นิราศรักกรุงสยาม
ศักดิ์ศรีมีไว้ให้คนสรรเสริญมิใช่ทำลาย ความรักมีไว้เพื่อให้ได้รักในกันและกัน ปัญหาเดียวของความรักคือความไม่เข้าใจ

Tags: สู้ ไม่ยอม แพ้

ตอน: ว่าที่คู่หมั้นหมาย

หมอกหนาจับเหนือพื้นน้ำในลำคลอง ค่อนข้างกว้าง
ที่ท่าน้ำหน้าหมู่เรือนไทยหลังใหญ่ มีหญิงวัยแรกรุ่นและเป็นสาวเป็นนางนุ่งกระโจมอกแหวกว่ายน้ำในคลองเล่นส่งเสียงดังลั่นไปทั้งคลอง
ส่วนบนท่าน้ำทำด้วยไม้กว้าง หญิงสาวแต่งกายเช่นบ่าวคนหนึ่งกำลังใช้ฝาหม้อดินขัดถูตะไคร่ ที่จับเป็นคราบให้หมด เพื่อไม่ให้ลื่นยามลงใช้
ส่วนบนท่าน้ำซึ่งใช้ไม้ที่ค่อนข้างแข็งแรง ตอกแผ่นกว้าง มีหญิงร่างอ้วนใบหน้าอิ่มเอิบใช้มะขามเปียก ขัดถูผิวพรรณให้ดรุณีสาววัยสิบหกปี ซึ่งทำหน้ายู่ร้องโอดครวญ
“นมเย็นเจ้าขาช้องแสบเนื้อตัวไปหมดแล้วนะเจ้าคะเพลามือหน่อยมิได้เชียวหรือ”
แม่นมคนสนิทรีบขัดคำทันทีว่า
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะคุณช้อง คุณจะเป็นเจ้าสาวอยู่ไม่กี่มื้อกี่คราวนี้แล้วนะเจ้าคะ จะต้องขัดผิวให้สวยงาม”
คำตอบของนมเย็นทำให้เด็กสาวนิ่งอึ้ง แม้ว่าเธอเพิ่งมีอายุย่างสิบเจ็ดปี แต่เธอมีความคิดความอ่านได้ทันสมัย เนื่องจากเรียนอยู่ในโรงเรียนกุลสตรีหลังวัง ซึ่งสอนโดยแหม่มมิชันนารี แม้การเรียนจะยังไม่สำเร็จ แต่เธอก็ได้ความรู้และการเรียนที่ทันสมัยมาก รวมทั้งยังมาล้อเลียนแม่นมของตนยามที่นางส่งหญิงแรกรุ่นเข้านอนว่า
“สยาม อีส สไมล์แลนด์ บัท แบล็ค ทีช”
“คุณช้องกล่าวว่าเยี่ยงไรเจ้าคะทีช ทีช แล๋น แล๋น”
สำเนียงอย่างนี้เองที่ทำให้ช้องนางชอบล้อเลียน อย่างนาย จอรน์ ฟอนคอล์น คนสยามก็จดจำอย่างง่ายว่า นายจอน กะลาฟัด
นี่ก็มาอีกแล้ว แลนด์เป็นแล๋นแล๋น
“อย่ามัวแต่ขำสิเจ้าคะ นมฟังไม่ถนัดจริงนะเจ้าคะ”
“ครูแหม่มบอกว่า คนสยามยิ้มเก่งแต่ฟันดำ”
“แล๋นนี่แปลว่ากระไรเจ้าคะคุณช้องของบ่าว”
“แลนด์ แปลว่าดินแดน สไมล์แลนด์ ช้องหมายถึงสยามเมืองยิ้มจ้ะนม แต่แบล็คทีช นี่คือฟันดำจ้ะ”
“นี่ล่ะกระมังคุณช้องของนมไม่ยอมกินหมากให้ฟันสวย ดูรึฟันขาววอกออกอย่างนั้น หม่อมท่านจึงได้เอ็ดนมว่าไม่รู้จักดูแลให้คุณช้องหัดหมาก”
“ช้องเห็นไม่จำเป็นดอกจ้ะนมเย็น”
“แหมจำเป็นสิเจ้าคะ ท่านเจ้านายท่านก็เสวยกันเป็นอันมาก ทั้งที่ทุกพระองค์ท่านต่างทันสมัย เรียนฝรั่งกันมาก มิได้อายใครเวลาท่านมีพระปฏิสัณฐาน กับชาวต่างชาติ”
“แต่มีพระองค์เจ้าหลายพระองค์ไม่นิยมหมากกันก็มีนะจ๊ะนม”
“นมได้ข่าวว่า ท่านเจ้านายทรงชุดฉลองอย่างฝรั่งได้งามเหลือเกิน”
ช้องนางยิ้มรับ ฟันสะท้อนแสงตะเกียงวาววับ นมเย็นทำสะดุ้งเพราะว่านางยังนิยม ฟันแดงดังแสงทับทิมว่าเป็นฟันที่งดงามและมีบารมี อีกทั้งทำให้ไม่มีกลิ่นปากและรักษาฟันได้ คิดแล้วนางก้มลงมองหญิงสาวที่ยังซุกอยู่ในอกราวกับเด็กหญิงน้อยๆ ก้มมาใกล้ ช้องนางรู้เท่าจึงพ่นลมใส่
“แหมคุณช้องล่ะก็ช่างเท่าทันคนเสียนัก”
“แล้วปากช้องเหม็นหรือไม่เล่าเจ้าคะ”
“หอมค่ะ หอมเหมือนกลิ่น อะไรนะเจ้าคะที่คุณช้องนำมาปลูกเสียมาก”
“เขาเรียกว่าเปปเปอร์มิ้นจ้ะ ครูแหม่มใช้ใบเปปเปอร์มิ้นรักษากลิ่นปาก หอมดีนะจ๊ะนม ผสมกับพิมเสนเย็นดี ถ่านขัดถูคราบฟัน ดูดซับกลิ่นได้ เกลือทำให้ฟันแข็งแรงไม่ผุง่าย”
“เจ้าค่ะ เจ้า สรรพคุณมากเหลือ โดยเจ้าต้นเปรตมุมมิม นมจำไม่ได้เสียที เห็นจะคราวนี้ที่จำได้”
ช้องนางแอบหัวเราะกับคนที่บอกจำได้ แต่ไปเรียกชื่อคนละความหมายเลยทีเดียว
เสียงหัวเราะเบาๆของนายสาว ทำให้แม่นมรู้สึกเอ็น ดูลืมไปว่านายสาวยังกลุ้มใจอยู่มากในเรื่องแต่งงาน จึงไม่ทันระวังการต่อเพลงยาวกล่อมช้องนาง
“เสียงหัวเราะนุ่มนวลชวนให้คิด
แสนสนิทเสน่หาพาให้ไหว
มิน่าเล่าเจ้าจึงไม่อยู่รอท่าใคร
เพราะหลวงไกรจับจองเป็นของตัว”
หญิงสาววัยแรกรุ่นถึงกับนิ่งอึ้งไปอีกครา เธอเจ็บในใจแปลบทุกครั้งเมื่อมีการพูดถึงเรื่องแต่งงาน เธอไม่อยากแต่งงานเลย ไม่อยากแต่งสักนิดเดียว เพราะไม่ว่าใครเอ่ยเรื่องหลวงไกรขึ้นมา จะทำให้ช้องนางคิดถึงเรื่องที่อยากลืมนักหนา เรื่องของตนเองย้อนหลังกลับไปก่อนหน้าที่หลวงไกรมาหมั้น
ช้องนางเป็นธิดาสาวคนเล็กของคุณพระเทิดซึ่งมีพี่สาวคนโตต่างออกเรือนกันด้วยอายุน้อยไม่เกินยี่สิบปีทั้งสองคน ด้วยว่าทั้งสามต่างมีความงดงามเป็นที่เลืองลือกันทั้งกิริยามารยาท มีสมบัติ และคุณสมบัติครบถ้วน
แม้แต่การศึกษา บรรดาเจ้านายผู้หญิงมีรับสั่งให้ใฝ่รู้ ผู้หญิงบ้านพระเทิดก็ให้ทำตามนั้นทุกคนจึงอ่านออกเขียนได้ แต่ช้องนางมีคุณสมบัติมากกว่าพี่สาวตรงที่งามนักหนา งามมากเสียจนเจ้านายหมายตา
คุณดอกปีปถึงกับเอ่ย เมื่อมาคะยั้นคะยอให้ยินดีที่จะได้ออกเรือน
“ช้องเอ๋ยบุญของเจ้าจริงเชียวที่คุณหลวงไกรหมายปอง อนาคตของหล่อนจักไกลไปถึงขั้นคุณหญิง” คุณปีบพี่สาวคนโตออกเรือนไปเป็นภรรยาคุณพระนักขัตเอ่ยกับน้อง หล่อนเป็นแม่สื่อรักให้ ด้วยรู้จักกับไกรเขาเป็นนักเรียนทุนเมืองนอกของสมเด็จ... เป็นลูกน้องนักการทูต มีเชื้อสายตระกูลไม่ด่างพร้อย
“คุณพี่เจ้าขา คุณหลวง กับน้องก็มิเคยได้พบเห็นกันสักครั้ง จะหมั้นหมายน้องด้วยเหตุใดน้องไม่ทราบ”
“แม่ช้องยังเด็กทำตามผู้ใหญ่ล้วนเป็นสิ่งดี คุณหลวงเธอออกปากเองว่าพอใจแม่ช้อง พี่จึงกล้าประกันว่าการแต่งงานของแม่ช้องเกิดจากผู้ชายเขารักเรา คนที่รักเราเขาไม่ทำให้เราเจ็บช้ำไปดอกนะแม่ช้อง”
แล้วความรักคือสิ่งใดกันเล่า!
ช้องนางได้แต่คิด เคยได้ยินไปว่าคนนั้นรักคนนี้ คนนั้นเอ็นดูคนนี้ มาถึงตัวเอง พี่สาวมาบอกว่าผู้ชายหมั้นหมายด้วยความรัก เธอเองยังไม่เข้าใจว่ารักนั้นคืออะไร…แล้วสิ่งที่ขม เจ็บลึก ยามเมื่อนึกถึงชายคนหนึ่งนั้นเล่าเรียกว่าอะไร...ชายคนนั้น คนที่บังเอิญได้พบพากัน ก่อนหน้ามีการหมั้นหมายกับหลวงไกร!
เหตุใดเขาจึงติดตาไม่รู้ลืม เหตุใด แม้แต่จะกลืนกิน หรือยามนอนต้องหวนครวญหาอย่างที่ช้องนางละอายใจยิ่งนัก
“อย่าคิดให้มากไป แม่ช้องไม่ใช่คนโง่เขลาสักนิด เอ้า! แม่ช้องก็ลองดู พี่เป็นตัวอย่างไป แต่แรกนั้นพี่ได้รู้จักคุณพระเสียที่ไหน แต่คุณพระส่งคนมาสู่ขอกับคุณพ่อคุณแม่ ทางเราก็ยังแคลงใจว่าคุณพระมารู้จักพี่ที่ไหน พี่เองยังโดนเรียกไปซัก แต่ก็ได้ความอย่างแม่ช้องนี่ล่ะว่าไม่รู้จัก ทางคุณพระจึงได้เอ่ยปากว่า เห็นพี่ที่วัด ติดตา ตามมาสืบดูจนรู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ได้สืบอยู่จนรู้ว่าไม่มีตำหนิติติงตรงไหน จึงได้มาสู่ขอ ทางคุณพ่อคุณแม่เราก็ใช่ว่าจะเห็นแก่สินสอดทองหมั้น พวกท่านก็ให้ทางเราไปสืบประวัติคุณพระเหมือนกัน กระทั่งได้แต่งงาน พี่ก็มีความสุขนัก ไม่มีเรื่องให้มาขื่นขมอมเปรี้ยวกับ นางเล็กๆสักคน สายตาผู้ใหญ่ย่อมดีกว่าสายตาเด็ก ที่นี้เรื่องของแม่ช้องมีทั้งพี่ ทั้งพ่อแม่หลายหูหลายตา แม่ช้องจักเกรงอันใดให้มากความไปอีกเล่า”
ช้องนางหลุบตาคมกลมโตลงมองพื้น แล้วแลเลยไปมองพุ่มไม้เลื้อย ซึ่งพันกิ่งก้านขึ้นมาตามแนวระเบียงไม้ พุ่มดอกไม้เลื้อย ออกดอกเป็นช่อสีชมพู สะพรั่งสวย
แม้หูจะรับฟังพี่สาวไปพลาง แต่ใจอดคิดไปตามประสาไม่ได้ว่า เหตุใดเล่าเธอจักต้องรีบแต่งงาน แล้วกับเจ้าบ่าวที่พี่สาว และบิดามารดา แม้แต่หม่อมยาย เห็นดีเป็นนักหนานั้น เธอเองยังไม่เคยพบกับเขาสักครั้ง แต่เขานั้นมาพบเห็นเธอเมื่อไหร่กัน พี่สาวจึงกล้าเป็นประกันว่าเขารักชอบจึงมาหมั้นหมาย…
หากชายคนนั้นกลับกลายมาเป็นคู่หมั้นหมายของเธอจักดีเพียงใดกันหนอ คิดแล้วให้อนาถใจตัวเองยิ่งนัก ซึ่งเอาเข้าจริงเธอเองไม่รู้สักอย่างถึงเรื่องความรัก หรือความทุรนทุรายในอกในใจเพียงนี้
พอคิดแล้วก็น้อยใจจนประชดพี่สาวไปว่า
“คุณพี่ยังพอได้ทราบว่าคุณพี่เขยได้เห็นกันที่วัด แล้วกับตัวช้องเองเล่า คุณหลวงมาเห็นกันที่ไหนเจ้าคะ”
“แม่ช้องเห็นจะมากเรื่องไม่เข้าที”
ช้องนางยิ่งก้มหน้าเบือนหลบสายตาพี่สาวไปทางอื่น คุณปีบผู้เป็นพี่สาว ใจไม่ดีนัก จึงได้พิจารณาดูน้องสาวโดยถ้วนถี่ เห็นว่าช้องนางไม่ร่าเริงแจ่มใสเอาเสียเลย เธอจึงเชยคางน้องสาวคนเล็กเธอเห็นว่างามกว่าใคร หากบัดนี้มีแววเศร้าไม่จางทั้งที่จะแต่งงานอยู่ไม่ช้านี้แล้ว
“ใยจึงดูหมองนักเล่าช้องมีเรื่องทุกข์ร้อนใด หรือว่ามีเรื่องอันใดอมพะนำไม่นำพาให้พี่ได้รู้”
“คุณพี่เจ้าขา” ช้องนางน้ำตาพราวกลบตา ริมฝีปากเต็มได้รูปสวยสั่นระริก
เธอพยายามสะกดอารมณ์ แต่คุณปีปตกใจเมื่อเห็นน้องสาวถึงกับร้องไห้ จึงรีบถาม
“มีอันใดหมองใจหรือเจ้า”
“น้อง...น้องละอายใจเหลือเกินเจ้าคะคุณพี่เจ้าขา”
“อะไร...เป็นอะไรไปน้องพี่ วานบอกทีอย่าให้พี่ต้องเห็นเจ้าทุกข์ขนาดนี้”
“น้อง...น้องไม่อยากแต่งงานเจ้าคะ คุณพี่เจ้าขา”
“อ้าวแล้วกันแม่ช้อง มันสายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลง คุณพ่อเอาดวงน้องกับคุณไกรไปผูกก็เห็นว่าเป็นเนื้อคู่กันแล้วทำไม เจ้าจะมาขัดข้องเสียดังนี้เล่า”
“น้อง…” ช้องนางตะกุกตะกักไม่อาจจะเอ่ยอันใดออกมาได้”
ขณะนั้นนมเย็นเดินถือพับผ้าอบหอมเข้ามา ช้องนางรีบเบือนหน้าหนีไม่ให้พี่เลี้ยงได้เห็นน้ำตาได้ หากนมเย็นก็ยังสังเกตเห็น จึงได้ตัดพ้อต่อหน้าคุณปีบว่า
“เอาอีกแล้ว คุณช้องของบ่าว น้ำตาเปียกน้ำตาแฉะอีกแล้ว นี่จะให้นมโดนคุณปีบดึงเนื้อขาดหรือเยี่ยงไรเจ้าคะ”
“ก็แล้วแม่เย็นดูแลกันอย่างไรน้องฉันจึงได้ร้องไห้อย่างนี้เล่า”
“ดูแลแทบหายใจรดคอกันอยู่เจ้าค่ะคุณปีบเจ้าขา แต่คุณช้องก็เอาแต่เศร้านัก จะเป็นเจ้าสาวอยู่ไม่กี่วันนี้แล้วนะเจ้าคะ”
“ดูนมเย็นจะยินดีกว่าช้องหลายเท่านัก เอาเถิดให้คุณหลวงรับนมไปเป็นเจ้าสาวแทนช้อง”
“ตายแล้ว เอาที่ไหนมาสรรเจรจาคุณช้อง...จะให้คุณหลวงรับนมไปเผาหรือคะ ไม่เอาเจ้าคะอย่าพูดไป...เออคุณปีปมานานแล้วหรือเจ้าคะ”
“ได้สักครู่ใหญ่ กำลังจะกลับอยู่แล้ว…นี่แม่เย็นไปส่งฉันที่ท่าน้ำสักหน่อย”
หญิงวัยสี่สิบสบตาเป็นนัยกับคุณปีป ลูกสาวคนโตของบ้าน จึงรู้ว่า มีเรื่องแน่ๆ
...ช้องนางกระพุ่มมือไหว้พี่สาว คุณปีบลงเรือนไปพร้อมนมเย็น ช้องนางจึงได้เข้าไปในห้องส่วนตัวไปคิดอ่านตาลำพัง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องทุกข์ทั้งสิ้น
คุณปีปเดินนำมา โดยมีนมเย็นใจไม่ค่อยดีเดินตามหลังมาอย่างเงียบๆ กระทั่งทั้งสองมาถึงท่าน้ำ ซึ่งมีเรือพร้อมฝีพายซึ่งลงไปทำหน้าที่เตรียมออกเรือ คุณปีบหันไปไล่เรียง คาดคั้นพี่เลี้ยงของน้องสาวด้วยท่าทางจริงจัง เวลาเธอทำสีหน้าเคร่งเครียดทำให้หมดสวยไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว
“ว่าเยี่ยงไรแม่เย็น ช้องนางน้องสาวฉันเขาจึงทำอกไหม้ไส้ขมมาให้ฉันเห็นได้เพียงนี้”
“เอ่อ...เย็นไม่ค่อยจะ…”นมเย็นอึกอัก ไม่กล้าเอ่ยความนัย
แต่คุณปีบสวนกลับเสียงเขียวอย่างเอาเรื่อง และไม่ว่าใครบนเรือนคุณพระนั้นต่างรู้ว่า เมื่อคุณปีบเอาเรื่อง ต่อให้โจรมากันถึงห้าร้อยคน คุณปีบไม่มีถอยหนี เธอดุได้เพียงนั้นทีเดียว ดังนั้นนมเย็นจึงก้มหน้าไม่สานสบตาเอาเรื่องเหมือนนางเสือดาวของนาย
“จะมาปิดฉันว่าไม่รู้ไม่เห็นล่ะก็ อย่าได้คิดว่าปิดง่ายไปเชียว ถึงเป็นคนโปรดฉันก็เฆี่ยนหลังลายได้นะแม่เย็น”
“เอ่อ...เย็นไม่กล้าปิดดอกเจ้าค่ะคุณปีบเจ้าขา แต่เย็นไม่รู้จักกล่าวเยี่ยงไรจึงจะเอ่อให้พ้นผิดได้”
“พ้นผิด”คุณปีบย้ำคำ ท่าทางยิ่งดุกว่าเดิม
“เห็นจะพ้นไม่ได้แน่ถ้ายังไม่พูดออกมาให้รู้ให้ได้แก้ไขกัน”
“เอ่อ...ช้องไม่อยากแต่งงานเจ้าค่ะ”
“ข้อนั้นเห็นจะไม่ต้องย้ำ ฉันอยากรู้ว่าแม่เย็นพาน้องฉันไปพบผู้ชายอื่นมารึ”
“โอยคุณปีบเจ้าขา” นมเย็นโดนข้อหาเข้ามาซึ่งๆหน้าดังนี้ นางถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงยกมือไหว้คุณปีบท่วมหัว เอ่ยเสียงอ่อน น้ำตาเอ่อท้นจะร่วงรินเสียให้ได้
“เย็นไม่รู้ไม่เห็นด้วยเลยจริงๆเจ้าค่ะ”
“บอกมาบัดเดี๋ยวนี้เทียว นี่ชักชวนกันไปนอกบ้านจนเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมาใช่หรือไม่”
นมเย็นหน้าซีดเผือด เมื่อธิดาคนโตของคุณพระคาดเดาได้แม่นยำ ดังนั้นน้ำตาที่สู้กลั้นจึงได้ไหลพราก คุณปีบใจหายครามครัน ลดเสียงลงเบาพลิ้วก้มหน้าไปกระซิบถามแม่นมของน้องสาวว่า
“เสียน้ำเสียนวลไปเชียวหรือแม่เย็น”
“คุณปีบเจ้าขา ถึงขั้นนั้นก็หาไม่ แต่เอ่อ ชั่วเย็นห่างตา พลัดหลงกับคุณช้องในงานกฐินหลวง เจ้าค่ะ เย็นไปดูยี่เก คุณช้องเธอไปเดินเที่ยวตามลำพัง”
“อุแม่เจ้า...”คุณปีบอุทาน ก่อนกระพือพัดให้คลายร้อนจากภายใน มากกว่าจะเป็นร้อนเพราะอากาศ เนื่องจากมีสายลมพัดเย็นโชยมาเป็นระยะ
“เล่ามา เล่ามา ฉันจะฟังแก้ไขได้จักแก้กันไปเสียให้ทัน”
“เมื่องานกฐินหลวง เย็นกับนางผิว เป็นบ่าวตามคุณช้องเธอไปเที่ยวเจ้าค่ะ งานสมโภชคืนนั้นคนมากโข เดินกันเหมือนสายน้ำไหลไปเทียว ยี่เกจากกาญจนบุรีมาแข่งกันกับละครนอก เย็นไปโรงหนึ่ง คว้าข้อมือนางผิว เข้าใจว่าเป็นคุณช้อง ส่วนนางผิวไปคว้าอีบ่าวอีกคนเข้าใจว่าเป็นคุณช้องเช่นกันเจ้าค่ะ ส่วนคุณช้องตัวจริงเธอเดินตามคนขายน้ำตาลเคี้ยว สักพักมาเห็นหน้าขณะนั้นเกิดเรื่องชกต่อยของพวกนักเลงวิ่งไล่กันมา เย็นกับนางผิวและอีบ่าวจึงได้มองหน้ากัน ได้ทราบว่าคุณช้องพลัดกันไป พวกบ่าวรีบตามหา เพราะเกรงว่าเธอจะไปโดนลูกหลงจากพวกนักเลงหัวไม้เข้า เอ่อ หากันอยู่นานเจ้าค่ะ เอ่อ”นมเย็นนึกเห็นภาพที่จำได้ติดตา
“ตายแล้ว” นมเย็นหานายจนพบ ขวัญหายเมื่อเห็นภาพชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาดีแต่งกายคมสันทันสมัย กอดร่างอรชรของช้องนางไว้ไม่ปล่อย
...นางผิวก็หันมาเห็นตกใจแทบดิ้นตาย ทิ้งของในมือตรงรี่เข้าไปหานาย
นมเย็นกรากเข้าไปกระชากนายสาวออกจากชายหนุ่มผู้นั้น พลางต่อว่าทันที
“ชิชะ สันดานหยาบจริงเจ้า เรื่องอะไรมาถูกถือเนื้อตัวนายของข้าเช่นนี้ คุณช้องกลับบ้านเดียวนี้”
“ประเดี๋ยวก่อน อย่าเพ่อ อย่าเข้าใจฉันเป็นทางอื่นเสียเล่า แม่ช้องนาง”ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในชุดซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า ‘เก๋’ เต็มที คือชุดเสื้อปิดคอ ชายเสื้อด้านหลังยาวเหมือนหางจิ้งเหลน และกางเกงอย่างฝรั่ง หนุ่มนายนั้นตะโกนตามหลังเด็กรุ่นสาว เรียกขานนามช้องนางติดปากคำ
“แม่ช้องจ๋า”
นมเย็นได้ยินอีกฝ่ายเรียกขานชื่อทำให้ ต้องรีบชักจูงช้องนางจากไปทันที ชายหนุ่มผู้นั้นทำท่าจะตามไป แต่ นางผิว หันขวางกั้นทำท่านักเลงโตเข้าใส่ชายหนุ่มที่นางเห็นว่าลวนลามช้องนางอยู่มาก ที่เห็นนอกจากนมเย็นเห็นคือชายผู้นั้นหอมแก้มช้องนางไปโดยที่นายสาวได้แต่ยืนกายแข็งทื่อ
นางจึงเพิ่มความโกรธเข้าไปหลายเท่าตัว ตีฝีปากจัดจ้านกระทบกระแทกแดกดันเข้าใส่ อย่างไร้ความกลัวเกรง
“แต่งตัวเยี่ยงฝรั่ง คงเข้าข้างฝรั่งอักโขอยู่ดอกกระมังจึงได้ทำตัวหยาบช้าเกินหน้าคนสยามไปมากนัก”
ชายหนุ่มผู้นั้นเดินเลี่ยงจากไปไม่ลดตัวลงมาทะเลาะกับผิวด้วย ผิวจึงวิ่งตามนมเย็นไป ได้ยินนมเย็นปลอบถามนายสาวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“แล้วเป็นเยี่ยงไร น้องฉันจึงได้ไปโดนอ้ายคนนั้นมันล่วงเกินเอาได้”
“ไม่พูดอะไรเลยเจ้าค่ะ กลับมาก็เหม่อ ถามก็ไม่ตอบ รุ่งเช้าก็เอาแต่เหม่อ กระทั่งคุณหลวงมาขอและคุณพระอวยให้ ยิ่งหมองไปกันใหญ่เจ้าค่ะคุณปีบ”
“แล้วนี่นังผิว นางบ่าวนั่นมันปิดปากกันสนิทอยู่รึเรื่องผู้ชายที่โดนตัวแม่ช้อง”
“ปิดกันเงียบเจ้าค่ะ”นมเย็นรับคำหนักแน่น ด้วยรู้ว่า หากมีข้อครหาในเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงมาถึงช้องนาง พวกตนผู้เป็นคนสนิท อาจมีโทษถูกเฆี่ยนถึงหลังลายได้
“เอาล่ะ เรื่องน้องสาวของฉันหม่นหมองไปหนักหนา เพราะอ้ายผู้ชายคนนั้นเพียงครั้งเดียวก็ปล่อยไป ไม่ต้องอึง ห้ามน้องข้ากล่าวถึงมันเด็ดขาดรู้หรือไม่แม่เย็น”
“เจ้าค่ะ ห้ามอยู่เจ้าค่ะ พยายามหนักนักที่จะเอ่ยถึงหลวงไกรให้ใจเธอเขวมาบ้าง”
“ดีล่ะ...หลวงไกรเป็นคนดี มีผู้หญิงซุกซ่อนหรืออกหน้าใด แม่ช้องได้แต่งงานก็เป็นเมียในสมรส ในสายตาผู้ใหญ่รับรองกัน อย่าให้เรื่องถึงหูคุณพ่อท่านจะร้อนใจ ควานหาตัวอ้ายคนนั้นเป็นที่เอิกเกริกไป จากนี้หากเป็นได้ก็อย่าให้แม่ช้องลงเรือนเสียเล่าแม่เย็น”
“เจ้าค่ะคุณปีบ”
นมเย็นรับคำอีกครั้ง คุณปีบทำท่าเหมือนจะสั่งความอีก แต่ไม่พูดอะไร ก่อนหันหลังเดินไปที่บันได แล้วลงเรือ นั่งเรียบร้อยจึงกางร่มกระดาษกันแดด นั่งเรือจากไป
แม่นมของช้องนางส่งคุณปีบไปแล้วจึงได้ขึ้นเรือน นางตรงไปที่ห้องส่วนตัวของช้องนาง จึงได้เห็นอีกฝ่ายนั่งอมทุกข์โดยมีนางผิดนั่งจับจีบสไบ ก็ไขหีบ*(เครื่องทับจีบ ซึ่งเป็นแผ่นเหล็ก มีแท่งเกลียวหมุนอัดกลีบให้แน่นตามแรงที่หมุนกันได้ ก่อนใช้ต้องจับจีบก่อนหากจับจีบไม่ดีจะทำให้สไบมีกลีบไม่งาม เป็นที่ตำหนิถึงคนใส่คนทำกันได้ทีเดียว) ทับให้เป็นจีบสวย
“คุณพี่ถามความกระไรหรือแม่นม”ช้องนางถามอีกฝ่าย
“บอกฝากว่าให้ดูแลคุณให้ดีเจ้าค่ะ”นมเย็นเลี่ยงตอบไปทางอื่น แต่ช้องนางเป็นคนฉลาด รู้เท่าทันจึงดักคอแม่นมไปว่า
“ที่จริงคุณพี่คงสั่งความกับแม่นมว่า ห้ามไม่ให้ช้องลงเรือนอีกล่ะ”
“คุณช้องละก็ไปว่าคุณพี่”
“คุณพี่เธอช่างเป็นใหญ่เหลือเกินนี่เจ้าคะ เธอบอกเองว่าตามใจคุณพ่อ แต่ที่จริงคุณพ่อคงเป็นฝ่ายตามใจคุณพี่จึงถูก ว่ามั้ยละนมเย็น”
“ก็...เจ้าค่ะ”นมเย็นจำต้องรับความจริงว่าคุณปีบเธอมีดี มีอำนาจ ทำให้ได้รับความเกรงใจ และเป็นที่ยอมรับของผู้ใหญ่ในเรื่องความคิดอ่านซึ่งไม่เคยได้ผิดพลาด ไม่ว่าเรื่องใดๆ
ฟังแม่นมรับปากโดยไม่มีคำคัดง้าง ช้องนางจึงก้มหน้า ด้วยความน้อยใจขึ้นมาอีกเมื่อคิดว่าเรื่องการแต่งงานของเธอนั้น คุณปีบต้องเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดหา และอาจเป็นไปได้มากว่าเป็นแม่สื่อเสียเองด้วยซ้ำไป
ความคิดของช้องนางที่มีมากในครั้งงานกฐิน ความเยาว์วัยในเรื่องอายุ ซึ่งในสมัยนั้นไม่เรียกว่าเด็ก แต่วุฒิภาวะยังต้องยอมรับว่าเธอเป็นเด็กจริง อายุไม่ทันสิบหกดีจะมีเรือน อีกทั้งโดนผู้ชายถูกเนื้อต้องตัว อันเป็นเรื่องที่หญิงสาวถือหนัก ที่สำคัญ หล่อนไม่อาจลืมภาพของชายคนนั้นได้ลง ทุกครั้งที่หายใจ ช้องนางต้องคิด และไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
ความละอายใจทำให้อยากหายไปจากเรือนโดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการแต่งงาน หายไปเสียจากทุกคน แม้แต่ชายคนที่หล่อนไม่ลืม ชายผู้ที่เจอกันในงานสมโภชกฐินหลวง



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ค. 2555, 10:27:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ค. 2555, 10:27:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1936





<< ดูตัว   ผลของชายแรกที่โดนตัว >>
Zephyr 17 พ.ค. 2555, 17:49:41 น.
คนคนนั้นคือ หลวงไกรป่าวน้า


องุ่น 27 พ.ค. 2555, 02:30:27 น.
ฮ่าตรงต้นเปรตมุบมิบเนี่ยแหละ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account