รอยรักเหมันต์
...เพราะสายลมหนาวหรือเพราะมนต์เสน่ห์แห่งทุ่งดอกไม้ จึงนำพาให้สองหัวใจมาพบกัน

เมื่อเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อกับเธอเจ้าของสวนดอกไม้สาวผู้พราวเสน่ห์...
เพียงแรกพบสบตา เขาและเธอก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย
จอมทัพจะสามารถนำดอกไม้งามดอกนี้

Tags: ฤดูหนาว

ตอน: ตอนที่ ๑๖ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ (๑)


ตอนที่ ๑๖

รักษ์ราชที่นั่งซุ่มอยู่ในรถของตนเพียงลำพังและตามพฤติกรรมของคนกลุ่มนั้นมาตั้งแต่ในตลาดที่มันคอยมองหาเหยื่อในการจับผู้หญิงส่งออกนอกประเทศ ยิ่งเป็นวัยรุ่นและผู้หญิงสวยๆ ด้วยแล้วราคาก็ยิ่งดี เขากำลังจะวิ่งเข้าไปช่วยทั้งเมยาวีและปุณชิกาที่ถูกจับอยู่ก่อนหน้า ทว่ายังไม่ทันจะได้ออกจากรถเสียด้วยซ้ำก็เห็นวัสนางค์ สาวสวยที่เขาเรียกเธอจนติดปากว่า ‘ยัยโก๊ะ’ กระโดดนำลิ่วออกไปก่อนและสุดท้ายยายนั่นก็ถูกจับไปอีกคน

“อ้าว...ยายโก๊ะเอ้ย หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วไง”

เขารีบวิ่งลงจากรถและจะวิ่งเข้าไปหาคนทั้งหมด ทว่าก็ช้าไปกว่ารถตู้คันนั้นที่วิ่งฉิวออกไปอย่างรวดเร็วจนได้ และก็เป็นจังหวะเดียวกันกับชัยที่ออกมาตามหาทุกคนซึ่งออกมานานจนผิดปกติ ประกอบกับลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่อาจนิ่งรอได้ เมื่อออกมาถึงที่หน้าโรงพยาบาล ชายหนุ่มทันเห็นทั้งสามสาวถูกจับขึ้นรถตู้ไป ชัยจึงรีบวิ่งจะตามหากก็ไม่ทันและเมื่อมาเห็นชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่เขาจึงมองหน้าชายผู้นั้นด้วยความสงสัย

“คุณเป็นใคร...”

“คุณเป็นญาติของพวกเธอใช่ไหม” รักษ์ราชไม่ตอบ แต่ถามกลับไปแทน “ผมเป็นตำรวจ กำลังตามแก๊งพวกนั้นอยู่ พวกมันมาลักพาตัวผู้หญิงส่งออกนอกประเทศ”

“พวกค้ามนุษย์หรือ”

ชัยเลิกคิ้วขึ้นอย่างตกใจ ความกลัวและเป็นห่วงปะทุเข้าแทนที่ในหัวใจ กรอบหน้าคมเริ่มแดงเข้มด้วยความโกรธจัดที่ไอ้คนพวกนั้นมาทำกับคนรู้จักของตน

“ผมว่าอย่าเพิ่งมาสอบถามอะไรตอนนี้เลย คุณจะไปกับผมไหม ผมจะตามพวกนั้นไป ถ้าไปก็ตามมาที่รถก็แล้วกัน”

พูดแค่นั้นรักษ์ราชก็วิ่งกลับไปที่รถ ชัยที่กำลังสับสนคิดอะไรได้ไม่มากไปกว่าสมองที่สั่งการให้ตามไปที่รถของนายตำรวจหนุ่มคนนั้น

//////

“ผมควรจะทำอย่างไรดี” ชัยเปิดคำถามขึ้น หลังเข้ามานั่งในรถและรักษ์ราชก็ตะบึงรถตามรถตู้คันนั้นไปอย่างรวดเร็ว

“คุณไม่ต้องเป็นห่วงครับ เอ่อ...คุณ”

“ผมชัยครับ”

“ผมรักษ์ราช ร้อยตำรวจโทรักษ์ราช ธราเทพิรักษ์ นายตำรวจจากกองปราบปราม ถูกส่งมาประจำการที่เชียงรายเพื่อสืบและจับกุมพวกขบวนการค้ามนุษย์ คุณชัยวางใจได้นะครับ รับรองว่าผมจะไม่ทำให้เหล่าญาติๆ คุณต้องเป็นอะไรแน่”

รักษ์ราชแนะนำตัวเองเสียเต็มยศ โดยที่ไม่หันมามองหน้าของคนที่นั่งคู่กับเขา ซึ่งบัดนี้แสดงสีหน้ากังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาเป็นห่วงกลุ่มผู้หญิงที่ถูกจับตัวไปมากกว่าจะมาซักไซ้ไล่เลียงที่มาของนายตำรวจหนุ่มคนนี้ เขาห่วงพวกสาวๆ โดยเฉพาะปุณชิกา คนที่เธอทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว

“คุณมีแผนอะไร คุณรักษ์ราช”

“แผนการของผมน่ะหรือ หึๆ เดี๋ยวไปถึงรังของพวกมัน คุณก็จะรู้เองครับ”

“ถ้าอย่างนั้นผมจะโทรฯ ไปแจ้งกับคุณจอมทัพ เผื่อเขาจะได้ช่วยเหลือพี่เหมยได้”

“ตามใจคุณสิ แต่ขอเตือนก่อนนะ มันอันตรายมาก ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้พวกคุณต้องมาเกี่ยวข้องด้วย ให้เป็นเรื่องของตำรวจจะดีที่สุด”

นายตำรวจหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม หากสายตาก็ไม่วางไปจากรถคันหน้าที่วิ่งฉิวฝ่าเงามืดของหมู่เมฆหมอกของแนวทิวป่าเขา และความมืดของราตรีกาลที่ดำเนินมาถึงในเวลาไม่ถึงนาทีก่อน เช่นเดียวกับความเย็นก็พวยพุ่งไปทุกอณูของพื้นที่

หลังโทรบอกข่าวกับจอมทัพเรียบร้อยแล้ว ชัยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเอาแต่นั่งนิ่งและกำมือด้วยความเจ็บแค้นที่ตนไม่สามารถดูแลคนที่ตนรักและพี่สาวทั้งสองได้ พวกเธอถูกจับตัวไปโดยที่ตัวของเขาไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้เลย

////

ภายในรถ เหล่าสมุนของไอ้ชุน หลังจากที่จับทั้งสามสาวขึ้นมาบนรถได้แล้ว พวกมันก็เอาแต่มองพวกเธอด้วย
สายตาที่ชื่นชมและหื่นกระหาย โดยเฉพาะเมยาวี ที่อยู่ในชุดเซ็กซี่ล่อตาพวกมันยิ่งนัก กรอบหน้าสวยหวานเข้ากับรูปร่างที่สูงเพรียวอย่างกับนางแบบ ดูเหมือนว่าพวกมันจะมองมาที่เธอเป็นจุดเดียวด้วยซ้ำเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้สาวสวยมา

หลังจากที่ถูกตำรวจโจมตีในครั้งนั้น จนพากันหนีตายจนกระเซอะกระเซิง นายใหญ่ของพวกมันก็อาละวาดอย่างหนักและเร่งให้พวกมันหาเหยื่อมาให้ได้เพื่อชดเชยกับสิ่งที่เสียหายไปภายในสองวัน

ดังนั้น เมื่อรวมตัวกันได้แล้ว เหล่าสมุนของไอ้ชุนก็เริ่มดำเนินการชั่วอีกครั้งหนึ่ง พวกมันไม่หยุดตระเวนตัวหาเหยื่อสาว โดยไม่สนใจต่อกฎหมายและตำรวจ พวกมันเย้ยตำรวจในพื้นที่เป็นยิ่งนัก ในช่วงสองถึงสามวันมานี้มีผู้หญิงหายออกจากบ้านไปหลายคน สร้างความเดือดร้อนและความกลัวให้กับประชาชนในเขตพื้นที่นั้นมากขึ้นกว่าเดิม

รถตู้ติดฟิล์มสีดำค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาภายในสวนผลไม้แห่งหนึ่งซึ่งอยู่สุดสายเส้นทางที่มันเคลื่อนรถเข้ามา ที่นี่เป็นสวนมะม่วงที่ร่มครึ้ม อาณาเขตพื้นที่เกือบร้อยไร่ กลางสวนแห่งนั้นนั่นเองมีบ้านไม้ใช้เป็นสถานที่พักผู้หญิงก่อนถูกส่งออกไปยังชายแดน

รถคันนั้นเข้ามาจอดสนิทที่หน้าเรือนไม้ใต้ถุนสูง กลุ่มผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวมาก็ถูกแบกพาขึ้นไปข้างบนบ้านในทันทีก่อนจะถูกวางลงไปบนฟูกที่นอนเก่าๆ ตัวหนึ่ง ที่บัดนี้มีผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งก็เป็นเหยื่อเช่นกันถูกขังเอาไว้ และแยกกันไปจับกลุ่มอยู่ตามมุมในห้องแห่งนั้น

“ได้สิบคนพอดีพี่...เหลืออีกไม่เท่าไรก็จะครบ”

ไอ้หน้าบากคนหนึ่งหันมารายงานกับไอ้ชุนซึ่งยืนอยู่ด้านนอกห้อง มันพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปสั่งงานกับลูกน้องของตนต่อไป

////

อาการปวดหัวเข้าจู่โจมในทันทีที่เมยาวีรู้สึกตัวตื่นขึ้น หญิงสาวกะพริบแพรขนตายาวงอนนั้นอย่างเชื่องช้า เพื่อจะปรับโฟกัสการมองเห็น ก่อนจะมองไปโดยรอบก็เห็นเป็นห้องไม้เก่าๆ ไกลออกไปไม่มากนักมีผู้หญิงจับกลุ่มกันอยู่ด้วยสายตาหวาดระแวง

เมื่อความรู้สึกเริ่มจะคงที่ เธอก็คิดถึงปุณชิกาซึ่งถูกจับมาด้วยกัน ดวงตาคู่สวยจึงมองกราดไปทั่ว ก่อนจะไปเห็นร่างของวัสนางค์และปุณชิกาที่นอนนิ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก

“ยายฝน ปูเป้”

เมื่อลุกขึ้นได้ เธอก็ถลาเข้าไปหาทั้งสองร่างด้วยความเป็นห่วงทันที เขย่าเรียกวัสนางค์ไม่เท่าไร อีกฝ่ายก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาและปุณชิกาก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน

“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย”

วัสนางค์ตั้งคำถามขึ้น ก่อนจะเลื่อนสายตามองไปโดยรอบอย่างงุนงงเป็นที่สุด เมื่อเรี่ยวแรงเริ่มจะเข้าที่ เธอจึงลุกขึ้นและวิ่งไปที่ประตู ทุบมันเป็นการใหญ่

“ปล่อยพวกเราออกไปนะ ไอ้พวกบ้า ไอ้สารเลว”

ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านนอก หญิงสาวจึงเร่งทุบประตูอีก ด้วยความหวังว่ามันจะเปิดออก ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงเดิม

“บ้าเอ้ย...นี่เราอยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย ไอ้พวกบ้า ปล่อยพวกเราเว้ย....เปิดประตู”

“มันไม่มีประโยชน์หรอกคุณ พวกมันจับเรามา มันไม่มีทางให้เราออกไปได้หรอก”

เสียงจากสาวคนหนึ่งดังขึ้นวัสนางค์จึงหันไปมองหน้าของหญิงคนนั้นในทันทีและในเวลานั้นเธอจึงได้รู้ว่า นอกจากเธอทั้งสามคนแล้ว ยังจะมีผู้หญิงวัยรุ่นอีกเจ็ดแปดคนนั่งอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน

และเสียงจากคนที่พูดนั่นเอง ก็ถึงกับทำให้ปุณชิกาเบิกตาโตในทันที ในยามที่เธอมองเห็นหน้าของคนพูดคนนั้นอย่างชัดเจน

“พี่สิ...”

ประโยคนั้นทำให้กัญสิณีที่กำลังมองหน้าวัสนางค์อยู่ เลื่อนสายตามามองคนที่เรียกชื่อของตนในทันทีเช่นกัน

“ยายปูเป้ นี่เธอถูกจับมาได้ยังไง” ตำรวจสาวจากกองปราบ ที่ปลอมตัวให้ถูกจับมาและทำตามแผนการที่ตนและตำรวจในกลุ่มวางแผนเอาไว้ เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่เรียกชื่อของเธออย่างสนิทสนมนั้นคือปุณชิกา ญาติผู้น้องของตน

“เรื่องของปูเป้มันยาวค่ะ แล้วพี่สิล่ะคะ ถูกจับมาได้ยังไง ก็พี่เป็น...”

ยังไม่ทันที่จะพูดประโยคนั้นจบลง กัญสิณีก็โผเข้ามาถึงตัวญาติสาวและปิดปากของเธอเอาไว้ในทันที ท่ามกลางความแปลกใจและตกใจของทุกคน ไม่แม้กระทั่งวัสนางค์และเมยาวี

“เอ่อ...ปูเป้รู้จักกับเขาด้วยหรือคะ”

“ค่ะ พี่สิ เป็นญาติผู้พี่ของปูเป้เองค่ะ”

“ดีจังนะคะ เป็นญาติกันแถมยังถูกจับมาเหมือนกัน ซวยซะมัด” วัสนางค์บ่นอุบ พรางขยับเข้ามานั่งอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวพวกคุณก็จะออกไปได้กันแล้วล่ะ” กัญสิณีหันมาส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรและกระซิบบอกวัสนางค์กับเมยาวีให้วางใจ

“หมายความว่าอย่างไรกันคะ เหมยงงไปหมดแล้ว”

“ก็พี่สิ เป็นตำรวจสิคะ พี่เหมย” ปุณชิกาขยับเข้ามากระซิบบอกอีกคน

“ตำรวจ!!”

อยากจะตะโกนออกมาให้ดัง แต่ทั้งสองก็ต้องพูดแต่เสียงเบาๆ เพราะถูกกัญสิณีทำมือคล้ายบอกไม่ให้เสียงดังไป

“ฉันจะช่วยพวกคุณให้ออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยเองค่ะ พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วง” กัญสิณีมองหน้าทุกคนเป็นเชิงบอกให้พวกหล่อนวางใจ

“เราจะออกกันไปอย่างไรล่ะ ก็ในเมื่อถูกจับกันอยู่เช่นนี้” วัสนางค์มิวายถามอย่างกังวล ก็รู้ๆ อยู่ว่าถูกขังอย่างแน่นหนาและก็เชื่อว่าข้างนอกยังมีอีกหลายคนคุมอยู่แน่นอน แล้วจะพากันหนีรอดไปได้อย่างไร

“ได้สิคะ อีกสักครู่กำลังตำรวจจะมากันที่นี่ ทีนี้เราก็จะพากันหนี ฉันอยากจะขอให้พวกคุณจับกลุ่มกันเอาไว้ และอยู่ให้ใกล้ฉันมากที่สุด แล้วพวกคุณจะปลอดภัย”

“แล้วพวกเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะปลอดภัย เกิดพวกนั้นมันโกรธและยิงพวกเราทิ้งล่ะ” สาวคนหนึ่งเอ่ยขัดขึ้น แม้จะได้รับการให้กำลังใจจากกัญสิณีเมื่อสักครู่แล้ว หากพวกหล่อนก็ยังไม่วางใจอยู่ดี

“ถ้าคุณไม่เคยเชื่อตำรวจอย่างฉัน ก็ลองเชื่อดูสักครั้งเถอะค่ะ ฉันคนหนึ่งล่ะที่จะไม่ยอมให้พวกคุณได้รับอันตรายด้วยเกียรติของตำรวจ เราจะไม่ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อนเป็นอันขาด”

นายตำรวจสาวปฏิญาณเสียงเข้ม เธอหยัดกายลุกขึ้นและเรียกให้เหล่าสาวๆ ที่อยู่ในที่นั้นทั้งเก้าคนมาปรึกษา และพูดถึงแผนการในครั้งที่ตำรวจบุก โดยจะให้เหล่าสาวๆ ตามเธอฝ่าวงล้อมออกไปจากตรงนั้น เพราะเชื่อว่าในระหว่างที่ตำรวจบุกเข้ามานั้น พวกสารเลวคงจะไม่สนใจพวกเธอสักเท่าไร

////

ด้านนอก ภาพของเหล่าสมุนของไอ้ชุนเกือบสิบคนยืนอยู่ตามมุมต่างๆ โดยมีกองไฟกองใหญ่จุดให้ความสว่างและความอบอุ่นแก่ร่างกาย ปรากฏต่อสายตาของรักษ์ราชและชัยที่แอบซุ่มหลังวิ่งฝ่าความมืดมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง

“พวกผู้หญิงน่าจะถูกจับอยู่บนบ้านหลังนั้น” นายตำรวจหนุ่มบอกคนที่ติดตามกับตน

“เรามากันแค่สองคน จะช่วยพวกผู้หญิงยังไงไหว กะดูแล้วคนพวกนั้นก็เยอะเอาการอยู่นะ” ชัยถามด้วยสีหน้ากังวลเป็นที่สุด ทว่ารักษ์ราชกลับคลี่ยิ้มและบอก

“ใครว่าเราสองคนล่ะครับ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงกองกำลังสนับสนุนจากสถานีตำรวจก็จะมาถึง ผมได้แจ้งเรื่องไปให้ผู้บังคับบัญชาทราบหมดแล้วล่ะ ว่าตรงที่เราอยู่นี้คือส่วนไหนของเชียงราย”

“ถ้าคุณพูดเช่นนั้นผมก็วางใจ ผมขอเข้าไปด้วยนะครับ ที่นั่นมีพี่สาวของผม ผมเป็นห่วงเธอ”

แม้จะพูดว่าพี่สาว ทว่าเขากลับเป็นห่วงใครอีกคนมากกว่า ซึ่งบัดนี้เธอคนนี้ได้มานั่งในหัวใจของเขานานแล้ว ใครคนนั้นเป็นใครอื่นไปไม่ได้ นอกจากปุณชิกาเพียงคนเดียว...คนเดียวเท่านั้น

“มันจะดีหรือครับ ผมเกรงว่า”

“อย่าพูดคำว่าเกรงว่ากับผมเลยครับคุณรักษ์ราช พี่สาวของผมทั้งคนอยู่ในนั้น ขอให้ผมได้เข้าไปช่วยพวกเธอด้วยนะครับ”

“แต่ในนั้นมีคนของผมคอยดูแลอยู่นะครับ เธอก็เป็นตำรวจด้วย”

“เธอ...ตำรวจ หมายความว่า...”

คิ้วหนาของชัยเลิกขึ้นอย่างแปลกใจนี่หมายความว่า แผนการจับกุมคนกลุ่มนี้ของรักษ์ราชน่าจะถูกวางเอาไว้อย่างดีแล้วล่ะสิ

“ใช่ครับ ผมได้วางแผนให้คนของเราที่ถูกจับตัวไปก่อนหน้าเพื่อจะได้ช่วยพวกผู้หญิงให้ออกมาอย่างปลอดภัยล่ะครับ”

“แต่กระนั้นผมก็ยังไม่วางใจ เธอ...ในความหมายของคุณน่าจะเป็นผู้หญิง ยังไงผมก็เป็นห่วงพวกพี่สาวของผมอยู่ดี ให้ผมเข้าไปช่วยด้วยเถอะนะครับ”

รักษ์ราชนิ่งไปสักครู่หนึ่งเหมือนจะไตร่ตรองกับผลที่ได้และจะเสีย เขามองหน้าของชายหนุ่มในความมืดนิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าและเอ่ยขึ้นมาในที่สุด

“ก็ได้ครับ ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถเอาตัวรอดได้ คุณพอจะใช้ปืนได้ไหมครับ”

“ได้ครับ ตอนสมัยเรียนผมเคยเป็นนักกีฬายิงปืนรณยุทธของมหาวิทยาลัย แม้จะห่างไปนานแต่ก็คิดว่าน่าจะใช้ได้อยู่”

“ถ้าอย่างนั้น นี่ครับ ผมให้คุณเอาไว้ป้องกันตัว”

รักษ์ราชส่งปืนสั้นของตนเองให้กับชัย ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายและพยักหน้าเป็นเชิงให้กำลังใจ ซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น ชัยจึงรู้ได้ในทันทีว่าจอมทัพมาถึง เขาจึงขออนุญาตนายตำรวจหนุ่มออกไปรับจอมทัพในที่สุด

////

ประมาณสิบนาทีเห็นจะได้ชัยจึงออกมายังถนนสายหลักอีกครั้ง ตรงจุดที่รักษ์ราชได้จอดรถเอาไว้ในเวลานั้นเขาก็เห็นรถของจอมทัพจอดอยู่ข้างทาง ชายหนุ่มจึงวิ่งเข้าไปหาในทันที

เห็นเป็นคนที่รู้จักและโทรบอกข่าวการถูกจับตัวไปของเมยาวี ปุณชิกาและวัสนางค์ จอมทัพจึงรีบออกจากรถด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจเป็นที่สุด

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเธอถึงได้ถูกจับตัวไป” เป็นคำถามแรกที่นักธุรกิจถามหนุ่มรุ่นน้อง ขณะชัยเดินมาถึงพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก

“เป็นพวกแก๊งลักพาตัวผู้หญิงที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้น่ะครับ มันจะส่งผู้หญิงออกไปขายที่ชายแดน”

“ชายแดน นี่หมายความว่า”

จอมทัพหล่นเสียงออกมาด้วยความตกใจสุดขีด ในครั้งที่ชัยโทรไปแจ้งข่าวการถูกจับของพวกสาวๆ เขายังไม่ทันได้สอบถามอะไรมาก เพราะชัยได้บอกให้เขารีบตามมาตามเส้นทางที่บอกและตัดสายไปในที่สุด
เมื่อมาได้ยินว่าพวกผู้หญิงที่เขาเป็นห่วงถูกจับตัวและจะถูกส่งออกนอกประเทศ ชายหนุ่มจึงยิ่งตกใจ

“ครับ...คุณจอมคงจะเห็นข่าวในโทรทัศน์ ว่ายังจับกุมกลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้และที่พี่เหมย พี่ฝนกับคุณปูเป้ถูกจับตัวมา ก็คนกลุ่มนี้นั่นแหละครับ”

“ทำไมมันถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ได้นะ”

หนุ่มนักธุรกิจทำหน้าเคร่งเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น อาการของรติกรยังไม่ดีขึ้นนี่ยังจะเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก แถมคนนั้นยังเป็นเมยาวีผู้หญิงที่เขารู้สึกดีด้วยแล้วนี่เขาจะทำอย่างไร

“คุณจอมไม่ต้องเป็นห่วงครับ ตอนนี้ตำรวจเขาได้วางแผนเอาไว้หมดแล้ว ไม่ช้านี้จะมีการบุกเข้าจับกุมคนพวกนั้น พี่เหมย คุณปูเป้กับพี่ฝนจะต้องปลอดภัยกลับออกมาเหมือนกับพวกผู้หญิงที่ถูกจับตัวไปเช่นกันครับ” ชัยให้กำลังใจหนุ่มรุ่นพี่ แม้ในใจของตนเองจะยังรู้สึกหวั่นๆ อยู่ก็ตาม

“เอ่อ...แล้วคุณรติล่ะเป็นยังไงบ้าง” เห็นอีกฝ่ายเงียบไป ชัยจึงถามขึ้น

“ตอนนี้ยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลน่ะแหละ พรุ่งนี้คุณพ่อคุณแม่ของเธอก็ตามกันขึ้นมาแล้วล่ะ ส่วนคุณคีน ก็กลับไร่ไปแล้วล่ะ เมื่อกี้ผมโทรไปเช็คทางนู้นและบอกข่าวนี้กับน้ำบุษย์ให้ทราบ เผื่อจะได้ดำเนินเรื่องกับทางตำรวจอีกทางหนึ่ง” จอมทัพบอกพรางทอดถอนใจอย่างหนักอก ก่อนจะพูดขึ้นอีก “ไหน พวกมันจับพวกผู้หญิงไปที่ไหน คุณนำไปสิชัย ผมจะไปหาพวกเธอ”

เขาใจร้อนและความใจร้อนนั้นก็ไม่ต่างจากชัยมากนัก เขาพยักหน้าแล้วรีบวิ่งนำจอมทัพฝ่าความมืดเข้าไปตามเส้นทางในทันที

////

หลังรับรู้ถึงเวลาที่ได้ทำการนัดหมายกันแล้วและพอจะกะถึงกำลังตำรวจที่น่าจะเข้ามาล้อมที่แห่งนี้ตามแผนการที่ได้วางเอาไว้นั้น กัญสิณีจึงส่งสัญญาณให้วัสนางค์ทำตามแผนการที่ตนได้บอกเธอทันที

“โอ้ย...ช่วยด้วย ใครอยู่ข้างนอกช่วยฉันด้วย”

พอตำรวจสาวพยักหน้าเป็นสัญญาณ แม่สาวเจ้าบทบาทก็เริ่มแสดงละคร เธอร้องลั่นอย่างเจ็บปวด พร้อมกับเอามือมากุมที่ท้องตนเองและลงไปนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นหน้าประตู โดยมีปุณชิกาและเมยาวีคอยดูแลด้วยความเป็นห่วง

“ใครก็ได้ที่อยู่ข้างนอก ช่วยเพื่อนฉันที เพื่อนฉันปวดท้อง”

“โอ้ย...”

วัสนางค์เร่งเสียงนั้นให้น่าสงสารยิ่งขึ้น หลังเห็นว่าที่หน้าประตูยังคงเงียบ ปุณชิกาเห็นว่ายังไม่ได้ผล จึงรีบวิ่งไปที่ประตูและทุบประตูเรียกอีกแรงหนึ่ง

“นี่พวกนาย พี่สาวของฉันปวดท้อง ช่วยพวกเราด้วยสิ ใครมียาเอามาให้หน่อย”

“ใช่ ช่วยด้วย...ฉันจะตายอยู่แล้ว ช่วยด้วย...”

เสียงร้องด้วยความน่าเจ็บปวดของผู้หญิงที่อยู่ด้านในห้องนั้น ทำให้สองร่างที่ยืนคุมอยู่หน้าประตู ต่างหันมามองหน้ากันด้วยสายตาลังเลและปรึกษากัน

“เอายังไงดีวะ ไอ้กรด”

“กูจะไปรู้รึ พวกมันอาจจะแกล้งก็ได้” ไอ้กรดบอกเพื่อนของมัน เพราะยังคิดว่าเป็นแผนการของผู้หญิงที่ชอบเรียกร้องเพื่อหาทางเอาตัวรอด

“ช่วยด้วย ไอ้พวกไร้มนุษย์ธรรม ถ้าพวกแกไม่ช่วยเพื่อนฉัน เกิดเพื่อนฉันตายขึ้นมาจะทำยังไง” เสียงของเมยาวีดังมาอีก พร้อมกับกำลังเสริมเสียงร้องอย่างโหยหวนของวัสนางค์อีกชุดหนึ่ง

“ใช่ๆ ไอ้พวกไร้น้ำใจ พี่ฝน ทนเอานะคะ อย่าเป็นอะไรไปนะคะ”

ปุณชิกาทำเสียงให้น่าสงสารแข่งกับวัสนางค์ไปอีกชุดพร้อมกับเสียงสะอื้นคล้ายดั่งจะสงสารร่างที่นอนกลิ้งอยู่บนที่นอนเก่าๆ อย่างจับใจ

“เฮ้ย ท่ามันจะจริงแล้วมั้งได้กรด”

ไอ้หน้าบากหันมาทางเพื่อนมันอีกครั้งเพราะยิ่งนานเสียงร้องนั้นก็ยิ่งน่าสงสารอย่างจับใจ แม้จะเป็นพวกทรชนแต่พวกมันยังมีความสงสารอยู่ในตัวอยู่บ้างและก็อีกเหตุผลหนึ่งคือหากว่าผู้หญิงเหล่านั้นมาตายในห้อง พวกมันคงจะต้องถูกทำโทษเป็นแน่ ที่ปล่อยให้เหยื่อต้องมาตาย

“เออ...เอ็งเข้าไปดูสิ เดี๋ยวกูจะรอดูข้างนอกนี่เอง” ว่าแล้วไอ้หน้าบากก็พยักหน้า ก่อนเดินไปหยิบกุญแจที่แขวนอยู่ข้างฝามาเปิดประตู

ทันทีที่ประตูเปิดออก ไอ้หน้าบากก็เริ่มบ่นอย่างทันทีทันใด

“ไหนๆ พวกมึงเป็นอะไรกันนักกันหนาฮึ”

“พี่ฝนปวดท้องนายช่วยดูด้วย”

ปุณชิกาที่ยืนอยู่หน้าประตู แถมในเวลานี้ยังมีน้ำตาอาบสองแก้มเป็นฉากประกอบชี้ไปยังร่างของวัสนางค์ ที่นอนทำตาปริบๆ อยู่บนฟูก โดยข้างๆ มีเมยาวีคอยพยุงอยู่ใกล้ๆ

“ช่วยฉันด้วย” วัสนางค์ทำเสียงเครือ ก่อนจะส่งสายตาให้สัญญาณกับกัญสิณีที่ยืนแอบอยู่ข้างหลังของปุณชิกาทำตามแผนในทันที

“เฮ้ย...” ไอ้หน้าบากร้องได้แค่นั้น ก่อนจะถูกไม้ที่ตำรวจสาวประเคนให้จนสลบไปในทันทีที่ร่างถึงพื้น
จากนั้นเมยาวีก็ลุกขึ้นเธอรีบวิ่งไปที่ประตู ขณะร่างของไอ้หน้าบากที่ถูกลากไปยังมุมห้องและถูกริบอาวุธปืนอย่างรวดเร็ว กัญสิณีเช็คความพร้อมแล้วจึงพยักหน้าให้เมยาวีเปิดประตูออกไป

“พวกมันเป็นอะไรวะ ไอ้วิทย์”

ไอ้กรดหันมาถาม หากแต่ร่างที่แทรกออกมาจากห้องนั้นกลับเป็นเมยาวี เธอคลี่ยิ้มและถลกกางเกงขาสั้นของตนเองขึ้น เผยให้เห็นเรียวขาขาวและละเอียดจนมันแทบจะควบคุมตัวเองให้กระโดดเข้าไปคว้าตัวเธอแทบไม่ไหว

“พี่...เพื่อนพี่บอกให้ฉันมาเอายาที่พี่น่ะจ้ะ”

“ยา ยาอะไร แล้วมึงออกมาได้ยังไง”

“ก็บอกแล้วยังไงล่ะจ๊ะ ว่าเพื่อนพี่บอกให้ฉันมาเอายาที่พี่”

หญิงสาวย่างเยื่องเข้าไปหามันที่มองร่างเธอจนตาไม่กะพริบ โดยลืมสิ้นซึ่งการระวังตัว เมยาวีถึงตัวของมัน พร้อมกับเรียวนิ้วสวยที่ค่อยๆ วาดไปยังกรอบหน้าอันกักขฬะอย่างเชื่องช้า และทำเรียวปากสวยให้เซ็กซี่เย้ายวนมากที่สุด

“อ้อ...ไม่ใช่ให้มาเอายาอย่างเดียวนะจ้ะ เพื่อนพี่เขาให้ฉันมาให้พี่ฉีดยาด้วย”

“ฉีดยา” ไอ้กรดทำตาโต มองสาวร่างระหงตรงหน้าด้วยความหื่นกระหาย คำว่าฉีดยาทำให้มันรู้ได้ในทันทีว่าสาวตรงหน้าต้องการให้มันทำอะไร

“นะจ๊ะ”

เมยาวีต้องพยายามข่มอาการเลี่ยนจนอยากจะทำให้ตัวเองปล่อยอาเจียนออกมาในเวลานั้นไม่ได้ ไม่รู้ใครกันที่เสนอให้เธอมาเป็นนางแมวยั่วสวาทไอ้คนนี้ มองจากส่วนไหนแล้ว มันไม่น่าพิศวาสเลยสักนิด

‘อดทนเอาไว้นังเหมย อีกนิด อีกนิ๊ด...’ พยายามข่มใจเป็นที่สุด ในใจก็ภาวนาให้กัญสิณีออกมาจัดการไอ้นี่เร็วๆ

“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอฉีดยาน้องก่อนนะจ้ะ กำลังอยากอยู่พอดีเลย”

ว่ายังไม่ทันจับ มันก็คว้าตัวของเมยาวีไปกอด พร้อมกับสายตาหื่นมองสาวร่างบางตรงหน้าอย่างหื่นกระหาย ก่อนจะพาเธอไปวางแปะลงบนโต๊ะไม้ตัวเก่า แล้วโผเข้ามาซุกไซ้ที่ซอกคอของหญิงสาวจนเธอขนลุกขนชันและบิดตัวไปมาอย่างมีจริต

“อืม...คอน้องหอมดีนี่ อ๊ะ...”

ประโยคท้ายร้องได้แค่นั้น ร่างของมันก็ซบลงบนอกสาวในทันที ก่อนจะถูกเมยาวีที่ค่อยๆ ใช้นิ้วดันร่างมันออกห่าง โดยมีกัญสิณีรับเอาไว้และช่วยกันกับวัสนางค์ลากมันเอาไปไว้ในห้อง แล้วล็อคประตูขังพวกมันเพื่อกันไม่ให้ออกมาบอกข่าวกับพรรคพวกอีก

“ทำไมช้าจังคุณตำรวจเจ้าขา รู้ไหมว่าฉันน่ะ แทบจะอ้วกและทำแผนแตกอยู่รอมร่อแล้วนะ”

สาวเจ้าของสวนดอกไม้ทำท่าสะบัดเนื้อสะบัดตัวไปมาด้วยความขยะแขยงเป็นที่สุด กับภาพสยิวที่ตนทำ โดยมีไอ้ลามกแถมยังสกปรกนั่นมาโลมไล้

“ก็อยากจะให้เธอเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัวน่ะเหมย” วัสนางค์เอ่ยแซวโดยมีพวกสาวๆ อีกหกคนมองมาที่เธอและพากันขำกลิ้งไปตามๆ กัน

“ขอโทษค่ะ ฉันแค่อยากจะให้มันเผลอและสลบไปโดยที่ไม่ทันรู้อะไร จึงรอดูจังหวะ”

“แต่ฉันเกือบจะเป็นของมันแล้ว เหลืออีกนิดเดียวนะ มันจะจับนมฉันแล้วนะ อี๋...” ใช้นิ้วชี้ตรงหน้าอกของตัวเองเป็นภาพประกอบ ว่าส่วนตรงนั้นของเธอน่ะเป็นของรักของหวงที่จะให้ใครจับง่ายๆ ไม่ได้...

“ก็ให้จับนิดจับหน่อยเองจะเป็นไรไป แบ่งให้คนอื่นเค้าจับดูบ้างสิเธอ” วัสนางค์ยังแซวเพื่อนไม่เลิก พร้อมกับยกมือปิดปากหัวเราะ ก่อนที่เมยาวีจะกรีดร้องไปมากกว่านั้น กัญสิณีจึงเข้ามาขัดจังหวะ แล้วบอกให้ทุกคนตามตนไปในทันที

“อย่าเพิ่งพูดกันมากเลยค่ะ ตามมาทางนี้เลยดีกว่า”

เหล่าสาวๆ เห็นอย่างนั้นจึงเงียบเสียงและตามผู้หมวดสาวไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อมาถึงบันไดด้านหลังที่คิดว่าจะปลอดภัยที่สุด ทุกคนกลับสะท้านเฮือก เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น

“เฮ้ย...พวกมึงออกมาได้ยังไงกัน”

///////
ก่อนจะจบในตอนนี้ ผู้เขียนต้องขอขอบพระคุณนักอ่านทุกๆ ท่านด้วยนะครับ ที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบทความของพายุ โดยเฉพาะ คุณ an00 น่ารักมากเลยอ่ะ เม้นท์มาให้ผู้เขียนมีกำลังใจทุกตอนเลย มะ มาจุ๊บทีหนึ่งครับ (แหะๆ เค้าจะให้แกจุ๊บป่ะฟะ ดีไม่ดีโดนหัวแบะเป็นไงนิ)



พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 เม.ย. 2555, 20:53:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 เม.ย. 2555, 20:53:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1519





<< ตอนที่ ๑๕ เหตุการณ์ที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป   ตอนที่ ๑๗ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ (๒) >>
mothjung 23 เม.ย. 2555, 15:09:38 น.
อ่านไปลุ้นไปจนประโยคสุดท้ายเลยค่ะ


anOO 23 เม.ย. 2555, 17:53:02 น.
ตามมาให้จุ๊บค่ะ 555
ดูท่าสาวๆ จะอยากบู๊กันทุกคนเลยนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account