มาเฟียจำเป็น
เมื่อเขาโดนยัดเยียดให้เป็นเจ้าพ่อมาเฟีย
Tags: มาเฟีย เจ้าพ่อ ประธานบริษัท ปืน
ตอน: บทที่ 4 (อัพครบแล้วนะคะ)
บทที่ 4
“ดิฉันหลี่เหม่ยฉี ยินดีที่ได้รู้จักค่ะท่านไป่”
ร่างระหงสูงโปร่งอายุราวประมาณยี่สิบปลาย ผิวขาวอมชมพูภายใต้ชุดราตรีที่มีสายคล้องคอสีเขียวอ่อนผ้าอัดพลีทอย่างดีทั้งตัวได้เดินเข้ามาหาหนานเฟย ก่อนจะแลเห็นบนใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีสดแลดูสวยงามกับสายตาจ้องมองชายหนุ่มราวเชื้อเชิญ ซึ่งหนานเฟยเห็นแล้วรู้สึกพึงตาต้องใจ เพราะเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ในรูปที่เทียนชิงเป็นคนนำมาให้ดูเมื่อสองสามชั่วโมงที่ผ่านมา แต่แล้วชายหนุ่มกลับต้องมุ่นคิ้วเมื่อเทียนชิงเข้ามากระซิบบอกอะไรบางอย่างกับเขาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ผมลืมบอกท่านไป คุณเหม่ยฉีนอกจากจะเป็นนางแบบชื่อดังแล้วเธอยังเป็นครูสอนลีลาศด้วย หวังว่าท่านจะไม่ทำพลาดนะครับ”
...จงใจกลั่นแกล้งกันชัดๆ
หนานเฟยครุ่นคิดในใจ เพราะตามประวัติของคู่เต้นในแฟ้มที่หนานเฟยได้อ่านเมื่อตอนเย็นนั้น เทียนชิงไม่ได้เขียนระบุบอกไว้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงครูสอนลีลาศเลยแม้แต่น้อย นี่แสดงว่าเลขาตัวแสบของเขายังไม่ยอมรามือง่ายๆถ้าตราบใดเขายังอยู่ที่นี่ ยังเป็นประธานแห่งมังกรกรุ๊ปอยู่
...ไว้ค่อยหาทางเอาคืนมันทีหลัง
ผิดกับเทียนชิงที่ยิ้มกริ่มในใจ อันที่จริงนี่เป็นการหยั่งเชิงดูว่าเจ้านายของตนจะคู่ควรกับตำแหน่งนี้หรือไม่ ทว่าความคิดของชายหนุ่มมีอันต้องพับลงทันทีที่เห็นหนานเฟยจูงมือนางแบบสาวเดินเข้าไปกลางงาน ก่อนจะอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นเจ้านายของตนชิงลงมือวาดลวดลายบนฟลอร์ประดุจมืออาชีพ ส่วนเหม่ยฉีนั้นอาศัยความชำนาญไล่ตามจังหวะได้แบบไม่มีสะดุด ทำให้การเต้นของทั้งคู่ดูสวยงามจนเป็นที่ประทับใจของผู้ชมไปตามๆกัน ทว่าในขณะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับการเต้นรำของทั้งคู่นั้น ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเทาอ่อนผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายหนานเฟยยืนมองน้องชายต่างแม่เต้นลีลาศกับนางแบบด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
“จบงานนี้ลงมือได้”
ทางด้านหนานเฟยหลังจบการเต้นรำลีลาศเปิดตัวแล้ว ชายหนุ่มก็ปล่อยเหม่ยฉีนางแบบสาวให้ไปเต้นรำกับคนอื่นต่อ ส่วนตนก็ผละออกมาจากฟลอร์ ก่อนแลเห็นชายร่างสูงโปร่งผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายตนสวมชุดสูทสีเทาอ่อนเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ไป่พ่ายหมิง
หนานเฟยครุ่นคิดในใจ เนื่องจากตนเคยเห็นภาพของพี่ชายคนละแม่จากแฟ้มประวัติที่เทียนชิงนำมาให้ดูแล้ว จึงเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใครกันแน่ ส่วนเรื่องข้อมูลที่เคยเห็นจากในแฟ้มมีอันต้องพับลง เพราะไม่แน่ใจข้อมูลที่เทียนชิงหามาให้นั้นครบหรือเปล่า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะหนานเฟย พี่…”
“พ่ายหมิง” หนานเฟยพูดแทรกเมื่ออีกฝ่ายคิดจะพูดแนะนำตัว ซึ่งทำเอาพ่ายหมิงที่กำลังยื่นมือไปทักทายต้องหยุดค้างอยู่อย่างนั้น “พอดีเลขาของผมได้บอกก่อนล่วงหน้าแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
พ่ายหมิงได้ยินดังนั้นจึงเปรยตาไปที่เทียนชิง ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบแทนคำพูด ทำให้ชายหนุ่มหันกลับมายิ้มให้กับหนานเฟยต่อ
“มิน่าล่ะ นายถึงได้เรียกชื่อพี่ถูก” พ่ายหมิงพูดราวกับเป็นเรื่องขบขัน “เรื่องงานของบริษัทเรา ถ้ามีปัญหาก็มาปรึกษาพี่ได้เสมอ ประสบการณ์ทางนี้พี่มีเพียบ เรียกว่าเจนสนามเลยล่ะ”
...สาบานได้ ว่าประสบการณ์เพียบ?
หนานเฟยครุ่นคิดตอบในใจ เท่าที่เคยได้ยินจากคนในบริษัทแล้ว ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อคำพูดของพ่ายหมิงเลยซักนิดเดียว
“ขอบคุณที่เป็นห่วง ถ้ามีปัญหาผมจะมาขอคำชี้แนะแน่นอน ถ้ามีนะ” หนานเฟยพูดเสียงสูงพลางเผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทำเอาคนฟังถึงกับหุบยิ้มทันที “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนครับพี่ใหญ่ ยังต้องแนะนำตัวกับคนอื่นต่ออีก”
แล้วหนานเฟยก็ก้าวเท้าเดินออกไปโดยไม่รอให้พ่ายหมิงได้ตอบกลับ ทำให้เทียนชิงต้องเดินตาม ทว่ายังไม่ทันที่เลขาจะได้เดินตามผู้เป็นนายไป กลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระซิบของพ่ายหมิงดังแว่วเข้ามา “งานเลี้ยงที่แท้จริงจะเริ่มคืนนี้ แสดงให้สมบทบาทมือขวาของมันด้วยล่ะอาชิง”
เลขาหนุ่มพยักหน้าก่อนจะพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ครับคุณพ่ายหมิง”
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็ปาเกือบเที่ยงคืน ซึ่งอากาศก็เริ่มเย็นตัวลงแต่หนานเฟยกลับรู้สึกสบายตัว เพราะอากาศที่นี่ไม่เย็นเท่ากับอเมริกาในหน้าหนาว หลังจากกล่าวปิดงานแล้ว ชายหนุ่มก็ได้ไปให้สัมภาษณ์กับพวกนักข่าวโดยให้แค่คำพูดกับพวกนั้นว่า ‘ผมยังบอกอะไรมากไม่ได้ แต่กรุณาคอยดูผลงานของผมแล้วกันครับ’ จากนั้นจึงค่อยเดินออกมาจากตึกโดยมีเทียนชิงพร้อมบอดีการ์ดอีกห้าคนเดินตามหลังมา ก่อนจะขึ้นรถยุโรปที่จอดรออยู่
“จริงสิอาชิง เรื่องข้าวของที่ฉันให้ไปจัดการ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ในขณะที่รถออกตัวไปได้สักพักแล้ว หนานเฟยเพิ่งนึกขึ้นได้จึงเอ่ยถามเลขาหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามคนขับรถ
“เรียบร้อยแล้วครับท่าน” อีกฝ่ายตอบก่อนจะเอ่ยปากถามต่อ “เอ่อท่านครับ ตอนนี้ผมได้สั่งพ่อบ้านให้ทำความสะอาดห้องพักของท่านที่คฤหาสน์หลังเก่าของคุณไป่แล้ว ไม่ทราบว่าท่านจะย้ายไปพักที่นั่นได้ตอนไหนหรือครับ ผมจะได้ให้คนย้ายข้าวของที่จำเป็นไปที่นั่นก่อน”
“ไม่ต้องอาชิง อยู่ที่เดิมนะดีแล้ว”
“ทำไมล่ะครับ ทำไมท่านถึงยังคิดจะอยู่ที่นั่นอีก”
เลขาหนุ่มยังคงถามกลับอย่างสงสัย เพราะคนส่วนมากล้วนมีความต้องการพักอยู่อาศัยในสถานที่ให้สมฐานะของตัวเอง แต่นี่กลับจงใจอยู่อาศัยที่เดิมโดยไม่คิดจะเปลี่ยนที่พักเลยแม้แต่น้อย แถมหนานเฟยในตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสถานะคนปกติ แต่เป็นเจ้าพ่อมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในฮ่องกง ฉะนั้นน่าจะสมควรไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยมากที่สุด และเหมาะสมกับหนานเฟยมากที่สุดด้วย
“ก็เพราะที่อันตรายมากที่สุดก็คือที่ปลอดภัยมากที่สุดยังไงล่ะ”
คำตอบของหนานเฟยทำเอาคนฟังอย่างเทียนชิงถึงกับรู้สึกอึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้กลับมา แต่ครั้นพอหนานเฟยเห็นเทียนชิงเงียบไปนาน ชายหนุ่มจึงหยิบแฟ้มเอกสารที่อยู่ในรถขึ้นมาเปิดออกอ่านฆ่าเวลาเล่นแทน
ปัง! เอี๊ยด!
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ทำให้รถยุโรปที่หนานเฟยนั่งถึงกับเซไปทางซ้ายท่ามกลางถนนในย่านสลัม
“คุ้มกันท่านประธาน!!”
เลขาหนุ่มตะโกนบอกผ่านวิทยุพลางชักปืนขึ้นมา ก่อนจะเปิดหน้าต่างข้างตัวเองแล้วหันปืนไปด้านหลังกราดยิงใส่รถยนต์คันสีดำปริศนาที่แล่นตามหลังมาอย่างรวดเร็ว ทำให้รถคันหลังต้องยิงสวนกลับมา ซึ่งโชคยังดีที่รถคันนี้ติดกระจกกันกระสุน ก็เลยทำให้กระสุนไม่สามารถทะลุเข้ามายังในรถยนต์ได้ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับยิงใส่ที่ล้อยางรถยนต์ด้านหลังแทน เป็นผลให้รถที่วิ่งอยู่นั้นถึงกับเสียการทรงตัวก่อนจะตีลังกาหงายท้อง ซึ่งกว่ารถที่คว่ำจะหยุดไถลไปข้างหน้าก็กินไปเกือบหลายเมตร ครั้นพอรถหยุดไถลแล้ว ทั้งเทียนชิงทั้งคนขับรถต่างคลานออกมาก่อนจะหันปืนยิงใส่รถของพวกนักฆ่าที่ตามมา ส่วนหนานเฟยนั้นถึงแม้จะคลานออกมาจากตัวรถช้ากว่าสองคนแรก แต่ชายหนุ่มก็ยังหันมาช่วยเทียนชิงยิงปืนใส่พวกนั้นได้ ทว่าพวกเขายิงตอบโต้ไปได้ไม่นานนัก หนานเฟยก็ชักรู้สึกว่าคนของเขาเริ่มทยอยตายไปกันทีละคนสองคน
ไม่ไหว! พวกมันมีมาเยอะเกินไป!!
ในขณะที่หนานเฟยกำลังใช้ปืนยิงนักฆ่าอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ได้ทันเห็นแสงเลเซอร์สีแดงจุดเล็กโผล่ที่แก้มซ้ายของเลขาหนุ่ม
“อาชิงระวัง!”
ปัง!!
“ดิฉันหลี่เหม่ยฉี ยินดีที่ได้รู้จักค่ะท่านไป่”
ร่างระหงสูงโปร่งอายุราวประมาณยี่สิบปลาย ผิวขาวอมชมพูภายใต้ชุดราตรีที่มีสายคล้องคอสีเขียวอ่อนผ้าอัดพลีทอย่างดีทั้งตัวได้เดินเข้ามาหาหนานเฟย ก่อนจะแลเห็นบนใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีสดแลดูสวยงามกับสายตาจ้องมองชายหนุ่มราวเชื้อเชิญ ซึ่งหนานเฟยเห็นแล้วรู้สึกพึงตาต้องใจ เพราะเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ในรูปที่เทียนชิงเป็นคนนำมาให้ดูเมื่อสองสามชั่วโมงที่ผ่านมา แต่แล้วชายหนุ่มกลับต้องมุ่นคิ้วเมื่อเทียนชิงเข้ามากระซิบบอกอะไรบางอย่างกับเขาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ผมลืมบอกท่านไป คุณเหม่ยฉีนอกจากจะเป็นนางแบบชื่อดังแล้วเธอยังเป็นครูสอนลีลาศด้วย หวังว่าท่านจะไม่ทำพลาดนะครับ”
...จงใจกลั่นแกล้งกันชัดๆ
หนานเฟยครุ่นคิดในใจ เพราะตามประวัติของคู่เต้นในแฟ้มที่หนานเฟยได้อ่านเมื่อตอนเย็นนั้น เทียนชิงไม่ได้เขียนระบุบอกไว้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงครูสอนลีลาศเลยแม้แต่น้อย นี่แสดงว่าเลขาตัวแสบของเขายังไม่ยอมรามือง่ายๆถ้าตราบใดเขายังอยู่ที่นี่ ยังเป็นประธานแห่งมังกรกรุ๊ปอยู่
...ไว้ค่อยหาทางเอาคืนมันทีหลัง
ผิดกับเทียนชิงที่ยิ้มกริ่มในใจ อันที่จริงนี่เป็นการหยั่งเชิงดูว่าเจ้านายของตนจะคู่ควรกับตำแหน่งนี้หรือไม่ ทว่าความคิดของชายหนุ่มมีอันต้องพับลงทันทีที่เห็นหนานเฟยจูงมือนางแบบสาวเดินเข้าไปกลางงาน ก่อนจะอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นเจ้านายของตนชิงลงมือวาดลวดลายบนฟลอร์ประดุจมืออาชีพ ส่วนเหม่ยฉีนั้นอาศัยความชำนาญไล่ตามจังหวะได้แบบไม่มีสะดุด ทำให้การเต้นของทั้งคู่ดูสวยงามจนเป็นที่ประทับใจของผู้ชมไปตามๆกัน ทว่าในขณะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับการเต้นรำของทั้งคู่นั้น ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเทาอ่อนผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายหนานเฟยยืนมองน้องชายต่างแม่เต้นลีลาศกับนางแบบด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
“จบงานนี้ลงมือได้”
ทางด้านหนานเฟยหลังจบการเต้นรำลีลาศเปิดตัวแล้ว ชายหนุ่มก็ปล่อยเหม่ยฉีนางแบบสาวให้ไปเต้นรำกับคนอื่นต่อ ส่วนตนก็ผละออกมาจากฟลอร์ ก่อนแลเห็นชายร่างสูงโปร่งผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายตนสวมชุดสูทสีเทาอ่อนเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ไป่พ่ายหมิง
หนานเฟยครุ่นคิดในใจ เนื่องจากตนเคยเห็นภาพของพี่ชายคนละแม่จากแฟ้มประวัติที่เทียนชิงนำมาให้ดูแล้ว จึงเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใครกันแน่ ส่วนเรื่องข้อมูลที่เคยเห็นจากในแฟ้มมีอันต้องพับลง เพราะไม่แน่ใจข้อมูลที่เทียนชิงหามาให้นั้นครบหรือเปล่า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะหนานเฟย พี่…”
“พ่ายหมิง” หนานเฟยพูดแทรกเมื่ออีกฝ่ายคิดจะพูดแนะนำตัว ซึ่งทำเอาพ่ายหมิงที่กำลังยื่นมือไปทักทายต้องหยุดค้างอยู่อย่างนั้น “พอดีเลขาของผมได้บอกก่อนล่วงหน้าแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
พ่ายหมิงได้ยินดังนั้นจึงเปรยตาไปที่เทียนชิง ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบแทนคำพูด ทำให้ชายหนุ่มหันกลับมายิ้มให้กับหนานเฟยต่อ
“มิน่าล่ะ นายถึงได้เรียกชื่อพี่ถูก” พ่ายหมิงพูดราวกับเป็นเรื่องขบขัน “เรื่องงานของบริษัทเรา ถ้ามีปัญหาก็มาปรึกษาพี่ได้เสมอ ประสบการณ์ทางนี้พี่มีเพียบ เรียกว่าเจนสนามเลยล่ะ”
...สาบานได้ ว่าประสบการณ์เพียบ?
หนานเฟยครุ่นคิดตอบในใจ เท่าที่เคยได้ยินจากคนในบริษัทแล้ว ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อคำพูดของพ่ายหมิงเลยซักนิดเดียว
“ขอบคุณที่เป็นห่วง ถ้ามีปัญหาผมจะมาขอคำชี้แนะแน่นอน ถ้ามีนะ” หนานเฟยพูดเสียงสูงพลางเผยอมุมปากขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทำเอาคนฟังถึงกับหุบยิ้มทันที “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนครับพี่ใหญ่ ยังต้องแนะนำตัวกับคนอื่นต่ออีก”
แล้วหนานเฟยก็ก้าวเท้าเดินออกไปโดยไม่รอให้พ่ายหมิงได้ตอบกลับ ทำให้เทียนชิงต้องเดินตาม ทว่ายังไม่ทันที่เลขาจะได้เดินตามผู้เป็นนายไป กลับต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระซิบของพ่ายหมิงดังแว่วเข้ามา “งานเลี้ยงที่แท้จริงจะเริ่มคืนนี้ แสดงให้สมบทบาทมือขวาของมันด้วยล่ะอาชิง”
เลขาหนุ่มพยักหน้าก่อนจะพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ครับคุณพ่ายหมิง”
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็ปาเกือบเที่ยงคืน ซึ่งอากาศก็เริ่มเย็นตัวลงแต่หนานเฟยกลับรู้สึกสบายตัว เพราะอากาศที่นี่ไม่เย็นเท่ากับอเมริกาในหน้าหนาว หลังจากกล่าวปิดงานแล้ว ชายหนุ่มก็ได้ไปให้สัมภาษณ์กับพวกนักข่าวโดยให้แค่คำพูดกับพวกนั้นว่า ‘ผมยังบอกอะไรมากไม่ได้ แต่กรุณาคอยดูผลงานของผมแล้วกันครับ’ จากนั้นจึงค่อยเดินออกมาจากตึกโดยมีเทียนชิงพร้อมบอดีการ์ดอีกห้าคนเดินตามหลังมา ก่อนจะขึ้นรถยุโรปที่จอดรออยู่
“จริงสิอาชิง เรื่องข้าวของที่ฉันให้ไปจัดการ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ในขณะที่รถออกตัวไปได้สักพักแล้ว หนานเฟยเพิ่งนึกขึ้นได้จึงเอ่ยถามเลขาหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามคนขับรถ
“เรียบร้อยแล้วครับท่าน” อีกฝ่ายตอบก่อนจะเอ่ยปากถามต่อ “เอ่อท่านครับ ตอนนี้ผมได้สั่งพ่อบ้านให้ทำความสะอาดห้องพักของท่านที่คฤหาสน์หลังเก่าของคุณไป่แล้ว ไม่ทราบว่าท่านจะย้ายไปพักที่นั่นได้ตอนไหนหรือครับ ผมจะได้ให้คนย้ายข้าวของที่จำเป็นไปที่นั่นก่อน”
“ไม่ต้องอาชิง อยู่ที่เดิมนะดีแล้ว”
“ทำไมล่ะครับ ทำไมท่านถึงยังคิดจะอยู่ที่นั่นอีก”
เลขาหนุ่มยังคงถามกลับอย่างสงสัย เพราะคนส่วนมากล้วนมีความต้องการพักอยู่อาศัยในสถานที่ให้สมฐานะของตัวเอง แต่นี่กลับจงใจอยู่อาศัยที่เดิมโดยไม่คิดจะเปลี่ยนที่พักเลยแม้แต่น้อย แถมหนานเฟยในตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสถานะคนปกติ แต่เป็นเจ้าพ่อมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในฮ่องกง ฉะนั้นน่าจะสมควรไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยมากที่สุด และเหมาะสมกับหนานเฟยมากที่สุดด้วย
“ก็เพราะที่อันตรายมากที่สุดก็คือที่ปลอดภัยมากที่สุดยังไงล่ะ”
คำตอบของหนานเฟยทำเอาคนฟังอย่างเทียนชิงถึงกับรู้สึกอึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้กลับมา แต่ครั้นพอหนานเฟยเห็นเทียนชิงเงียบไปนาน ชายหนุ่มจึงหยิบแฟ้มเอกสารที่อยู่ในรถขึ้นมาเปิดออกอ่านฆ่าเวลาเล่นแทน
ปัง! เอี๊ยด!
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ทำให้รถยุโรปที่หนานเฟยนั่งถึงกับเซไปทางซ้ายท่ามกลางถนนในย่านสลัม
“คุ้มกันท่านประธาน!!”
เลขาหนุ่มตะโกนบอกผ่านวิทยุพลางชักปืนขึ้นมา ก่อนจะเปิดหน้าต่างข้างตัวเองแล้วหันปืนไปด้านหลังกราดยิงใส่รถยนต์คันสีดำปริศนาที่แล่นตามหลังมาอย่างรวดเร็ว ทำให้รถคันหลังต้องยิงสวนกลับมา ซึ่งโชคยังดีที่รถคันนี้ติดกระจกกันกระสุน ก็เลยทำให้กระสุนไม่สามารถทะลุเข้ามายังในรถยนต์ได้ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับยิงใส่ที่ล้อยางรถยนต์ด้านหลังแทน เป็นผลให้รถที่วิ่งอยู่นั้นถึงกับเสียการทรงตัวก่อนจะตีลังกาหงายท้อง ซึ่งกว่ารถที่คว่ำจะหยุดไถลไปข้างหน้าก็กินไปเกือบหลายเมตร ครั้นพอรถหยุดไถลแล้ว ทั้งเทียนชิงทั้งคนขับรถต่างคลานออกมาก่อนจะหันปืนยิงใส่รถของพวกนักฆ่าที่ตามมา ส่วนหนานเฟยนั้นถึงแม้จะคลานออกมาจากตัวรถช้ากว่าสองคนแรก แต่ชายหนุ่มก็ยังหันมาช่วยเทียนชิงยิงปืนใส่พวกนั้นได้ ทว่าพวกเขายิงตอบโต้ไปได้ไม่นานนัก หนานเฟยก็ชักรู้สึกว่าคนของเขาเริ่มทยอยตายไปกันทีละคนสองคน
ไม่ไหว! พวกมันมีมาเยอะเกินไป!!
ในขณะที่หนานเฟยกำลังใช้ปืนยิงนักฆ่าอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ได้ทันเห็นแสงเลเซอร์สีแดงจุดเล็กโผล่ที่แก้มซ้ายของเลขาหนุ่ม
“อาชิงระวัง!”
ปัง!!
dragonp
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 เม.ย. 2555, 23:42:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ค. 2555, 00:57:52 น.
จำนวนการเข้าชม : 1720
<< บทที่ 3 (100%) | บทที่ 5 (อัพ 100%) >> |
PiNVE 1 พ.ค. 2555, 10:07:33 น.
น้อยมากๆๆๆ
น้อยมากๆๆๆ
ทองหลาง 1 พ.ค. 2555, 17:21:25 น.
โห อัพงี้เลยเหรอกิ๊ป ทำได้ไงเนี่ย
โห อัพงี้เลยเหรอกิ๊ป ทำได้ไงเนี่ย
แว่นใส 1 พ.ค. 2555, 18:02:38 น.
น้อยจังอะ
น้อยจังอะ