ลิขิตพิศวาส
เธอสูญเสียรักครั้งแรกไปเพราะความ...ยาก
จึงคิดประชดรักที่ล้มเหลวด้วยความ...ง่าย
.
.
.
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอสลัดผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ซ้ำเขายังเฝ้าตามติดเอาอกเอาใจทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่เธอไม่ต้องการ !!

**********************************************

มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอทำให้เขาเกือบจะช็อคกับสิ่งที่ได้รับ
ซ้ำยังย้ำบอกให้เขาลืม ลืม และลืม เพราะเธอไม่แคร์ และกำลังจะจากไป
.
.
.
แม่ดอกไม้ริมทางคิดจะฟันเขาแล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ
อะไรจะง่ายขนาดนั้น !! ฝันไปเถอะ เพราะเขาจะไม่ปล่อยเธอไป...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: อาทิตะยะ สตาริศา

ตอน: ตอนที่ 5...หรือเธอจะมีความหมายมากกว่า ผู้หญิงที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป...

...คุณนอนกับผู้ชายมากี่คนแล้ว...
คำถามที่ทำให้เธอสำนึกได้ถึงคุณค่าของตัวเอง ว่าในสายตาของผู้ชายที่ชื่ออาทิตะยะ ทรรศไนย เธอคงไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงที่มีราคา แทนที่จะมีคุณค่าอย่างที่ควรจะเป็น
เขาอาจจะเป็นที่ต้องการ ในขณะที่เธอต้องการ ! เพื่อจะเปลี่ยนแปลงตัวเองสนองความคิดโง่ๆ ชั่ววูบ ที่ไม่เข้าท่ายามไร้สติ

แต่ในตอนนี้ เวลานี้ เมื่อเธอกลับมามีสติและรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขากลับเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอไม่ต้องการจะเข้าใกล้ และพร้อมจะจากไปโดยเร็วที่สุด หากทำได้
อาทิตะยะ ฉัน...ไม่ต้องการคุณ เช่นเดียวกับที่คุณเองก็ไม่ต้องการฉัน...!
เมื่อไหร่คุณจะกลับมา...และพาฉันออกไปจากที่นี่

การรอคอยโดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เธอจะได้ออกไปจากที่นี่ ทำให้ร่างบางไม่อาจห้ามความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นในใจ สตาริศาเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าโซฟาตัวยาวโดยไม่คิดที่จะนั่งลงไป ความกังวลใจต่อสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากเธอพลาดไม่มีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนหนึ่งนั้นทำให้นั่งไม่ติด

ประตูบานใหญ่ถูกดึงเปิดเมื่อเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง ร่างสูงที่กำลังจะก้าวข้ามธรณีประตูหยุดชะงัก เมื่อสายตาไปปะทะกับร่างบางที่เดินไปเดินมาหน้าโซฟาก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อเจอเขา คิ้วเข้มกระตุกพร้อมกับดวงตาคมเข้มที่เปล่งประกายวูบไหวเมื่อสบตากับเธอ

อาทิตะยะดึงประตูปิด และกดล็อค ก่อนจะก้าวเข้าไปในตัวบ้าน...และเดินผ่านเธอไป
คนที่ยืนนิ่งอยู่หันกลับไปมองประตู แสดงว่าตอนที่เธอเข้ามา เธอไม่ได้กดล็อคประตูละสิ...สตาริศานึกตำหนิความไม่รอบคอบของตัวเอง ที่อาจจะนำอันตรายมาสู่ตัว แต่มานึกได้เอาป่านนี้จะมีประโยชน์อะไร อีกอย่างที่นี่ก็ไม่มีใคร นอกจากเธอและเจ้าของบ้าน ถ้าหากจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับเธอ มันก็ต้องมาจากผู้ชายที่เดินผ่านเธอไปนั่นล่ะ

“คุณหนึ่ง...”

เสียงเรียกดัง...ทำให้คนที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดหันกลับมามอง

“ครับ...” ชายหนุ่มขานรับใบหน้าเรียบเฉย ทำให้ความอดทนของคนรอคอยขาดผึง เขาทำเฉยได้ยังไงในขณะที่เธอแทบจะหยุดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้

“ทำไมคุณจะต้องเดินหนีฉัน ในเมื่อเรายังมีเรื่องที่จะต้องคุยกัน ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้คุณกำลังคิดจะทำอะไร แต่คุณจะให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ไม่ได้นะคะ”

คิ้วเข้มกระตุก ดวงตาสีนิลจ้องมองเธอด้วยประกายตาบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงมาหาเธอ สตาริศาปักหลักรอคอย เธอจะต้องได้รับคำตอบจากผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ตาม แต่เธอจะต้องรู้ให้ได้ภายในวันนี้ ว่าชีวิตของตัวเองกำลังเผชิญอยู่กับอะไรกันแน่

ที่นอกเหนือไปจากเรื่องที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว...ระหว่างเขาและเธอ

“ตอบหน่อยสิ ว่าคุณรู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างคุณ กับ ผม เมื่อเช้านี้”

คำถามตรงไปตรงมาของเขาทำให้สองมือที่ทิ้งลงข้างตัวกำแน่น ใบหน้าเนียนใสปราศจากเครื่องสำอางเชิดขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ประกายตาท้าทายจนคนถามต้องหรี่ตามองและพิจารณาสาวน้อยตรงหน้าอีกครั้ง

“ว่าไง...”

“ฉันไม่คิดจะใส่ใจ และไม่ต้องกลัวว่าฉันจะลุกขึ้นมาเรียกร้องเอาอะไร เพียงแค่ได้รู้ว่าคุณคือใคร”

“ผมไม่สนใจว่าคุณจะเรียกร้องเอาอะไรหรือไม่ ที่ผมถามคือ คุณรู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เข้าใจคำถามไหมดาว”

เขาเรียกเธอได้อย่างสนิทสนม ในขณะที่เขายังคงเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ สตาริศากัดปากจนเจ็บ ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่เน้นหนักไม่แพ้เขา

“คุณจะให้ฉันรู้สึกยังไง ฉันไม่รู้จักคุณ และฉันไม่ได้เต็มใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น”

“แล้วทำไมคุณถึงปล่อยให้ผมทำมันจนจบ โดยไม่คิดจะห้าม”

“ฉันห้ามแล้วแต่คุณไม่ฟัง!”เธอตะโกนตอบอย่างเหลืออด “ช่างหัวมันสิ! คุณจะมารื้อฟื้นอีกทำไมในเมื่อฉันเองยังไม่คิดจะใส่ใจ”

คำพูดเขาตอกย้ำการกระทำของเธอให้แจ่มชัด จะต้องพูดให้เธอเกลียดตัวเองไปมากกว่านี้อีกทำไม
“ทำไมคุณไม่บอกผม...”

คำถามที่ทำให้เธอไม่แน่ใจว่าเขากำลังนำพาเธอเข้าสู่ประเด็นไหน สตาริศาจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบแทนการโต้ตอบกลับไป เธอไม่จำเป็นจะต้องเสวนากับเขาในเรื่องอื่นใด นอกจากเรื่องสำคัญที่ว่าเธอจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงมากกว่า...

“ฉันไม่จำเป็นจะต้องบอกอะไรคุณ เรื่องที่ฉันอยากจะรู้คือ ฉันจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่”
“คุณได้กลับไปแน่ๆ เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้น”

“แล้วเมื่อไหร่”

“เมื่อผมอยากจะให้ไปนะสิ”เมื่อเจอคำถามเซ้าซี้ เขาจึงได้ตอบออกแบบนั้น

ความจริงไม่ได้คิดจะยื้อเธอเอาไว้เลยสักนิด แต่เพราะสิ่งที่เขาได้ทำลงไป และความจริงที่ได้รู้ ว่าผู้หญิงตรงหน้ายังคงเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ที่เพียงแต่ใจกล้าเวลาเมาจนเจอดี มันทำให้เขาไม่อาจจะปล่อยเธอไปโดยที่ยังไม่ได้พูดจากันให้เคลียร์ เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่ายเท่านั้นเอง

“ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณจะต้องทำแบบนั้น”

“แบบไหน”

“ทำไมคุณถึงไม่ให้ฉันไปจากที่นี่”

“ผมพูดแบบนั้นหรือ ผมบอกแค่ว่าไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้น”

“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ถ้าไม่ใช่ตอนนี้”

คำถามเธอวกกลับมาที่เดิมอีกแล้ว แต่ครั้งนี้เขายินดีที่จะตอบ...

“เมื่อเราคุยกันเข้าใจ”

“ฉันไม่เห็นว่าเราจะไม่เข้าใจกันตรงไหน ฉันจากไป ทุกอย่างก็จบ”

พูดง่ายดีจัง...ไม่อยากจะเชื่อว่า นี่คือคำพูดของคนที่จะสามารถรักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตัวเองมาจนถึงป่านนี้ได้จนกระทั่งมาเจอกับเขา รอยยิ้มที่เห็น ทำให้รู้สึกเหมือนถูกตบ จนหน้าชา สตาริศาสะบัดหน้าหนีหลบสายตาสมเพชและรอยยิ้มเยาะเย้ยของผู้ชายตรงหน้าในความคิดของตัวเอง เธอหมุนตัวตั้งท่าจะเดินหนี หากแต่ข้อมือกลับถูกคว้าเอาไว้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้ก้าว ร่างบางเซกลับมาตามแรงดึง เธอพยายามจะยืนนิ่งเมื่อถูกหมุนให้หันมาเผชิญหน้า แต่ความพยายามของเธอไร้ผล เมื่อคนที่ดึงตัวเธอกลับมากลับก้าวเท้าเข้ามาหาในจังหวะเดียวกัน

อาทิตะยะ ทรรศไนย เขาดึงเธอเข้ามากอดได้หน้าตาเฉย และบอกว่าจะทำมากกว่ากอดหากเธอไม่ยอมที่จะอยู่นิ่ง และฟังเขา

“ปล่อยฉันนะ!” อีกหนึ่งประโยคที่เธอพูดปนหอบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตา ดวงตาสีนิลเข้มดุจ้องมองเธอ สตาริศาไม่คิดว่าจะสามารถทำอะไรผู้ชายคนนี้ได้ด้วยแรงที่เธอมีจึงยอมเงียบและนิ่งแต่โดยดี

“คุณไม่คิดจะให้ผมรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้หรือ สตาริศา”

“รับผิดชอบ”

“ใช่...ผมยินดีที่จะรับผิดชอบ จนกว่าคุณจะพอใจ”

“ด้วยอะไร”

“....”

“อย่าดีกว่าค่ะ ฉันรู้ว่าสิ่งที่คุณกำลังพูดถึง มันคืออะไร คุณไม่จำเป็นจะต้องเอาเงินมาฟาดหัวฉัน ในเมื่อฉันพร้อมจะจากไปอยู่แล้ว”

“แต่คุณสมควรที่จะได้ แลกกับสิ่งที่คุณเสียไป”

“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว”

“ผมก็ไม่ได้คิดแบบนั้น”

“แต่คุณกำลังจะทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนั้น...”

คนถูกกล่าวหาน้อมรับโดยดี รอยยิ้มปรากฏด้วยรู้สึกเอ็นดูร่างบางในวงแขน เขากำลังทำในสิ่งที่ไม่เคยทำอีกแล้ว สาบานได้ว่าไม่เคยคิดอยากจะดึงผู้หญิงคนไหนเข้ามากอด เท่ากับผู้หญิงที่จ้องเขาตาวาวในเวลานี้ ความรู้สึกอบอุ่นเกิดขึ้นในหัวใจทันทีที่ได้สัมผัส ฝ่ามือที่แตะอยู่ที่แผ่นหลังรั้งร่างบางในวงแขนให้แนบชิดมากกว่าเดิม

สตาริศา...หรือเธอจะมีความหมายมากกว่า ผู้หญิงที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
“คุณจะทำอะไร” เธอฝืนตัว เงยหน้าถาม

“ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว ลองมาคบกับผมดูไหม” อาทิตะยะก้มหน้าลงมาใกล้ ลมหายใจสะดุดเมื่อเห็นประกายร้อนแรงในสายตาเธอ

เป็นคำถามที่เสียดแทงหัวใจ มากกว่าจะรู้สึกยินดี
แค่คำว่า ...แฟน เธอยังต้องอาศัยเวลาดูใจผู้ชายคนหนึ่งนานนับปี จับมือ ถือแขน เธออนุญาตแทบจะนับครั้งได้ แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใครถึงกล้าเอ่ยปากขอคบกับเธอ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน

“ฉันไม่ลอง”

“งั้นก็คบกันจริงๆ”

“ฉันไม่คิดจะรักคุณ”

เธออาจจะดูง่ายเพราะไร้สติ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะใจง่าย และยอมทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการ เธอยังเป็นเธอ... เป็นสตาริศาคนเดิม ที่ไม่ได้หวั่นไหวกับผู้ชายหน้าไหนง่ายๆ เพียงเพราะว่าเขาหน้าตาดีและรวยจนน่าอิจฉา ในเมื่อเธอเองก็มีมากเกินพอ ถึงแม้มันจะเทียบไม่ได้กับที่เขามีก็ตาม

สตาริศา อังศุธร เธอขับรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูซีรีส์เจ็ดไปทำงาน และอาศัยอยู่ในบ้านราคาหลายสิบล้านที่ตั้งอยู่ในย่านความเจริญในเขตกรุงเทพ คุณพ่อคือนายแพทย์ศิระผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนที่ตัวเองถือหุ้นเกินกว่าครึ่ง ส่วนคุณแม่คือผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลที่ตัวเองเป็นเจ้าของ...
อาทิตะยะ นายประเมินเธอผิดไปแล้ว...

“ผมไม่ได้หวังว่าคุณจะรักผมได้ ภายในวันเดียวนี่ครับ”

“จะกี่วัน ฉันก็ไม่รักคุณ”

“ผมไม่สนใจว่าคุณจะมีความรักให้ผมหรือไม่ แต่คุณจะต้องอยู่กับผมที่นี่จนกว่าผมจะคิดได้ ว่าจะจัดการกับเรื่องที่เกิดนี่ยังไง”

พูดจบเขาก็ผลักเธอออกห่าง และเดินหนีขึ้นบันไดไป...

สตาริศาไม่เข้าใจ... ว่าทำไมเขาจะต้องรั้งเธอเอาไว้ ในเมื่อเขาและเธอไม่เคยรู้จักกัน
การที่เธอกับเขามีความสัมพันธ์กัน มันคืออุบัติเหตุ

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจ อาทิตะยะ ทรรศไนย เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวหากจะอ้างเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาเป็นเหตุผลในการใช้สิทธ์ในตัวเธอ และกักขังหน่วงเหนี่ยวเธอเอาไว้ที่นี่

แม่จ๋า...ดาวจะทำยังไงดี โทรบอกพ่อให้หาทางมารับดีไหม แล้วจะแก้ตัวยังไงหากท่านถามว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ให้ตายสิ...เธอมาเจอผู้ชายบ้าๆ แบบนี้ได้ยังไง
ความสับสนในหัวใจทำให้ร่างบางทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง.... ทางออกเดียวของเธอถูกปิดตายเพราะผู้ชายที่พูดไม่รู้เรื่อง...อย่างเขา

อาทิตะยะ ทรรศไนย ผู้ชายเฮงซวยเอ๊ย!!
หลังจากที่นั่งใช้ความคิดหาทางออกอยู่เนิ่นนาน สตาริศาก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเมนูหารายชื่อ ...เรือนตะวัน... สถานที่เพียงแห่งเดียวบนเกาะแห่งนี้ที่เธอบันทึกเบอร์เอาไว้ ถ้าเธอไม่โชคร้ายเกินไป เธออาจจะได้ออกไปจากที่นี่โดยไม่ต้องรอเขา...

“จะให้ไปรับที่ไหนละครับ”

คำถามที่ทำให้คิ้วเรียวกระตุก หันมองซ้ายขวา นั่นนะสิที่นี่มันเรียกว่าอะไรกัน...
“เอ่อ...”

“ว่ายังไงครับคุณ”

“บ้าน...เอ่อ...บ้านคุณอาทิตะยะค่ะ”

“ไม่รู้จักหรอกครับคุณ” คำตอบกลับที่ทำให้คนฟังถึงกลับกลั้นหายใจ ด้วยไม่อยากจะเชื่อว่าที่เกาะแห่งนี้จะมีคนที่ไม่รู้จักอาทิตะยะหลงเหลือ ก็เขาออกจะร่ำรวยไฮโซ แต่ก็ว่าไม่ได้แฮะ ในเมื่อเธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าอาทิตะยะจะมาสิงสถิตอยู่ที่เกาะแห่งนี้ แทนที่จะเป็นเมืองนอกเมืองนาอย่างที่ได้ยินมา

“ว่ายังไงครับ...จะให้ไปรับที่ไหน”

เสียงถามของปลายสายทำให้ร่างบางสะดุ้ง คืนสติ ก่อนจะนึกทบทวนว่าจะบอกยังไงให้อีกฝ่ายพอจะจินตนาการได้

“บ้านที่อยู่บนหาด...เอ่อ...”หาดชื่ออะไรล่ะ...โธ่เอ๊ย! ไม่ได้ถามเอาไว้ซะด้วยสิ “เอ่อ...”

“คุณครับ ผมไม่อยากเสียเวลา ตกลงยังไงครับนี่...”

“เดี๋ยวสิคะ ฉันเพิ่งจะเคยมาที่เกาะนี้ขอนึกก่อนได้ไหม อ้อ...บ้านพักที่มีอยู่หลังเดียวบนหาดที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับ ร้านอาหารเรือนตะวันน่ะค่ะ”

“หา! โอ๊ะ...ขอโทษนะครับคุณ ผมคงไปไม่ได้หรอกครับ แค่นี้นะครับ”
“อ้าว! เดี๋ยวสิ เฮ้! ทำไมคะ...ทำไมมาไม่ได้ คุณ คุณ...”
ตู๊ดดดดดดดดดด.....ดดด

เสียงสันญาณบ่งบอกว่าปลายสายได้กดสายเธอทิ้งไปเป็นที่เรียบร้อย ทำให้สตาริศากำโทรศัพท์ในมือแน่นด้วยคาดไม่ถึงว่าจะเจอแบบนี้ ความโมโหปะปนความสงสัยบวกกับความร้อนใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญ ทำให้ความอดทนอดกลั้นขาดสะบั้นในทันที

ร่างบางย่ำเท้าไปในทิศทางเดียวกับคนที่เดินหนีไปก่อนหน้า ด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่สุดจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด เธอหวังว่าเขาจะเข้าใจกับเหตุผลสุดท้ายที่เธอคิดจนสมองแทบจะระเบิด แม้จะพยายามทำใจให้เข้มแข็ง แต่เธอก็คือผู้หญิง การถูกเลี้ยงดูแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมของแม่จ๋า ไม่ได้หมายความว่าลูกสาวอย่างเธอจะต้องไร้เดียงสาถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่า...

หลังการมีเพศสัมพันธ์...จะเกิดอะไรขึ้นตามมา หากต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้ป้องกัน
สตาริศาตรงไปยังห้องที่คิดว่าเขาน่าจะอยู่ นั่นก็คือห้องที่เธอเจอเขาหลังจากตื่นขึ้นมาในบ้านหลังนี้ฝ่ามือเล็กกางผลักประตูเปิดเข้าไปโดยไม่เคาะ เมื่อเห็นว่ามันแง้มอยู่...

การเผชิญหน้าเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สามหลังจากที่เขาเป็นฝ่ายเดินหนีเธอ
...หวังว่าจะไม่มีครั้งที่สี่...
สตาริศานึกคิดในใจ

ครั้งนี้เธอไม่แสดงอาการลังเลแม้แต่นิดเดียว เมื่อเจ้าของห้องเอ่ยปากเชื้อเชิญ ร่างบางสืบเท้าเข้าไปยืนต่อหน้าร่างสูงที่ยืนนิ่งข้างหน้าต่าง

อาทิตะยะจ้องมองคนที่ไม่ยอมอยู่เฉยและให้เวลาเขาได้คิดอะไรบ้างเลย

“ฉันต้องการจะเจรจา” เธอไม่ยอมเสียเวลาในการที่จะได้พูดเลยแม้แต่น้อย เมื่อเดินมาถึง
“เชิญครับ” ชายหนุ่มตอบกลับมาท่าทางไม่ค่อยจะเต็มใจนักในสายตาเธอ

สตาริศาข่มความร้อนรุ่มภายในใจ เธอไม่มีอะไรจะเสียในเมื่อสิ่งที่มีค่าที่สุดในตัวเธอ เขาก็ได้ไปแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรจะต้องกลัว...

แม่สาวน้อยขี้เมาใจกล้า ไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญและเรียกร้องให้เขารับผิดชอบอย่างที่เขาคิดว่าเธอจะทำ สตาริศาไม่แคร์สิ่งที่ตัวเองสูญเสียไปทั้งๆ ที่เธอน่าจะรู้ดีว่าสิ่งนั้นมีค่าต่อตัวเองมากแค่ไหน ไม่เช่นนั้นเธอจะเก็บรักษามันเอาไว้ทำไมจนป่านนี้ อาทิตะยะยอมรับว่าผู้หญิงตรงหน้าในตอนนี้ทำให้เขาสับสน อาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยถูกมองข้ามจากผู้หญิงคนไหนๆ ครั้นพอมาเจอสตาริศาแสดงออกแบบนั้น อาทิตะยะจึงรู้สึกเสียหน้าและอยากจะเอาชนะความหมางเมินที่ได้รับ

หรืออีกนัยหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเขากำลังรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป การกระทำเพื่อสนองความต้องการของตัวเองโดยลืมคิดถึงผลที่จะตามมา

ความคิดที่จะสั่งสอนสาวน้อยขี้เมาใจกล้า กลายเป็นความผิดพลาดที่เขาไม่อาจจะยอมรับได้
เขาจะปล่อยเธอไปได้ยังไง ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าเขาคือผู้ชายคนแรกของเธอ

แม้เธอจะไม่แคร์ แต่เขาแคร์
แม้เธอจะบอกให้เขาลืม แต่เขาก็ไม่อาจจะลืม ในเมื่อมันจดจำทุกอย่างได้จนขึ้นใจไปแล้ว มันจะทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง

“หนึ่งตะวัน” ไม่เคยเปิดต้อนรับผู้หญิงคนไหน สตาริศาคือผู้หญิงคนแรกที่เขาพามาที่นี่...และอาจจะเป็นคนสุดท้ายถ้าหากเธอจะให้เวลาเขามากกว่านี้อีกสักหน่อย

ความเงียบทำให้อึดอัด การมองเฉยและไม่ตอบโต้ใดๆ ของผู้ชายตรงหน้า ทำให้เธอไม่รู้จะเริ่มยังไง
ต่างฝ่ายต่างก็ใช่สายตามองกันนิ่ง เนิ่นนาน จนกระทั่งเสียงเรียกเข้าจากเครื่องมือสื่อสารของใครคนใดคนหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ

เป็นของอาทิตะยะนั่นเอง เมื่อเขาล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยกขึ้นแนบหู
สตาริศายังยืนนิ่งจ้องมอง เขาเองก็ไม่ได้ซีเรียส อาทิตะยะยืนรับโทรศัพท์ต่อหน้าเธอ

“ว่าไง” เสียงเขาทักทายปลายสาย แต่สายตายังคงมองมาที่เธอ สตาริศาไม่คิดจะรักษามารยาท เพราะคิดว่าถ้าหากเขาอยากจะคุยเป็นการส่วนตัวก็คงจะเดินหลบเธอไปเอง แต่นี่เขากลับยืนเฉย เธอก็ถือโอกาสฟังเขาคุยโทรศัพท์เลยก็แล้วกัน

“งั้นเหรอ”

“อืม...ขอบใจมาก”

“ไม่ต้อง”

ได้ยินแต่เสียงของเขา เธอจึงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเขาคุยเรื่องอะไรกับปลายสาย แต่เมื่อเห็นเขาลดโทรศัพท์ลงและยัดเก็บไว้ในกระเป๋าดังเดิม เธอจึงตั้งท่าจะพูด
แต่คนที่หน้าเฉย ตอนนี้กลับไม่เฉยเหมือนเคย แววตาที่มองมามีบางอย่างที่อ่านไม่ออกแต่บอกได้ว่าไม่ค่อยจะน่าไว้ใจ...

สตาริศาขยับถอย แต่ช้ากว่ามือของอีกฝ่ายที่ยื่นออกมา ต้นแขนทั้งสองข้างถูกจับแน่น พร้อมกับใบหน้าของเขาที่ก้มใกล้

“คุณ...”เธอพูดได้เพียงเท่านั้น เมื่ออีกฝ่ายชิงพูดขึ้นมาซะก่อน

“เงียบ” เสียงสั่งเฉียบขาด จนไม่อยากจะลองดี “และฟังผม”

“ผมเรียกบ้านหลังนี้ว่า ‘หนึ่งตะวัน’ ส่วนหาดนี้ชื่อว่า ‘พันดาว’ และผมบอกคุณหรือยังว่าผมเป็นเจ้าของเกาะนี้ รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างบนพื้นที่ของผม”

ชัดเต็มสองหู...ดวงตาของเธอบอกกับเขาได้ว่าเธอสามารถคิดต่อเองได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องฟังคำอธิบายเพิ่มเติมจากเขา แต่อาทิตะยะก็อยากจะพูดมัน

“ไม่เว้นแม้แต่ ‘เรือนตะวัน’ รวมไปถึงเรือทุกลำ ”

สุดจะกลั้น มือสองข้างยกขึ้นผลักอกเขาสุดแรง ร่างบางหลุดออกมาจากพันธนาการที่ไม่ได้คิดจะยึดเธอเอาไว้อย่างจริงจัง สายตาที่จ้องมองวาวโรจน์หากประกายตาของเธอเป็นไฟคนตรงหน้าคงถูกเผาไหม้เป็นจุล


~*~*~*~*~*~*~




ปิลันธน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2554, 13:47:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2556, 22:54:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 2675





<< ตอนที่ 4...คิดจะทิ้งกันไปง่ายๆแบบนี้น่ะหรือ ไม่มีทาง!...   ตอนที่ 6...อย่าเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น และมีประโยชน์เฉพาะเวลาที่อยู่บนเตียง... >>
ปูสีน้ำเงิน 7 ส.ค. 2554, 18:29:58 น.
^O^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account