม่หยุด มือข้างหนึ่งก็กุมขมับอย่างน่าปวดหัว พอเห็นร่างเจ้านายสาวเดินเข้ามาแค่นั้น สีหน้าของทั้งคู่ถึงได้ดีขึ้นมานิดหน่อย

“ท่าน...นรินคะ งานเข้าแต่เช้าเลยค่ะ” เลขาสาวชไมพรทักทายขึ้นก่อน เมื่อเห็นนรินศาเดิตรงมาหา

“มีเรื่องอะไรกันหรือคะ ทำไมดูวุ่นวายนัก” นรินศาเอ่ยถามกลับด้วยความสงสัยเช่นกัน เมื่อลอบมองสีหน้าของเลขาหนุ่มสาวทั้งคู่ดูแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่มิใช่น้อย อาณัติเลขาหนุ่มจึงเปิดประเด็นเรื่องวุ่นวายทันที

“ครับท่านนริน ยังจำเรื่องคดีที่ดินของชาวบ้านเอาไปจำนองและถูกขายเปลี่ยนเป็นนายทุนทั้งๆที่ชาวบ้านแทบไม่รู้อันใดเลยได้ไหม” นรินศาพยักหน้ารับเธอก็พอจะรู้คดีเรื่องทำนองนี้อยู่บ้าง เพราะช่วงห้าหกปีมานี้ที่ดินที่เคยปลูกสวนผักผลไม้บ้างปีก็ขายแทบไม่ค่อยได้ ราคานัก จึงถูกเปลี่ยนหันมาปลูกกิจการไร่สวนยางพารามากขึ้นเรื่อยๆ เดือนหนึ่งขายแผ่นยางพาราได้เป็นที่ละแสนสองแสนต่อเดือนแค่มีเพียงผืนที่ดิน สิบไร่ก็สามารถได้เงินจากการขายยางพารามาใช้คล้ำจุนครอบครัวอย่างล้นหลา จึงมีนักลงทุน นายทุนจากภาคใต้แห่งพากันมาซื้อที่ดินในแทบภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนกัน อย่างกระพือพุ่งพรวด ในเวลาสามปีที่ผ่านมา พวกนายหน้าเก่งๆที่ติดต่อสืบเสาะหาที่ดินให้นายทุนทั้งหลายแหล หวังผลกำไรก็มีอยู่เยอะ ความรู้เรื่องการปลูกยางพาราในแทบดินแดนอีสานยังกระจ่ายอยู่น้อยนัก ชาวบ้านแม้จะรู้ว่าการปลูกยางกว่าจะได้กรีดอาจจะเลี้ยงถึงห้าปีเจ็ดปี แต่ต้นยางพาราบางพันธุ์สามปีก็กรีดได้แล้วก็มี การลงทุนค่อยข้างใช้งบประมาณแพงและเยอะพอสมควร ชาวบ้านจึงสู้ไหวบ้างไม่ไหวบ้าง อยู่ๆวันหนึ่งก็มีข่าวของพวกนายหน้าบอกว่าให้เอาที่ดินไปจำนองกับธนาคารบ้าง กับกับเงินกู้นอกระบบที่มีในจังหวัดบ้าง มาสำลองเป็นเงินทุนในการเลี้ยงปลูกบำรุงใส่ปุ๋ยยางพาราไปก่อน พอเริ่มกรีดได้เงินจากการขายยางพาราที่ราคาทุกเป็นกิโลละหลายร้อยบาท ทั้งยังขายได้แม้กระทั้งขี้ยางก็เป็นราคามีค่าหมด จึงเพียงพอที่จะสามารถไถ่ถอนที่ดินที่นำไปจำนองไว้คืนได้หมดแถมยังเหลือเงิน มาใช้ปนเจือครอบครัวอีกด้วย แต่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของพวกนายหน้าก็กล่อมหลอกให้ชาวบ้านจนสำเร็จ จึง มีเรื่องการขายขาดโฉนดที่ดินของชาวบ้านเกิดขึ้น และก็ถูกเปลี่ยนมาซื้อขายให้เป็นของพวกนายทุนไปดื้อๆ เสียแม้กระทั่งยางที่ปลูกหลายปีไปด้วย

“มีคนบอกว่า ท่านนริน สามารถช่วยไก่เกลี่ยกับพวกนายทุนได้ ชาวบ้านที่เดือดร้อนจึงพากันแห่มาร้องทุกข์กับท่านนะครับ” เมื่อเลขาหนุ่มคนเก่งเอ่ยบอกเหตุโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุดของเช้าวันนี้ ส.ส.สาวหน้าใหม่ก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับเบาๆ แต่เลขาหนุ่มยังมีสีหน้าเครียดๆจัดเข้าไปอีกก่อนจะเอ่ยถามเจ้านายสาวอย่าง ตรงๆ

“ท่านจะรับไว้และจะทำไหวไหมครับ”

“รับสิคงไม่กี่คนหรอกนะ” นรินศาตอบด้วยความมั่นใจในฝีมือของตนเอง

“ครับไม่กี่คนที่ท่านว่า คือ ทั้งหมู่บ้านเลยนะครับ” ในที่สุดเลขาหนุ่มคนเก่งก็เอ่ยเรื่องวุ่นวายตอนเช้านี้ให้เจ้านายสาวรับรู้จนหมด

“อะไรนะ ทั้งหมู่บ้าน!” นรินศากลืนน้ำลายลงลำคออย่างหืดแห้ง งานนี้ถ้าเธอไม่รับเรื่องร้องทุกข์ ชาวบ้านที่นับถือไวใจในตัวเธอลงจะลดถกถอยหลังออกห่างต่อคะแนนเสียงสมัยหน้า ไปแน่ๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอจะไหวไม่น้า...กับความรับผิดชอบของคนทั่วหมู่บ้าน

“จะทำไหวไหมครับ...ท่าน” อาณัติเลขาหนุ่มเอ่ยถามความประสงค์อีกครั้ง

“ตกลงค่ะ รินจะทำให้ดีที่สุด เพื่อชาวบ้านของพวกเรา” นรินศาตอบกับเลขาหนุ่มสาวทั้งสองด้วย รอยยิ้มมั่นใจเพียงเล็กน้อย แต่อย่างน้อยเธอก็ขอลองความสามารถของตนเองด้วย

“เอ่อ...จริงๆแล้ว หมูบ้านนั้นไม่ได้อยู่ในเขตของคุณรินหรอกนะคะ” คราวนี้ เลขาสาวขอชี้แจงบ้าง

“หมายความว่าอย่างไง” เหมือนงานนี้ของเธอคงจะหินเอาการเอางานใหญ่น่าดูเสียด้วย และแล้วช่วงบ่ายก็มาถึง ซึ่งมีขบวนร้องทุกข์ของชาวบ้านที่เดือดร้อนมาร้องทุกข์ถึงหน้าสำนักงาน ด้วยเสียหน้าตึงเครียดอดหลับอดนอน คนในหมู่บ้านที่เป็นผู้หญิงถึงกับร้องห่มร้องไห้ อุ้มแม้กระทั่งลูกน้อยมาขอความเห็นใจกับส.ส.สาวขวัญใจประชาชนของจังหวัด

“พีกิตดาครับ ช่วยหาที่ดินพร้อมไร่สวนยาง เอาแถวใกล้ๆรีสอร์ทให้ผมหน่อยนะครับ” เสียง ของธารานนท์เอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นผู้จัดการคนเก่งมาร่วมโต๊ะทานอาหารมื้อเย็น ด้วย แม้ใจของชายหนุ่มยังอยากจะรู้เรื่องราวของหญิงสาวขวัญใจหมู่บ้านอย่างมาก แต่เขาก็ขอคุยเรื่องการงานก่อน

“คุณนนท์จะซื้อที่ดินเพิ่มเหรอครับ”

“ครับ...ผมคงจะอยู่ที่นี่อีกนาน อะไรที่พอจะขยับขยายได้ ผมก็จะลองทำดูบ้าง” คำ ตอบของเจ้านายหนุ่ม ทำให้กิตดาเลิกคิ้วใส่กันด้วยความสงสัยเล็กน้อย อยากลงทุนเพิ่มงั้นเหรอ กิตดาเพิ่งจะเคยเห็นคนนั่งในตำแหน่งผู้บริหารรีสอร์ทแทบอีสานของในเครือเตช โชติ เอ่ยออกปากต้องการลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขยายรีสอร์ทเลยด้วย เขาคงฟังผิดไปใช่ไหมว่าเจ้านายหนุ่มคนปัจจุบันจะปลูกสวนยาง!

“มันคือเงินส่วนตัวของผมเองน่ะ ตำแหน่งงานในรีสอร์ทเครือเตชโชติมันก็ดีอยู่หรอก แต่ผมจะอยู่ที่นี่อีกนานก็เลยอยากทำมาหากินเพิ่มรายได้ของตนเองนะครับ” ธารานนท์เอ่ยบอก เพราะกิตดายังไม่รู้ถึงตำแหน่งงานที่แท้จริงของเขา

“ครับๆ ได้ครับ แต่เอ้...อะไรทำให้คุณนนท์คิดจะอยู่ที่นี่นานๆ เพราะติดใจสาวบ้านนาหรือเปล่าครับ”ใบหน้าที่ขรึมนิ่งช่วงแรกก็เผลอยิ้มออกเล็กน้อยก่อนจะตอบให้กับผู้จัดการทั่วไปคนเก่งแถมยังกล้าเดาใจเขาเล่นๆด้วย

“ก็มีส่วนบ้างนะ พี่กิตต์ ” ธารานนท์ตอบกับอารมณ์ดีขึ้นมาเฉยเลย ดวงใบหน้าเล็กๆลอยเข้ามาให้หัว ท่าทางที่แสนเย่อหยิ่งเชิดใส่เขาคนเดียวยังติดตาติดใจไม่หา แต่ แล้วก็ต้องรีบสลัดทิ้งเพราะเพิ่งขึ้นมาได้ว่าเธออาจจะไม่แค่สาวที่อ่อนหวาน ดั่งใบหน้าน่ารักของเธอก็ว่าได้ แต่อาจมีเล่ห์เหลี่ยมมายาหลอกลวงเหมือนพ่อของเขาแน่ๆ คิดแล้วก็หุบยิ้มดื้อๆ แล้วกลับมานิ่งตึงขรึมอีกครั้ง ก่อนจะให้กิตดาช่วยหาที่ดินให้สักห้าสิบไร่ และนั่งทำงานของตนเองตลอดจนกว่าจะพกค่ำของวัน ด้านของหญิงสาวขวัญใจประชาชนแทบทำงานตัวเป็นเกลียว วุ่นวายกับกองเอกสารอันมากมายกว่าจะสรุปเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านได้ พอเจองานหินที่เยื้องไปทางผู้มีอิทธิพลเข้า การงานของเธอก็ลำบากเหมือนกัน ด้วยความเป็นผู้หญิงนี่แหละ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามบอกว่ามีความอ่อนแออยู่ไม่น้อย การจะกล่อมด้วยใช้วาจาให้น่าเชื่อถือกับผู้มีอำนาจก็ต้องมีผู้สนับสนุนที่ เป็นวงกว้างใหญ่กว่า

“พอจะหาทนายดีๆได้ไหม พี่อาณัติ ชไมพร” นรินศาเอ่ยถามหลังจากอ่านคำร้องคดีของชาวบ้านหมดไปเป็นกองหนึ่ง

“เอ่อ...” เสียงเลขาสองหนุ่มสาวแทบเลิกลักอ่ำอึ้ง เพราะก็จนปัญญาเช่นกัน งานใหญ่ขนาดนี้พวกทนายก็คิดหนักเช่นกัน แถมยังไม่มีใครรับปากเลยสักคนว่าจะช่วยเหลือ ท่านส.ส.สาวคนเก่ง

“คงยากสินะ บางทีรินคงจะต้องไปขอความช่วยเหลือด้วยตนเองแล้วล่ะ” เลขาสองหนุ่มสาวแทบไม่ช้าสบตากับคนเป็นเจ้านายสาว งานนี้มันหนักกว่าที่พวกเขาเคยเจอเสียอีก

“มื้อเย็นวันนี้ ช่วยนัดคุณทนายปองศักดิ์ให้ด้วยนะ พวกเธอจะสะดวกไปกับรินด้วยไหม” อาณัติและชไมพรรีบรับขานและทำตามประสงค์ทันที พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้ ส.ส.นรินศา ไปคนเดียวเด็ดขาด ในเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ต้องไปกันเป็นทีม งานของส.ส.นรินศา ก็งานของพวกเขาเช่นกัน อาณัติและชไมพรเข้าทำงานที่นี่ ด้วยใบสมัครที่ตามประกาศรับไว้ และแปลกมากเลยทีเดียว จู่ๆ ส.ส. ในเขตรับผิดชอบหน้าที่ของตน ได้มีการรับสมัครคนเข้ามางานอย่างเปิดเผย เพราะส่วนมากจะเป็นวงในเสียมากกว่าและคนของพวกนายทุนกับหัวคะแนนเท่านั้นที่จะต้องเข้ามาทำงานและคอยสนับสนุนให้ท่านส.ส.ด้วยความที่พวกเขาช่วยให้เป็นตัวแทนราษฎรได้จนสำเร็จ เลขาหนุ่มชื่ออาณัติจบรัฐศาสตร์ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ส่วนเลขาสาวชื่อชไมพรจบทั้งด้านกฎหมายและเศรษฐศาสตร์ปริญาตรีสองใบ เรียกได้ว่า ท่าน ส.ส. นรินศาคัดเลือกพวกเขามาด้วยตนเองโดยเฉพาะ เพราะเธอต้องการใช้คนมีความสามารถให้ได้งานและถูกกับงาน มากว่าเอาลูกหลานพวกหัวคะแนนมาทำงานด้วย ไม่ใช่ไม่ให้พวกเขาเข้ามาทำงานกับเธอ แต่งานที่ต้องใช้ความสามารถทำโดยลื่นไหลไม่มีสะดุดนั้นคือ สิ่งที่นรินศาต้องการ เมื่อลูกหลานพวกหัวคะแนนความสามารถไม่ถึง เธอจึงต้องจัดจ้างคนนอกเข้ามาเป็นลูกทีมของเธอเสียเอง และนรินศาแทบไม่ผิดหวังที่รับอาณัติและชไมพรเข้าร่วมงาน ซึ่งทั้งคู่ก็ทำงานได้ดีเยี่ยมตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

โรงแรมหรูหรางดงามและแพงที่สุดขึ้นชื่อในจังหวัดบ้านเกิดของนรินศา ท่านส.ส.สาวได้โทรมาจองห้องอาหารดินเนอร์อันอิ่มหนำสำราญอร่อยถูกปากของทนายวัยกึ่งค่อนไปทางชรายิ่งนัก แม้จะรู้ว่าจุดประสงค์ของท่าน ส.ส.สาว คืออะไร และทนายปองศักดิ์ก็ช่วยได้เพียงแค่เสนอไปทางสำนักงานกฎหมายและทนายที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงให้เท่านั้น ซึ่งนรินศาก็สนใจอยู่ไม่น้อย แล้วงานนี้เธอต้องได้เทียวไปเทียวมาระหว่างเมืองหลวงกับบ้านเกิดของเธอเป็นว่าเล่นแน่ๆ มื้อดินเนอร์จบด้วยการเชื่อมสัมพันธ์ไปด้วยดีและงานของเธอคงจะมีแสงไฟดวงน้อยๆขึ้นมาอยู่สักเล็กน้อย

“งานเริ่มเดินแล้ว” นรินศาเอ่ยด้วยความดีใจไม่น้อยเนื่องจากการเจรจากับทนายปองศักดิ์ได้สำเร็จ อาณัติและชไมพรสองหนุ่มสาวเลขาของเธอก็ดูจะคลายความตรึงเครียดลงไปบ้าง

“ขอบใจพวกพี่มากเลยนะคะ ทั้งพี่อาณัติและชไมพร” นรินศาเอ่ยบอกขนาดที่นั่งรถตู้คันโตของเธอ พากลับไปยังสำนักงานเพื่อส่งเลขาสองหนุ่มสาวเอารถยนต์ตนเองกลับบ้าน

“ไม่เป็นไรครับ พวกเราเต็มใจช่วยเหลือน้องสาวแสนน่ารักได้เสมอ” อาณัติพูดออกมาจากใจก่อนจะเอื้อมมือหนามาจับมือบางเล็กๆของเลขาคู่หู ที่เพิ่งจะตกลงใจตรงกันและเริ่มคบกันในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ชไมพรแทบดึงมือกลับเบาๆ เพราะกลัวว่าเจ้านายสาวจะเห็นถึงความหวานของเลขาหนุ่มคนเก่ง เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเลิกงานงานรอบโอที นรินศาก็ได้แค่ยิ้มตอบในความมืดของรถตู้คันโต เพราะเลขาสองหนุ่มสาวนั่งอยู่เบาะด้านหลังเธอ นรินศาพอจะดูออกว่าทั้งคู่มีใจให้กันนานแล้ว อีกไม่นานก็คงมีข่าวดีให้เธอรับทราบแน่ๆ และวันข้างหน้าเธออาจจะต้องหาลูกทีมใหม่ เพื่อปล่อยให้ว่าที่คู่รักกลับไปใช้ชีวิตด้วยกัน นรินศานึกถึงคู่รักแล้วเธอก็เกิดอาการเหงาๆ แปลกๆ อยากจะมีชายหนุ่มที่คอยให้กำลังใจและอยู่เคียงข้างเธอเสียบ้าง แต่จะมีบ้างไหมผู้ชายที่จะรับรักกับผู้หญิงที่เลือกช่วยเหลือประชาชน ก่อนจะมอบความรักให้ชายหนุ่มคนๆนั้น ดวงตาคู่เล็กมองผ่านกระจกรถไปยังพระจันทร์ที่เลื่อนๆวิ่งตามรถตู้ของเธอด้วยความรู้สึกเคว้งๆ แต่แล้วใบหน้าของผู้ชายฉวยโอกาสก็แล่นแวบๆเข้ามาในหัวของเธอจนต้องสะดุ้งตัว พร้อมกับบ่นในใจ

‘บ้าไปแล้ว นี่เราไปนึกถึงผู้ชายฉวยโอกาสคนนั้นได้ไง’

การวบร่วมข้อมูลเอกสารต่างๆ เพื่อดำเนินคดีช่วยเหลือชาวบ้านก็กินเวลาไปเกือบหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ นรินศาทุ่มทั้งตัวทั้งใจเลยทีเดียว แถมยังได้ความคืบหน้ามาเยอะพอสมควรอีกด้วย และวันนี้ ทีมงานของนรินศา จะออกไปสำรวจพื้นที่ที่ชาวบ้านมาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ การเดินทางมาที่หมู่บ้านดังกล่าวกินเวลาไม่มากนัก ชาวคณะหมู่บ้านทำการต้อนรับเธอเป็นอย่างดีทั้งเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำดื่มอย่างเหมาะสม ก่อนที่เธอจะถามสาระทุกสุกดิบรวมไปถึงบ้านเรือนที่เดือดร้อน เรื่องที่ดินส่วนยาง ที่ใช้ทำมาหากิน

“จะว่าไปแล้วหลายอาทิตย์มานี้ คนแปลกหน้ากับรถเก๋งงามๆ แวะมาที่หมู่บ้านเฮ้าบ่อยนะ ท่านนริน” ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยบอกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์แปลกๆมาตลอดหลายอาทิตย์ทที่ผ่านมา

“คะ? หมายถึงพวกนายทุน อย่างงั้นหรือเปล่าคะ” ส.ส.นรินศาถามกลับด้วยสีหน้าคิ้วชนกัน

“พวกเฮ้าก็ไม่แน่หรอกครับ ชอบมาไวไปไว อย่างกับพายุพัดผ่านแรงๆ”

“พวกเขามาบ่อยมากเลยหรือครับ” อาณัติเอ่ยถาม ด้วยความสงสัยเช่นกัน

“ครับ ตั้งแต่ที่ดินของชาวบ้านหลุดมือแหละครับ พวกผมก็เอือมละอา ไม่กล้าบอกชาวบ้าน พวกรถคันงามๆนั้นเป็นใคร” ดูเหมือนผู้ใหญ่บ้านจะรู้ว่ารถเก๋งคันสวยๆที่วิ่งผ่านมาสำรวจพื้นที่คือเดาได้ว่าเป็นพวหนายทุนที่จะมาซื้อที่ดินแถวนี้

“งั้นหรือคะ แล้ววันนี้มีโอกาส จะมาอีกบ้างไหมคะ” นรินศาเอยถามต่อ เพื่อมีความหวัง

“มีครับ วันนี้สุดสัปดาห์ พวกเขาต้องพารถเก๋งงามๆ ไม่ซ้ำกันทุกอาทิตย์มาแน่นอนครับ พวกผมยืนยันได้” ผู้ใหญ่บ้านก็ตอบความหวังให้ท่านนรินศาทราบ กลุ่มของนริศาบอกได้เลยว่าวันนี้มาถูกจังหวะเสียด้วย

“แล้วกลุ่มพวกนั้น ไปที่ไหนกันหรือคะ”

“ที่ดินดินตีนเขา ลูกโน้นแหละครับ” ทั้งเลขาสองหนุ่มสาวอาณติและชไมพร ก็มองไปตีนเขาลูกนั้นตามที่ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านบอก แม้จะเดาได้ยากว่า คนพวกนั้นคือพวกนายทุนจริงหรือไม่ แต่เท้าสาวของเจ้านายก็ดิ่งไปยังรถประจำตัวเสียก่อนแล้ว พวกเธอก็ต้องรีบเดินทั้งวิ่งตาม น่าเสี่ยงลองไปพบคนพวกนั้นดูสักครั้ง แล้วหวังว่าคงไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับพวกเราหรอกนะ มีมือคุ้มครองก็ลุงเข้มคนเดียวทุกงานอยู่แล้วนี่นา

ฝั่งด้านสองนายทุนที่กำลังยืนสูดอากาศแสนบริสุทธิของธรรมชาติ ผืนป่า ที่ดินแถวนี้ได้บุกเบิกตัดต้นไม้น้อยใหญ่ออกเกือบหมดแล้ว เพื่อหวังจะใช้ทำพื้นที่ปลูกต้นยางในเวลาถัดไป

“น่าสนใจ บ้างไหมครับ เจ้านาย นี่คุณอนันท์พามาดูที่ดินด้วยตนเลยนะครับ” กิตดาเกริ่นพูดขึ้น แต่ก็มีรางสังหรณ์แปลกๆด้วย นายหน้าอย่างนายอนนันท์มีผู้หลังมิใช่น้อย เขาไม่น่าหลงเชื่อตามคำแนะนำของเพื่อนที่สำงานขายที่ดินเลย แต่ให้ทำอย่างไงได้ล่ะ ในเมื่อเจ้านายของเขาต้องการที่ดินให้โดยเร็วที่สุดนี่นา

“พื้นที่แถวนี้ ก็น่าสนใจอยู่นะครับ ไม่ไกลจากตัวรีสร์อทเท่าไรด้วย แต่ผมก็ยังอยากได้ที่ดิน ที่มันใก้ลๆรีสร์อทของผมมากกว่านี้น่ะครับ” ธารานนท์ตอบไปอย่างเรียบๆ นายอนันท์แทบขัดใจในลำคอเลยทีเดียว เพราะพวกนายทุนรวยๆหลายเจ้าแล้วที่พากันปฏิเสธซื้อที่ดินแถวนี้

“โธ่ คุณธารานนท์ครับ นี่มันก็ใกล้ที่สุดแล้วนะครับ ผมว่าคุณธารานนท์ลองคิดดูนะครับ ” นายอนันท์ยกข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนจะรีบพูดต่อ

“ตายล่ะ ผมก็ขอตัวก่อนนะครับ มีลูกค้าท่านอื่นจะมาพบผม พวกเขารออยู่ที่โรงแรมในเมือง ถ้าคุณธารานนท์สนใจก็รีบๆนะ ที่ดินปลูกยางเดี๋ยวนี้ มันหาไม่ค่อยได้แล้ว เพราะนายทุนทางใต้แห่ขึ้นมาซื้อที่ดินแถวอีสานเกือบหมด ผมต้องขอโทษด้วยที่อยู่สำรวจพื้นที่ได้ไม่นานนัก ถ้าต้องการซื้อโทรหาผมอนนันท์คนนี้ทันทีนะครับ เอกสารทุกอย่างพร้อมรอแล้วด้วย ขอตัวนะครับ ลาล่ะครับ” ธารานนท์ก็แต่กล่าวขอบคุณกล่าวลา และกิตดาก็ทำหน้าที่ไปส่งนายหน้าชื่ออนันท์ที่พามาดูที่ดินยังรถกระบะสี่ประตูของนายอนันท์ ซึ่งที่นายหน้าที่พามาดูพื้นที่ดันปลีกตัวขอกลับก่อน มันเหมือนเป็นจงใจให้นายธารานนท์รีบตัดสินใจซื้อโดยเร็วขึ้นเสียมากว่า

“เจ้านายครับ เรากลับกันเถอะ หรือเจ้านายอยากเดินดูพื้นที่แถวนี้อีกก่อนก็ได้” เสียงกิตดาทักขึ้นหลังจากเดินไปส่งนายอนันท์ที่รถแล้ว และเดินก็กลับมาหาธารานนท์

“ครับ ผมคิดว่าที่นี่ก็ดีเลยทีเดียว แต่ว่าพี่กิตดาช่วยหาที่ดินที่มันใกล้รีสอร์ทของเรามากกว่านี้ ให้ผมอีกหน่อยนะครับ”

“ได้ครับเจ้านาย เอ๊ะ นั่นรถใครกัน” จู่ๆ รถตู้คันโตสีดำก็เข้ามาจอดเทียบและตันทางเข้าออกรถฟอจูนเนอร์สีเงินของธารานนท์

“เจ้านายครับ ผมว่ามันคุ้นๆ นะ” กิตดาเรียกให้เจ้านายหันกลับมาสนใจ เพราะธารานนท์มั่วแต่เหม่องมองทิวทัศน์ยามเย็นแสนสบายๆ ทั้งยังสดชื่นด้วยกลิ่นอายบริสุทธิ์ธรรมชาติบ้านทุ่งบ้านนาภูเขา คิ้วดกหนาของหนุ่มธารานนท์ย่นชนกัน ก่อนจะหันกลับมามองดูในสิ่งที่พี่กิตดาเอ่ยบอก ดวงตาคมทลึงกว้างแล้วใบหน้าหล่อก็เผลอรอยยิ้มอันแสนดีอกดีใจออกมา ธารานนท์จำรถคันโตสีดำมันวาวคันนั้นได้ ล่าสุดมันได้จากไปสัปดาห์ที่แล้วเอง แถมยังปล่อยให้เขาเฝ้าคิดถึงอยู่คนเดียว

“จะลงไปคุยกับพวกเขาไหมครับท่านนริน หรือจะให้ผมลองๆไปถามก่อนเองครับ” อาณัติเสนออาสาไปสอบถามเสียเอง ด้วยมันคือหน้าที่ของเลขาอยู่แล้ว

“ไม่ต้องค่ะ พี่อาณัติ เดี๋ยวรินขอไปคุยกับพวกเขาเองดีกว่า พวกพี่รออยู่ที่รถนะคะ”

“เอ๋ๆ ไม่ให้พวกผมลงไปด้วย แต่นั้นมันผู้ชายถึงสองคนเลยนะครับ” อาณัติเอ่ยร้องด้วยถึงความเป็นห่วง ผู้หญิงตัวเล็กๆจะไปเจรจากับคนตัวโตได้สำเร็จนั้นก็ยากอยู่แล้ว แถวนายทุนพวกผู้ชายสองคนนั้นอาจจะมีท่าทางไม่น่าไว้ใจด้วยล่ะ

“งั้นพวกพี่ลงมาค่อยเฝ้าที่ด้านหน้ารถก็ได้ค่ะ รินคิดว่าพวกเขาไม่กล้าทำอะไรรินหรอก...มั้งคะ” นรินศามองดูสีหน้าของเลขาสองหนุ่มสาวดูเหมือนจะเป็นห่วงเธออย่างเรื่องปกติเป็นประจำแบบนี้ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ ทำให้นรินศาไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร แต่ดีเหมือนกันมีคนของเธอคอยยืนเฝ้าดูอยู่ห่างๆ กลุ่มนายทุนนั้นคงไม่กล้าทำอะไรเธอหรอก ร่างเอวบางลงจากรถตู้ของตัวด้วยมีนายอาณัติเป็นคนเปิดประตูออกมาให้ก่อน ใบหน้าอ่อนหวานน่ารักสวมสวมสูททะมัดทะเมงสีกรมเข้มก็ก้าวลงมา หัวใจของธารานนท์แทบกระตุก ไม่คิดว่าวันนี้จะทำให้เขาได้มาพบเธออีกหน แล้วก็เกิดคำถามขึ้นในใจเธอมาทำอะไรที่นี่ แล้วมาพบเขาจริงๆอย่างนั้นหรือ ร่างสาวนรินศาลงจากรถตู้ของตนได้ก็เดินมาดมั่นมายังสองหนุ่มนายทุน แต่แล้วก็ต้องชะงักตกใจ เมื่อเธอจำได้ว่าพวกเขาคือใคร โดยเฉพาะผู้ชายผิวขาวอมชมพูใบหน้าหล่อใสๆส่งสายตาดูเจ้าชู้นั้น ยิ่งดวงตาอันคมที่มองมายังนรินศาแทบเป็นประกายเคลิ้มปานจะกลืนกิน นรินศาเกลียดสายตานั้นนัก คงจะมองเธอจนจิตนาการไปถึงสวรรค์บนเตียงแล้วแน่ๆ น้ำเสียงที่จะพูดกับกลุ่มนายทุนอย่างอ่อนหวานและเน้นหนักให้ดูมีความเชื่อมั่นเชื่อถือก็ถูกเปลี่ยนไป

“นายอีกแล้วเหรอ” นรินศาร้องทักทวงขึ้นด้วยความตกใจ เพราะสัญญากับตัวเองไว้ว่าชาตินี้จะไม่มาพบหน้าผู้ชายคนฉวยโอกาสคนนี้ตลอดชีวิต แถมตอนนี้ชาวบ้านกำลังเดือนร้อนเรื่องผืนที่ดินจำนองกับคนมีอิทธิพล เธอกะว่าจะมาขอคุยด้วยกับนายทุนหน้าเลือดที่ยอมหลงซื้อที่ดินจำนองจากนายหน้าหน้าเลือดยิ่งกว่าไปอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยที่ชาวบ้านยังไม่รู้เรื่องราวอันใดเลย จู่ๆก็ถูกขายขาดให้กับไปนายทุนครอบครองไปเสียแล้ว แต่แล้วทำไมหน้าตาของพวกนายทุนหน้าเลือดกัดกินเนื้อชาวบ้านแสนบริสุทธิ์ที่นรินศาต้องมาพบนั้นกลับเป็นผู้ชายคนนี้

“ครับผม อ้อ! ชื่อธารานนท์นะครับ เรียกนนท์เฉยๆก็ได้ครับ สงสัยเราสองคนคงจะดวงสมพงษ์กันนะ เพราะไปที่ไหนๆ ก็เจอกันอยู่เรื่อยๆเลย” ธารานนท์อารมณ์ดีขึ้นมาผิดปกติ พี่กิตดาก็รับไหว้กล่าวสวัสดีจากนรินศาแทบไม่ทัน กิตดาไม่คิดว่า ท่านส.ส.สาวขวัญใจชาวบ้านจะยกมือเรียวบางไหว้เขาด้วยที่ว่าเขาอายุมากกว่า แต่ดูเหมือนกับคนเป็นเจ้านายของกิตดาเธอจงใจไม่ยกพนมมือบางไปไหว้กล่าวสวัสดีซะงั้น แต่กลับเอ่ยพูดแทนด้วยน้ำเสียงแข็งๆ

“มันก็แค่บังเอิญเท่านั้นแหละค่ะ” นรินศาพูดตอบปฏิเสธนายธารานนท์ไป คิดว่ามันคงเป็นความบังเอิญเสียมากกว่าที่จะจงใจตั้งใจหรือเจนตนาจะต้องมาพบเจอกัน

“บังเอิญเหรอครับ อืม...สงสัยจะเป็นความจริงเสียด้วย ที่เราสองคนบังเอิญมาคู่กัน เอ้ย...มาพบกันนะครับ ท่านส.ส.นรินศา หึๆ” ธารานนท์เล่นปล่อยมุกขนมจีบได้กวนประสาทท่านส.ส.หญิงคนเก่งอย่างมาก การเจรจากับนายทุนหน้าเลือดกินเนื้อและยียวนกวนประสาทแบบนี้ คงจะทำให้งานของเธอประสบสำเร็จได้ยากแน่ๆ

“เอ่อ...ท่านนรินศา มีธุระแถวนี้หรือเปล่าครับ” พี่กิตาขอขัดขวางการแจกมุกจีบกวนๆของเจ้านายก่อน คิดว่าการที่ท่านส.ส.สาวคนเก่งเดินจากรถออกมาพบคงไม่ใช่แค่ลงมาทักทายตามประสาคนรู้จักแน่ๆ เพราะดูเหมือนจะไม่ชอบขี้หน้าเจ้านายของเขาซะเต็มประดาอยู่แล้ว

“ค่ะ คุณกิตดา จริงๆแล้ว ดิฉันจะมาขอพบกลุ่มนายทุนที่ชาวบ้านพูดถึงกัน เห็นว่ากำลังกวาดซื้อที่ดินของหมู่บ้านน่ะค่ะ ไม่คิดจะเป็นพวกคุณ...” นรินศาหันมาคุยกับกิตดาโดยไม่สนใจ เจ้านายหนุ่มหล่อของกิตดาที่ยืนอมยิ้มกอดอกแกร่งและยอมยืนฟังเฉยๆ

“พวกผมเองละครับที่กำลังจะซื้อที่ดินแถวนี้ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ท่าน” กิตดารีบถามเพราะถ้าที่ดินแถวนี้มีความไม่โปร่งใสหรือมีเรื่องราวคดีติดพันมาด้วย เขาก็จะให้เจ้านายไปซื้อที่อื่นเลยดีกว่า จะได้ไม่เดือดร้อนภายหลัง

“เรื่องมันมีปัญหานิดหน่อยนะคะ เอาเป็นว่าถ้าพวกคุณยังไม่คิดตกลงซื้อที่ดินแถวนี้ ในหมู่บ้านนี้จะดีมากๆเลยค่ะ” คร่าวนี้ธารานนท์แทบคิ้วชนกันแทน แม้จะยืนห่างจากหญิงสาวเป็นคืบ แต่ก็พอได้ยินเรื่องที่สนทนากันกับผู้จัดการรีสอร์ทของเขา ก็กลับฉุนขึ้นมาดื้อๆ

“ทำไมหรือครับท่าน ส.ส.คนสวย หรือว่าคุณก็สนใจที่ดินแถวนี้เหมือนผม”

“ใช่ค่ะ ดิฉันต้องสนใจที่แถวนี้ เพราะมันเป็นงานของดิฉัน ต้องขอโทษด้วยที่ดิฉันต้องบอกว่า ไม่ต้องการให้พวกคุณคิดจะซื้อที่ดินแถวนี้ได้ค่ะ” ธารานนท์แทบดวงตากระตุกโต เมื่อได้ยินน้ำเสียงพูและใบหน้านวลดูจะจริงจังอย่างมาก

“หึๆ น่าสนใจดีนะครับ ที่ดินก็สวย ดินก็ดี ราคาก็กำลังงามเสียด้วย ผมกำลังจะซื้ออยู่แล้ว แต่ท่านส.ส ดันมาขัดจังหวะผมทำไมล่ะครับ” น้ำเสียงทุ้มของธารานนท์แทบเย้าหยัน ทำให้นรินศาเกิดความรู้สึกมันไม่เข้าหูนัก

“ดิฉันมาบอกด้วยความหวังดีต่างหากล่ะ”

“ว้าวๆ หวังดีหรือครับ ผมว่าท่านส.ส. คนสวย กำลังอยากจะฮุบยัดเข้าเป็นสมบัติของตนเองหรือเปล่าน่า” ธารานนท์เอ่ยบอกตามที่ตนเองคิดได้อย่างฉับพัน ยิ่งเห็นใบหน้าของคนเป็นพ่อแว่บๆเข้ามาในสมองด้วย มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ากำลังรังเกียจ วาจาและการกระทำของส.ส.สาวขวัญใจประชาชนตรงหน้าขึ้นมา

“นี่นาย...”

“เอ่อ...ขอบคุณครับสำหรับความหวังดี บางที ที่แถวนี้อาจะมีปัญหาอย่างที่ท่านว่าก็ได้ครับ เดี๋ยวผมกับเจ้านายจะคิดลองพิจารณาตัดสินใจซื้ออีกครั้งก่อนนะครับท่าน” กิตดารีบห้ามทัพก่อนที่เขาจะได้เห็นทั้งคู่มีปากเสียงกันไปมากกว่านี้ เป็นครั้งแรกจริงๆที่กิตดาได้เห็นมุมฉุนเฉี่ยวของท่านส.ส.สาวคนเก่ง ส่วนมากนั้นเห็นแต่ความสุขุมนุ่มๆและความอ่อนหวาน ทำให้ประชาชนหลงให้กำลังเต็มประดาทั้งเนื้อทั้งตัว

“ขอบคุณที่เข้าใจและให้ความร่วมมือค่ะคุณกิตดา และค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อยไม่เหมือนกับเจ้านายของคุณค่ะ” ธารานนท์ยักคิ้วให้สองหนอย่างกวนๆ เป็นยี่ยวนและตอกย้ำว่าไม่คิดจะร่วมมือด้วย เหมือนผู้จัดการของเขา

“ครับ ไม่เป็นไรครับ”

“งั้นดิฉัน ขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีคะ”

“อ้าวเดี๋ยวสิ ท่านส.ส.คนสวย เดี๋ยวสิครับ” ดูเหมือนคำพูดของธาานนท์นั้น นรินศาทำเป็นหูทวนลมเมื่อลมพัดผ่านเข้ามาพอดิบพอดี แล้วเดินจ่ำดิ่งกลับไปที่รถคันโตของเธอโดยไม่หันมาหาสองหนุ่มนายทุนนั้นอีกเลย เมื่อรถตู้สีดำคันโตวิ่งหายออกไปลับตาสองหนุ่มแห่งรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้า

“เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจเฮือกหนึ่งก็ดังออกมาจากธารานนท์ นี่เขาแทบบ้าไปแล้วแน่ๆ ใจหนึ่งมันบอกว่ากำลังหลงชอบ อีกใจหนึ่งก็บอกว่าเธอกำลังทำตัวเหมือนคนเป็นพ่อบังเกิดกล้าของเขา แค่เจอท่านส.ส.สาวคนเก่งสองครั้ง ไม่สิอาจจะสามครั้งด้วยซ้ำ หัวใจของธารานนท์ก็ปั่นป่วน ชายหนุ่มสลัดศีรษะแรงๆ หนหนึ่ง ก็จะเอ่ยพูดพี่กิตดาแทน

“พี่กิตดาครับ ผมตกลงจะซื้อแถวนี้นะครับ”

“อะไรนะ ครับคุณนนท์” กิตดาแทบอึ้ง ก็เมื่อสักครู่พวกเขาได้ถูกเตือนจากท่านส.ส.สาวคนสวยขวัญประชาชนไปอยู่หยกๆ

“พี่กิตดาได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมจะซื้อดินในหมู่บ้านนี้ ติดต่อนายอนันท์ได้เลย และให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายที่รีสอร์ทนะครับ”

“แต่ว่า...อะไรทำให้เจ้านายถึงรีบซื้อที่ล่ะครับ ไม่ลองให้ผมตรวจสอบดีๆกว่านี้ก่อนหรือครับ ผมว่าการที่ท่านนรินศามาเตือนเรื่องที่ดินนี้อาจจะมีปัญหาจริงๆ ก็ได้ครับ”

“นั่นแหละ คือสิ่งที่ผมต้องการ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมพอมีทนายเก่งๆอยู่บ้าง แต่ที่ผมลงทุนยอมซื้อที่ดินนั้น เพราะผม...”

“ผมรู้แล้วครับ เจ้านายกำลังจะเอาตัวเข้าไปป่วน ท่านส.ส.สาวคนเก่งใช่ไหมครับ ผมว่าเจ้านายลงทุนเสี่ยงมากเลยนะครับ แล้วข้างหน้าอาจจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ”

“ครับ ผมอยากลองดูสักครั้งว่าไอ้เป็นเรื่องใหญ่ของพี่กิตดา มันจะขนาดไหนกัน” ธารานนท์พูดจบก็เดินนำหน้า กิตดาไปที่รถยนต์ของตน ด้านกิตดาผู้จัดการรีสอร์ทแทบยิ้มฝืนๆ เพราะมันอาจจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่ นี่เขาต้องคอยรับมือจากใครบ้างล่ะนี่ แล้วทำไมเจ้านายคนใหม่ของเขาจากลักษณะท่าทางดูจะรอบครอบในการทำงานมาก แต่ไหนถึงกลายเป็นคนใจร้อนรวดเร็วพันแล่นไม่คิดหน้าคิดหลังก่อนเช่นนี้ กิตดาไม่รู้จริงๆว่าท่านส.ส.สาวน้อยขวัญใจประชาชนมาสะกิดต่อมอะไรของเจ้านายเขานักหนา ถึงได้ยอมลงทุนเสี่ยงเสียทั้งเงินและอาจจะเสียทั้งชีวิตอันมีค่า

“ผมจะป่วนคุณให้ถึงที่สุด ส.ส.นรินศา อยากรู้นักไอ้ความรู้ ความสามารถที่เป็นเหมือนพ่อ มันจะครอบงำเธอมากแค่ไหนกัน” ธารานนท์พึมพำกับตนเองด้วยจิตใจด้านลบที่ฝั่งติดตัวมาตั้งแต่จำความได้ มันกำลังต้องการให้เขาอยากพิสูจน์นัการเมืองสาวคนนี้ เขายอมรับว่าเกลียดการเมืองยิ่งนัก เกลียดทุกอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับคนเป็นพ่อบังเกิดกล้า ถ้านรินศาเป็นเหมือนพ่อของเขาขึ้นมาจริงๆ เขาก็จะไม่หลงหลอมตัวเข้าไปให้มากกว่านี้ แต่แล้วแค่ไม่ได้พบเธอก็ทำให้เขาเผลอคิดถึงทุกคืน และการพบกันแบบบังเอิญครั้งนี้ก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย แล้วไอ้ความรู้สึกที่ทั้งชอบทั้งชังในตัวเขาเวลานี้มันคืออะไรกันแน่!


โปรดติดตามตอนต่อไป
บทที่ 3 ใจมันฟ้อง..


อุ้ยๆ >///< ท่านส.ส.สาว เจอเนื้อคู่ เอ้ยๆ คู่ปรับเข้าให้แล้ว ฮ่าๆ





Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2555, 09:46:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2555, 12:54:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1586





<< บทที่ 1 ท่านผู้นำแสนสวย    บทที่ 3 ใจมันฟ้อง... >>
teesaparn 17 เม.ย. 2555, 11:43:44 น.
บรรยายซะจนอยากไปรีสอร์ทแห่งนี้


วนัน 18 เม.ย. 2555, 09:18:57 น.
ชอบด้วยคะ


Aricha 18 เม.ย. 2555, 12:49:56 น.
@ teesaparn และ @ วนัน ขอบคุณที่แวะมาอ่านนิยายให้อริฌานะคะ
>__<v ปล. ว่าแต่เปลี่ยนภาพดิสเพลย์ตัวเองอย่างไงอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account