เพลงลิขิตบันดาลชักพา
เพลงรัก...สาวอวบที่เพิ่งอกหักเพราะรักเก่ากำลังหมั้นหมายกับคนอื่น โดนหลานสาวตัวดีหลอกให้มาเที่ยวปารีสเป็นเพื่อน แต่พอมาถึงเธอกลับต้องเล่นเรียลลิตี้เป็นคู่ฮันนีมูนของนักร้องดังซะงั้น งานนี้สาวอวบขึ้นคานจะทำอย่างไร..... ในเมื่อรักเก่าก็กลับมาทำให้หัวใจหวั่นไหว แต่ความรักครั้งใหม่ก็กำลังเริ่มต้น
Tags: รัก,ท่องเที่ยว,ฝรั่งเศส

ตอน: บทที่ 16

มีแต่ความเงียบที่น่าอึดอัด ระหว่างชายหญิงที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ

เวลาผ่านไปไม่ถึงนาที แต่ทั้งคู่กลับรู้สึกราวแสนล้านชั่วโมง ก่อนในที่สุดคีตภัคจะเป็นคนเอ่ย

“เพลง...เป็นยังไงบ้าง”

หญิงสาวร่างอวบที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แต่ใบหน้ายังคงซีดเซียว แถมดวงตาก็บวมเป่งจนน่ากลัว เบือนหน้าหนีไปทางอื่นขณะตอบเสียงเบา “ไม่ดีเท่าไร”

“พี่ขอโทษแทนดาราด้วย”

“แค่นี้หรอคะ” แค่ต้องการขอโทษแทนคู่หมั้น ไม่ได้มีเยื่อใยหรือความห่วงใยใดๆ เลยใช่ไหม เขาคงห่วงความรู้สึกของดาราฉายมาก ถึงขนาดต้องแอบมาหาเธอตอนที่คนอื่นไม่อยู่

“ไม่ใช่แค่นี้” ชายหนุ่มตอบกลับทันควัน ทำเอาเพลงรักหันกลับมามองทันที เธอรอคอยอย่างใจจดจ่อว่าเขาจะพูดอะไร แต่จนแล้วจนรอดก็มีแต่เสียงถอนหายใจอย่างเคร่งเครียดเท่านั้น

“พี่คีย์คงไม่อยากพูด” เหมือนกับที่ไม่ต้องการพูดกับเธอมาตั้งแต่เลิกกัน คีตภัคถอนหายใจอีกครั้ง สีหน้าตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ

“ไม่ใช่ไม่อยาก... แต่บางเรื่องก็ยากที่จะพูด”

“ถ้าอย่างนั้น มันคงยากยิ่งกว่าสำหรับเพลงที่ต้องรอฟัง” เธอเอ่ยด้วยร่องรอยเจ็บช้ำในดวงตา ก่อนพรั่งพรูความในใจออกมาหลังสะกดกลั้นมานาน “เพลงรอพี่คีย์มาห้าปี แต่พี่คีย์ก็ไม่เคยมีคำตอบให้เพลงไม่ว่าเรื่องไหน พี่คีย์คิดว่าเรื่องนี้มันง่ายสำหรับเพลงหรอคะ เพลงไม่อยากเสียใจอีกต่อไปแล้ว พี่คีย์บอกเพลงมาเถอะ ว่าพี่คีย์เลิกกับเพลงทำไม เบื่อเพลง เกลียดเพลง หรือว่ารักคนอื่นมากกว่า... แม้ความจริงเพลงจะรู้ว่าพี่คีย์รักพี่ดารา รักมากถึงขนาดเอาเรื่องเข้าใจผิดที่เพลงนอนห้องแทนกวีไปเล่าให้พี่ดาราฟัง อย่างไม่แคร์เลยว่าเพลงจะอับอายยังไง แต่เพลงก็รับได้ค่ะ ยังไงก็คงไม่เจ็บมากไปกว่านี้อีกแล้ว เพลงขอเถอะค่ะ พี่คีย์บอกเพลงมาตรงๆ เถอะว่าพี่คีย์เลิกกับเพลงเพราะอะไร เพลงจะได้เป็นอิสระเสียที”

คีตภัคเงียบไปสักพัก ก่อนถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อตัดสินใจเอ่ย

“เหตุผลที่พี่ต้องเลิกกับเพลง... เพลงจะว่ายังไง ถ้าความจริงคือ....”

‘ติ่ง......ต่อง.....’

เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น ขัดจังหวะได้อย่างพอดิบพอดี คีตภัคชะงัก ขณะที่เพลงรักซึ่งกำลังลุ้นจนตัวโก่งว่าชายหนุ่มจะพูดอะไร ถึงกับถอนหายใจออกมา เธอมองหน้าเขา ก่อนเดินไปเปิดประตูอย่างเสียไม่ได้ แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าไม่ใช่หลานสาวอย่างที่คิดไว้

“รูมเซอร์วิส!?! พี่คีย์สั่งมาหรอ”

“เปล่า”

“อ้าว!! แล้วมาได้ยังไง” หญิงสาวเอ่ยถามพนักงานที่ยืนถือถาดเงินว่านำมาส่งผิดห้องหรือเปล่าเป็นภาษาอังกฤษ แต่เขาก็ยืนยันว่ามีผู้ชายโทรศัพท์ไปสั่งอาหารเช้ามาเสิร์ฟที่ห้องนี้จริงๆ เพลงรักลังเลอยู่อึดใจก่อนจะเบี่ยงตัวให้เขาเข้ามา แล้วนั่นก็ทำให้เธอเห็นว่ามีใครยืนอยู่ข้างหลัง

หญิงสาวร่างบางระหงพร้อมริมฝีปากแดงสดที่ปรากฏรอยยิ้มเหยียดเจนตา ยืนกอดอดจ้องมองมาอย่างโกรธ

“คนมันร่าน อะไรก็ฉุดไว้ไม่อยู่จริงๆ นะจ๊ะเนี่ย”

-------------------------------------------------------------------------------

ก่อนที่ดาราฉายจะสาดวาจาร้ายกาจใส่เพลงรักอีกครั้ง คีตภัคก็รีบลากหญิงสาวที่ไม่รู้มาได้อย่างไรออกไปเสียก่อน ทิ้งเจ้าของห้องที่ยืนอ้าปากค้างด้วยความมึนงงและตกใจ กับพนักงานรูมเซอร์วิสไว้ด้านหลัง ซึ่งคู่หมั้นของเขาก็พยายามดิ้นออกจากวงแขนใหญ่ที่รัดร่างบางของเธอไว้ เพื่อกลับไปจัดการกับผู้หญิงหน้าด้านที่เธอเกลียดชัง แต่พละกำลังของเธอก็ไม่อาจสู้แรงของเขาได้

คีตภัคลากเธอเข้าไปลิฟต์ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแน่แล้วจึงยอมปล่อย ดาราฉายต่อว่าเขาด้วยความเจ็บใจ ซึ่งเขาก็ทำได้แค่รับฟัง

“อีกกี่ครั้งหรอคีย์ อีกกี่ครั้ง... เธอทำให้ฉันผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันจะให้อภัยเธอได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่พยายามทำให้อะไรมันดีขึ้นเลย ถ้าขืนเธอยังทำให้ฉันผิดหวังซ้ำซากอยู่อย่างนี้ ฉันบอกไว้เลยนะว่าฉันร้ายได้มากกว่านี้อีกเยอะ ฉันไม่ยอมให้ใครมาทำให้ฉันเสียใจฝ่ายเดียวหรอก”

คีตภัคถอนหายใจอย่างเคร่งเครียด เหตุการณ์เมื่อครู่ควรเป็นครั้งสุดท้าย หากว่าเธอจะไม่เข้ามา

“ฉันเองก็อยากจะจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเหมือนกัน” เขาเอ่ยเบาๆ เมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวลงมาชั้นล่าง แม้จะหงุดหงิดและโกรธเกรี้ยวเพียงใด แต่เมื่อบานเหล็กเปิดออก ดาราฉายก็สูดลมหายใจแล้วควบคุมทุกอารมณ์อย่างที่ทำตลอดมา

“โอกาสของเธอเหลือไม่มากแล้วนะคีย์ เธอจะทำยังก็ได้ ให้ฉันรู้ว่าคิดไม่ผิดที่จะแต่งงานกับเธอ” หญิงสาวว่าอย่างมาดมั่น แต่เบาราวกระซิบ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “คุณน่านบอกว่าจะให้รถทัวร์ไปรับที่ลาฟาแยต... เธอจะให้คนโทรศัพท์ขึ้นไปบอกยายนั่นก็ได้ เดี๋ยวจะมัวแต่ร้องไห้ฟูมฟายไม่ยอมออกมา คนอื่นก็จะพลอยเดือดร้อนไปหมด”

ดาราฉายเอ่ย ก่อนเดินนำไปทางประตูกระจกบานเลื่อน แต่เมื่อเห็นว่าผู้ชายร่างใหญ่ไม่ได้เดินตามมา เธอจึงหันไปเอ่ย “มาสิ...เราจะต้องไปถึงที่นั่นพร้อมกัน เรื่องที่เธอแอบมาหายายเพลงรักจะต้องเป็นความลับ ฉันขี้เกียจตกเป็นขี้ปากใคร”

มีแต่คำสั่ง สั่ง และสั่ง ซึ่งท่านประธานใหญ่ที่ชินกับการออกคำสั่งเช่นกันรู้สึกไม่ชอบฟังเท่าไร หากไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดที่เกิดในใจ คงไม่มีทางที่เขาจะก้มหน้าทำตามแต่ฝ่ายเดียวแน่นอน

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก้าวตามหญิงสาวออกไป พร้อมกับสงสัยว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าเขามาหาเพลงรัก ถึงขนาดสั่งรูมเซอร์วิสเข้าไปขัดได้ถูกจังหวะ ซึ่งคำตอบก็คงเป็นเช่นเดียวกับเหตุผลที่ว่า ทำไมเธอถึงรู้เรื่องแฟนคลับผู้โชคดี ‘นอน’ กับนักร้องหนุ่มนั่นแหละ

มีใครสักคนกำลังเป็นสายให้เธอ

-----------------------------------------------------------------------------

รถทัวร์มาถึงยังหอคอยเหล็กสูงตระหง่านในเวลาเที่ยงตรงพอดี

น่านฟ้าแจกตั๋วสำหรับขึ้นไปรับประทานอาหารบนชั้น 1 ซึ่งทำให้ไม่ต้องต่อคิวในการใช้ลิฟต์ยาวเหยียดเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ไม่มีใครพูดอะไรกันมากนัก อาจเพราะผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ทำให้หลายคนประดักประเดิกต่อกัน แต่กระนั้นการถ่ายทำก็ยังต้องดำเนินต่อไป

เพลงรักที่ได้รับการแต่งหน้าแบบไฮสปีดจากหลานสาวบนรถทัวร์ เพื่อกลบร่องรอยบอบช้ำที่ดวงตา พยามยามไม่เหลือบมองไปยังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กับหญิงสาวร่างบางระหงที่เดินเคียงข้างกันอยู่ด้านหลัง ครุ่นคิดอยู่แต่ว่าควรจองตั๋วกลับเมืองไทยดีไหม จะแอบจองอย่างไรไม่ให้ใครรู้ แล้วจะทำอย่างไรกับสัญญา 5 ล้านหากเธอคิดหนีจริงๆ สามารถกู้ใครได้บ้าง เพื่อนสนิทสามคนของเธอพอจะมีให้ยืมไหม หรือว่าจะทนกับสถานการณ์บีบหัวใจนี่ต่อไป เอาให้เจ็บเจียนตายไปเลยแล้วค่อยตัดใจทีเดียว หรือว่า...

“เฮ้อ...ความแตกซะล่ะ อย่างนี้ผมก็แกล้งป้าต่อไปไม่ได้แล้วสิ” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัว หลังทั้งหมดก้าวออกจากลิฟต์ตัวใหญ่ ที่ไต่ระดับมาถึงชั้น 1 ซึ่งสูงจากพื้นดินจนมองเห็นคนด้านล่างตัวเล็กราวกับมด เพลงรักที่สวมเสื้อเชิ้ตตัวยาวกับกางเกงยีนส์เช่นเดิมหันไปมองนักร้องหนุ่มในเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายช้าๆ

“อย่าเพิ่งกวนได้ไหม ฉันเหนื่อย”

“ไปทำอะไรมาล่ะถึงได้เหนื่อย นี่ก็ขึ้นลิฟต์มานะ ไม่ได้ให้เดินขึ้นกะไดซะหน่อย อ๋อ เข้าใจล่ะ อายุมากก็เป็นอย่างนี้ แล้วนี่ป้าจะเอายาดมไหม เดี๋ยวผมจะได้ไปขอคุณน่านมาให้”

เพลงรักถอนหายใจอย่างระอา เขาช่างกวนประสาทได้ไม่เลือกเวลาจริงๆ เธอเตรียมจะตอบโต้ตามกำลังที่มี แต่เสียงเล็กแหลมของเด็กสาวผมลอนก็ดังขึ้นมาเสียก่อน “พี่แทน!!! รอน้องข้าวด้วยสิคะ”

อันนาที่ตอนแรกเดินอยู่กับดาราฉายที่ด้านหลัง ร้องเรียกดังก่อนวิ่งมาควงแขนแทนกวีเอาไว้ ซึ่งท่าทีประกาศตัวเป็นเจ้าของนักร้องหนุ่มอย่างเปิดเผย ทำให้พิมพลอยที่ยืนอยู่ข้างๆ น้าสาวเบ้ปากอย่างหมั่นไส้

“พี่ลูกแก้ว น้าเพลงจะต้องถ่ายรายการกับพี่แทนไม่ใช่หรอคะ ทำไมไม่เริ่มล่ะ” พิมพลอยใช้ตัวช่วย ด้วยการตะโกนถามครีเอทีฟที่เดินนำอยู่ข้างพลพรรค ซึ่งสาวร่างบางในกางเกงยีนส์ทะมัดทะแมงก็หันกลับมา ก่อนมองหาโปรดิวเซอร์ทางด้านหลังอย่างถามความเห็น คีตภัคพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงอนุญาต

“ถ้าอย่างนั้นเราจะถ่ายทำตั้งแต่ตรงนี้ แล้วเดินเข้าไปในร้าน พี่โต้งเตรียมกล้องด้วย แทนกับคุณเพลงมาติดไมค์ด้วยนะ”

แล้วความวุ่นวายของการเตรียมตัว ก็ดึงแทนกวีออกจากอันนาได้สำเร็จ เด็กสาวผมลอนที่ถูก ‘ฉก’ ขวัญใจไปต่อหน้าต่อตาได้แต่ยืนงง ก่อนเหลือบไปเห็นเด็กสาวรุ่นเดียวกันอีกคน กำลังยักคิ้วพร้อมส่งรอยยิ้มเยาะมาให้ด้วยความสะใจ

อันนารู้ความหมายทันที… นี่ถือเป็นการประกาศสงครามอย่างเต็มตัว

ลูกสาวคอลัมนิสต์ชื่อดังที่ถือว่าตนสนิทสนมกับนักร้องหนุ่มมากกว่าไม่ยอมแพ้ แต่เธอก็คิดวิธีโต้กลับพิมพลอยเองไม่ได้ เลยจำต้อง ‘ฟ้อง’ เพื่อนรุ่นพี่ที่เจนสนามมากกว่าให้ช่วยจัดการ ดาราฉายที่ไม่ชอบเด็กปากกล้าอย่างหลานสาวของเพลงรักอยู่เป็นทุนเดิมจึงช่วยคิดแผนให้ และเมื่อทั้งหมดก้าวขึ้นบันไดวนภายในร้านอาหาร 58 Tour Eiffle มาถึงโต๊ะที่จองไว้ริมกระจกใส ซึ่งมองออกไปเห็นทิวทัศน์ของเมืองปารีสเป็นมุมกว้าง หญิงสาวร่างบางระหวงที่ควงแขนคู่หมั้นไม่ยอมปล่อย ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

“ขอโทษนะจ๊ะ ฉันเพิ่งนึกได้ว่า ต้องการให้มีคุณน่านอยู่ในรายการนี้ด้วย” ดาราฉายประกาศ ขณะที่ลูกแก้วกำลังคิดว่าจะจัดโต๊ะที่นั่งอย่างไร เพื่อให้เห็นวิวสวยและไม่ย้อนแสง เพราะภายในร้านที่คุมโทนด้วยสีดำเป็นส่วนใหญ่ ไม่สว่างจัดจ้าเท่าด้านนอก

“คุณดาราหมายถึงอะไรหรอคะ” ครีเอทีฟสาวหันไปถาม โดยที่คนอื่นเองก็สงสัยเช่นเดียวกัน

“ในเมื่อ Mega Star Travel ของฉันเป็นสปอนเซอร์หลักของรายการนี้ คนดูก็ควรรู้จักบริษัททัวร์ของฉันมากขึ้นไม่ใช่หรอจ๊ะ ถ้ามีแค่แทนกวีกับแฟนคลับ คนจะรู้ได้ยังไงว่าทัวร์ของฉันเป็นยังไง ฉันเลยต้องการให้คุณน่านเข้าไปมีส่วนร่วม จะให้พูดประวัติสถานที่หรือแนะนำอาหารอะไรก็ได้ แต่ต้องให้เห็นความสามารถของคุณน่านให้ได้มากที่สุด… ไม่น่าลำบากอะไรนี่จ๊ะ คุณน่านก็ทำให้หน้าที่ไกด์ตามเดิม แต่แค่เข้ามาร่วมโต๊ะอาหารด้วยก็เท่านั้น มันยากอะไรหรอถึงต้องทำหน้าอย่างนั้นน่ะ” ประโยคหลังดาราฉายถามเสียงห้วนอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นลูกแก้วขมวดคิ้วด้วยความเคร่งเครียด

“คุณควรจะบอกก่อน” สาวร่างบางเอ่ยเสียงหงุดหงิด ก่อนตำหนิอย่างตรงไปตรงมา “ถึงคุณจะเป็นสปอนเซอร์ แต่รายการนี้ก็ไม่ใช่ของคุณคนเดียว”

“เอ๊ะ!!!” ดาราฉายขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ คนอย่างเธอเคยโดนใครขัดใจเสียที่ไหน แต่หญิงสาวรีบสะกดกลั้นอารมณ์ เมื่อตระหนักได้ว่าไม่ได้ยืนอยู่สนทนากับลูกน้องของคู่หมั้นตามลำพัง “ฉันแค่ต้องการเห็นผลประโยชน์จากเงินที่ฉันลงทุนไป... ไม่ได้หรอจ๊ะ”

ลูกแก้วถอนหายใจทันที ซึ่งก็เป็นนิยมการอีกครั้งที่ต้องรีบไกล่เกลี่ย “ได้อยู่แล้วสิคะคุณดารา เดี๋ยวพี่นัดตี้จัดการให้เลยนะคะ คุณโต้ง เรามีไมค์สำรองอีกตัวใช่ไหม มาค่ะ คุณไกด์สุดหล่อ เดี๋ยวนัดตี้จะติดไมค์ให้นะคะ”

“เอาจริงหรอครับ... ให้ผมเป็นไกด์ผมทำได้ แต่ถ้าต้องถ่ายรายการอย่างคุณเพลง ผมไม่แน่ใจนะครับ”

“ก็แค่ทำหน้าที่ของคุณนั่นแหละ” ดาราฉายเอ่ยเสียงเด็ดขาด น่านฟ้าจึงได้แต่พยักหน้ารับ

และแล้วการแทรกกลางระหว่างเพลงรักกับแทนกวีก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แม้ไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่อย่างน้อยก็เหมือนตอกกลับคู่ต่อสู้ได้ อันนาเลยหันไปยักคิ้วแล้วแลบลิ้นใส่พิมพลอยอย่างผู้ชนะ ซึ่งก็ทำให้ลูกสาวเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้สนใจกับการมีน่านฟ้าเข้ามา เริ่มรู้สึกหงุดหงิดและเจ็บใจ หลังโดนเยาะเย้ยจากคู่แข่ง

เด็กสาวทั้งสองส่งสายตาห้ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ขณะที่ชายหนุ่มร่างใหญ่กำลังคิดว่าฐานะลูกน้องของน่านฟ้า อาจทำให้ฝ่ายนั้นคอยเป็นสายรายงานเรื่องต่างๆ ให้ดาราฉาย แล้วสายตาที่จับจ้องมายังไกด์หนุ่มอย่างพิจารณานี่เอง ที่ทำให้นักร้องซึ่งหันมาเห็นโดยบังเอิญ อดคิดไม่ได้ว่าท่านประธานใหญ่กำลังหึงเมื่อเพลงรักต้องใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่น โดยที่หญิงสาวข้างกายเขาก็เอาแต่ทำหน้าเศร้าอยู่เช่นเดิม

แม้จะอยู่ร่วมกัน ในสถานการณ์เดียวกัน แต่ต่างคนก็ต่างจมอยู่กับความคิดตัวเอง

-----------------------------------------------------------------------------

“วิวที่เรามองไปเห็นด้านล่างนี่ คือจัตุรัสทรอคาเดโร (Trocadero) นะครับ”
น่านฟ้าเริ่มต้นอธิบายด้วยการบุ้ยใบ้ไปยังด้านล่าง ซึ่งมีสนามหญ้าสีเขียวเป็นแนวยาวตั้งแต่สะพานข้ามแม่น้ำแซนน์ ขนาบสองข้างของน้ำพุไปจนถึงอาคารสีครีม “ทัวร์ส่วนใหญ่มักจะพามาถ่ายรูปที่นั่น เพราะถือว่าเป็นจุดที่มองเห็นหอไอเฟลได้สวยที่สุด แต่มาทั้งที ก็ไม่ควรแค่เห็นด้วยตาใช่ไหมครับ เราก็เลยพามาสัมผัสด้วยการรับประทานอาหารบนหอไอเฟลซะเลย เป็นไงบ้างครับ ชอบไหม”

ไกด์หนุ่มถามความเห็น ซึ่งเพลงรักก็มัวแต่เหม่อลอยจนเขาต้องถามซ้ำ หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนตอบรับตามมารยาท “ชอบค่ะ” ทั้งที่เป็นเสียงเรียบเฉยปราศจากอารมณ์ร่วมใดๆ แต่นักร้องหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายก็ยังอุตส่าห์หันมามองด้วยความหมั่นไส้

“ป้าก็ต้องชอบอยู่แล้ว มาเที่ยวกับผม ที่ไหนๆ ป้าก็ชอบทั้งนั้น”

“แต่ฉันคงชอบมากกว่านี้ ถ้าไม่ต้องมา” ไม่ใช่แค่น้ำเสียงเนือยๆ แต่คำตอบก็แสดงถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน ธรรมดาป้าจะต้องด่าเขาว่า ‘หลงตัวเอง’ ไปแล้ว แต่นี่... แทนกวีขมวดคิ้ว ป้ากำลังเฮิร์ตเพราะพี่คีย์ใช่ไหม

“สตาร์ทเตอร์มาเสิร์ฟแล้วนะครับ” เสียงของน่านฟ้า ปลุกแทนกวีจากความคิด ขณะที่พนักงานในชุดดำนำจานสีขาวก้นลึกมาวางตรงหน้า “เริ่มต้นด้วยซุปข้าวโพดนะครับ ที่เห็นเป็นเม็ดๆ ในจานก็มีข้าวโพด ข้าวโพดคั่ว แล้วก็เมล็ดทับทิมที่แกะเรียบร้อยมาโรยมาเพิ่มสีสัน แล้วที่เห็นเป็นแท่งตะปุ่มตะปั่มอยู่นี่ก็คือขนมปังแท่ง เคลือบด้วยคาราเมลแล้วเอาข้าวโพดคั่วมาแปะที่ละเม็ด ช่างคิดช่างทำนะครับ ส่วนตัวซุปเดี๋ยวเขาจะมาตักให้อีกที อ้าวนี่ไงครับ มาแล้ว” ไกด์หนุ่มเอ่ย เมื่อพนักงานคนเดิมนำกาที่บรรจุซุปสีเหลืองข้นมาเทใส่พอดีกับความลึกของจาน หลังจากเสิร์ฟครบทุกคนแล้ว

“โห ให้น้อยอย่างนี้แล้วมันจะพอยาไส้ป้าอ้วนของผมได้ยังไง มาเป็นตุ่มเลยได้ไหมล่ะ มันจะได้อยู่ท้อง”

เพลงรักที่จมอยู่ในห้วงความทุกข์ เหลือบมองชายหนุ่มข้างกายแวบหนึ่ง ให้ตายสิ... เขาจะปล่อยให้เธอดักดานอยู่กับความเจ็บปวดโดยไม่กวนประสาทไม่ได้เลยใช่ไหม

“ตาบ้าแทนกวี จะเอามาอาบหรือไง”

ทั้งที่โดนประชดด้วยเสียงหงุดหงิดแต่นักร้องหนุ่มกลับยิ้มกว้าง คุณป้าอ้วนคนเดิมของเขากำลังกลับมา หลังจากหลงทางอยู่ในความซึมเศร้าเสียนาน

แล้วการที่แทนกวีส่งสายตายั่วล้อ เพลงรักก็มองกลับตาเขียว ก็ทำให้น่านฟ้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามรู้สึกวางตัวไม่ถูก เขาคิดว่าดูฉากพ่อแง่แม่งอนในละครโทรทัศน์อย่างไรอย่างนั้น และเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นส่วนเกินจนเกินไป ไกด์หนุ่มจึงรีบงัดความรู้ที่มีมาบรรยายอย่างเต็มที่

แต่ไม่ต้องถามนะว่าคู่รักกำมะลอตั้งใจฟังไหม...

--------------------------------------------------------------------------------

คีตภัคที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ มองดูความใกล้ชิดระหว่างนักร้องในสังกัดกับ ‘อดีต’ คนรักอย่างไม่สบายใจนัก

เขาพยายามคิดว่าแทนกวีทำตามหน้าที่ แต่เพราะอยู่ดูแลมา 5 ปี ทำให้เขาสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกไป เช่นเดียวกับเพลงรักที่ความสนิทสนมในสมัยเรียน บอกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ ซึ่งชายหนุ่มก็ได้แต่หวังว่าสายตาคมกริบที่มองทุกอย่างอย่างแม่นยำมาเสมอ จะผิดพลาดในคราวนี้

แล้วขณะที่เขากำลังเคร่งเครียดกับความคิดตัวเองอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใคร เขาก็ลุกเพื่อเลี่ยงไปคุยที่อื่น คู่หมั้นสาวที่จับตามองอยู่ทำท่าจะลุกตามด้วย แต่ก็โดนเบรกเสียก่อนด้วยการที่เขาหันมาบอกสั้นๆ ว่า “แม่โทรมา”

แค่นั้น...ดาราฉายก็ยอมนั่งละเลียดซุปข้าวโพด ไม่ออกไปเฝ้าชายหนุ่มอย่างที่ทำมาตลอดเช้า ซึ่งถือเป็นโอกาสทองสำหรับคนที่รอคอยโอกาสอยู่ พิมพลอยฉลาดพอจะทิ้งช่วงสักพัก ก่อนจะบอกนิยมการว่าขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ทันทีที่ก้าวลงบันไดวนภายในร้าน สายตาก็สอดส่องหาคนที่ออกมาก่อนทันที
ระหว่างเธอกับคีตภัค มีเรื่องต้องสะสางกัน



********************
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะทุกคน พอดีต้องรีบไปทำธุระ ขอยังไม่ตอบคอมเม้นนะคะ ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ




ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ค. 2555, 10:07:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ค. 2555, 10:07:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1554





<< บทที่ 12   บทที่ 17 >>
Pat 13 พ.ค. 2555, 11:02:09 น.
กำลังจะรู้อยู่แล้วเชียวว่ามันเรื่องอะไร ไม่น่ามาขัดจังหวะเล้ย


nunoi 13 พ.ค. 2555, 12:33:13 น.
ใช่ค่ะ กำลังลุ้นเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมื่อห้าปีที่แล้ว ยัยดารามาขัดจังหวะซะนี่


roseolar 13 พ.ค. 2555, 23:22:21 น.
โอ๊ย!!!กำลังจะรู้อยู่แล้วเชียว ดันโดนขัดจังหวะซะได้ แต่เหตุผลไม่น่าจะมาจากคำว่าไม่รักนะ อยากรู้ใจจะขาด
คิดไปคิดมา หนูพลอยคงคู่กับคุณคีย์แหละ แต่ก็แอบสงสารดาราเหมือนกันน้าา
รออ่านตอนต่อไปค่า


โฉมฉาย 14 พ.ค. 2555, 17:16:34 น.
โอย ลุ้นค่ะ


pattisa 14 พ.ค. 2555, 22:11:55 น.
เพิ่งได้ติดตามด่ะ เรื่องราวสนุกมากๆ สงสัยคุณคีย์จะได้ถอนหมั้นเเน่เลย อิอิ เเล้วให้มาคู่กับพลอยเเทน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account