อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 32

ตอนที่ 32

“เฮ้ย! แล้วพี่ก็ยอมเรอะ” วีกิจถามอย่างตกใจ หลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากปากของตฤณที่นั่งอยู่ข้างเตียงของตรีทิพย์ เขาพยักหน้าช้าๆอย่างเซื่องซึม ดวงตายังฉายแววเจ็บปวดจนน้องสาวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงต้องเอื้อมไปกุมมืออย่างให้กำลังใจ เขาบีบมือน้องสาวแล้วส่งยิ้มที่ดูยังไงก็ฝืนชัดๆให้เล็กน้อยแล้วกลับไปเป็นอย่างเดิม

วีกิจเอามือนวดขมับตนเอง ช่วงนี้มันอะไรกันนักหนา พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกชีวิตพี่ชายร่วมโลกของเขาหรือไง เพิ่งเกิดเรื่องกับน้องสาวชนิดที่ว่าหากเปรียบเป็นไฟไหม้ก็ควันยังไม่ทันจาง กองขี้เถ้าก็ดันมาปะทุขึ้นใหม่ด้วยเรื่องนี้อีก

“แล้ววีจะให้พี่ทำไง ดาวเขาขอร้องแถมยังทำตาเศร้าอีก พี่แพ้ตาแบบนั้นของเขานายก็รู้”

“บอกตรงๆแบบไม่ถนอมน้ำใจเลยนะพี่...พวกพี่โคตรจะไร้สาระอ่ะ” เขาบ่น ก่อนจะร้องออกมาเบาๆเพราะโดนคนป่วยหยิกเข้าให้ “ก็มันจริงนี่”

“จริงยังไงก็ไม่ควรพูด ปากแบบนี้นี่เอง ตัวฉันคนก่อนถึงได้ชอบทำร้ายร่างกายคุณนัก”

“ชิ...พอยอมให้หน่อยก็เอาใหญ่เชียวนะ อย่าให้ถึงทีผมบ้างละ จะทบต้นทบดอกเลยคอยดู” บอกอย่างหมั่นเขี้ยว แต่คนโดนขู่ไม่สนใจ ท้ากลับอีกต่างหาก

“กล้าก็ลองสิ จะฟ้องแม่”

“โอ๊ะ! งั้นกลัวแล้วคร้าบ...” วีกิจกระโดดเข้าไปเอาศีรษะถูไถกับแขนเรียวอ้อนๆ เหมือนลูกแมวอ้อนเจ้าของ แต่กับเขาคงเหมือนเสืออ้อนพี่เลี้ยงกระมัง ตฤณมองภาพการหยอกล้อของคู่รักตรงหน้าแล้วยิ้มเศร้า นึกย้อนไปถึงตัวเขากับดาวเหนือไม่ได้ ปกติก็ชอบเล่นแบบนี้กัน แต่ต่อไปนี้คงอีกนานสินะ กว่าจะได้กลับมาใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกันอีกครั้ง...เฮ้อ!

“แล้วนี่พี่จะเอาไงต่อ...ผมรู้หรอกว่าคนอย่างพี่น่ะไม่ยอมอยู่ห่างจริงๆหรอก”ชายหนุ่มบอกอย่างรู้ทัน คนภายนอกอาจจะเห็นว่าตฤณเป็นคนนิ่งๆ ใจเย็น ยิ้มง่าย แต่ไม่มีใครรู้ความจริงหรอกว่าพี่ชายคนนี้ของเขาน่ะ คล้ายกับภูเขาไฟที่รอวันระเบิดอยู่ก็เท่านั้น ตฤณถอนหายใจอีกครั้ง เขาน่าจะจดสถิติเอาไว้นะจะได้รู้ว่าเพียงแค่วันนี้วันเดียวเขาต้องถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้ว

“ก็จริงอย่างที่เราพูด แต่เผอิญว่าคราวนี้...คนนี้ พี่จริงจัง เขาขอให้ห่างก็จะยอมห่าง แต่เดือนเดียวเท่านั้นน่ะ สิ้นเดือนเป๊ะเมื่อไหร่ พี่จะทวงแฟนพี่คืน” เขาบอกด้วยดวงตามุ่งมั่น

“โห...มาเฟียมากๆ” วีกิจบอกอย่างปลาบปลื้ม ถ้าไม่กลับว่าจะเสียภาพพจน์เขาคงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาด้วยซ้ำ ตรีทิพย์ยิ้มออกมาได้มองคนพี่ชาย เธอรู้สึกภูมิใจที่มีพี่ชายอย่างคนคนนี้ ตอนนี้เธออาจจะยังจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้มาก แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เธอในตอนนี้และเธอในอดีตแน่ใจ....พี่ตฤณเท่ที่สุด!

“แล้วนี่พรุ่งนี้จะให้พี่มารับไหม” พรุ่งนี้น้องสาวของเขาก็จะออกจากโรงพยาบาล นายแพทย์เจ้าของไข้อนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านแต่ยังคงต้องใส่เฝือกไว้ที่แขนและขาตามเดิม อีกทั้งยังนัดให้มาตรวจร่างกายเพิ่มเติมอีกครั้งเดือนหน้าเพื่อดูว่ากระดูเชื่อมติดกันแล้วหรือยัง ตรีทิพย์กำลังจะอ้าปากแต่พ่อบุรุษพยาบาลส่วนตัวก็ชิงบอกเสียก่อน

“ไม่ต้องพี่ ไม่ต้อง เดี๋ยวว่าที่น้องเขยคนนี้ไปส่งให้เอง รับรองถึงบ้านแน่นอน”

ตฤณเลิกคิ้วมองคนอาสาอย่างหมั่นไส้ แหม...มาหวานกันให้อิจฉา เวลานี้ใครจะหาว่าเขาพาลก็ยอม “ใครอนุญาตไม่ทราบคุณวีกิจ”

“ง่ะ...” วีกิจร้องออกมาสั้นๆ ทำหน้าเหมือนคางคกถูกรถทับ หันไปมองตรีทิพย์อย่างขอความช่วยเหลือ แต่ว่าก็ต้องหงอยเพราะโดนคนรักหักเหลี่ยมโหดซะอย่างนั้น

“สมน้ำหน้า ขี้ตู่ดีนัก”

“ใช่ซี้...เรามันคนนอก หึ...งอนแล้ว ไปหานางพยาบาลสวยๆมาดามใจดีกว่า” สะบัดหน้าใส่อย่างแสนงอนราวกับผู้หญิง มีแกล้งเดินบิดสะโพกให้ดูด้วยอีกต่างหาก
ตฤณพยายามกลั้นหัวเราะขณะมองท่าทางของว่าที่น้องเขยจอมขี้เล่น หันไปมองทางตรีทิพย์นั้นพบว่าเธอมีสีหน้าเย็นชาตั้งแต่ได้ยินว่า ‘นางพยาบาลสวยๆ’ แล้ว หญิงสาวหันหน้าออกไปทางหน้าต่างแล้วพูดขึ้นลอยๆแต่ทำเอาคนที่กำลังจะออกจากห้องกลับมานั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยมที่ข้างเตียงตามเดิม

“ตามสบาย...ก้าวขาออกไปถือว่าเลิกกัน”

เท่านั้นแหละ สัตวแพทย์หนุ่มมาดนุ่มก็หัวเราะออกมาเป็นบ้าเป็นหลังกับท่าทาง ‘หงอ’ ของหนุ่มรุ่นน้อง เขาฟันธงได้เลยว่าอนาคตวีกิจคงจะเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิก ‘ชมรมคนเกรงใจเมีย’ อย่างบิดาของเขาที่บ้านเป็นแน่ หึหึ

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน หันไปฝากฝังกับว่าที่น้องเขย “งั้นพรุ่งนี้พี่ฝากยายตาลด้วยนะ ส่งให้ถึงบ้านล่ะ”

วีกิจลุกขึ้นยืนตะเบ๊ะให้อย่างแข็งขัน “คร้าบ...” แต่เสียงรับคำนี่สิปัญหา ตฤณหรี่ตามองก่อนเอ่ยดักคอ

“ส่งให้ถึงบ้านพี่นะวี...ไม่ใช่บ้านวี”

“แหม...รู้ทันเสียนี่ ว่าจะพาวิวาห์เหาะเสียหน่อย” เขาแกล้งบ่น พลางทำหน้าเสียดายเลยโดนนิ้วงามๆของคนเจ็บเหน็บเข้าที่เอวให้ร้องอู้ ตฤณยิ้มแล้วบอกลาเพื่อกลับไปพักผ่อนจิตใจเตรียมสู้กับวันใหม่ที่ไร้คนข้างกาย...


“ก้อย...จับขาไก่แจ้เอาไว้” ตฤณสั่งผู้ช่วยสาวเสียงเฉียบ นาทีนี้ต้องทำงานแข่งกับความกลัวของสุนัขตัวใหญ่พันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ที่ดิ้นไม่ยอมให้เขาฉีดยาให้ เลือดไหลออกจากจมูกเจ้าตัวโตเป็นทางและบางส่วนก็กระจายเปื้อนเตียงสแตนเลส บางส่วนก็เปื้อนผนังห้อง และก็มีเปื้อนเสื้อกาวน์เขาไม่น้อยทีเดียวทำให้เจ้าของตัวน้อยยืนหน้าซีดอยู่ในอ้อมกอดของมารดา น้ำตาคลอหน่วยด้วยความกลัวว่าเพื่อนรักสี่ขาจะเป็นอะไรไป

ส่วนผู้เป็นพ่อของเด็กหญิงก็เข้ามาช่วยก้อยยึดเจ้าไก่แจ้เอาไว้มั่น ชายหนุ่มเห็นว่าหากยังดิ้นอยู่อย่างนี้จะทำให้เลือดออกมากขึ้นและอาจเป็นอันตรายต่อสุนัขได้ จึงบอกให้ทุกคนหยุดมือ ให้เจ้าไก่แจ้ได้พักให้หายกลัวอีกสักหน่อย ระหว่างนั้นเจ้าของสุนัขก็เข้ามาสนทนาถึงอาการของเจ้าตัวดี

“ตกลงเจ้าไก่แจ้เป็นอะไรครับ...หมอ”

“จากที่ดูนะครับ คงเป็นพยาธิเม็ดเลือด ช่วงนี้สุนัขเป็นเยอะ เมื่อวันก่อนก็มีมาตัวหนึ่ง แบบเดียวกับเจ้าไก้แจ้เลยครับ”

“แล้วมันเกิดจากอะไรครับ”

“ส่วนมากจะมีสาเหตุมาจากเห็บครับ อากาศร้อนอย่างนี้เห็บเลยออกมามาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเห็บทุกตัวนะครับที่มีเชื้อ บางทีอาจจะมีแค่ตัวเดียว แต่สุนัขของเราดันโดนเจ้าตัวนั้นมาเกาะก็เลยติดเชื้อครับ” ตฤณอธิบายเสียงนุ่ม อีกฝ่ายส่งเสียงในลำคอ พยักหน้าหงึกหงัก ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆส่งไปให้เด็กหญิงที่มายืนเกาะขาคุณพ่อฟังเขาพูด

“วันนี้หมอจะฉีดยาห้ามเลือดแล้วก็ยาฆ่าเชื้อให้ แล้วก็ให้ยากินไปก่อนสองอาทิตย์ หลังจากนั้นก็พาเขามาเจาะเลือดนะครับ จะดูว่าเป็นเลือดเป็นอย่างไรบ้างจะได้ให้ยาถูกตัว”

“จะมีโอกาสหายไหมครับ”

“หายครับ แต่ถ้ามีเห็บเยอะ มันก็จะกลับมาอีก ทางที่ดีรักษาความสะอาดของที่นอนแล้วก็อาบน้ำให้เขาบ่อยหน่อย ก็ช่วยได้มาก” ชายหนุ่มย่อตัวลงให้ความสูงของเขาเท่ากับเด็กหญิงเอื้อมมือไปวางแปะบนศีรษะทุยอย่างเอ็นดูพร้อมปลอบใจ

“ไม่ต้องห่วงนะคะคนเก่ง...ไก่แจ้ปลอดภัยแน่นอน คุณหมอรับรอง”

หลังจากรอให้ไก่แจ้หายตกใจแล้ว ตฤณก็สั่งให้ช่วยกันจับอีกครั้ง ผลก็ออกมาแบบเดิมนั่นคือ ไก่แจ้ออกแรงดิ้นและเลือดที่ไหลช้าลงเมื่อครู่ก็กลับมาทะลักทลายอีก สุดท้ายตฤณเห็นว่าไม่ดีแน่เลยเปลี่ยนวิธีการ ชายหนุ่มเดินไปลากเสาให้น้ำเกลือมาไว้ด้านข้าง สั่งให้เจ้าของสุนัขกอดบังเอาไว้ไม่ให้เห็นเขา ก่อนจะจับขาหน้าของไก่แจ้ขึ้นมาคลำหาเส้นเลือด ร่างสูงจัดการแทงเข็มเข้าไปตามด้วยสายน้ำเกลือ

ก้อยพอเห็นอย่างนั้นก็รีบตัดเทปกาวส่งให้คุณหมอพันรอบเข็ม หลังจากนั้นตฤณก็ฉีดยาผ่านสายน้ำเกลือแทนจะฉีดเข้าไปตรงๆ ถอนเข็มออกมาก่อนยกหลังมือปาดเหงื่อที่เกาะพราวบนหน้าผาก แล้วหันไปหาเจ้าของสุนัข

“เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ก็รอให้เลือดหยุดไหล ประมาณหนึ่งชั่วโมงจากนี้นะครับ แต่ก็ยังพอจะมีหยดอยู่บ้าง ไม่เยอะอย่างตอนแรก แล้วก็ให้เริ่มกินยาที่หมอให้พรุ่งนี้เช้านะครับ อาจจะมีเลือดหยดบ้างประมาณสามถึงห้าวัน ไม่ต้องตกใจไปนะครับ”

“ขอบคุณคุณหมอมากครับ น้องลีขอบคุณคุณหมอเร็วครับลูก” คุณพ่อหันไปบอกคุณลูกตัวน้อยที่ยืนบิดไปมาเพราะไม่คุ้นชินกับคนแปลกหน้า แต่ก็ยอมทำตามโดยดี

“ขอบคุณค่า” เด็กหญิงพนมมือไหว้สวยงาม แถมรอยยิ้มอวดฟันหลอมาให้อย่างน่ารัก ตฤณส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินไปจัดยา ส่วนน้องลีก็วิ่งจี๋ไปลูบหัวเจ้าไก่แจ้ที่ส่งสายตามาออดอ้อนเจ้าของประมาณว่า ‘ผมเจ็บจังเลย ฮือ ฮือ’

“แล้วอีกสองอาทิตย์อย่าลืมพาไก่แจ้มาเจาะเลือดนะครับ” ตฤณเตือนขณะเดินออกมาส่งคนไข้สี่ขาที่บัดนี้เข้าไปยืนกระดิกหางดุกดิกอยู่ท้ายรถโฟร์วีลคันใหญ่โดยที่เด็กหญิงตัวน้อยและแม่ของเธอนั้นขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้วเช่นกัน คุณพ่อของเด็กหญิงหันมาส่งยิ้มให้เขา

“ขอบคุณมากครับคุณหมอ” ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ น้องลีโบกมือให้เขาขณะรถคันใหญ่เคลื่อนตัวออกไป ตะโกนเสียงใสพร้อมรอยยิ้มน่ารัก “บ๊าย บายค่า คุณหมอรูปหล่อ”

ตฤณยิ้มกว้างโบกมือตอบอย่างแข็งขัน พอท้ายรถของลูกค้าพ้นไปจากระยะสายตารอยยิ้มที่แต่งแต้มก็หายไป ใบหน้าคมคายเรียบเฉย มีเพียงความโหยหาเท่านั้นที่ฉายชัดทางแววตา มือหนาล้วงเอาโทรศัพท์คู่กายออกมามองหน้าจอหวังว่าจะได้เห็นชื่อของคนที่เฝ้ารอ...แต่มันก็ว่างเปล่า

เขาและดาวเหนือห่างกันมาได้สามวันแล้ว เป็นสามวันที่จะว่าเร็วก็ได้ แต่มันก็แลกมากับความทรมานร้าวรานอย่างหาที่สุดมิได้ แล้วเขาต้องรู้สึกแบบนี้ต่อไปอีกยี่สิบแปดวัน....อยากจะหลับไปแล้วตื่นอีกทีสิ้นเดือนจริงๆ เฮ้อ...

เขากำโทรศัพท์แน่น พ่นลมหายออกมาอย่างหนักหน่วง หมุนตัวเดินกลับเข้าร้านไป ร่างสูงถอดเสื้อกาวน์เปื้อนเลือดออกส่งให้ก้อยที่เดินมารับเพื่อเอาไปแช่น้ำยาก่อนจะซัก เขาสั่งอะไรกับผู้ช่วยสาวสองสามคำก่อนจะเดินทะลุหลังร้านไปยังประตูเชื่อมกับหลังบ้านของตนเอง กลับไปพักผ่อนระหว่างที่ยังไม่มีลูกค้า

ชายหนุ่มเตรียมเปิดประตูหลังบ้านเข้าไปด้านใน เขาชะงักเท้าหันขวับไปทางที่เห็นอะไรแวบๆสีทองเมื่อครู่ ตฤณรีบเดินตามไปทันทีพอเลี้ยวหัวมุมได้ก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อมุมปากกระตุกกึกๆ ภาพที่เห็นคือเจ้าตัวแสบสีทองของเขากำลังนอนเกลือกลิ้งไปมาอยู่กับพื้นพร้อมกับเจ้าตัวเล็ก แมวน้อยคู่หู เขาจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าบนพื้นมีแต่หญ้าสีเขียวไม่มีดินโคลนสีน้ำตาลดำเหลวๆอยู่ด้วยน่ะสิ!

ร่างสูงสูดลมหายใจลึกก่อนจะดุสองแสบประจำบ้านเสียงดัง “หยุดเดี๋ยวนี้นะเทอร์โบ เจ้าตัวเล็ก!”

สองสหายต่างสายพันธุ์สะดุ้งเฮือก รีบลุกขึ้นนั่งตัวตรงราวกับทหาร มองหน้าเจ้านายจ๋อย ตฤณก้มลงมองเจ้าแมวตัวโปรดของคนรักนิ่ง ก่อนจะนั่งลงเกาคางเจ้าตัวเล็กที่ทำใจกล้าเดินเข้ามาคลอเคลียร้องเมี้ยวยาว หางตาก็เหลือบมองสิว่าเจ้ายักษ์ใหญ่ใจน้อยของเขาจะทำอย่างไร นั่นไง...ต่อมอิจฉากำเริบ หึหึ

เจ้าแสบเบอร์หนึ่งที่นั่งดูเชิงมานาน พอเห็นเจ้านายนั่งยองๆเล่นกับเพื่อนก็เริ่มอิจฉาเล็กๆ ลุกเดินเข้าไปหวังจะอ้อนบ้าง แต่...

“จะไปไหน...เทอร์โบ” ตฤณแสยะยิ้มร้ายกาจ มือหนาคว้าหมับเข้าที่ปลอกคอของเทอร์โบที่ดิ้นไปมาหลังจากรู้แล้วว่าเจ้านายเล่นละครใส่ เขาจัดการเกี่ยวสายจูงที่มาอยู่ในมือเมื่อไหร่ไม่ทราบเข้ากับห่วงที่ปลอกคอทันที “เดินเข้ามาหาอุ้งมือมารเองอย่างนี้ก็อย่าหวังจะรอดไปได้ ดูสิจากทองกลายเป็นถ่านแล้วเนี่ย”

เทอร์โบครางหงิงขณะทำตัวอ่อนไม่มีแรงแกล้งให้เจ้านายหนุ่มทั้งลากทั้งดึงไปยังก๊อกน้ำ เจ้าตัวเล็กเห็นว่าเพื่อนสีทองพ่ายแพ้แล้วก็เตรียมเผ่นรู้แน่ว่ารายต่อไปคือเหมียวน้อยน่ารักอย่างตน แต่ตฤณไวกว่าช้อนตัวของมันขึ้นแล้วพาเดินไปหาสายจูงอีกเส้นจัดแจงเกี่ยวกับปลอกคอแล้วก็ถอยออกมายืนมองแมวหน้าบึ้ง ชี้นิ้วคาดโทษ “คิวต่อไป”

หลังจากนั้นก็ลงมือซักฟอกเจ้าเทอร์โบลงแชมพูแล้วขัดอย่างแรงเอาคราบโคลนออกไป ชายหนุ่มผิวปากอย่างอารมณ์ดีที่สามารถจับเจ้าสี่ขาตัวแสบมาอาบน้ำได้ ต่างจากเทอร์โบที่ยืนหน้าเซ็งรู้จักคำว่าพ่ายแพ้อีกครั้ง เจ้าตัวเล็กถอยกรูดไปติดกำแพงมองเพื่อนตัวใหญ่โดนอาบน้ำอยู่อย่างแหยงๆ

ตรีทิพย์หยิบไม้เท้าช่วยพยุงขึ้นมาพาตัวเองเดินไปยังเสียงโวยวายหลังบ้าน พอผลักประตูเปิดออกก็ต้องอมยิ้มกับสภาพของพี่ชายที่ตอนนี้เสื้อเชิ้ตสีขาวและเส้นผมสีดำเปียกไม่ต่างจากลูกสมุนทั้งสอง เขากำลังวิ่งไล่ตะครุบเจ้าสุนัขสีทองตัวโตที่แม่บอกว่าเป็นแสบหนึ่งของบ้านให้มาเช็ดตัว มีเจ้าแสบเบอร์สองคอยวิ่งพันขาช่วยเพื่อนแกล้งเจ้านาย กว่าลูกสมุนจะตัวแห้งเจ้านายก็โทรมสุดๆ

“ตกลงพี่ตฤณอาบน้ำให้เจ้าสองตัวนั่นอย่างเดียวหรือลงไปเล่นกับพวกมันด้วย”

ตฤณหันไปมองน้องสาว ยืดตัวขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า “ก็อาบน้ำให้นี่แหละ แต่ก็อย่างที่เห็น ไม่น่าใช่หมากับแมว ควรจะเป็นลิงสองตัวมากกว่า”

“นั่นสินะ แล้วทำไมถึงต้องอาบล่ะ”

“หึ...ลงไปคลุกบนโคลนทั้งคู่จนตัวดำเป็นถ่าน ขืนไม่อาบมีหวังเป็นขี้เรื้อนแน่ๆ” เขาพยักพเยิดไปยังจุดเกิดเหตุ ก่อนจะร้องลั่นเมื่อไอ้ตัวแสบเบอร์หนึ่งทำประชดจะลงไปเล่นโคลนอีกรอบ เขารีบวิ่งไปดึงสายจูงของเทอร์โบ ฉุดกระชากลากถูกันไปจนถึงกรงของเจ้าตัวดีซึ่งพอเห็นกรงก็หน้างอสะบัดตัวเป็นการใหญ่แต่ก็สู้แรงเจ้าของสุดที่รัก(?) ไม่ได้ ต้องเข้าไปนอนหน้าหงอย

ตฤณรีบล็อกกรงทันที ถลึงตาใส่เจ้าตัวดีที่นอนหันหลังให้เฉย เขาหันไปหาเจ้าเบอร์สองแต่ก็ไม่พบ มีเพียงตรีทิพย์ยืนอยู่ก็รีบถามทันที

“ตัวเล็กไปไหนตาล”

“ไม่เห็นตั้งแต่ตอนที่ตาลมาแล้วนะพี่ตฤณ” หญิงสาวบอกพลางช่วยมองหา “เอ๊ะ...ประตูรั้วเปิดอยู่ค่ะ”

ตฤณใจหายวาบ รีบวิ่งตรงไปที่ประตูรั้วมีตรีทิพย์โขยกเขยกตามไป กลัวเหลือเกินว่าตัวแทนของคนรักสาวจะเป็นอะไรไป ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นเหงื่อผุดพรายบนหน้าผาก แต่พอออกไปมองโดยรอบก็ไม่พบ โล่งใจขึ้นมานิดหน่อยที่ไม่มีร่องรอยอะไรบ่งบอกว่าเจ้าตัวเล็กนั้นกลายเป็นแมวปิ้ง แต่ยังคงหนักใจอยู่เพราะไม่รู้ว่าหายไปไหน

ตฤณกำลังจะหันมาบอกน้องว่าจะลองไปขับรถหา ก็พบคุณว่าที่น้องเขยมายืนหน้าเป็นซ่อนมือทั้งสองไว้ข้างหลัง พอเห็นเขามองอย่างสงสัยก็เอาของที่ซ่อนออกมา
แง้ว!

ตฤณเบิกตากว้าง ถอนหายใจยาวเหยียดรับเจ้าตัวเล็กมาจากอีกฝ่ายกอดเอาไว้แนบอก ซึ่งเจ้าตัวก็ยินยอมเพราะติดคนอยู่เป็นทุนเดิมแล้วก็ยิ่งชอบใจใหญ่เมื่อตฤณเอานิ้วเกาคางให้เบาๆ วีกิจและตรีทิพย์มองภาพที่พี่ชายของบ้านอุ้มแมวเหมียวอย่างทะนุถนอมก็สงสารรู้ดีว่าเขาคงคิดถึงเจ้าของแมวตัวจริงควบคู่ไปด้วย

“ผมเห็นมันกำลังหิ้วกระเป๋าจะหนีตามผู้ชายไปเลยรีบตะครุบกลับมาให้คุณพ่อลงโทษ กลายเป็นว่าไม่ลงโทษกลับมากอดปลอบเสียนี่” วีกิจแกล้งบ่นทำลายบรรยากาศอันเศร้าหมอง ตฤณหยุดนิ้วหันมามอง

“หือ...แล้วต้องให้ถึงกับใช้โซ่ แส่ กุญแจมือด้วยไหมล่ะ แต่พี่ไม่มีหรอกนะ คงต้องยืมนายเอา”

“โห...แหย่เล่นหน่อยเดียวนี่ถึงกับหางานให้ผมเลยเหรอพี่” วีกิจบอกเสียงอ่อย ส่งยิ้มประจบไปให้ตรีทิพย์ที่มองมาอย่างไม่ไว้ใจ บอกเสียงสูง

“ไม่มี๊! ...ไม่มี ผมรสนิยมปกติ ไม่ซาดิสต์” ชายหนุ่มช่วยประคองคนรักกลับเข้าบ้าน ตฤณเดินเลี่ยงเอาเจ้าตัวเล็กไปเก็บในกรงก่อนจะเดินตามเข้าไปสมทบ

“แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานหรือไงเราน่ะ” เขาถามวีกิจที่กำลังเทก๋วยเตี๋ยวใส่ชามทั้งสามที่วางบนโต๊ะ ชายหนุ่มนั่งลงที่หัวโต๊ะรับเอาชามก๋วยเตี๋ยวน้ำที่อีกฝ่ายเลื่อนส่งให้มาปรุงรส วีกิจวางชามอีกสองใบลงเบื้องหน้าของตนเองและคนรักแล้วตอบคำถามของตฤณ

“ไปมาแล้วคร้าบ เสร็จแล้วก็เผ่นมานี่ ผมทำงานกับป๊านะจะเบี้ยวเมื่อไหร่ก็ได้ พอป๊าจะด่าก็บอกว่ามาดูแลภรรยาในอนาคตเท่าเนี้ย....จบ”

“อกตัญญูจริงจังนะนายน่ะ” ตรีทิพย์ค่อนเข้าให้ หญิงสาวชี้นิ้วสั่งให้เขาตักน้ำตาลเพิ่ม วีกิจนิ่วหน้ากับคำพูดของคนรัก

“ตรงไหน...ผมกำลังเอาใจว่าที่แม่ยายให้รีบยกลูกสาวให้ จะได้มีทายาทสืบทอดตระกูลของป๊าเชียวนะ อกตัญญูตรงไหนล่ะเนี่ย”

“ก็ตรงนี้เนี่ยแหละ คิดแต่จะหาเมียไม่ช่วยพ่อแม่หาเงินบ้าง พวกท่านอยากจะหลานก็จริงแต่ฉันว่าพวกท่านคงอยากจะให้นายไปช่วยผ่อนภาระมากกว่า” ตรีทิพย์สอนจนชายหนุ่มถึงกับอึ้ง เขาไม่เคยคิดมาก่อนตามประสาลูกชายคนเดียวที่อยากได้อยากทำอะไรก็ตามสบาย

ตฤณอมยิ้มกับชามก๋วยเตี๋ยวรู้สึกภูมิใจที่ถึงแม้ยังจำอะไรไม่ได้แต่คำสอนนี้ที่เขาสอนตรีทิพย์เอาไว้ท่าจะฝังแน่นอยู่กับน้องเขาจนวันตาย เหลือบไปมองวีกิจก็เห็นว่าพ่อว่าที่น้องเขยมีอาการตื้นตันไม่ได้โกรธเคืองที่โดนว่าเอาประการใดก็พอใจ ก้มลงจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข วีกิจดึงเอามือของหญิงสาวมากุมมองตาเชื่อม

“เอาไว้ผมจะกลับไปขอโทษท่าน แล้วก็จะให้ท่านสอนงานแล้วกัน” ตรีทิพย์ยิ้มดีใจที่เธอในอดีตเลือกคนไม่ผิด เอาล่ะ...เธอก็จะพยายามจำทุกอย่างให้ได้เพื่อเธอและเขา

แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขภายในครอบครัวก็ไม่ได้ยืนยาวนัก....

“ฮัลโหล...มีใครอยู่ไหมคะเนี่ย”

เสียงแหลมดังลั่นพร้อมกับร่างเพรียวระหงในชุดเสื้อคอวีแขนกุดสีเขียวใบไม้กับกระโปรงผ้ายืดสีดำมีเข็มขัดสีน้ำตาลอ่อนคาดทับตรงเอว เดินฉับๆเข้ามาหน้าระรื่น ตะวันฉายยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าคนที่เธอต้องการเจอกำลังนั่งถือตะเกียบค้างมองมาทางเธออย่างตะลึง ลูกชิ้นที่คาอยู่กับตะเกียบร่วงผล๊อยอย่างน่าขัน

“ตฤณอยู่บ้านด้วย แจ๊กพอตจังค่ะ” ดวงตาพราวพรายแล้วก็พาร่างตัวเองตรงมาหาเขา มือเรียวดึงเก้าอี้ตัวที่ว่างมาใกล้ตฤณทิ้งตัวนั่งก่อนจะสาละวันอยู่กับการแนะนำอาหารที่ขนซื้อมาฝาก ไม่สนใจว่าจะมีใครอื่นนั่งอยู่ด้วย วีกิจมองสาวใจกล้าหน้าเหลอโชคดีขึ้นมามากที่เจ้าหล่อนไม่ได้มาชอบเขาไม่งั้นท่าทางจะสะบัดไม่หลุด เกาะเก่งชนิดตุ๊กแกยังอาย

ตรีทิพย์จ้องมองสาวมั่นที่มานั่งแทบจะเกยพี่ชายของตนอย่างแปลกใจและไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ สายตาพิจารณาท่าทางแล้วก็ให้รู้สึกว่าเหมือนเคยเจอมาก่อนแต่นึกไม่ออก รู้แต่ว่าไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ ตรีทิพย์เอนตัวไปกระซิบถามกับคนรัก “ใครน่ะ”

วีกิจชะงักหันมาทำตาปริบๆ ก่อนจะนึกออกว่าตรีทิพย์ความจำเสื่อม “เขาชื่อ ตะวันฉาย...ศัตรูคู่อาฆาตของคุณเลยแหละ”

หญิงสาวนิ่วหน้า มิน่าล่ะถึงไม่ค่อยถูกชะตา “แล้วเขามาทำอะไร”

“ก็มาจีบพี่ตฤณไง” พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตกใจก็รีบตัดบท “เอาน่า เอาเป็นว่ารู้แค่นี้ไปก่อนแล้วกัน เรื่องมันยาวมากกก ตอนนี้ขอผมทำหน้าที่เรือกู้ชีพก่อน” เขาบอกยิ้มเมื่อเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือทางสายตาของตฤณ

“คุณตะวันมาทำอะไรครับเนี่ย”

ตะวันฉายเหลือบมองคนถาม เชิดหน้าตอบอย่างไว้ท่าต่างจากตอนคุยกับตฤณ “แวะมาเยี่ยมน้องลูกตาลค่ะ ไม่นึกเลยว่าจะเจอกับตฤณ คิดถึงตะวันไหมคะ ไม่เจอกันตั้งอาทิตย์หนึ่ง” ช้อนสายตาขึ้นมองคนนั่งข้างๆ ตฤณมองกลับด้วยสายตาเย็นชาแล้วตอบด้วยคำพูดห้วนแบบมะนาวไม่มีน้ำ ยิ่งคิดถึงเรื่องที่เขาต้องแยกจากดาวเหนือเพราะผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งหงุดหงิด

“ไม่เลยครับ...คุณเป็นแค่คนรู้จักทำไมผมต้องไปคิดถึง”

“เห็นทีคงไม่ต้องถึงมือเรา” วีกิจพึมพำเบาๆ มองตะวันฉายที่อึ้งไป หญิงสาวสะบัดตัวเล็กน้อยตัดพ้อเบาๆ

“แหม...ใจร้ายจัง” ก่อนจะหันไปมองตรีทิพย์ ยิ้มแย้มถามอาการ

“น้องตาลเป็นไงบ้างจ๊ะ เนี่ยพอพี่รู้ข่าวพี่ก็มาเลยนะจ๊ะ โถ...น่าสงสารตกบันไดหัวแตกแล้วยังจะมาความจำเสื่อมอีก”

“ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ คุณตะวันฉาย” ตอบเรียบๆ จิ้มลูกชิ้นเข้าปากไม่พูดอะไรอีก

“เรียกซะห่างเหิน เรียกพี่ตะวันดีกว่าจ้ะ เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันเสียหน่อย” บอกพร้อมกับเอามือคล้องแขนตฤณที่ทำหน้าบึ้ง บอกเป็นนัยๆว่าเธอคือใคร ตรีทิพย์ขมวดคิ้วมองมือของอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด พูดโพล่งออกไป

“ใช่ค่ะ ก็คุณเป็นพี่สาวคนรักของพี่ตฤณไม่ใช่เหรอ ยายตะวันดับ เอ๊ะ...” พูดไปแล้วก็ตกใจกับสายตาของตฤณกับวีกิจที่หันขวับมาทางเธอ ส่วนตะวันฉายนั้นหน้าซีดจ้องเธออย่างเคร่งเครียด

“ตาล...ตาลจำได้แล้วเหรอ” ตฤณสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของตะวันฉาย ปราดเข้ามาจับไหล่น้องเอาไว้ ตรีทิพย์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันรู้แต่ว่าไม่พอใจกับภาพที่เห็นเอามากๆเลยเผลอปากไปแล้วคำๆนั้นก็แวบเข้ามาพอดี

“ตาลก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อยู่ดีมันก็แวบเข้ามาในหัว”

“แล้วนึกอะไรออกอีกบ้าง ลองดูสิ เอาเป็นเรื่องวันที่ตกบันไดก็ได้” วีกิจรีบถาม ตรีทิพย์หลับตาลงคิ้วสวยขมวดเข้าหากันเหงื่อผุดพราย เธอพยายามนึกแต่ก็เหมือนมีกลุ่มควันหนามาบดบัง ตะวันฉายมองอย่างตระหนกภาวนาไม่ให้ตรีทิพย์นึกออก มือที่ประสานกันบนตักบีบแน่น

“โอ๊ย! ปวดหัว ปวด” ตรีทิพย์ร้องลั่น หยาดน้ำใสๆเอ่อคลอดวงตา สองมือถูกยกขึ้นกุมศีรษะเอาไว้ท่าทางทรมาน วีกิจรีบวิ่งไปที่ตะกร้ายา ชายหนุ่มควานหายาแก้ปวดหัวที่แพทย์เจ้าของไข้ให้เอาไว้หยิบมาสองเม็ดพร้อมรินน้ำกำใส่แก้วยกกลับมาให้ตฤณที่กำลังประคองน้องสาวให้นอนลงกับโซฟา

“พอแล้วตาล พอแล้ว ไม่เป็นไรนะ นึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน พวกพี่ขอโทษด้วย” เขาปลอบเสียงนุ่มรับยาส่งให้หญิงสาวที่พอทายเสร็จแล้วก็นอนราบไปพร้อมคำขอโทษแผ่วๆ

“ขอโทษนะคะพี่...คุณวีกิจ” ตฤณบดกรามแน่น มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือ ดวงตาอ่อนโยน “ไม่เป็นไร...บอกแล้วไงว่าเราเป็นพี่น้องกันตลอดไป”

“ผมก็รอได้ ถึงจะจำไม่ได้ ผมก็จีบคุณใหม่เท่านั้นก็พอ” วีกิจนั่งลงกับพื้นคว้ามืออีกข้างของเธอเอามาแนบแก้มสาก ตะวันฉายแอบลอบถอนหายใจ พอโล่งใจที่ตรีทิพย์ยังไม่สามารถจำอะไรได้ก็ปรายตามองคนที่นอนอ่อนแรงอย่างหมั่นไส้ คิดในใจอย่างดุเดือด

‘ดัดจริต... ทำเป็นปวดหัวเรียกร้องความสนใจ แกมันน่าจะตายไปเสียจริงนังลูกตาลเน่า’

“อุ๊ยตาย...น่าสงสารจริงๆ นี่คะ...พี่ซื้อเครื่องดื่มบำรุงกำลังมาฝากด้วย ทานนะคะจะได้อาการดีขึ้น” กุลีกุจอหยิบตะกร้าใส่ของขวัญแบบที่ขายตามห้างช่วงปีใหม่เข้าไปนั่งเสนอหน้า ส่งไปให้วีกิจที่ยื่นมือมารับแทนคนรัก ตฤณรีบลุกขึ้นเดินตรงไปที่ประตูบ้าน ผายมือออกไปด้านนอกแล้วบอกเสียงแข็ง

“เชิญกลับไปเถอะครับคุณตะวันฉาย ผมไม่ว่างดูแลคุณ ผมต้องไปดูแลน้องสาวของผม”

“แหม...ตะวันเป็นห่วงนี่คะ เอางี้ดีกว่าเดี๋ยวตะวันคอยช่วยคุณแล้วกัน ไม่แน่นะคะตะวันอยู่ดูแลน้องตาลอาจจะหายดีขึ้นเลยก็ได้”

“ผมว่าการที่คุณไม่อยู่น้องผมจะดีขึ้นมากกว่า เชิญครับ” ตฤณพูดตัดเยื่อใย ตะวันฉายหน้าชามองเขาอย่างน้อยใจ สุดท้ายก็ยอมคว้ากระเป๋าเดินปึงปังออกไป แต่ก่อนจะขึ้นรถก็หันมาบอก “ไว้ตะวันมาใหม่วันหลังนะคะ”

ตฤณไม่ว่าอะไรแต่ดึงประตูบ้านปิดก็เป็นคำตอบที่ดี ตะวันฉายจ้องประตูอย่างแค้นใจกระแทกประตูรถปิดแล้วกรีดร้องออกมาสุดเสียง

“บ้า...บ้า...บ้าที่สุด! ฉันอุตส่าห์ทำให้พวกแกเลิกกันแล้วนะ ทำไม...ทำไมถึงยังไม่มองฉันซะที ทำไม..ทำไม๊!!!”

มือเรียวตบพวงมาลัยรถยนต์โดยแรงอย่างไม่กลัวเจ็บ หญิงสาวฟุบหน้าลงร่ำไห้กับพวงมาลัยนิ่ง ไม่นานก็เงยขึ้นเผยให้ดวงตาที่ชุ่มด้วยน้ำนั้นแดงก่ำบวกกับแรงอาฆาตที่มี อกสวยได้รูปกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจแล้วออกรถไปอย่างรวดเร็วพร้อมไฟแค้นที่สุมอก

---------------------------------------------------------------------------------------
เอ่อ คือ แบบว่า เค้าขอโทษ... เนื่องจากไรเตอร์มันส์ไปหน่อย(อีกแล้ว) แฟนเซอร์วิส

ที่บอกไว้ก็ยกไปงวดหน้าแล้วกัน แหะ แหะ ตอนหน้าของจริงสัญญาเลย ตอนนี้ก็ดูกับ

ความจิตของแม่นางตะวันฉายไปก่อน กับความทะเล้นน่ารักของเจ้าสี่ขาที่แทบจะหาย

ไปแล้วด้วย สำหรับตอนนี้ไรเตอร์เอาประสบการณ์ตรงของไรเตอร์ตอนน้องหมาเลือด

ทะลักมาแบ่งปัน อยากจะบอกโรคนี้ช่างน่ากลัวนัก

อย่าลืมดูแลน้องหมาช่วงหน้าร้อนกันให้ดีนะคะ เจอกันตอนหน้า ติชมได้




ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2555, 16:12:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2555, 16:12:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1751





<< ตอนที่ 31   ตอนที่ 33 >>
Auuuu 14 พ.ค. 2555, 21:16:25 น.
ยัยคนนี้ โรคจิตสุดๆๆๆๆ น่ากลัวมากกก
แต่พระเอกจัดเต็ม อิอิ


Setia 14 พ.ค. 2555, 21:23:18 น.
คนแรกๆ
ยัยตะวันมาร้ายอีกแล้ว ตฤณเด็ดขาดดีมากกกก ยัยลูกตาลนี่แม้แต่ความจำเสื่อมยังออกลายได้อีกนะเนี่ย


Pat 14 พ.ค. 2555, 21:24:32 น.
พี่ติณ เยี่ยมมาก ตะวันฉายต้องเจอแบบนี้ ไม่งั้นพี่ติณแย่แน่ ตอนนี้ว่ีกิจน่ารักแย่งซีนพี่ติณไปเลย


aom 15 พ.ค. 2555, 17:15:35 น.
นางมารร้ายตะวันฉาย


anOO 16 พ.ค. 2555, 12:13:58 น.
เป้าหมายกำจัดยัยตาลไม่สำเร็จ ยัยตะวันดับจะเปลี่ยนแผนไปทำร้ายดาวแทนไหมน๊า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account