เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 14




บทที่ 14




ภายในโรงพยาบาลประจำจังหวัด สองคุณหมอซึ่งมีชุดกาวน์สีขาวสะอาดสวมคลุมกำลังยืนคุยกันในห้องพักแพทย์ของสิขเรศ

“ออกเวรแล้วเหรอคะ” คุณหมอน้ำใสถามเสียงหวาน

“ครับ” ส่วนคุณหมอเขตผงกหัวน้อยๆพร้อมกับยิ้มรับ ก่อนจะถามต่อ “มาหาถึงนี่มีอะไรหรือเปล่า”

“ทำไมคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วมาไม่ได้เหรอ” สลิลธารแกล้งถาม หมอเขตก็ได้แต่หัวเราะในลำคอและยิ้มน้อยๆอีกตามเคย

“มาได้ ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ มาบ่อยๆสิดี คนแถวนี้เขาจะได้รู้ว่าผมน่ะ...มีเจ้าของแล้ว” ใบหน้าขาวตี๋ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มพราวอย่างเดิม หากดวงตานี่สิ มันกลับมีประกายวิบวับอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จนหญิงสาวต้องรีบหลบ

“เขินหรือครับ” ใบหน้าขาวๆของคุณหมอเขตก้มต่ำลงมาดูดวงหน้าหวานของสลิลธารที่กำลังก้มหน้างุด

“ก็...หมอเขตพูดอะไรออกมาล่ะ น้ำเป็นผู้หญิงนะ ไม่เขินก็แปลกแล้ว” สลิลธารอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา

“แล้วที่เขินนี่...ชอบหรือเปล่า” หากสิขเรศยังคงรุกต่อ เพราะโอกาสอย่างนี้มีไม่มากนัก

สลิลธารรู้สึกได้ว่าตอนนี้หน้าของเธอคงแดงแปร๊ดไปแล้ว วันนี้คุณหมอเขตเป็นอะไรไปนะ ทำไมถึงได้พูดเหมือนจะ ‘จีบ’ เธอแบบนี้ไปได้ก็ไม่รู้

...เปลี่ยนเรื่องเอาตัวรอดก่อนดีกว่าน้ำ...

“วันนี้คนไข้เยอะหรือเปล่าคะ” สลิลธารจัดการเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆจนคุณหมอเขตถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างรู้ทันเมื่อเห็นกระต่ายตัวน้อยรู้ตัวและวิ่งหนี

...เอาตัวรอดเก่งจริงๆนะคุณหมอ...

“ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับ ว่าแต่น้ำเถอะเมื่อไหร่จะย้ายมา” หากชายหนุ่มก็ยอมเปลี่ยนเรื่องด้วยแต่โดยดี ไม่เคยนึกโกรธเลยที่สลิลธารบ่ายเบี่ยงทุกครั้งเมื่อคุณหมอหนุ่มมีทีท่าว่ากำลังตั้งวงจีบ

...ไม่จำเป็นต้องเร่งรัด แค่วันนี้ทำให้เธอหน้าแดงเหมือนลูกตำลึงสุกเขาก็พอใจแล้ว...

“อีกไม่นานหรอกค่ะ อาทิตย์หน้าคงจะมาทำงานได้แล้ว”

“จะอยู่นี่นานไหม”

สลิลธารลอบมองหน้าคนถามนิดหนึ่งเพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะไม่วกกลับไปเรื่องก่อนหน้านี้อีก

“ก็ไม่รู้สิคะ ต้องดูอะไรหลายๆอย่างก่อน”

นายแพทย์สิขเรศพยักหน้ารับรู้ แม้ในใจจะมีคำถามมากมายที่จะถามเธอ หากเขาก็เก็บเอาไว้ เพราะมันยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะถามเธอ

“แล้วที่มานี่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

“โอ๊ย...ใช่ๆ น้ำเกือบลืมไปแน่ะ” หญิงสาวร้องเสียงดังเมื่อนึกขึ้นได้ “วันนี้น้ำกะว่าจะไปนอนกับรินน่ะค่ะ โทรไปรินไม่รับสายน้ำเลย เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ น้ำเป็นห่วงเลยอยากไปดูหน่อย หมอเขตไปส่งได้ไหมคะ”

“ได้สิ...น้ำนี่ยังเป็นห่วงเพื่อนไม่เปลี่ยนเลยนะ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับรอยยิ้มนุ่มละมุนเหมือนอย่างเคย
สลิลธารชะงัก คิ้วเรียวขมวดชิดเมื่อได้ยินคำว่า ‘ไม่เปลี่ยน’ พูดอย่างนี้แสดงว่าหมอเขตรู้จักเธอมาก่อนงั้นหรือ

“หมายความว่าไงคะ ‘ไม่เปลี่ยน’ หมอเขตพูดยังกับว่าหมอเขตรู้จักน้ำมาก่อนที่พ่อน้ำจะแนะนำน้ำให้หมอเขตรู้จักเลยนะคะ”

คุณหมอเขตยิ้มน้อยๆอย่างเคยก่อนถามว่า “น้ำคิดว่าไงล่ะครับ”

สลิลธารนิ่งเพื่อหาคำตอบ พยายามคิดว่าเธอเคยรู้จักหมอเขตมาก่อนหรือ เธอเคยเจอเขามาก่อนหรือเปล่า แต่ยิ่งคิดคำตอบมันก็ยิ่งบอกว่า ‘ไม่’ เท่าที่เธอจำได้ เธอไม่เคยเจอเขามาก่อน...ไม่น่าจะเคย

“น้ำจำไม่ได้ แต่คิดว่าน้ำไม่เคยรู้จักหมอเขตมาก่อน”

“เอาเป็นว่า ผมรู้จักน้ำมาก่อนหน้านี้ก็แล้วกันครับ” พูดจบคุณหมอเขตก็เดินนำออกไป ไม่แม้แต่จะอธิบายอะไรเพิ่มเติม เพราะมันไม่แปลกที่สลิลธารจะไม่รู้จักเขา ในเมื่อเขาไม่เคยแสดงตัวออกไปให้เธอรู้จัก
ตั้งแต่สลิลธารเข้ามาเป็นนักศึกษาแพทย์ เขาซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ใกล้จะจบก็คอยแต่เฝ้ามองน้องใหม่ที่ยิ้มง่ายและเป็นมิตรกับทุกคนด้วยแววตาชื่นชม มันเป็นครั้งแรกที่ทำให้คนอย่างที่ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนต้องมาคอยเฝ้ามองใครบางคนอยู่ห่างๆ

ถึงแม้จะไม่มีใครรู้ แค่เขารู้คนเดียวก็พอ

แต่...สักวัน เขาจะบอกเธอ ว่าเธอคือ ‘รักแรก’ ของเขาจนถึง...ตอนนี้

สลิลธารมองตามแผ่นหลังกว้างของหมอเขตอย่างสงสัย เธอเคยเจอเขาที่ไหนและเขาเคยเจอเธอที่ไหน หรือว่าเขาจะเรียนมหา’ลัยเดียวกับเธอ

ไม่...ไม่ใช่หรอก เธอก็รู้จักรุ่นพี่ที่คณะทุกคนนี่ ไม่น่าจะใครหลงเหลือที่เธอยังไม่รู้จัก

แล้วเขา...รู้จักเธอได้อย่างไร

“หมอเขต” สลิลธารเรียกคนที่ตอนนี้เปลี่ยนมาทำหน้าที่สารถีขับรถไปส่งเธอเสียงเบา

“ครับ”

“รู้จักน้ำได้ยังไง”

“รู้จักแล้วกันครับ”

“รู้จักได้ยังไงล่ะ”

“น้ำนี่ขี้สงสัยจัง” เขาแกล้งว่า สลิลธารแอบย่นจมูกใส่คนข้างๆ

“ก็มันน่าสงสัยมั้ยล่ะ ทำไมหมอเขตรู้จักน้ำฝ่ายเดียว น้ำไม่เห็นจะรู้จักด้วยเลย”

“น้ำก็คิดซะว่า ผมแอบชอบน้ำแต่ไม่กล้าเข้าไปบอก เลยแอบมองอยู่ห่างๆไม่ให้น้ำรู้ไง”

เจอคำพูดแบบนี้คุณหมอน้ำถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่

...วันนี้หมอเขตแปลกไปจริงๆด้วย แปลก...มากเลย...

“ตลกแล้ว” เธอบอกเขาเบาๆ หากหัวใจกลับเต้นไม่อยู่ในจังหวะที่ควรจะเป็น

“อ้าว...คนพูดความจริงก็หาว่าตลกซะได้”

“ไม่จริงน่ะ” หญิงสาวเถียง

คุณหมอเขตหัวเราะในลำคอย้ำอีกครั้งว่า “จริง”

“อย่ามาอำน้ำนะ”

“ก็ไม่ได้อำนี่”

ดวงหน้าขาวหมวยค่อยๆซับสีเลือดจนพวงแก้มมีสีแดงจางๆ มือที่วางไว้บนตักประสานกันแน่น

“น้ำรู้จักรุ่นพี่ทุกคนในคณะ” จู่ๆหญิงสาวก็โพล่งขึ้น เธออยากรู้ว่าเขาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอหรือเปล่า

“แน่ใจนะว่าทุกคน” หมอเขตย้ำ เพราะเขารู้ดีว่าเธอไม่รู้จักทุกคน อย่างน้อยเธอก็ไม่รู้จักเขาคนหนึ่งล่ะ

“ก็...คิดว่า” หากคำตอบที่เอ่ยกลับมาเริ่มแผ่วเบาเพราะคนตอบเริ่มไม่มั่นใจ แต่สิ่งที่มั่นได้อย่างก็คือ หมอเขตเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอแน่ๆ

“เอาเป็นว่าผมรู้จักน้ำตั้งแต่น้ำเข้ามาเป็นนักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งก็แล้วกันนะครับ” สิขเรศหันมาบอกยิ้มๆก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป

“ไม่ยุติธรรมเลย” สลิลธารยังคงบ่นไปตามเรื่อง

“น่า...อย่าคิดมากเลยครับ ยังไงตอนนี้เราก็รู้จักกันแล้ว ผมจะรู้จักน้ำก่อนหรือน้ำจะรู้จักผมก่อน ไม่เห็นมันจะสำคัญตรงไหนเลย”

“ขี้โกง” แล้วคำว่าแกมประชดเล็กๆก็ตามมาอีกหลายคำตลอดทาง โดยคนถูกว่ายังคงนิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อน แถมยังยิ้มได้อีกต่างหาก

เขารู้จักเธอ...มากกว่าที่เธอคิด

เขาไม่ถือสาเธอ ไม่ว่าเธอจะต่อว่าเขายังไง

เขาให้อภัยเธอได้เสมอ

เพราะเธอ...คือคนที่เขารัก...หมดหัวใจ...ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ

“ขอบคุณนะคะ” เมื่อถึงที่หมาย สลิลธารหันมาบอกสิขเรศที่อุตส่าห์เป็นสารถีมาส่งเธอถึงที่นี่ คุณหมอเขตยิ้มรับ

“จะให้เข้าไปด้วยหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คนบ้านนี้ไม่มีใครทำอะไรน้ำหรอก” หญิงสาวปฏิเสธก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยและก้าวลงจากรถ มือเรียวโบกให้คนบนรถ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มน้อยๆ มองจนซีอาร์วีคันสวยค่อยๆไกลไปจนลับตา

สลิลธารเดินเข้ามาในบ้าน รู้สึกถึงบรรยากาศที่มันวังเวงอย่างไรพิกล ในบ้านเงียบเชียบ ไม่มีสัญญาณบอกว่ามีคนอยู่

...ไปไหนกันหมดนะคนบ้านนี้...

“มาทำอะไร”

“ว้าย! ตะเถรหกตกหล่น” ร่างบางระหงสะดุ้งโหยง อุทานเป็นคำพูดอะไรออกมาที่แม้แต่เจ้าตัวก็ฟังไม่ออกว่ามันหมายความว่าอย่างไร หญิงสาวหันไปมองคนที่ทักเธอจากด้านหลังตาโต

“พี่ต้น! น้ำเกือบหัวใจวายแล้วรู้หรือเปล่า” สลิลธารต่อว่าจนอีกฝ่ายหน้าเริ่มจืดเจื่อนจนต้องเอ่ยคำขอโทษเบาๆ

“ขอโทษที พี่ไม่คิดว่าน้ำจะขวัญอ่อนขนาดนี้” ถึงแม้จะรู้สึกผิดไปบ้าง หากชายหนุ่มก็ต้องพยาสุดความสามารถที่จะต้องกลั้นยิ้มกลั้นหัวเราะแทบตายเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่ตื่นตระหนกของสาวตรงหน้า

สลิลธารขมวดคิ้วมุ่น ปั้นหน้ายักษ์ใส่อีกฝ่าย “น้ำไม่ได้ขวัญอ่อนนะ แค่ตกใจนิดเดียว”

พนาดรพยักหน้าคล้ายกับจะยอมรับว่า ...แค่ตกใจนิดหน่อย ตามคำพูดของสลิลธาร

“แล้วน้ำมาทำไม มีธุระอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มี แต่จะมา ไม่ไดัหรือไงคะ ถ้ามาไม่ได้จะได้กลับ” สลิลธารเริ่มรวนเมื่อเจออีกฝ่ายตั้งคำถามแบบนี้ร่างบางหมุนตัวทำท่าว่าจะกลับ แต่ยังดีที่พนาดรรั้งแขนไว้ได้ทัน

“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พี่ยังไม่ได้ไล่น้ำซักคำเลยนะ ทำไมต้องตีรวนกันด้วย” พนาดรถามอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้จะกลับมาพูดคุยกับเขาดีๆอย่างเมื่อวันวานไม่ได้อีกแล้วหรือ

“น้ำไม่ได้ตีรวนนะ” หญิงสาวเชิดหน้าเถียง บิดแขนตัวเองให้หลุดจากการจับกุม

“ทำไมจะไม่ใช่ เรากลับมาคุยกันแบบเดิมไม่ได้หรือน้ำ ทำไมต้องตั้งแง่ใส่กันด้วย” น้ำเสียงของพนาดรอ่อนลงอย่างเว้าวอน

สลิลธารจ้องมองใบหน้าคมนั้นอย่างชัดๆ ...เหมือนเดิมงั้นหรือ พี่ต้นจะให้น้ำกลับไปเป็นเหมือนเดิมงั้น
เหรอ พี่ต้นพูดง่ายนี่ แต่จะให้น้ำกลับไปเป็นเหมือนเดิม กลับไปทำเหมือนว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น กลับไปทำเหมือนว่าน้ำไม่เคยรักพี่ต้น น้ำ...ทำไม่ได้...

“ขอโทษด้วยค่ะ ที่น้ำทำอย่างที่พี่ต้นขอไม่ได้” พูดจบสลิลธารก็เดินผ่านพนาดรขึ้นไปยังชั้นบน ชายหนุ่มมองตามร่างนั้นด้วยแววตาเศร้าโศก

...นั่นสินะ...เขาคงขอเธอ...มากเกินไป...










สลิลธารเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนของเพื่อนสาว มือบางเคาะไปที่ประตูหลายทีแต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา

“ริน! ริน! นี่น้ำเองริน อยู่ในห้องมั้ย เปิดประตูให้น้ำที...ริน” หญิงสาวตะโกนถามเพื่อน รู้สึกใจคอไม่ดีที่ไม่มีเสียงตอบกลับมาอย่างนี้

มุมหนึ่งซึ่งสลิลธารมองไม่เห็น ธนาดลกำลังมองมาที่หน้าห้องของศรินดาเช่นกัน สายตาคู่นั้นแฝงไปด้วยความเป็นห่วงใยอย่างไม่คิดที่จะปิดบัง

เขาอยากรู้ว่าเธอยังร้องไห้อยู่ไหม

อยากรู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง

แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย...ทำอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว

ประตูห้องถูกเปิดออก สลิลธารผลักเข้าไปอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่เธอเห็นคือสภาพห้องที่ทุกอย่างเกลื่อนกลาด เหมือนกันว่าที่แห่งนี้เคยผ่านการต่อสู้มาก็ไม่ปาน ตามติดด้วยร่างของเพื่อนที่นั่งนิ่งเหมือนไร้วิญญาณอยู่ที่ปลายเตียง

สลิลธารโผเข้าไปหาเพื่อนอย่างรวดเร็ว หญิงสาวทรุดลงนั่งข้างๆ โอบกอดเพื่อนเบาๆ ศรินดายกแขนขึ้นกอดตอบ ซบหน้าเข้ากับบ่าของเพื่อน ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจห้าม

“ร้องออกมาเถอะริน อยากร้องก็ร้องออกมา พอเมื่อไหร่แล้วค่อยเล่าให้เรื่องทั้งหมดให้น้ำฟัง” สลิลธารกระชับอ้อมกอด ไม่ถามอะไรไปมากกว่านี้เพราะเธอรู้สึกได้ว่าตอนนี้ศรินดากำลังบอบช้ำมากกว่าที่เห็นมากนัก

นานกว่าที่เจ้าของห้องจะหยุดร้อง ดวงตากลมโตบวมช้ำจนแทบลืมไม่ขึ้น รินดันตัวออกห่างจากบ่าของเพื่อน ปากบางพยายามคลี่ยิ้มน้อยๆอย่างยากลำบาก

“ขอบคุณ”

สิ้นคำพูดของริน กลับเป็นฝ่ายของสลิลธารบ้างที่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา หญิงสาวโผเข้ากอดเพื่อนแน่น ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อเธอต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วย

“เขา...ใช่ไหมริน เขา...เป็นคนทำใช่ไหม” หมอน้ำปาดน้ำใสๆให้พ้นจากดวงตา เสียงใสถามเพื่อนแผ่วเบา

“ร้องไห้ทำไมน้ำ แกร้องไห้ทำไม ฉันไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย อย่าร้องสิ แกร้องเดี๋ยวฉันก็ร้องด้วยหรอก” รินบอกเพื่อน ไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นทุกข์เพราะเธอเพราะแค่เธอคนเดียวที่ต้องทุกข์เพราะผู้ชายอย่าง ธนาดลมันก็มากเกินพอแล้ว

“ไม่ร้องก็ได้ แต่แกต้องบอกฉันมา คุณดล...เขาทำร้ายแกใช่ไหม ใช่ไหมริน” สลิลธารคาดคั้น แต่รินเบือนหน้าหนีไม่อยากจะตอบอะไรทั้งนั้น เป็นไปได้หญิงสาวอยากจะลืมเรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นไปให้หมดเสียด้วยซ้ำ

“ช่างเถอะ...ฉัน...ไม่อยากพูดถึง ไปอาบน้ำนะ รู้สึกว่าสภาพตัวเองดูไม่ได้เลย จริงไหม” ท้ายประโยค ศรินดาหันมาถามเพื่อนยิ้มๆแบบไม่ต้องการคำตอบแล้วร่างเล็กบางก็เดินเข้าห้องน้ำไป

สลิลธารมองตามหลังเพื่อน เธอต้องรู้ ต้องรู้ให้ได้ว่าธนาดลทำอะไรกับเพื่อนของเธอ เขา...ทำอะไรกับเพื่อนคนสำคัญของเธอ! หญิงสาวลุกขึ้นยืน ก้าวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว โดยหารู้ไม่...ว่าเพื่อนคนสำคัญกำลังมองดูเธอจากหลังประตูห้องน้ำที่แง้มออกมา

โดยที่ไม่ต้องหาให้เหนื่อย โจทก์ที่เธอต้องการจะพบก็เดินออกมาให้เจอกันอย่างง่ายดาย

“น้ำมีอะไรจะคุยกับคุณดล ขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ”

“ครับ” ชายหนุ่มรับคำ ร่างสูงเดินไปยังห้องหนังสือโดยมีสลิลธารเดินตาม...และผู้หญิงอีกคนที่เดินตามอยู่ห่างๆโดยเว้นระยะไม่ให้สองคนที่เดินนำไปเห็น

“คุณทำอะไรริน” สลิลธารถามตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม ธนาดลเองก็พอรู้ว่าคงโดนถามไม่พ้นเรื่องนี้ แต่พอถูกถามเข้าจริงเขากลับไม่รู้จะตอบคำถามนั้นว่าอย่างไรจึงต้องบ่ายเบี่ยงออกไป

“ถามทำไมครับ”

“แล้วถ้าคุณเป็นฉัน ไปเห็นเพื่อนที่รักมากที่สุด นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในห้องคนเดียว น้ำตาไหลเป็นทาง สภาพห้องเกลื่อนกลาดไปด้วยอะไรต่อมิอะไรบ้างก็ไม่รู้ ถามหน่อยเถอะค่ะ ว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือคะ แต่ฉันก็ไม่น่าถาม เพราะคนอย่างคุณคง...ไม่มีหัวใจ ใช่ไหมคะ"

ธนาดลเงยหน้ามองอีกฝ่าย คิดไม่ถึงว่าสลิลธารจะกล้าพูดกันถึงขนาดนี้ แต่จะเถียงคุณหมอผู้นี้กลับไปอย่างนั้นหรือ ไม่ได้หรอก...เขาเถียงไม่ได้เพราะที่หมอน้ำพูดมันจี้ใจดำดวงนี้เต็มๆ

เขา...ไม่มีหัวใจ

“ใช่ครับ...ผมไม่มีหัวใจ เพราะมันตายไปพร้อมกับวันที่ลมหายใจสุดท้ายของแม่ผมสิ้นสุดลง”

สลิลธารเองก็ดูเหมือนจะอึ้งๆไปพักใหญ่ เธอรู้เรื่องนี้จากปากของศรินดาฝ่ายเดียว แต่เธอไม่เคยคุยเรื่องนี้กับธนาดล เธอจึงไม่รู้ ว่าเขามีภูมิหลังกับมารดามากแค่ไหน ฟังจากน้ำเสียงยามที่เอ่ยถึงมารดาผู้ซึ่งล่วงลับ หญิงสาวเพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้เอง ว่าผู้ชายคนนี้มีอดีตที่แสนขมขื่นจริงๆ

“ปล่อยวางไม่ได้หรือคะ ทำไมต้องมาแก้แค้นกันด้วย มันไม่สนุกเลยนะคะคุณดล”

ธนาดลก้มหน้านิ่ง เขาอยากจะบอกสลิลธารจริงๆว่าเขาเองก็ไม่สนุกเลย ตอนนี้การแก้แค้นสำหรับเขามันไม่สนุกเลยจริงๆ แต่เขา...ก็ต้องทำ คำพูดสุดท้ายของแม่มันยังคงชัดเจนในความทรงจำ ภาพสุดท้ายของแม่ที่ต้องนอนร้องไห้อย่างทรมานบนเตียงเพียงคนเดียวยังคงอยู่ในฝันทุกคนตั้งแต่วันที่ท่านจากไปจวบจนวันนี้...ไม่ลบเลือนไปเลย

‘ผู้หญิงคนนั้น...แย่งคุณพ่อไปจากแม่ แย่ง...หัวใจของคุณพ่อ...ไปจากแม่’

“ไม่ได้ครับ” คำตอบนั้นหนักแน่น “ยังไงผู้หญิงคนนั้นกับศรินดาก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่ผมกับแม่ต้องสูญเสีย”

สลิลธารถอนหายใจ ทำไมเธอถึงเกลี้ยกล่อมใครไม่ได้สักคน ทั้งธนาดลหรือแม้แต่ศรินดา ทำไมทั้งคู่จะต้องมาจมปลักอยู่กับการแก้แค้นทั้งๆที่มันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา คนที่ตายไปแล้วก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมามีลมหายใจบนโลกนี้ใหม่ แล้วทำไมคนที่มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้ต้องจมอยู่กับการแก้แค้นให้หัวใจมันทุกข์ด้วยเล่า

“น้ำ...ถามอะไรคุณดลซักอย่างได้ไหมคะ”

“ได้สิครับ”

“คุณดล...จะไม่...รักริน...ใช่ไหมคะ” คำถาม...ที่สลิลธารไม่แน่ใจว่าจะถามออกไปดีหรือไม่ เธอไม่แน่ใจในคำตอบและความรู้สึกของธนาดลแต่หญิงสาวก็เลือกที่จะถาม

ธนาดลเองก็นึกไม่ถึงว่าตนเองจะโดนคำถามอะไรแบบนี้ เช่นเดียวกับคนที่แอบฟังอยู่หลังประตู ศรินดาเองก็ไม่คาดคิดว่าสลิลธารจะถามคำถามในทำนองนี้ และยิ่งไม่คิดว่าคำตอบมันจะเป็นอย่างอื่นนอกจากคำว่า ‘ไม่’

แต่ทำไมใจเธอต้องเต้นแรงด้วย

ทำไม...เธอต้องลุ้นว่าคำตอบที่หลุดออกจากปากของธนาดลจะเป็นเช่นไร

นี่เธอ...ต้องการอะไรกันแน่...ศรินดา

“ครับ...ผม...ไม่มีทางที่จะรักผู้หญิงคนนั้น...ไม่มีทาง”

คำตอบนั้นเหมือนจะแน่วแน่หากมันก็ไม่มั่นคงเอาเสียเลย ไม่มั่นคงเพราะในใจมันไม่ได้คิดเช่นนั้นสักนิด แต่ธนาดลก็ต้องตอบไปเช่นนั้น แม้จะมีเส้นทางพอที่ให้เลือกก้าวเดิน แต่ในตัวเลือกเหล่านั้นไม่มีเส้นทางที่เขาจะรักศรินดาได้เลย...ไม่มี

“ขอให้ทำตามคำพูดของคุณด้วยนะคะคุณดล เพราะอย่างน้อยรินก็ไม่ต้องเสียใจ และคุณเองก็ไม่ต้องเสียใจเช่นกัน”

หากทั้งธนาดลและสลิลธารก็ต้องตกใจเมื่อประตูของห้องหนังสือค่อยๆแง้มออกเข้ามาพร้อมกับร่างเล็กบางคุ้นตาที่ยังอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จะไม่เหมือนเดิมก็ตรงที่สายตาเย็นชาคู่นั้นที่มองตรงมายังทางธนาดล มันว่างเปล่าจนชายหนุ่มรู้สึกใจหายอย่างไรบอกไม่ถูก

“ริน” สลิลธารเรียกชื่อเพื่อนเบาๆ

ศรินดาเชิดหน้าขึ้นเพื่อบดบังรอยน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาอีกระลอก

“งั้นคุณก็ฟังฉันให้ดีๆนะคะคุณดล ฉันก็ไม่มีทางที่จะรักผู้ชายอย่างคุณเช่นกัน ไม่มีวันที่ฉันจะรักคนที่เกลียดที่สุดอย่างคุณ!”

ร่างที่กำลังสั่นเทิ้มหันหลังออกจากห้องก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา ทำไมต้องร้อง...ศรินดาเองก็ไม่รู้ หาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมต้องร้อง แต่เธอรู้ว่าขอบตามันร้อนผ่าวเมื่อไหร่ มันร้อน...เมื่อผู้ชายคนนั้นตอบคำถามออกมา ว่าเขาจะไม่รักเธอ...

...ทำไมนะริน เธอก็ไม่ได้รักเขานี่ ไม่ได้รักแล้วก็จะไม่มีวันรัก! จะต้องไปร้องไห้ให้กับผู้ชายอย่างนี้ทำไมกัน!!...

ธนาดลมองร่างที่เดินออกไปด้วยหัวใจที่บอบช้ำไม่แพ้กัน ผู้หญิงคนนั้นจะรู้บ้างไหม ว่าคำพูดเมื่อครู่ของเธอทำร้ายเขาได้มากกว่าที่เธอคิดมากนัก

ถ้าเลือกได้...เขาขอที่จะเกลียดเธอเหมือนอย่างตอนแรกที่เขาเกลียด

ถ้าเลือกได้...เขาขอที่จะไม่รู้จักเธอ

เขารู้แล้วว่าทำไมเขาถึงยังไม่เคยรักใครจริงจัง เพราะเขายังมีเงาของใครบางคนอยู่ในใจ

เงาของใครบางคน...ที่เขาคิดจะทำร้ายอยู่ตลอดมา

เงาของใครบางคน...ที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามันจะมีความรู้สึกที่เรียกว่า 'รัก' แฝงอยู่

เงาของเธอ...เงาของ...ศรินดา

----------------------------------------------------------------------------------------------

หลังๆปอแก้วรู้สึกสงสารคุณดลนะคะ เพราะความแค้นที่มีและภาพในอดีตที่เจ็บปวดยังคงฝังใจและย้ำเตือน...

ตอนแรกร้ายไว้มาก พอตอนหลังรู้ว่ารักเลยเจ็บมากเป็นธรรมดา...

ขอบคุณทุกคนที่ยังคอยติดตามอ่านนะคะ ทุกไลค์ ทุกคอมเมนท์ ขอบคุณจริงๆค่ะ

พรุ่งนี้เจอกันใหม่จ้า...



คุยกันค่ะ ... :)


คุณ ปรางขวัญ : เพราะภาพที่ย้ำเตือนในอดีตยังทำให้คุณดล ลืมความแค้นไปไม่ได้ค่ะ แล้วนายนนท์ก็ดีแสนดีกับนางเอกจริงๆ คุณดลก็อยากทำดีนะคะ (ตอนนี้น่ะ) แต่ภาพและคำพูดของแม่ก็ยังก้องอยู่ในหัวอยู่เลย...เค้าเลยกำลังสับสนน่ะค่ะ

คุณ nunoi : และคุณดลจะต้องเจ็บอย่างนี้ไปเรื่อยๆค่ะ ทำตัวเองกันแท้ๆ

คุณ ดาวคันชั่ง : ใช่เลยค่ะ ยิ่งรู้ก็ยิ่งเจ็บมาก (เรื่องพี่อาร์ม...รอตอนต่อไปกันหน่อยนะคะ ใกล้จบแล้วๆ)

คุณ anOO : ฮือออ มันจะยังบีบหัวใจต่อไปค่ะ เพราะคุณดลไม่ยอมวางความแค้น และรินยังไม่รู้ว่าคุณดลน่ะรัก แถมยังมีนนท์อยู่ข้างๆอีก

คุณ Auuuu: ตอนนี้ก็ยังเศร้าอยู่นะคะ คุณดลร้ายมาเยอะ ตอนนี้ก็เลยต้องเศร้าเยอะเช่นกันค่ะ

คุณ MYsister : แล้วตอนนี้คุณดลก็ยังน่าสงสารอยู่ใช่ไหมคะ (แต่ก็ยังมีแอบร้ายนะ...)

คุณ เด็กหญิงม่อน : ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ :) แล้วพออ่านตอนนี้...คุณดลก็ยังน่าสงสารใช่ไหมคะ (แหะๆ...คนเขียนจงใจนั่นเอง...)





ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 เม.ย. 2555, 10:11:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 เม.ย. 2555, 10:11:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1986





<< บทที่ 13   บทที่ 15 >>
roseolar 22 เม.ย. 2555, 11:59:53 น.
สงสารทั้งคุณดลแล้วก็พี่ต้นเลย
ทั้งสองต่างก็มีปมในใจ ทำให้ไม่สามารถแสดงออกว่ารักได้ แถมยังปากหนักเสียจนคนอ่านคิดว่าจะหาอะไรมาง้างปาก สองสาวของเราจะได้มีความสุขกับเขาเสียที
ปล.ตอนแรกชอบพี่ต้น แต่ตอนนี้ชอบหมอเขต ไม่รู้หนูน้ำจะคิดเหมือนกันบ้างรึเปล่า >_<


บุรีวาด 22 เม.ย. 2555, 13:21:17 น.
เรื่องนี้มีสองคู่ ทั้งสองคู่มีปัญหาให้แก้ไข เฮ้ออ แอบเศร้าเล็กน้อย


Auuuu 22 เม.ย. 2555, 13:55:35 น.
หมอเขตน่ารักกกกอ่ะะะะะะ


anOO 22 เม.ย. 2555, 14:16:47 น.
ต่างคนต่างไม่ยอมรับความจริงกันแบบนี้ คนอ่านก็คงต้องเศร้ากันต่อไป


เด็กหญิงม่อน 22 เม.ย. 2555, 15:16:03 น.
ตอนที่แล้วคุณดลน่าสงสาร แต่ตอนนี้น่าสงสารทั้งคู่เลยค่ะ


ดาวคันชั่ง 22 เม.ย. 2555, 15:53:23 น.
หมอเขตน่ารัก พี่ต้นก็น่ารัก โอ้ย เลือกไม่ถูก(ทำเหมือนตัวเองเป็นหมอน้ำ - -")

คุณดลกับรินน่าสงสาร เลิกแค้นแล้วมารักๆกันเถอะ


nunoi 22 เม.ย. 2555, 19:25:08 น.
ตอนนี้สงสารทุกคนเลย รู้ตัวว่า "รัก" แต่ไม่สามารถบอกออกมาได้


Amata 22 เม.ย. 2555, 20:26:45 น.
น่าสงสารไปหมดทุกคนเลย


MYsister 22 เม.ย. 2555, 22:04:26 น.
So saddddd T_T ( lov kun Donnn teung ja rai gaw lov ka ;-) ) ....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account