คุณทวดออนไลน์ (The Real of Life online)
เมื่อคุณทวดเข้าไปเล่นเกมออนไลน์ (เนื้อเรื่องนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เขียนเน้นฮาเพียงอย่างเดียวค่ะ)
Tags: เฮฮา บ้าบอ มาริโอ เกมออนไลน์ คุณทวด

ตอน: บทที่ 10

บทที่ 10 คุณลุงต้นไม้



“เมื่อกี้เจ้าเป็งคงเตะก้องหินช่วยข้าหยอ”

ราตรีถามในขณะที่เธอนำเนื้อหมูป่าเสียบไม้เพื่อจะปิ้งกับไฟ

“อือ ข้าเป็นคนเตะก้อนหินเอง” มาริโอตอบพลางจ้องเนื้อหมูป่าตาเป็นมัน “ข้าวิ่งตามหมูป่าไม่ทัน ก็เลยเตะก้อนหินไปแทน ว่าแต่ข้าเตะก้อนหินแม่นไหมล่ะไอ้เด็กเปรต”

“แม่นจิ แม่น เป่าก่องนะมานย้อน” ราตรีพูดชมพลางวางเนื้อหมูป่าที่ปิ้งเสร็จบนกะลามะพร้าว ซึ่งมาริโอเห็นแล้วจึงก้มลงเป่าให้เนื้อหมูป่าคลายความร้อน “มะรีโอ้ ถ้าเวลาครายถามจื้อข้าแย้ว เจ้าห้ามพูดแทนข้านะ เพาะข้าจะเป็งคนพูดเอง แย้วเจ้าห้ามเรียกข้าว่าราจีพิฉุดหรือราจีจ่อหน้าคนอื่นเด็ดขาด”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

มาริโอถามอย่างสงสัย ซึ่งราตรียังไม่ตอบคำถามเดี๋ยวนั้น เธอหยิบไม้ที่เสียบหมูปิ้งไว้อยู่ออกจากกะลามะพร้าวของมาริโอก่อนจะฉีกเป็นชิ้นๆให้มาริโอ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นตอบกลับไปว่า

“ก้อข้ามะเจื้อจายครายอีกแย้วงายล่ะ เจ้าก้อน่าจาเห็งนา ท่านพี่เมฆาหนีพวกราวปายนายช่วงเวลาคาบขาน”

“อือ จริงของเจ้า” มาริโอพูดอย่างเห็นด้วยกับราตรี “มันน่าแค้นนัก แทนที่จะอยู่ช่วยกลับหนีหายไปต่อหน้าต่อตา แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน ว่าแต่เจ้าจะให้ข้าเรียกว่าอะไรดีล่ะ”

“อือ รัจจิแย้วกาน ง่ายดี”

“รัตติ?” มาริโอพูดทวนชื่อที่ราตรีบอก “มันไม่ต่างกับชื่อเก่าเท่าไหร่เลยนี่ไอ้เด็กเปรต”

“อือ ก้อข้าอยากห้ายเป็งแบบน้าน เพาะว่าเวลาท่านพ่อกับท่านแม่ด้ายยินจื้อนี้แย้วท่านจาด้ายรู้ว่าเป็งข้างาย”

“อ้อ เข้าใจแล้วล่ะ รัตติก็รัตติ”

มาริโอตอบพลางพยักหน้าไปด้วยพร้อมกัน แล้วทั้งคู่ก็รีบลงมือทานอาหารอย่างไว เมื่อราตรีกับมาริโอทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็รีบเก็บข้าวของก่อนจะรีบออกเดินทางต่อ ซึ่งราตรีคิดอย่างคาดเดาว่าเมืองเริ่มต้นน่าจะอยู่ทิศใต้ ดังนั้นเธอจึงปีนขึ้นไปอยู่บนหัวมาริโอก่อนจะสั่งมันให้เดินตามทางที่เธอบอก ในระหว่างทางที่ราตรีกับมาริโอเดินอยู่นั้น เป็นพื้นหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาผนวกกับผืนฟ้าสีครามอ่อนทำให้ราตรีคิดในใจว่าเธอนี่ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ นอกจากจะได้เจอพ่อแม่ที่ดีแล้ว ยังได้รู้จักผู้คนมากหน้าหลายตากับภาพธรรมชาติอันสวยงามซึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

อ้อ แล้วก็มาริโอด้วย

ราตรีคิดพลางก้มมองมาริโอที่ยินยอมให้เธอขี่หัวแต่โดยดีไม่มีบ่นสักคำเดียว เมื่อราตรีเงยหน้ามองรอบข้างบ้าง เธอก็พบว่าระหว่างทางเดินที่พวกเธอเดินอยู่นั้นได้มีผู้เล่นเดินผ่านมาด้วย แต่บางครั้งก็มีมาเป็นกลุ่มซึ่งราตรีคิดว่าคนพวกนี้คงจะเป็นพวกปาร์ตี้ตามที่เธอเคยได้ยินมาจากพี่เมฆามาแล้ว

โอ้ ไม่ใช่มีแต่เธอเท่านั้นที่เป็นเด็กแหะ ราตรีคิดพลางมองเด็กผู้ชายเด็กผู้หญิงอายุคราวประมาณห้าหกขวบเดินกันมาเป็นกลุ่มโดยมีผู้ใหญ่ที่เป็นชายคอยเดินนำทางให้ เหมือนลูกเสือพาเด็กประถมเดินข้ามถนนเลย

หากมองในมุมกลับกัน ผู้เล่นคนอื่นที่เดินสวนราตรีที่ซึ่งกำลังขี่มาริโออยู่นั้นต่างลอบมองทั้งคู่อย่างสนใจกันเป็นทิวแถว แถมยังพากันแปลกใจที่ได้เห็นเด็กทารกพูดสั่งมาริโอให้เดินตามทางราวกับเป็นเจ้านายอีกด้วย

“เด็กทารกคนนั้นเป็นผู้เล่นหรือเปล่านะ”

“คงไม่ใช่แล้วมั้ง ถ้าเป็นผู้เล่นจริง ป่านนี้บริษัทเกมคงประโคมข่าวไปนานแล้ว”

“แล้วเห็ดมาริโอที่เดินมาด้วยนั่นล่ะ มันเป็นบอสระดับสิบไม่ใช่รึไง”

“แต่ถ้าเด็กทารกคนนั้นเป็นผู้เล่นจริง ต้องมีผู้เล่นคนใดสักคนจับไว้เป็นทาส แล้วมาให้เด็กทารกคนนี้ไว้ใช้เป็นยานพาหนะก็เป็นได้”

เรื่องเล่าพวกนี้ลือกันให้แซดในหมู่ผู้เล่นที่อยู่ข้างนอกเมืองเริ่มต้น ซึ่งราตรีกับมาริโอไม่มีวันที่จะได้รู้เลยสักนิด แต่ทว่าเรื่องราวของทั้งคู่ทำให้ทีมงานของพวกดนัยเทพกับปริญต้องวิ่งวุ่นหาทางแก้ข่าวอยู่ไม่ขาดสาย ซึ่งนอกจากราตรีจะได้พบเห็นผู้เล่นเดินผ่านแล้ว เธอยังได้เห็นการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นกับมอนสเตอร์ที่เป็นจำพวกสัตว์สี่ขา เช่น กระต่าย หมาป่าตัวน้อย เป็นต้น ซึ่งถ้ามาเทียบกับราตรีที่เคยปะทะกับราชาปีศาจมาแล้ว ของเธอยังดูน่ากลัวกว่าพวกผู้เล่นแถวนี้เลยด้วยซ้ำ

จะเรียกว่าอนาถหรือน่าสมเพชดีนะ ราตรีคิดในใจอย่างท้อแท้ ด้วยร่างเล็กจิ๋วที่ยังเดินได้เพียงแค่สองสามก้าวกับจับอาวุธก็ยังไม่มั่นคง ริคิดไปช่วยท่านพ่อท่านแม่ก็ออกจะฝันเฟื้องเกินตัว ไว้เจอตานพก่อนเถอะ จะถล่มราชาปีศาจให้ราบคาบเป็นหน้ากองเลยคอยดู!

ราตรีคิดในใจก่อนจะรู้สึกตัวว่ามาริโอได้หยุดเดินแล้ว

“เจ้าหยุดเดินทามมายหยอมะรีโอ้”

“ต้นไม้ยักษ์” มาริโอตอบสั้นๆ “มีต้นไม้ยักษ์อยู่ตรงหน้านะรัตติ”

ราตรีได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองตามบ้าง เผยให้เห็นเบื้องหน้าอีกสองร้อยเมตรมีต้นไม้ต้นหนึ่งสูงใหญ่ราวกับตึกสิบชั้นแต่ทว่ามันกลับแห้งเหี่ยวไร้ใบซึ่งผิดแผกกับต้นไม้ต้นอื่นลิบลับ

“เจ้าพาข้าเข้าปายใกล้ๆหน่อยจิ ข้าอยากเห็งว่ามานเป็งยางงาย”

“ได้สิ”

แล้วมาริโอก็พาราตรีหรือรัตติเดินเข้าไปใกล้ๆต้นไม้ยักษ์ตามคำสั่ง เมื่อทั้งคู่เดินจนเกือบจะถึงต้นไม้ยักษ์แล้ว จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มแหบเหมือนคนแก่ดังขึ้นมา

“ที่นี่คือเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ห้ามผู้ใดเข้าใกล้เป็นอันขาด”

มาริโอได้ยินถึงกับหยุดชะงักเดิน

“เอ ดินแดนฉักฉิดง้านหยอ”

ราตรีเอ่ยอย่างฉงน เพราะเท่าที่เธอเห็น ที่นี่มีเพียงแค่ต้นไม้ยักษ์แห้งเหี่ยวต้นหนึ่งกับต้นไม้ต้นเล็กอยู่ใกล้ๆสองสามต้นเท่านั้น

“ใช่แล้วเด็กน้อยเอ๋ย” เสียงเดิมตอบคำถามราตรี แล้วทันใดนั้นพื้นดินตรงส่วนที่มาริโอยืนอยู่เกิดขยับขึ้นสูงสองสามเมตร ก่อนจะเคลื่อนย้ายพวกราตรีไปใกล้ต้นไม้ยักษ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำเอาทั้งคู่หวีดร้องด้วยความตกใจ “ไม่ต้องกลัว ข้าแค่เคลื่อนย้ายพวกเจ้าให้เข้ามาใกล้ข้าก็เท่านั้นเอง”

เสียงนั้นบอกก่อนพื้นที่ๆมาริโอยืนอยู่นั้นหยุดลงตรงหน้าต้นไม้ยักษ์

“ตะ…ตะ…ต้นไม้พูดได้!”

มาริโอพูดเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าเองก็พูดได้นะเจ้าเห็ดมาริโอ” เสียงที่ดังจากต้นไม้ยักษ์ตอบอย่างกวนๆ แล้วทันใดนั้นตรงส่วนเนื้อไม้ตรงหน้าราตรีเกิดขยับ ก่อนที่เนื้อไม้จะมลายหายไปถูกแทนด้วยนัยน์ตาสีเขียวที่ปรากฏออกมาทีหลัง ซึ่งทำให้ราตรีกับมาริโอสะดุ้งตกใจ “ขออภัยที่ทำให้พวกเจ้าตกใจเป็นครั้งที่สอง ข้าคือผู้ปกปักรักษาดินแดนเริ่มต้น นามว่า…”

“มานา”

“มานา?” ราตรีพูดทวนชื่อต้นไม้ยักษ์อย่างสงสัย “มานาคืออายายหยอฮับ”

ต้นไม้ยักษ์นามว่ามาน่าฉีกยิ้มให้กับราตรี ซึ่งทำเอาทั้งคู่สะดุ้งตกใจเป็นครั้งที่สาม

“รากศัพท์ของเวทมนตร์ พลังเวทมนตร์ อำนาจลึกลับ คาถาอาคม ซึ่งมันก็แปลได้หลายความหมาย แล้วแต่ว่ามนุษย์จะบัญญัติขึ้นมาใช้กันยังไง” ต้นไม้ยักษ์ตอบก่อนจะอธิบายต่อโดยไม่รอให้ราตรีได้ถามต่อ “แต่สำหรับตัวข้านั้น คือแหล่งรวมพลังงานชีวิตทุกสรรพสิ่งในโลกนี้เข้าด้วยกัน ถ้าขาดข้าไป โลกนี้คงจะถึงกัลปาวสาน”

พอต้นไม้ยักษ์พูดจบก็พลันทำหน้าเศร้า ซึ่งทำให้ราตรีอดสงสัยถามมิได้

“ท่านลุงเป็งอายาย ทามมายถึงทามหน้าเส้าอย่างน้านล่ะฮับ”

ต้นไม้ยักษ์หรือลุงมานาได้ยินที่เด็กน้อยถามจึงเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะตอบกลับมาว่า

“ข้ากำลังใกล้จะตายนะเด็กน้อยเอ๋ย”

“ใกล้ตาย?”

“ใช่ ใกล้ตาย” ลุงมานาตอบด้วยเสียงสลดหดหู่ “เมื่อสองปีที่แล้ว ข้านอนหลับของข้าอยู่ดีๆ ราชาปีศาจเกิดปรากฏต่อหน้าข้า ทั้งที่ข้ากับราชาปีศาจแทบไม่ได้เจอหน้ากันนับพันปีก็ว่าได้”

คำว่าราชาปีศาจได้สะกิดต่อมความอยากรู้ของราตรีขึ้นมาทันที

“แย้วงายต่อฮับ”

“ทีแรกข้าก็ทักทายราชาปีศาจไปตามประสาคนที่ไม่ได้พบกันนาน”

ลุงมานาเล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟังอย่างเชื่องช้า “แล้วราชาปีศาจก็ทักทายตอบข้ากลับมา แต่พ่วงด้วยคำขู่พร้อมกองทัพปีศาจนับแสนว่า ’จงมอบพลังมานาของเจ้ามาให้แก่ข้าเสีย มิเช่นนั้นแล้วมนุษย์บนโลกนี้จะตายด้วยน้ำมือของราชาปีศาจอย่างข้า’”

“ย้ายกาดที่ฉุด!”

ราตรีกัดฟันพูดแทรกด้วยความเดือดดาล ซึ่งทำเอาลุงมานากับมาริโอมองเธออย่างแปลกใจ

“เจ้าเป็นอะไรไปรัตติ อยู่ๆก็พูดขึ้นมา ไม่สบายรึเปล่า”

มาริโอถามอย่างสงสัย เพราะพวกเขายังฟังเรื่องเล่าจากลุงมานายังไม่ครบดี แต่ราตรีกลับพูดโพล่งออกมาขัดจังหวะเสียก่อน ซึ่งราตรียังไม่ตอบคำถามของมาริโอเดี๋ยวนั้น หากกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความโกรธ ส่วนต้นไม้ยักษ์หรือลุงมานาเมื่อเห็นสีหน้าความโกรธของเด็กน้อยผมสีเงินที่แสดงออกมาแล้ว ก็ถึงกับถอนหายใจก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“เด็กน้อยเอ๋ย ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ามีความแค้นใดกับราชาปีศาจ แต่อย่าได้เอาอารมณ์นั้นมาเป็นที่ตั้ง รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง มิเช่นนั้นแล้วเจ้าจะจมปลักกับความแค้นไปตลอดชีวิต”

“ฮับท่านลุงต้นม้าย ข้าจาจดจามคามฉั่งฉอนของท่านลุงปายตาหลอด”

ราตรียกมือไหว้ขอบคุณลุงมานา ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับไหว้จากราตรี

“ว่าแต่ท่านลุงมานาเล่าเรื่องพวกนี้ให้พวกข้าฟังไปทำไมกันหรือ”

มาริโอถามกลับเข้าเรื่องต่อ

“ข้ามีเรื่องขอร้องที่จะให้พวกเจ้าช่วยนะ” ลุงมานาตอบก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้า “ขอร้องล่ะ ถ้าพวกเจ้าไม่ช่วยแล้ว ก็ไม่มีใครจะช่วยข้าได้อีก”

“อ้าว แย้วพวกคงอื่นที่เดินผ่านมาเค้าม่ายด้ายช่วยท่านลุงเยยหยอฮับ”

ราตรีถามอย่างสงสัย

“ไม่มีเลยสักคนเดียว” ลุงมานาหลับตาตอบ “ทีแรกมันก็มีอยู่หรอก เพียงแต่พอได้ยินคำขอของข้าเข้าแล้ว ต่างพากันส่ายหน้าหนีไม่ยอมช่วยกันเลยสักคนเดียว”

“ฮึ ม่ายนึกเยยว่าพวกผู้เย่นคงอื่นจาจายดามขนาดนี้ ถ้าเป็งข้าๆจาทาม”

“เด็กน้อย เจ้าอย่าพูดล้อให้คนแก่ตกใจเล่นสิ มันไม่สนุกหรอกนะ”

ลุงมานาพูดยิ้มอย่างอ่อนใจเมื่อได้ฟังคำพูดล้อเล่นของราตรี

“ข้าม่ายด้ายพูดย้อเย่น ข้าจาทามจิงๆท่านลุงมานา” ราตรีพูดพลางโบกมือไปมา “ต่อห้ายมานยากเกินมือข้าจิงๆ ข้าก้อจาพายายามหาวิธีทามห้ายจงด้าย”

ลุงมานาได้ยินที่ราตรีพูดก็ถึงกับตะลึง เพราะตนไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากเด็กทารกได้

“หึๆ ฮะ ฮะ ฮ่า” ลุงมานาหัวเราะเสียงดังลั่นไปทั่ว ทำให้ผู้เล่นคนอื่นที่เดินผ่านมาแถวนี้หันมามองด้วยความสนใจ “เป็นคำพูดไม่เลวนี่เด็กน้อย เจ้ามีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร ข้าจะได้จดจำเจ้าไปตลอดชีวิต”

ราตรีได้ยินที่ลุงมานาถามก็รีบตอบกลับไปว่า

“ราจีพิฉุด หรือ ราจี แย้วแต่ท่านลุงจาเรียกนะฮับ”

“หืม? ราตรีพิสุทธิ์รึ” ลุงมานาพูดพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะร้องอ้อ “เจ้าใช่ราตรีพิสุทธิ์ที่เป็นลูกชายคนแรกของราชามังกรเดรคกับนางพญามังกรเหม่ยจิงหรือเปล่า!”

ราตรีพยักหน้าตอบกลับไปว่า

“ใช่แย้วฮับท่านลุง ว่าแต่ท่านลุงรู้จักปาป่ะมัมมะด้วยหยอฮับ”

“รู้จักเสียยิ่งกว่ารู้จัก” ลุงมานาตอบยิ้มๆ “เพราะข้าคืออาจารย์ที่สอนวิชาเวทมนตร์ให้กับพ่อแม่ของเจ้ายังไงล่ะเด็กน้อย”

ราตรีทำหน้าตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบจากลุงมานา

“จิงหยอฮับ!”

“จริงสิเด็กน้อย พ่อกับแม่ของเจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้าจริงๆ” ลุงมานาพูดพลางพยักหน้า “ว่าแต่พ่อแม่ของเจ้าเป็นยังไงบ้าง ยังสบายดีอยู่รึเปล่า แล้วนี่พวกเขาปล่อยให้เจ้าออกมาเดินท่อมๆตามลำพังกับเจ้าเห็ดนี่ได้ยังไงกัน เฮ้อ แย่จริงๆเจ้าพวกนี้ เห็นทีข้าต้องจับมาสั่งสอนบ้างแล้ว”

ราตรีทำหน้าเศร้าเมื่อได้ยินคำถามจากลุงมานา

“ปาป่ะมัมมะ ฮึก!” ราตรีพูดพลางสะอื้นไห้ “โดนราชาปีสาดโจมตีฮับท่านลุง”

“ว่ายังไงนะ! พ่อแม่ของเจ้าโดนราชาปีศาจลอบโจมตีงั้นรึ”

ลุงมานาแผดเสียงร้องดังลั่น

“ฮับท่านลุง” ราตรีตอบพลางเช็ดน้ำตาตัวเอง “ข้าม่ายยู้ว่าปาป่ะเป็งยางงายบ้าง เพาะข้าเห็นท่านป้องกานมัมมะจนตกลงปาย ส่วนมัมมะ…ฮือๆ มัมมะช่วยข้าเพาะเห็นข้าบาดเจ็บหนัก ก้อเยยรีบยักฉาข้าแย้วฉ่งข้าลงแม่น้ามมา…ท่านบอกว่าจาตามมาทีหลัง แต่นี่มานก็หลายวานแย้ว มัมมะก็ยางม่ายมาชักทีเยย!”

พอพูดจบ ราตรีก็ร้องเสียงสะอื้นอย่างไม่อายสายตามาริโอทันที ส่วนมาริโอที่เพิ่งจะได้ยินเรื่องราวของเจ้านายมันเป็นครั้งแรก ถึงกับตะลึงพลางแอบคิดในใจ

ไอ๋หยา เผ่ามังกรเชียวรึ ดีนะ ตอนเจอกันครั้งแรก มันไม่พ่นไฟใส่เรา ไม่งั้นจบชีวิตเยี่ยงเห็ดบนเตาแหง

คิดแล้วมันก็ถึงกับยืนซึมก่อนจะร้องไห้ตามราตรีบ้าง ซึ่งทำเอาผู้ฟังอย่างมานาถึงกับกลุ้ม จึงได้แต่รอให้ราตรีกับมาริโอร้องไห้จนกว่าจะหยุดร้อง เมื่อทั้งคู่หยุดร้องไห้แล้ว เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลาลุงมานาจึงพูดเข้าเรื่องต่อ

“ข้าเสียใจด้วยกับเรื่องที่เจ้าเจอมานะเด็กน้อย” ลุงมานาบอกก่อนที่จะมีรากไม้ผุดออกมาจากดินมาเช็ดน้ำตาให้ราตรีอย่างแผ่วเบา “ถ้าข้ามีพลังมากกว่านี้ ข้าคงจะแบ่งพลังครึ่งหนึ่งให้เจ้าได้ อย่างที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง ราชาปีศาจมันแย่งชิงพลังมานาของข้าไปจนเกือบหมด มันคงอยากให้ข้าได้เห็นโลกถูกทำลายจึงเหลือพลังส่วนหนึ่งไว้ต่อลมหายใจข้า”

“ย้ายกาดที่ฉุด”

ราตรีพูดอย่างฉุนเฉียวแต่เธอก็พยายามระงับอารมณ์ตัวเองไม่ให้ระเบิดไปมากกว่านี้

“ใช่ร้ายกาจ แต่ข้าก็ไม่นึกว่าราชาปีศาจจะกล้าทำทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นมันออกจะเป็นราชาปีศาจที่แสนดี” ลุงมานาบอกพลางถอนหายใจแรงๆ “เอาเถิด ถึงข้าจะให้พลังเจ้าไม่ได้ แต่ข้าสามารถสอนวิชาเกี่ยวกับการเป็นมังกรให้เจ้าได้นะเด็กน้อย”

“ฉอนวิชากานเป็งมางกอน?”

ราตรีพูดทวนคำพูดลุงมานาอย่างสงสัย

“ใช่ สอนวิชาการเป็นมังกร”

ลุงมานาตอบย้ำอีกครั้ง “ข้าคิดว่าเจ้าคงยังไม่ได้เรียนรู้พวกนี้อย่างแน่นอน เพราะเจ้าดันพลัดพรากจากพ่อกับแม่เสียก่อนที่จะได้เรียน ดังนั้นก่อนที่เจ้าจะได้ผจญกับโลกบนใบนี้อันแสนโหดร้าย ข้าจำต้องสอนวิธีการต่อสู้ให้แก่เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย”

ราตรีได้ยินที่อีกฝ่ายพูดถึงกับปลื้มตันใจ ก่อนจะรีบยกมือไหว้พลางกล่าวขอบคุณว่า

“ขอบคุงท่านลุง ม่ายจิ ต้องท่านอาจาน ฉิดน้อยผู้นี้จาจดจามบุนคุนของท่านอาจานปายตาหลอดชีวิด”

ส่วนลุงมานาเมื่อได้ยินที่ราตรีพูดถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างพอใจยิ่ง

“ดีมากเด็กน้อย ข้าจะสอนเจ้าให้รู้ซึ้งถึงแก่นของการเป็นมังกรเลยเชียวล่ะ”

แล้วราตรีก็ได้ลุงมานาช่วยสอนวิชาการเป็นมังกรอยู่ตรงนั้นหลายวันจนกระทั่งถึงวันออฟไลน์


ปล.ลงเท่านี้ก่อนนะคะ เพราะตอนมันเยอะมาก จะทยอยลงนะคะ



dragonp
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2555, 10:55:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2555, 10:55:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1264





<< บทที่ 9   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account