คุณทวดออนไลน์ (The Real of Life online)
เมื่อคุณทวดเข้าไปเล่นเกมออนไลน์ (เนื้อเรื่องนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เขียนเน้นฮาเพียงอย่างเดียวค่ะ)
Tags: เฮฮา บ้าบอ มาริโอ เกมออนไลน์ คุณทวด

ตอน: บทที่ 3

บทที่ 3 พลัดพราก(1)



หลังจากราตรีพิสุทธิ์ได้นอนหลับถึงห้าชั่วโมงเต็ม เธอก็ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งราตรีพิสุทธิ์รู้สึกดีใจที่ได้เห็นโลกแห่งเกมจริงจังสักที ทีแรกราตรีพิสุทธิ์คิดว่าบ้านที่เธออยู่อาศัยนี้ เป็นเพียงแค่บ้านธรรมดาๆ แต่พอท่านแม่กับท่านพ่อได้อุ้มเธอเดินออกไปนอกตัวบ้านแล้ว เธอแทบตะลึงจนอ้าปากค้าง เพราะภาพบ้านตรงหน้าของราตรีพิสุทธิ์มันตรงกันข้ามกับที่เธอเคยคิดไว้

ไม่ใช่แม้กระทั้งบ้านหรือกระทั้งคฤหาสน์

แต่เป็นปราสาท!

นอกจากนี้ราตรีพิสุทธิ์ก็ยังได้รู้ฐานะอันแท้จริงของทั้งคู่ในเกมว่าเป็นถึงราชากับราชินีของเหล่ามังกรทั้งปวง ซึ่งเธอทราบเรื่องพวกนี้ได้จากแขกที่แวะมาเยี่ยมเยียนบ้านของเธอเพราะต้องการดูหน้าลูกชายของเดรคที่เพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นใหม่นั่นเอง แต่ทว่าราตรีพิสุทธิ์ก็ยังไม่ทราบอยู่ดีว่า สถานที่ๆเธอกำลังพักอาศัยอยู่นี้มันคือที่ใด แล้วทำไมหลานชายของเธอถึงยังไม่ติดต่อมาหาเธอสักที ซึ่งราตรีพิสุทธิ์เองก็ไม่มีเวลาจะคิดเรื่องพวกนี้ นั่นก็เพราะเธอได้รับความรักความเอาใจใส่ของท่านพ่อกับท่านแม่มากเสียจนเธอหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น

หลังจากที่ราตรีพิสุทธิ์ได้ใช้ชีวิตเยี่ยงอย่างเด็กทารก เธอจึงค่อยๆซึมซับสิ่งที่ท่านพ่อกับท่านแม่เลี้ยงเธอมาอย่างทีละเล็กทีละน้อยตามอายุของเด็กทารกคนหนึ่ง

จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สองอาทิตย์เต็มๆ…

กรุ้งกริ่ง! กรุ้งกริ่ง!

เสียงโมบายล์ดังไหวอยู่ตลอดเวลาเมื่อสัมผัสกับสายลมยามเช้าจากภายนอกหน้าต่างที่ถูกเปิด ซึ่งพอมองเข้าไปยังในหน้าต่างจะเป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีฟ้าอ่อนแลดูสบายตาอย่างยิ่ง นอกจากนี้ภายในห้องก็ยังมีข้าวของเครื่องใช้สำหรับเด็กทารกอาทิเช่น เปลนอนสำหรับเด็กเป็นต้น ได้ถูกจัดวางอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

“เอิ้กๆ”

เสียงเด็กทารกร้องอย่างสดใส ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากราตรีพิสุทธิ์ ตอนนี้เธอกำลังนอนหัวเราะอย่างสนุกสนานในเปลเพราะเห็นท่านพ่อทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เธออยู่

“เดรคคะ นี่ไม่ใช่เวลามามัวเล่นกับลูกนะ ไหนท่านว่าจะพาข้ากับลูกออกไปข้างนอกยังไงล่ะ”

เหม่ยจิงบ่นอย่างหัวเสีย เนื่องจากเธอมัวแต่เสียเวลาในการตระเตรียมข้าวของเพื่อจะไปปิกนิกอยู่เสียนาน แต่พอเธอจัดเสร็จแทนที่จะได้ไปข้างนอกก่อนเวลาแปดโมงเช้า กลับต้องมารอคนรักของเธอเล่นกับลูกชายอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น

“ก็กำลังจะพาไปอยู่นี่ไงล่ะ” เดรคพูดพลางใช้มือช้อนตัวราตรีพิสุทธิ์ขึ้นมาอุ้มอย่างทะนุถนอม “เอ่เอ...วันนี้ลูกห้ามร้องไห้โยเยกวนพ่อกับแม่เชียวนะ ไม่งั้นหมดสนุกกันพอดี”

“ข้าว่าเราจะหมดสนุกก็เพราะท่านไม่ยอมพาไปสักทีมากกว่านะ”

เหม่ยจิงพูดประชดใส่ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มต้องรีบพาคนรักกับลูกชายออกไปข้างนอกอย่างเร็วเพราะกลัวคนรักของตัวเองจะโกรธไปมากกว่านี้



ในขณะที่ราตรีพิสุทธิ์เล่นเกมอยู่ข้างใน ที่ข้างนอกเกมได้มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์สิบคนกำลังนั่งจับตาดูจอสไลด์ภาพเคลื่อนไหวท่ามกลางห้องที่มีหน้าจออื่นๆอยู่ร่วมนับสิบ ซึ่งหนึ่งในภาพนั้นเห็นจะเป็นเด็กทารกเพศชายผมสีเงินตาสีน้ำเงินที่กำลังถูกชายผมสีเงินอุ้มอยู่

วืด!

เสียงประตูเลื่อนอัตโนมัติถูกเปิด ก่อนจะเผยให้เห็นผู้มาใหม่ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนผอมสูงในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าเหี่ยวย่นไปตามวัย แต่ทว่าผิดกับนัยน์ตาที่เป็นสีน้ำตาล ซึ่งทอประกายความหวังไว้เต็มเปี่ยมกับเรื่องบางอย่าง

“อ๊ะ ท่านประธาน”

หนึ่งในกลุ่มคนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์รีบผุดลุกขึ้นยืนทำความเคารพเมื่อเห็นผู้เป็นนายกำลังเดินเข้ามา ซึ่งทำให้คนอื่นจะลุกขึ้นตามแต่ก็ต้องนั่งลงเพราะท่านประธานได้โบกมือห้ามไว้

“เชิญทำงานกันต่อตามสบาย” ท่านประธานบอกทุกคน ก่อนจะหันหน้ามามองคนแรกที่เรียกตนเมื่อครู่นี้ “โปรเจคย้อนวัยทารกได้ความคืบหน้าถึงไหนแล้วล่ะดนัยเทพ”

ดนัยเทพหรือชายหนุ่มวัยสามสิบสองผู้มีใบหน้ามัวหมองเนื่องจากอดหลับอดนอนเพราะทำงานล่วงเวลาอยู่เกือบทุกวัน ไหนจะผมเผ้าสีดำหยิกรุงรังเป็นสังกะตังที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจจะหวีมันอีก

“เรียนท่านประธาน ตอนนี้โปรเจคกำลังดำเนินตามแผนที่วางไว้ครับ” ดนัยเทพตอบพลางหยิบสคริปต์ขึ้นมาอ่านให้ท่านประธานฟัง “จากผลสรุปของไอดีแปดพันนี้ มีทั้งสติปัญญา การเคลื่อนไหว การสัมผัสเป็นปกติดีทุกอย่าง ยกเว้นอารมณ์ที่แปรปรวนตามสถานการณ์ได้อยู่เสมอ”

ดนัยเทพพูดก่อนจะเงยหน้ามองท่านประธาน

“ส่วนเรื่องค่าทักษะ อันนี้ผมไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ทั้งๆที่พวกผมกำหนดทักษะให้แค่พื้นๆ ซึ่งมีไม่กี่ทักษะ อย่างเช่นพวกการกิน นอน นั่ง ยืน พูด แต่นี่กลับมีทักษะหัวเราะ ร้องไห้ เพิ่มขึ้นมาเองโดยที่ทางพวกผมไม่สามารถควบคุมได้ครับท่าน” ท่านประธานได้ยินที่ดนัยเทพพูด ก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “ไม่เพียงแค่นั้นครับท่านประธาน เรื่องกราฟิกด้านความทรงจำของผู้เล่นไอดีแปดพันขยับขึ้นลงอย่างต่อเนื่องแบบผิดปกติ ซึ่งทางจิตแพทย์ลงความเห็นว่าผู้เล่นไอดีนี้มีความผิดปกติทางด้านสมองอยู่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ครับ จะมีผลอันตรายเมนเบรน...”

“เอาเนื้อไม่เอาน้ำดนัยเทพ ผมต้องการทราบผลข้อสรุปที่สั้นและกะทัดรัด”

ท่านประธานพูดพลางยกมือ ซึ่งทำให้ดนัยเทพถึงกับยิ้มแห้ง

“ครับท่านประธาน ผลข้อสรุปโดยย่อก็คือ เมื่อนำเอาข้อมูลของไอดีแปดพันหรือคุณราตรีพิสุทธิ์ที่กลายเป็นเด็กทารกไปเทียบกับผู้เล่นทุกคนที่ทางเราเคยส่งไปเกิดเป็นเด็กห้าขวบแล้ว ทางไอดีแปดพันจะมีความคิดของเด็กทารกมากกว่าผู้เล่นคนอื่นอีกครับ”

“พูดง่ายๆว่าไอดีแปดพันมีความคิดที่กลายเป็นเด็กทารกก็ว่ามาเถอะดนัยเทพเอ้ย!”

เสียงแซวดังมาจากทางหลังดนัยเทพ ทำให้ดนัยเทพรีบหันกลับไปตวาดต้นเสียงอย่างเร็ว

“ไม่ขัดคอข้าสักวันมันจะทำให้แกตายไหมไอ้ปริญ!”

“ไอ้ขัดก็ไม่อยากขัดหรอก แต่ฉันทนไม่ได้ที่เห็นแกพูดภาษาแบบกำกวมให้ท่านประธานฟัง บอกตามตรงเลยว่ามันแหยงหูชะมัด” ชายหนุ่มผมน้ำตาลประกายแดงสั้นระต้นคอหรือปริญพูดพลางเอามือแคะหูอย่างไม่แคร์สายตาท่านประธานที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะทำท่านึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงหันหน้ามาคุยกับท่านประธานที่ยืนฟังอยู่นานแล้ว “อ้อ สวัสดีครับท่านประธาน เดี๋ยววันนี้ผมขอลาหยุดตั้งแต่เที่ยงเลยนะครับ พอดีน้องสาวของผมอยากจะเล่นเกมเรียลไลฟ์ ผมก็เลยต้องตามไปสอนอย่างเลี่ยงไม่ได้...แม่ฆ่าผมตายแน่ถ้าไม่สอนน้องเล่นเกม ไปล่ะครับท่านประธาน”

ปริญพูดจบก็จ้ำเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว จนท่านประธานอ้าปากคัดค้านไม่ทัน ส่วนดนัยเทพได้แต่ยิ้มแห้งๆอย่างจนปัญญา นี่ถ้ามันเป็นพนักงานธรรมดามาพูดกับท่านประธานแบบนี้แล้วล่ะก็ มีหวังโดนไล่ออกตั้งแต่ทำท่าแคะหูไปนานแล้ว

“ผมต้องขออภัยแทนปริญด้วยนะครับท่านประธาน มันนิสัยเสียมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่มันก็ทำงานได้ทันตามกำหนดเวลานะครับท่าน” ดนัยเทพพูดพลางทำท่าขอโทษโดยไม่ลืมพูดถึงข้อดีของปริญไปด้วยพร้อมกัน

“ช่างเถอะ ผมไม่ถือ” ท่านประธานตอบเสียงเรียบ ก่อนจะพูดวกเข้าเรื่องงานต่อ “เรื่องความผิดปกติของไอดีแปดพันนั่น ผมขอให้ปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ อย่าได้ไปขัดขวางการเล่นเกมของผู้เล่นคนนั้นเด็ดขาด”

“ครับท่านประธาน”

ดนัยเทพตอบ ซึ่งเขาก็ไม่คิดอยากจะขัดขวางผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์เล่นเกมเป็นทารกอยู่แล้ว เพราะนี่คือการทดสอบโปรเจคย้อนวัยทารกที่ต้องดำเนินการอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้ใครทราบแม้กระทั่งผู้เล่นที่ถูกทดสอบอยู่ก็ตามที!

หวอ! หวอ!

จู่ๆ เสียงเตือนภัยพร้อมกับแสงสีแดงปรากฏขึ้นภายในห้อง ซึ่งทำเอาเหล่านักวิทยาศาสตร์รวมถึงท่านประธานกับดนัยเทพสะดุ้งตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น!”

ดนัยเทพหันหลังกลับไปตะโกนถามกับพวกเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่หน้าจอภาพ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ได้หันมาตอบดนัยเทพว่า

“ก็จุดที่ไอดีแปดพันอยู่ จู่ๆก็เกิดหายไปนะดนัย เหมือนมีอะไรเข้ามาแทรกแซงระบบ ทำให้พวกเราไม่สามารถติดต่อหรือจับดูภาพตรงพื้นที่ส่วนนั้นได้เลยสักนิด”

“อะไรนะ!” ดนัยเทพร้องอุทานอย่างตะลึง เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีพวกแฮคเข้ามาแทรกแซงเกมนี้ได้ “แล้วนี่พวกนายได้ใช้โปรแกรมป้องกันกับจัดการพวกแฮคแล้วรึยังล่ะ!”

“ลองทำแล้วแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังทำให้โปรแกรมที่พวกเราส่งไปมีอันต้องพังหมด”

เพื่อนร่วมงานของดนัยเทพตอบ ซึ่งทำให้ดนัยเทพถึงกับกุมขมับ ไม่ใช่ว่าเขาจะกังวลเรื่องโปรเจคของท่านประธานจะพัง แต่เขากลัวว่าผู้เล่นไอดีแปดพันที่เป็นหญิงชราวัยหนึ่งร้อยสิบจะเกิดอันตรายต่อสมองเอาได้ตั้งหาก

“งั้นใครก็ได้ช่วยโทรไปติดต่อไอ้ปริญให้รีบกลับมาที่นี่ด่วนด้วยล่ะ” ดนัยเทพบอกเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะหันหน้ากลับมายังท่านประธานที่ยืนรอฟังอยู่เงียบๆ “ต้องขออภัยด้วยครับท่านประธาน พอดีเกิดเหตุฉุกเฉินขั้นร้ายแรง คือว่า...”

“ไม่ต้องเล่าซ้ำอีกรอบหรอกดนัยเทพ ผมได้ยินตั้งแต่ตอนแรกหมดแล้ว”

ท่านประธานตอบ ซึ่งทำให้ดนัยเทพได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“ถ้างั้นผมต้องขอตัวไปจัดการเรื่องนี้ก่อนนะครับท่านประธาน ไว้อีกสองสามวันผมจะโทร...”

“30นาที”

ท่านประธานพูดสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ซึ่งทำเอาดนัยเทพกับพวกนักวิทยาศาสตร์ถึงกับเหงื่อตก เพราะนานครั้งจะเห็นท่านประธานเอาจริง

“ครับท่านประธาน!”

ทุกคนตอบรับพร้อมกันเป็นเสียงเดียว ก่อนจะรีบลงมือในส่วนของตัวเองทันที รวมถึงดนัยเทพที่เอ่ยปากขอตัวกลับไปทำงานต่อบ้าง



ย้อนกลับมาด้านทางในเกม ในขณะนี้ราตรีพิสุทธิ์ได้มาเที่ยวปิกนิกกับพ่อแม่ที่สวนดอกไม้แห่งหนึ่งซึ่งสวยเอามากๆสำหรับกราฟิกในเกมที่ถูกสร้างขึ้นมา และนอกจากนั้นวันนี้ท้องฟ้าก็ยังดูสดใส เหมาะกับการปิกนิกและเดินเล่นเป็นอย่างมาก

“อย่าทานอาหารให้มากสิคะที่รัก ประเดี๋ยวจะปวดท้องเอาไม่รู้ด้วยนะ”

เหม่ยจิงบอกคนรักในขณะที่ตนกำลังให้นมราตรีพิสุทธิ์อยู่ ส่วนเดรคก็นั่งทานอาหารที่เหม่ยจิจัดเตรียมมาให้อย่างเอร็ดอร่อย

“อือๆ ข้ารู้หรอกน่า” เดรคตอบพลางกลืนอาหารลงคอ ก่อนจะดื่มน้ำตาม “ฮู้! เจ้าน่าจะเอาสุรามาด้วยก็ดีนะเหม่ยจิง”

หญิงสาวได้ยินที่คนรักถามก็หันไปหยิกต้นแขนคนรักด้วยความหมั่นไส้

“จนป่านนี้แล้วท่านยังไม่เลิกดื่มสุราอีก ไหนท่านสัญญากับข้าแล้วไงว่าจะเลิกทันทีที่ลูกเกิดมา อะไรกัน นี่ยังไม่ครบหนึ่งเดือนดี ท่านก็จะหันมาดื่มสุราอีกเสียแล้ว”

“โธ่เหม่ยจิง ก็คนมันอดไม่ได้นี่ แล้วอีกอย่างบรรยากาศมันก็พาไปด้วย”

เดรคพูดตอบพลางลูบต้นแขนที่ถูกหยิก ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์ที่กำลังดูดนมของท่านแม่ถึงกับขำ

“เอิ้กๆ”

“โหยไอ้ตัวแสบ บังอาจหัวเราะเยาะพ่อบังเกิดเกล้าเชียวรึ” เดรคพูดอย่างเอาเรื่อง ซึ่งทำให้เหม่ยจิงต้องหยิกต้นแขนพ่อมังกรอีกรอบ “โอย เจ้าหยิกข้าอีกทำไมล่ะเนี่ย”

“ก็ท่านอยากว่าลูกราตรีพิสุทธิ์เองทำไมล่ะ ไม่รู้ด้วยแล้ว ถ้าท่านยังไม่เลิกดื่มสุราอีกล่ะก็ ท่านกับข้าไม่ต้องมานอนห้องเดียวกันอีก” เหม่ยจิงพูดขู่ ซึ่งทำเอาเดรคถึงกับเบ้ปาก

“ทำแบบนั้นได้ยังไงกันเหม่ยจิง ข้าเป็นสามีของเจ้านะ ให้แยกห้องนอนแบบนี้ ข้ารับไม่ได้!”

ชายหนุ่มพูดพลางล้มตัวลงไปนอนดิ้นกับพื้น ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ราชามังกรผู้เก่งกาจหายไปในพริบตาเดียว ส่วนเหม่ยจิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาที่มีสามีผู้แสนเอาแต่ใจเหมือนเด็กคนหนึ่ง

นี่ถ้าทุกคนได้เห็นท่านพ่อทำแบบนี้แล้วล่ะก็ มีหวังได้เสื่อมศรัทธาแน่!

ราตรีพิสุทธิ์นึกขันท่านพ่อ เพราะอีกฝ่ายทำท่าดิ้นได้เหมือนกับเด็กน้อยที่ต้องการของเล่นอย่างจะเป็นจะตายเสียให้ได้ และเมื่อเหม่ยจิงให้นมกับราตรีพิสุทธิ์เสร็จ เธอก็ไม่ลืมที่จะทำให้ราตรีพิสุทธิ์ได้เรอ ก่อนจะวางตัวราตรีพิสุทธิ์นั่งลงบนพื้นผ้าลายหมากรุกแล้วตนจึงเขยิบไปนั่งชิดกับคนรักของตัวเอง ซึ่งโชคดีที่เมื่อหลายวันก่อนราตรีพิสุทธิ์ได้รับทักษะการนั่งกับการคลานมา จึงทำให้เธอสามารถนั่งลงได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะหงายท้อง

“จะว่าไปลูกเราก็ตั้งไข่ได้เร็วกว่าลูกมังกรคนอื่นอีกนะคะที่รัก”

ท่านแม่พูดชมลูกตัวเอง

“อืม นั่นสิ” เดรคพูดพลางทำท่าครุ่นคิด “ไม่แน่ว่าที่ลูกเราพัฒนาได้เร็วกว่าคนอื่น อาจจะเป็นเพราะน้ำพุสวรรค์ก็ได้นะ”

“จริงด้วย ข้าก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย”

เหม่ยจิงพูดอย่างนึกขึ้นได้ ซึ่งการสนทนาระหว่างของทั้งคู่ ทำให้ราตรีพิสุทธิ์ทึ่งกับคุณประโยชน์ของน้ำพุสวรรค์เสียมิได้ นี่ถ้าเธอสามารถนำน้ำพุสวรรค์ออกไปจากเกมนี้ได้แล้วล่ะก็ โรคภัยต่างๆที่ไม่สามารถรักษาด้วยยาก็จะได้หายไปจากโลกนี้เสียที

เฮ้อ ไม่เอาแล้วล่ะ คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ

ราตรีพิสุทธิ์ส่ายหน้ากับความคิดที่ไม่สามารถเป็นได้จริง ก่อนจะหันมาเอาใจทั้งสองคนด้วยการคลานให้ทั้งสองชมเล่น

“แอ้!” เนื่องจากราตรีพิสุทธิ์ยังไม่ได้ทักษะการพูดสักระดับ จึงทำให้เธอไม่สามารถพูดได้สักคำ มีเพียงแค่เสียงร้องนิดหน่อยเท่านั้น “แอ้...ด๊า!”

“ที่รักดูลูกราตรีพิสุทธิ์สิคะ ลูกกำลังคลานมาหาพวกเราอยู่นะ” เหม่ยจิงพูด ซึ่งทำเอาคนเป็นพ่อหันขวับอย่างไว “มาเลยไอ้ลูกรัก คลานมาหาไวๆ พ่อจะหามังกรสาวๆ อกอึ๋มๆ มาให้เป็นเพื่อน”

เดรคพูดเร่งเร้าให้ลูกชายคลานมา

“นี่คิดจะสอนลูกให้เดินตามรอยหรือไงคะเดรค” เหม่ยจิงพูดเสียงเหี้ยมพร้อมกับบิดหูคนนั่งข้างๆอย่างแรง “โอย ไม่ล่ะจ้า ไม่คิดจะสอนแบบนั้นเลยจริงๆ”

ชายหนุ่มตอบเสียงอ่อย เหม่ยจิงจึงเลิกบิดหู แล้วทั้งคู่จึงค่อยหันมามองลูกชายต่อ

“เร็วเข้าไอ้ลูกชาย สู้ๆ” ราตรีพิสุทธิ์ได้ยินเสียงเชียร์ของพ่อมังกร จึงรีบคลานไปอย่างเร็ว จนกระทั่งถึงที่หมาย เธอก็รู้สึกได้ว่ามีมือสองข้างอุ้มร่างเธอขึ้นสูง “เยี่ยมมากไอ้ลูกชาย ต้องอย่างนี้สิถึงจะสมกับที่เป็นลูกชายของราชามังกร ฮะๆ”

เดรคพูดชมพร้อมกับหัวเราะไปพลาง ซึ่งทำให้คนถูกชมรู้สึกปลื้มตันใจกับคำชมเป็นอย่างมาก

ดีเหลือเกินที่ได้เข้ามาเล่นเกมนี้

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจอย่างเป็นสุข แล้วหลังจากนั้นเธอกับท่านพ่อท่านแม่ก็ได้เล่นกันอย่างสนุกสนานตามประสาครอบครัว เมื่อเวลาล่วงผ่านไปจนเย็น ท่านพ่อก็ได้คืนร่างตัวเองเป็นมังกร

“เจ้าไม่ลืมของอีกแล้วใช่ไหมเหม่ยจิง”

เดรคถามเตือนความจำของคนรักเผื่อว่าเหม่ยจิงจะลืมของไว้ที่นี่

“ไม่ค่ะที่รัก ข้าเก็บใส่ตะกร้าหมดแล้ว” เหม่ยจิงตอบพลางมองตะกร้าที่วางอยู่ข้างกายหล่อน ส่วนในมือก็มีราตรีพิสุทธิ์ซึ่งถูกอุ้มอยู่ “ว่าแต่ท่านเถอะ ลืมของอะไรไว้ที่นี่บ้างหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่มีลืมอย่างแน่นอน”

ชายหนุ่มตอบอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนจะกระพือปีกบินขึ้นสู่เหนือท้องฟ้าทันที โดยเส้นทางมุ่งตรงกลับไปยังปราสาท ในขณะที่พวกราตรีพิสุทธิ์อยู่เหนือน่านฟ้า ท่านแม่ก็พยายามร้องเพลงกล่อมเพื่อมิให้ราตรีพิสุทธิ์กลัวความสูง ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงที่ท่านแม่ร้อง จนกระทั่ง...

ตูม!

เสียงระเบิดดังกึกก้องพร้อมกับเสียงของระบบที่ประกาศก้องในหัวราตรีพิสุทธิ์ว่า

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ถูกราชาปีศาจระดับ90โจมตีค่ะ”

ท่านพ่อของราตรีพิสุทธิ์กระเด็นไปไกลจากการลอบโจมตีราชาปีศาจ ส่วนเธอกับท่านแม่ก็กระเด็นกันไปอีกทาง ซึ่งโชคยังดีที่เหม่ยจิงตั้งสติได้ทัน เธอจึงพยุงตัวได้กลางอากาศ แต่ทว่าเหม่ยจิงก็ต้องหันมารับมือกับพวกกองทัพปีศาจนับแสนต่อโดยที่มือยังอุ้มราตรีพิสุทธิ์อยู่

มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆพวกปีศาจถึงมาโจมตีพวกเธอได้นะ

ราตรีพิสุทธิ์คิดอย่างงุนงงแกมไม่เข้าใจเนื้อหาของเกมนี้เสียเท่าไหร่ แต่ด้วยสถานการณ์คับขันผนวกท่านแม่ต้องต่อสู้กับพวกปีศาจทั้งกองทัพเพียงลำพัง จึงทำให้เธอเลิกความคิดนั้นทิ้งก่อนจะพยามยามนั่งนิ่งๆในอ้อมกอดของท่านแม่เพื่อมิให้ตนต้องเป็นตัวถ่วง ส่วนท่านพ่อนั้นราตรีพิสุทธิ์คิดว่าท่านพ่อคงกำลังต่อสู้กับราชาปีศาจที่ไหนสักแห่ง ซึ่งเธอได้แต่คาดหวังว่าท่านพ่อจะต้องปลอดภัยกลับมา

เคร้ง! เคร้ง!

เสียงดาบปะทะปีศาจโครงกระดูกตรงหน้าสองที แล้วปีศาจตนนั้นก็แตกหายไปในพริบตา

“แฮ่กๆ” เสียงท่านแม่หอบหายใจอย่างหนัก ถึงแม้ฝีมือการใช้ดาบของท่านแม่จะแข็งแกร่งและยอดเยี่ยมมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าต่อสู้ต่อเนื่องเป็นระยะยาวนานโดยยังอุ้มเธออยู่อย่างนี้ล่ะก็ คงจะทนได้อีกไม่นานอย่างแน่นอน ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ไม่รู้จะทำยังไงดีได้แต่มองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ซีดเซียวอย่างเป็นห่วง “ไม่ต้องกลัว…แม่สู้…แฮ่กๆ…ได้”

ปากพูดปลอบใจลูกแต่มือก็ยังไม่ยอมหยุดดาบ ทำให้ราตรีพิสุทธิ์ฟังแล้วรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหล

“แอ้...แอ้”

ราตรีพิสุทธิ์ร้องพลางเอามือน้อยๆของเธอมาเช็ดเหงื่อให้ท่านแม่ ซึ่งการกระทำของเธอที่แสดงออกมาทำให้เหม่ยจิงต้องเหล่ตามองอย่างฉงน

เมื่อครู่นี้ลูกเช็ดเหงื่อให้ข้าหรือเนี่ย?

“เหม่ยจิงระวัง!” เสียงของเดรคร้องเตือน ซึ่งทำให้หญิงสาวหันกลับมามองหลังอย่างไว

ฉัวะ!

แต่ทว่าผู้ถูกฟันกลับเป็นเดรคที่โผล่มาตอนไหนก็ไม่รู้ได้เข้ามาปกป้องเหม่ยจิงแทน

“เดรค!”



dragonp
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2555, 10:47:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2555, 10:47:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1375





<< บทที่ 2   บทที่ 4 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account