จับใจไว้ด้วยรัก
เรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มฉายา เจ้าชู้หลบใน กับหญิงสาวที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะปั่นป่วนเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตามตื้อ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยวิ่งหนี เขาจะทำให้เธอหันมามองและเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตได้ไหม ติดตามได้ใน 'จับใจไว้ด้วยรัก'
Tags: หวาน,น่ารัก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 11

ตอนที่ 10

ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงทั้งหมดก็เดินทางมาถึงร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร กรวีร์เดินนำเข้าไปภายในร้านบอกกับบริกรหนุ่มที่มาช่วยนำไปยังโต๊ะที่จองว่าขอเพิ่มเก้าอี้เนื่องจากมีคนมาเพิ่ม บริกรหนุ่มรับคำพร้อมกับบอกให้คอยสักครู่เพื่อไปจัดการกับโต๊ะใหม่ รอไม่นานทั้งหมดก็ได้มานั่งที่โต๊ะริมกระจกด้านในสุดของร้าน ที่ไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไหร่นัก

กรวีร์และกรวิชญ์ทำหน้าที่สุภาพบุรุษด้วยการเลื่อนเก้าอี้ให้สองสาว กรวีร์ส่งยิ้มเยาะให้น้องชายภายหลังจากที่เขาแย่งหน้าที่เลื่อนเก้าอี้ให้เบญญาภาได้ กรวิชญ์หัวเราะหึหึไม่ว่าอะไรจัดแจงเลื่อนเก้าอี้ให้เพื่อนสาวอีกคนแทนแต่โดยดี ก่อนทั้งคู่จะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม กรวีร์รับเมนูอาหารจากบริกรเช่นเดียวกับคนอื่นๆ เงยหน้าคนมาส่งยิ้มให้สองสาวแต่ยิ้มกว้างที่สุดส่งให้กับเบญญาภาคนเดียว

“อยากจะทานอะไรสั่งได้ตามสบายเลยนะครับ วันนี้พี่ของเลี้ยงขอโทษน้องเบญ”

เบญญาภาจ้องหน้าเขานิ่ง ก่อนจะแกล้งย้อนถาม “สั่งได้ตามสบายจริงนะคะ”

“แน่นอนครับ” เขายิ้ม เบญญาภายิ้มมุมปากเหลือบมองไปทางเพื่อนสาวแล้วขยิบตาส่งสัญญาณ ซึ่งอนัญญาก็พยักหน้าเบาๆเป็นเชิงว่ารับรู้ กรวิชญ์ที่ได้รับสัญญาณเช่นเดียวกันก็ยิ้มกริ่ม หลังจากนั้นทั้งสามก็เริ่มลงมือ ‘ล้างแค้น’

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันก็ไม่เกรงใจนะคะ...”หญิงสาวบอกกับเขาเสียงเรียบ หันไปส่งยิ้มให้บริกรหนุ่มที่ปราดเข้ามารับออเดอร์ แล้วเริ่มต้นสั่ง “งั้นขออกเป็ดราดซอสส้ม ฟัวกรา คาร์เวียร์ ซีซาร์สลัด Lobster Bisque แล้วก็ ซูเฟล่เนยแข็งซอสปูนะคะ” ปิดเมนูลงหันมายิ้มให้กรวีร์ที่นั่งอึ้ง

“ของดิฉันเท่านี้ก่อนค่ะ”

“เอ่อ ที่น้องเบญสั่งมานี่ของน้องเบญคนเดียวเหรอครับ” ชายหนุ่มถามเสียงเบาหวิว

“ค่ะ”

“พี่ขอโทษนะครับ น้องเบญ เอ่อ ทานหมดเหรอครับ”

“เรื่องของกินดิฉันไม่เคยปล่อยให้เหลือแน่นอนค่ะ ว่างใจได้” บอกยิ้มๆ ซ่อนแววตาสะใจเอาไว้ หันไปหาเพื่อนทั้งสอง “วิชญ์ อันย่า สั่งสิ เดี๋ยวอาหารก็มาช้าหรอก”

กรวิชญ์พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้สุดกำลัง นี่ถ้าไม่กลัวพี่ชายจะรู้ว่าเป็นแผนการล้างแค้นล่ะก็ เขาจะเอามือทุบโต๊ะด้วยความสะใจเลยทีเดียว ชายหนุ่มกระแอมไอไล่เสียงหัวเราะออกไปแล้วเริ่มลงมือสั่งบ้าง

“งั้นของวิชญ์นะ ขอ...อืม...สตูว์ลิ้น ฟัวกรานี่เพิ่มเป็นสองนะครับจากเมื่อกี้ แล้วก็ซี่โครงแกะย่าง ซุปกุ้ง ขนมปังกระเทียม บลา บลา บลา” กรวีร์หันขวับไปจ้องน้องชายตัวเองแบบที่ว่าหากอยู่กันสองคนกรวิชญ์คงโดนหักคอแล้วโยนทิ้งไว้ข้างถนนก็เป็นไปได้ กรวิชญ์ปิดเมนูฉับเป็นการบอกว่าของตนพอแล้ว

จากนั้นอนัญญาก็เริ่มต้นสั่งของตนเองบ้างแต่ด้วยความที่เกรงใจและเห็นว่ากรวิชญ์สั่งไปเสียเยอะ เยอะกว่าที่เบญญาภาสั่งเสียอีกเธอเลยสั่งแค่สามอย่างแต่ก็ราคาแพงให้สมกับที่เตี๊ยมกันมา กรวีร์แอบเป่าปากนึกขอบคุณอนัญญาที่ยังมีเมตตาสั่งแค่ไม่กี่อย่าง แต่พอเขาก้มลงมองราคาของเมนูที่อนัญญาสั่งเขาก็แทบจะถอนคำพูด แต่ละอย่างหลักพันอัพ

“คุณกรวีร์ไม่สั่งเหรอคะ” เบญญาภาถาม กรวีร์เงยหน้ามาส่งยิ้ม

“สั่งสิครับ...เอาสาปเกตตี้ซอสหมึกดำนะ แล้วก็สเต็กปลาแซลมอนกับซุปหัวหอม แค่นี้ละกัน อ้อ...”เขาหันกลับมามองทุกคนเมื่อเห็นว่ายังไม่มีใครสั่งเครื่องดื่มอะไร “...จะดื่มอะไรกันดีครับ ค็อกเทล เบียร์หรือว่าไวน์”

เบญญาภาแกล้งส่งสายตาปรึกษาเพื่อนทั้งสองพอเป็นพิธี ก่อนบอกออกไปให้กรวีร์ได้อ้าปากค้าง บริกรหนุ่มก็เลิกคิ้วพิจารณาลูกค้าคนสวยที่ดูตัวเล็กแต่กินจุจริงจัง

“ไวน์แล้วกันค่ะ แต่...คนละขวดนะคะ เอาเป็นไวน์แดงสองขวด ไวน์ขาวหนึ่ง แล้วคุณกรวีร์ล่ะคะจะดื่มอะไร”

“เอ่อ คือ พี่ดื่มไวน์ขาวกับเจ้าวิชญ์แล้วกันจ้ะ” เขารีบบอก กรวิชญ์แกล้งโวยวาย

“ได้ไงอ่ะ ไวน์ขาวเนี่ยของผมคนเดียว ไม่ให้พี่กินหรอกเดี๋ยวผมไม่พอ พี่ก็ต่างหากสิ งั้นเอาไวน์ขาวเพิ่ม...” ยังไม่ทันจบคำ กรวีร์ก็แทรกเสียงเข้ม “ไม่ต้องจดน้อง!”

เขากระแอมไอ ไม่ให้รู้สึกเสียหน้าก่อนจะสั่ง “ของผมเอาเบียร์สดมาเหยือกก็พอ แค่นี้แหละ”บริกรหนุ่มรับคำ ทวนรายการอาหารที่ยาวเป็นหางว่าวก่อนจะถอยออกไปส่งรายการอาหารให้ในครัว ระหว่างที่รออาหารกรวิชญ์ก็ชวนสองสาวคุยถึงเรื่องของหวานหลังจากนี้ ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับกลับมาอย่างตื่นเต้นเพราะทั้งคู่ชอบทานขนมหวานอยู่แล้วเป็นทุน

กรวีร์ที่นั่งฟังอยู่แอบลอบกลืนน้ำลาย คิดคำนวณค่าอาหารมื้อนี้แล้วก็เหมือนเห็นลางมรณะมาแต่ไกล แค่ไวน์สามขวดก็หลายหมื่นแล้วยังไม่รวมค่าอาหารที่สั่งและค่าขนมหวานในอนาคตอีก คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อคิดถึงเรื่องวงเงินในบัตรแต่ละใบ ด้วยไม่แน่ใจว่าเขาใช้ไปมากน้อยแต่ไหนแล้ว ว่าแล้วชายหนุ่มก็ผุดลุกเรียกให้สายตาสามคู่ของคนร่วมโต๊ะหันไปมองอย่างแปลกใจ

“เอ่อ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” เขาบอกกับเบญญาภาที่พยักหน้ารับนิ่ง ร่างสูงลุกขึ้นตรงไปยังห้องน้ำ มือหนาควักเอาโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปยังเลขาหนุ่มที่กำลังทานข้าวเย็นอยู่บ้าน ถามออกไป

“วีรพัชร...นายจ่ายค่าบัตรเครดิตให้ฉันเรียบร้อยทุกใบแล้วใช่ไหม”


เบญญาภาชะเง้อมองคนที่เดินไปเข้าห้องน้ำอย่างรีบเร่ง แอบกังวลเหมือนกันว่าแกล้งแรงไปไหมเพราเธอลอบสังเกตสีหน้าของเขาตอนที่ได้ยินบริกรหนุ่มทวนรายการอาหารนั้นซีดแบบไร้สีเลือด

“นี่...วิชญ์เราแกล้งเขาแรงไปไหม มื้อนี้ดูๆแล้วคงหมดตัวแน่”

“ไม่แรงเลยเบญ...อย่างพี่วีร์อ่ะ แค่นี้ขนหน้าแข้งเพิ่งร่วงไปเส้นเดียวเอง อย่าคิดมาก เท่าที่เราเคยเห็นมานะ พี่วีร์โดนเบญแกล้งเบาสุดแล้ว” ไม่พอกรวิชญ์ยังพยักหน้ายืนยันความคิดตัวเองอีกด้วย เบญญาภาเอานิ้วชี้เกาแก้มเขินๆ

“ก็ยังไงดีล่ะ เบญเกรงใจคุณป้าน่ะ”

กรวิชญ์มองอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “นี่เกรงใจแล้ว?” ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางพยักหน้าอย่างแรงของเพื่อน เขาหันไปมองคู่กัดสาวที่นั่งนิ่ง หน้าตาคร่ำเครียดไม่เข้าร่วมวงสนทนาเมื่อครู่

“เป็นอะไรไปยายเตี้ย นี่ชวนมากินข้าวนะ ไม่ได้ชวนมาทำข้อสอบ หน้าเครียดจัง เดี๋ยวก็แก่ไวหรอก เตี้ยด้วยแก่ด้วยนี่ไม่ไหวจะเคลียร์นะ”

อนัญญาถลึงตาใส่คนปากเสีย แล้วบอกเบญญาภาเสียงอ่อย “อันย่าแค่เสียดายเงินแทนพี่วีร์น่ะ วันนี้ที่สั่งไปเป็นเงินจำนวนที่อันย่าต้องเก็บตั้งหลายเดือนกว่าจะได้”

เบญญาภากับกรวิชญ์ถึงกับสะอึกไปต่อไม่ถูก ลืมไปว่าอนัญญานั้นไม่ได้มาจากครอบครัวที่มีฐานะอย่างพวกตน ครอบครัวของหญิงสาวค่อนไปทางที่เรียกได้ว่ายากจน แม่เป็นแม่ค้าขนมหวานทำส่งตามร้าน พ่อทิ้งไปเพราะทนความลำบากและจำนวนลูกที่มากถึงห้าคนไม่ได้

ทำให้อนัญญาที่เป็นลูกคนโตและเพิ่งอายุสิบเจ็ดต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการหาเงินเข้าบ้านและพอเริ่มทำงานก็รับช่วงจากแม่ส่งเสียน้องๆให้เรียนต่อ หญิงสาวจึงค่อนข้างที่จะเห็นคุณค่าของเงินมากกว่าพวกเธอที่ได้มาง่ายๆ แม้ว่าทั้งเธอและกรวิชญ์จะไม่ใช่พวกที่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายแต่ก็ไม่ได้เรียกว่าประหยัดเท่าไหร่

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้ยินก็ไม่ต่างอะไรจากการที่อนัญญาเอาไม้หน้าสามตีเข้ากลางแสกหน้าของพวกตน เบญญาภาหน้าจ๋อย “เบญขอโทษนะอันย่า ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้รู้สึกไม่ดี แค่อยากแกล้งพี่วีร์ก็เท่านั้น”

“ฉันก็ขอโทษด้วยนะยายเตี้ย”

“ขอโทษทำไม อันย่าแค่พูดตามประสาคนงกก็เท่านั้น อย่าคิดมากน่า” อนัญญาโบกไม้โบกมือให้วุ่น พอเห็นว่าเพื่อนทั้งสองยังหน้าเจื่อนอยู่ก็รีบบอก

“ไม่เอาสิ อันย่าตอบตกลงจะมาช่วยเบญรุมสกรัมพี่วีร์เองไม่ใช่เหรอ ก็แปลว่าอันย่าไม่คิดอะไรมาก เอาแค่สนุกๆ อีกอย่างไม่ใช่เงินอันย่านี่นา ถ้าเป็นเงินอันย่าสิจะหยิกให้เนื้อเขียวทั้งคู่แล้วก็ให้มาช่วยงานใช้หนี้เสียเลย” บอกทีเล่นทีจริง ส่งยิ้มกว้างไปให้เป็นการยืนยัน ก่อนจะหัวเราะออกมาทำให้อีกสองคนพลอยหัวเราะตามไปด้วย

“งั้นมีตติ้งหน้าวิชญ์เลี้ยงนะ” หนุ่มหน้าหวานยิ้มบอกดวงตาคมมองตรงไปที่อนัญญา หญิงสาวชะงักยิ้มเสมองไปทางอื่น

“ก็ต้องงั้น คราวก่อนอันย่าเลี้ยงไปแล้ว”

“จ้าๆ”

เบญญาภามองเพื่อนทั้งสองสลับกันอย่างพอใจ แม้กรวิชญ์จะไม่ได้แสดงทีท่าอะไรเกินไปกว่าที่เคยแสดงออกเวลาอยู่กันในกลุ่มเพื่อนแต่ไอ้ที่ไม่หาเรื่องทะเลาะกันอนัญญาแล้วนี่ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะทำให้อนัญญาสมหวังและทำให้กรวิชญ์หลุดพ้นจากบ่วงแห่งทุกข์ที่เรียกว่ารักข้างเดียวมานานเสียที เธอหมายมั่นไว้แล้วว่าจะทำให้ทั้งคู่รักกันให้ได้


อาหารทั้งหมดทยอยลำเลียงมาหลังจากที่กรวีร์กลับมาจากห้องน้ำได้ไม่นาน แต่ว่าทั้งสามที่อยู่โยงกับโต๊ะดื่มไวน์ไปกันแล้วคนละสองแก้ว แถมยังมีความสนุกกับการคุยกันเอง โดยเฉพาะเบญญาภาที่ทำราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน เขาจิบเบียร์เย็นช่ำเงียบๆคอยฟังบทสนทนาของทั้งสามอย่างเก็บข้อมูล เขาต้องการข้อมูลของหญิงสาวเพิ่มเติมจะได้หาทางกินหัวกินหางได้ง่ายขึ้น วันนี้บอกตรงๆยอมแพ้ให้ก่อนดีกว่า

“แล้วก็นะ...จำได้รึเปล่าว่าตอนปีสาม เปรมตามจีบวิชญ์อยู่ตั้งนาน เพราะเข้าใจว่าวิชญ์เป็นผู้หญิง” เบญญาภาพูดกลั้วหัวเราะ ในขณะที่เจ้าของเรื่องทำท่าขนลุกจนพอง ส่วนอนัญญาก็หัวเราะก๊าก

“ไอ้บ้านั่นก็งี่เง่า มองยังไงเห็นวิชญ์เป็นผู้หญิง เรารึออกจะแมน ดูสิ กล้ามเป็นมัดๆ” ว่าแล้วก็เบ่งกล้ามแขนลีบๆอวด

“จ้า...แมนสุดๆ ตัวผอมเป็นกุ้งแห้งอย่างงี้ ยังจะกล้าอวด” อนัญญาทับถม ทำเอาคนโดนว่าเป็นกุ้งค้อนตาคว่ำ แล้วนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หรี่ตามองคูรกัดสาสวอย่างเจ้าเล่ห์อนัญญาเห็นสายตานั้นแล้วก็รู้สึกสังหรณ์ใจ ท่าทางงานจะเข้าเราแฮะ

“นี่ๆเบญจำได้ป่ะ ตอนปีสองอ่ะ ใครบางคนโดนโยนลูกบาสใส่กระเด็นตกบ่อปลาไปเลย ตอนวิชญ์เดินไปเห็นนะนึกว่านางผีเสื้อสมุทร”

“ไอ้โย่ง!” อนัญญาร้องลั่น มองหน้าเขาที่ยิ้มกวนส่งมาให้กัดฟันกรอด เบญญาภาเห็นท่าไม่ดีกลัวจะเกิดศึกกลางร้านอาหารหรูรีบเปลี่ยนเรื่อง

“วิชญ์จำตอนนี้ได้ไหม ตอนประกวดนางนพมาศของคณะอ่ะ” กรวิชญ์นิ่งคิด พูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

“ที่เบญไม่สบายประกวดไม่ได้รุ่นพี่เลยจับยายม้าดีดกะโหลกนี่...”ชี้นิ้วไปทางอนัญญา ที่กำลังใช้มีดตัดล็อบสเตอร์อยู่ “...ประกวดแทนใช่ไหม”

“นั่นแหละๆ วิชญืว่าอันย่าสวยไหม” หญิงสาวถามยิ้มๆ หางตาเห็นว่าอนัญญาทำส้อมร่วงลงพื้นจนกรวีร์ต้องขออันใหม่ให้ อนัญญาส่งยิ้มขอบคุณให้บริกรหนุ่มก้มหน้าทานอาหารในจานต่อไป แต่อดลุ้นไม่ได้ว่าเขาจะตอบอะไร กรวีร์เริ่มจับสังเกตอะไรบางอย่างได้แล้ว ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเอง ‘น้องเบญนี่สงสัยจะอยากเป็นกามเทพ’

กรวิชญ์ส่ายหน้า ส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้ “ไม่รู้สิเบญ ตอนนั้นวิชญ์ไม่ได้ดูคนอื่นเลยอ่ะ นอกจาก...” เขาเงียบไป ดูอึดอัดใจที่พูดว่ากำลังดูใครออกมา แต่ว่าเบญญาภาและอนัญญานั้นรู้ดีว่าใครคือคนที่กรวิชญ์คอยดูอยู่ในตอนนั้น คนเริ่มเรื่องเงียบไปรับรู้แล้วว่าตนได้ไปกวนตะกอนที่นอนก้นแล้วให้ขุ่นขึ้นมาอีก

ส่วนอนัญญาก็หลุบตาลงเก็บซ่อนความขมขื่น พยายามกระพริบตาไล่เอาหยดน้ำที่ก่อตัวออกไป แล้วทานอาหารตามเดิมไม่ให้ใครได้เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น แต่มีหรือที่กรวีร์ซึ่งนั่งตรงกันข้ามจะดูไม่ออก เขาหันไปมองทางน้องชายที่นั่งเหม่อมองออกไปด้านนอก ดวงตาแฝงความเจ็บปวดอย่างที่เคยเห็นเมื่อหลายวันก่อน มองไปทางน้องเบญคนสวยก็เห็นสีหน้าลำบากใจ

‘ใครกันที่ทำให้ไอ้วิชญ์ซึมได้’ ชายหนุ่มตั้งคำถามกับตัวเองในใจ อยากจะรู้จริงๆว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่ที่เขารู้แน่ก็คือเธอคนนั้นคงเป็นคนที่เบญญาภาและอนัญญารู้จักด้วยเช่นกัน

“เอ้า...แล้วนั่งนิ่งกันอยู่ทำไม ลงมือสิคร้าบลงมือ เห็นไหมเนี่ยว่ายายเตี้ย เอ๊ย...ยายอันย่าน่ะหมดไปแล้วสองจานนะคร้าบ” ทั้งโต๊ะสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์เมื่อเสียงร่าเริงของกรวิชญ์ดังขึ้น ยกเว้นอนัญญาที่ไม่สนใจใครจัดการกับอาหารตรงหน้า

กรวีร์มองคนที่สร้างบรรยากาศอึมครึมเมื่อครู่ก็เห็นว่าหญิงสาวกำลังมองท่าทางที่เปลี่ยนไปของกรวิชญ์สลับกับอนัญญาด้วยสายตาแน่วแน่ เขายิ้มนิด รู้แล้วว่าจะหาทางเข้าใกล้เบญญาภาได้ยังไง นอกจากนั้นหากเขาใช้เรื่องที่คิดนี้เป็นจุดร่วมได้ล่ะก็...

‘หึหึ..เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว...ได้จู๋จี๋กับน้องเบญคนสวยล่ะหนึ่ง...’ จ้องหญิงสาวอย่างเจ้าเล่ห์ ผินหน้าไปทางน้องชายที่เริ่มเข้าสู่โหมดแข่งกินแหลกกับอนัญญา ‘...ช่วยไอ้วิชญ์ให้พ้นทุกข์ล่ะสอง กำไรเนาะๆ’

ร่างสูงผิวปากอย่างอารมณ์ดีกับความคิดของตน หยิบมีดกับส้อมขึ้นมาจัดการกับสเต็กปลาแซลมอนตรงหน้า เช่นเดียวกับเบญญาภาที่กำลังใช้ส้อมตักคาร์เวียร์เข้าปากสลับกับจิบไวน์แดงไปด้วย คราวนี้เขาเป็นฝ่ายชวนสนทนากับทุกคนบนโต๊ะ แม้เบญญาภาจะยังถามคำตอบคำกับเขาแต่ว่า...บรรยากาศก็กลับมาเฮฮาอีกครั้ง

จนกระทั่งถึงเวลาที่สามเกลอรอคอย...เช็กบิล!

“ทั้งหมด ห้าหมื่นห้าพันหกร้อยสี่สิบเก้าบาทถ้วนครับ”

“ห๊า...ห้าหมื่น!”กรวีร์ร้องลั่น ร่างสูงที่กำลังลุกขึ้นเพื่อหยิบกระเป๋าสตางค์คล้ายกับว่าจะเข่าอ่อน ใบหน้าคมคายซีดเผือด ยิ้มแหยไปให้โต๊ะข้างเคียงที่สะดุ้งเฮือกเพราะเสียงของเขา ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง แต่ก็รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายหยิบเอาบัตรแข็งใบเล็กสีดำส่งให้บริกรหนุ่มที่ยืนรออย่างสงบมือไม้สั่น

กรวิชญ์ เบญญาภาและอนัญญาพยายามกลั้นหัวเราะหน้าแดง หนุ่มหน้าหวานนั้นถึงขั้นน้ำตาไหลพราก เอามือตบไหล่พี่ชายแล้วบอกอย่างเห็นใจ

“เอาน่าพี่ แค่เนี่ยจิ๊บๆ”

‘จิ๊บบ้านแกสิ’ กรวีร์ได้แต่กู่ร้องในใจ ตั้งแต่เกิดมาจนอายุปูนนี้ จีบสาวมาก็มาก ฟันแล้วทิ้งก็แยะ แต่ไม่เคยมีคนไหนที่เขาต้องจ่ายค่าอาหารให้ถึงครึ่งแสนอย่างนี้ แอ้มรึก็ไม่ได้แอ้ม ขาดทุนจริงๆโว้ย...ไอ้วีร์!

ไม่ได้การล่ะ ยังไงเขาก็ไม่ยอมขาดทุนแน่ รอก่อนเถอะ ขอกลับไปปั๊มเงิน เอ๊ย ตั้งหลักก่อน ยกหน้าเขาต้องชนะ จะต้องทำลายแก๊งค์นี้ลงให้ได้ เขาสาบาน!! ระหว่างที่กรวีร์กำลังสาบานกับตัวเองนั้น กรวิชญ์ก็หันไปหาบริกรแล้วสั่งอาหารเพิ่มใส่ถุงอีกสองสามอย่าง มองไปทางพี่ชายที่จ้องหน้าเขาตาแทบถลนก็บอกให้เบาใจ “อันนี้ผมจ่ายเอง”

กรวีร์พ่มลมดังฟู่...รอดตัวไปไอ้วีร์


“เอ้านี่...” กรวิชญ์เลือนกระจกที่นั่งข้างคนขับลงมือเรียวส่งถุงพลาสติกใบใหญ่สองถุงให้กับอนัญญาที่มองของในมืออีกฝ่ายงงๆ หลังจากที่เขาขับรถพาทั้งสองมาส่งที่หน้าบ้านของเบญญาภาและกำลังรอให้สาวใช้มาเปิดประตูให้ทั้งสอง

“อะไรอ่ะ” หญิงสาวถามกลับยังไม่กล้ารับมา หนุ่มหน้าหวานส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ

“ก็อาหารไงที่สั่งไปหลังสุดอ่ะ”

“แล้วเอามาให้ฉันทำไม นายสั่งนายก็เอาไปสิ” ดันถุงกลับอีกต่างหาก กรวิชญ์กลอกตา...ทำไมผู้หญิงต้องถามอะไรที่มันไร้สาระด้วยนะ...คนหล่อไม่เก็ทเลย

“สั่งให้เธอนั่นแหละยายเตี้ย แช่ตู้เย็นไว้ก่อน แล้วพรุ่งนี้ก็เอากลับบ้าน...” จัดแจงคว้ามืออีกฝ่ายมาแล้วเอาถุงพลาสติกคล้องลงไป “...ไปฝากแม่เธอกับเจ้าพวกนั้น บอกจากพี่วิชญ์สุดหล่อ” เขาหมายถึงน้องสาวน้องชายวัยรุ่นของอนัญญาที่ค่อนข้างคุ้นเคยเพราะสมัยก่อนก็ไปเที่ยวเล่นที่บ้านของเธอบ่อยๆ ช่วยสอนการบ้าน เตะฟุตบอลกับเจ้าพวกนั้น นี่ก็ไม่ได้เจอกันนานแล้ว เห็นทีต้องไปชวนเตะบอลสักหน่อย

อนัญญามองของในมืออึ้ง เงยหน้ามองเขาอย่างซึ้งใจและดีใจไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มจะยังไม่ลืมครอบครัวของเธอ ทั้งที่ไม่ได้เจอกันนานนับแต่เบญญาภาไปเรียนต่อ ร่างเล็กบอกขอบคุณตะกุกตะกักเพราะเขิน

“ข...ขอบใจนะ นายโย่ง”

“อือ...เพื่อนกันนี่”

จะเจ็บก็ตรงนี้แหละ...อนัญญาเซ็ง รู้อยู่หรอกว่าสำหรับเธอเขาเห็นเป็นแค่เพื่อน แต่ไม่ต้องพูดออกมาตรงๆก็ได้ มันแปล็บในใจ

เสียงประตูเปิดดังขึ้นเบื้องหลัง พอหันไปดูก็พบว่าสาวใช้ของเพื่อนเปิดประตูให้แล้ว สองสาวยกมือไหว้คนพี่โบกมือลาคนน้องแล้วเดินกลับเข้าบ้านไป ส่วยสองหนุ่มพอเห็นว่าทั้งคู่เข้าบ้านเรียบร้อยแล้ว กรวีร์ก็ออกรถกลับไปยังบ้านของตนที่อยู่แค่...กำแพงกั้น

เบญญาภามองเพื่อนที่อมยิ้มมีความสุขขณะมองถุงในมืออย่างดีใจด้วย หญิงสาววางมือบนไหล่บีบเบาๆ พยักเพยิดไปทางถุงอาหารแล้วบอก “เบญว่า...เจ้าเนี่ยคือจุดเริ่มต้นที่ดีนะอันย่า สู้สู้”

อนัญญากอดเพื่อนแน่น “อืม...ขอบใจนะเบญ”


กรวิชญ์เดินนำหน้าพี่ชายเข้าบ้านอย่างอารมณ์ สายตามองหามารดาแล้วก็พบว่าคุณมีนากลับมาแล้วและก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งอ่านนิยายเล่มใหม่อยู่ที่ห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มเปลี่ยนทิศทางกะทันหันพุ่งตรงไปหามารดาทำเอาคนที่เดินตามมาถึงกับงง แต่พอเห็นว่าน้องเข้าไปหาใครก็รีบจ้ำตามกลัวว่าอีกฝ่ายจะเอาเรื่องขายหน้าของเขาวันนี้ไปขยายให้คุณแม่ที่เคารพฟัง...นั่นไง...แล้วคิดผิดที่ไหน

กรวีร์ส่ายหน้าเดินไปนั่งฟังน้องชายโม้อย่างเมามัน โดยมีคุณมีนานั่งหัวเราะชอบใจตลอดเวลาไม่สนใจว่าหน้าเขาจะหงิกแค่ไหน พอจบเรื่องเล่าเขาถึงได้มีโอกาสพูด

“ไงครับ...ฟังเรื่องโกหกของไอ้ตัวดีจบยัง ผมจะได้เล่าของผมบ้าง”

“โกหกตรงไหน...”ไอ้ตัวดีแย้ง หันไปมองแม่หน้าตาซื้อ ซื่อ “...พี่วีร์งี้หน้าซีด ปากสั่น มือไม้อ่อนเลยนะแม่ตอนที่บ๋อยเอาบิลมาให้ดู”

“จะไม่ให้ซีดได้ไงล่ะไอ้วิชญ์ ไปแค่สี่คน เช็กบิลออกมาทีอย่างกับเลี้ยงทั้งหมู่บ้าน”

“ก็พี่วีร์บอกเองว่าตามสบาย ที่สั่งวันนี้นี่แหละตามสบายของพวกผม”

“ไอ้กะล่อน แกนะแก แทนที่จะช่วยฉัน ดันรวมหัวกับน้องเบญแกล้งฉันกลับซะงั้น”

“ช่วยไม่ได้...”ยักไหล่ พลิกตัวลงนอนหนุนตักคุณมีนา ให้พี่ชายอิจฉาเล่น “...พี่เล่นไม่ซื่อก่อน จะหลีหญิงมันก็ต้องใช้ความสามารถของตัวเองสิ นี่อะไรยืมมือแม่เฉยเลยอ่ะ น่ารังเกียจ”

กรวีร์มองคนที่ทำตัวเป็นเด็กอย่างหมั่นไส้แกมอิจฉานิดๆ เขาเองก็อยากจะทำอย่างน้องบ้าง ติดที่ว่าหากทำแล้วคงดูไม่จืด “แกไม่เคยได้ยินรึไง ‘จีบผู้หญิงต้องอิงผู้ใหญ่’”

“ของเก่าเต่าล้านปี...มันใช้ไม่ได้กับผู้หญิงทุกคนหรอกนะคุณพี่ น้องเบญนี่ล่ะคนหนึ่ง ไงล่ะเจอมื้อนี้เข้าไปถึงกับทัพแตกพ่ายถอยไม่เป็นกระบวนเชียว” หนุ่มหน้าหวานเงยหน้าหัวเราะคิกคักกับมารดาที่มองไปทางลูกชายคนโตอย่างสะใจแต่ก็อดสงสารไม่ได้

“เอาน่าพ่อวีร์ เดี๋ยวอัฐที่จ่ายไปมื้อนี้ คุณหญิงแม่ออกให้ก็ได้ ถือเสียว่าไถ่โทษที่ไม่ได้บอกแม่หญิงเบญญาภาว่าให้ไปกับพ่อวีร์แค่สองคน”

“หมดเลยเหรอครับ?” เขาลองหยั่งเชิงดู

“เง้อ...หนึ่งส่วนสี่จ๊ะพ่อวีร์ คุณหญิงแม่ปลดเกษียณแล้ว เงินทองก็ร่อยหรอ พ่อวีร์อย่ามารีดเลือดกับปูตัวน้อยอย่างคุณหญิงแม่เลย”

เขาหัวเราะหึหึกับ ‘คุณปูตัวน้อย’ ที่กระพริบตาปริบๆส่งมาให้อย่างน่ารัก ส่วน ‘ลูกปูหน้าหวาน’ ก็ทำหน้าที่เป็นกำลังเสริมให้อย่างน่า...ถีบ

“วิชญ์ว่านะครับ แม่อย่าออกเลยให้พี่วีร์เข้าจัดเต็มไปเหอะ แม่เก็บเงินไว้ซื้อนิยายใหม่ๆดีกว่า วิชญ์ไปดูในเว็บเห็นว่าออกใหม่เพียบเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้วิชญ์พาไปซื้อ”

เท่านั้นแหละ กรวีร์ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับนิยายรักทุกประเภทเพราะคุณมีนาตาลุกตอบรับลูกชายคนเล็กอย่างกู่ไม่กลับเสียแล้ว

“จริงรึพ่อวิชญ์ งั้นพรุ่งนี้ไปกันตั้งแต่เช้าเลยนะ คุณหญิงแม่อยากจะกลับมานั่งอ่านตลอดบ่าย”

“เอ...วิชญ์ว่าเขาจะยังไม่เปิดน่ะสิครับ เอาเป็นสิบเอ็ดโมงไหว ห้างเปิดพอดี แม่ก็เดินซื้อไป วิชญ์ก็นั่งรอบ้าง ช่วยเลือกบ้าง ทานอาหารกลางวันกันก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน ตกลงไหมครับ” แล้วหันไปทางพี่ชายที่นั่งกอดอกมองการหลอกล่อของเขาอยู่ “อ่อ ท่านประธานพรุ่งนี้ท่านรองฯขอลากิจนะ จะพาแม่ไปช้อปปิ้ง”

“น่ารักอย่างนี้ไม่มีใครเกิน” คุณมีนาใช้สองมือหยิกแก้มกรวิชญ์อย่างเอ็นดู ก่อนจะลุกขึ้นคว้าหนังสือนิยายเล่มที่อ่านค้างเดินตัวปลิวกลับห้องนอน กรวีร์ตะโกนตามหลัง “แม่จะรีบไปไหนครับ ยังไม่สี่ทุ่ม”

“คุณหญิงแม่จะรีบไปอ่านเล่มนี้ให้จบ พรุ่งนี้จะได้เริ่มอ่านเรื่องใหม่อย่างไรเล่าพ่อวีร์ แล้วก็นะหนึ่งส่วนสี่แม่ไม่ออกแล้ว พ่อวีร์จ่ายเต็มไปเลยแล้วกัน หลับฝันดีลูกๆที่รัก”

กรวีร์เอามือกุมขมับ นวดเบาๆรู้สึกว่าเขาต้องไปหาหมอสักหน่อยแล้ว หมู่นี้มีแต่อะไรก็ไม่รู้ชวนให้ปวดหัวจริง กรวิชญ์ยิ้มอย่างเป็นต่อรู้สึกสะใจที่ได้แกล้งพี่ชายบ้างหลังจากโดนรังแกมานานหลายปี ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจสองสามที สองมือล้วงกระเป๋า พูดขึ้นลอยๆ

“ฮ้า...จะเล่นงานพี่วีร์ให้อยู่หมัดก็ต้องผ่านคุณนายมีนาสินะ อื้ม อื้ม” ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้พี่ชายนั่งโวยวายอยู่คนเดียว

“ให้ตายชักสิเอ้า! ใครก็ได้เอาไอ้น้องเวรนี่ไปเก็บที!”

---------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วจ้า ลงเร็วไปหนึ่งวันนะ พิมพ์เสร็จพอดีเลยลงเลย ตอนนี้ก้พี่วีร์แพ้หลุดลุ่ย สามทหารเสือชนะไป เฮๆ หลายคนอาจจะบอกว่าไม่สะใจเลย แต่สำหรับไรเตอร์นะ ใครมาแกล้งแบบนี้ล่ะก็ขอกัดลิ้นตายดีกว่า เรื่องเงินเรื่องใหญ่นา ไรเตอร์เป็นพวกจอมงก ชอบให้คนอื่นเสียตังค์ แต่ตัวเองไม่อยากเสีย แต่อย่าหวังนะว่าพี่วีร์ของเราจะเข็ดง่าย พ่อเสือหิวคนนี้เขาถือคติ 'ไม่ได้แอ้ม ไม่ยอมเลิก' มาดูสิว่าเขาจะมีแผนอะไรต่อไป ส่วนเรื่องสาวปริศนาของกรวิชญ์อดใจรอกันอีกหน่อยนะจ๊ะ นางแม่แน่ มาแบบน่าตบเสียด้วย หุหุ

เจอกันตอนหน้าจ้า ติชมได้น้า จุ๊บ จุ๊บ

ว่าแต่ตอนที่แล้วรีดเดอร์หายไปไหนกันหมด ไรเตอร์โศกายิ่ง TvT



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ค. 2555, 17:20:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2555, 17:20:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1796





<< ตอนที่ 10   ตอนที่ 12 >>
Auuuu 11 พ.ค. 2555, 18:52:49 น.
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แอบสะใจจจจจจ
ครึ่งแสน สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดด


ใบบัวน่ารัก 11 พ.ค. 2555, 22:13:57 น.
จีบญ ต้องลงทุน
น่า5555


Setia 12 พ.ค. 2555, 00:13:24 น.
สุดยอด เป็นอาหารที่แพงหูดับตับไหม้จริงๆ เท่ากับเงินเดือนของพนักงานหลายคนเลยนะเี่นี่ย


Pat 12 พ.ค. 2555, 13:25:59 น.
เอาน่าพี่วีร์ จะจีบหญิง(ถึงกับกะฟันเค้า) ก็ต้องลงทุนหน่อยล่ะ แค่นี้จิ๊บๆน่า นี่ขนาดย้งไม่ได้ลงทุนซื้อของมีค่าให้นา ก็หน้าซีดเสียแล้ว ไม่ใจเลยอ่ะ


anOO 15 พ.ค. 2555, 14:12:09 น.
อดีตรักของนายวิชญ์มันขมขื่นแค่ไหนกันน๊า
ลุยๆๆ ต่อไปนะพี่วีร์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account