นิราศรักกรุงสยาม
ศักดิ์ศรีมีไว้ให้คนสรรเสริญมิใช่ทำลาย ความรักมีไว้เพื่อให้ได้รักในกันและกัน ปัญหาเดียวของความรักคือความไม่เข้าใจ

Tags: สู้ ไม่ยอม แพ้

ตอน: เมียในนาม


วันนี้ เป็นวันทำพิธีแต่งงานอย่างเอิกเกริก สมหน้าตาของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวด้วยกันทั้งสองฝ่าย หลังใส่บาตรทำบุญตามประเพณีแล้ว มีการรดน้ำพุทธมนต์ ซึ่งเป็นการรับรองการเป็นภรรยาเอกอย่างสมบูรณ์
ครั้นฤกษ์งามยามดีมาถึงจึงได้เวลาส่งตัวเข้าห้องหอ ผู้ใหญ่ซึ่งมีครอบครัวอบอุ่น และรักใคร่ปองดอง จนเป็นที่กล่าวขวัญกันว่า เป็น “ผัวแก้ว เมียเทพ” ทั้งสองจะขึ้นนอนก่อนเพื่อเป็นแบบอย่างในการครองรักอย่างถือกันเป็นประเพณีนิยม
ทั้งคู่ที่ เรียกว่า ผัวแก้ว เมียเทพ ทำเป็นนอนหลับแล้ว จึงได้ทำทีเป็นตื่น มาบอกเล่าความฝันอันเป็นมงคลแก่กันซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคำที่มีความหมายให้ร่มเย็นเป็นสุขในการครองเรือน
หลังจากนั้น จึงเรียงหมอนให้คู่บ่าวสาว และพากันออกมา นางผิวขัดดาลประตูให้นายสาว พร้อมกับซ่อนยิ้มในสีหน้าไม่ให้ใครได้เห็น
ช้องนางนึกหวาดหวั่น มีอยู่เพียงลำพังกับเจ้าบ่าว ซึ่งนอนขวามือ หลวงไกรเหลือบมองเจ้าสาว ช้องนางสะดุ้งด้วยความหวั่นใจ คำของคุณเถ้าแก่ บอกว่าให้นอนนิ่งชั่วหูช้างกระดิก นั่นหมายความว่านอนนานพอสมควรจึงขยับตัวได้ เวลานี้ เธออยากลุกขึ้น หนีหน้าเจ้าบ่าวไปเสียให้ไกลด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดกับสายตาพราวพราย หวานระยับของหลวงไกร
“แม่ช้อง”เสียงทุ้มของหลวงไกรเรียกแผ่วเบา แต่ทำให้ช้องนางใจหายวาบ
“เจ้า...เจ้าคะ”
“แม่ช้องมีใครอยู่ในใจหรือเปล่า”
ช้องนางอยากร้องไห้ให้รู้แล้วกันไปเมื่อได้ยินเจ้าบ่าวถามตรงไปตรงมา
หลวงไกรขยับมือจะจับต้องช้องนาง เธอรีบขยับกายกระถดถอย ท่าทีของเจ้าสาวทำให้หลวงไกรสลดใจ จึงหันหลังให้อีกฝ่าย พลางคิด
...รอเวลาอีกหน่อยเขาจะปล่อยให้ช้องนางเป็นอิสระอย่างที่เธอต้องการ แม้เขาต้องตากหน้าว่าเมียร้างเขาก็ยอม ด้วยคิดว่ายังดีกว่าจะขืนใจผู้หญิงที่ไม่รักตัว
มโหรีดังแต่เช้าโดยมีพราหมณ์มาทำพิธีเรียกขวัญเจ้าสาว ซึ่งอยู่ในชุดสีนวล ทัดหูด้วยใบแก้ว มีเจ้าบ่าวนั่งเคียงข้างคล้องสายมงคลดังวันรดน้ำสังข์ แต่วันนี้มีเพียงผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงได้อยู่ในพิธีเท่านั้น
วันนี้เป็นวันแรกที่หลวงไกรได้ร่วมสำรับกับคนบ้านพระเทิด นมเย็นและผิวคอยระวังไม่ให้ช้องนางทำผิดมารยาทแม่เรือน ซึ่งหญิงสาวทำได้อย่างไม่บกพร่องตามที่ได้อบรมกันมา
เมื่อหลวงไกรเปิบข้าวด้วยมือ ช้องนางเลื่อนชามล้างมือให้เขาจุ่ม และคอยหยิบจับกับข้าวให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรส หลังจากรับประทานเรียบร้อยแล้วช้องนางเลื่อนชามใส่น้ำใหม่ให้หลวงไกรล้างมือ และหยิบผ้าผืนสะอาดให้เขาได้เช็ด
การที่หลวงไกรได้รับการปรนนิบัติ จากคนที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นภรรยาของเขาแล้ว ยิ่งทำให้ชายหนุ่มขัดข้องหมองใจไม่น้อย
เพราะเมื่ออยู่ในหอห้อง เขาต้องทำใจอย่างมากที่จะไม่ล่วงเกินช้องนาง ดังนั้นหลวงไกรจึงนอนหันหลังให้โดยตลอด ช้องนางละอายใจเช่นกัน เธอจึงหันหลังให้เจ้าบ่าว และแอบได้ยินเสียงถอนหายใจหนัก ๆ
สามวันผ่านไป
วันนี้หล่อนจะต้องไปอยู่บ้านเจ้าคุณเทศา และนมเย็นจะกลับบ้านเกิดของนาง ซึ่งเป็นอันขาดกันแล้ว นมเย็นเอ่ยถามน้ำตาคลอเมื่ออยู่ตามลำพังกับช่องนาง นมเย็นอดห่วงใยหญิงสาวเสียไม่ได้จึงเลียบเคียงถามว่า
“คุณช้องดื้อกับคุณหลวงหรือเปล่าเจ้าคะ”
“ดื้ออะไรจ๊ะนม”
“ก็ เอ่อ ห้ามหวงอะไรเธอหรือเปล่า”
“ห้ามหวงอะไรหรือ” ช้องนางย้อนถามดวงตาใสซื่อไร้เดียงสา
“นี่ นี่คุณหลวงเอ่อ ไม่ได้แตะต้องคุณของช้องเลยหรือเจ้าคะ”
ช้องนางส่ายหน้า จากนั้นจึงเล่าไปตามจริงว่า คุณหลวงนอนหันหลังให้ และหล่อนเองที่นอนไม่หลับด้วยรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องนอนเคียงข้างผู้ชาย
นมเย็นได้ยินเช่นนั้นจึงจำต้องเก็บงำความสงสัยไว้เงียบ ไม่บอกใครเรื่องที่ช้องนางบริสุทธิ์อยู่ทั้งที่เรียงหมอนไปครบสามวันแล้ว
เรือจากบ้านหลวงไกรมารับคู่บ่าวสาวไปยังเรือนเจ้าคุณเทศา ผิวได้รับอนุญาตให้ติดตามารับใช้ช้องนางได้เพียงคนเดียว
เมื่อเรือมาถึงท่าน้ำแล้ว หลวงไกรสั่งให้บ่าวรับใช้พาช้องนางไปที่เรือนหอ ซึ่งเป็นเรือนหอปลูกใหม่ เป็นหมู่เรือนสามหลัง มีหอนั่ง หอนอน และหอพระซึ่งแยกเป็นส่วน ข้างห้องพระเป็นห้องพักอีกห้องหนึ่ง เอาไว้เก็บทรัพย์สิน และของใช้ที่สำคัญ
ผิวเข้าไปจัดเก็บของใช้ส่วนตัวของช้องนางเข้าไว้ในห้องหอ เพียงสาวใช้ย่างก้าวเข้าไปเท่านั้น นางถึงกับอุทาน
“ตายจริง ห้องหอคุณหลวงทำไมจึงมีสองเตียง”
ช้องนางเอะใจ เพราะไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน ฝ่ายผิวแม้ไม่เคยครองเรือนมาก่อน แต่เรื่องในห้องหอนั้น ผิวรู้ดีทีเดียว เพราะพวกบ่าวไพร่ชอบเก็บงำเรื่องในมุ้งในหมอน จึงมักนำมาเล่าสู่กันฟังดังนั้นแม้ไม่เคยมี ผิวยังสามารถรู้ได้ลึกซึ้งไม่น้อยทีเดียว
เมื่อเห็นเตียงตั้งสองเตียงผิวอดเดาไปอีกทางไม่ได้ว่า
“ หรือคุณหลวงมีเมียอยู่แล้ว เจ้าค่ะคุณช้อง” ผิวย้อนถามนาย ซึ่งหน้าเผือดซีดลงไปในพริบตา
“คุณพี่บอกว่าคุณหลวงยังไม่มีเมีย เอ็งได้ยินเช่นข้ามิใช่รึผิว”
“แต่ผิวไม่เคยเห็นหอใหม่มีเตียงตั้งสองเตียงสองมุ้งดังนี้เลยนี่เจ้าคะคุณช้อง”
“หมายความว่า เขามีเมียแล้วเขาจะเอาเมียของเขามาอยู่ร่วมห้องกับข้ารึผิว”ช้องนางถามเสียงเครียด
ผิวยังไม่ทันตอบ เสียงเคาะประตูเรียกสองสามคำ ผิวไปเปิดรับจึงเห็นว่าเป็นหญิงรับใช้วัยเดียวกับตน จึงได้ถาม
“มีอะไรกันหล่อน”
บ่าวใช้หน้าคมขำเอ่ยธุระที่มาด้วยการเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงแข็งจนจับได้ว่าถือตัวเสียหนัก
“คุณหญิงว่าถ้าท่านจัดของเสร็จแล้วให้ไปหาที่เรือนใหญ่”นางกล่าว โดยไม่ทักช้องนางสักคำ กิริยากระด้างกระเดื่องเช่นนี้ทำให้ผิวคนปากไวอดเอ่ยออกมาเสียไม่ได้ว่า
“นายต้องทำให้รู้ ขี้ข้าจึงพลอยผสมโรง นี่อะไรขอคุณช้องมาแล้วทำปั้นปึ่งดั่งไม่เต็มใจ อิฉันจะฟ้องคุณปีบ”
ผิวอ้างไปถึงคุณปีบ เพราะในสายตาคนที่บ้านคุณพระแล้ว คุณปีบเป็นคนสำคัญที่สุดและดุสุด ช้องนางเป็นฝ่ายเอ่ยกับสาวใช้ด้วยน้ำเสียงเรียบ ฟังดูรู้ว่าเป็นคำสั่งกรายๆระหว่างนาย และบ่าว รวมถึงบ่าวของคุณหญิงไปด้วย
“อย่าวุ่นวายไปเลยผิว เราพึ่งมาถึงพวกเขาจึงยังไม่รู้จัก เอ็งต้องจำไว้อย่างหนึ่งนะผิว ว่าบ่าวก็คือบ่าว อย่าได้มาชักสีหน้าทำขึ้นเสียงใส่ เพราะอย่างไรข้าก็คือนาย เอ็งไปเห็นนายคนใหม่เอ็งไหว้เข้าเสียดด้วยบารมีเขาจะได้คุ้มหัวเอ็ง”
นังพับ ผู้มีร่างอรชรอ้อนแอ้น หน้าตาสะสวย เป็นบ่าวของคุณหญิงโดนตีกระทบเข้าอย่างจัง ทำให้วางหน้าไม่ถูก ได้แต่เก็บความร้ายกาจของช้องนางไว้ไปเพ็ดทูลคุณหญิงภายหลัง ส่วนผิวรู้ใจนายว่า ‘ด่าฝาก’จึงลอยหน้าเอ่ยว่า
“คุณช้องอย่าได้ไปมองแง่ดีนักนะเจ้าคะ ที่ว่าไม่รู้ เห็นจะไม่จริงดอกเจ้าค่ะ ก็นังบ่าวจะไม่รู้เชียวหรือว่าคุณช้องเป็นสะใภ้เอก”
ช้องนางนิ่งอึ้ง พานนึกไปถึงเตียงอีกเตียงหนึ่ง...เมียเก็บหลวงไกรคงสำคัญไม่ใช่เล่น พวกบ่าวจึงแสดงออกนอกหน้าอย่างไม่เกรงใจช้องนาง
“หากมันคนใดกล้ามารังแกคุณของผิว ผิวจะไม่รามือให้สักคนเทียว” ผิวไม่ได้อวดโอ่แต่ถ้าเพื่อนายให้ตายแทนก็ยอม หล่อนเข้าข่ายมือก็ไวปากก็ไวน้ำใจเด็ดไม่เกรงคน
“ตอนข้าขึ้นเรือนมา ข้าไม่เห็นท่านผู้ใหญ่ เมื่อท่านเรียกหาเอ็งก็พาข้าไป ไปกันเถอะผิว อย่างชักช้างุ่มง่ามอยู่เลย เดี๋ยวจะโดนใส่ไคล้เอาได้ว่าเราดีแต่นั่งรอ” ช้องนางชวนบ่าว ยังพาลใส่นังพับตัวแสบที่บังอาจมาชักสีหน้า วางกล้ามใส่เธอ
นังพับสาวใช้เจ้ากรรมเริ่มร้อนๆหนาวๆไปบ้างแล้ว เพราะช้องนางไม่ได้มีแค่ความสวยเท่านั้น เธอยังแสดงความเป็นนายอย่างชัดเจน ซึ่งนางเป็นคนของคุณหญิงก็จริง แต่คุณช้องนางนั้นเป็นเมียแต่งอย่างที่คนในเรือนรู้ว่าคุณหลวงรักเสียเต็มประดา
ผิวค้อมกายเดินเข้าไปใกล้นายสาวกระซิบเบาไม่ให้คนนำทางได้ยิน
“คุณช้องจะทำเยี่ยงไรเจ้าคะ หากว่าคนบ้านนี้ไม่ได้ดีอย่างที่แสดงที่บ้านเราว่าเขาเต็มใจรับ”
“ถ้าเราโอ้เอ้ไม่ไป เราจักรู้รึว่าเขาจะมีทีท่าเยี่ยงไร เร่งเข้า ข้าใจร้อนเสียแล้ว ฉวยไม่ดีข้าก็จะหาเรื่องกลับบ้าน”ช้องนางพาลจนได้
เดินถึงทางเชื่อมเรือน ช้องนางสวนทางกลับหลวงไกร ซึ่งเมื่อส่งที่เรือนแล้วก็หายไป นี่ทำท่าเหมือนพึ่งกลับมา หญิงสาวรู้สึกอยากเชิดหน้าให้สูง สะบัดตัวให้รู้ว่าขุ่นเคืองยิ่งนัก แต่ที่แสดงออกได้คือเก็บกิริยาให้วางทีท่าเมินเฉยที่สุด ทำเหมือนไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
“จะไปไหนแม่ช้อง”
“คุณหญิงท่านสั่งเด็กให้หาอิฉันเจ้าค่ะคุณหลวง”
“ฉันจะไปเป็นเพื่อนหล่อนเอง”ไกรเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ว่ามารดาไม่เต็มใจในการแต่งงาน แต่ช้องนางสวนกลับแทบไม่รอให้เขาพูดจบประโยคเสียด้วยซ้ำ
“มิเป็นไรเจ้าค่ะอิฉันไปเพียงลำพังได้”
อะไรบางอย่างทำให้ช้องนางอวดดี หลวงไกรหน้าบึ้งตึงทันทีเช่นกัน เมื่อเห็นความเย็นชาของอีกฝ่ายแสดงออกมาอย่างชัดเจนเพียงนั้น หลวงไกรกล่าวเสียงแข็ง หน้าตึง จากนั้นเขาแยกไปทันที
“ฉันก็มีเรื่องอยากบอกแม่ช้องให้รับรู้เหมือนกัน หลังจากหมดธุระทางคุณแม่ หล่อนรีบกลับมาก็แล้วกัน”
ผิวนั่งจับมือนายสาวเขย่าเบา ๆ เอ่ยเกือบกระซิบ
“เห็นจะเป็นเรื่องมีเมียอยู่แล้วกระมังคุณช้อง อายุปูนนี้แล้วด้วย”
ช้องนางกัดเน้นริมฝีปากลืมตัว หญิงสาวไม่เคยรู้สึกเหมือนใจจะขาดรอน ๆดังนี้มาก่อนเลย เธอเจ็บจี๊ดดังถูกหนามแหลมคมทิ่มแทงใจ เจ็บจนต้องกัดฟันข่มความรู้สึกนั้นให้หาย
ความมานะของหญิงสาวทำให้เชิดหน้าเดินไปหาคุณหญิงตามคำสั่ง แม้เรื่องสองเตียงในห้องนอนจะทำให้จิตใจจะลอยคว้างไปไม่น้อยแล้วก็ตามที!!
ที่หอนั่งเรือนใหญ่
คุณหญิงนั่งบนตั่ง สองเมียรองนั่งลดหลั่นลงมา ปากเคี้ยวหมากันหยุบหยิบทั้งสามคน ที่ทำให้ช้องนางใจหวั่นไหวอย่างประหลาดนักคือ สาวสวย ตัดผมทรงกระทุ่มตามความนิยมนั่งอยู่บนพื้นเดียวกันกับสองแม่เลี้ยง วางหน้าเชิด ไม่ทักทาย ความสวยงามของแผ้วทำให้ช้องนางเห็นภาพอีกฝ่ายเป็นเจ้าของเตียงในห้องหอ คิดแล้วช้องนางเจ็บใจจนน้ำตาเอ่อคลอหน่วย ก่อนกลืนลงในอกอย่างเร็ว
ฝ่ายพับสาวใช้ตัวแสบเข้าไปรายงานก่อน โดยไม่กล้าพูดอะไรมาก ส่วนช้องนางคลานเข่าเข้าไปหาด้วยกิริยาอันงดงามอย่างหาที่ติไม่ได้
“เอ้า นี่ไม่มีธูปเทียนแพมาไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยรึ”คุณส้มลิ้มเปิดปาก ท่าทางบอกชัดว่าประชดมากกว่าจะต้องการจริง
ช้องนางอึ้งไปพักหนึ่งเพราะไม่ทราบประเพณีนี้มาก่อน เธอจึงออกตัวไปตามซื่อว่า
“ไม่เห็นคุณหลวงชี้นำประการใดเจ้าค่ะ”
“เรื่องการเคารพนบไหว้ต้องให้ผัวสั่งด้วยรึ”คุณเหมตอกย้ำลงมาอีก
ช้องนางเริ่มรู้สึกได้ว่าท่ามกลาง แม่ แม่ ของหลวงไกร มีกลิ่นอายของความไม่ชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงเงียบ เพื่อให้เกิดการปะทะคารมน้อยลง
แต่ไม่เป็นอย่างที่ช้องนางคิด เพราะผู้ใหญ่ต้องการ ‘ตัดไม้ข่มนาม’
“นี่หากอยู่ในรั้วในวังดังแม่น้ำผึ้ง เห็นจะไม่ต้องบอกว่าอะไรควรไม่ควร”สองแม่เลี้ยงเอ่ยนามสตรีหนึ่งขึ้นมาให้ช้องนางได้ยิน
หญิงสาวพลันมองเห็นเตียงนอนอีกเตียงในห้องของหลวงไกรขึ้นมาทันที ช้องนางใจหาบวะวับ เข้าใจไปว่าสาวสวยที่เธอเห็นนั่งเชิดหน้าอยู่นี้คือน้ำผึ้งแสนหวาน
คุณหญิงใหญ่ตีกระทบมาอีกซ้ำ
“เอาล่ะ เอาล่ะ เมื่อแม่ช้องเขาไม่ใส่ใจเรื่องนี้เราก็ทำเป็นหูป่าตาเถื่อนไปบ้างก็แล้วกัน”
ช้องนางละอายจนหน้าแดง แล้วกลับเผือดซีดลงไป นึกรู้ว่าแม่สามีไม่ชอบหน้า...อาจบางทีท่านจะหมายตาคนที่ชื่อน้ำผึ้งให้เป็นเมียเอกเอาไว้แล้ว
ถ้าเป็นอย่างที่เธอนึก เหตุใดขันหมากจึงไม่หันไปข้างโน้น จะมาข้างเธอให้นั่งช้ำใจทำไมกัน!
“ฉันเรียกมาบอกกล่าวว่าเราเป็นเมียแต่งของพ่อไกร ทางบ้านหล่อนคงบอกกันมาบ้างแล้ว ฉันเห็นว่าพี่สาวเก่งทั้งคู่ แต่ว่าพ่อไกรเขาทำงานกับฝรั่งมังค่า หล่อนจะทำให้ขายหน้าไม่ได้เด็ดขาดรู้มั้ย”
“เจ้าค่ะ” หล่อนพึ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าไกรทำงานโดยตรงกับพวกฝรั่ง
คุณหญิงสำทับเสียงแข็งเป็นการวางอำนาจให้เมียเล็กๆของท่านได้เห็นไปในตัว
“หากว่าหล่อนทำเปิ่นจะขายหน้าเขาทั้งสยามไปเทียว เขาจะเหมาเอาว่าหญิงไทยเป็นอย่างหล่อนเสียทั้งหมดทีเดียว”
ช้องนางแอบเห็นสองเมียรอง ทำเหยียดปากราวกับหยันเยาะอย่างเปิดเผย ช้องนางอดแปลกใจไม่ได้ว่า คนเราไม่รู้จักกันมาก่อนแล้วเหตุใดจึงต้องมารังเกียจรังงอนกันเพียงนี้
หรือสาเหตุมาจากเจ้าบ่าวหน้าขรึมของตนเองทำให้เธอโดนรังเกียจจากบรรดาแม่ แม่ทั้งสามคน!!



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ค. 2555, 18:55:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ค. 2555, 18:55:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 2274





<< วันแต่งงาน    ตัดไม้ข่มนาม(ข่มใคร) >>
Zephyr 18 พ.ค. 2555, 20:53:22 น.
ฮึ้ย ขัดใจแทน คุณหลวงอ่ะ ไปขอเค้ามาแล้วพาลแบบนี้เหรอ ย้ากกก


Pat 20 พ.ค. 2555, 12:39:15 น.
คุณหลวงนี่ก็ประหลาดแท้ จริงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account