หัวใจเร้นรัก
เขาเกลียดการถูกบังคับ เขาเกลียดเธอ และสุดท้ายเขาเกลียดตัวเอง...ที่เกลียดเธอจริง ๆ ไม่ได้สักที
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทนำ
หัวใจเร้นรัก: ในนามปากกา จินดาปาตี
“เกิดเรื่องบ้านี่ขึ้นได้ยังไง ทำไมไม่มีใครเคยบอกผมว่าคุณปู่เป็นโรคหัวใจ!” เตวิช ภูติธัชตวาดเอาเรื่องกับคนในบ้านทันทีที่ออกจากห้องพักฟื้นปรานต์ ภูติธัช ผู้เป็นปู่ลงมาถึงห้องรับแขกอันโอ่อ่าชั้นล่าง
ชายหนุ่มกระชากถอดเสื้อคลุมออกเขวี้ยงไปทางหนึ่งหล่นลงบนศีรษะคนขับรถที่สะดุ้งโหยงลนลานพับเก็บไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตา ‘คุณหนู’ ของบ้าน
“ลุงโอภาส” เตวิชไล่เบี้ยคนสนิทปรานต์เป็นคนแรก
ชายร่างสันทัดวัยห้าสิบปีคนนี้ทำงานกับปรานต์ตั้งแต่ยังหนุ่ม เป็นตั้งแต่เลขาฯ ไปกระทั่งทนายความประจำตระกูลช่วยจัดการทุกสิ่งตามที่ปรานต์สั่ง ดังนั้นไม่มีทางเลยที่คนทำงานใกล้ชิดขนาดนี้จะไม่รู้เรื่องโรคหัวใจ
โอภาสยืนกุมมือตัวลีบรวมกลุ่มอยู่กับคนทำงานในบ้านคนอื่น ๆ นึกอยู่แล้วว่าวันหนึ่งระเบิดจะต้องมาลงที่เขา ปรานต์ตรวจสุขภาพประจำปีไม่เคยขาด และพบว่าเป็นโรคหัวใจเมื่อห้าปีก่อน แพทย์ประจำตัวคอยดูแลทั้งทางด้านคำปรึกษาและยาอย่างดี อาการภายนอกจึงปกติ แต่ในปีหลังมานี้ทั้งสภาพเศรษฐกิจ วัยที่สูงขึ้น บวกกับความเครียดห่วงทั้งธุรกิจและหลานชายเพียงคนเดียวทำให้อาการยิ่งทรุดหนัก โอภาสร่ำ ๆ จะกระซิบบอกเรื่องนี้กับเตวิชอยู่หลายครั้งติดที่คำสั่งเป็นคำสั่งตายของปรานต์ที่ห้ามไม่ให้บอกหลานชายเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถือว่าเขาเนรคุณ เจอคำนี้เข้าไปคนกตัญญูรู้คุณข้าวแดงแกงร้อนอย่างโอภาสหรือจะกล้า
“เอ่อ...”
“เอ่ออะไร” เตวิชตะคอก เสียงดังสนั่นบ้าน นัยน์ตาดุกร้าวจ้องหน้าโอภาสอย่างเอาเรื่อง ลุกขึ้นจากโซฟาราคาแพงตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้า ส่วนสูงร้อยแปดสิบเศษของเขาข่มโอภาสที่ยืนหน้าซีดเหลือตัวนิดเดียว หากเทียบอายุกันแล้วเตวิชรุ่นลูกรุ่นหลานโอภาสทีเดียว แต่ในความเป็นนายกับบ่าว ทายาทคนเดียวของตระกูลภูติธัชกับคนสนิทของปรานต์ เทียบชั้นกันไม่ได้เลย ทุกคนในบ้านทั้งรักทั้งกลัวฤทธิ์เดชคุณฝุ่นมาจากชื่อเล่นใต้ฝุ่น ของเตวิชทั้งสิ้น เมื่อก่อนเตวิชอาจดูเป็นเด็กหนุ่มเอาแต่ใจออกฤทธิ์แค่ไหนก็ยังคงความเป็นเด็กในสายตาคนในบ้าน แต่กลับมาคราวนี้รูปร่างผอม ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสูงสง่าสมส่วน สุขุมขึ้นดุขึ้นจนแทบไม่มีใครกล้าสบตา
“ท่านห้ามไว้ครับ”
โอภาสตอบตามความจริง เตวิชไม่ใช่คนโง่ ถ้าขืนปดว่าไม่รู้มีหวังนรกมาเยือน ตอบแล้วนิ่งฟัง หายใจไม่ทั่วท้อง เดาไม่ถูกถึงปฏิกิริยาต่อจากนั้น
เตวิชนิ่งอยู่นาน...นานราวกับจะไม่พูดสิ่งใดอีกแล้ว อย่างคนกำลังโกรธสุดขีดกับเรื่องราวคาดไม่ถึงนี้ เขาเดินทางไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อสามปีก่อน ใช้เวลาเรียนอยู่สองปีครึ่งก็จบการศึกษาสมใจ อีกครึ่งปีต่อจากนั้นหมดไปกับความเสเพลล้วน ๆ จนปรานต์ที่ตามให้กลับแต่ไม่เคยได้ผลมาทุกครั้งต้องยื่นคำขาดตัดปู่ตัดหลาน
ไม่นึกเลย กลับมาคราวนี้ หวังจะนำความสำเร็จมาอวดคุณปู่กลายเป็นว่ากลับมาเยี่ยมท่านที่นอนหายใจแผ่วเบาอยู่บนเตียง “ลุงทำอะไรลงไปรู้ตัวไหม” เสียงถามพร่าสั่นเล็กน้อย “ถ้าผมกลับมาไม่ทันล่ะ หรือจะต้องให้ผมกลับอีกทีตอนงาน...”
“คุณหนู!” แจ่มจันทร์ แม่บ้านใหญ่ประจำบ้านกรีดร้อง ถลาเข้าเกาะแขนเตวิช เตือนเสียงสั่น “คุณท่านยังนอนอยู่ข้างบนนะคะ อย่าพูดค่ะ”
ใช่ยังนอนอยู่เพราะปรานต์ดื้อแพ่งจะพักฟื้นที่บ้าน แต่หมอไม่ใช่หรือที่บอกเขาเมื่อครู่นี้ให้ทำใจและร่ำลาท่านเสีย ขอบตาเตวิชร้อนผ่าว ก้อนแข็งแล่นขึ้นจุกลำคอ ข่มเสียงสุดความสามารถ
“ผมรู้ แต่จำไว้ ถ้าคุณปู่เป็นอะไร ทุกคนรวมถึงป้าด้วย ผมจะไล่ออกให้หมด!” เตวิชประกาศเปรี้ยง สะบัดแขน เดินตึง ๆ กลับขึ้นชั้นบนสวนกันกับนายแพทย์พีรัช
“เดี๋ยวครับคุณฝุ่น”
ทั้งสองหยุดสนทนาระหว่างทางขึ้นบันได
“ครับลุงหมอ”
“จะเข้าเยี่ยมท่านอีกหรือครับ ผมว่าอย่าเพิ่งดีกว่าให้ท่านพักผ่อนก่อน”
สีหน้าเตวิชเรืองรองด้วยความหวัง “พูดอย่างนี้แสดงว่าคุณปู่มีสิทธิ์หายหรือครับ”
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเขาสาบานจะไม่ทำให้ท่านหนักใจอีก ขอแค่คุณปู่ยังมีชีวิตอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่เขาต่อไปเท่านั้น แต่ความหวังก็พลันทลายเมื่อพีรัชส่ายหน้า
“หัวใจท่านอ่อนแอเต็มที”
“งั้นก็ไม่ต้องห้าม ผมจะไปอยู่กับคุณปู่” เตวิชเอ่ยอย่างดื้อดึง เดินตรงไปยังห้องพักฟื้นของปรานต์ทันที
นายแพทย์พีรัชมองตาม เข้าใจและนึกเห็นใจชายหนุ่มด้วยซ้ำ ลงมาถึงชั้นล่างเห็นคนงานในบ้านยืนจับกลุ่มท่าทางเงื่องหงอยก็พอเข้าใจ “โดนหางเลขเข้าล่ะสิ”
“ใจกลางพายุเลยต่างหากคุณหมอ” โอภาสตอบ
“กำลังเสียใจก็อาละวาดเป็นธรรมดา”
“ก็...ครับ” คนเก่า ๆ รู้นิสัยคุณหนูดี แต่เวลาถูกอาละวาดทีมิวายใจฝ่อทุกครั้ง “คราวนี้ขู่ด้วยว่าถ้าท่านเป็นอะไรจะไล่พวกผมออกหมด”
พีรัชหันมาสบตาแจ่มจันทร์เชิงขอคำยืนยัน
“จริงค่ะ”
คนฟังถอนใจยาว ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเห็นทีบ้านนี้จะร้าง อาการของปรานต์เกินเยียวยาเสียแล้ว อย่างไรก็ต้องลาจากโลกนี้ไปในอีกไม่นาน
ห้องพักฟื้นเดิมเป็นห้องนอนรับแขก อยู่มุมสุดทางเดินทางด้านซ้าย เป็นอีกห้องหนึ่งที่มองเห็นวิวทิวทัศน์เกือบทั่วคฤหาสน์ เตวิชเปิดประตูห้องเบามือ จรดปลายเท้าถึงเตียงและทรุดนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงตัวหนึ่ง มองดูใบหน้าเหี่ยวย่นบนหมอนก็ให้ใจหาย ไม่น่าเชื่อว่าคุณปู่ที่เคยดูอ่อนกว่าวัยมาตลอดกลับทรุดโทรมชรามากถึงเพียงนี้
ปรานต์กำลังหลับ จังหวะหน้าอกสะท้อนขึ้นลงไม่ค่อยสม่ำเสมอ เตวิชวางมือทับหลังมือผู้เป็นปู่ตั้งใจให้กำลังใจท่านมากกว่าปลุกให้ตื่น แต่คนป่วยเหมือนไม่ได้หลับสนิท ปรานต์ลืมตาขึ้น ดวงตาฝ้าฟางเหม่อมองหลานด้วยแววรักใคร่
“เจ้าฝุ่น”
“คุณปู่” เตวิชฝืนส่งยิ้ม
“ปู่ใกล้เดินทางไกลแล้วละหลาน ย่าเขามารอ” รอยยิ้มจุดขึ้นประดับใบหน้า ปลายนิ้วเหี่ยวย่นชี้ไปทางด้านหลังเตวิช
ชายหนุ่มหันขวับ ขมวดคิ้วมองความว่างเปล่า ว่ากันว่าคนใกล้สิ้นลมมักเพ้อถึงญาติพี่น้องที่เสียชีวิตก่อนหน้า อาการของปรานต์พานให้คนใจไม่ดีอยู่แล้วยิ่งแย่หนัก
“มีที่ไหนกันครับปู่ ผมอยู่นี่คนเดียว ปู่ต้องหายนะครับ” เตวิชค้าน ใจเสียกับสัญญาณแห่งการลาจาก
“อย่าหลอกตัวเองเลย ปู่แก่เกินจะอยู่” ปรานต์ยื่นมือไขว่คว้า เตวิชขยับเก้าอี้ยื่นหน้าเข้าใกล้รับสัมผัสจากมือคุณปู่แตะลงบนแก้ม
ถ้ามองจากสภาพท่าน เตวิชไม่อาจปฏิเสธได้ เขากัดกรามแน่น บีบมือท่าน เถียงเบา ๆ “ยังหนุ่มอยู่ครับ ต่างจากตอนปู่เอาผมขึ้นขี่คอไม่เท่าไหร่เลย”
อดีตทุกบทตอนระหว่างปู่หลานชัดเจนเสมอแม้ในยามเส้นสายชีวิตกำลังจะแผ่วขาด ปรานต์ฟังแล้วหัวเราะเท่าที่แรงมี ความสุขใจในชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากหลานชายทั้งนั้น ก่อนตายได้เห็นหน้าก็ตายตาหลับ
“ดื้อเหมือนเคย”
“งั้นปู่ต้องอยู่ปราบสิครับ”
“เจ้าฝุ่น ปู่รักเรา” ปรานต์พูดไปอีกทางราวกับท่านจับใจความไม่ค่อยได้แล้ว ทำให้เตวิชยิ่งกลัว
“ปู่พักเถอะครับ” เผื่อว่าหลับสักตื่นท่านจะดีขึ้น กลับแข็งแรงดังเดิม
ปรานต์หลับตาลง ท่าทางเหนื่อยอ่อนอย่างเตวิชเห็นแล้วใจหาย ชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ยอมไปไหน นึกเสียดายเวลาสามปีระหว่างอยู่ต่างประเทศ ถ้ารู้เช่นนี้เขาจะไม่มีวันก้าวออกจากประเทศไทยแม้ครึ่งก้าว
สายตาคนเฝ้าไข้แปรจากใบหน้าปรานต์มายังกรอบรูปขนาดโปสการ์ดบนโต๊ะวางสิ่งของใกล้หัวเตียง เขาหยิบมันขึ้นจ้องมองภาพถ่ายเก่าแก่ตามกาลเวลา ในนั้นปรานต์ยังหนุ่มนัก ท่านนั่งสง่าบนเก้าอี้หรูหราตัวใหญ่ ยืนขนาบด้านหลังด้วยชายหญิงคู่หนึ่ง...พ่อกับแม่ ส่วนเด็กชายเล็ก ๆ ถูกห่อหุ้มอบอุ่นอยู่ในผ้าอ้อม...หลับปุ๋ยในอ้อมแขนปรานต์
เตวิชมีความทรงจำเกี่ยวกับบิดามารดาน้อยมาก ตอนท่านทั้งสองเสียชีวิตเพราะประสบจราจลกลางเมืองเกิดขึ้นกะทันหันระหว่างท่องเที่ยวต่างประเทศ เตวิชอายุได้ 3 ขวบ ปรานต์รับหลานชายคนเดียวไว้ในอุปการะ เลี้ยงดูให้ทั้งความรักความอบอุ่นรวมถึงข้าวของเงินทองไม่เคยขาด
การขาดทั้งพ่อและแม่ไม่เคยเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิตสำหรับคนรู้ว่ามีและสูญเสียตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ปรานต์เสียอีกที่เป็นทุกสิ่งอย่าง ประคบประหงมทดแทนความเป็นพ่อแม่ของลูกชายลูกสะใภ้อย่างเกินพอ
ภวังค์ความคิดเตวิชถูกดึงกลับสู่ปัจจุบัน เขาหันกลับมามองหน้าปรานต์ซึ่งไม่เหลือเค้าชายผู้สง่าในรูปภาพ ดู ๆ เหมือนไม้ผุพังใกล้สูญสลายมากกว่าอย่างอื่น ได้แต่ภาวนาถึงปาฏิหาริย์
“อยู่กับผมนาน ๆ นะครับคุณปู่”
ทว่าปรานต์ได้ลาจากโลกในคืนนั้นเอง...
คฤหาสน์ตระกูลภูติธัชถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศซึมเซา ศพของปรานต์ได้รับการทำพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติ เตวิชจัดการเก็บศพคุณปู่ไว้ร้อยวันจึงทำพิธีฌาปนกิจ ตลอดเวลาหลังการเสียชีวิตของปรานต์ เตวิชเคลื่อนไหวราวกับหุ่นยนต์ ไม่ค่อยกินค่อยนอนจนคนในบ้านที่ชายหนุ่มเคยประกาศว่าจะไล่ออกแต่ไม่ถูกไล่ออกสักคนเป็นห่วง
“คุณหนูขาทานข้าวบ้างเถอะค่ะ” แจ่มจันทร์เคาะประตูห้องนอนเตวิชก่อนถือวิสาสะเข้าห้อง เธอโบกมือไปมาไล่อากาศอับทึบผสมกลิ่นเหล้า เดินมาเปิดม่านและหน้าต่างออกทุกบานให้อากาศถ่ายเท
ลำแสงแดดยามบ่ายสาดผ่านเข้ามา เตวิชตะแคงตัวหนีทั้งยังดึงหมอนขึ้นปิดหู แจ่มจันทร์ส่ายศีรษะ อาศัยว่าเคยเลี้ยงดูมาแต่เล็กแต่น้อยจึงกล้าพอดึงหมอนนั้นออกพร้อมกับพยายามรั้งร่างคุณหนูลุกขึ้น
“เหม็นไปทั้งตัว อาบน้ำเสียหน่อยนะคะจะได้สดชื่น แจ่มทำของโปรดไว้ให้คุณฝุ่นหลายอย่างรีบลงไปทานนะคะ”
“ไม่หิว” ทิ้งตัวลงนอน
“คุณหนู ไม่หิวอะไรคะแจ่มว่าไส้มันจะขาดซะก่อนถ้ากินแต่เหล้าแบบนี้ สภาพดูไม่ได้เลย ถ้าคุณท่านรู้ต้องเสียใจแน่”
เท่านั้นเอง เตวิชลืมตาขึ้น ลุกนั่งผมเผ้ายุ่งเหยิงอีกทั้งหนวดเคราครึ้มไปหมด แต่ในสายตาของแจ่มจันทร์ คุณหนูของเธอยังดูดีเสมอ ดูหรือรูปร่างออกสูงสมาร์ทอย่างกับนายแบบ ปากคอคิ้วคางราวกับพระลักษมณ์เสียแต่พระลักษณ์องค์นี้ชอบทำตาดุ กราดเกรี้ยวเอากับคนใกล้ชิดบ่อยสักหน่อย ขนาดเหม็นกลิ่นเหล้าไปทั้งตัว เสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมออกหมดดูรุ่ยร่ายยังหล่อเหลาอยู่นั่นเอง
อาการนิ่งเงียบอย่างนี้แสดงว่ารู้สึกตัว แจ่มจันทร์รีบชิงโอกาสนี้ตะล่อมต่อ
“ไปนะคะคนดีของป้า อาบน้ำค่ะ แล้วลงไปทานข้าว อีกชั่วโมงเศษ ๆ จะได้เวลาเปิดพินัยกรรมแล้ว”
นัยน์ตาคนฟังขุ่นจัดขึ้นทันที “ผมไม่สนใจ”
สมบัติพวกนั้นเทียบไม่ได้เลยกับการสูญเสียผู้เป็นที่รักเคารพเพียงคนเดียวในชีวิต แจ่มจันทร์เข้าใจความรู้สึกชายหนุ่มดี เธอเองทำงานรับใช้ปรานต์ตั้งแต่สาวจนอายุเท่านี้ ผูกพันกับตระกูลภูติธัชอย่างมาก เมื่อสูญเสียท่านอย่างไม่มีวันย้อนกลับคืนได้ทุกคนต่างเสียใจ แต่ชีวิตข้างหลังยังต้องดำเนินต่อ จะปล่อยให้คุณหนูซังกะตายต่อไปเห็นจะไม่ดีแน่
“แจ่มทราบค่ะ แต่เป็นความประสงค์สุดท้ายของคุณท่าน คุณหนูคงไม่อยากขัดใช่ไหมคะ” พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
แล้วก็ได้ผล เตวิชยอมเดินเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนชุดใหม่เตรียมตัวสำหรับการเปิดพินัยกรรม
ถึงเวลาเปิดพินัยกรรม โอภาสในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวทับในกางเกงสแล็กส์เรียบร้อยรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมหน้าด้วยกรรมการบริษัท ภูติธัช จำกัด สามคน แจ่มจันทร์และนายแพทย์พีรัช
เตวิชเสยผมอย่างเหนื่อยหน่าย ยกมือไหว้กรรมการทั้งสามและพีรัชแล้วนั่งลงกลางวง สั่งโอภาส
“เปิดให้จบ ๆ ไป”
โอภาสก้มศีรษะรับ ดึงกระดาษใบสำคัญออกจากซองเอกสารสีน้ำตาล กล่าวนำ “ก่อนอ่านพินัยกรรมผมขอเรียนให้สักขีพยานทุกท่านทราบว่านี่เป็นพินัยกรรมฉบับจริงเขียนด้วยลายมือคุณปรานต์เอง ทุกข้อเป็นความประสงค์ของท่านทั้งสิ้น เมื่อทราบโดยทั่วกันแล้ว ผมในฐานะทนายมีหน้าที่ทำให้ความประสงค์นั้นสำเร็จลุล่วงทุกประการ”
จากนั้นโอภาสเริ่มอ่านพินัยกรรม ใจความว่า
พินัยกรรมฉบับนี้ทำขึ้นที่คฤหาสน์ภูติธัช ข้าพเจ้าปรานต์ ภูติธัช มีความประสงค์ถ่ายโอนยกทรัพย์สินดังรายการต่อไปนี้
1. ที่ดินทุกแปลงที่ข้าพเจ้าครอบครองอยู่ขอมอบให้ นายเตวิช ภูติธัช
2. ตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท ภูติธัช จำกัด ขอมอบให้ นายเตวิช ภูติธัช โดยขอให้กรรมการบริษัททุกท่านถือการตัดสินใจนี้เป็นที่สิ้นสุด ให้ช่วยกันดูแลกิจการต่อไปด้วยดีดังที่เคยเป็นมา
3. ตำแหน่งประธานมูลนิธิโอบรัก ขอแต่งตั้งให้ นายเตวิช ภูติธัช เป็นผู้ดำรงตำแหน่งคนต่อไป
4. เครื่องเพชรเครื่องทองในธนาคารขอมอบให้ นายเตวิช ภูติธัช
5. บ้านและที่ดินคฤหาสน์ภูติธัช ขอมอบให้ นายเตวิช ภูติธัช
6. สำหรับนายโอภาส และนางแจ่มจันทร์ ขอมอบเงินสดให้คนละ 5,000,000 บาท
นายโอภาสผู้ทำหน้าที่อ่านพินัยกรรมสบตากับแจ่มจันทร์แวบหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างซาบซึ้งน้ำตาซึม โอภาสเกรงจะเป็นการขัดจังหวะการอ่านพินัยกรรมก็รีบรวบรวมสมาธิอ่านต่อ แต่ก่อนหน้านั้นแอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดเสียวถึงผลที่จะตามมาหลังอ่านจบ
อนึ่ง นายเตวิช ภูติธัช จะได้รับมรดกตามข้อ3-5ต่อเมื่อแต่งงานกับนางสาวรติมา เนตรรัตน์ อย่างถูกตามตามประเพณีและกฎหมายเท่านั้น หากนายเตวิชไม่ยินยอมตามนี้ให้สิทธิ์ขาดในทรัพย์สินและตำแหน่งประธานมูลนิธิโอบรักตามที่ระบุในข้อ 3-5 ตกเป็นของนางสาวรติมา เนตรรัตน์ แต่เพียงผู้เดียว
“อ่านใหม่ซิ” เสียงสั่งการห้าวต่ำ นัยน์ตาขุ่นขวาง
“แต่ว่า...” โอภาสรู้สึกถึงลำคอที่บีบหดจนตีบตันไม่สามารถเปิดทางให้น้ำลายไหลผ่านลงไปได้
“ผมบอกให้อ่านใหม่!” เตวิชฟาดมือกับโต๊ะเปรี้ยง ตะคอกสั่ง สักขีพยานร่วมฟังการเปิดพินัยกรรมสะดุ้งโหยง
โอภาสหมดหนทางเข้าจำต้องอ่านซ้ำอีกหน เตวิชขมวดคิ้วแน่นขุ่นใจระคนสงสัย
“นี่มันพินัยกรรมปลอมชัด ๆ คุณปู่ไม่มีวันทำแบบนี้” เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าปู่ซึ่งเป็นที่รักเคารพจะวางเงื่อนไขให้แต่งงานกับผู้หญิงแปลกหน้าชื่อไม่เคยได้ยินหน้าไม่เคยเห็นสักครั้งเพื่อแลกกับการมอบทรัพย์สินเหล่านี้
“โธ่คุณฝุ่นครับ ผมหรือจะกล้า”
ข้อนั้นเตวิชรู้ดี โอภาสจงรักภักดีต่อปรานต์มาทั้งชีวิตคงไม่แผลงเอาพินัยกรรมปลอมมาอ่าน เขาไม่เคยสงสัยในความจริงใจของชายวัยกลางคนผู้นี้สักครั้งเดียว
แสดงว่าเป็นของจริง แต่เกิดอะไรขึ้นถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ ยิ่งคิดเตวิชยิ่งหงุดหงิด ทางด้านเงินทอง ตอนบิดามารดาเสียชีวิตเขาได้รับมรดกแล้วส่วนหนึ่ง เป็นส่วนที่กินใช้อย่างฟุ่มเฟือยโดยไม่ต้องทำงานไปทั้งชาติด้วยซ้ำ เขาไม่ใช่คนโลภจึงไม่ได้สนใจในมรดกคุณปู่มากไปกว่า...
“รติมาเป็นใคร ผมไม่เคยได้ยินชื่อ”
“เอ้อ...” โอภาสพยายามอธิบายแต่เตวิชเหมือนถามไปอย่างนั้นเองเพราะยังคงกราดเกรี้ยวต่อไม่ฟังเสียง
“ใกล้ชิดกับคุณปู่มากน้อยแค่ไหนถึงทำให้คุณปู่เขียนพินัยกรรมบ้า ๆ นี่ขึ้นมาได้ ลุงโอภาสบอกผมมาเดี๋ยวนี้ แม่นี่เป็นพวกรอบจัดมาหลอกล่อคนแก่ให้ยกสมบัติให้ใช่ไหม แล้วทำไมวันนี้เขาไม่มาด้วย อยากเห็นหน้านักไอ้พวกหวังรวยทางลัดเนี่ย”
“ใจเย็นก่อนสิครับ ฟังผะ...ผม” พูดไม่ทันจบประโยคถูกเตวิชตัดความอีกแล้ว
ชายหนุ่มลุกพรวด หน้าตาถมึงทึง “รู้จักบ้านแม่คนนี้ไหม”
“คะ....ครับ”
เตวิชเหยียดยิ้มเหี้ยม “ดี งั้นพาไปซิ ผมอยากพบว่าที่เจ้าสาวเสียหน่อย อยากเห็นนักหน้าตาผู้หญิงเห็นแก่เงินเป็นยังไง!”
akani
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 เม.ย. 2555, 16:54:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 เม.ย. 2555, 16:54:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 2219
Siang 20 เม.ย. 2555, 17:05:49 น.
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากจริงๆ หวังว่านางเอกจะไม่ยอมแพ้พระเอกนะคะ ขอแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ^_^
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากจริงๆ หวังว่านางเอกจะไม่ยอมแพ้พระเอกนะคะ ขอแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ^_^
panon 20 เม.ย. 2555, 17:08:40 น.
รอตอนต่อไปจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รอตอนต่อไปจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ม่านฝัน 20 เม.ย. 2555, 17:10:45 น.
รออ่านค่ะ
รออ่านค่ะ
Zephyr 20 เม.ย. 2555, 18:11:22 น.
โอ้วววววววววววววว ไต้ฝุ่น แรงสมชื่อจริงๆ ลมเพลมพัดอีกต่างหาก ขึ้นๆลงๆ ซัดดะไม่เลี้ยง ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่สนหัวหงอกหัวดำเลย
ฮู้ยยยย รติมา จะไหวมั้ยเนี่ย แอบสงสารก่อนได้มะ เอ๊ หรือแรงพอกันนะ ว่าแต่ สงสัยเหมือนกัน รติมาเป็นใคร ???
โอ้วววววววววววววว ไต้ฝุ่น แรงสมชื่อจริงๆ ลมเพลมพัดอีกต่างหาก ขึ้นๆลงๆ ซัดดะไม่เลี้ยง ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่สนหัวหงอกหัวดำเลย
ฮู้ยยยย รติมา จะไหวมั้ยเนี่ย แอบสงสารก่อนได้มะ เอ๊ หรือแรงพอกันนะ ว่าแต่ สงสัยเหมือนกัน รติมาเป็นใคร ???
nutcha 20 เม.ย. 2555, 18:24:23 น.
ท่าทางจะเจ้มจ้น นางเอกจะเรียบร้อยหรือสู้คนค่ะ รอตอนต่อไปค้าาาาา
ท่าทางจะเจ้มจ้น นางเอกจะเรียบร้อยหรือสู้คนค่ะ รอตอนต่อไปค้าาาาา
หมูบูลิน 20 เม.ย. 2555, 18:28:07 น.
รอติดตามต่อไปค่ะ
รอติดตามต่อไปค่ะ
nunoi 20 เม.ย. 2555, 18:39:30 น.
ปูเสื่อรอค่ะ
ปูเสื่อรอค่ะ
ทองหลาง 20 เม.ย. 2555, 19:01:41 น.
เม้นต์ได้แล้ว....มานั่งรอนอนรอ และปั่นนิยายรอจ้ะ พระเอกนี่ไต้ฝุ่นหรือทอนาโดกันแน่ ต้องรอชมต่อไป
เม้นต์ได้แล้ว....มานั่งรอนอนรอ และปั่นนิยายรอจ้ะ พระเอกนี่ไต้ฝุ่นหรือทอนาโดกันแน่ ต้องรอชมต่อไป
grazioso 20 เม.ย. 2555, 21:23:01 น.
เย้ๆๆๆ เรื่องใหม่มาแล้ว รอเกาะขอบคอมติดตามค่า :)
เย้ๆๆๆ เรื่องใหม่มาแล้ว รอเกาะขอบคอมติดตามค่า :)
konhin 20 เม.ย. 2555, 23:51:39 น.
พินัยกรรมทำพิษอีกแล้ว
พินัยกรรมทำพิษอีกแล้ว
Pat 21 เม.ย. 2555, 08:44:27 น.
เรื่องใหม่^______^ น่่าสนุกล่ะ
เรื่องใหม่^______^ น่่าสนุกล่ะ
หมูอ้วน 21 เม.ย. 2555, 13:53:38 น.
คุณฝุ่น เวลาโมโห น่ากลัวมาก ๆ เลยค่าา
คุณฝุ่น เวลาโมโห น่ากลัวมาก ๆ เลยค่าา
anOO 21 เม.ย. 2555, 16:36:19 น.
รอตอนต่อไปค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่านางเอกเป็นใครมาจากไหน
รอตอนต่อไปค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่านางเอกเป็นใครมาจากไหน
นกขมิ้น 21 เม.ย. 2555, 21:13:49 น.
ชอบน่ะ
ชอบน่ะ
เด็กหญิงม่อน 22 เม.ย. 2555, 04:25:22 น.
นายฝุ่นมาไวไปไวมาก เปลี่ยนชื่อเป็นนายพายุน่าจะเหมาะกว่านะคะ
นายฝุ่นมาไวไปไวมาก เปลี่ยนชื่อเป็นนายพายุน่าจะเหมาะกว่านะคะ
wane 24 เม.ย. 2555, 01:22:56 น.
สนุกค๊า
สนุกค๊า