เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 16




บทที่ 16




ศรินดามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก หญิงสาวคลี่ยิ้มให้กับตัวเองเพื่อให้หน้าตาดูดีขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่เศร้าเหมือนอมทุกข์ไว้แม้ใจจริงจะโศกเศร้าก็ตาม หญิงสาวเดินลงมาจากชั้นบนตามบันไดที่ทอดยาวลงสู่เบื้องล่าง แสงจากไฟระย้าที่ห้อยจากเพดานส่องมากระทบกับเรือนร่างบอบบางยิ่งทำให้เหมือนกับมีประกายอยู่รอบตัว

ธนาดลมองคนที่กำลังเดินลงมาอย่างอึ้งๆ สายตาดูเหมือนจะถูกตรึงไว้ให้อยู่กับร่างนั้นเพียงอย่างเดียว ชุดราตรีสีโอลโรสยาวกรอมเท้าช่วยขับผิวให้ขาวผ่องยิ่งขึ้น ดวงหน้าที่แม้จะไม่ได้แต่งด้วยเครื่องสำอางมากนัก หากก็สวยเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่ดูขัดตาเขาไม่น้อยก็คือชุดเกาะอกชุดนั้น ชุดที่เขาไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าใส่

ก็มันโชว์เนื้อหนังมังสาซะขนาดนั้น ให้เขามองคนเดียวมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าให้คนอื่นมอง ...ไม่ดีแน่!

“ไปเปลี่ยนชุด” เสียงห้าวสั่งเรียบๆ

“สายไปแล้วค่ะ ฉันจะใส่ชุดนี้” ศรินดาปฏิเสธ เสียงหวานยืนยันคำเดิม

“ฉันบอกให้เธอไปเปลี่ยน!” หากธนาดลเองก็ยังสั่งด้วยประโยคเหมือนเดิมเช่นกัน

“ทำไมคะ ฉันจะใส่ชุดนี้ ได้ยินไหมว่าฉันจะใส่ชุดนี้!” ศรินดาโต้กลับด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าปกตินิดหนึ่งหากก็ดังมากพอที่จะให้ประมุกของบ้านอย่างพ่อเลี้ยงธฤตที่เดินเข้ามาได้ยินพอดี

“มีอะไรกันน่ะดล ทำไมเสียงถึงได้ดังแบบนี้” พ่อเลี้ยงธฤตเดินเข้ามาถามลูกชายเพราะได้ยินเสียงทะเลาะที่เริ่มบานปลาย

“ผมบอกให้ศรินดาไปเปลี่ยนชุดครับคุณพ่อ” ลูกชายคนเล็กบอกด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดกับการแต่งตัวของหญิงตรงหน้า

หากพ่อเลี้ยงธฤตกลับดึงลูกสาวให้มาใกล้ๆก่อนจะจับหมุนตัวหนึ่งรอบ “ทำไมล่ะ ชุดนี้ก็สวยดีนะพ่อว่า”

เมื่อเจอบิดาพูดแบบนี้ธนาดลก็ถึงกลับเถียงไม่ออก เพราะถ้าออกตัวไปมากกว่านี้ ต้องมีใครจับได้แน่ๆว่าเขาเปลี่ยนไป...ไม่เหมือนเดิม ชายหนุ่มจึงต้องจำยอมให้ศรินดาใส่ชุดนี้ไปงาน

“แต่งตัวแบบนี้กะจะไปหาผู้ชายเพิ่มหรือไงศรินดา” ธนาดลเย้ยหยัน เขาอดไม่ได้จริงๆที่จะถามไปแบบนั้นเมื่อทั้งคู่อยู่ภายในรถคันเดียวกันและไม่มีบุคคลที่สาม

“ก็คิดอยู่ค่ะ ไม่รู้ว่าวันนี้จะได้กลับมาซักกี่คน” ศรินดาประชดสำทับกับคำกล่าวร้ายนั่น

ธนาดลเหยียบคันเร่งจนหน้าปัดบอกความเร็วพุ่งไปถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

“ขับช้าๆได้ไหม ฉันยังไม่อยากตาย” เธอบอกเสียงขุ่น มือจับสายเข็มขัดนิรภัยที่คาดเฉียงกับตัวไว้แน่น

“กลัวตายมากนักหรือศรินดา” คนกำหนดความเร็วถามเสียงเย็นหากก็ยังไม่ยอมลดความเร็วลง

“ไม่กลัวหรอกค่ะ แต่ที่ฉันยังไม่อยากตายเพราะฉันไม่อยากตายกับคุณ” หญิงสาวกระแทกเสียงตอบ ธนาดลเหยียบเบรกทันที ตาคู่คมมองรินอย่างแข็งกร้าว

“อย่ายั่วโมโหฉันให้มากนักนะศรินดา ฉันมีความอดทนไม่มากหรอกนะจะบอกให้ ขืนเธอยั่วโมโหฉันมากกว่านี้ ระวังจะไปไม่ถึงงาน!” ธนาดลยื่นคำขาด เขาไม่อยากได้ยินคำพูดร้ายๆจากเธอ

ไม่อยากได้ยิน เพระมันเจ็บ...ตรงนี้...ที่หัวใจ













ศรินดาลงจากรถด้วยความยากลำบากเนื่องจากชุดที่ยาวถึงพื้น หญิงสาวจึงต้องคอยดึงมันให้พ้นไปจากรองเท้าส้นเข็มที่สูงปรี๊ด ไม่อย่างนั้นคงได้สะดุดชุดตัวเองหน้าคะมำกันบ้าง แต่ก็ยังไม่วายที่จะบ่นกับตัวเองในใจ

...ทำไมมันถึงได้ลำบากอย่างนี้นะ!...

ธนาดลในชุดสูทสีเข้าดูภูมิฐานเดินเข้ามาเคียงข้าง วงแขนแข็งแรงตวัดดึงร่างบางของคู่ควงในค่ำคืนนี้ให้ชิดตัว

“จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ” รินขืนตัวออก หากยิ่งขืนคนตัวโตก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น

“เดินไปเงียบๆ อย่าขัดขืนถ้าไม่อยากขายหน้ากลางงาน” ธนาดลบอกเสียงต่ำ ดึงหญิงสาวให้เดินตาม

“คุณจะทำอย่างนี้เข้างานไม่ได้นะ คนในงานรู้จักพ่อคุณกันทั้งนั้น แล้วเขาก็รู้ด้วยว่าฉันเป็นน้องสาวคุณ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้” ศรินดาใช้เหตุผลที่ธนาดลสมควรที่จะทำตามคำพูดของเธอ สมควรจะให้เกียรติเธอในฐานะของ ‘น้องสาว’

“แต่ฉันไม่เคยเห็นเธอเป็นน้องสาว เดินตามมา!” แต่เปล่าเลย...เขาไม่ฟังเธอเลยสักนิด

...เพราะเขาเกลียดคำว่า ‘น้องสาว’ ในครั้งนี้มากกว่าครั้งไหน...

...เขาไม่เคยรับเธอเป็นน้องสาว ให้ตายยังไงเขาก็ไม่รับเธอเป็นน้องสาว ไม่มีทาง!...

ธนาดลพาศรินดาเข้ามาในงานโดยที่แขนข้างหนึ่งยังรัดเอวหญิงสาวไว้แน่น

“เป็นยังไงบ้างหนูริน อาไม่ได้เจอหนูนานเลยนะ” ทันทีที่ย่างก้าวเข้ามาในงาน คุณอานัสเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของพ่อเลี้ยงธฤตก็เข้ามาทักเมื่อเห็นลูกเลี้ยงของเพื่อนสนิทที่ท่านค่อนข้างคุ้นชิน ศรินดายกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมเป็นการทักทาย

“สวัสดีค่ะคุณอา”

“แล้วนี่...” คุณอานัสมองมาที่ธนาดล

“ธนาดลครับ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤต” ธนาดลปล่อยมือออกจากเอวของสาวข้างกายอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะยกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่า

“อ๋อ...ลูกชายคนเล็กของธฤตนี่เอง กลับมาเมื่อไหร่ล่ะนี่”

“สามสี่เดือนแล้วครับ”

เมื่อเห็นว่าการคุยระหว่างคุณอานัสกับธนาดลคงจะต่ออีกยาว ศรินดาจึงเลี่ยงตัวออกเพื่อเดินดูรอบๆงานหญิงสาวสังเกตได้ว่าเธอเป็นเป้าสายตาของผู้ชายในงานอยู่หลายคน เธอไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่อย่างใดหากสายตาหลายคู่ที่จ้องมาทำให้รู้สึกอย่างนั้น รินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน ในใจกำลังคิดว่า เธอคิดถูกหรือคิดผิดที่ใส่ชุดล่อตาล่อใจเหล่าเสือสิงห์พวกนี้

“สวัสดีครับคุณริน” แล้วหญิงสาวก็รู้ว่าเธอคิดผิดไปถนัดเมื่อเจอกับน้ำเสียงและสายตากรุ่มกริ่มของปารัชลูกชายเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลในแถบนี้

“สวัสดีค่ะคุณ...” ศรินดาแกล้งทำเป็นจำชื่อของปารัชไม่ได้ เพราะไม่ค่อยอยากจะคุยกับเสือผู้หญิงอย่างผู้ชายคนนี้เสียเท่าไหร่ ผู้ชายอย่างนี้อยู๋ในลิสต์ที่หญิงสาวคิดว่าไม่น่าไว้วางใจ

“ปารัชครับ” ปารัชตอบ ยิ้มอย่างมีเลิศนัย จนคู่สนทนาสาวเริ่มขนลุกชัน

“ค่ะ...คุณปารัช” รินตอบกลับไปอย่างเรียบๆ ถ้าไม่ติดว่าการเดินหนีออกไปเสียเฉยๆป็นการเสียมารยาทล่ะก็ เธอจะเดินออกไปตั้งแต่แรกที่เห็นผู้ชายคนนี้ ไม่ยืนให้นายปารัชอะไรนี่ยืนใช้สายตาโลมเล้าเธอได้อย่างนี้หรอก

“คุณรินมาคนเดียวหรือครับ” ปารัชถาม เริ่มเขยิบเข้าใกล้ศรินดาเล็กน้อย ร่างบางจึงรีบถอยฉากเพื่อเว้นระยะห่าง

“เปล่าหรอกค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธเสียงเรียบ พยายามให้มีมารยาทที่สุดแม้ในใจอยากจะเสียมารยาทใส่ผู้ชายคนนี้แทบตาย!

“งั้นก็แย่จัง ผมอุตส่าห์ภาวนาให้คุณรินมาคนเดียวผมจะได้ขับรถไปส่ง”

รินลอบกลืนน้ำลายอีกที ไม่คิดว่าปารัชจะกล้าพูดอะไรออกมามากขนาดนี้ หญิงสาวจึงยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนอาการกระอั่กกระอ่วน

“คอกเทลมั้ยครับ” ปารัชยื่นน้ำใสๆทว่ามีสีสันสวยงามมาตรงหน้า

“ไม่ดีกว่าค่ะ” ศรินดาส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะเธอดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เก่ง แค่นิดหน่อยก็แทบไม่ได้สติแล้วยิ่งดื่มกับปารัช เธอคงไม่ปลอดภัยแน่ๆ

“ซักนิดก็ดีนะครับคุณริน” ปารัชยังคงคะยั้นคะยอ

“รินดื่มไม่เก่งน่ะค่ะ” แต่ศรินดาก็ยังปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

แต่มีหรือที่คงช่างตื๊ออย่างปารัชจะยอม “นิดเดียวไม่เมาหรอกครับ” บอกพร้อมๆกับยื่นแก้วคอกเทลให้หญิงสาวอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ” รินดันแก้วที่ยื่นมาตรงหน้าออกไป

“รัชขา...มาทำอะไรตรงนี้คะ”

แล้วระฆังช่วยชีวิตก็ดังขึ้นเมื่อสาวรูปร่างราวกับนางแบบในชุดสายราตรีสายเดี่ยวยาวสีแดงเพลิงคว้านหลังจนถึงเอวที่ช่วยขับผิวขาวให้ดูเด่น เดินเข้ามาควงแขนปารัชราวกับเป็นคนรักกัน ศรินดามองสาวสวยคนนั้นด้วยอาการตะลึงงัน

...ชินานาฏมาทำอะไรที่นี่ แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกับ...ปารัช...

เช่นเดียวกับชินานาฏ เธอเองก็มองมาที่รินด้วยความตกใจเช่นกัน

“แกมางานไฮโซอย่างนี้เป็นด้วยเหรอยะ” หากคำถามที่เอ่ยขึ้นมายังคงถามด้วยน้ำเสียงแบ่งชนชั้นได้เป็นอย่างดี

รินตวัดสายตามองทันที “เป็นสิคะทำไมฉันจะมาไม่เป็น แต่ฉันน่าจะถามคุณมากกว่านะคะว่าคุณหายไปไหนมา ไม่รู้หรือไงว่าแฟนคุณต้องเข้าโรงพยาบาล”

ชินานาฏหน้าเจื่อนลงไปทันทีเมื่อเจอคำถามที่พ่วงคำว่า ‘แฟน’ ต่อหน้าผู้ชายอีกคน

“ก็ฉันไม่ว่าง”

“ไม่ว่างหรือมัวไปทำอะไรอยู่กันแน่คะ” รินปรายตามองไปที่ปารัช

“หมายความว่ายังไง” ชินานาฏเริ่มขึ้นเสียงสูง ผู้หญิงิย่างเธอไม่มีวันที่จะมาแพ้ผู้หญิงบ้านๆอย่างศรินดาเด็ดขาด!

“เอ่อ...ขอโทษนะครับ คุณรินกับนาฏรู้จักกันด้วยเหรอครับ” ดีที่ปารัชขัดจังหวะขึ้นมาก่อน ไม่งั้นคงได้มีลงไม้ลงมือกันกลางงานบ้าง แน่นอนว่าต้องเป็นฝ่ายชินานาฏเริ่มก่อน เพราะคนอย่างศรินดาถึงจะสู้คนแต่เธอก็ไม่เคยระรานใครก่อนแม้คนๆนั้นคิดจะทำร้ายเธอก็ตาม

“รู้จักสิคะ รู้จักดีด้วย” ศรินดาชิงตอบก่อน มองชินานาฏอย่างผู้มีชัย

“รู้จักคุณรินตอนไหนหรือครับนาฏ” ปารัชถามผู้หญิงที่เกาะแขนอยู่ข้างๆ

“ก็...รู้จักที่บ้านเพื่อนน่ะค่ะ” ชินานาฏตอบเสียงเบา เป็นคำตอบที่ไม่ค่อยเต็มปากเต็มคำนัก

ศรินดามองคนที่ตอบออกมาอย่างหน้าไม่อาย ...บ้านเพื่อน เพื่อนเนี่ยนะ!... เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกว่าที่เธอคิดมากนัก

“เพื่อนคนไหน เพื่อนคุณอยู่บ้านเดียวกับคุณรินเหรอ” ปารัชซักไซ้ จนสาวอีกคนหนึ่งแย้มยิ้มมุมปากอย่างสะใจเมื่อเห็นว่าชินานาฏเริ่มจนมุม

“ทำไมรัชต้องซักนาฏด้วยคะ นาฏบอกว่าเพื่อนก็เพื่อนสิ แล้วรัชล่ะมาคุยอะไรกับมัน” ดวงตาเรียวสวยของชินานาฏกำลังจ้องจับผิดปารัช

“ผมก็มาคุยตามประสาคนรู้จัก”

“อย่างนี้คงไม่ใช่รู้จักธรรมดาล่ะมังคะ”

ศรินดาเห็นท่าทางว่างานนี้สงสัยจะมีปัญหารีบถอยฉากออกมาเพราะกลัวจะโดนลูกหลงเข้าให้และไม่อยากโดนใครต่อใครกล่าวหาว่าเป็นมือที่สามของใคร แต่ก็คงจะประมาทเกินไป เพราะร่างบางเดินชนเข้ากับใครบางคนเต็มแรง

“ขอโทษค่ะ” เสียงหวานรีบขอโทษขอโพยทั้งๆที่ยังไม่ได้เห็นหน้าคนที่ชนเสียด้วยซ้ำ

“ทีหลังหัดระวังไว้บ้างก็ดีนะศรินดา” เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ศรินดาค้นพบว่าสำนวนที่ว่าหนีเสือปะจรเข้นั้นเกิดขึ้นได้จริงๆ

“เรื่องของฉัน” รินสะบัดหน้าใส่พร้อมกับหันตัวเดินหนี หากก็ช้าไปเมื่อเทียบกับมือของธนาดล

“เดี๋ยว”

“มีอะไร” รินถามห้วนๆ พยายามที่จะแกะมีนั้นออก

“เมื่อกี้คุยอยู่กับใคร”

“เรื่องของฉัน”

“อย่ามาเล่นลิ้นนะศรินดา ฉันถามว่าเธอคุยกับใคร” ธนาดลถามเสียงต่ำ

“แฟนคุณ”

ธนาดลขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ย้อนถามเสียงสูง “แฟนฉัน...ใคร?”

“คุณนาฏ” รินตอบอย่างเอือมระอา

...อะไรกันนะคนพวกนี้ ฝ่ายหญิงก็บอกว่าเพื่อน ฝ่ายชายก็ไม่รู้ว่าใครเป็นแฟน...

“นาฏ? นี่ยังอยู่เชียงใหม่อีกเหรอ นึกว่ากลับกรุงเทพฯไปแล้ว” ธนาดลเอ่ยขึ้นเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับผู้หญิงอีกคน

“แล้วเขาอยู่กับใคร” คราวนี้เป็นคำถามที่ธนาดลตั้งใจถามร่างบางหอมกรุ่นที่อยู่ข้างตัว

...เพิ่งมีความรู้สึกอยากรู้รึไงนะ... รินค่อนขอดในใจ

“ลูกชายของเจ้าพ่อแถวนี้แหละ...โอ๊ย...ปล่อยซี่” หญิงสาวตอบ ยังไม่เลิกพยายามแกะมือที่จับแขนเธอไม่ยอมปล่อยเสียที

“งั้นเหรอ” ธนาดลตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“นี่คุณประสาทกลับหรือไง แฟนคุณเขายืนออเซาะกลับผู้ชายคนอื่นอยู่นะ คุณไม่โกรธเลยหรือ” เธอถามเพราะเกิดมายังไม่เคยเห็นใครใจเย็นเรื่องแบบนี้ได้เท่ากับคนๆนี้เลย

“ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร” ธนาดลไหวไหล่น้อยๆ อยากบอกผู้หญิงคนนี้จริงๆว่าเขาไม่สนใจคนอื่นสักนิดว่าจะคุยหรือทำอะไรกับใคร แต่ถ้าเป็นเธอ ณ ตอนนี้ เข้าสนใจทุกอย่าง ทุกการกระทำ ทุกท่าทางที่แสดงออกของเธอ

“ไม่ได้รู้สึกอะไร นี่คุณบ้าหรือเปล่า คุณกำลังถูสวมเขาอยู่นะรู้ตัว...มั้ย” ท้ายประโยคเสียงหวานเริ่มแผ่วเมื่อสมองเริ่มประมวนผลออกมาว่า เธอนี่แหละท่าจะบ้า พูดอย่างนี้มันก็แปลว่าเธอเป็นห่วงเขาน่ะสิ

ธนาดลเองก็เหมือนจะรู้ว่าทำไมท้ายประโยคเสียงมันถึงได้แผ่วลง ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก้มศีรษะลงต่ำ กระซิบที่ข้างหูหญิงสาวเบาๆ

“เป็นห่วงฉันหรือไง”

“ใครเป็นห่วงคุณ” รินรีบปฏิเสธ ตาคู่สวยเคลือบไปเห็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่น่าจะเป็นตัวช่วยให้เธอหลุดไปจากตรงนี้ได้ทันท่วงทีก่อนที่จะเสียท่าให้กับธนาดล

“สวัสดีค่ะคุณลุง” ศรินดากระพุ่มมือไหว้พ่อเลี้ยงนพดลบิดาของนนทนัฐเมื่อท่านเดินใกล้เข้ามา

“สวัสดีหนูริน” ส่วนผู้ที่สูงวัยกว่าก็รับไหว้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นใจดี

“สวัสดีครับพ่อเลี้ยง” และนั่นก็ทำให้ธนาดลจำต้องทักทายพ่อเลี้ยงนพดลเช่นกัน

“สวัสดี...ลุงไม่ได้เจอดลตั้งนาน หล่อขึ้นจมเลยนะเนี่ย”

...จมไปกับโคลนน่ะสิไม่ว่า... รินแอบนินทาในใจ

“วันนี้รินสวยจังนะ” นนทนัฐเดินเข้ามายืนเคียงข้างศรินดาและเอ่ยชมหญิงสาวเบาๆให้พอได้ยินกันสองคน

“นนท์ก็หล่อ” รินชมกลับ นนทนัฐเลิกคิ้วสูง

“จริงน่ะ”

“จริง” รินพยักหน้าย้ำคำตอบ

“ดีใจจัง คิดไม่ผิดที่แต่งหล่อตั้งนาน” นนทนัฐยิ้มหน้าระรื่น

“ไปตรงอื่นดีมั้ยนนท์ ท่าทางคุณลุงคงจะคุยกับคุณดลอีกนาน” ศรินดาเสนอ อยากจะปลีกตัวให้พ้นๆไปจากธนาดลเต็มแก่

“อืม...ไปสิ” นนทนัฐยิ้มรับ ยื่นแขนไปให้หญิงสาวควง ตอนแรกรินก็ไม่เข้าใจ หากแต่พอนนทนัฐยิ้มกว้างพร้อมกับก้มศีรษะลงเธอจึงยอมวางมือลงไปบนท่อนแขนนั้นแต่โดยดี

“งานที่ไร่เป็นยังไงบ้างดล” พ่อเลี้ยงนพดลถามลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตต่อเพื่อต้องการถ่วงเวลาเมื่อเห็นลูกชายคนเดียวพอสาวที่หมายปองอย่างศรินดาเดินออกไปจากจุดตรงนี้เรียบร้อย

“ก็...ดีครับ” เหมือนว่าจะสนใจอยู่กับคู่สนทนาหากใจจริงไม่ใช่สักนิด เพราะสายตากลับจับจ้องไปที่ร่างของใครบางคนที่เดินเคียงข้างไปกับนนทนัฐด้วยใบหน้าที่ยิ้มระรื่น

เธอกะจะทำให้ฉันบ้าให้ได้เลยใช่ไหมศรินดา

ระวังนะ...ระวัง...ฉันจะบ้าขึ้นมาจริงๆ












“รินมากับไอ้ดลได้ยังไงไม่กลัวมันทำอะไรเหรอ” นนทนัฐถามอย่างห่วงใยเมื่อพาศรินดามาอีกด้านหนึ่งของงาน

“ไม่รู้สิ ริน...คงชินแล้วล่ะมั้ง”

“ทีหลังรินอย่าไปไหนมาไหนกับไอ้ดลได้ไหม นนท์เป็นห่วง” น้ำเสียงนั้นเว้าวอน นนทนัฐเป็นห่วงทุกครั้งยามที่ศรินดาอยู่กับธนาดล

“ถ้ารินเลือกได้รินก็ไม่อยากไปไหนมาไหนกับเขาหรอกนนท์ แต่รินเลือกไม่ได้”

นนทนัฐหมุนร่างบางของศรินดาเข้าหาตัวเอง จับจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยนั้นอย่างมีความหมาย

“รินเลือกได้ เลือกที่จะให้นนท์ปกป้องริน”

"นนท์..." หญิงสาวเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาวิว เริ่มที่จะมีอาการอึกอัก เพราะเธอยังไม่ได้คิดถึงคำตอบที่จะให้กับนนทนัฐ แม้แต่น้อย...เธอก็ยังไม่ได้คิด

“ริน...ขอโทษนะนนท์ รินยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย”

“ไม่เป็นไร” แม้ปากจะว่าบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’ แต่น้ำเสียงของนนทนัฐแฝงไปด้วยความเสียใจอย่างปิดไว้ไม่มิดจนรินเริ่มละอายใจ

“รินขอโทษจริงๆนะนนท์ รินยังไม่พร้อมที่จะรักใคร”

“รินไม่พร้อมที่จะรักใคร หรือรินรักใครไปแล้วกันแน่” ไม่ได้ตั้งใจจะพูดหากจะยั้งก็ช้าไปเสียแล้ว

ศรินดามองหน้านนทนัฐอย่างไม่เข้าใจ

“นนท์หมายความว่ายังไง ที่บอกว่ารินรักใครไปแล้วน่ะ”

“นนท์ก็พูดไปอย่างนั้น ไม่รู้สิ นนท์ก็อดคิดไม่ได้ว่าที่รินไม่รับรักนนท์ มันหมายความว่ารินรักใครอยู่แล้วหรือเปล่า”

“รินไม่ได้รักใคร” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง

ตอนนี้เธอไม่ได้รักใคร...จริงๆ

“โกรธหรือริน” นนทนัฐถามเสียงอ่อน

“ทีหลังนนท์อย่าพูดอย่างนี้อีกแล้วกัน” ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงโกรธยามเมื่อนนทนัฐพูดอย่างนี้ เพราะพอเขาพูดว่าเธอรักใครไปแล้ว หน้าของใครบางคนก็ชัดขึ้นมาในหัวใจ

...ไม่ใช่! ไม่ใช่เขา! ไม่ใช่!!...

“นนท์ขอโทษนะ นนท์ไม่ได้ตั้งใจ” นนทนัฐขอโทษเสียงอ่อน ศรินดาแกล้งไม่ยอมยกโทษ ดวงหน้าหวานผินหน้าเมินไปอีกทาง

“โธ่ริน อย่าทำแบบนี้สิ นนท์ขอโทษนะครับ...นะครับ”

“สัญญาว่าทีหลังจะไม่พูดอย่างนี้อีก” รินหันมาถามเสียงเข้ม นนทนัฐรีบพยักหน้าหงึก

“สัญญาครับ” ตามด้วยคำสัญญาเสียงดังฟังชัดที่มาพร้อมกับดนตรีบรรเลิงที่บ่งบอกว่าตอนนี้งานเต้นรำเริ่มขึ้นแล้ว หญิงสาวหันไปมองในงานและเห็นคู่ของผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในงานกำลังเต้นเปิดฟลอร์

“งานนี้มีเต้นรำด้วยเหรอนนท์”

“อืม รินสนมั้ยล่ะ”

หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ล่ะ ไม่ไหว”

“ซักเพลงนะริน” ไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธ นนทนัฐจึงโค้งขอหญิงสาวตรงหน้าให้เต้นด้วยทันที

“เหยียบเท้าไม่รู้ด้วยนะ” รินบอกยิ้มๆ เอื้อมมือไปควงแขนชายหนุ่ม

“ด้วยความยินดีเลยครับ” นนทนัฐยิ้มกว้างก่อนที่จะเดินเคียงคู่ร่างเล็กบางในชุดโอลโรสสวยสง่าสู่กลางฟลอร์เต้นรำ

“ไหนว่าเต้นไม่เก่ง” นนทนัฐแอบแซวเมื่อเต้นรำได้สักพักโดยศรินดายังเต้นได้ไม่ผิดจังหวะเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ได้บอกว่าเต้นไม่เก่ง แค่บอกว่าไม่ไหว” หญิงสาวแก้

“ทำไมถึงไม่ไหว”

“ก็...ไม่รู้สิ กลัวใจละลายเพราะอยู่ใกล้นนท์ล่ะมั้ง” รินแกล้งแหย่ เสียงหวานใสหัวเราะร่วน เช่นเดียวกับนนทนัฐที่เจอหญิงสาวล้อกลับจึงปล่อยหัวเราะออกมาเบาๆ

“เซี้ยวจริงนะริน” รินยิ้มรับกับคำพูดคำนั้น คิดว่าการมางานคืนนี้ก็มีสิ่งดีๆที่ทำให้เธอได้จดจำเหมือนกัน

“ขอบคุณนะรินที่เต้นรำกับนนท์” นนทนัฐโค้งให้หญิงสาวตามมารยาท ศรินดาย่อตัวลงรับยิ้มๆ

“ด้วยความยินดีค่ะ” แต่ไม่ทันที่จะเดินออกจากฟลอร์ รินก็ต้องเจอกับบุคคลที่ทำให้เธอกระอั่กกระอ่วนเมื่อเจอหน้าปารัชอีกครั้ง

“ถ้าไม่รังเกียจเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณริน” ปารัชถามเสียงนุ่ม รินอึกอัก หันซ้ายหันขวาหานนทนัฐจึงก็พบว่าชายหนุ่มกำลังเต้นรำอยู่กับคุณหญิงท่านหนึ่งอยู่

“อย่าดีกว่าค่ะ รินเต้นรำไม่เก่ง”

“ไม่เก่งที่ไหนครับ เมื่อกี้ผมเห็นคุณรินเต้นรำเก่งจะตายไป”

และนี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รินไม่ค่อยอยากเต้นรำ เพราะถ้าเธอเต้นเมื่อไหร่ก็จะมีคนมาขอเต้นเรื่อยๆอย่างนี้ เธอไม่ชอบเลยจริงๆ โดยเฉพาะคนอย่างปารัช แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นคนที่ปั้นหน้ายักษ์ยืนกอดอก เธอรู้ว่าเขากำลังมองมาที่เธอ และกำลังมองมาอย่างไม่พอใจ

“งั้นก็ได้ค่ะ” รินวางมือลงบนฝ่ามือของปารัชไม่วายที่จะปรายตามองคนที่กำลังจ้องเธอราวกับจะกินเลือกกินเนื้อ

...เป็นคุณเองนะคุณดล เป็นคุณเองที่ต้องการให้ฉันทำตัวแบบนี้ ฉันจะเป็นอย่างที่คุณอยากให้เป็น!...

ธนาดลมองไปยังฟลอร์เต้นรำด้วยดวงตาวาวโรจน์ เป็นไปได้เขาอยากที่จะกระชากตัวผู้หญิงคนนั้นออกมาและต่อยหน้าไอ้ผู้ชายคนนั้นสักหมัด แค่นนทนัฐเขาก็ต้องใช้ความอดทนมากพอดูแล้ว แต่ผู้ชายคนนี้แค่มองตาเขาก็รู้แล้วว่ามันคิดอะไร

มันคิดที่จะเขมือบศรินดา ไอ้บ้าเอ๊ย!

ธนาดลกำหมัดแน่น ถ้าไม่ติดชื่อเสียงที่บิดาสั่งสมมาเป็นสิบปี เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปต่อยไอ้บ้านั่นสักหมัดสองหมัด

ศรินดาเต้นรำตามจังหวะอย่างช้าๆ หากก็ไม่ได้สนใจคู่เต้นรำเลยสักนิด หญิงสาวได้แต่จ้องออกไปยังคนที่ใกล้จะอกแตกตายหรือไม่ก็ใกล้จะแปลงร่างเป็นมังกรพ่นไฟอยู่รอมร่ออย่างสะใจ ร่างบางกระเถิบเข้าใกล้ปารัชยิ่งขึ้น ตอนแรกคิดแค่อยากจะให้ใครบางคนเห็นแล้วก็จะถอยออกมา แต่ไม่ทันคิดว่าอีกฝ่ายจะเอาจริง!
ปารัชรัดเอวของหญิงสาวแน่นขึ้นจนดูเหมือนเธอจะตกอยู่ในอ้อมกอดของเขากลายๆ รินพยายามที่จะดันตัวเองออกแต่ก็ไม่สำเร็จ

“ผมเพิ่งรู้นะครับว่าคุณรินชอบการเต้นรำแบบแนบชิด” ปารัชกระซิบข้างหู

“ปล่อยนะคะคุณปารัช” รินบอกเสียงแข็ง

“คุณเป็นคนเข้าใกล้ผมเองนะครับคุณริน” ปารัชยิ้มกริ่ม รินแทบอยากจะจะเหยียบเท้าแล้วก็ชกหน้าผู้ชายคนนี้สักที แต่ก็อีกนั่นแหละ เธอเองต่างหากที่หาเรื่องไม่เข้าท่า รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายอย่างปารัชน่ะอันตรายแต่ก็ยังเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

ทันทีที่เพลงจบลงศรินดารีบผละออกจากปารัชโดยไม่พูดอะไรสักคำ หญิงสาวเดินออกจากงานอย่างรวดเร็ว นึกขยะแขยงกับรอยสัมผัสนั้น หากไม่ทันได้เดินออกจากงานก็มีมือๆหนึ่งดึงเธอไว้อย่างแรกและลากเธอมายังฟลอร์เต้นรำอีกครั้ง

ธนาดลวางมือไว้ที่เอวของรินและดึงหญิงสาวเข้าใกล้ตัว

“ปล่อยฉันนะ ฉันไม่เต้น” รินปฏิเสธเสียงแข็งดันตัวให้ออกจากร่างสูง

“ทำไม เต้นกับฉันนี่มันแย่มากนักเหรอ ทีกลับผู้ชายคนอื่นล่ะยอมให้มันกอด ทีฉันนี่รังเกียจมากนักรึยังไง” ธนาดลถามเสียงเย็น

“ใช่! ฉันรังเกียจ” รินตอบแน่วแน่ ธนาดลจึงเขยิบชิดตัวหญิงสาวมากขึ้น

“ดี...ยิ่งเธอรังเกียจฉันแค่ไหน ฉันก็ยิ่งเข้าใกล้เธอ”

“ออกไปนะ!” รินผลักคนตัวโตให้ออกห่าง

“อยู่เฉยๆ อย่าคิดว่าคนเยอะแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรเธอ เต้นไป!” ชายหนุ่มตะคอกเสียงต่ำ รินกัดฟันแน่น ทนเต้นตามจังหวะเพลงต่อไป

“เต้นดีๆด้วย” ธนาดลเตือนเมื่ออีกฝ่ายแกล้งเต้นรำผิดๆถูกๆ แถมยังไม่เข้าจังหวะอีกต่างหาก

“เอ๊ะ! ก็ฉันเต้นของฉันอย่างนี้” เธอเถียง ยังคงแกล้งเต้นรำผิดๆถูกๆ เข้าจังหวะบ้างไม่เข้าจังหวะบ้างต่อไป

“จะเต้นดีๆหรือจะให้ฉันสอนเต้นเดี๋ยวนี้หืมศรินดา” ชายหนุ่มขู่

“คุณไม่กล้า”

“จะลองดูไหมล่ะ”

รินเงยหน้าขึ้นสบดวงตาคู่คม เพื่อดูว่าแววตาของธนาดลนั้นจริงจังกับคำพูดมากแค่ไหน เพียงแว่บเดียว หญิงสาวก็จัดแจงจังหวะการเต้นของตัวเองให้ถูกต้องทันที เพราะแววตาของผู้ชายคนนี้บอกออกมาอย่างชัดเจนว่า เขาเอาจริง!

“ไม่กล้านี่” เขากระซิบอยู่ข้างหู

ปึ้ก! รินจงใจย่ำเท้าแรงๆกะให้เหยียบโดนเท้าผู้ชายบ้าอำนาจคนนี้สักที แต่...

“พลาดไปนะ”

ใช่! เธอพลาด พลาดไปนิดเดียวด้วย!!

ริมฝีปากของธนาดลกระตุกขึ้นทั้งสองข้าง หากก็ไม่ได้ยิ้มเต็มที่ เพราะเจ้าตัวฝืนไว้สุดความสามารถ

เด็กไปนะศรินดา...วิธีแบบนี้...มันเด็กไป

ศรินดาทนเต้นรำกับธนาดลจนจบเพลง เป็นไปได้เธออยากจะทุ่มผู้ชายคนนี้สักที ต่อด้วยการใช้ไม้หน้าสามฟาดอีกสอง เอาให้ตายไปเลย!

“ไม่คิดจะขอบคุณตามมารยาทเลยหรือ”

รินตวัดสายตามองใบหน้าคมของคนตรงหน้า คิ้วเรียวขมวดชิด

“ไม่! เพราะฉันไม่ได้เต็มใจรำกับคุณ” พูดจบก็ออกแรงผลักคนตัวโตให้พ้นทาง ก่อนจะเดินหนีออกนอกงานไปเสียดื้อๆ

พอแล้ว พอกันที! เธอไม่อยากอยู่ในงานกับเขาอีกแล้ว ไม่เอา!!

ธนาดลมองตามร่างเล็กบางที่เดินออกจากงานไปอย่างรวดเร็ว ร่างสูงก้าวเดินตามไปติดๆ คำมืดแบบนี้ แต่งตัวแบบนี้ ใครมันจะบ้าปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียวเล่า! แต่พอจะถึงตัวชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อมีคนเรียกเอาไว้

“ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตใช่ไหมนี่”

“เอ่อ...ครับ” ตอบแต่สายตาไม่ได้มองไปยังคนถามสักนิด

หายไปไหนแล้วนะยัยบ้า!!















ศรินดาเดินออกมาภายนอกโรงแรม หญิงสาวเอามือกอดอกเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวเอง เนื่องจากสายลมอ่อนๆที่พัดมาโดนผิว ตาคู่สวยมองไปรอบๆด้วยความหวาดระแวง นี่เธอโง่หรือบ้ากันแน่นะที่ออกมาอยู่ในที่ที่มันวังเวงแบบนี้

คิดแล้วหญิงสาวก็อยากรีบกลับเข้าไปอยู่ในงาน เพราะชุดที่เธอใส่กับบรรยากาศแบบนี้ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าพิสมัยเลยจริงๆ แต่พอนึกถึงคนที่เธอต้องเจอในงาน ขาที่จะก้าวก็ก้าวไม่ออกเสียอย่างนั้น
เธอไม่อยากเจอเขา แต่...เธอก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้เหมือนกัน

เมื่อสิ่งที่อยากทำเริ่มขัดแย้งกัน ตัวช่วยสุดท้ายของรินจึงโผล่ขึ้นมา...นนทนัฐ

ใช่! เธอไปอยู่กับนนท์ก็ได้นี่

คิดได้ดังนั้นร่างบางจึงรีบเดิน หากแต่พอก้าว ร่างทั้งร่างก็ถูกรั้งกลับมา โดยมีมือสองข้างรั้งไว้ที่เอวและดึงเธอเข้าไปกอดแน่นจนรินตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก

คุณดล!

ความรู้สึกแรกเธอคิดว่าเป็นเขาหากแต่พออีกฝ่ายพูดเธอก็แทบร้องกรี๊ด

“รอผมอยู่หรือครับคุณริน”

นายปารัช!

รินดิ้นเต็มแรงหากก็ไม่ช่วยอะไรได้เลยเมื่ออีกฝ่ายรัดตัวเธอไว้แน่น

“ปล่อยฉันนะ คุณจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ!” รินร้องเสียงหลง

“จะร้องทำไมครับคุณริน ผมรู้นะว่าคุณต้องการแบบนี้” น้ำเสียงของอีกฝ่ายเริ่มฉายแววกรุ่มกริ่ม เจ้าชู้

“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า! ปล่อยฉัน!!” รินเริ่ม ทุบ ตี จิก ข่วน เมื่อจมูกของปารัชปัดผ่านข้างแก้ม

“แต่งตัวแบบนี้ เต้นรำกับผมแบบนี้ จะให้ผมคิดว่ายังไงครับคุณริน ถ้าไม่ใช่คุณต้องการผม” รินดิ้นพล่านเบี่ยงหน้าหลบเป็นพัลวันเมื่ออีกฝ่ายพยายามที่จะซุกไซ้มาที่ซอกคอ

“ปล๊อย! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” น้ำใสๆเริ่มรินไหลออกมาจากดวงตา กำปั้นเล็กทุบรัวไปยังคนที่กำลังใช้กำลังรุกราน

“ไม่มีใครได้ยินคุณหรอกครับ” รอยยิ้มนั้นเย้ยหยันอย่างผู้มีชัย

ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย

...คุณดล...ช่วยรินด้วย...


------------------------------------------------------------------------------------------

ถึงจะเกลียดแต่จิตใต้สำนึกก็ยังคิดถึงคุณดลนะคะเนี่ย อิอิอิ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน คอมเมนท์และกดไลค์นะคะ ชอบไม่ชอบยังไงจะติก็ติได้เลยนะคะ :)


คุยกันค่ะ... :)


คุณ nunoi : ไม่รอดค่ะ แต่ตอนนี้จะไม่รอดนายปารัชก่อนที่จะไม่รอดคุณดล (หรือเปล่าน้าาา)

คุณ teesaparn : ไม่เคยชมแถมยังเหน็บแนมอีกต่างหาก แย่จริงๆแหละค่ะ T^T

คุณ anOO : อยู่เกินค่ะ แต่พอออกมานอกงานก็ได้เรื่องทันทีเลย

คุณ sunflower : ช่วงนี้คนเขียนกำลังเรียกคะแนนความสงสารให้คุณดลค่ะ ต้นเรื่องร้ายมาเยอะ...

คุณ Heronett : นั่นสิคะ หึงเค้าไปบอกเค้าไปสิเนอะ :)

คุณ ดาวคันชั่ง : ไปที่งานนี่หึงสุดๆไปเลยล่ะค่ะ แต่แสดงออกมากไม่ได้ คนเยอะ...ฮ่าๆ

คุณ MYsister : อย่าเพิ่งโกรธคนเขียนนะคะที่ทำร้ายคุณดล ก็คุณดลเธอร้ายมาก่อนนี่นา...ถ้าสมหวังง่ายๆเดี๋ยวหนูรินจะหาว่าปอแก้วสองมาตรฐานเข้าข้างคุณดล

คุณ Amata : ชัดเจนและเจ็บไม่น้อยเชียวค่ะ

คุณ เด็กหญิงม่อน : แหะๆ ก่อนจะหวาน เอาฉากบู๊ไปก่อนนะคะ

คุณ WallyValent : แล้วเชสไปไหนแล้ว ฮาาาาาาาา...



ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2555, 14:03:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2555, 14:03:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 2196





<< บทที่ 15   บทที่ 17 >>
Amata 24 เม.ย. 2555, 14:43:49 น.
ดูสิหนูริน เล่นกับไฟแล้วเป็นไง สุดท้ายก็ร้องหาตัวร้ายให้ช่วยเธอจากผู้ร้ายอยู่ดี ^^


anOO 24 เม.ย. 2555, 15:17:28 น.
ไงล่ะยัยริน หาเรื่องใส่ตัวซะแล้ว
งานนี้มาลุ้นกันว่าใครจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย ระหว่างนายดลกับนายนนท์


nunoi 24 เม.ย. 2555, 17:22:43 น.
หาเรื่องใส่ตัวซะแล้วหนูริน คุณดลช่วยหนูรินด่วน


ดาวคันชั่ง 24 เม.ย. 2555, 19:18:02 น.
คุณดลคะ มาช่วยรินด่วน


MYsister 24 เม.ย. 2555, 22:32:24 น.
kun Donnnnnn common. ....


Auuuu 25 เม.ย. 2555, 03:08:22 น.
งานเข้าเลยไม๊ละนั่น...


teesaparn 25 เม.ย. 2555, 11:46:12 น.
เซ็งคุณดล ปากหนอปาก


หมูบูลิน 26 เม.ย. 2555, 17:34:45 น.
หึงก็บอกว่าหึงสิเนอะ งานนี้นายดลต้องมาช่วยรินเผื่อไถ่โทษซะแล้วแหละ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account