บ่วงร้อยรัก
ชีวิตที่ถูกร้อยรัดไว้ด้วยหนี้บุญคุณและความแค้น หญิงสาวจะทำอย่างไร เมื่อบ่วงรักที่หล่อนเข้าใจ กลับกลายเป็นบ่วงมารที่ฆ่าหล่อนให้ตายทั้งเป็น
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 6

ลืมไปหนึ่งอาทิตย์+มาช้าไปหนึ่งวัน
น้อมรับทุกความผิดพลา่ดค่ะ ^^
----
คุณปอแก้ว -- ช่วยติดตามต่อด้วยนะคะ
เวียงแก้ว -- ส่วนตัวแล้วก็คิดว่าดูหวานขึ้นจริงๆ ค่ะสำหรับฃื่อใหม่
หมูอ้วน -- เป็นกำลังใจให้ตัวละครทุกตัวด้วยนะคะ
----




ตอนที่ 6

ตรีประดับกำลังทบทวนเนื้อหาข่าวที่หล่อนจะต้องเล่าให้ผู้ชมทางบ้าน ตรงไหนเป็นข้อความสำคัญ หญิงสาวจะใช้ปากกาสีสะท้อนแสงขีดเน้นไว้แล้วเติมข้อมูลที่ได้ศึกษามาลงไป ท่าทางตั้งอกตั้งใจของหญิงสาวทำให้ทุกคนที่ผ่านไปมาในห้องแต่งตัวอดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ ใครเลยจะรู้เท่าตรีประดับ ว่าผู้ประกาศข่าวหนุ่มใหญ่ที่หล่อนต้องอ่านข่าวประกบด้วยนั้นแม่นยำในเรื่องข้อมูลที่ได้รับมาแค่ไหน แม้อีกฝ่ายจะให้ความเอ็นดูในความตั้งใจ แต่การรู้สึกเหมือนตัวเองต้องคอยเป็นตัวถ่วงของอีกฝ่าย ทำให้หญิงสาวไม่อาจทนอยู่เฉยได้ ถ้าไม่อยากถูกกลบด้วยรัศมีจนดูจืดจาง ‘ มีก็ได้ไม่มีก็ได้ ’ ในหน้าจอโทรทัศน์ ก็ต้องรู้ให้ได้มากกว่าหรือเท่ากับ เพราะการปล่อยให้ผู้ชมรายการจับผิดได้ว่าหล่อนไม่แน่ใจในข้อมูลที่มีอยู่ในมือ อาจก่อเกิดผลเสียยิ่งใหญ่

ในฐานะสื่อมวลชน ข้อเท็จจริงและความแม่นยำจำเป็นต้องอยู่คู่กันเสมอ ดุจผีเสื้อที่ขยับปีกเพียงนิดเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างมหาศาล ตรีประดับเลยยิ่งต้องพยายามและหล่อนก็ทำทุกอย่างแทบจะเกินร้อยของความตั้งใจทุกครั้ง

“ น้องสองคะ ได้เวลาแล้วค่ะ ”

ทีมงานที่เข้ามาตามให้สัญญาณเข้าห้องส่ง ตรีประดับรวบรวมสคริปต์ที่ทำการเพิ่มเติมแล้วไว้ในมือในขณะที่คนรอบตัวยังกระจัดกระจายทำหน้าที่ตน หญิงสาวชะงักไปนิดเมื่อมองเห็นร่มที่ปลายด้ามยังชุ่มไปด้วยเม็ดฝน หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อช่วงเช้าที่หล่อนยืนยันจะลงรถยังหน้าปากซอยเช่นเดิม ทั้งที่สายฝนโปรยปราย...หากคนที่จอดรถส่ง เพียงแค่ปลดล็อคประตูแล้วปล่อยให้ตรีประดับลงจากรถโดยไม่แม้แต่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือใดๆ

‘ ไม่ต้องห่วง กับผู้หญิงดีๆ ผมจะเป็นสุภาพบุรุษ ’

ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น จารทุกคำพูดของเทียนสรวงไว้ในใจ ร่างโปร่งระหงก้าวออกจากห้องแต่งตัว พยายามสงบสติอารมณ์ด้วยการนับหนึ่งถึงสิบในใจ ถ้าอุดรไม่ขับรถตามมา ตรีประดับคงต้องเปียกฝนมาจนถึงที่ทำงาน คนสวนหนุ่มที่เหมือนนกรู้ว่าหล่อนจะถูกทิ้งไม่เอ่ยอะไรเลยนอกจาก รับและส่ง ผู้เป็นนายลงยังหน้าสถานีโทรทัศน์พร้อมร่มในมือที่เตรียมพร้อมไว้ อันที่จริงตรีประดับคงไม่ติดใจอะไรถ้าสายตาจะไม่เหลือบเห็นแหวนเงินที่สวมติดนิ้วก้อยของชายหนุ่ม

แหวน...ที่ตรีประดับจำได้ว่าตรีนนท์ ผู้เป็นพี่ชายถอดออกจากนิ้วสวมให้กับมิ่งโมรีด้วยตัวเอง เป็นเครื่องยืนยันระหว่างพี่น้องซึ่งหล่อนไม่รู้ความหมายและแม้จะเฝ้าเพียรถามสักเท่าไหร่ สิ่งที่ได้จากคนทั้งคู่กลับเป็นความเงียบและท่าทีไม่พอใจของคนอ่อนวัยกว่า

“ เดี๋ยวขออนุญาตติดไมค์นิดหนึ่งนะคะ ”

ตรีประดับขยับปกเสื้อให้ทีมงาน แปลกใจเล็กน้อยที่ทุกคนรอบตัวดูกระตือรือร้นผิดเคย ผู้ประกาศข่าวชายที่นั่งประจำยังโต๊ะอ่านข่าวผิวปากเป็นเพลงเบาๆ ท่าทางของอีกฝ่ายทำเอาหญิงสาวต้องเอ่ยปากถาม

“ ทำไมทุกคนดูตื่นเต้นกันจังเลยคะ ”

หญิงสาวที่นั่งลงประจำตำแหน่งตนเอ่ยถามเบาๆ เมื่อทีมงานเริ่มทดสอบเสียงไมค์ที่ติดอยู่ตรงหน้าอก คนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วยิ้มนิดเดียวที่มุมปาก แม้จะคร่ำหวอดอยู่ในวงการจนอายุล่วงเลยเข้าเลขสี่แต่ท่าทางของผู้ประกาศข่าวหนุ่มใหญ่ยังดูดีอยู่มาก ร่างกายยังกำยำ ลักษณะภายนอกยังคงความสง่า แม้จะแต่งงานมีครอบครัวมีลูกชายหญิงน่าเอ็นดู และวัยล่วงเลยเข้าเลขสี่ได้เกือบครึ่ง หากการที่อีกฝ่ายยังดูแลสุขภาพได้เป็นอย่างดีทำให้ถูกจัดให้ติดหนึ่งในหนุ่มใหญ่ในฝันของหญิงสาวทั้งประเทศเกือบทุกโพลสำรวจ ตรีประดับเลยถือว่าตัวเองนั้นโชคดี แม้จะพลาดหวังจากการได้อ่านข่าวหลักในช่วงหัวค่ำ แต่การได้ร่วมงานกับคนเก่ง มากความสามารถอย่างผู้ประกาศข่าวหนุ่มใหญ่ถือเป็นรางวัลปลอบใจที่ดีไม่น้อย

“ วันนี้ผู้บริหารชุดใหม่จะเข้าสถานี เริ่มดูงานแรกจากที่นี่เลย ”

“ มากันแล้วหรือคะ ”

“ มากันนานแล้วต่างหาก ”

“ เป็นไปได้ยังไงคะ ที่จะไม่มีใครรู้ ”

“ ต้องถามคุณอุ่นเขาล่ะ นึกยังไงมาเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกันแบบนี้ ”

หัวคิ้วของตรีประดับขมวดมุ่น ดวงหน้าหานขรึมเครียด หญิงสาวลืมไปว่าหุ้นส่วนเกือบครึ่งหนึ่งในสถานีโทรทัศน์ไทม์ไทยคือบิดาของเรือนอรุณ นี่อาจเป็นความต้องการของผู้ประกาศข่าวสาวก็เป็นได้ ที่เคลื่อนไหวทุกอย่างอย่างให้เงียบที่สุด เพื่อประเมินว่าใครกันที่หล่อนไม่ชอบใจและต้องการปลดออก

“ วันนี้คงต้องตั้งใจอ่านข่าวให้มากกว่าเดิม ”

“ สองคงแย่ ” ตรีประดับเอ่ยเสียงเบา ดวงตาคู่สวยหลุบลงต่ำ ดุจมองเห็นลางร้ายอยู่ข้างหน้า

“ คุณสองเก่งจะตาย จะกลัวอะไร ”

“ สองไม่ได้กลัวเรื่องทำงานค่ะ แต่สองกลัว... ” คนทั้งสถานีรู้ว่าหล่อนและเรือนอรุณมีปัญหากัน หญิงสาวคงตกเป็นเป้าหมายแรกๆ ที่อีกฝ่ายจะมองหา

“ ผมจะช่วยคุณสองเอง ” ผู้ประกาศข่าวชายบอกเรียบๆ หากแววตาที่มองตรีประดับกินความหมายลึกซึ้ง “ ที่นี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไร ดีไหม ? ”

“ คะ ? ” ท่าทางช้อนตาขึ้นมองไม่ประสาเล่ห์กลใดๆ ของหล่อน ทำเอาผู้ประกาศข่าวชายยิ่งสนใจ...สมใจ หนุ่มใหญ่เลยรุกหน้าเดินต่อมัดมือชกเอ่ยว่า

“ เรื่องที่คุณสองกลัว ผมจะช่วยเลิกกังวลได้แล้ว ”

“ ขอบคุณค่ะ ”

หญิงสาวยกมือไหว้ สีหน้าสบายใจขึ้นมากขณะที่ชายหนุ่มเอื้อมมือเรียวขยับไมค์โครโฟนที่ติดอยู่ตรงปกเสื้อตรีประดับเพื่อปิดสัญญาณที่อาจได้ยินไปทั้งห้องส่ง

“ ตอนเที่ยงผมจะรอ ”

ท่าทางของชายหนุ่มปกติเสียจนตรีประดับไม่แน่ใจนักว่าอีกฝ่ายพูดเล่นหรือจริง จนกระทั่งมือหนาวางลงบนมือบาง ชั่วเวลาที่ความอบอุ่นรุมร้อนแผ่ซ่านนั่นล่ะ หญิงสาวถึงได้รู้ว่าผู้ประกาศข่าวร่วมรายการเอาจริง !

“ อย่า...ค่ะ ”

ตรีประดับดึงมือออกสุภาพ หางเสียงหล่อนสั่นจนถูกจับได้ คนยอมปล่อยให้เป็นอิสระหัวเราะในลำคอเบาๆ แววตาที่จับมองร่างโปร่งวาววับพอใจ

“ ผมไม่ชอบคำปฏิเสธเท่าไหร่ เพราะมันทำให้เราต้องกลับไปทบทวนดูว่าทำไมเค้าถึงปฏิเสธ ”

“ คือว่าสอง... ”

“ ทำไม ? ไม่ได้เหรอ ? ”

“ สองมีนัดค่ะ เที่ยงนี้ นัดก่อนล่วงหน้าไว้นานแล้ว กับ...กับน้องสาวสองเอง ”

“ เอาอย่างนี้ ผมยินดีเลี้ยงมื้อกลางวันทั้งคุณสอง ทั้งน้องสาว เราไปกินข้าวด้วยกัน แล้วคุยเรื่องที่ว่าจะรับมือยังไงกับคุณอุ่นไปด้วย ถ้าเกิดฝ่ายนั้นอยากจะเอาคนในไทม์ไทยออก ”

คนที่ต้องฝากชีวิตครึ่งหนึ่งไว้กับชายหนุ่มอึกอักลังเล และเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือเปิดไมค์โครโฟนที่ติดไว้ แต่ทำเหมือนช่วยจัดปกเสื้อคอโปโลของหล่อนให้ดูดี ตรีประดับก็แทบตัวสั่นงันงก ผู้ประกาศข่าวหนุ่มใหญ่วางหน้าเฉย เมื่อทีมงานวนเวียนผ่านมาใกล้ๆ เพื่อดูแลความเรียบร้อยอีกครั้ง และเมื่อเห็นสัญญาณให้เตรียมพร้อมสำหรับรายงานข่าวรอบเช้า พร้อมจังหวะนับเวลาเพื่อเริ่มต้นออกอากาศ ทั้งเขาและตรีประดับก็กลับสู่สภาวะปกติ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกเก็บซ่อนความในใจไว้มิดชิดแล้วเริ่มยิ้มแย้ม ตาจับมองกล้อง ความตั้งใจทำงานของตรีประดับทำให้ไม่ทันสังเกตว่า ชายหนุ่มที่ทั่วทั้งสถานีให้ฉายาว่าเป็น ‘ คุณคนใหม่ ’ ของเรือนอรุณ มองหล่อน ‘ เล่า ’ ข่าวอยู่เงียบๆ หลังฉากกั้นอย่างสนใจ

“ ถ้าอยากดูให้ชัดกว่านี้ คุณควรจะโผล่หน้าออกไปนะ ”

***

เรือนอรุณวางแก้วกาแฟในมือลง เมื่อนั่งเอ้อระเหยอยู่กับชายหนุ่มตัวสูงที่หยิบหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษอ่านอย่างเพลิดเพลิน ร่างสูงในเสื้อผ้าขะมุกขะมอมและรองเท้าที่เหมือนย่ำโคลนแทบไม่แตกต่างจากการมาเยือนสถานที่ทำงานในอนาคตเป็นครั้งแรก ผมหยักศกที่หยิกเป็นลอนคลื่นค่อนข้างสวยสะอาด ผู้ประกาศข่าวสาวกอดอก เหลียวมองรอบตัวอย่างไม่สนใจนัก ทั้งที่เห็นสายตาหลายคู่มองมาที่หล่อนและคนนั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมคำซุบซิบที่ต่อให้ไมได้ยินก็เดาได้ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน

“ คราวหน้า... ”

“ คราวหน้าผมจะแต่งตัวดีกว่านี้ ”

มือเรียววางหนังสือพิมพ์ลง ดวงหน้าค่อนข้างคล้ำเพราะเจ้าตัวขยันอยู่กลางแจ้งระบายไปด้วยรอยยิ้ม ที่แม้เจ้าตัวจะไม่ตั้งใจให้ปรากฏก็ยังดึงดูดใจคนมองได้อยู่ดี แถมยังพาให้ดวงตาดุกร้าวละมุนลง

“ ที่ไหนๆ ก็ต้องมีคนชอบนินทา ”

“ ผมดีใจ ที่ได้รู้จักคนไม่ชอบนินทา ”

“ ฉันชอบพูดแล้วทำเลย ถ้าจะเสียเวลามานั่งนินทา สู้ลงมือเลยดีกว่า ”

เรือนอรุณเอ่ยเรียบๆ แต่แววตาหล่อนซื่อตรงตามที่พูด ชายหนุ่มโคลงศีรษะสีหน้าเหมือนเชื่อถือแต่แววตาท้าทาย

“ ผมจะจำไว้ ”

“ คุณบอกว่าวันนี้จะเข้ามาที่สถานี แล้วทำไมถึง... ”

คนที่ตั้งใจเข้ามาในคราบผู้บริหาร เลื่อนสายตาขึ้นจับภาพในจอโทรทัศน์ที่ติดไว้ยังผนังในร้านกาแฟของสถานีโทรทัศน์ เรือนอรุณมองตามสายตา สีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อล่วงรู้ความคิดของชายหนุ่ม

“ สนใจเหรอคะ ”

“ ก็นิดหน่อย ” ชายหนุ่มยอมรับตามจริง ก่อนขยับตัวยื่นหน้าเข้ามาใกล้หญิงสาวที่กอดอกทอดมองเฉยชา “ นี่ถ้าผมไม่ยอมรับ คุณจะคาดคั้นไหม ? ”

ผู้ประกาศข่าวสาว กระตุกรอยยิ้มให้กับคำถาม ดวงตาแวววาวที่มองหล่อนฉายรอยอ่อนหวาน หากเรือนอรุณรู้จักคนตรงหน้ามากเกินกว่าจะหลงไปกับคำออดอ้อนเอาใจเช่นนั้น

“ จะทำอย่างนั้นทำไมคะ ” เรือนอรุณแย้มเยื้อน มือขาววางลงตัดฉับสีสันกับมือหนาของชายหนุ่มที่ดำเข้ม คนถูกกุมมือไว้แทนที่หัวเราะจนดวงตาพราวระยับ “ คุณไม่ได้สำคัญขนาดนั้นสักหน่อย ”

“ บอกตามตรง ” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายพลิกมือกลับ “ ผมอยากเห็นคนสำคัญของคุณจริงๆ ”

ผู้ประกาศข่าวสาวดึงมือตัวเองออกนุ่มนวล ท่าทางหล่อนเนือยลงยามหยิบแก้วกาแฟที่วางไว้จนเย็นขึ้นจิบ ดวงตาที่กรีดด้วยสีสันวูบวาวยามนึกถึงคนที่หล่อนคิดถึงเสมอด้วยใจห่วง เช่นเดียวกับคนมองอยู่ ชายหนุ่มจับกิริยาเหล่านั้นได้ ร่างสูงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เห็นแล้วล่ะว่าคนนั่งอยู่ตรงข้ามเหลือบตามองผ่านไปยังจอภาพด้านบนที่กำลังฉายการรายงานข่าวของตรีประดับ เสียงหวานเจื้อยแจ้วรับเช้าวันใหม่ ริมฝีปากบางยิ้มพรายเขาควรจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสินะ

“ ถ้าคุณรู้ว่าใครคือคนสำคัญของฉัน คุณอาจจะเสียใจก็ได้ ”

“ ทำไมผมต้องเสียใจ ”

“ คุณต้องเสียใจแน่ค่ะ ฉันบอกได้เท่านี้ ”

เรือนอรุณหัวเราะพยายามไม่ให้ติดรอยเยาะหยันจนอีกฝ่ายจับได้ แน่นอน...ไม่ใช่แค่เงิน ไม่ใช่แค่อำนาจในมือ แต่ชายหนุ่มตรงหน้ามีเสน่ห์ที่มัดใจใครหลายๆ คนได้ในพริบตา เพียงแต่ว่าเมื่อเลือกที่จะเดินหน้าทำทุกอย่างดั่งใจ อีกฝ่ายก็ต้องยอมรับต่อความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น บางสิ่ง...ที่อาจมีค่ามากกว่าความแค้นซึ่งคุกรุ่นอยู่ในใจ และใครเลยจะรู้...เรือนอรุณเฝ้ารอเวลานั้นด้วยใจจดจ่อ

“ มีเหตุผลไหม ผมจะได้ทราบไว้ ”

เสียงทุ้มที่เอ่ยถาม แววตาท้าทายอยากรู้ ผู้ประกาศข่าวสาวพ่นลมหายใจยาว ดวงหน้างดงามฉาบด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น

“ ทราบเพื่ออะไรคะ ทราบเพื่อระวัง หรือทราบ...เพื่อจะได้ทำร้ายได้ถูกวิธี ”

“ คุณมองผมในแง่ร้าย ” คนถามยกมือประท้วงทันที ท่าทีของชายหนุ่มเรียกสายตาหลายคู่ให้หันมอง

“ ฉันเคยมองคนผิดค่ะ แต่ก็แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ”

“ ทีนี้เลยพยายามปกป้องสุดชีวิต ”

เสียงทุ้มลงท้ายเย้าแหย่ อาการเหมือนจับได้ไล่ทันทำให้มือบางที่จับแก้วงเกร็งแน่นก่อนคลายลง เรือนอรุณตอบคำถามนั้นด้วยท่าทีสงบ

“ ผิดหรือคะ เวลาคนเรารักสิ่งไหนมากๆ เชื่อเถอะค่ะว่าเป็นอย่างนี้ทุกคน ”

“ ไม่ผิด แต่กลับเห็นด้วย ถ้าเป็นของสำคัญมาก เรามักซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็นด้วยซ้ำ ผมไม่คิดว่าคุณอุ่นจะซ่อนอะไรแบบนั้น ดูไม่ใช่นิสัย แต่ฟังวันนี้ เชื่อแล้วว่าผู้หญิงเราเก็บความลับได้เก่งจริงๆ ”

เรือนอรุณวางหน้าเฉย ทั้งที่ใจเต้นแรง แม้จะบอกย้ำตัวเองหลายครั้งว่าสิ่งที่หล่อนทำนั้นต้องผ่านพ้นไปด้วยดี แต่เมื่อเห็นคนตรงหน้า ความลังเลกลับเกิดขึ้น แม้จะเพียงชั่วแวบเดียว แต่ก็มากพอที่จะทำให้หญิงสาวหวั่นไหว จะผ่านพ้น... รอดพ้น... เรือนอรุณไม่สามารถล่วงรู้อนาคตข้างหน้าได้เลยว่าจะเป็นเช่นไร สุดท้ายหล่อนก็เหมือนเด็กเล่นขี้โกงที่ต่อให้ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ ก็ต้องเอาชนะชายหนุ่มให้ได้

“ งั้นฉันจะย้ำอีกครั้ง ความลับของฉัน ต่อให้เป็นอติราช...ก็รับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ไหวหรอกค่ะ ”

ดวงหน้าคมเข้มด้วยสีของแดดกระตุกวูบ มือเรียวที่จับหนังสือพิมพ์ขึ้นกางเตรียมเปิดอ่านถูกวางลงอย่างประณีต ผิดกับแววตาคมที่เป็นประกายจ้า คล้ายลุกวาบด้วยเปลวเพลิงร้อนแรง เขาประเมินเรือนอรุณผิด ไม่คิดว่าคนนั่งอยู่จะรู้ถึงประวัติเบื้องหลังที่... จงใจทิ้งไปนานแล้ว ริมฝีปากบางหยักยกเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ก็ดีไม่ต้องมีอะไรปิดบังกันอย่างนี้แหละดี !

“ ผม...จะจำคำแนะนำของคุณไว้ ”


***

มิ่งโมรีเกือบเดินผ่าน ถ้าสายตาจะไม่มองเห็นร่างกำยำของคนสวนหนุ่มที่ก้มๆ เงยๆ อยู่หลังพุ่มไม้ หญิงสาวมีนัดกับตรีประดับ คนเป็นพี่สาวที่อุตส่าห์โทรศัพท์มาอ้อนวอนขอร้องให้หล่อนช่วยทำตัวให้ว่าง ไปเป็นไม้กันหมาให้อีกฝ่าย มิ่งโมรีเลยยื่นข้อเสนอ ยื่นคำขาดว่าจะออกจากบ้านก็ต่อเมื่อเทียนสรวงมารับ คนปลายสายรีบรับปาก หญิงสาวที่แต่งตัวรออยู่นานเลยเตร่ไปมาอยู่หน้าบ้าน ตั้งใจว่าเทียนสรวงมาเมื่อไหร่ก็ออกไปได้ในทันที

“ นายอุ่น ”

คนถูกทักหันมาช้าๆ ร่างผอมก้มลงจนเสื้อตัวหลวมที่หล่อนใส่เห็นร่องอกลึก วูบแรก อุดรเห็นล่ะว่าหญิงสาวตั้งใจยกมือขึ้นปิด แต่แล้วมิ่งโมรีก็เปลี่ยนใจ หัวเราะคิกคัก เมื่อจับได้ว่าถูกมอง

“ ทำไม อยากเห็นมากกว่านี้เหรอ” ร่างผอมยืดตัวตรง มือผอมพยายามขยับคอเสื้อให้ย่นลงยิ่งกว่าเดิม อุดรต้องจับมือหล่อนไว้ ส่ายหน้า

“ คุณมิ่งจะทำให้ผมผิดสัญญา ”

“ ถ้ากลัวผิดสัญญา ทำไมไม่เร่งวันลงมือให้เร็วขึ้นล่ะ รู้ไหม นายอุ่นทำอย่างนี้ เหมือนจงใจไม่อยากทำ ”

เสียงใสเจือรอยระแวง หน้าตาของมิ่งโมรีไปหมด ความไม่ไว้วางใจที่ก่อเกิด ทำเอาคนถูกสงสัยถือโอกาสจูบลงบนมือผอมด้วยกิริยาเทิดทูนบูชา ย้ำว่าเขายินดีทำตามคำสั่งหล่อนทุกอย่างเพียงแต่...

“ ผมอยากให้คุณมิ่งรอ ”

“ ฉันทนรอไม่ไหว ”

“ ต้องไหว ”

ดวงหน้าของชายหนุ่มที่แหงนขึ้นมอง ออกคำสั่งที่ทำให้มิ่งโมรีปฏิเสธไม่ได้ และเมื่อรู้ตัวอุดรก็กลบเกลื่อนด้วยการดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้ รอจนหญิงสาวกอดตอบชายหนุ่มถึงได้เอ่ยต่อ

“ ผมอยากให้คุณมิ่งรอ เพราะงานนี้ เราจะพลาดไม่ได้ ”

“ ใช่...พลาดไม่ได้ ” เสียงใสเลื่อนลอย คนที่หวังสัมผัสความอบอุ่น แต่กลับเจอแต่ความเย็นเยียบ สั่นสะท้านคล้ายเจ้าตัวหวาดหวั่นชะงัก

“ คุณมิ่ง เป็นอะไรครับ ไม่มั่นใจในตัวผมงั้นหรือ ” อุดรดึงร่างผอมออก ทันได้เห็นแววตาไหวระริกก่อน อีกฝ่ายก่อนจะยิ้มชื่น

“ ไม่... ฉันไว้ใจ เชื่อใจ อะไรที่เกี่ยวกับเรื่องที่ฉันอยากทำ ฉันแน่ใจ ว่าฝากไว้กับนายอุ่นได้ ”

“ ทนรออีกนิดนะครับ ”

“ ใช่ ต้องทนรออีกนิด ฉันจะรอจนกว่านายจะพร้อม เคยรอมาตั้งนาน แค่นี้ทำไมจะรอไม่ได้ ”

“ ผมไม่ปล่อยให้คุณมิ่งรอจนแก่แน่นอนครับ ”

คนสวนหนุ่มเย้าแหย่เป็นครั้งแรก มิ่งโมรีหัวเราะสดใส อารมณ์ของหญิงสาวดีขึ้น จนไม่ทันสังเกตว่าดวงตาคมที่มองหล่อนฉายรอยดุดันขึ้นมาแวบหนึ่ง เรือนอรุณคงไม่รู้...เขาเลือกถูกคน ไม่ใช่ผิดคน

“ วันนี้คุณมิ่งจะไปที่ไหนครับ ให้ผมขับรถไปส่งนะ เผื่อว่า...” เสียงทุ้มกรุ้มกริ่ม

“ วันนี้ไม่ได้ ไหนว่าจะไม่ผิดสัญญาไง ”

เสียงแตรรถที่ดังถี่ พร้อมๆ กับร่างเล็กของประณีตวิ่งไปเปิดประตูทำให้มิ่งโมรีต้องบอกลาคนสวนหนุ่มที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม

“ อ้อ คุณมิ่งมีนัดแล้วนี่เอง ”

“ ดีใจจัง มีคนหึงหวงฉันเป็นครั้งแรก ”

“ ผมเปล่า อย่างผม นายอุ่นคนนี้ จะกล้าอาจเอื้อมคิดหึงหวงคุณมิ่งได้ยังไง ” ชายหนุ่มตอบเสียงขรึม ท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจจนมิ่งโมรีต้องงอนง้อ เสียงหวาน

“ ฉันนัดกับคุณเทียนสรวง เราจะไปกินข้าวด้วยกัน ไม่ไปไม่ได้ด้วย เพราะคุณสองขอร้อง ”

ดวงตามิ่งโมรีเป็นประกาย หล่อนหยุดรอให้คนสวนหนุ่มถาม แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ปริปาก หญิงสาวเลยเล่าเสียเอง

“ พี่สองเจอจีบน่ะสิ เคยเห็นไหม ผู้ชายที่อ่านข่าวด้วยกันน่ะ รายนั้นมีเมียแล้วด้วยนะ แต่ยังอยากมีอีก เป็นสอง เป็นสาม ”

คนฟังนิ่งไป ความเงียบของชายหนุ่มทำเอามิ่งโมรีต้งแกล้งถาม

“ ทำไม หึงพี่สองอีกคนเหรอ นายอุ่น ”

“ ไม่ครับ แค่สงสารคุณสอง คุณมิ่งครับผมบอกแล้วว่าผมเลือกคุณมิ่ง เพราะฉะนั้นวางใจนะครับ ว่าจะไม่มีใครมาแทนที่คุณมิ่ง เราจะไปไหนไปกัน ”

“ อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะนายอุ่น ”

แทนคำตอบ อุดรลุกขึ้นจูบเร็วๆ ที่ข้างแก้มของมิ่งโมรี ก่อนผละออกไปนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ไม่ไกล เทียนสรวงที่เดินมาตามทางชี้บอกของประณีตชะงักไปนิด ก่อนถามเสียงแข็งตามบทบาทที่ได้รับ

“ จะไปกันได้หรือยัง ”

แววตาดำสนิทดั่งนิลวูบไหว เทียนสรวงเกือบถาม แต่เมื่อคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ที่เขาต้องแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกไป ชายหนุ่มจึงได้แต่มองไปทางคนสวนหนุ่มที่นั่งก้มหน้าไร้รอยพิรุธ เทียนสรวงเดินออกไปพยายามไม่ใส่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังจากนี้

“ ฉันไปล่ะ ”

“ โชคดีครับคุณมิ่ง เดินทางปลอดภัยครับ ”

คนพูดยังก้มหน้าอยู่ที่เดิม จวบจนร่างผอมก้าวหายไปจากมุมที่สายตามองเห็น อุดรถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง ริมฝีปากบางแดงจัดคล้ายแต้มสีชาด เปิดรอยยิ้มแกมเยาะ แววตาคมที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผมยาวรุงรังกระด้างแข็ง เมื่อคิดทบทวนถึงสัญญาที่ให้ไว้กับหญิงสาว

“ ถ้าจะลงนรก เราก็ต้องลงด้วยกัน มิ่งโมรี ”

***

“ ดูท่าผมจะมาขัดจังหวะ ”

“ เปล่านี่คะ มิ่งเว้นที่ว่างให้คุณเทียนเสมอ ระหว่างเราจะมีอะไรคั่นแบ่งทำไมคะ ”
คนที่ขึ้นรถตามมาบอกง่ายๆ วางมือลงบนหน้าขาของชายหนุ่ม เทียนสรวงก้มมอง เขาเกือบยิ้มดีที่ห้ามตัวเองไว้ได้ทัน

“ เอามือคุณออกไป ”

“ ไม่ชอบหรือคะ หรือจะให้เปลี่ยนเป็นกอดแทนดี ” คนพูดทำท่าจะทำอย่างปากว่า ดวงหน้าฉาบเครื่องสำอาง จนดูแปลกในสายตาของคนมอง เทียนสรวงต้องปั้นหน้าเฉยเมื่อสั่ง

“ คาดเข็มขัดซะ ”

มิ่งโมรีทำตามอย่างว่าง่าย หญิงสาวแสร้งถอนหายใจเล็กน้อย ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มที่ค่อยๆ เคลื่อนรถออก อดขมวดคิ้วอย่างแปลกใจไม่ได้ เพราะทันทีที่หญิงสาวก้าวขึ้นมานั่งเคียง กลิ่นหอมเย็น ที่เขาเคยได้แต่ได้กลิ่นเจือจางกลับปรากฏชัดเจนขึ้น ตอนนี้เทียนสรวงแน่ใจแล้วกลิ่นหอมที่เขาเฝ้าค้นหามาจากเนื้อตัวมิ่งโมรีนี่เอง

“ ถ้าไม่ใช่คำสั่งของพี่สอง คุณเทียนคงไม่มารับมิ่ง ”

“ ก็รู้อยู่แล้วนี่ จะถามทำไม ”

“ อยากได้ยินให้แน่ใจค่ะ ”

“ จะต้องให้แน่ใจอะไร คุณน่าจะรู้...ผมชอบใคร ไม่มีประโยชน์มิ่งโมรี อย่ายื่นข้อเสนอ อย่าทอดสะพาน ฝันของคุณหยุดแค่หน้าประตูบ้านเท่านั้นล่ะ ”

เสียงทุ้มเอ่ยเยียบเย็น เทียนสรวงคิดว่าตัวเองแสดงบทนี้ได้ไม่เลวนัก เพราะอย่างน้อยหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เชื่อสนิทใจว่าชายหนุ่มชิงชังรังเกียจตัวหล่อนจริงๆ และถ้าจะให้เปรียบเทียบ มิ่งโมรีอ่านง่ายกว่าตรีประดับ หญิงสาวรายนั้นชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนคิดอะไร เริ่มแรกชายหนุ่มยอมรับว่าสนใจคนอ่อนวัยข้างตัว อยากรู้ว่าหล่อนจะร้อนแรงอย่างที่นวลอนงค์สรรเสริญให้ฟังหรือไม่ แต่พอได้พูดคุยแค่เพียงไม่กี่ครั้งชายหนุ่มก็เอะใจ

“ คุณเทียนคงไม่รู้ ว่ามิ่งรอคนอย่างคุณเทียนมานานแค่ไหน ”

“ ทำไมจะต้องรอ แปลก... คนอย่างคุณเคยรออะไรเหมือนคนอื่นเค้าด้วยเหรอ ”

เทียนสรวงถามเสียงหมิ่น จงใจหยั่งเชิงมากกว่าจะคิดเป็นอย่างอื่น แถมยังไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบที่จริงจังกลับมาด้วยซ้ำ

“ เคยสิคะ ทำไมถึงคิดว่ามิ่งไม่เคยล่ะ ”

มิ่งโมรีย้อนเสียงสูง ดวงหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้มที่เผยให้เห็นฟันเรียงเรียบเป็นระเบียบขาวตัดกับริมฝีปากบางเคลือบสีชมพูบานเย็นที่เจ้าตัวขีดขอบปากด้วยสีที่เข้มกว่าเล็กน้อยจนดูจัดจ้าน

“ ทุกครั้งที่เรา รอ หรือ คอย อะไรสักอย่างเวลามักวิ่งเร็วเสมอ ”

“ รอเวลาสมรักสมรสน่ะเหรอ ของอย่างนี้เพิ่งรู้ว่าต้องรอกันด้วย ”

เทียนสรวงแกล้งประชดตามนิสัยที่คิดว่าน่าจะเป็นไป ขณะที่มิ่งโมรีหัวเราะเสียงดัง ชอบใจกับคำจิกกัดของชายหนุ่มที่หล่อนหมายมาดไว้

“ มิ่งกำลังคอยโอกาส กับรอเวลา ต่างหากล่ะคะ ”

“ ผมไม่เข้าใจ คุณพูดเหมือน รอและคอย แตกต่างกัน ”

“ แตกต่างกันสิคะ ”

ดวงตาหญิงสาวเป็นประกาย ยามเหม่อมองไปข้างหน้าไร้จุดหมาย เสียงที่ตอบมาเลยคล้ายรำพึงกับตัวเองมากกว่าจงใจบอกเล่าให้เทียนสรวงฟัง

“ เราคอย เพราะรู้ว่าสิ่งที่เราคอยจะมาถึง ส่วนรอ เรารอทั้งที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรารออยู่นั้นสักวัน จะมาถึงเราหรือเปล่า ! ”

“ เพราะอย่างนี้คุณถึงตั้งหน้าตั้งตา ทั้งรอและคอย ”

ท้ายประโยคของเทียนสรวงไม่มีวี่แววเยาะหยันเหมือนเช่นเคย บางครั้ง เขาก็อยากรู้จักผู้หญิงที่ตัวเองต้องข้องเกี่ยวด้วย แม้สุดท้ายเรื่องจะจบลงบนเตียงนอนก็ตาม

“ สนุกดีออกค่ะ ได้ลุ้นว่าจะสมหวังหรือเปล่า ” มิ่งโมรีบอกอย่างเริงรื่น สายตาจับจ้อยังตึกสูงที่เปิดเป็นห้างสรรพสินค้าอย่างพอใจ

“ แต่สำหรับคนบางคน จะรอหรือคอย มันก็ทรมานด้วยกันทั้งคู่ ”

“ งั้นมิ่งคงกำลังทรมาน เพราะรอ...ให้คุณเทียนหันมอง ”

มิ่งโมรีหันมองชายหนุ่มแววตาเป็นประกายเชิญชวน เทียนสรวงถอนหายใจ มองลานจอดรถละลานตาภายใต้ห้างสรรพสินค้าก่อนจะเคลื่อนรถเข้าไปจนจอดสนิท

“ คุณรู้ใช่ไหม ว่าผมจะไม่มองใครนอกจากพี่สาวคุณ ”

คำตอบของเขาไม่ทำให้สีหน้าของหญิงสาวผิดปกติ ตรงกันข้ามมิ่งโมรีพยายามยัดเยียดตัวเองด้วยการซบลงที่ไหล่ของชายหนุ่ม สองมือเกาะแขนเทียนสรวงไว้แน่น

“ รู้ค่ะ เพราะอย่างนั้นถึงได้พยายาม ‘ แย่ง ’ มายังไงล่ะคะ ”

“ คุณทำอย่างนี้กับผู้ชายทุกคนของพี่สาวเหรอ ” เสียงที่เอ่ยถามถูกดัดให้ขรึมเคร่ง เทียนสรวงไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังรอคอยคำตอบจากมิ่งโมรีด้วยใจจดจ่อ

“ คุณนวลอนงค์ไม่ได้บอกหรือคะ ว่ามิ่งทำอย่างนี้เฉพาะกับผู้ชายของคุณสอง...แค่บางคน ”

***

โปรดติดตามตอนต่อไป



บุรีวาด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2555, 18:47:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2555, 18:47:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1453





<< บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 5 ( เปลี่ยนชื่อ จากบ่วงมาร ค่ะ)   บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 7 >>
มุกมาดา 15 พ.ค. 2555, 10:07:27 น.
มิ่งโมรีเนี่ยยั่วยวนสุดๆ


หมูอ้วน 15 พ.ค. 2555, 12:51:22 น.
ดูซับซ้อน ซ่อนเงื่อนยังไงก็ไม่รู้อ่ะค่ะ
นายอุ่นกะผู้บริหารคนใหม่ คนเดียวกันอ่ะป่าวค่ะ งงง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account