จับใจไว้ด้วยรัก
เรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มฉายา เจ้าชู้หลบใน กับหญิงสาวที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะปั่นป่วนเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตามตื้อ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยวิ่งหนี เขาจะทำให้เธอหันมามองและเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตได้ไหม ติดตามได้ใน 'จับใจไว้ด้วยรัก'
Tags: หวาน,น่ารัก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 10

ตอนที่ 9

ร่างบางเดินกระแทกเท้าโครมๆ ไปยังโซนด้านในถัดจากห้องของกรวีร์ที่เป็นห้องทำงานของเพื่อนรัก หลังจากที่คุณมีนากลับไปแล้วและกรวีร์ก็เดินผิวปากกลับเข้าห้องทำงานของตัวเองไปอย่างมีความสุข ทิ้งเธอให้ต้องทนทุกข์อยู่ข้างนอกคนเดียว ย้ำ! คนเดียวเพราะเขาเรียกเอาเลขาหนุ่มหน้าตายเข้าไปด้วย แถมยังล็อกห้อง ไม่ยอมฟังข้อโต้แย้งใดๆจากเธอทั้งสิ้น

สุดท้ายเมื่อไม่มีที่ไปอีกทั้งความแค้นก็จุกอก เลยเลือกที่จะมาระบายอารมณ์ให้เพื่อนรักฟัง เธอส่งยิ้มให้เลขาคนสวยของกรวิชญ์ที่ลุกขึ้นต้อนรับ

“วิชญ์อยู่หรือเปล่าค่ะ คุณดา”

“อยู่ค่ะ เชิญเลยค่ะ เดี๋ยวดาเอาของว่างเข้าไปให้” ดารณีบอกกับเพื่อนเจ้านายยิ้มๆ เบญญาภากล่าวขอบคุณก่อนจะเดินไปเคาะประตูส่งสัญญาณและผลักให้เปิดออกเมื่อได้รับอนุญาต กรวีร์เงยหน้ามองคนที่เดินหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามา เพื่อนของเขายังอยู่ในชุดฟอร์มแผนกแม่บ้านแสดงให้เห็นว่ายังอยู่ในเวลางาน จึงอดเอ่ยแซวไม่ได้

“อะไร...เป็นแม่บ้านทำไมไม่ไปทำงาน เดี๋ยวตัดเงินเดือนเลยนี่”

“ท่าจะให้ดีไล่ออกก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องเจอหน้าพี่ชายวิชญ์ให้รู้สึกคันเนื้อคันตัว” หญิงสาวค้อนใส่ ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้านหน้ามองชายหนุ่มหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาใช้นิ้วปาดน้ำตาก่อนจะพูดทั้งๆที่ยังกลั้นหัวเราะ

“ท่าทางเบญจะเกลียดจริงอะไรจริง... ว่าแต่มาหาวิชญ์มีเรื่องอะไรอ่ะ จะชวนไปกินกลางวันเหรอ”

“เปล่า...จะมาเล่าความร้ายกาจของพี่ชายวิชญ์ให้ฟัง” ว่าแล้วก็จัดการเล่าแบบไม่พลาดสักตอน มีหยุดพักบ้างเล็กน้อยก็ที่ดารณีเอาของว่างมาให้ กรวิชญ์ฟังแล้วก็ต้องอึ้งไม่คิดมาก่อนเลยว่าพี่ชายตัวเองจะเล่นไม้นี้ นี่ที่เมื่อวานอาสาไปส่งคุณแม่ขึ้นห้องก็เพราะเรื่องนี้สินะ แสบจริงๆ

“พี่ชายวิชญ์นี่เจ้าเล่ห์ที่สุด เบญเกลียด เกลียด เกลียดมากแล้วด้วย” หญิงสาวสรุปจบอย่างโมโห หอบน้อยๆด้วยใส่อารมณ์มากไปขณะที่พูด ทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์

“จ้า จ้า ใจเย็นก่อนนะเพื่อน เดี๋ยวจะหาทางแก้เผ็ดให้” ชายหนุ่มปลอบคนหน้างอ ก่อนจะนิ่งคิดแล้วยิ้มออกมากับแผนการบางอย่างที่แวบมาเข้าหัวอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องห่วงนะน้องเบญ วิชญ์คิดแผนเด็ดได้แล้ว”

เบญญาภาเลิกคิ้ว มองเพื่อนที่ยิ้ม “แผนเด็ด? แผนอะไร”

เขากระดิกนิ้วเรียกให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้แล้วกระซิบบอกแผนการ หญิงสาวฟังไปพยักหน้าไปก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา มองเขาอย่างชื่มชม

“สุดยอดมากเลยวิชญ์!”

เขายืดอกรับคำชม พร้อมโอ่ “งานนี้แหละพี่วีร์จะได้รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกรวีร์ยังมีกรวิชญ์”

“งั้นเดี๋ยวเบญไปโทรศัพท์ก่อนนะ”

“จ้า” เขามองตามหลังเพื่อนสาวที่เดินออกไปโทรศัพท์หาตัวช่วยอีกคนในแผน ยิ้มมุมปากเมื่อนึกไปถึงสีหน้าของกรวีร์ยามที่เห็นว่าดินเนอร์วันนี้ไม่ได้มีแค่สองคนอย่างที่คิด ชายหนุ่มเงยหน้าถามเบญญาภาทันทีที่อีกฝ่ายเดินกลับมา

“เป็นไง”

“ตกลงจ้า บอกว่าเดี๋ยวตอนเย็นจะไปหาที่บ้าน วันนี้อันย่าจะค้างกับเบญด้วย”

เขาขมวดคิ้ว “ระวังจะติดโรคชอบทำร้ายร่างกายมานะ”

“วิชญ์นี่ก็ชอบว่าอันย่าอยู่เรื่อย วันนี้เบญของสั่งห้ามหาเรื่องอันย่านะ” เธอชี้นิ้วสั่งเพื่อนที่เบ้ปาก รับคำส่งๆ

“รู้แล้วน่า... วันนี้ศัตรูมีหนึ่งเดียวคือพี่วีร์ วิชญ์ไม่โง่ตัดทอนกำลังฝั่งเราหรอก”

“ดีมาก...” หญิงสาวบอกอย่างพอใจ นัดแนะเวลาและแผนให้เรียบร้อย ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงาน รอเวลาที่จะเอาคืนคนหลงตัวเองอย่างกรวีร์ให้ต้องเจ็บและจำไปอีกนาน...


กรวีร์เดินควงกุญแจรถเข้าไปภายในบ้าน ชายหนุ่มอารมณ์ดีมากที่ทุกอย่างเป็นตามต้องการ แม้เบญญาภาจะมีท่าทีฮึดฮัดใส่เขาตลอดเวลาที่เจอหน้ากันเพราะอีกฝ่ายต้องคอยทำความสะอาดอยู่ที่ชั้นทำงานของเขาทั้งวันและไม่รู้ทำไมวันนี้เขาก็มีเรื่องให้ต้องเดินเข้าเดินออกห้องตัวเองกับข้างนอกบ่อยครั้ง เลยอดใจไม่ได้ต้องแกล้งแหย่แกล้งยั่วอารมณ์สาวเจ้า

น่าแปลกที่เวลาโกรธ เบญญาภาน่ารักขึ้นอีกเป็นกอง และตัวเขาเองก็รู้สึกสนุกกับการได้เห็นหน้างอๆนั่น ร่างสูงยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่เรียกให้เธอเข้าจัดห้องให้ ดวงตาโตๆนั่นเบิกกว้างเมื่อเห็นสภาพห้องที่ดูเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมา...

เอกสารหลายแผ่นที่เขาไม่เอาแล้วถูกขยำเกลื่อนพื้น ถ้วยกาแฟที่หมดแล้วสามสี่ถ้วยวางอยู่บนโต๊ะเล็กๆที่ใช้รับแขกเพราะเมื่อครู่มีการคุยงานเกิดขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ แฟ้มเอกสารหลายแฟ้มยังคงเปิดกางค้างเอาไว้แทบจะทุกมุมห้อง ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจสั่งงานกับวีรพัชรต่อ แต่ก็แอบชำเลืองมองท่าทางของหญิงสาว

เบญญาภาเม้มปากแน่น คิดในใจ...ผู้ชายอะไรซกมกเป็นบ้า ร่างบางเดินเข้าจัดการกับถ้วยกาแฟและจานของว่างเป็นลำดับแรก จัดการเก็บมันไปล้างและคว่ำให้เรียบร้อย จึงไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มสนุกของเจ้าของห้องกับอาการส่ายหัวอย่างระอาของเลขาหนุ่มแว่น ไม่นานก็กลับเข้ามาใหม่ทำเอากรวีร์ที่กำลังหัวเราะอยู่เปลี่ยนท่าทีแทบไม่ทัน

หญิงสาวหรี่ตามองอย่างจับผิดแต่ไม่พบอะไรแปลกไปจึงลงมือกับแฟ้มเอกสารเป็นลำดับที่สอง มือเรียวทยอยปิดมันลงและยกไปวางไว้บนโต๊ะเล็ก รอให้เลขาหนุ่มมาจัดการเอง แต่เสียงทุ้มของกรวีร์ก็ดังขึ้นมา

“เอาพวกเล่มสีน้ำเงินมาเก็บด้านหลังพี่นะคะ ส่วนสีดำไปเก็บที่ตู้ด้านซ้ายมือของน้องเบญ ส่วนสีเขียวเอาไปวางไว้บนโต๊ะของวีรพัชร”

เบญญาภาหน้าบึ้งแต่ก็ลงมือตามที่เขาบอก เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงมาเริ่มงานใหญ่ที่ดูท่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆสังเกตได้จากการที่เขาฉีกกระดาษออกจากขั้ว ขีดๆเขียนๆนิดหน่อยพอเป็นพิธีแล้วขยำปาลงพื้น ในตอนแรกก็ไม่ติดใจอะไร ไปๆมาๆ จำนวนครั้งที่ปามันชักถี่ขึ้นอดไม่ได้ต้องคลี่กระดาษแผ่นหนึ่งในมือออกเพื่อจะดูว่ามันอะไรกันนักหนาถึงต้องปาทิ้งจัง ผลที่ได้ทำเอาเธอต้องยืนอึ้งไปสามวิ มือที่จับกระดาษสั่นระริก ใบหน้าร้อนผ่าวที่ไม่ใช่จากเขินอายแต่เป็นโกรธ

กรวีร์เหลือบมองแล้วอมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของน้องเบญคนเก่งจาวแดงสลับกัน กลั้นหัวเราแทบไม่ไหวเมื่ออีกฝ่ายปรี๊ดแตก แหวใส่เขาเสียงสูง

“คุณกรวีร์!!!! นี่มันอะไรกันคะ” แน่ะ...ยังอุตส่าห์มีคำลงท้าย น่ารักจริงๆ

“หือ...อะไรกันคะน้องเบญ”

“ก็นี่ไง!” หญิงสาวเดินมายื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ดูแบบแทบกระแทกหน้าเขา เขาเหลือบมองนิดหนึ่งก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง วีรพัชรเองก็ชะโงกหน้ามามองแล้วตีสีหน้าปุเลี่ยนๆใส่เขา สิ่งที่อยู่บนนั้นก็คือภาพวาดรูปหัวใจตามด้วยชื่อของเบญญาภา หากจะให้ตีเป็นตัวอักษรก็หมายความว่า ‘รักน้องเบญ’

“รูปหัวใจแล้วก็ชื่อน้องเบญ ทำไมคะ” เขาถามแบบใสซื่อ อย่างที่เบญญาภาอยากจะสาปให้เขากลายเป็นอะไรซักอย่างที่ง่ายต่อการตบให้ตายแล้วโยนลงน้ำจริงๆ เธอหายใจเข้าออกช้า พยายามไม่โมโหไปมากกว่านี้ขณะต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“คุณกำลังทำอะไรอยู่ไม่ทราบที่บ้านผลิตกระดาษเองได้เหรอไง รู้ไหมว่ากระดาษแผ่นหนึ่งเขาต้องตัดต้นไม่ไปกี่ต้น หัดทะนุถนอมทรัพยากรธรรมชาติของโลกเสียบ้างนะคะ ถ้ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่” ก่อนจะหมุนตัวหยิบก้อนกระดาษที่เหลืออีกสองสามก้อนใส่ถังแล้วเดินออกไป

วีรพัชรมองตามอย่างชื่นชมที่สามารถจัดการกับคนหน้าหนาราวกับหล่อมาจากปูนซีเมนต์ตรา ‘ทนทายาด’ แล้วคิดในใจว่าเจอแบบนี่หน้าหนาๆของเจ้านายเขาคงเริ่มร้าวขึ้นมาบางไม่มากก็น้อย แต่พอหันกลับก็รับรู้เลยว่าคิดผิด เพราะกรวีร์ยิ้มกว้าง หัวเราะเสียงดังหยิบเอารายงานการประชุมมาอ่านอย่างอารมณ์ดี ยืนยันได้จากเสียงฮัมเพลงเบาคลอตามไปขณะอ่าน วีรพัชรถอนหายใจ...นี่เขาฝันกลางวันอยู่ใช่ไหม...


ร่างสูงกำลังจะเดินขึ้นห้องไปแต่งองค์ทรงเครื่องสำหรับดินเนอร์กับเบญญาภาก็มีอันต้องหยุดเดินเพราะเสียงของมารดาเรียกเอาไว้ เขาหมุนตัวกลับเดินเข้าไปหามารดาที่ห้องนั่งเล่น

“อารมณ์ดีเชียวนะ พ่อวีร์ของคุณหญิงแม่ จักได้ไปทานข้าวที่ข้างนอกกับแม่หญิงเบญ” กรวีร์เอ๋อไปพักกับคำทักทายของมารดาที่วันนี้ดูเหมือนจะหลุดออกมาจากในอดีต เขาเหลือบมองชื่อหนังสือนิยายเล่มหนาหนักที่วางอยู่บนตักแล้วก็ถึงบางอ้อ ‘อดีตกาลแห่งรัก’

นี่คงอ่านเล่มนี้แล้วอินจัด เฮ้อ... มารดาของเขาเป็นอย่างนี้ประจำเวลาที่อ่านนิยายเรื่องไหนแล้วชอบก็มักจะเรียกลูกชายหรือแทนตัวเองอย่างในนั้นบ้าง ตอนแรกที่พวกเขาเจอคำเรียกแปลกๆเข้าไปก็อึ้งไปนาน แต่พอเจอบ่อยๆเข้าก็เริ่มชิน และเวลาที่มีคำเรียกใหม่ๆมา ก็จะต้องถามน้องว่าแม่อ่านเรื่องไหนอยู่

ชายหนุ่มนั่งลงเคียงข้างหญิงสาวผู้ให้กำเนิด แขนแกร่งโอบรอบเอวเอาไว้ ซบหน้าลงกับไหล่บางอย่างน่าเอ็นดูแล้วย้อนถาม

“แล้วนี่คุณแม่ไม่ไปงานเลี้ยงที่ว่านั่นเหรอครับ”

“รอบ้านโน้นอยู่ เห็นบอกว่าให้ไปด้วยกัน ไปหลายคันมันเปลือง พ่อวีร์ไม่เห็นรึว่าวันนี้คุณหญิงแม่สวยพริ้ง” เขาดันตัวออกมามองสำรวจ เออ...จริงแฮะ

“สวยมากเลยครับ คุณพ่อที่อยู่บนสวรรค์คงต้องตามหึงคุณแม่แล้วล่ะวันนี้” เขาแกล้งแหย่ ก่อนจะร้องอู้เมื่อคุณมีนา ‘เขิน’ หนักซัดเขาเข้าให้ คุณมีนามองค้อน

“แล้วนี่ไม่รีบไปอาบน้ำอาบท่า น้องเบญเขาขึ้นชื่อเรื่องตรงเวลานะ สายไปวินาทีเดียวเขาก็ไม่ไปแล้ว”

กรวีร์เลิกคิ้ว...ขนาดนั้นเชียว “ก็กำลังจะไปแต่แม่เรียกผมไว้ก่อนไง”

“อ้อ...คุณหญิงแม่ผิดงั้นรึ หึ...ใช่สิ พอพ่อวีร์เห็นว่าหมดประโยชน์ก็พูดกับคุณหญิงแม่เช่นนี้ ช่างน่าน้อยใจยิ่งนัก” เธอแกล้งสะบัดหน้าหนี ต่อว่าต่อขานเสียงสั่นเครือ กรวีร์ยิ่งมองยิ่งเห็นว่าสมควรที่แม่เขาจะได้รางวัลด้านการแสดงจริงๆ เขายื่นหน้าไปหอมแก้มเอาใจ

“ใครว่าล่ะครับ คุณแม่มีความสำคัญกับผมมาก....” ลากเสียงยาวเพื่อแสดงให้เห็นว่าสำคัญจริงๆ ทำให้คุณมีนาอดยิ้มออกมาไม่ได้

“โอ๊ย...หมั่นไส้” เสียงห้าวของกรวิชญ์ดังขึ้นพร้อมกับที่เขาเดินเข้ามาในห้อง กรวีร์เบ้หน้าใส่มารความสุข เขยิบออกให้อีกฝ่ายได้เข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงบ้าง แล้วร้องถามอย่างหาเรื่อง

“ทำไม...แกมีปัญหาอะไรกับการแสดงออกของฉัน ไอ้วิชญ์”

“เปล๊า!” ปฏิเสธเสียงสูง ก่อนจะหันไปยอมารดา “วันนี้แม่ของวิชญ์สวยมาก ชักหวงแล้วสิ พี่วีร์ตามไปกันหนุ่มๆให้แม่เร็ว” ออกคำสั่งกับพี่ชายที่นิ่วหน้า

“แล้วทำไมแกไม่ไปเองวะ”

“ผมมีนัดแล้ว”

“หือ...พ่อวิชญ์มีนัดอย่างนั้นรึ” คุณมีนามองหน้าหวานๆของลูกชายคนเล็กที่พยักหน้าแทนคำตอบ แล้วก็อดถามไม่ได้

“นัดกับใครรึ พ่อชายหรือแม่หญิง”

“แม่ครับ!” กรวิชญ์โวยหน้าง้ำ ส่วนกรวีร์นั้นลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้นเสียแล้ว “ก็ต้องผู้หญิงสิครับ บอกกี่ครั้งแล้วเนี่ยว่าลูกแม่น่ะชายทั้งแท่ง”

“อ้าว...ก็ยังไม่เห็นวิชญ์ควงใครเป็นเรื่องเป็นราว” คุณมีนาเอานิ้วชี้มาจิ้มกันอย่างหงอยๆ กระพริบตาปริบๆอย่างน่ารัก จนคนเป็นลูกชักโกรธไม่ลง กรวีร์ปาดน้ำตาใบหน้าเปื้อนยิ้ม พยายามระงับอารมณ์ไม่ให้หัวเราะออกมาอีก แต่พอเงยหน้ามองหน้าหวานๆของคนที่ยืนเท้าเอวแยกเขี้ยวใส่เขาก็อดไม่ได้หัวเราะออกมาอีก

กรวิชญ์อยากจะส่งพี่ชายลงอเวจีเสียจริงๆ แต่ก็ต้องทนเอาไว้บอกกับตัวเอง อีกไม่นานก็ได้เอาคืนแล้ว

“แล้วคนนี้นี่ใช่แล้วรึยัง...พ่อวิชญ์” คุณมีนายังไม่หายข้องใจ

“ยังครับ...คนนี้เพื่อนเฉยๆ แม่ไม่ต้องห่วงนะ ถ้ามีเมื่อไหร่เดี๋ยววิชญ์พามาให้ดูตัวทันที”

“ผมว่าแม่คงได้เขยมากกว่าไม่ใช่สะใภ้หรอก เฮ้ย!” กรวีร์พูดลอยๆ หลังจากนั้นก็รีบยกสองมือขึ้นป้องหน้าเมื่อเจ้าน้องตัวดีปาหมอนอิงใส่โดยเล็งที่หน้าเขาเป็นอันดับแรก

“สม!”

“ว่าแต่แกนัดใครไว้วะ” เขาถามอย่างสนใจ ก็ในเมื่อวันนี้เบญญาภาต้องไปกับเขาแล้วกรวิชญ์จะไปกับใคร หรือมันจะมีเพื่อนคนอื่นอีก กรวิชญ์หยุดมือที่กำลังจะส่งหมอนใบต่อไปใส่หน้าพี่ชาย ยิ้มมุมปากแล้วลุกขึ้นยืนไม่ตอบคำถามใดๆ เพียงแค่บอกว่า

“ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวไม่ทัน” แล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้กรวีร์รู้สึกหนาวๆร้อนๆ สังหรณ์ใจไม่ดีกับรอยยิ้มของน้องชาย คุณมีนาเอียงคอมองตามลูกชายคนเล็กไปอย่างงงๆ วันนี้ดูมีเลศนัยแปลกๆ พอหันกลับมามองลูกชายคนโตก็เห็นเขาทำหน้าเครียด

“พ่อวีร์เป็นอันใดรึ หน้าเครียดเชียว”

“แค่รู้สึกแปลกกับรอยยิ้มของไอ้พ่อวิชญ์ของแม่น่ะ หวังแค่มันจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็พอ...” เขาหอมแก้มมารดาอีกครั้ง ก่อนลุกเดินกลับห้องบ้างพยายามจะทำเป็นไม่ใส่ต่ออาการลั้นล้าของไอ้น้องตัวดีทั้งที่มันยังคาใจ...


เบญญาภาสำรวจตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่ หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าการแต่งตัวของเธอวันนี้ไม่ได้ดูเรียบร้อยเกินไปและก็ไม่ได้ดูเปิดเผยมากนัก ชุดเดรสตัวสั้นแค่เข่าสีครีมมีโบว์สีชมพูคาดตรงเอวคอปาดเผยให้เห็นผิวขาวอมชมพู ลำคอระหงประดับด้วยสร้อยไข่มุกเข้ากับกำไลและต่างหู ใบหน้าแต่งด้วยโทนสีอ่อนเป็นธรรมชาติ ริมฝีปากอวบอิ่มชุ่มช่ำด้วยลิปกลอส เธอหมุนตัวไปมาดูความเรียบร้อยอีกครั้ง

“สวยแล้วจ้าน้องเบญ หยุดหมุนเถอะอันย่าตาลายแล้วนะ” เบญญาภาหัวเราะคิกกับเสียงโอดครวญของเพื่อนสาวที่เธอโทรจิกตัวมาร่วมแผนการยำกรวีร์ในวันนี้ดังขึ้น ร่างเพรียวของอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงในชุดแซคมีปกสีฟ้าอ่อนติดกระดุมยาวจนจรดเข่า แขนกุดเผยให้เห็นถึงท่อนแขนกลมกลึง ดูทะมัดทะแมงตามนิสัยของเจ้าตัว

“อันย่าก็... จะไปดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องขอสวยหน่อยสิ”

“จริงอ่ะ ไม่ใช่ว่าจะแต่งไปแกล้งให้พี่วีร์ลงแดงตายเหรอ” อนัญญาเลิกคิ้วขึ้น ย้อนเพื่อนอย่างไม่เชื่อถือน้ำคำ เบญญาภาเลยหัวเราะออกมาอีก หญิงสาวดึงแขนเพื่อนให้มานั่งหน้ากระจกแล้วลงมือจัดการกับหน้าตาของอีกฝ่าย

“มานี่มา วันนี้อันย่าก็ต้องสวยนะ”

“ไม่เอาอ่ะ อันย่าไม่เกี่ยวด้วยนะ แค่ไปเป็นเพื่อนเท่านั้น” อนัญญาพยายามเบี่ยงหน้าหลบมือตุ๊กแกของเพื่อน แต่เบญญาภาก็มีไม้เด็ดไว้กำราบเด็กดื้ออย่างอนัญญาเหมือนกัน

“ไม่อยากให้วิชญ์ชมเหรอ”

อนัญญาเม้มปาก ช้อนตามองคนที่ยืนมองมาอย่างเป็นต่อกล้าๆกลัวๆ “วิชญ์จะชมจริงๆเหรอ”

“เอามาสคาร่าแท่งนี้เป็นประกัน” ยื่นของในมือให้ดูแล้วพยักหน้ารับรองอีกชั้น หน้าตาจริงจัง แล้วสุดท้ายทั้งคู่ก็หัวเราะให้กัน อนัญญายอมให้เพื่อนรักละเลงสีบนใหน้าเธอตามใจชอบ

กรวีร์นั่งรอเจ้าของบ้านสาวอยู่ที่ห้องรับแขก ร่างสูงในชุดสูทสากลสีดำสมทับเสื้อเชิ้ตสีขาว เนกไทสีน้ำเงินเข้ม กางเกงสแล็คสีเดียวกับสูท ส่งยิ้มให้สาวใช้ที่นำน้ำมาเสิร์ฟก่อนจะบอกว่าเบญญาภากำลังลงมา สายตาคมกวาดไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดลงที่ตู้ไม้กรุกระจกโชว์ของต่างๆ ร่างสูงเดินตรงไปยังตู้นั้น มองภาพถ่ายใบใหญ่ในนั้นซึ่งดึงดูดสายตาของเขาอย่างสนใจ

ในภาพนั้นมีเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งอยู่ในชุดสวยกำลังถือดรัมเมเยอร์ส่งยิ้มมาให้กับตากล้อง...เบญญาภานั่งเอง ใบหน้าหวานดูสวยแปลกตากว่าที่เคยเห็น ข้างซ้ายมีน้องชายของเขาชูเหรียญรางวัลสีทองอยู่ในชุดนักบาส ทางด้านขวามีเด็กสาวอีกคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้าแต่คงรุ่นเดียวกันยืนประกบอยู่ในมือของเจ้าหล่อนถือถ้วยรางวัลที่พออ่านได้ลางๆว่า ‘รางวัลชนะเลิศ’ เอาไว้ ทั้งสามส่งยิ้มกว้างมาให้ แสดงว่าคงจะดีใจมากจริงๆ

เขามองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเบญญาภาอย่างติดใจ หญิงสาวดูมีเสน่ห์มากไม่ใช่เพราะหน้าตาที่สะสวย แต่เป็นเพราะรอยยิ้มพิมพ์ใจนี่ต่างหากที่ทำให้เธอคนนี้มีแต่คนมองตามแบบต้องเหลียวหลัง...และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น พอคิดมาถึงตรงนี้ก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เขาอยากจะเป็นเพียงชายคนเดียวที่ได้มองหญิงสาว เห็นทีคงต้องหาทางจัดการกับพวกแมลงเม่า จะต้องไม่มีใครได้เชยชมร่างบางนี้ก่อนเขา!

“ขอโทษที่ให้รอค่ะ คุณกรวีร์”

เสียงเรียบเฉยเจือความหวานในน้ำเสียงดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้คนที่กำลังจมอยู่กับความมุ่งมั่นของตนเองหันกลับไปมองพร้อมรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ก่อนรอยยิ้มนั่นจะจางหายไปเหลือเพียงความตื่นตะลึงกับความสดใสน่ารักของคนที่เขากำลังรอ กรวีร์มองตามคนที่กำลังก้าวลงบันไดมาทุกฝีก้าวตาไม่กระพริบ

วันนี้หญิงสาวแต่งตัวได้น่ารักสมวัย ไม่เซ็กซี่เช่นหญิงสาวคนอื่นที่มักแต่งกายอวดส่วนสัดที่มีมากล้นเพื่อมัดใจเขา แต่ก็ไม่ได้ดูแบ๊วนักเช่นสาวสมัยใหม่บางคนที่แต่งตัวตามเทรนด์จนลืมดูวัย เขาชื่นชมกับหญิงสาวคนโปรดของมารดา เริ่มเข้าใจมากขึ้นอีกนิดแล้วว่าทำไมมารดาถึงได้หลงหัวปักหัวปำนัก

ชายหนุ่มสะบัดศีรษะน้อยๆ ไล่เอามนต์สะกดของนางฟ้าตรงหน้าให้ออกไป แล้วส่งยิ้มไปให้หญิงสาวที่ก้าวมายืนตรงหน้าแล้ว เขารีบบอกเอาใจ

“ไม่เป็นไรครับน้องเบญ สำหรับน้องเบญให้พี่ทั้งวันยังได้”

“ค่ะ...แล้วดิฉันจะจำเอาไว้” บอกเสียงเรียบ เบี่ยงตัวเล็กน้อยให้เห็นอนัญญาที่ยืนอยู่ข้างหลัง กรวีร์มองหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้า ใบหน้านั้นดูคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหน ก่อนจะร้องอ้อเมื่อนึกได้ว่าเธอคือเด็กสาวที่ถือถ้วยรางวัลในภาพที่เขาดูอยู่เมื่อครู่นั่นเอง ชายหนุ่มส่งยิ้มไปให้แล้วเอ่ยทักทาย

“สวัสดีครับน้อง...”

“อันย่า...อนัญญาค่ะ เป็นเพื่อนของเบญกับวิชญ์” หญิงสาวแนะนำตัว ยิ้มให้น้อยๆ กรวีร์ยิ้มร่า คิดในใจ ‘ต้องเป็นคนนี้แน่ๆ’

“ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องอันย่า เอ๊ะ..นี่นัดกับนายวิชญ์ไว้ใช่ไหมครับเนี่ย”

“จะว่าใช่ก็ใช่ค่ะ”

“หือ...” เขาทำเสียงสูง หมายความว่าไงกันล่ะเนี่ย เบญญาภาที่ปล่อยให้เพื่อนเป็นคนคุยกับเขามานานก็ได้เข้ามาช่วยอธิบาย

“อันย่านัดกับเบญไว้ค่ะ”

กรวีร์อ้าปากค้าง “ แล้ว...แล้วนัดของเราล่ะคะ น้องเบญ”

“ก็ไปด้วยกันไงคะ ร้านที่คุณป้าบอกนั่นแหละ แค่เพิ่มจำนวนคนไปอีกหน่อย คงไม่ว่าอะไรนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มหวาน ทำเอากรวีร์ได้แต่รับคำเซ็งๆ

“โธ่...นึกว่าจะได้แอ้ม” พึมพำกับตัวเองเบาๆ ขณะเดินตามสาวออกไปด้านนอก เบญญาภานิ่วหน้าหันกลับมามองชายหนุ่ม

“คุณกรวีร์พูดอะไรหรือเปล่าคะ”

“เปล่าค่ะ...”รีบกลบเกลื่อน เดี๋ยวไก่จะตื่นเสียก่อน “ ...พี่แค่บอกว่าวันนี้น้องเบญน่ารักมาก เท่านั้นเอง”

เบญญาภาพยักหน้า แสร้งทำเป็นเชื่อ แต่ในใจคาดโทษเขาเอาไว้แล้ว หน๊อย...คิดไม่ซื่อกับเธอจริงๆด้วย หางตาเหลือบเห็นเขาทำท่าโล่งใจ นี่คงจะคิดว่าเธอไม่ได้ยินล่ะสิ
กรวีร์เร่งฝีเท้าไปถึงรถก่อน เขาเอื้อมมือจะเปิดประตูรถให้เบญญาภา แต่มือของใครบางคนก็เปิดตัดหน้าเสียก่อน เขาหันไปมองคนที่บังอาจก็ต้องอึ้ง กรวิชญ์ยืนพิงรถส่งยิ้มกวนๆมาให้

“ ไอ้วิชญ์” เขากัดฟันเรียกชื่อน้องชาย กรวิชญ์ถอยออกมาโค้งให้เขา

“ตัวจริงเสียงจริงเลยครับ คุณพี่”

เบญญาภาส่งยิ้มทักทายเขา ส่วนอนัญญาก็ตีหน้าหงิกใส่ “มาช้าจังวิชญ์”

“โทษที...โทษที วิชญ์มัวแต่งหล่ออยู่น่ะ”

“นี่หล่อแล้ว ถ้าแต่งแล้วหล่อได้แค่นี้แกไปเกิดใหม่เหอะ” กรวีร์กัดน้องเจ็บๆ จนอีกฝ่ายหันมามองค้อน

“แล้วนี่แกมาทำไม มีนัดกับเพื่อนไม่ใช่เหรอ” เขาถามเสียงขุ่น

“ก็นี่ไง...มาตามนัดแล้ว เนอะ น้องเบญ” กรวิชญ์หันไปพยักเพยิดกับเบญญาภาที่ยิ้มรับ กรวีร์อึ้งในที่สุดลางสังหรณ์เขาก็เป็นจริง แต่งยังทำใจให้เชื่อไม่ได้ ต้องถามเพื่อความมั่นใจ

“น้องเบญนัดกับไอ้วิชญ์ไว้ด้วยเหรอครับ”

“ค่ะ...คนเยอะๆสนุกดีออก” บอกหน้าซื่อ แต่ดวงตานั่นพราวระริกอย่างสนุกสนาน
สนุกมาก...ชายหนุ่มกลอกตาอยากจะคว้าเอาร่างน้องชายมากระแทกเขาให้หักครึ่งแล้วโยนลงคูน้ำเน่าที่ไหนสักแห่ง ส่วนเบญญาภานั่นอย่าให้ถึงทีเขานะ จะจับมาจูบ จูบ จูบให้ระทวยไม่มีแรงมาแกล้งเขาแบบนี้แน่ ฮึ่ม!

ชายหนุ่มคิดอย่างดุดัน ก่อนจะเปิดประตูรถด้านข้างคนขับให้เบญญาภาและประตูหลังฝั่งเดียวกันให้อนัญญา หลังจากนั้นก็เดินผ่านหน้าน้องชายไปยังที่นั่งคนขับเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตน กรวิชญ์ยิ้มมุมปาก หันไปส่งสัญญาณบางอย่างให้เพื่อนสาว


กรวีร์ขึ้นนั่งประจำที่คนขับดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด หันมามองที่นั่งด้านข้างคนขับซึ่งเบญญาภานั่งอยู่ ส่งยิ้มให้พร้อมสายตาหวานเชื่อมแบบไม่เกรงใจคนนั่งหลัง แล้วร่างสูงก็ต้องยิ้มค้างตาเหลือกเมื่อคนที่ยิ้มกลับมาไม่ใช่หญิงสาว

กรวิชญ์ยักคิ้วทักทายพี่ชาย ก่อนจะนั่งผิวปากทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ยกนิ้วโป้งชี้ไปทางเบาะหลังของรถ กรวีร์หันไปมองตามนั้นก็ต้องอึ้ง...มีผู้โดยสารสองคนบนนั้น อนัญญาและเบญญาภา...เฮ้ย...ไหงเป็นงี้ล่ะ

“แกมานั่งนี่ได้ไง...ไอ้วิชญ์” เขาถามน้องเสียงห้วน ตาขวาง กรวิชญ์ฉีกยิ้มส่งไปให้
“ก็น้องเบญบอกว่าไม่อยากนั่งหน้านี่ อยากนั่งข้างหลังกับอัญญ่า ผมเลยต้องสละเรือแล้วพี่จะให้ผมไปนั่งเบียดกับสองสาวก็คงไม่ดีใช่ป่ะ”เขาพยักหน้าสนับสนุนความคิดตนเอง แบบที่กรวีร์อยากจะจับคอขาวของน้องชายหมุนให้หลุดไปเลย

แต่ดูเหมือนคนจะคอหลุดยังไม่รู้ตัว ยังคงสาธยายต่อไป

“...อีกอย่างนะพี่วีร์ ขืนนั่งหลังกันหมดเขาจะได้คิดว่าพี่วีร์คือคนขับรถน่ะสิ เอ๊ะ...หรือพี่วีร์อยากเป็น...งั้นเดี๋ยวผมลงไปนั่งข้างหลังก็ได้”

“ไม่ต้องเลยไอ้น้อง(เวร)ชาย นั่งนี่แหละ” เขาห้ามเจ้าตัวดีไว้ ก่อนจะสบตากับเบญญาภาผ่านทางกระจกมองหลัง ชายหนุ่มฉีกยิ้มส่งให้อย่าไม่ผิดตัวแล้วบอก

“น้องเบญอยากนั่งตรงไหนตามสบายเลยครับ...วันนี้พี่วีร์ยินดีเป็นสารถีให้น้องเบญเอง”

“อ้วก!...”

ชายหนุ่มพยายามนับหนึ่งถึงสิบเพื่อข่มความอยากฆ่าคนเอาไว้ เขาเข้าเกียร์เดินหน้าออกรถไปสักพัก ร่างสูงก็แสยะยิ้มชั่วร้ายแล้วเหยียบเบรกอย่างแรงจนกรวิชญ์ที่ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัยหัวทิ่มไปกับคอนโซลหน้ารถอย่างแรงจนร้องโอย ส่วนเบญญาภากับอนัญญาแค่ตกใจเล็กน้อย ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร

เขารีบหันไปมองหญิงสาวสองคนที่เบาะหลัง แล้วบอกเสียงร้อนรน

“พี่ขอโทษครับสาวๆ เผอิญว่ามันมีหมา....”เขาลากเสียงยาวพร้อมหันไปมองน้องชายที่เอามือกุมหน้าผาก น้ำตาซึม ตาขวาง แล้วต่อจนจบประโยค “...วิ่งตัดหน้า”

“ไม่เป็นไรค่ะ...แต่คราวหน้าระวังหน่อยแล้วกัน ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวบนรถ” เบญญาภาติงเสียงเรียบ ส่วนอนัญญาก็แอบชะเง้อมองกรวิชญ์อย่างเป็นห่วง

กรวีร์รับคำยิ้มๆ “ครับ...น้องเบญ คราวหน้าพี่วีร์จะเบรกให้เนียนกว่านี้”

ยังจะมีคราวหน้า...กรวิชญ์คิดว่าควรจะหาถุงลมนิรภัยมาติดไว้กับตัวเสียแล้ว ถ้าริจะเป็นมารผจญชีวิตรักพี่ชายต่อไป...
---------------------------------------------------------------------------------------
แหมๆ ตอนนี้เอาเป็นว่าพลัดกันแพ้ พลัดกันชนะไปก่อนนะ ไว้ตอนหน้าค่อยจุดพลุฉลองชัยชนะของน้องเบญกับพ้องเพื่อนกัน โฮะๆ

ถ้าอ่านแล้วบางช่วงไม่ขำไรเตอร์ต้องขออภัยไว้ด้วย เพราะตอนแต่งนี้ดันฟังเพลงเศร้ามันเลยหาความฮาไม่ค่อยจะได้ ไว้ตอนหน้าจะจัดความฮามาให้

เจอกันตอนหน้าค่ะ ติชมได้จ้า จุ๊บๆ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ค. 2555, 15:14:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ค. 2555, 15:18:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1701





<< ตอนที่ 9   ตอนที่ 11 >>
anOO 5 พ.ค. 2555, 17:46:48 น.
มารอจุดพลุฉลองชัยชนะในตอนหน้าค่ะ


Pat 5 พ.ค. 2555, 18:34:46 น.
รอน้องเบญกับน้องวิชญ์เอาคืน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account