สื่อกามเทพ
เรื่องราว...จุดเริ่มต้นในการผูกพันทางหัวใจ โดยการชัดนำ ของเจ้าสี่ขาหางฟู
ที่เราๆ ท่านๆ ต่างรู้จักในนาม ว่า...แมวเหมียว
ที่เราๆ ท่านๆ ต่างรู้จักในนาม ว่า...แมวเหมียว
Tags: กุ๊กกิ๊ก น่ารัก และแอบเจ็บนิดๆค่ะ
ตอน: ตอนที่ 1
นางแบบสาวเรือนร่างงดงามสมส่วน ในชุดมินิเดรสโทนสีน้ำเงินเข้ม บนดีไซน์อันพริ้วไหวของผ้าชีฟอง
กับลีลาการโพสท่า อันคล่องแคล่วสอดประสานกับเสียงกดซัตเตอร์ดังถี่ยิบ ฉากหลังเป็นสนามหญ้า
สีเขียวขจี มุมขวาเป็นตึกโบราณทาทับด้วยสีเหลืองอ่อน ตัดขอบประตูหน้าต่างด้วยสีขาว สถาปัตยกรรม
ร่วมสมัยอันอ่อนช้อย
“ขยับมาทางซ้ายอีกนิด ยกไหล่ขึ้นสูงหน่อย ..ยิ้มเหมือนยั่วยวนนะแพท”
เสียงบอกกระชับ พร้อมกับเสียงกดซัตเตอร์ตามกระชั้นชิด มือเรียวปรับหมุนเลนส์ไปมาจนได้โฟกัส
ที่ถูกใจ
“พักก่อนนะทุกคน เดี๋ยวเริ่มซ๊อตใหม่”
ลันตาหันมาบอกกับทีมงานประจำบรรณาธิการ หญิงสาวถือโอกาสนั้นนั่งพักลงบนเก้าอี้สนามใกล้ๆ
อาชีพช่างภาพประจำนิตยสารแฟชั่น อันดับต้นๆของเมืองไทยทำให้หล่อน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในสตูริโอ
และงานภาคสนามเพื่อถ่ายภาพตามคิวงานที่ บรรณาธิการฝ่ายภาพมอบหมายมาให้ อีกทั้งเวลาการทำงาน
ก็ไม่เคยแน่นอน..เวลาอาจทำให้ใครบางคนที่คิดจะก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ต้องหล่นหายจากไป
หล่อนไม่มีเวลาออกเดท ไม่มีแม้ช่วงเวลาคุยโทรศัพท์หวานๆกับใคร ทุกลมหายใจเข้าออกแทบจะ
อุทิศให้กับงานตรงหน้า จุดมุ่งหมายสุงสุดคือช่างภาพมือหนึ่งของเมืองไทย
“พี่ลันเหนื่อยไม๊ ยิงยาวไม่ได้หยุดเลย ไม่รู้จะรีบไปไหน”
แป้งร่ำสาวร่างเล็กหนึ่งในทีมงานของสำนักพิมพ์ เดินเข้ามาทรุดกายลงนั่งพับเพียบเรียบแร้
ข้างกายตากล้องสาว
“รีบกลับบ้านซิ ขืนถ่ายไปพักไปแล้วเมื่อไรมันจะเสร็จล่ะ สู้ม้วนเดียวจบก็ไม่ได้ สบายใจไร้ปัญหา”
คนตอบดูไม่ยี่ระเท่าไร กับงานที่มักกินเวลาต่อเนื่อง นานนับหลายชั่วโมง
“มิน่าล่ะ เพราะพี่ลันทำงานแบบนี้นี่เอง บอกอถึงได้ไว้ใจงานใหญ่ๆถึงเรียกพี่ตลอด”
แป้งร่ำพูดชมอีกฝ่ายอย่างจริงใจ ก็หล่อนทำงานกับช่างภาพหญิงคนนี้ออกบ่อยครั้ง ทั้งในสตูดิโอ
หรือออกนอกสถานที่ ลันตาจริงจัง อดทน ไม่จุกจิ๊กเรื่องมาก หากเมื่อมีปัญหาผู้หญิงคนนี้ก็พร้อม
ลุยอย่างไม่กลัวใครเหมือนกัน
“มากไปมั้งน้องแป้งร่ำ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า เขาจะพากันมาหมั่นไส้พี่นะ”
ลันตาออกตัว หล่อนไม่อยากให้ใครหลายคนเข้าใจว่า การเป็นช่างภาพที่บอกอไว้ใจนั้น เป็นเพราะ
ภูมิหลังของหญิงสาวคือทายาทของอดีตตากล้องมือโปร หาใช่เพราะจากฝีมือล้วนๆของเธอไม่
หล่อนจึงทุ่มเทกับมันอย่างหนักงานจึงมาจาก ‘เนื้อแท้ด้านใน’
“แป้งพูดจริงๆนะพี่ลัน” สไตลิสท์สาวยังยืนยัน
“พอๆ ไปทำงานดีกว่า พี่จะลุยช๊อตนี้ให้เสร็จ จะได้กลับบ้านไปนอนกอดแมวให้สบายใจ”
ลันตาพูดพลางโบกมือห้ามอีกฝ่าย ลุกขึ้นเดินเข้าไปประจำกล้องคู่ใจ ไฟแฟลชและเสียงซัตเตอร์
ก็เริ่มทำงานอีกครั้ง
รถเก๋งสไตล์สปอร์ตสีขาวชลอความเร็วลง ก่อนจะจอดนิ่งหน้าร้านขายอาหารและของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง
ร่างโปรงระหงในชุดกางเกงยีนส์สีเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีขาวของลันตา ก้าวลงจากรถ ร้านนี้หล่อนมักแวะเวียน
เข้ามาซื้ออาหารแมวบ่อยครั้ง จนกลายเป็นลูกค้าขาประจำและสนิทสนมกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี
“เจ้วันนี้รับกี่ถุง?”
เสียงร้องทักดังออกมาจากในร้าน เมื่อลันตาผลักประตูกระจกใส ที่แปะสติ๊กเกอร์เจ้าเหมียวเจ้าตูบเอาไว้
เดินเข้าไป ชายหนุ่มผิวขาวร่างเล็กกระทัดรัด ยิ้มกว้างเกือบสามร้อยหกสิบองศาเข้ามาต้อนรับลูกค้า
ขาประจำเช่นเคย
“สองล่ะกันเฉื่อย ซื้อไปเยอะๆนินูกินไปทัน”
คนชื่อเฉื่อยหรือวรวิชหยิบถุงอาหารแมวยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งหญิงสาวซื้อประจำใส่ถุงพลาสติกอย่างคล่องแคล่ว
ปากก็เริ่มชวนคุยไปตามความเคยชิน
“เจ้เดือนนี้มี คอนเลคชั่นเสื้อน้องเหมียวมาใหม่ด้วยนะ สนใจป่าว ต้อนรับลมหนาว”
ชายหนุ่มเสนอขายสินค้าใหม่ของร้าน เพราะเขารู้ดีว่าหล่อนเป็นลูกค้าขาประจำที่ไม่เรื่องมาก
และซื้อของง่ายโดยเฉพาะกับแมวสุดรักสุดหวงตัวนี้
“สวยหรือเปล่าล่ะ “
ลันตาถามพลางหยิบธนบัตรในกระเป๋าสตางค์ออกมานับเตรียมจ่าย
“แจ่มเลยล่ะ มีทั้งสีจ๊าบสีหวาน เหมาะกับเหมียวนินูของเจ้เป๊ะ”
“จริงเหรอ...เอามาให้ดูเลย สีไม่จ๊าบไม่เจ็บเหมือนที่แกโฆษณาไว้นะเฉื่อย
ฉันจะงดซื้อของร้านแกเป็นเดือนเลยล่ะ” ลูกค้าเริ่มขู่เจ้าของร้าน
“เอาหัวไอ้เฉื่อยเป็นประกันเลย รับรองโดนใจเจ้”
เจ้าของร้านรับรองเสียงแข็ง เดินไปหยิบเสื้อน้องหมาน้องเหมียวหลากสีสัน ที่แขวนโชว์บริเวณ
ของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงแสนรักมาให้หญิงสาวดู ลันตาใช้เวลาเลือกไม่นานหล่อนก็ได้
เสื้อไหมพรมสีชมพูหวานมีลูกไม้ระบายตรงปลายเหมาะกับแมวสีขาวอย่างนินู
“เออ...ใช้ได้ว่ะเฉื่อย แกเนี่ยเลือกของเก่งนะเนี่ย ดูดีมีรสนิยม”
“รสนิยมเลือกเสื้อน้องหมาน้องแมวเนี่ยนะเจ้ ตกลงด่าหรือชมกันเนี่ย” วรวิชทำหน้างงกับถ้อยคำของหล่อน
“ชมอะดิ...” หญิงสาวพูดยิ้มๆ พลางจ่ายเงินส่วนที่เหลือ
“เดือนหน้าข้างร้านผม จะเปิดเป็นโรงพยาบาลรักษาสัตว์นะเจ้ ตอนนี้กำลังปรับปรุงด้านในอยู่
รอเอาเครื่องไม้เครื่องมือมาลงเท่านั้นแหละ เอาน้องนินูมารักษาได้เวลาเจ็บป่วย”
ชายหนุ่มยังคุยจ้อต่อไปว่า โรงพยาบาลสัตว์แห่งนี้ญาติทางแม่ของเขา ซึ่งเป็นนายสัตวแพทย์
ได้ร่วมหุ้นเปิดกับเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน เพราะเบื่องานราชการที่ทำอยู่ทุกวันนี้ อีกอย่างคน
เดี๋ยวนี้ก็รักหมารักแมวมากขึ้น เห็นได้จากร้านเพ็ทช้อปของเขาเอง เปิดมาแค่สองปีกว่าเองยังเติบโต
ได้ขนาดนี้ ก่อนเดินออกจากร้าน วรวิชยัดเยียดนามบัตรใบเล็กของโรงพยาบาลสัตว์แห่งใหม่ให้กับ
หญิงสาวเผื่อจะได้มีโอกาสใช้บริการบ้าง
ภายในคอนโดมิเนียมหรูของลันตา จัดแยกสัดส่วนของห้องนอน ห้องรับแขกและห้องครัวออกจาก
กันได้อย่างลงตัว หญิงสาวปรับม่านสีครีมให้ร่นสูงขึ้น แสงสว่างจากภายนอกจึงถูกดึงเข้ามา
ทำให้ห้องรับแขกกว้างนั้นดูโปร่งโล่ง หญิงสาววางกระเป๋ากับอุปกรณ์กล้อง ลงบนโต๊ะกลางหน้า
โซฟาตัวยาวสีขาวแบบเก๋
“นินู...อยู่ไหนเอ่ยมามี๊กลับมาแล้วนะ เมี๊ยวๆ”
หล่อนส่งเสียงเรียกเจ้าแมวตัวโปรด ขณะเดินเข้าไปในครัว ที่ถูกกั้นเอาไว้แค่ครึ่งเอว เพื่อแยกสัด
ส่วนของห้องให้ชัดเจน ระหว่างห้องครัวและห้องรับแขก พื้นที่ภายในห้องครัวใช้สีค่อนข้างแรง
เริ่มจากเคาน์เตอร์ที่เลือกใช้สีเหลืองมะนาวสดใส ลวดลายเลขาคณิตบนผนังของอ่างล้างจาน
แม้แต่คอมไฟเซรามิกสีส้มนั้นอีกเล่า ช่างสะท้อนตัวตนของเจ้าของยิ่งนัก
“เมี๊ยว...”
เจ้าเหมียวตัวใหญ่สีขาวส่งเสียงขานรับ พลางวิ่งเหยาะๆเข้าไปหาเจ้านายสาว เมื่อกลิ่นอาหารที่หล่อน
เพิ่งเทจากถุงใหม่ๆทำให้ เจ้าแมวตัวอ้วนส่งเสียงดังขึ้นด้วยความหิวโหย หญิงสาววางถ้วยอาหารเม็ด
ลงบนพื้น เจ้าเหมียวก็แทบจะกระโจนเข้าไปในทันที
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็สำลักตายกันพอดีเลย นินูเอย”
หญิงสาวก้มมองน้องแมวแสนรัก ที่กำลังหม่ำอาหารเม็ดอย่างอเร็ดอร่อย ดังเช่นทุกมื้อที่ผ่านมาของมัน
คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก ที่แมวตัวนี้จะมีรูปร่างโตกว่าแมวไทยทั่วไป ขนสีขาวปนริ้วลายสีเหลือง
เป็นมันนั้น นุ่มน่าสัมผัส กับดวงตากลมโตสีฟ้าที่เว้าว้อนยามมันอยากให้หล่อนอุ้มไว้แนบอก...
ลันตาเดินออกจากห้องครัว เมื่อหล่อนนึกขึ้นได้ว่า โทรศัพท์สายเรียกเข้าในช่วงเวลาทำงานอันแสน
จะวุ่นวายของวันนี้ เป็นของมารดา และเธอเองก็ปฏิเสธการรับสาย มือบางคว้านหยิบโทรศัพท์
เครื่องเล็กจิ๋วในกระเป๋าสะพายออกมา กดหมายเลขปลายทางที่หล่อนคิดเตรียมไว้ในใจ
“ฮัลโหล” เสียงโทนอบอุ่นที่หล่อนคุ้นเคยดังขึ้น เมื่อปลายสายกดรับ
“ว่าไงคะแม่ พอดีหนูยุ่งเลยไม่ได้รับสาย”
“พ่อเขาให้โทรฯมาถามว่าเสาร์นี้ ลันจะกลับมาที่บ้านหรือเปล่าลูก”
เสียงปลายสายของมารดาเอ่ยถามนุ่มนวล แม่มักจะอ่อนหวานเช่นนี้เสมอ เวลาพูดกับลูกสาวคนเดียว
“ความจริงเสาร์นี้หนูก็ว่างนะคะ...เออ.งั้นกลับไปบ้านดีกว่าค่ะแต่ไม่ค้างได้มั๊ยคะแม่..
.หนูเป็นห่วงแมวน่ะค่ะ กลัวจะเหงาเวลาหนูไม่อยู่ด้วย”
ปลายสายเหมือนถอนหายใจยาว
“แม่บอกแล้วว่าอย่าเลี้ยง มันเป็นภาระ หนูเองก็ไม่ได้ทำงานเป็นที่เป็นทางด้วย เดี๋ยวก็ไปโน้น
ไปนี้ตลอดเป็นกังวลเปล่าๆ”
“อื้อ...ก็หนูรักแมวนี่น่าทำไงได้ล่ะค่ะ เอาน่าอย่าบ่นเลยค่ะแม่ ความสุขของลันตา”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆไปกับคลื่นสัญญานดาวเทียม
“แล้วหนูจะมากี่โมงล่ะลูก อยากกินอะไรเป็นพิเศษไม๊ แม่จะได้เตรียมไว้ให้”
คนฟังถึงกับยิ้มหวานกับตัวเอง ก่อนจะบอกกับมารดาไปว่า พรุ่งนี้จะขับรถไปหาแต่เช้า
นครนายกแค่นี้เองไปเช้าเย็นกลับได้อยู่แล้ว หลังจากวางสายลันตาก็หันมาปรุงอาหารง่ายๆให้ตัวเอง
เย็นนี้คงต้องพึ่งพิงเมนูสลัดผักอีกตามเคย ง่าย สะดวก และดีต่อสุขภาพ ก็ชีวิตเพียงลำพังใน
คอนโดมิเนียมหรูหรา ที่ได้มาจากทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แม้จะใช้เวลาส่วนน้อยอยู่
ในนี้ก็ตามที แต่เธอเองก็มีความสุขทุกครั้ง เมื่อก้าวย่างเข้ามาสู่โลกใบน้อย ‘ของลันตา’
บ้านชั้นเดียวดีไซน์เป็นรูปตัวเฮท ตั้งโดนเด่นอยู่หน้าชายเขา บริเวณโดยรอบร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานา
พันธุ์ หน้าบ้านจัดเป็นสวนและสนามหญ้า มีดอกไม้เมืองร้อนประดับประดาอยู่อย่างเหมาะเจาะ
ลันตาจอดรถเก๋งคันงามใต้ร่มเงาของต้นชงโค หญิงสาวก้าวลงจากรถเดินเข้าสู่ตัวบ้านที่แสนจะคุ้นเคย
ชายสูงวัยผมสีดอกเลาเกือบทั้งศีรษะ ก็เดินออกมาจากในบ้าน พร้อมกับรอยยิ้มกว้างขวาง
“พ่อ!”
ร่างโปร่งระหงของลันตาตรงเข้าไปสวมกอดบิดา พร้อมกับรอยยิ้มกว้างขวางเช่นกัน คุณปกรณ์อดีต
ช่างภาพมือโปรของเมืองไทย ผู้ละทิ้งวงการมาเกือบยี่สิบปี ด้วยเหตุผลที่เขามักจะบอกกับลูกสาวคนเดียวเสมอว่า “ศิลปินเมื่อก้าวเข้าไปถึงจุดอิ่มตัวของอาชีพแล้ว มักจะหันหลังให้กับมันอย่างเด็ดขาด
เบนเข็มชีวิตไปทำอาชีพอื่นที่หลายคนไม่คาดฝัน.. ชีวิตคนเรามักมีเซอร์ไพรส์เสมอ”
มาจวบจนทุกวันนี้ทำให้หญิงสาวเข้าใจดีว่า ชีวิตเรียบง่ายของอาชีพเกษตรกรที่บิดา มุ่งมั่นนั้น
มีความสุขและสงบเพียงใด
“มาถึงเร็วจริงลูก อย่าบอกนะว่าหนูเหยียบมาเต็มที่”
บิดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ก็บุตรสาวนั้นเรื่องขับรถกับการใช้ความเร็ว
ดูจะห้ามกันลำบากเสียเหลือเกิน
“ก็วันเสาร์นี่ค่ะ ถนนโล่งรถน้อย”
คนตอบดวงหน้าดูอมยิ้มเล็กน้อย เมื่อถูก ‘ดักใจ’ เข้าอย่างจัง
“นึกแล้วเชียว...”
บิดาพูดพลางบีบปลายจมูกลูกสาวอย่างรักใคร่
“เข้าบ้านกันเถอะลูก แม่เขาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้วล่ะ”
บิดาเอ่ยชวน ยกแขนขึ้นโอบไหล่บุตรสาว
“เมนูอะไรคะพ่อ... ขนมปังปิ้งกับกาแฟหรือเปล่า?”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสนุก กึ่งล้อเลียนมารดาลับหลัง เป็นที่รู้กันระหว่างพ่อลูกว่า แม่
ทำอาหารได้อร่อยน้อยกว่าพ่อหลายเท่านัก บิดานั้นนอกจากฝีมือการถ่ายภาพ ที่เนี๊ยบนิ้งเสมอต้น
เสมอปลายแล้ว อาหารที่เลือกปรุงให้คนใกล้ชิด ก็อร่อยลิ้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า เชฟฝีมือดีๆ
ด้วยพ่อมักพูดเสมอว่า ‘งานศิลปะไม่ได้เกิดอยู่แค่ ภาพวาด หรือ รูปถ่ายเหรอนะลูก หากเกิดได้ทุกแขนง
ในสิ่งที่เราสร้างสรร แม้แต่การปรุงอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันนี้..มันก็คือศิลปะอีกแขนงหนึ่งเหมือนกัน’
“โจ๊กหมู เดี๋ยวนี้ฝีมือแม่เขาพัฒนาขึ้นเยอะ รสชาติสูสีกับที่พ่อทำแล้วล่ะ”
“จริงเหรอคะ!”
ลันตาทำเสียงตื่นเต้น ดวงตาสีเข้มเปล่งประกายของความสุข
“อย่างนี้หนูต้องเบิ้ลสองชามค่ะพ่อ ตอนเย็นมีห่อใส่ถุงกลับไปบ้านอีก”
“เอางั้นเลยนะลูก แม่คงยิ้มไม่หุบไปสามวันที่ลูกสาว กินโจ๊กถึงสองชาม”
พูดจบบิดาก็หัวเราะเสียงดัง พลางโอบไหล่บุตรสาวคนเดียวเดินเข้าสู่ตัวบ้าน
ในช่วงสายของวันทำงานกลางสัปดาห์ บรรณาธิการฝ่ายภาพได้เรียกลันตาเข้าพบ โดยให้เหตุผล
เพียงสั้นๆทางโทรศัพท์ว่า ‘เคสเร่งด่วน’ หญิงสาวผลักประตูกระจกลวดลายเก๋เข้าไป เมื่อเจ้าของห้องบอกอนุญาตแล้ว
“ลันนั่งลงก่อนซิ ขอโทษด้วยที่พี่เรียกเข้ามาด่วนกระทันหันแบบนี้”
หนุ่มใหญ่เจ้าของตำแหน่งบรรณาธิการฝ่ายภาพ ของสำนักพิมพ์ที่หญิงสาวสังกัดอยู่เอ่ยด้วย
น้ำเสียงกริ่งเกรง ณัฐเศรษฐ์รู้ดีว่า หญิงสาวตรงหน้ามีงานล้นมือขนาดไหน หากตอนนี้เขามีเหตุผล
ที่จำเป็นจริงๆ
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ณัฐ”
ลันตาเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าอันเคร่งเครียดของอีกฝ่าย เธอร่วมงานกับหนุ่มใหญ่คนนี้มาหลายปี
รับรู้เรื่องนิสัย สไตน์การทำงานของเขาเป็นอย่างดี ถ้าไม่หนักหนาจริงๆ พี่ณัฐจะไม่หลุดคำพูดอัน
ลำบากใจออกมา
“รู้เรื่องเจ้าต้นมันลาออก หรือยัง?”
ณัฐเศรษฐ์หมายถึง ช่างภาพมือหนึ่งอีกคนของสำนักพิมพ์
“เพิ่งรู้เมื่อกี้ค่ะ”
“มันย้ายไปอยู่สำนักพิมพ์คู่แข่งของเรา ดูมันนะลัน...จากเด็กฝึกงานมาเป็นผู้ช่วยช่างภาพ
จนก้าวขึ้นมาเป็นช่างภาพมือหนึ่งของสำนักพิมพ์บทมันจะไป ไม่บอกอะไรพี่สักคำ งานที่พี่วางไว้เสียหายยับเยิน”
บอกอพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งน้อยใจกึ่งโมโห หล่อนเข้าใจเข้าความรู้สึกของผู้ชายคนนี้ดีว่า ลูกหม้อที่
หมายมั่นปั้นสร้างขึ้นมานั้น ได้ตอบแทนบุญคุณด้วยการโบยบินออกจากรัง ที่มันเคยหลบแดดหลบฝน
ยามร่างกายยังอ่อนล้า หากเมื่อปีกกล้าขาแข็งกลับบินออกจากรังนอนอย่างไร้เยื่อใย
“พูดไปมันก็เท่านั้น จะดีชั่วมันอยู่ที่ตัวบุคคล”
พูดจบหนุ่มใหญ่ก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ดวงตาของเขาที่ทอดมองไปยังหญิงสาวตรงหน้า
ฉายแววของความคาดหวังชัดเจน
“ตกลงพี่ณัฐจะให้ลันรับงานของต้นที่ค้างอยู่ทั้งหมด ว่างั้นเถอะ”
หญิงสาวย้อนถามหนุ่มใหญ่ตรงๆ ลันตาไม่ชอบการเจรจาด้วยภาษาที่อ้อมค้อม
ได้หรือไม่ได้หล่อนต้องการคำตอบในทันที
“ใช่... แล้วพี่จะรีบหาคนมาทำแทนให้เร็วที่สุด” สุ้มเสียงในตอนท้ายยังขุ่นเคืองถึงตัวต้นเหตุ
ไม่หาย
“เร็วของพี่ณัฐเนี่ยนี่ กี่เดือนคะ?”
หญิงสาวถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ในเมื่องานเพิ่มขึ้นสำนักพิมพ์ก็ควรจะเพิ่มค่าเหนื่อย
ให้เธอตามขึ้นไปด้วย ช่างภาพไม่ใช่เครื่องจักรที่จะหมุนรอบได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
“พี่รู้น่าลัน...”
ณัฐเศรษฐ์ทำเสียงเหมือนรำคาญในลำคอ เขารู้ว่าเธอเขี้ยวเรื่องค่าตอบแทน แต่ฝีมือของลันตาก็
ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังสักครั้ง ที่ผ่านมาหญิงสาวทำงานได้เกินกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรกเสียด้วยซ้ำไป สำหรับผู้หญิงคนนี้ เธอคือ ‘ลูกไม้หล่นใต้ต้น’ เดินตามรอยเท้าของบิดาได้แนบเนียนยิ่งนัก
“พรุ่งนี้ก็มีถ่ายแบบที่เชียงราย คงไปอยู่ประมาณสามวัน”
บอกอหนุ่มใหญ่เปลี่ยนเรื่องคุย เขาหยิบหมายกำหนดการบนโต๊ะส่งให้หญิงสาว ลันตารับมา
พลางอ่านคร่าวๆ ออกเดินทางตอน10โมงเช้าโดยเครื่องบิน เย็นนี้เธอคงต้องรีบกลับไปเก็บของ
และหาที่พักพิงให้กับเหมียวนินูระหว่างที่ไม่อยู่สามวันนี้ เมื่อเช้าตอนขับรถออกมาทำงาน
หญิงสาวเห็นโรงพยาบาลสัตว์ญาติของเจ้าเฉื่อยเปิดให้บริการแล้ว ฝากแมวไว้ใกล้ๆก็คงจะดี
ไม่ต้องขับรถเอาไปฝากไว้ที่คลีนิคประจำ ซึ่งอยู่ไกลจากที่พักหลายกิโลเมตร
กับลีลาการโพสท่า อันคล่องแคล่วสอดประสานกับเสียงกดซัตเตอร์ดังถี่ยิบ ฉากหลังเป็นสนามหญ้า
สีเขียวขจี มุมขวาเป็นตึกโบราณทาทับด้วยสีเหลืองอ่อน ตัดขอบประตูหน้าต่างด้วยสีขาว สถาปัตยกรรม
ร่วมสมัยอันอ่อนช้อย
“ขยับมาทางซ้ายอีกนิด ยกไหล่ขึ้นสูงหน่อย ..ยิ้มเหมือนยั่วยวนนะแพท”
เสียงบอกกระชับ พร้อมกับเสียงกดซัตเตอร์ตามกระชั้นชิด มือเรียวปรับหมุนเลนส์ไปมาจนได้โฟกัส
ที่ถูกใจ
“พักก่อนนะทุกคน เดี๋ยวเริ่มซ๊อตใหม่”
ลันตาหันมาบอกกับทีมงานประจำบรรณาธิการ หญิงสาวถือโอกาสนั้นนั่งพักลงบนเก้าอี้สนามใกล้ๆ
อาชีพช่างภาพประจำนิตยสารแฟชั่น อันดับต้นๆของเมืองไทยทำให้หล่อน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในสตูริโอ
และงานภาคสนามเพื่อถ่ายภาพตามคิวงานที่ บรรณาธิการฝ่ายภาพมอบหมายมาให้ อีกทั้งเวลาการทำงาน
ก็ไม่เคยแน่นอน..เวลาอาจทำให้ใครบางคนที่คิดจะก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ต้องหล่นหายจากไป
หล่อนไม่มีเวลาออกเดท ไม่มีแม้ช่วงเวลาคุยโทรศัพท์หวานๆกับใคร ทุกลมหายใจเข้าออกแทบจะ
อุทิศให้กับงานตรงหน้า จุดมุ่งหมายสุงสุดคือช่างภาพมือหนึ่งของเมืองไทย
“พี่ลันเหนื่อยไม๊ ยิงยาวไม่ได้หยุดเลย ไม่รู้จะรีบไปไหน”
แป้งร่ำสาวร่างเล็กหนึ่งในทีมงานของสำนักพิมพ์ เดินเข้ามาทรุดกายลงนั่งพับเพียบเรียบแร้
ข้างกายตากล้องสาว
“รีบกลับบ้านซิ ขืนถ่ายไปพักไปแล้วเมื่อไรมันจะเสร็จล่ะ สู้ม้วนเดียวจบก็ไม่ได้ สบายใจไร้ปัญหา”
คนตอบดูไม่ยี่ระเท่าไร กับงานที่มักกินเวลาต่อเนื่อง นานนับหลายชั่วโมง
“มิน่าล่ะ เพราะพี่ลันทำงานแบบนี้นี่เอง บอกอถึงได้ไว้ใจงานใหญ่ๆถึงเรียกพี่ตลอด”
แป้งร่ำพูดชมอีกฝ่ายอย่างจริงใจ ก็หล่อนทำงานกับช่างภาพหญิงคนนี้ออกบ่อยครั้ง ทั้งในสตูดิโอ
หรือออกนอกสถานที่ ลันตาจริงจัง อดทน ไม่จุกจิ๊กเรื่องมาก หากเมื่อมีปัญหาผู้หญิงคนนี้ก็พร้อม
ลุยอย่างไม่กลัวใครเหมือนกัน
“มากไปมั้งน้องแป้งร่ำ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า เขาจะพากันมาหมั่นไส้พี่นะ”
ลันตาออกตัว หล่อนไม่อยากให้ใครหลายคนเข้าใจว่า การเป็นช่างภาพที่บอกอไว้ใจนั้น เป็นเพราะ
ภูมิหลังของหญิงสาวคือทายาทของอดีตตากล้องมือโปร หาใช่เพราะจากฝีมือล้วนๆของเธอไม่
หล่อนจึงทุ่มเทกับมันอย่างหนักงานจึงมาจาก ‘เนื้อแท้ด้านใน’
“แป้งพูดจริงๆนะพี่ลัน” สไตลิสท์สาวยังยืนยัน
“พอๆ ไปทำงานดีกว่า พี่จะลุยช๊อตนี้ให้เสร็จ จะได้กลับบ้านไปนอนกอดแมวให้สบายใจ”
ลันตาพูดพลางโบกมือห้ามอีกฝ่าย ลุกขึ้นเดินเข้าไปประจำกล้องคู่ใจ ไฟแฟลชและเสียงซัตเตอร์
ก็เริ่มทำงานอีกครั้ง
รถเก๋งสไตล์สปอร์ตสีขาวชลอความเร็วลง ก่อนจะจอดนิ่งหน้าร้านขายอาหารและของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง
ร่างโปรงระหงในชุดกางเกงยีนส์สีเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีขาวของลันตา ก้าวลงจากรถ ร้านนี้หล่อนมักแวะเวียน
เข้ามาซื้ออาหารแมวบ่อยครั้ง จนกลายเป็นลูกค้าขาประจำและสนิทสนมกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี
“เจ้วันนี้รับกี่ถุง?”
เสียงร้องทักดังออกมาจากในร้าน เมื่อลันตาผลักประตูกระจกใส ที่แปะสติ๊กเกอร์เจ้าเหมียวเจ้าตูบเอาไว้
เดินเข้าไป ชายหนุ่มผิวขาวร่างเล็กกระทัดรัด ยิ้มกว้างเกือบสามร้อยหกสิบองศาเข้ามาต้อนรับลูกค้า
ขาประจำเช่นเคย
“สองล่ะกันเฉื่อย ซื้อไปเยอะๆนินูกินไปทัน”
คนชื่อเฉื่อยหรือวรวิชหยิบถุงอาหารแมวยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งหญิงสาวซื้อประจำใส่ถุงพลาสติกอย่างคล่องแคล่ว
ปากก็เริ่มชวนคุยไปตามความเคยชิน
“เจ้เดือนนี้มี คอนเลคชั่นเสื้อน้องเหมียวมาใหม่ด้วยนะ สนใจป่าว ต้อนรับลมหนาว”
ชายหนุ่มเสนอขายสินค้าใหม่ของร้าน เพราะเขารู้ดีว่าหล่อนเป็นลูกค้าขาประจำที่ไม่เรื่องมาก
และซื้อของง่ายโดยเฉพาะกับแมวสุดรักสุดหวงตัวนี้
“สวยหรือเปล่าล่ะ “
ลันตาถามพลางหยิบธนบัตรในกระเป๋าสตางค์ออกมานับเตรียมจ่าย
“แจ่มเลยล่ะ มีทั้งสีจ๊าบสีหวาน เหมาะกับเหมียวนินูของเจ้เป๊ะ”
“จริงเหรอ...เอามาให้ดูเลย สีไม่จ๊าบไม่เจ็บเหมือนที่แกโฆษณาไว้นะเฉื่อย
ฉันจะงดซื้อของร้านแกเป็นเดือนเลยล่ะ” ลูกค้าเริ่มขู่เจ้าของร้าน
“เอาหัวไอ้เฉื่อยเป็นประกันเลย รับรองโดนใจเจ้”
เจ้าของร้านรับรองเสียงแข็ง เดินไปหยิบเสื้อน้องหมาน้องเหมียวหลากสีสัน ที่แขวนโชว์บริเวณ
ของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงแสนรักมาให้หญิงสาวดู ลันตาใช้เวลาเลือกไม่นานหล่อนก็ได้
เสื้อไหมพรมสีชมพูหวานมีลูกไม้ระบายตรงปลายเหมาะกับแมวสีขาวอย่างนินู
“เออ...ใช้ได้ว่ะเฉื่อย แกเนี่ยเลือกของเก่งนะเนี่ย ดูดีมีรสนิยม”
“รสนิยมเลือกเสื้อน้องหมาน้องแมวเนี่ยนะเจ้ ตกลงด่าหรือชมกันเนี่ย” วรวิชทำหน้างงกับถ้อยคำของหล่อน
“ชมอะดิ...” หญิงสาวพูดยิ้มๆ พลางจ่ายเงินส่วนที่เหลือ
“เดือนหน้าข้างร้านผม จะเปิดเป็นโรงพยาบาลรักษาสัตว์นะเจ้ ตอนนี้กำลังปรับปรุงด้านในอยู่
รอเอาเครื่องไม้เครื่องมือมาลงเท่านั้นแหละ เอาน้องนินูมารักษาได้เวลาเจ็บป่วย”
ชายหนุ่มยังคุยจ้อต่อไปว่า โรงพยาบาลสัตว์แห่งนี้ญาติทางแม่ของเขา ซึ่งเป็นนายสัตวแพทย์
ได้ร่วมหุ้นเปิดกับเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน เพราะเบื่องานราชการที่ทำอยู่ทุกวันนี้ อีกอย่างคน
เดี๋ยวนี้ก็รักหมารักแมวมากขึ้น เห็นได้จากร้านเพ็ทช้อปของเขาเอง เปิดมาแค่สองปีกว่าเองยังเติบโต
ได้ขนาดนี้ ก่อนเดินออกจากร้าน วรวิชยัดเยียดนามบัตรใบเล็กของโรงพยาบาลสัตว์แห่งใหม่ให้กับ
หญิงสาวเผื่อจะได้มีโอกาสใช้บริการบ้าง
ภายในคอนโดมิเนียมหรูของลันตา จัดแยกสัดส่วนของห้องนอน ห้องรับแขกและห้องครัวออกจาก
กันได้อย่างลงตัว หญิงสาวปรับม่านสีครีมให้ร่นสูงขึ้น แสงสว่างจากภายนอกจึงถูกดึงเข้ามา
ทำให้ห้องรับแขกกว้างนั้นดูโปร่งโล่ง หญิงสาววางกระเป๋ากับอุปกรณ์กล้อง ลงบนโต๊ะกลางหน้า
โซฟาตัวยาวสีขาวแบบเก๋
“นินู...อยู่ไหนเอ่ยมามี๊กลับมาแล้วนะ เมี๊ยวๆ”
หล่อนส่งเสียงเรียกเจ้าแมวตัวโปรด ขณะเดินเข้าไปในครัว ที่ถูกกั้นเอาไว้แค่ครึ่งเอว เพื่อแยกสัด
ส่วนของห้องให้ชัดเจน ระหว่างห้องครัวและห้องรับแขก พื้นที่ภายในห้องครัวใช้สีค่อนข้างแรง
เริ่มจากเคาน์เตอร์ที่เลือกใช้สีเหลืองมะนาวสดใส ลวดลายเลขาคณิตบนผนังของอ่างล้างจาน
แม้แต่คอมไฟเซรามิกสีส้มนั้นอีกเล่า ช่างสะท้อนตัวตนของเจ้าของยิ่งนัก
“เมี๊ยว...”
เจ้าเหมียวตัวใหญ่สีขาวส่งเสียงขานรับ พลางวิ่งเหยาะๆเข้าไปหาเจ้านายสาว เมื่อกลิ่นอาหารที่หล่อน
เพิ่งเทจากถุงใหม่ๆทำให้ เจ้าแมวตัวอ้วนส่งเสียงดังขึ้นด้วยความหิวโหย หญิงสาววางถ้วยอาหารเม็ด
ลงบนพื้น เจ้าเหมียวก็แทบจะกระโจนเข้าไปในทันที
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็สำลักตายกันพอดีเลย นินูเอย”
หญิงสาวก้มมองน้องแมวแสนรัก ที่กำลังหม่ำอาหารเม็ดอย่างอเร็ดอร่อย ดังเช่นทุกมื้อที่ผ่านมาของมัน
คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก ที่แมวตัวนี้จะมีรูปร่างโตกว่าแมวไทยทั่วไป ขนสีขาวปนริ้วลายสีเหลือง
เป็นมันนั้น นุ่มน่าสัมผัส กับดวงตากลมโตสีฟ้าที่เว้าว้อนยามมันอยากให้หล่อนอุ้มไว้แนบอก...
ลันตาเดินออกจากห้องครัว เมื่อหล่อนนึกขึ้นได้ว่า โทรศัพท์สายเรียกเข้าในช่วงเวลาทำงานอันแสน
จะวุ่นวายของวันนี้ เป็นของมารดา และเธอเองก็ปฏิเสธการรับสาย มือบางคว้านหยิบโทรศัพท์
เครื่องเล็กจิ๋วในกระเป๋าสะพายออกมา กดหมายเลขปลายทางที่หล่อนคิดเตรียมไว้ในใจ
“ฮัลโหล” เสียงโทนอบอุ่นที่หล่อนคุ้นเคยดังขึ้น เมื่อปลายสายกดรับ
“ว่าไงคะแม่ พอดีหนูยุ่งเลยไม่ได้รับสาย”
“พ่อเขาให้โทรฯมาถามว่าเสาร์นี้ ลันจะกลับมาที่บ้านหรือเปล่าลูก”
เสียงปลายสายของมารดาเอ่ยถามนุ่มนวล แม่มักจะอ่อนหวานเช่นนี้เสมอ เวลาพูดกับลูกสาวคนเดียว
“ความจริงเสาร์นี้หนูก็ว่างนะคะ...เออ.งั้นกลับไปบ้านดีกว่าค่ะแต่ไม่ค้างได้มั๊ยคะแม่..
.หนูเป็นห่วงแมวน่ะค่ะ กลัวจะเหงาเวลาหนูไม่อยู่ด้วย”
ปลายสายเหมือนถอนหายใจยาว
“แม่บอกแล้วว่าอย่าเลี้ยง มันเป็นภาระ หนูเองก็ไม่ได้ทำงานเป็นที่เป็นทางด้วย เดี๋ยวก็ไปโน้น
ไปนี้ตลอดเป็นกังวลเปล่าๆ”
“อื้อ...ก็หนูรักแมวนี่น่าทำไงได้ล่ะค่ะ เอาน่าอย่าบ่นเลยค่ะแม่ ความสุขของลันตา”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆไปกับคลื่นสัญญานดาวเทียม
“แล้วหนูจะมากี่โมงล่ะลูก อยากกินอะไรเป็นพิเศษไม๊ แม่จะได้เตรียมไว้ให้”
คนฟังถึงกับยิ้มหวานกับตัวเอง ก่อนจะบอกกับมารดาไปว่า พรุ่งนี้จะขับรถไปหาแต่เช้า
นครนายกแค่นี้เองไปเช้าเย็นกลับได้อยู่แล้ว หลังจากวางสายลันตาก็หันมาปรุงอาหารง่ายๆให้ตัวเอง
เย็นนี้คงต้องพึ่งพิงเมนูสลัดผักอีกตามเคย ง่าย สะดวก และดีต่อสุขภาพ ก็ชีวิตเพียงลำพังใน
คอนโดมิเนียมหรูหรา ที่ได้มาจากทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แม้จะใช้เวลาส่วนน้อยอยู่
ในนี้ก็ตามที แต่เธอเองก็มีความสุขทุกครั้ง เมื่อก้าวย่างเข้ามาสู่โลกใบน้อย ‘ของลันตา’
บ้านชั้นเดียวดีไซน์เป็นรูปตัวเฮท ตั้งโดนเด่นอยู่หน้าชายเขา บริเวณโดยรอบร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานา
พันธุ์ หน้าบ้านจัดเป็นสวนและสนามหญ้า มีดอกไม้เมืองร้อนประดับประดาอยู่อย่างเหมาะเจาะ
ลันตาจอดรถเก๋งคันงามใต้ร่มเงาของต้นชงโค หญิงสาวก้าวลงจากรถเดินเข้าสู่ตัวบ้านที่แสนจะคุ้นเคย
ชายสูงวัยผมสีดอกเลาเกือบทั้งศีรษะ ก็เดินออกมาจากในบ้าน พร้อมกับรอยยิ้มกว้างขวาง
“พ่อ!”
ร่างโปร่งระหงของลันตาตรงเข้าไปสวมกอดบิดา พร้อมกับรอยยิ้มกว้างขวางเช่นกัน คุณปกรณ์อดีต
ช่างภาพมือโปรของเมืองไทย ผู้ละทิ้งวงการมาเกือบยี่สิบปี ด้วยเหตุผลที่เขามักจะบอกกับลูกสาวคนเดียวเสมอว่า “ศิลปินเมื่อก้าวเข้าไปถึงจุดอิ่มตัวของอาชีพแล้ว มักจะหันหลังให้กับมันอย่างเด็ดขาด
เบนเข็มชีวิตไปทำอาชีพอื่นที่หลายคนไม่คาดฝัน.. ชีวิตคนเรามักมีเซอร์ไพรส์เสมอ”
มาจวบจนทุกวันนี้ทำให้หญิงสาวเข้าใจดีว่า ชีวิตเรียบง่ายของอาชีพเกษตรกรที่บิดา มุ่งมั่นนั้น
มีความสุขและสงบเพียงใด
“มาถึงเร็วจริงลูก อย่าบอกนะว่าหนูเหยียบมาเต็มที่”
บิดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ก็บุตรสาวนั้นเรื่องขับรถกับการใช้ความเร็ว
ดูจะห้ามกันลำบากเสียเหลือเกิน
“ก็วันเสาร์นี่ค่ะ ถนนโล่งรถน้อย”
คนตอบดวงหน้าดูอมยิ้มเล็กน้อย เมื่อถูก ‘ดักใจ’ เข้าอย่างจัง
“นึกแล้วเชียว...”
บิดาพูดพลางบีบปลายจมูกลูกสาวอย่างรักใคร่
“เข้าบ้านกันเถอะลูก แม่เขาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้วล่ะ”
บิดาเอ่ยชวน ยกแขนขึ้นโอบไหล่บุตรสาว
“เมนูอะไรคะพ่อ... ขนมปังปิ้งกับกาแฟหรือเปล่า?”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสนุก กึ่งล้อเลียนมารดาลับหลัง เป็นที่รู้กันระหว่างพ่อลูกว่า แม่
ทำอาหารได้อร่อยน้อยกว่าพ่อหลายเท่านัก บิดานั้นนอกจากฝีมือการถ่ายภาพ ที่เนี๊ยบนิ้งเสมอต้น
เสมอปลายแล้ว อาหารที่เลือกปรุงให้คนใกล้ชิด ก็อร่อยลิ้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า เชฟฝีมือดีๆ
ด้วยพ่อมักพูดเสมอว่า ‘งานศิลปะไม่ได้เกิดอยู่แค่ ภาพวาด หรือ รูปถ่ายเหรอนะลูก หากเกิดได้ทุกแขนง
ในสิ่งที่เราสร้างสรร แม้แต่การปรุงอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันนี้..มันก็คือศิลปะอีกแขนงหนึ่งเหมือนกัน’
“โจ๊กหมู เดี๋ยวนี้ฝีมือแม่เขาพัฒนาขึ้นเยอะ รสชาติสูสีกับที่พ่อทำแล้วล่ะ”
“จริงเหรอคะ!”
ลันตาทำเสียงตื่นเต้น ดวงตาสีเข้มเปล่งประกายของความสุข
“อย่างนี้หนูต้องเบิ้ลสองชามค่ะพ่อ ตอนเย็นมีห่อใส่ถุงกลับไปบ้านอีก”
“เอางั้นเลยนะลูก แม่คงยิ้มไม่หุบไปสามวันที่ลูกสาว กินโจ๊กถึงสองชาม”
พูดจบบิดาก็หัวเราะเสียงดัง พลางโอบไหล่บุตรสาวคนเดียวเดินเข้าสู่ตัวบ้าน
ในช่วงสายของวันทำงานกลางสัปดาห์ บรรณาธิการฝ่ายภาพได้เรียกลันตาเข้าพบ โดยให้เหตุผล
เพียงสั้นๆทางโทรศัพท์ว่า ‘เคสเร่งด่วน’ หญิงสาวผลักประตูกระจกลวดลายเก๋เข้าไป เมื่อเจ้าของห้องบอกอนุญาตแล้ว
“ลันนั่งลงก่อนซิ ขอโทษด้วยที่พี่เรียกเข้ามาด่วนกระทันหันแบบนี้”
หนุ่มใหญ่เจ้าของตำแหน่งบรรณาธิการฝ่ายภาพ ของสำนักพิมพ์ที่หญิงสาวสังกัดอยู่เอ่ยด้วย
น้ำเสียงกริ่งเกรง ณัฐเศรษฐ์รู้ดีว่า หญิงสาวตรงหน้ามีงานล้นมือขนาดไหน หากตอนนี้เขามีเหตุผล
ที่จำเป็นจริงๆ
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ณัฐ”
ลันตาเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าอันเคร่งเครียดของอีกฝ่าย เธอร่วมงานกับหนุ่มใหญ่คนนี้มาหลายปี
รับรู้เรื่องนิสัย สไตน์การทำงานของเขาเป็นอย่างดี ถ้าไม่หนักหนาจริงๆ พี่ณัฐจะไม่หลุดคำพูดอัน
ลำบากใจออกมา
“รู้เรื่องเจ้าต้นมันลาออก หรือยัง?”
ณัฐเศรษฐ์หมายถึง ช่างภาพมือหนึ่งอีกคนของสำนักพิมพ์
“เพิ่งรู้เมื่อกี้ค่ะ”
“มันย้ายไปอยู่สำนักพิมพ์คู่แข่งของเรา ดูมันนะลัน...จากเด็กฝึกงานมาเป็นผู้ช่วยช่างภาพ
จนก้าวขึ้นมาเป็นช่างภาพมือหนึ่งของสำนักพิมพ์บทมันจะไป ไม่บอกอะไรพี่สักคำ งานที่พี่วางไว้เสียหายยับเยิน”
บอกอพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งน้อยใจกึ่งโมโห หล่อนเข้าใจเข้าความรู้สึกของผู้ชายคนนี้ดีว่า ลูกหม้อที่
หมายมั่นปั้นสร้างขึ้นมานั้น ได้ตอบแทนบุญคุณด้วยการโบยบินออกจากรัง ที่มันเคยหลบแดดหลบฝน
ยามร่างกายยังอ่อนล้า หากเมื่อปีกกล้าขาแข็งกลับบินออกจากรังนอนอย่างไร้เยื่อใย
“พูดไปมันก็เท่านั้น จะดีชั่วมันอยู่ที่ตัวบุคคล”
พูดจบหนุ่มใหญ่ก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ดวงตาของเขาที่ทอดมองไปยังหญิงสาวตรงหน้า
ฉายแววของความคาดหวังชัดเจน
“ตกลงพี่ณัฐจะให้ลันรับงานของต้นที่ค้างอยู่ทั้งหมด ว่างั้นเถอะ”
หญิงสาวย้อนถามหนุ่มใหญ่ตรงๆ ลันตาไม่ชอบการเจรจาด้วยภาษาที่อ้อมค้อม
ได้หรือไม่ได้หล่อนต้องการคำตอบในทันที
“ใช่... แล้วพี่จะรีบหาคนมาทำแทนให้เร็วที่สุด” สุ้มเสียงในตอนท้ายยังขุ่นเคืองถึงตัวต้นเหตุ
ไม่หาย
“เร็วของพี่ณัฐเนี่ยนี่ กี่เดือนคะ?”
หญิงสาวถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ในเมื่องานเพิ่มขึ้นสำนักพิมพ์ก็ควรจะเพิ่มค่าเหนื่อย
ให้เธอตามขึ้นไปด้วย ช่างภาพไม่ใช่เครื่องจักรที่จะหมุนรอบได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
“พี่รู้น่าลัน...”
ณัฐเศรษฐ์ทำเสียงเหมือนรำคาญในลำคอ เขารู้ว่าเธอเขี้ยวเรื่องค่าตอบแทน แต่ฝีมือของลันตาก็
ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังสักครั้ง ที่ผ่านมาหญิงสาวทำงานได้เกินกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรกเสียด้วยซ้ำไป สำหรับผู้หญิงคนนี้ เธอคือ ‘ลูกไม้หล่นใต้ต้น’ เดินตามรอยเท้าของบิดาได้แนบเนียนยิ่งนัก
“พรุ่งนี้ก็มีถ่ายแบบที่เชียงราย คงไปอยู่ประมาณสามวัน”
บอกอหนุ่มใหญ่เปลี่ยนเรื่องคุย เขาหยิบหมายกำหนดการบนโต๊ะส่งให้หญิงสาว ลันตารับมา
พลางอ่านคร่าวๆ ออกเดินทางตอน10โมงเช้าโดยเครื่องบิน เย็นนี้เธอคงต้องรีบกลับไปเก็บของ
และหาที่พักพิงให้กับเหมียวนินูระหว่างที่ไม่อยู่สามวันนี้ เมื่อเช้าตอนขับรถออกมาทำงาน
หญิงสาวเห็นโรงพยาบาลสัตว์ญาติของเจ้าเฉื่อยเปิดให้บริการแล้ว ฝากแมวไว้ใกล้ๆก็คงจะดี
ไม่ต้องขับรถเอาไปฝากไว้ที่คลีนิคประจำ ซึ่งอยู่ไกลจากที่พักหลายกิโลเมตร
เจ้าจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ค. 2555, 12:53:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ค. 2555, 12:53:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 1369
ตอนที่ 2 >> |
roseolar 19 พ.ค. 2555, 13:12:08 น.
น่าติดตามค่ะ ถึงจะไม่ค่อยชอบแมวเท่าไร แต่มีลางสังหรณ์ว่ามันจะสนุก อยากอ่านต่อแล้ว :)
ภาษาน่าอ่านดีค่ะ ชอบนะ
น่าติดตามค่ะ ถึงจะไม่ค่อยชอบแมวเท่าไร แต่มีลางสังหรณ์ว่ามันจะสนุก อยากอ่านต่อแล้ว :)
ภาษาน่าอ่านดีค่ะ ชอบนะ
ปูจ้า 19 พ.ค. 2555, 13:28:23 น.
สงสัยพระเอกเราเป็นหมอแมวแน่ๆเลย แมวๆเอ็นดูได้แต่ไม่ชอบเหมือนกันค่ะ ดูได้เฉยๆแต่ไมชอบเลี้ยง
มาต่อเร็วๆนะคะ
สงสัยพระเอกเราเป็นหมอแมวแน่ๆเลย แมวๆเอ็นดูได้แต่ไม่ชอบเหมือนกันค่ะ ดูได้เฉยๆแต่ไมชอบเลี้ยง
มาต่อเร็วๆนะคะ
หมูอ้วน 20 พ.ค. 2555, 03:15:27 น.
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
ศศิภา 20 พ.ค. 2555, 09:09:31 น.
พระเอกเป็นหมอแมวรึเปล่าน้า?? รอต่อค่า ^^
พระเอกเป็นหมอแมวรึเปล่าน้า?? รอต่อค่า ^^
ฝนปราย 20 พ.ค. 2555, 15:13:10 น.
เริ่มต้นก็น่าติดตามแล้ว ตอนหน้าจะเจอพระเอกหรือเปล่า
คนธรรมดาที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ใช้คำว่า "กำหนดการ" ไม่ใช้ "หมายกำหนดการ" นะคะ
เริ่มต้นก็น่าติดตามแล้ว ตอนหน้าจะเจอพระเอกหรือเปล่า
คนธรรมดาที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ใช้คำว่า "กำหนดการ" ไม่ใช้ "หมายกำหนดการ" นะคะ
เจ้าจันทร์ 20 พ.ค. 2555, 22:14:49 น.
ขอบคุณสำหรับทุก Comment ค่ะ แล้วจะมาต่อตอนต่อ
ไปให้เร็วที่สุดค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุก Comment ค่ะ แล้วจะมาต่อตอนต่อ
ไปให้เร็วที่สุดค่ะ