ลิขิตพิศวาส
เธอสูญเสียรักครั้งแรกไปเพราะความ...ยาก
จึงคิดประชดรักที่ล้มเหลวด้วยความ...ง่าย
.
.
.
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอสลัดผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ซ้ำเขายังเฝ้าตามติดเอาอกเอาใจทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่เธอไม่ต้องการ !!

**********************************************

มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอทำให้เขาเกือบจะช็อคกับสิ่งที่ได้รับ
ซ้ำยังย้ำบอกให้เขาลืม ลืม และลืม เพราะเธอไม่แคร์ และกำลังจะจากไป
.
.
.
แม่ดอกไม้ริมทางคิดจะฟันเขาแล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ
อะไรจะง่ายขนาดนั้น !! ฝันไปเถอะ เพราะเขาจะไม่ปล่อยเธอไป...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: อาทิตะยะ สตาริศา

ตอน: ตอนที่ 9...ผู้ชายนะครับ ไม่ใช่ดอกไม้ริมทาง...

“โทรบอกคนที่บ้านซะว่าวันนี้จะไม่กลับ”

คนฟังออกจะตกใจอยู่บ้างกับประโยคที่ได้ยิน ลำดับต่อมาคือหนักใจเสียมากกว่าจะรู้สึกดีใจที่เขาบอกให้เธอทำแบบนั้น สตาริศามองเสี้ยวหน้าของคนที่นั่งเคียงกัน... เขาเห็นเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนถึงได้สั่งเอาๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเฉย อาทิตะยะละสายตาจากท้องทะเลเบื้องหน้า ดวงตาสีเข้มไม่บ่งบอกความรู้สึกใด เมื่อหันมาเจอกับดวงตาวาวๆ ที่จ้องมองอยู่ก่อน

“ทำไมไม่โทร ไม่กลัวที่บ้านจะเป็นห่วงหรือถ้าไม่ได้กลับไป”

“แค่คืนนี้ใช่ไหม” สตาริศาถามเร็ว เฝ้ารอคำตอบ คนถูกถามที่ทำทีว่าจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายกลับเงียบไปซะเฉยๆ ปล่อยให้คนถามรู้สึกอึดอัดขัดใจก่อนจะพูดต่อ...

“แค่คืนนี้ใช่ไหม ที่...ดาวจะต้องอยู่กับคุณ” ยอมแทนตัวด้วยชื่อเพื่อหย่าศึก ไม่อยากทะเลาะกับผู้ชายตรงหน้าเพียงเพราะต้องการที่จะเอาชนะคะคานกันด้วยเรื่องเพียงเท่านี้ ที่สำคัญเธอไม่อยากเจ็บตัวและเปลืองตัวอีกแล้ว

“แค่คืนนี้ สำหรับครั้งนี้”คำตอบที่ทำให้รู้สึกอยากจะเอื้อมมือไปบีบคอคนตรงหน้าให้แดดิ้น แต่ที่ทำคือพยายามรวบรวมสติและตั้งสติ บอกตัวเองให้อดทน แม้อยากจะวีนแตกฟาดงวงฟาดงาให้สาสมใจ แต่กับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จัก หรือหากจะรู้ก็แค่ผิวเผิน เธอจึงไม่ควรเสี่ยงกระทำเรื่องอันใดที่อาจจะนำอันตรายมาถึงตัว
“คิดอะไรอยู่” ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป

“เปล่า” ตอบเบาพร้อมกับถอนหายใจ หันหน้าหนีคล้ายต้องการยุติบทสนทนาไว้เพียงเท่านี้ รู้สึกเหมือนพลังชีวิตใกล้จะหมดยังไงไม่รู้

“ยอมง่ายๆ จนน่าสงสัย แต่ก็ดีเพราะผมไม่ถนัดทะเลาะกับผู้หญิง โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ชื่อดาว ผมไม่อยากทะเลาะด้วยเลย ไม่เชื่อเหรอ” ท้ายประโยคถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางและแววตาของเธอที่หันขวับกลับมา นี่เขากลายเป็นมาเฟียตัวร้ายในสายตาของผู้หญิงตรงหน้าแล้วหรือไง อาทิตะยะ...เขาแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่อาจจะห่ามบ้างบางเวลาเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ควรจะได้ แต่เขาก็ไม่เคยโหดถึงขนาดสั่งเชือดใครหรือทำร้ายใครโดยไม่มีเหตุผลสักครั้ง สาบานได้ โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่เขาคิดเสมอว่าคือเพศแม่ที่ควรให้เกียรติและทะนุถนอม เขาไม่เคยทำร้ายแม้วูบหนึ่งที่อาจจะมีความคิดที่ไม่ดีถึงขั้นดูถูกแต่นั่นก็เพราะพวกเธอทำตัวเอง ไม่ใช่เขา...

หากแต่ผู้หญิงตรงหน้า เวลานี้ ดูเหมือนเธอจะมองเขาแตกต่างไปจากคนใกล้ตัวเขาโดยสิ้นเชิง

“ในสายตา ผมคงเลวมาก...ใช่ไหม”

ไม่อยากสบตา ไม่อยากจะเห็นความรู้สึกในแววตานั้น สตาริศาเบือนหน้าหลบ โดยเฉพาะคำพูดและน้ำเสียงที่เขาเอื้อนเอ่ย มันชวนให้รู้สึกว่าที่เขาปฏิบัติต่อเธอนั้นไม่ใช่แค่อยากจะเอาชนะหากแต่มันน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น ไม่ๆๆ เป็นไปไม่ได้ หญิงสาวปฏิเสธความคิดที่วาบเข้ามาในสมองทันควัน เขาไม่ใช่หนุ่มน้อยใสซื่อไร้เดียงสา ไม่ได้อ่อนหัดในเรื่องผู้หญิง ถึงขั้นจะมารู้สึกพิศวาสผู้หญิงคืนเดียวเช่นเธอแน่ๆ ให้ตายสิ! สตาริศา นี่หล่อนกลัวจนฟุ้งซ่านไปแล้ว...

“ไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น” อ้อมแอ้มตอบกลับไม่เต็มเสียงนัก ละอายใจกับความคิดเมื่อครู่ของตัวเองจนไม่กล้าหันไปสบตาเขา ก่อนจะพูดต่อ... “ยอมรับว่าในตอนแรกอาจจะมีตกใจบ้าง แต่พอมานึกๆดูก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่มีหน้าที่การงานมั่นคงใหญ่โต มีอำนาจอยู่ในมือมากมายมหาศาลและปกครองคนกว่าพันชีวิตหรือมากกว่าแบบคุณอาทิตะยะจะโหดร้าย” เธอหยุดไปชั่วครู่ ทำให้คนที่ตั้งอกตั้งใจฟังเลิกคิ้ว ตามด้วยมุมปากที่ค่อยๆ ขยับโค้งขึ้นกับประโยคเพียงสั้นๆ ที่ตามมา “...ใช่ไหมคะ”

...โยนหินถามทางรึเปล่านั่น... แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

“ผมขอโทษนะ”

คนที่นั่งคอแข็งหลังตรงมองทะเลเบื้องหน้าหันขวับมามองคนพูดทันควันเมื่อได้ยินประโยคขอโทษ หูไม่ได้เพี้ยน ตาไม่ได้ฝาดใช่ไหม เธอมองเห็นแสงสว่างรำไรอยู่เบื้องหน้า ซึ่งนั่นหมายถึงทางรอด...

“วิธีการของผมออกจะเป็นการเอาแต่ใจไปบ้าง และอาจจะทำให้คุณกลัวอย่างที่บอกมา นั่นเป็นเพราะว่า ความสัมพันธ์ของเรามันเกิดข้ามขั้น และมาไกลเกินกว่าจะวกกลับไปนับหนึ่ง ” ใช่...ข้ามขั้น และมาไกล แต่ไม่เห็นจะต้องมีการวกกลับไปนับหนึ่งในเมื่อเธอไม่เคยคิดอยากจะเริ่มต้นกับเขา รอยยิ้มน้อยๆกับแววตาที่ไม่เฉยชาอีกแล้วของเขาทำให้คนมองรู้สึกแปลกและออกอาการประหม่าจนได้

“นี่ไม่ใช่วิธีเอาชนะ เพราะผมไม่คิดจะแข่งเอาอะไรกับดาวเลยสักนิด แต่ที่ทำเพราะอยากแสดงให้คนที่ไม่ยอมรักษาคำพูดได้เห็นถึงผลของการรับปากส่งเดชของตัวเอง” อาทิตะยะพูดต่อเมื่อเธอไม่มีคำโต้แย้งใดๆ
สิ่งที่เขาพูด คือ เรื่องจริง ที่เธอไม่อาจจะปฏิเสธ

“คุณพูดถูก” สตาริศายอมรับ แม้จะรู้สึกเคืองกับประโยคของเขาอยู่บ้าง หลอกด่ากันชัดๆ

“คุณน่ารักนะดาว ที่กล้ายอมรับ แต่จะน่ารักกว่านี้ถ้ายอมเรียกผมว่า...พี่”

อึ้ง...กับประโยคที่ตามมา ดวงตาโตๆของเธอจึงจ้องมองเขาคล้ายกำลังประเมินและค้นหาข้อเท็จจริงในคำพูดเหล่านั้น

“ไม่รู้สึกแปลกเหรอคะ เพิ่งจะรู้จักกัน” แย้งกลับไปแบบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก เมื่อเห็นแววตาจริงจังของอีกฝ่ายที่มองตอบ

อาทิตะยะยิ้มให้กับคำถามที่ไม่ใช่คำตอบปฏิเสธเสียงแข็งอย่างที่ผ่านๆมา หลังจากเธอทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

“ผมอายุมากกว่าเป็นพี่ไม่ใช่หรือ แล้วคนอื่นๆ ในบริษัทหรือคนที่อยู่แวดล้อมตัวดาวที่อายุมากกว่า ดาวยังเรียกเขาว่าพี่ได้ ทำไมถึงไม่รู้สึกแปลกล่ะ ว่าไง”

“มันไม่เหมือนกัน”

“อคติกับผมมากกว่ามั้ง”

“อย่าบังคับกันเลยนะคะ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีไหม เป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่ชายก็เลยรู้สึกไม่ชินปาก ถ้าจะให้เรียก...เอ่อ”

“พี่หนึ่ง เรียกง่ายๆแบบนี้ ยากตรงไหน อีกอย่างผมไม่คิดจะเป็นพี่ชาย แต่ที่ให้เรียกเพราะอยากจะลดช่องว่างระหว่างเราเท่านั้นเอง”

“แต่...”

“ลองเรียกสักครั้งซิ”

เมื่อเขาทำท่าว่าจะไม่ยอม แม้จะไม่เต็มใจแต่เธอก็อ้อมแอ้มเอื้อนเอ่ยชื่อธรรมดาแต่กลับสร้างความรู้สึกแปลกๆ หากต้องใช้เรียกผู้ชายตรงหน้าออกมาในที่สุด

“...พี่หนึ่ง”

เสียงเรียกแผ่วเบา ที่ทำให้คนรอฟังยิ้มพอใจ เขายิ้มง่าย ง่ายจนไม่อยากจะเชื่อว่าเขาคือผู้ชายคนเดียวกันกับคนที่ลากตัวเธอมาถึงนี่

“นั่นไง ถ้าจะเรียกก็เรียกได้ ที่สำคัญเรียกบ่อยๆ เรียกให้คล่องปาก เรียกให้ชินนะดาว เพราะถ้าผมได้ยินคำว่า คุณ ระหว่างเราอีก ดาวรู้ใช่ไหมว่าผมสามารถทำให้ดาวลืมคำว่า คุณ ได้ตลอดไปเลย”
คำว่า คุณ ทำให้เธอหวนคิดถึงบทลงโทษของคำว่า ฉัน นี่เขาจะเล่นไม้นี้กับเธอเหรอ ซ้ำยังเรียกเธอว่า ดาว ได้หน้าตาเฉย จนเธออึ้งและทึ่งในเวลาเดียวกัน อาทิตะยะไม่ตะขิดตะขวางใจอะไรบ้างเลยหรือไงนะที่จะมาทำตัวสนิทสนมกับเธอรวดเร็วปานนี้

“จำเป็น จะต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือคะ”มิวายแย้งด้วยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆที่ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะใส่ใจ

“จำเป็น” เสียงตอบกลับมาหนักแน่นและชัดเจน ก่อนจะขยายความเพิ่มเติม “ไม่ชอบทำตัวห่างเหินกับคนที่รู้จัก ไม่อยากเรียกเมียว่า คุณ เข้าใจไหม”

ชัดเต็มสองหู เหตุผลที่ทำให้คนถามหน้าแดงซ่าน ลามไปถึงลำคอระหง และคงจะแดงไปทั้งตัวในไม่ช้า หากเขายังตอกย้ำคำว่า “เมีย” ต่อหน้าเธออยู่แบบนี้ ส่วนคนที่ชอบออกคำสั่งให้คนอื่นปฏิบัติ จนกลายเป็นคนเอาแต่ใจในความคิดของเธอก็กำลังยิ้มพอใจน่าหมั่นไส้

“รอในรถสักครู่นะครับ” คนถูกบอกให้รอ หันขวับมามองคนพูด นัยน์ตาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ก่อนจะรีบเบือนหน้าหลบซ่อนสายตาเมื่อในใจฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา คนที่กำลังจะก้าวลงจากรถชะงัก และลังเลชั่วครู่
...คิดจะหนีจากเขาทุกลมหายใจเข้าออกเลยหรือ สตาริศา...

เสียงปิดประตูรถทำให้คนที่นั่งกอดอกอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมอง แต่คนที่ก้าวออกไปกลับไม่ได้ไปไหนไกลอย่างที่คิด อาทิตะยะเปิดประตูรถตอนหลังและกวาดสายตา สักพัก เขาก็หยิบบางสิ่งยื่นให้กับคนที่เอี้ยวตัวไปมองหลัง “รับไปสิ” คำพูดราบเรียบที่ไม่บ่งบอกว่าคนพูดอยู่ในอารมณ์ใด แต่กลับทำให้คนที่รีบยื่นมืออกไปรับหน้าร้อนวูบวาบและนึกตำหนิที่เขาช่างเป็นคนทำอะไรตามใจจนเคยตัว จึงไม่ใส่ใจว่าการกระทำสิ่งนั้นจะส่งผลกับคนอื่นเช่นไร

“ใส่ให้เรียบร้อยก่อนที่เราจะไปต่อ” เขาพูดง่ายแต่คนฟังกลับรู้สึกขัดหู หลังจากขัดตามาแล้วกับบราสีหวานที่ตกไปอยู่ในมือเขาก่อนจะถูกส่งต่อมาให้เธอ

เขาทำให้เธอต้องมาเหนื่อยกับการนั่งปั้นหน้าให้ราบเรียบเป็นปกติเหมือนกับไม่มีอะไร ในขณะที่เขากลับทำมันได้ง่ายดายเมื่อกลับเข้ามานั่งในรถอีกครั้งหลังจากปล่อยเวลาให้เธอได้จัดการกับตัวเองจนเรียบร้อย
ผู้ชายคนนี้หยิบจับของใช้ส่วนตัวของผู้หญิงได้หน้าตาเฉย ไม่อยากจะเชื่อเลย!

“แตะเฉพาะของเมียเท่านั้นหรอกนะ ถ้าเป็นของคนอื่นก็คงไม่กล้า ข้องใจอะไรหรือครับ”

“หาเรื่อง แค่มองเฉยๆ ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ” พูดจบก็สะบัดหน้าหนี ส่วนคนที่เข้าใจว่าตัวเองถูกอีกฝ่ายมองค้อนเปรยขึ้นเบาๆ

“ไม่จำเป็นต้องพูดหรอก แค่มองตาก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่”

ว่าไงนะ...เขารู้ได้จริงๆ หรือว่าเธอคิดอะไรเพียงแค่มองตา สตาริศาหันมาสบตาคนที่อวดอ้างสรรพคุณตัวเองอย่างท้าทายใคร่พิสูจน์ คนถูกมองเลิกคิ้วสูงมุมปากกระตุกยิ้ม สบตาแค่แวบเดียวเขาจะรู้และมั่นใจได้ยังไงว่าเธอคิดอะไร นั่นแค่คำพูดหลอกล่อให้คนที่พยายามหลบหน้าหลบตาหันกลับมามองกันตรงๆ แบบนี้ต่างหาก... แค่มองตาจะสู้ถามเอาความจริงจากปากเจ้าตัวได้ยังไง...จริงไหม

“ตอนที่บอกให้รอในรถ ดีใจละสิที่จะมีโอกาสหนี ใช่ไหม”ชายหนุ่มเปิดประเด็นทันทีที่เธอหันมา

“...”

“ไม่ตอบแสดงว่ายอมรับนะ”

“...”

“คิดหรือว่าผมจะปล่อยให้ดาวขับรถคันนี้หนีไปง่ายๆ โดยไม่ตาม แล้วคิดต่อไหมว่าถ้าหนีไม่พ้นจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหลังจากนั้น” จบประโยคที่ทำให้เธอเผลออ้าปากค้างมองอีกฝ่ายตาโต ในขณะที่อีกฝ่ายยิ้มกว้างเปิดเผยตอบกลับมา “ว่าไง”

“ว่าไงอะไร”คนถูกถามย้อนถามกลับเมื่อตั้งสติได้

“ยอมรับรึเปล่าว่าคิดจะหนี”

“ทำไมจะต้องหนี ในเมื่อแค่คืนนี้คืนเดียวที่จะต้องอยู่ที่นี่ คุณบอกเองจำไม่ได้รึไง”

“คุณ หรือ พี่”

“พี่ก็ได้”

“พี่อะไร”

“ทำไมจะต้องบังคับ มันไม่ถนัดที่จะพูด มันยังไม่ชินเข้าใจไหมคะ”

“ไม่สน ถ้าจะคุยกันต้องใช้คำตามที่บอก ไม่งั้นไม่คุย ว่าไง”

“ก็ได้ๆ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ทำได้อยู่แล้วค่ะพี่หนึ่ง”ประชดด้วยการเรียกขานชื่ออีกฝ่ายหนักๆและเสียงดัง

“ก็เท่านี้ ไม่เห็นจะยากตรงไหน” พูดพร้อมกับยิ้มสมใจ ในขณะที่อีกฝ่ายหน้าหงิกหน้างอ

“ไอ้ที่พูดว่า แค่คืนนี้ สำหรับครั้งนี้ผมหมายความตามนั้น แต่สำหรับครั้งต่อไปคือตลอดไป ไม่ใช่แค่คืนเดียว...”

“หมายความว่ายังไง”สวนขึ้นในทันทีโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีอะไรพูดต่อหรือไม่

“คนฉลาดไม่จำเป็นจะต้องให้พูดซ้ำ แค่ครั้งเดียวก็ควรจะเข้าใจ เพราะผมพูดชัดเจนที่สุดแล้ว”

“แบบนี้ไม่ยุติธรรม ชีวิตของใครก็ของใคร”คนฉลาดตอกกลับบ้าง ให้รู้ว่าเธอไม่ได้หงอแม้จะรู้สึกกลัวก็ตามที “อำนาจของคุณควรเอาไว้ใช้กับคนของทรรศไนย ไม่ใช่กับคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง”

“แน่ใจหรือว่าดาวไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทรรศไนย” เสียงถามยังคงราบเรียบเป็นปกติ และจ้องมองคนที่หายใจสะท้อนขึ้นลงให้เห็นชัดเจนด้วยกำลังข่มอารมณ์โกรธตรงหน้านิ่ง คำถามแฝงนัยที่คนโกรธไม่ทันฉุกคิดจึงได้ตอบเร็ว
“แน่ใจสิ!” ในเมื่อเธอลาออกจากอารียาแล้ว...เธอก็ไม่ใช่คนของเขา แต่ดูเหมือนความคิดของอีกฝ่ายจะต่างไป ดวงตาสีเข้มจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของคนตรงหน้า รอยยิ้มที่หายไปกลับมาปรากฏอีกครั้งบนใบหน้าของผู้บริหารหนุ่ม

“ในทางนิตินัย คงไม่ใช่ แต่ในทาง พฤตินัย ใช่แน่นอน ถึงไม่อยากจะเป็นทรรศไนยแต่ดาวก็เป็นไปแล้วตั้งแต่ก้าวเข้ามาในชีวิตผม จะปฏิเสธได้หรือว่าไม่เคยนอนกับคนที่มีเลือดทรรศไนยเต็มตัวที่ชื่ออาทิตะยะ ว่าไง”

“...”

“ที่เงียบนี่ คือยอมรับ หรือไม่ใช่ เอ...หรือว่าจำไม่ได้จะได้ทวนให้”

“เอ๊ะ...”

“ตกลงว่า...จำได้แล้วใช่ไหม”

“...”

“เอาล่ะ ไม่ว่าจะจำได้หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่แน่ๆดาวคือทรรศไนยนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” เขาพูดเมื่อเธอยังคงเงียบกริบ “และ...อย่าได้คิดวิ่งหนีความจริง เพราะต่อให้วิ่งจนหมดลมหายใจดาวก็ไม่มีทางหนีมันพ้น”

“ผู้หญิงทุกคนจะต้องกลายเป็นคนของทรรศไนย และตกอยู่ใต้อำนาจของคุณ เพียงแค่ร่วมหลับนอนกับคุณ อย่างนั้นหรือคะ ”

“คงจะอย่างนั้นละมั้ง” เขาตอบเออออส่งเดชด้วยรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาเมื่อได้ยินคำถามนั้น

“เผด็จการชัดๆ! ในยุคนี้ไม่มีใครยกเอาเรื่องแบบนี้มามีอำนาจเหนือใคร ลองคิดดูถ้าผู้หญิงคนหนึ่งถูกข่มขืนเธอจำเป็นจะต้องตกไปอยู่ใต้อำนาจของไอ้โจรหื่นนั่นไหม และจะต้องยอมเป็นผู้หญิงของมันตลอดไปเลยหรือเปล่า ถ้าจะอ้างเหตุผลทุเรศๆ แบบนี้เพื่อให้ผู้ชายอ้างสิทธิ์ในตัวผู้หญิงละก้อ มันไม่แฟร์ ” คำพูดกระแทกแดกดันเล่นเอาคนฟังสะอึก ปากต่อว่าไอ้โจรหื่นปาวๆๆ แต่สายตากลับจิกมาที่เขา จะให้เข้าใจว่ายังไงละครับ...

“แล้วผู้หญิงไม่ใช่คนหรือไง ทำไมจะต้องบังคับให้ยอมรับและฝืนทนอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รักเพียงเพราะว่าเธอเผลอไปมีอะไรกับเขา ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือคะ” นั่นไง...ฟันธงได้เลยว่าคนที่เจ้าหล่อนกำลังพูดถึงไม่น่าจะใช่ไอ้โจรหื่นหรือผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น...แต่เป็นเขา ไม่ได้กินหญ้านะครับจะได้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เมื่อถูกด่าซึ่งๆหน้า โดยเฉพาะจากผู้หญิงที่ไม่คิดจะทำตัวเป็นไม้อ่อนให้ดัดได้ง่ายๆ

ผู้ชายคนหนึ่งที่มีอำนาจเหนือใครต่อใครกำลังคิดหนัก เกมธุรกิจต่อให้ซ่อนกลโกงมากมายและต้องเสียพลังในการต่อสู้แย่งชิงขนาดไหน เขาก็ไม่เคยหวั่นที่จะสู้เพื่อให้ได้มา และนั่นย่อมหมายถึงชัยชนะเท่านั้นที่จะตามมาในทุกๆ ครั้งที่เขาลงมือ ผิดกับครั้งนี้ความซับซ้อนในใจของผู้หญิงคนหนึ่งทำให้เขาลังเล เพราะไม่มั่นใจว่าชัยชนะที่ได้มาจะนำมาซึ่งความรู้สึกที่ตัวเองต้องการหรือไม่...

ไม่มีประโยคตอบโต้จากเขา นอกจากดวงตาสีเข้มที่จ้องเธอนิ่ง สตาริศาขยับตัวด้วยรู้สึกอึดอัด ระบบการหายใจติดขัดจนต้องลอบผ่อนลมหายใจออกมาบ่อยครั้ง การเคลื่อนไหวของเธอทำให้ดวงตาที่มองจ้องไหววูบ ก่อนจะพูดหนึ่งประโยคที่ทำเอาเธออึ้งถึงขั้นไปต่อไม่ได้ ไอ้ที่เธอพูดมาทั้งหมดนั่น...ไร้ประโยชน์และไม่ได้ทำให้ผู้ชายคนนี้สะทกสะท้านและคิดได้...ให้ตายสิ

“ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว ผู้ชายนะครับ ไม่ใช่ดอกไม้ริมทางที่คิดจะมาฟันแล้วทิ้ง”

รู้สึกลำคอตีบตันจนพูดไม่ออก...ประโยคนี้ เธอต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายพูดไม่ใช่เขา...ความจริงแล้วด้วยสถานการณ์ที่เกิดเขาไม่น่าจะเอามาพูดด้วยซ้ำ อาทิตะยะ ทรรศไนย คุณเสียหายตรงไหนกัน!!
“อยากได้ก็ขอ พอสมใจก็คิดจะถีบหัวส่ง ไม่ง่ายไปหน่อยหรือ...สตาริศา”

“แล้วคุณคิดว่าคุณเสียหายตรงไหนละคะ...คุณอาทิตะยะ!” เธอสวนกลับบ้าง เอาล่ะ...เธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันในเมื่อเรื่องมันกลับตาลปัตรมาลงเอยในรูปแบบนี้ เขาจะเอายังไงต่อ “คุณคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ฝ่ายที่จะต้องรับผิดชอบคือฉันรึไง”

“ใช่”

“ว่าไงนะ! อย่านะ!”

สตาริศาอุทานเสียงดังกับคำตอบเขา และร้องห้ามเสียงหลงกับใบหน้าที่ยื่นมาใกล้... ใครจะไปคิดว่าคำถามประชดประชันของเธอจะได้รับคำตอบกลับมาด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง ซ้ำยังข้อเรียกร้องอีกอย่างของเขา อาทิตะยะก็ตั้งท่าจะเอาจริงขึ้นมาอีกเหมือนกัน...แต่พอเห็นท่าทางเธอเขาก็ยอมถอย...เพราะกลัวว่าสตาริศาจะช็อคซะก่อนจะได้ไปพบกับใครคนหนึ่งที่เขาตั้งใจพากลับมาเจอ...มิเชลคงต้องหาคำตอบเอาเองจากประโยคที่เคยถามเขา ‘ซันมีความรักหรือคะ แล้วเธอมีคุณสมบัติพอที่จะยืนเคียงข้างคุณไหม’
อาทิตะยะยิ้มเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แทนที่จะถามหาคุณสมบัติในตัวเธอ สู้คิดหาทางให้เธอมายืนอยู่ข้างเขาให้ได้ซะก่อนเถอะ...มิเชล

“ที่พูดว่า ใช่...คุณคิดแบบนั้นจริงๆหรือคะ ทั้งๆที่…” สตาริศาขยับปากพูดหลังจากเงียบไป แต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อไม่กล้าจะเอ่ยประโยคที่อยู่ในความคิดออกมาได้ทั้งหมด คำว่าฉันยังบริสุทธิ์ คำว่าพรหมจรรย์ ถูกเก็บเอาไว้ เมื่อจู่ๆ เธอก็รู้สึกกระดากที่จะพูดมันออกมาต่อหน้าเขาเสียอย่างนั้น

“ทั้งๆ ที่อะไร...” ถามขึ้นแม้จะสังเกตเห็นท่าทางอึกอักของคนตรงหน้า สตาริศาไม่ตอบแต่กลับถอนหายใจออกมาแทน

“ได้ยังไง พูดค้างๆ คาๆ คนพูดด้วยก็งงสิครับ เพราะไม่รู้จะไปต่อยังไง”

“ช่างเถอะ”เธอพูดเบาราวกระซิบ

“อ้าว...”

“ถ้าไม่รู้จะไปต่อยังไง งั้นก็ต่างคนต่างไป...”พอสบจังหวะ ก็พูดเข้าทางตัวเองได้หน้าตาเฉย สตาริศาแอบคิด หลังจากโต้คารมกับผู้ชายที่ชื่ออาทิตะยะมาพักใหญ่ เธอก็ได้ข้อสรุป ว่าเขาเป็นผู้ชายที่พูดไม่รู้เรื่อง เผด็จการ และเอาแต่ใจที่สุดถึงที่สุด!

“ถ้าคิดว่าต่างคนต่างไป คงไม่มาให้เห็นหน้า”

“มาให้เห็นแล้วไง ในเมื่อคุณไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไง เราก็น่าจะจากกันด้วยดี ดีกว่าไหม”

“พูดง่าย แต่ทำไม่ได้ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ลืม”

“แล้วจะเอายังไงคะ จะให้ฉะ...จะให้ดาวรับผิดชอบยังไงคุณถึงจะพอใจ!”คำพูดกระแทกแดกดันที่เกิดจากอารมณ์โทสะทำให้รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของอาทิตะยะ ยื่นข้อเสนอมาแบบนี้ก็เข้าทางนะสิ...
“แต่งงาน แล้วไปอยู่ด้วยกัน”

“โอ๊ย...อย่ามาล้อกันเล่นแบบนี้ ไม่เข้าท่าสักนิด... มีอะไรกันแค่ครั้งเดียวถึงกับคิดจะให้ฉะ...จะให้ดาวรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับคุณนี่นะ ไม่ละค่ะ ไม่เอาเด็ดขาด”

นี่โลกมันหมุนกลับจนทำให้เธอจะต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากรับผิดชอบผู้ชายคนแรกที่ตัวเองไปคว้าเอามานอนด้วยเลยหรือนี่... สตาริศาสะบัดศีรษะไปมาเมื่อเริ่มจะมึนกับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่...

รอยยิ้มบาดตาบวกกับแววตาอ่อนโยนที่มองมาด้วยอารมณ์อ่อนหวานของผู้ชายตรงหน้าที่เธอเคยคิดว่า เขาคือเทพบุตรสุดหล่อ ทำให้สตาริศาตาพร่าไปชั่วขณะ...ให้ตายสิ ตกลงนี่เธอกำลังฝัน หรือมันเกิดขึ้นจริงๆ กันแน่...

ริมฝีปากหยักได้รูปโค้งยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ จะเพราะอะไรหรือเพราะใครก็ตามที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้หล่นตุ้บเข้ามาอยู่ในวงแขนให้ได้กอด และทำให้เธอไปต่อกับเขาจนเลยเถิด เขาอยากจะบอกให้รู้...ไม่ว่าจะตอนนี้ หรือตอนไหน...เขาไม่มีทางจะปล่อยเธอให้ไปเริ่มต้นใหม่กับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น

ความไม่แน่ใจ แปรเปลี่ยนเป็นแน่ใจ...ยิ่งได้ใกล้ก็ยิ่งรู้สึก

เพราะใคร...เขาถึงไม่เป็นอันกินอันนอนตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
เพราะใคร...งานที่เคยคิดว่าง่ายกลับทำให้เขาเหนื่อยแทบขาดใจมากกว่าครั้งไหนๆเมื่อลงมือทำ
เพราะใคร...ที่ปล่อยให้ความคิดถึงตามไปเล่นงานเขาจนนั่งไม่ติด
เพราะใคร...ที่ทำให้เขาบึ่งรถมาเจอด้วยตัวเอง ทันทีที่กลับมาถึง
เพราะใคร...เพราะใคร...ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ สตาริศา!

แม่สาวน้อยขี้เมาใจกล้าที่ท้าทายเขาได้สำเร็จสมใจเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ร้องปฏิเสธเสียงหลงทีเดียวเมื่อได้ยินว่าตัวเองจะต้องรับผิดชอบต่อเขาด้วยวิธีไหน

“เราสองคนจะแต่งงานไปอยู่ด้วยกันได้ยังไงทั้งๆที่ไม่ได้รัก ระหว่างเราไม่มีแม้แต่ความรู้สึกว่า ชอบ ด้วยซ้ำ ถามจริงๆ ถ้าแต่งกันไป จู่ๆคุณเกิดรู้สึกหมดความต้องการในตัวฉะ...ในตัวดาว คุณจะทำยังไง”
“...”

“จะหย่าให้รึเปล่า”แกล้งถามไปอย่างนั้นเอง เพราะเขาไม่ได้บอกว่าจะแต่งงานจดทะเบียนกับเธอด้วยซ้ำ
“ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น”นั่นไง...คำตอบตรงไปตรงมาของเขา ทำให้สตาริศากัดริมฝีปากตัวเองแน่น พอๆกับสองมือเล็กๆที่วางอยู่ข้างตัว

“ฉันไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองไปเจอกับวันนั้นหรอก ฉันไม่แต่งกับคุณ เพราะไม่อยากใช้นามสกุลร่วมกับคุณ และฉันไม่เคยสนคุณยังไง มันก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ คุณควรจะเลิกยุ่งกับฉันนะคะคุณหนึ่ง”

ความไม่พอใจประทุขึ้นในใจอาทิตะยะเมื่อเขาได้ยินประโยคทั้งหลายของเธอ ใครจะไปสนกันว่าเธอจะคิดกับเขายังไง เขาเคยถามเอาความสมัครใจของเธอสักครั้งไหม ทำไมถึงคิดว่าตัวเองจะปฏิเสธความต้องการของเขาได้ล่ะ...สตาริศา!

“เลือกเอา...ว่าจะแต่งงาน หรือจะไปอยู่ด้วยกันเฉยๆ”

“ว่าไงนะ!”

“ผมบอกให้เลือก สตาริศา”

“คุณจะบ้าเหรอ...ฉันจำได้ว่า ฉันเคยบอกไปแล้วว่าฉันไม่ได้รักคุณ”

“งั้นเหรอ...ผมเองก็จำได้นะ ว่าเคยพูดบอกคุณไปเหมือนกันว่า ผมไม่สนว่าคุณจะรักผมหรือไม่”
“คุณหนึ่ง!!”

“ใจเย็นๆ สิดาว เอาไว้ไปคุยต่อที่บ้านดีกว่านะ เพราะดูท่าเราจะต้องไปกันแล้ว”
เรือสปีดโบ้ทที่แล่นเข้ามาจอดเทียบริมหาดรออยู่เบื้องหน้า ทำให้สตาริศาลืมทุกคำพูดของตัวเองไปโดยปริยายเมื่อหันไปเจอ เธอสงบปากสงบคำนิ่งเงียบโดยที่เขาไม่จำเป็นจะต้องบอกด้วยซ้ำเมื่อมองเห็นชะตากรรมของตัวเอง รออยู่ตรงหน้า...

“เชิญครับ...คุณผู้หญิง”

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเรืองรองและร้อนแรงเหมือนมีลูกไฟน้อยๆ ลอยอยู่ในนั้นเมื่อมันตวัดมามองเขาก่อนจะขยับตัวปึงปังลงจากรถ...

ไกลสุดตา เธอมองเห็นเกาะตะวันเป็นเพียงจุดเล็กๆ ชายฝั่งที่เขาขับรถพาเธอมาแสนจะเปลี่ยวและเงียบกริบ ณ จุดที่เธอยืนอยู่ ข้างหลังคือป่าเขาลำเนาไพร ส่วนข้างหน้าคือหาดทรายขาวที่จะต้องเดินผ่านต้นสนที่ยืนต้นอยู่ห่างๆกันก่อนจึงจะไปถึง บีเอ็มดับเบิ้ลยูซีรีส์ 7 สีดำมันปลาบของเธอถูกเขาทิ้งเอาไว้กลางป่าสนอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเธอถูกฉุดให้เดินตามเขาไปยังเรือที่จอดรอทันทีที่ก้าวลงจากรถ... แสนจะทุลักทุเลเมื่อก้าวเดินไปบนพื้นทรายด้วยรองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดที่ใส่อยู่ ในใจเรียกหาพ่อแก้วแม่แก้วกันเลยทีเดียว...

ตกลงเขาพูดเล่นหรือจริงที่บอกว่า แค่คืนนี้สำหรับครั้งนี้...สตาริศาหันกลับไปถามคนที่ยืนรอส่งเธอขึ้นเรือเมื่อฉุกคิดถึงประโยคที่เขาเคยพูดเอาไว้

“เดี๋ยวค่ะ...พรุ่งนี้ดาวจะได้กลับบ้านใช่ไหม” ไม่มีคำตอบนอกจากแววตาดุที่มองมา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งท่าจะก้าวขึ้นมาทั้งๆที่เธอยังค้างเติ่งอยู่ที่บันได สตาริศารีบหันกลับและพาตัวเองขึ้นไปอยู่บนเรืออย่างรวดเร็วโดยได้รับการช่วยเหลือจากเด็กหนุ่มที่ยื่นมือมาให้จับ เมื่อเธอขึ้นไปยืนอยู่บนเรือเรียบร้อยอาทิตะยะก็ขึ้นมายืนอยู่ข้างๆกันในทันที สตาริศาหันขวับมองคนที่มายืนอยู่ข้างกาย... อีตานี่ไวยังกับปรอท...

“ถ้าทำตัวดี...”คือประโยคสั้นๆ จากอาทิตะยะเมื่อเขายกแขนมาโอบไหล่เธอและลากเธอไปนั่ง โดยไม่สนเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้น “อาจจะได้กลับคืนนี้” พูดจบเขาก็ไม่สนใจจะฟังในสิ่งที่เธอกำลังจะพูด เมื่อหันไปตะโกนเรียกชื่อคนที่เพิ่งจะเดินจากมา


“จอม”

“ครับ...”
“จอมเห็นรถคันที่จอดอยู่นั่นไหม” เด็กหนุ่มที่ชื่อจอมมองตาม ก่อนจะขานรับ “เห็นครับ”
“จอมช่วยขับมันไปขึ้นเรือบรรทุกที่ฝั่งโน้น แล้วเอาไปจอดไว้ที่เรือนตะวันให้พี่ที”

“ครับพี่”

ดูเหมือนคำพูดที่อาทิตะยะใช้กับคนรอบข้าง จะผิดไปจากที่เธอจินตนาการเอาไว้ เขาไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้านายที่เอาแต่วางอำนาจ แต่อาทิตะยะกลับทำตัวสนิทสนมคุ้นเคยกับคนรอบข้างเหมือนกับเป็นพี่เป็นน้อง เป็นครอบครัวเดียวกัน คำว่าผู้ชายธรรมดา แวบเข้ามาในความคิด... เธอจึงแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าผู้ชายธรรมดาจะพูดรู้เรื่องเมื่อไปถึง...บ้านของเขา


~*~*~*~*~*~




ปิลันธน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2554, 19:31:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2556, 22:54:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 3277





<< ตอนที่ 8...ผู้ชายที่เธอควรจะรัก จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา...   ตอนที่ 10...ผมไม่เคยสนว่าระหว่างเราจะเริ่มต้นยังไง... >>
omelet 31 ก.ค. 2554, 20:55:25 น.
กรี๊ด มีต่อไหมคะ จะนำเด็กดีรึเปล่า กรี๊ดดดด


omelet 31 ก.ค. 2554, 20:56:14 น.
ว่าแต่ทำไมตอน 6 แล้วมา 9 เลยละคะ ^^


ปิลันธน์ 31 ก.ค. 2554, 21:14:51 น.
1.omelet:ขอบคุณค่ะ ลืม7กับ8 จริงๆ- -"...(กำลังทำให้เนื้อเรื่องมันนำเด็กดีอยู่ค่ะ^^)


ปูสีน้ำเงิน 31 ก.ค. 2554, 23:48:11 น.
ถึงว่า ที่แท้ก็ลืมนี่เอง


Pamy 1 ส.ค. 2554, 00:30:13 น.
มาต่อไวๆแล้วกัน อย่าให้รอนาน


หมูอ้วน 1 ส.ค. 2554, 02:24:45 น.
เรื่องนี้หายไปนานเลยนะค่ะ
รออ่านตอนต่อไปค่ะ


atua 1 ส.ค. 2554, 04:26:31 น.
f\ดีใจค่ะที่กลับมาโพสต์ต่อ หวังว่าคงไม่หายไปอีกนะคะ


anOO 1 ส.ค. 2554, 09:21:19 น.
ถ้าจำไม่ผิิดตอนนี้น่าจะเป็นตอนล่าสุดที่เคยลงไว้ใช่ไหมค่ะ
มาต่อตอนต่อไปไวๆ นะค่ะ


ปิลันธน์ 1 ส.ค. 2554, 12:20:15 น.
2.ปูสีน้ำเงิน: อ้าวลืมจริงๆเหรอคะ
3.pammy:สปีดเต็มที่เลยค่ะ- -V
4.หมูอ้วน:กลับมาแล้วค่ะ
5.atua:ไม่หายแน่นอนค่ะ
6.an00:ตอนล่าสุดคือตอนที่10ค่ะ


MAYA 1 ส.ค. 2554, 19:38:47 น.
อ่านเพลินเลยค่ะ ขอบคุณนะ ^______^


ปิลันธน์ 1 ส.ค. 2554, 20:35:47 น.
7.MAYA:ขอบคุณเช่นกันค่ะ^^


silverraindrop 2 ส.ค. 2554, 11:48:45 น.
กำลังกำลัง....รีบมาต่อนะคะ


ปิลันธน์ 24 ส.ค. 2554, 03:08:04 น.
8.silverraindrop : กำลังกำลัง...??? รีบปั่นต่ออยู่จ้า^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account