รอยรักเหมันต์
...เพราะสายลมหนาวหรือเพราะมนต์เสน่ห์แห่งทุ่งดอกไม้ จึงนำพาให้สองหัวใจมาพบกัน

เมื่อเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อกับเธอเจ้าของสวนดอกไม้สาวผู้พราวเสน่ห์...
เพียงแรกพบสบตา เขาและเธอก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย
จอมทัพจะสามารถนำดอกไม้งามดอกนี้

Tags: ฤดูหนาว

ตอน: ตอนที่ ๑๘ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ ๓

ตอนที่ ๑๘

อีกทางหนึ่ง จอมทัพและเมยาวีได้วิ่งฝ่าความมืดมาด้วยกันอย่างไม่รู้ทิศทาง จนในเวลาต่อมา เขาและเธอได้หลงเข้ามาในป่า ซึ่งอยู่ติดกับทางท้ายไร่แห่งนั้น พอพ้นออกมาจากสวนผลไม้แล้วก็เป็นแนวป่าที่มองไปทาง
ไหนก็มีแต่ต้นไม้ ที่สำคัญทั้งเขาและเธอ ไม่สามารถที่จะหยุดคิดได้เพราะบัดนี้มีไอ้คนหนึ่งตามมาอย่างกระชันชิดเช่นกัน

เสียงปืนดังตามมาได้ไม่ขาดระยะ ไอ้คนนั้นยิงไปข้างหน้าโดยไม่คำนึงถึงเป้าหมายเพราะในหัวคิดของมันในเวลานี้ คือการปลิดชีพบุคคลที่วิ่งอยู่ตรงหน้าให้ได้

“มันตามมาไม่หยุดเลยนะคุณเหมย”

จอมทัพก้มลงมองร่างบางที่เขาจูงมือวิ่งฝ่าความมืดด้วยกัน หลายครั้งที่เมยาวีสะดุดรากไม้และล้มลงไป ก็มีเขาที่พยุงเธอเอาไว้และคอยให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ

เมื่อได้รับกำลังใจจากเขาแล้ว มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หญิงสาวมีแรงวิ่งไปข้างหน้ากับเขา แม้ว่าบัดนี้ข้อเท้าของเธอจะแดงแล้วก็ตาม ก่อนความอดทนที่เหลืออยู่จะสิ้นสุดลง เมื่อความชาที่มันแล่นริ้วอยู่ตรงนั้นจะสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอ

“โอ้ย...”

เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็สุดจะนับที่เธอทรุดลงไปกับพื้น ทุกครั้งเมื่อได้รับกำลังใจจากเขาเธอก็จะสามารถลุกขึ้นมาวิ่งต่อได้ ทว่าครั้งนี้กลับไม่เป็นดั่งที่ใจอยากจะให้เป็นอีกต่อไป

“โอ้ย...อูย...”

เธอร้องครางอย่างเจ็บปวด จอมทัพหยุดวิ่งและกลับมาคว้าแขนของเธออีกครั้ง พยายามจะพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้น หากเวลานี้เมยาวีกลับไม่สามารถเดินต่อได้อีก

“คุณเหมย อดทนเอานะครับ เดี๋ยวก็จะรอดกันแล้ว”

จอมทัพให้กำลังใจ ทั้งๆ ที่รอบตัวยังมืดมน เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะพาเธอหนีรอดไปได้อย่างไร เพราะดูแล้ว รอบข้างมีแต่ป่าทั้งนั้น แถมยังมองไม่เห็นทางหนีรอดยากเสียด้วย

“แต่เหมยไปไม่ได้แล้วนะคะ คุณจอมหนีไปเถอะค่ะ”

“ไม่ได้ ผมจะปล่อยคุณเอาไว้คนเดียวไม่ได้เด็ดขาด คุณเหมยครับเรามาด้วยกันเราก็ต้องหนีไปด้วยกัน”

“แต่เหมยเจ็บเท้า ไปต่อไม่ได้แล้วจริงๆ นะคะ” เธอส่ายหน้า กรอบหน้าสวยที่แดงเข้มนั้นบอกอย่างชัดเจนว่าเธอไปไม่ได้แล้วจริงๆ

หากจอมทัพกลับเข้ามาตรงหน้าของเธอ พร้อมกับดึงร่างนั้นเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว “แต่ผมจะไม่มีวันทิ้งคุณเด็ดขาดคุณเหมย ผมจะไม่ยอมให้คุณเป็นอะไร เราจะหนีไปด้วยกันนะครับ”

เขาลูบเส้นผมสลวยของเธอพร้อมกับเอ่ยปลอบใจ ก่อนจะดึงเมยาวีออกจากอ้อมกอดและก้มลงจูบที่หน้าผากกลมมนเป็นการยืนยันคำพูดของเขาว่าจะไม่มีวันทิ้งเธอ

“คุณจอม...”

“ผมว่าคุณขึ้นหลังผมจะดีกว่าครับ เร็วสิ”

“จะดีหรือคะ มันจะเป็นภาระให้กับคุณนะคะ”

“ขึ้นมาเถอะครับ มีเวลาไม่มากแล้ว” เขาหันหลังให้กับเธอและย่อตัวลง เพื่อจะให้หญิงสาวได้ขึ้นมาอยู่บนหลังของตนเอง

เมยาวีหัวใจเต้นแรง ในครั้งที่เธอโอบกอดร่างหนาเอาไว้ เธอซบหน้าลงกับหัวไหล่กว้าง ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข ท่ามกลางสถานการณ์ที่ฉุกเฉินเช่นนี้ แม้ความตายจะวิ่งตามมาแล้ว หากเธอก็สุขใจไม่แพ้กัน
สุขใจที่เธอได้ใกล้ชิดกับเขาและได้รู้ว่าเขาก็ห่วงเธอไม่แพ้กัน

หลังทุกอย่างพร้อมแล้ว จอมทัพก็ฝืนความล้าของร่างกายยันเท้าเดินไปข้างหน้าพร้อมกันนั้น เสียงปืนก็ดังไล่หลังมาอย่างไม่ยอมล่าถอยให้เลยสักนิด

แสงจันทร์บนฟ้าส่องสุขสกาว บางส่วนส่องลอดลงมาตามช่องของไม้สูง มันพอจะเป็นแสงที่ช่วยส่องทางให้จอมทัพพาเธอไปข้างหน้าได้โดยไม่เป็นอุปสรรค แม้จะไม่รู้ว่าตนกำลังจะเดินทางไปที่ไหนก็ตาม

ยิ่งวิ่ง ความอึมครึ้มก็เริ่มเข้าแทนที่ พร้อมกับมวลอากาศเย็นที่แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณป่าแห่งนั้น เสียงเหล่าแมลงกลางคืนต่างพากันออกมากรีดปีกทักทายแสงจันทร์ แต่เมื่อมีร่างของมนุษย์วิ่งฝ่าความมืดผ่านมาทางมัน สัตว์เหล่านั้นก็ต้องหาที่หลบและเงียบเสียงตามสัญชาติญาณ

“เหนื่อยไหมคะ คุณจอม”

เมยาวีข่มความเจ็บและถามเขาอย่างเป็นห่วง เพราะเธอแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องลำบาก เขามาจากกรุงเทพฯ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย แต่ต้องมาลำบากแบกเธอและหนีผู้ร้ายเช่นนี้

ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ตนจะมาเจอแบบจังเบอร์เช่นนี้ได้ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วไปทำกรรมทำเวรอะไรเอาไว้กับไอ้พวกนี้ พวกมันถึงได้ตามล้างเธอและเขาแบบนี้

แต่กระนั้น สถานการณ์ก็ได้สร้างวีรบุรุษ เมยาวีดีใจ ที่วีรบุรุษคนนั้นคือจอมทัพและก็เป็นเขาที่มาช่วยเธอ แถมต้องมาลำบากแบกเธอมาแบบนี้อีกด้วย

“ไม่ครับ ขอให้มีคุณเหมยอยู่ใกล้ๆ ผมย่อมจะมีกำลังใจอยู่แล้ว”

ชายหนุ่มให้กำลังใจตัวเอง แม้ว่าจะเหนื่อยจนขาดใจอย่างไร เขาจะแสดงความอ่อนแอออกมาไม่ได้ และยิ่งเป็นเมยาวีด้วยแล้ว เขาจะไม่มีวันทิ้งเธอและให้เธอต้องมาเป็นเหยื่อของไอ้พวกเดนนรกได้เด็ดขาด

เมื่อเขารอด เธอก็ต้องรอดด้วย

เสียงน้ำกระทบโขดหินดังมาไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก จอมทัพใจชื่นขึ้นมาหน่อยเพราะถ้าตนข้ามน้ำหรือลำห้วยไปได้แล้ว อาจจะปลอดภัย เขาและเธออาจจะหลบซ่อนอยู่ตรงนั้น จนกว่าตำรวจจะออกตามหา เมื่อนั้นเขาและเธอก็จะปลอดภัย

คิดได้ดังนั้นหัวใจหนุ่มก็เริ่มสู้อีกครั้ง เขาข่มความร้าวระบมที่มีอยู่ทั่วร่างกายเร่งฝีเท้าไปยังจุดนั้นในทันที

“อดทนเอาอีกนิดนะครับ คุณเหมย”

“เหมยต่างหากค่ะ ที่จะต้องพูดคำนี้กับคุณ ขอบคุณนะคะคุณจอมทัพ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่มอบให้กับเหมย แล้ว...”

“อะไรหรือครับ”

เขาเอี่ยวหน้ามาเพื่อจะมองคนที่ซบอยู่บนหัวไหล่นิดหนึ่ง ทว่าเมยาวีกลับยิ้มเอียงอาย ก่อนจะแสร้งหันหน้าไปทางอื่นเสีย

“รีบไปต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวพวกมันก็ตามมาทันหรอก” เห็นเธอเร่งเร้า ชายหนุ่มจึงได้สติและรีบวิ่งฝ่าไปข้างหน้าอีกครั้ง

ทว่าโชคกลับไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เมื่อสิ้นสุดเส้นทางที่ทั้งสองไปถึงนั้นกลับเป็นแค่หน้าผาและต้นเสียงของน้ำที่ตกกระทบโขดหินนั้นอยู่อีกฟากหนึ่ง ซึ่งไกลมากพอสมควร เมยาวีรีบลงจากหลังของจอมทัพ เธอเข่าอ่อนไปในทันที เมื่อเห็นความสูงและน้ำที่ไหลเอื่อยอยู่เบื้องล่าง

“คุณจอมคะ เหมยว่าเราไปทางอื่นกันเถอะค่ะ” เธอชะโงกหน้าลงไปมองธารน้ำเบื้องล่างต้องเบ้หน้า เพราะความสูงกับเธอนั้นไม่ถูกกันอยู่แล้ว

“ผมว่าไม่ทันแล้วล่ะ” จอมทัพพูดพร้อมกับหันกลับไปข้างหลัง มองเห็นไอ้คนที่วิ่งตามเขาและเธอมาอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก

เท่ากับว่าในเวลานี้ ทั้งเขาและเธอต่างมาจนมุมกันที่หน้าผานั่นเอง...

“จะเอายังไงดีคะ คุณจอม”

เธอโผเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง หยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาด้วยความกลัวจากหลายๆ ด้านที่บวกกันเข้ามาอัดแน่นอยู่ในใจ

ความกลัวที่เคยเป็นมา หญิงสาวยอมรับว่ามันน้อยนิดนัก หากจะเทียบกับในเวลานี้ เธอกับเขาหนีตายจนเกือบจะรอดอยู่รอมร่อแล้ว แต่สุดท้ายต้องมาจนมุมที่หน้าผาแห่งนี้แบบง่ายๆ อย่างนั้นหรือ

“ผมว่าเราควรจะเลือกทางใดทางหนึ่งเสียแล้วล่ะ ระหว่างอยู่ที่นี่ให้มันยิงเราและกระโดดลงหน้าผานี่”

“กระโดดหน้าผา...”

เธออุทานอย่างตกใจ กรอบหน้าเหลือกลาญอยู่ที่นี่ก็ต้องตายแล้วถ้ากระโดดหน้าผาล่ะ มันก็มีผลเท่ากันไม่ใช่หรือ นั่นก็คือตาย

“ใช่แล้วครับ”

“แต่มันก็เสี่ยงเหมือนกันนะคะคุณจอม”

“เสี่ยงไม่เสี่ยงก็ต้องลองดู โชคชะตามันไม่โหดร้ายอย่างนั้นหรอกครับ”

“แต่เหมย...”

กรอบหน้าสวยยิ่งซีดสนิท เธอคิดไปถึงนิทานพื้นบ้านเรื่องหนึ่ง ที่นางเอกมากระโดดหน้าผาตายเพราะพระเอกหนีไปกรุงเทพฯ และมีคนใหม่...ไม่นะ เธอยังไม่อยากจะเป็นนางบัวบานในตอนนี้ ทว่าเมื่อคิดอีกที แม้ว่าเธอจะต้องตาย เธอก็ไม่ได้เสียใจเพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ช้ำรักอย่างกับนางบัวบาน แถมในเวลานี้ยังมีจอมทัพอยู่ใกล้ๆ แม้จะตายเธอก็ขอตายอยู่ในอ้อมกอดของเขาก็แล้วกัน

“ไม่มีทางเลือกแล้วครับ ผมว่าเรากระโดดลงไปกันเถอะ”

จอมทัพเร่งเร้า เมื่อเหลียวกลับไปเห็นไอ้คนนั้นปีนขึ้นมาอย่างกระชั้นชิดเช่นกัน เขาจึงดึงร่างบางเข้ามากอด กระชับร่างบางนั้นเอาไว้แน่น พร้อมกับบอกให้เธอมั่นใจ

“หลับตาครับ เราจะกระโดดลงไปด้วยกัน ถ้ารอดก็ต้องรอดด้วยกัน ถ้าตายก็ต้องตายด้วยกัน”

“คุณจอม...”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองกรอบหน้าคมในความมืดนิดหนึ่ง ก่อนจะซุกหน้าเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้คนนั้นวิ่งขึ้นมาถึงและเล็งปืนหมายจะเด็ดชีวิตของคนทั้งสองทันที

ปัง!

กระสุนปืนต้องแหวกเอาอากาศไปแบบเต็มๆ เมื่อมันช้ากว่าจอมทัพที่คว้าร่างเมยาวีมากอดและกระโดดลงไปพร้อมกัน

วงน้ำภายใต้หน้าผาสูงแตกกระจาย เมื่อร่างสองร่างแหวกลงไป ไอ้คนนั้นวิ่งมาถึงตรงจุดสุดท้ายที่จอมทัพและเมยาวียืนอยู่ ก่อนจะชะโงกหน้ามองลงไปก็พลันส่ายหน้า เมื่อไม่เห็นทางรอดของทั้งสองแล้ว มันจึงตัดสินใจวิ่งแยกออกไปอีกทางเพราะถ้าไม่หนีในตอนนี้แล้ว โอกาสอาจจะไม่มีอีกต่อไป

////

วิ่งมาได้สักระยะ ความเหนื่อยจึงเข้าแทนที่เพราะร่างของวัสนางค์ไม่ได้เบาอย่างที่คิดเลย นายตำรวจหนุ่มจึงวางร่างนั้นลงและหันมามองกรอบหน้าคมเข้มของหญิงสาว ซึ่งกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาโกรธจัด

“ไอ้บ้า...โรคจิต”

เธอชี้หน้าด่ากราด พร้อมกับหอบหายใจฮั่กๆ รักษ์ราชมองกรอบหน้าสวยของหญิงสาว ก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่แขนเพื่อจะพาให้รีบวิ่งไปพร้อมกัน

“ไปกันเถอะคุณ เดี๋ยวไอ้พวกนั้นตามมาทันก็พากันนอนตายกันที่นี่หรอก”

“ไม่...ฉันไม่ไปกับนายเด็ดขาด” หญิงสาวสะบัดมือออกไปอย่างรวดเร็ว จะให้เธอหนีไปกับอีตานี่ เนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก

“ผมมาช่วยคุณนะ จะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่...ผมจะอุ้มคุณอีก”

“ไอ้ลามก ฉวยโอกาส เชอะ”

แม่สาวสะบัดหน้าไปทางอื่น เห็นหน้ายียวนนั้นแล้ว เธออยากจะงับหัวเขาเป็นยิ่งนัก เห็นว่าตัวเองหล่อนักหรือไง ชอบยักคิ้วข้างเดียวใส่เธออยู่เรื่อย

“ไปกันเถอะคุณ เดี๋ยวพวกนั้นตามมาทันก็ซวยกันพอดีหรอก”

“ฉันไม่ไป แล้วถ้าจะซวยก็เพราะฉันได้มาเจอกับนายน่ะแหละ ฉันไปของฉันเองได้ หลีกไป” แล้วแม่สาวเก่งก็เชิดหน้า ทำท่าจะเดินไปอีกทาง แต่ยังดีที่รักษ์ราชคว้าแขนของเธอเอาไว้ได้ทัน

“นั่นคุณจะไปไหน”

“ก็จะไปตามทางของฉัน อ้อ...กรุณาปล่อยมือออกจากแขนของฉันได้แล้ว ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนายสักหน่อย”

“ไม่เป็นก็เป็นเสียสิครับ”

เป็นอีกครั้งที่เจ้าหนุ่มทำหน้าระรื่น แถมยังยักคิ้วข้างเดียวใส่เธออีกรอบ วัสนางค์มองหน้าคมนั้นแล้วก็สะบัดหน้าไปทางอื่นเสีย

“คนอย่างนาย ฉันไม่เอาไปทำพันธุ์หรอก เดี๋ยวลูกออกมาจะกลายเป็นโรคจิต”

“แต่คนโรคจิตเค้ารักจริงนะครับ”

“ไอ้ทุเรศ ฉันไม่ได้เป็นพวกสมองพิการ ปัญญาอ่อน หรือสาวที่หาผู้ชายไม่เป็นหรอกนะ ที่จะมาหลงคารมของนาย หลีกไปเลยฉันจะไปตามหาเพื่อนของฉัน”

“แล้วคุณแน่ใจได้ยังไงว่าจะตามหาพวกนั้นเจอ ผมว่าคุณตามผมมาทางนี้ดีกว่าปลอดภัยที่สุด”

“ปลอดภัย เชอะ...แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่านายปลอดภัยจริงๆ เกิดพาฉันไปฆ่าล่ะ ฉันไม่ยิ่งโคตรซวยหรือยังไง”

“หยุดพูดเถอะคุณ รีบไปต่อเถอะนะ เชื่อผมสิคุณ...ตามมาเร็ว นู้น...มันมานู้นแล้ว เร็ว...”

“ฉันไม่...”

ไม่ทันได้ขัดขืนอะไร รักษ์ราชก็ดึงร่างบางให้ปลิวตามตนไปจนได้อีกครั้งเพราะถ้าขืนชักช้าไปกว่านั้นเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นเป็นต้องเสร็จมันแน่

ปัง!!

เห็นหลังไวๆ ไอ้ชุนก็สาดกระสุนใส่ในทันที พร้อมกับเร่งก้าวจังหวะวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

มันวิ่งมาหยุดอยู่ตรงต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งเห็นชัดๆ ว่ามีคนวิ่งหายไปทางนั้น สายตาอันคมกล้ากราดมองไปโดยรอบ ทว่ากลับไม่พบมันจึงสบถด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเป็นยิ่งนัก

“โธ่เว้ย...หายไปไหนแล้ววะ”

ก็เห็นๆ อยู่ว่ามีคนวิ่งหายไปทางนี้ แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับไร้เงาของคนที่คิดว่าจะหลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้า

“ออกมานะเว้ย ไม่ออกกูยิง” มันทำเสียงขู่ พร้อมกับปืนในมือที่กระชับแน่น เตรียมสาดยิงแบบไม่เลี้ยง

ทว่าในเวลานั้นมันต้องตกใจขีดสุดเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างฟาดลงตรงกลางหลังของมัน จนเสียหลักหัวคะมำไปข้างหน้า มันสบถอย่างไม่พอใจสุดๆ พอตั้งหลักได้จะหันมาเอาเรื่องกับคนที่ทำให้ตนเองต้องหัวเสีย แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรแค่หันมาได้เท่านั้นเท้าของมนุษย์ปริศนาก็ฟาดลงมายังช่องท้องของมันอย่างเหมาะเหม็ง

ผัวะ!!

เสียงดังอย่างเสนาะหู เมื่อครั้งที่หน้าแข้งของนายตำรวจหนุ่มหวดเข้ายังช่องท้องของไอ้ชุนจนมันงอตัวกุมท้องตนเองด้วยอาการจุก

“สัตว์เอ้ย เล่นอย่างนี้เลยหรือวะ”

ไอ้วายร้ายสบถเสียงหยาบ มันต้องหัวเสียสุดๆ เมื่ออาวุธในมือหลุดมือไปตั้งแต่ที่โดนครั้งแรก แต่เมื่อจะเอาคืน อีกฝ่ายกลับไม่ได้ปล่อยโอกาสให้ได้ตั้งตัวเลยเพราะยังมีอีกหลายหมัดและเท้าซึ่งสวนมาที่มันแบบไม่ยั้ง

ผัวะ...พลั่ก...อุบ!!!

เสียงสุดท้ายเป็นเสียงของมันเองที่รักษ์ราชจบท่านั้นด้วยท่าจระเข้ฟาดหาง จนตัวของมันลอยขึ้นและหลับไปกลางอากาศ

พอร่างของมันหล่นตุ๊บถึงพื้นด้วยท่วงท่าที่สวยงาม นายตำรวจหนุ่มก็กระโจนเข้าไป พร้อมกับกำไลแขนสีเงินอันสวยมอบให้กับมันทั้งสองข้าง

ผลสรุป การจับไอ้วายร้าย ช่างง่ายยิ่งกว่าอะไรเสียอีกเพราะใช้ระยะเวลารวมๆ ในการสยบมันแค่สิบนาทีกว่าเท่านั้น

วัสนางค์เบิกตาโพลงในความมืด เมื่อเห็นภาพนั้นอย่างชัดเจน ไม่คิดว่าไอ้หนุ่มกะล่อนที่มันชอบทำหน้ายียวนได้แบบน่าตบนั้นจะมีวิชาป้องกันตัวอันเป็นเลิศ แถมยังทำให้อีกฝ่ายสลบไปได้โดยที่ยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
เขาก้มลงเก็บปืนของไอ้ชุนที่ตกพื้นมาเก็บไว้ พร้อมๆ กับที่ร่างบางของวัสนางค์เดินมาถึงพอดี

“ไงจ๊ะสาวสวย เรียบร้อย บอกแล้วยังไงล่ะว่ามากับผมแล้วจะปลอดภัย” เขาเอ่ยเสียงเข้ม พร้อมกับยักคิ้วขึ้นหนึ่งครั้งตามเอกลักษณ์ที่เมื่อหญิงสาวเห็นทีไร เป็นได้ปวดตับกับความกวนของอีตานี่เมื่อนั้น

“เอ้อ...นายเป็นตำรวจใช่ไหม”

เธอเอ่ยถาม แพรขนตาคู่สวยเบิกขึ้น จุดหมายคือกรอบหน้าคมของชายหนุ่มที่มองเขาด้วยความสงสัย ก็อีตานี่เล่นงานไอ้วายร้ายตัวนี้ ซึ่งเธอคิดว่ามันน่าจะเป็นหัวหน้า จากการสังเกตแล้วดูเหมือนว่าไอ้ลูกน้องหลายคนของมันทำท่านอบน้อมให้กับมันด้วย ให้เสร็จภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที แถมเขายังไม่ได้เป็นอะไรมากเสียด้วยสิ
นับว่าพ่อคุณสุดยอดจริงๆ ให้ตายเถอะ

ขณะนายตำรวจหนุ่มก็แค่คลี่ยิ้มบางๆ ให้กับเธอและพยักหน้าเท่านั้น

“อีตาบ้า...รังแกประชาชน ตำรวจรังแกประชาชน”

พอได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว แม่คุณก็เลือดขึ้นหน้า ก่อนจะโผเข้ามาหาพ่อหนุ่มจอมกวนในทันที แค่เป็นโจรยัง
พอว่า แต่นี่เขาเป็นตำรวจและแต่ละครั้งที่เจอกัน เขาก็แกล้งเธอทุกครั้ง

อย่างนี้มันน่านัก เป็นตำรวจภาษาอะไร ไม่เคยให้เกียรติสุภาพสตรีอย่างเธอเลย

“อ้าว...คุณ ไหงมาว่าผมอย่างนั้นล่ะ”

“ก็นายแกล้งฉัน อีกอย่างหนึ่งนายยังปิดฉันว่านายเป็นตำรวจอีก”

“ปิด...ห๊ะ ปิดบังตัวเองนี่นะเป็นความผิด กฎหมายประเทศไหนเนี่ย” รักษ์ราชเกาหัวตัวเองอย่างงงงวย หัวสมองพยายามคิดหาว่ายังมีกฎหมายของประเทศไหนอีกที่มันยังหลุดรอดไปจากสมองคิดของตนเองได้

“ก็ประเทศไทยนี่แหละ ไอ้บ้า นอกจากจะเป็นโรคจิตแล้ว นายยังจะเป็นตำรวจที่ไม่มีมนุษยธรรม ไม่มีน้ำใจ และก็ไม่...”

“พอเลยคุณ พอเลย เดี๋ยวค่อยไปบรรยายต่อทีหลังที่โรงพัก ปะ ไปกันเถอะ”

“ไม่ ฉันไม่ไป....ไอ้ตำรวจบ้า ไอ้สารเลว ไอ้ตำรวจโรคจิต ไอ้...” แล้วแม่คุณก็เริ่มบรรยายความสารเลว
ของเขาอย่างที่ไม่ค่อยจะตรงต่อความเป็นจริงมากนัก ขณะรักษ์ราชทำหน้าเซ็งสุดๆ นอกจากจะได้เจอแม่คุณ
แล้ว หล่อนยังทำให้เขาปวดหัวเป็นอย่างมากกับข้อหาที่เรียกได้ว่าใส่ร้ายกันชัดๆ

“พอหรือยังล่ะแม่คุณ ด่าพอหรือยังครับ”

หลังยังเห็นเธอไม่ยอมหยุดที่จะใส่ร้ายกัน ชายหนุ่มจึงตะโกนแข่งกับเสียงของเธอ ก่อนจะขยับเข้าไปจนใกล้วัสนางค์ที่ยังตั้งหน้าด่าแหลก

“ไม่พอ ฉันจะด่าต่อ ไอ้โรคจิต ไอ้ลามก ตำรวจรังแกประชาชน ตำรวจไร้น้ำใจ...”

“ได้...ไม่หยุดใช่ไหม งั้นผมช่วยเอง”

พูดแล้วก็จับตรึงที่กรอบหน้าสวยหวาน แต่ปากนี่จัดอย่างกับอะไรดี ก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบที่ปากเรียวสวยอย่างรวดเร็ว

วัสนางค์เบิกตาโพลงในความมืด เป็นครั้งแรกเลยล่ะที่เธอถูกทำโทษด้วยการจูบ ความปั่นป่วนมันก่อตัวที่เรียวปากสวย ก่อนจะแล่นเวียนวนไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ความตกใจทำให้เธอยกมือขึ้นทุบเขาเป็นพัลวัน เพื่อจะให้หลุดพ้นไปจากอาการอึดอัดที่เกิดขึ้น

อ๊าย...อีตานี่มันจูบเธอ ไม่ได้ ไม่ได้นะ

“อึด....อุบ...”

สาบานเธอพูดไม่ออกจริงๆ เพราะไม่สามารถที่จะต่อกรกับเขาได้อีกต่อไป ก่อนที่ลิ้นสากของเขาจะสอดควานเข้ามาในปากของเธออย่างรวดเร็วปานงูฉก และนั่นก็ยิ่งทำให้ร่างบางสั่นระริกคล้ายจะหมดแรงไปในเวลานั้นแล้ว

พอเห็นว่าแกล้งแม่คุณได้พอสมควรและมันก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวไปด้วย หากทำเช่นนั้นต่อไป รักษ์ราชจึงถอนริมฝีปากออก ขณะวัสนางค์ทำหน้าเบ้ แล้วยกมือขึ้นถูปากตัวเองไปมาอย่างขยะแขยง

“คอยดู ฉันจะเอาคืนนายให้หนักเลย ไอ้ตำรวจบ้า”

“แล้วผมจะคอยดูครับว่าคุณจะเอาคืนผมยังไง อ้อ...ถ้าจะเอาแบบวิธีเมื่อกี้อีกก็ได้นะ เดี๋ยวจะจัดให้”

“อ๊าย ไอ้บ้า ไอ้ตำรวจเฮงซวย”

หญิงสาวสะบัดหน้าพรืด พร้อมกับกระทืบเท้าหนักๆ เดินไปข้างหน้าในทันที นายตำรวจหนุ่มเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหันไปจัดการปลุกไอ้ชุนและดันมันให้เดินตามเธอไป

///

เช้าแล้ว การเก็บกวาดพวกเดนนรกก็เสร็จสิ้นไปก่อนฟ้าจะสาง ชัยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในทันทีที่ตำรวจเดินทางมาพบ เขาถึงมือหมออย่างปลอดภัย แต่กระนั้นอาการก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกันเพราะเสียเลือดมาก ส่วนปุณชิกาก็ติดตามชัยไม่ให้คาดสายตา ทั้งเป็นห่วงและรู้สึกวาบหวิวในหัวใจ กลัวไปต่างๆ นานา

ส่วนวัสนางค์ก็ปลอดภัยดี โดยยังมีรักษ์ราชคอยตามคุมตัวอยู่ไม่ขาดระยะ เธอถูกนายตำรวจหนุ่มดึงไปสอบสวนที่โรงพักในคืนนั้น จนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ท่ามกลางเสียงโวยวายของเธอที่ไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไร ต่อการทำงานของตำรวจ โดยเฉพาะอีตาหน้ากวนประสาทรักษ์ราชเพราะยังเหลือเพื่อนสาวของเธอและจอมทัพที่หายไป ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

การหายตัวไปของทั้งสองหนุ่มสาว นอกจากจะทำให้วัสนางค์เป็นห่วงแล้วเหล่าทีมงานของรักษ์ราชก็เป็นห่วงไปไม่แพ้กันเพราะมีเพียงสองคนเท่านั้นที่หายตัวไป กลุ่มผู้หญิงที่ติดตามกัญสิณีก็ปลอดภัยและถูกส่งตัวกลับบ้านในเช้าวันนั้นแล้ว

ไอ้ชุนและลูกน้องของมันอีกส่วนหนึ่งถูกยัดใส่กรงขังไปเรียบร้อย รอทางตำรวจทำสำนวนและตั้งข้อหาที่อาจจะผุดตามมาอีกเป็นชุดเพราะมันเป็นหนึ่งในอาชญากรที่ทางตำรวจต้องการตัวมากที่สุด

“นี่คุณ จะปล่อยฉันไปได้หรือยัง”

วัสนางค์ทำหน้าเซ็งสุดๆ เธอต้องมานั่งแหง่วอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อคืน โดยมีรักษ์ราชนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง หญิงสาวต้องมานั่งดูเขารับวิทยุฟังผลของการตามหาจอมทัพและเมยาวีทั้งคืน ทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็นอะไรสักนิด จะงีบนอนอีตานั่นก็ชวนคุย แถมยังสอบสวนเธอจนบางครั้งก็น่ารำคาญ นี่ก็เช้าแล้วเธอจะกลับบ้านเขาก็ยังไม่ให้กลับ ทำอย่างกับเธอเป็นผู้ร้ายเองอย่างนั้นแหละ

“ยัง...ก็คุณเป็นห่วงเพื่อนของคุณไม่ใช่หรือ ก็ต้องรอฟังผลด้วยกันก่อนสิ”

“ชีวิตนี้นายจะไม่ให้ฉันลุกไปไหนเลยหรือไง แค่จะไปห้องน้ำยังจะมายืนคุมอยู่อีก นี่คุณตำรวจเจ้าคะดิฉันไม่ได้เป็นผู้ต้องหาของคุณนะคะ ดิฉันเป็นผู้เดือดร้อน เข้าใจไหมคะ”

เธอเปิดปากบ่นอีกรอบ หลังจากที่เงียบไปครั้งหนึ่งในรอบครึ่งชั่วโมงก่อน กรอบหน้าสวยแถมยังหวานซึ้งจ้องนิ่งที่กรอบหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างของรักษ์ราชเขม็ง

“ก็บอกแล้วยังไงล่ะครับ ถ้าเป็นห่วงเพื่อนของคุณ คุณก็ต้องอยู่กับผมที่นี่”

“ไม่อยู่ไม่ได้หรือเจ้าคะ ฉันจะกลับบ้าน แล้วจะไปสั่งงานคนงานที่ไร่ เข้าใจไหม”

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะไปส่ง”

“ไปส่ง...”

เธอขึ้นเสียงสูง สงสัยชาติที่แล้วเธอคงจะกักขังนายนี่เอาไว้แน่ๆ เลย ชาตินี้ต้องมารับกรรม โดยมีใบหน้าหล่อๆ แถมยังกวนมาเฝ้าดูตลอดเวลาอีก

“ไม่จำเป็น ฉันกลับไปเองได้”

“แต่ผมยินดีจะไปส่ง เดี๋ยวคุณก็หาว่าผมไร้น้ำใจอีกหรอก”

“ก็มันจริงไหมล่ะ ชนฉันคราวนั้นจะช่วยเหลือก็ไม่มี เห็นเป็นสุภาพสตรี แล้วจะถีบหัวส่งหรือยังไง”

“ก็ตอนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจนี่ครับ อีกอย่างผมก็กำลังทำงานด้วย อ้อ...แล้วผมก็จำได้ว่า ผมเคยขอโทษคุณไปแล้ว นี่ยังไม่หายอีกหรือครับ”

“ไม่หาย จนกว่า....”

“จนกว่าอะไรครับ คุณประชาชนคนสวย”

“เอ่อ...จนกว่า...ไม่มีอะไรหรอก ก็ได้ ไปก็ไป เร็วสิ ฉันอยากจะกลับบ้านแล้ว ปานนี้คงจะวุ่นวายกันแล้วล่ะ”

เธอหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะทำหน้าเบ้เพราะอีตานี่มันติดเธออย่างกับตังเม ไม่รู้ว่าจะทำไมกันนักกันหนา นี่ขนาดเธอด่าจนปากจะฉีกถึงใบหูแล้วนะ พ่อคุณยังทำเหมือนว่าจะไม่สะทกสะท้านเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้หนาไปกี่นิ้วกันแน่ ขอบอก ขนาดเธอที่ว่าหน้าหนานะ ยังแน่ใจเลยว่า หนาไม่เท่าเค้า...เฮ้อ นังฝนเซ็ง



พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ค. 2555, 20:03:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2555, 20:03:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1565





<< ตอนที่ ๑๗ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ (๒)   ตอน ๑๙ เดินป่่า...สารภาพรัก กิ้ววววว >>
anOO 16 พ.ค. 2555, 11:57:30 น.
ยัยเหมยคอไปติดอยู่ที่ไหนนะ แต่ก็ไม่น่าห่วงเท่าไรยังไงนายจอมก็ลยอไปด้วย
ห่วงแต่คุณตำรวจนี่สิ ท่าทางจะทะเลาะกันอีกยาว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account