นิราศรักกรุงสยาม
ศักดิ์ศรีมีไว้ให้คนสรรเสริญมิใช่ทำลาย ความรักมีไว้เพื่อให้ได้รักในกันและกัน ปัญหาเดียวของความรักคือความไม่เข้าใจ

Tags: สู้ ไม่ยอม แพ้

ตอน: เวรระงับด้วยการอย่าริจองเวร

สามวันแล้ว หลวงไกรเดินออกจากกระทรวง ทำท่าจะมานั่งรถเทียมม้ากลับบ้าน แต่โดนเพื่อนร่วมงานชวนไปที่บ้านต่อ
“เห็นจะต้องคุยรอบนอกเสียแล้วไกร”
“เฮนรี่ กระผมว่าอีกสักสามสี่วันเชิญคุณไปบ้านกระผมดีกว่า”
เฮนรี่เป็นชาวอังกฤษรูปร่างสูงพอกันกับไกร เขาหยุดนิ่งคิดไปเป้นครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยเสริมว่า
“กระผมยังเป็นห่วงเรื่องฝรั่งเศสอยู่มาก มันไปได้ญวนเข้าพวก เป้นอย่างที่เราชาวสยามได้รู้ว่าญวนนั้นเคยพึ่งพาเราแล้วมาแตกหักอย่างไม่มีสาเหตุ การโดนเสี้ยมอย่างนี้กระผมไม่วางใจว่าการเจรจาครั้งหน้าจะสำเร็จ”
“กระผมมีความคิดเป็นทางเดียวกันกับคุณ แต่ยังเห็นควรว่าจะจัดงานที่บ้านกระผมเป็นการดีกว่าจะคุยตามลำพัง”
“เอาเช่นนั้นก็ได้” เฮนรี่ตกลงตามใจหลวงไกร ชายหนุ่มจึงได้แยกทางกลับบ้าน
ในใจของไกรมีความเป็นห่วงงานเพราะมาราชการด่วน เพียงแต่ได้รับทราบข้อบาดหมาง และฝรั่งเศสหาเรื่องกรณีพิพาท ยังไม่อาจหาจุดจบไปได้ ทางการทูติขอเจรจา โดยให้ประเทศที่สามเป้นกลาง ประเทศที่สามโน้มเอียงมาทางสยาม ทางฝรั่งเศสไม่ชอบใจว่าไม่ยุติธรรม การเจรจาจึงต้องยุติไปอีกชั่วคราว เขาคงต้องวางแผนการเดินหน้าหาทางเจรจาเพื่อหาข้อยุติ ทั้งที่ทราบดีว่า เรื่องนี้ ทำให้พระพุทธเจ้าหลวงทรงมีความวิตกห่วงใยว่าจะเสียดินแดน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต่อหน้าที่สำคัญของเขา
ทางทหารจะสู้ และไม่คิดถอยแม้ยุทธ์โทปกรณ์จะไม่ทันสมัย แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่หัวใจไทย ไม่เคยยอมแพ้ชาติใด แม้ไกรเป็นนักการทูติ ยังอยากเตะปากทูติฝรั่งสักเปรี้ยงให้คางพับเจรจาความที่เอาเปรียบไทยไม่ได้อีกเลยด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับทหารที่จะไม่ยอม!!
ช้องนางดูแลครัวหลังจากทำข้าวแช่ชาววังแล้ว หญิงสาวจึงได้กลับมาที่เรือน เธอเรียกผิวเข้าไปสั่งความบางอย่าง ผิวรับคำท่าทีตื่นเต้นจนนายสาวต้องถลึงตาดุเข้าใส่ เพราะเกรงจะเสียเรื่อง
พับไม่เข้าใจสองนายบ่าว เมื่อผิวลงจากเรือนไปแล้ว พับจึงเอ่ยถามนายคนใหม่ของตนว่า
“คุณนายใช้อิฉันไปทำงานก็ได้นะเจ้าคะ”
“งานแบบนี้ ผิวคล่องแคล่วกว่า เอ็งไปเชิญคุณหญิงแล้วแวะไปเรือนคุณเหม เชิญมารับข้าวแช่ที่ข้าทำก็แล้วกัน”
“เอ่อส่วนใหญ่คุณเหมจะรับที่เรือนนะเจ้าคะ”
“บอกว่าคุณแม่ท่านเรียกก็แล้วกัน เรื่องอ้างนั้นข้าจะอ้างกับคุณแม่เอง”
“คุณนายเอ่อ”
“ข้าสั่งเอ็งก็ไปทำสิ นี่เอ็งจะเอาเชิงชั้นกระบวนความอันใดอีก มาของานข้า ข้าก็ให้ทำ ยังมากเรื่องมากความ” กล่าวแล้ว ช้องนางทำสะบัดหน้า เดินนำไปก่อน พับรีบตามไปรับคำอีกฝ่ายไม่ให้ช้องนางได้ขุ่นเคือง ช้องนางจึงเพียงพยักหน้ารับไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใดๆออกมาอีก
ฝ่ายผิวเดินเลียบไปตามทางเดินที่ไปถึงชายคลองปลายน้ำซึ่งผู้หญิงจะนำผ้ามาซัก หากผ้าเปื้อนฤดู(ประจำเดือน)จะไม่ให้ซักลงน้ำอย่างเด็ดขาดเพราะถือกันว่าเป็นการลบหลู่พระแม่คงคา
บ่าวหลายคนกำลังนำป้าขึ้นตาก และบางคนกำลังซักป้าอยู่ ราวตากผ้านายใครเป็นของคนนั้น ของช้องนาง ผิวไม่นำมาตากแถบนี้ เพราะเธอเกรงคนแกล้ง แม้ว่าทุกวันนี้บ่าวเกือบทั้งหมดจะมองนายผู้หญิงในทางที่ดีมากขึ้น แต่ผิวยังเห็นคนตั้งตัวเป็นศัตรูอย่างออกนอกหน้ามีอยู่ ดังนั้นเรื่องคนให้ร้ายหรือคนร้ายย่อมยังคาใจสาวใช้อยู่เสมอ
แผ้วนั่งอยู่บนเรือนคุณเหม รอเวลาติดตามคุณเหมไปไหนต่อไหนด้วย ผิวมาลอบมองอยู่ครู่หนึ่งจึงถอยกายออกห่างไป แล้วจับตามอง ไม่นานฉิม บ่าวจอมสอดแนมของคุณเหม ได้กลับมาบอกนายว่าหลวงไกร กลับมาแล้ว แผ้วจึงรบเร้าให้ผู้เป็นป้าออกหน้ารับ คุณเหมจึงสำทับ
“กลับมาครานี้ เอ็งไม่ต้องรอคุณหลวงเข้าหาแล้ว เอ็งทำมารยาให้คุณหลวงเอาเอ็งให้ได้”
“เจ้าค่ะ”แผ้วรับคำไม่มียางอาย จากนั้นทั้งสามจึงได้ไปที่เรือนกลาง ในสายตาของผิวเห็นทุกอย่าง คนบนเรือนไม่มีแล้ว ร่างงามสมส่วนอวบแต่พอดีของผิวค่อยย่องขึ้นเรือนคุณเหมอย่างระมัดระวัง เธอหายไปเป็นครู่จึงได้ลงมาโดยที่ไม่มีใครรู้เห็น เพราะไปเรือนใหญ่กันหมด
ช้องนางเดินมาถึงเรือนกลางพอดีกันกับคุณหญิงใหญ่ และบ่าวประจำตัวคนใหม่ เดินมาที่หอกลาง จึงพบกันระหว่างทางเดินพอดี ช้องนางเอ่ยว่า
“ช้องกำลังไปเชิญคุณแม่มาทานข้าวแช่พอดีเชียวเจ้าค่ะ”
“ดี ดีแม่ช้อง พ่อไกรกลับมาวันนี้แล้ว คนมาส่งข่าวแล้วเห็นจะมาเร็ว ไม่ช้าดอก จะหาอะไรให้กิน ก็หาเพิ่มมา”
“เอ่อเจ้าค่ะ”
ช้องนางรับคำ ตื่นเต้นดีใจที่ได้ข่าวอีกฝ่ายจะกลับมาถึงเรือนแล้ว และเธอยังร้อนใจเพิ่มอยากวิ่งไปหยุดคำสั่งที่บอกผิว แต่ว่า ไม่ทัน เพราะเธอเห็นคุณเหมพาคนของนางมาที่เรือน คะเนว่ามาก่อนที่พับจะไปถึงเสียอีก หญิงสาวมองเลยไปข้างหลังจึงเห็นพับส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่า ไปไม่ทัน ช้องนางเสียพยักหน้ารับไปแกนๆไม่ให้ใครจับได้ ภายในใจจึงร้อนเกรงว่าจะเกิดเรื่องโดยที่ไกรกลับมาพอดี
อาหารมื้อเที่ยงจึงมีแต่คนรอหลวงไกร ซึ่งเป็นการรอเก้อเสียจริงๆ คุณหญิงให้ไปถามย้ำบ่าวผู้ชายที่นำข่าวมาบอกล่วงหน้า ซึ่งยังคงยืนกรานว่าคุณหลวงกลับมาแน่ แต่อาจจะเลื่อนเวลาออกไป
คุณหญิงจึงเอ็ดอีกฝ่ายว่าไม่ได้ความ จากนั้นไม่นานนัก มีช่าวเรือนำใบบอกมาส่ง คูณหญิงรับไปเปิดอ่านแล้วรำพึงเบาๆว่า
“แม่น้อย”
ท่าทางคุณหญิงมีความวิตกกังวลอยู่บ้าง แต่ไม่ช้าก็คลายลงไปตามประสา คนไม่อยากทุกข์นาน

ที่เรือนหอของไกร
ห้องพระเป็นห้องเล็กอยู่ห่างจากห้องหอไปสองห้อง ช้องนางและบ่าวช่วยกันร้อยพวงมาลัยแต่ยามบ่าย หลวงไกรกลับมาถึงบ้าน ไปกราบคุณหญิงใหญ่และท่านเจ้าคุณ ซึ่งกลับมาถึงก่อนหน้านั้นแล้ว จึงเดินมาตามทางเชื่อมเรือนไปที่เรือนหอของตนเอง
ช้องนางนำน้ำเย็นลอยมะลิมารับอีกฝ่าย คุณหลวงหนุ่มนึกอยากทำอย่างกิริยาฝรั่งด้วยการหอมแก้มเนียนใสของช้องนางเสียให้ชื่นใจ หากว่าสายตาบ่าวไพร่จับตามองกันอยู่อย่างชื่นชม
ดังนั้นคุณหลวงจึงทำอย่างใจไม่ได้ นอกจากเลี่ยงไปอาบน้ำชำระกาย ต่อมาไม่นานนัก สองสามีภรรยาจึงไปเรือนของเจ้าคุณเพื่อรับประทานมื้อเย็น
ที่เรือนคุณเหม แผ้วอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เธอใช้หวีไม้สางผมให้เข้ารูปทรงกระทุ่ม จากนั้นจึงแต้มอบร่ำและกระจันทร์ เพื่อให้กลิ่นกายหอมจรุงใจ คืนนี้ที่คาดหวังว่า จะใช้มารยาหญิง เพื่อให้หลวงไกรสนใจกว่าที่เคยไม่สนใจเลย และให้ช้องนาง ซึ่งดุท่าทีแล้วเป็นคนขี้หึงไม่ใช่น้อย ได้เอาเรื่องให้ครัวแตกกันไปข้างหนึ่ง คิดแล้วแผ้วยิ่งใช้อบร่ำและกระแจะจันทร์เพิ่มเป็นสองเท่า
เธอหยดอบร่ำลงใส่มือ ขยี้กระแจะจันทร์ลงไปพร้อม จากนั้นจึงปะพรมทุกจุดที่คิดว่าจะหมอส่งไปได้ สุดท้ายจึงบรรจงทาแก้มนวลอย่างอ้อยอิง
ฉิมเข้ามาในห้องโดยไม่ให้เสียง บ่าวคุณเหมตกใจอุทานดังลั่น
“อุแม่เจ้า คุณแผ้วเป็นอะไรเจ้าคะ”
“ข้าไม่รู้ โอยแย่แล้ว ข้าคันไปหมดทั้งหน้าทั้งตัวแล้ว ฉิม เอ็งช่วยข้าทีมาดูที” แผ้วใช้สองมือเกาอย่างทั้งแสบทั้งคัน คว้าบ่าวให้เข้ามาช่วย เมื่อมือหญิงสาวโดนตัวฉิมไม่นานฉิมเริ่มคันส่วนที่โดน นางเกาคะเยอ แผ้ว ดิ้นเร่า มือคัน จนป่ายปะไปที่ร่างฉิม อีกฝ่ายหนีไม่ทัน มือแผ้วไปโดนที่หน้าเข้าพอดี แผ้วจับหน้าอีกฝ่ายไว้ ฉิมหลบเลี่ยง และเกิดอาการแสบคันยิ่งนัก
“โอยคุณเจ้าขาคันเหมือนโดนขนหมามุ่ยเลยนะเจ้าคะ โอยไม่ไหวแล้วไม่ไหวแล้ว”
ฉิมวิ่งพรวดลงจากเรือน แผ้ววิ่งตามลงไป ทั้งสองวิ่งไปที่คลองหน้าเรือน แล้วกระโดดลงไปทันที
บ่าวทั้งชายหญิง พากันมาดู เหมือนคนเล่นกล แผ้วขัดถูร่างกายโดนแรง ผ้าผ่อนหลุดไปจากตัวทั้งสองนายบ่าว บรรดาผู้คนที่เห็นต่างกลั้นหัวเราะไม่อยู่จึงหัวเราะกันเกรียว
ท่านเจ้าคุณแล คุณ หญิงได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจ จึงได้ร้องถามบริวารว่าเกิดอะไรขึ้น บริวารคนใกล้ได้บอกนายว่า
“คุณแผ้วกับอีฉิม แก้ผ้ากระโดดน้ำขอรับคุณท่าน”
“ไหนกัน “เจ้าคุณออกหน้ามาก่อน คูณหญิงตามมา และคุณเหมเดินอย่างเร่งร้อนมาที่เรือนกลาง กล่าวฟ้องร้องว่า
“มีคนแกล้งหลานของอิฉันเจ้าค่ะคุณพี่”
แผ้วเห็นคนมามอมาก ผ้าที่สวมใส่ลอยไปกับน้ำหมดแล้วเธอยังไม่หายคัน โดยเฉพาะที่หน้า ซึ่งเป็นที่บอบบาง โดนเกาจนได้เลือดซิบ
“อีช้อง อีช้องแกล้งกูแล้ว มันต้องเอาอะไรมาแกล้งกู”
“หมามุ่ยแน่ๆเจ้าค่ะคุณแผ้ว”ฉิมบอกนายสาว เกาด้วยความคันไม่หาย
“มันมาย้อนรอยกูตอนไหนกัน กูจะเอาเรื่องมันให้ได้”
“จะแก้ผ้าขึ้นไปหรือเจ้าคะ” ฉิมเอ่ย เกาหน้า เกาแขนไปพลาง ค่อยบรรเทาอาการคันลงบ้างแต่ไม่หายดี
ท่านเจ้าคุณส่งให้คนนำเสื้อผ้าไปให้แผ้วและฉิม จากนั้นจึงไปนั่งที่หอกลาง เป็นประธานอยู่ คุณเหมเอาเรื่องว่า
“นี่ต้องมีคนแกล้งแผ้วหลานอิฉันแน่ๆ เมื่อตอนกลางวัน ตอนเย็นยังดีอยู่ พออาบน้ำประแป้งก็เกิดเรื่องขึ้น”
“แล้วมันเรื่องอะไรกัน จึงคิดตู่ว่ามีคนแกล้ง”
“แม่ช้องแน่ๆ แม่ช้องไม่ชอบแผ้ว แม่ช้องนั่นล่ะที่ต้องแกล้งหลานอิฉัน คุณพี่ต้องให้ความเป็นธรรมนะเจ้าคะ”
“แล้วมันเรื่องอะไรไปกล่าวหาแม่ช้องเพียงนั้นเล่า แม่เหม หล่อนมีหลักฐานอะไร”
“เอ่อ...ก็จะมีใครกล้าเท่าแม่ช้องบ้างเจ้าคะ”
“เอ๊ะนี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้วนะแม่เหม ฉันเห็นหล่อนจงใจหาเรื่องแม่ช้องไม่เว้น หลานแม่เหมเป็นอันใดยังไม่รู้เหตุ แม่เหมก็มาตู่แม่ช้องเอาปาวๆดังนี้ จะไม่รังแกแม่ช้องมากไปหรอกรึ” เจ้าคุณหันไปเอาเรื่องมัยรอง แม้จะเอ็นดูมากกว่าเมียอื่น แต่เรื่องช้องนางเป็นเรื่องที่ท่านเข้าข้างลูกชาย
“เฮ้ยไอ้อีพวกนั้นใครว่าไปเรียกคุณหลวงกับแม่ช้องสะใภ้กูมาที”
คุณเหม ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บใจ เมื่อเจ้าคุณ ไม่เห็นใจนาง เมื่อน้ำตาเมียไหลริน เจ้าคุณเริ่มใจอ่อนลงบ้าง
ครู่หนึ่งสาวใช้วิ่งไปหาช้องนางที่เรือน พอดีกับช้องนางและหลวงไกร พร้อมผิวและพับพากันเดินมาหอกลางพอดี สาวใช้ไปนั่งคุกเข่าดักหน้าพลางเอ่ยว่า
“เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะคุณนายเจ้าขา”
“เกิดเรื่องอันใดรึอีกปลวก”หลวงไกรถามร้อนรน “ใครทำอันใดเมียข้า”
“เอ่อคุณเหมท่านกล่าวโทษคุณนายแกล้งคุณแผ้วเจ้าค่ะ”
ผิวกัดริมฝีปากแน่น พับเหลือบมอง ส่วนช้องนางปากแข็งอุทานว่า
“แกล้งรึ ข้าจะแกล้งอันใดใครได้ วันวันข้าทำแต่งานพวกเอ็งมิได้มาเป็นพยานให้ข้าเลยรึ”
“คุณเหมท่านร้องไห้เอาเรื่องเสียหนักว่าเป็นฝีมือคุณฯยเจ้าค่ะ”
หลวงไกรทนฟังไม่ไหวจึงคว้าข้อมือเมีย กล่าวไปพลางเดินไปที่หอกลางทันที
“ไปแม่ช้อง เราคนจริงใจ จะเกรงไปไย พี่ไม่ให้ใครข่มเหงเจ้าดอก”
ช้องนางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะรู้ดีว่า ตนเป็นคนสั่ง...เมื่อตนได้แผล อีกฝ่ายต้องได้แผลมากกว่า!!
พับลอบสบตาผิว หากผิวทำเฉยเสียบ ดังนั้นพับจึงต้องเตือนตัวเอง โดนเฆี่ยนให้ตายไม่มีทางเปิดปากแน่นอน
แผ้วรีบผลัดเปลี่ยนผ้า อย่างหวาดกลัวไม่หาย แต่ความแค้นใจนั้นก็มาก ฉิมเอ่ยว่า
“คงเป้นอบร่ำหรือไม่ก็กระแจะจันทร์ ที่เป็นเหตุ เอาไปด้วยเจ้าค่ะ”
แผ้วเกี่ยงให้ฉิมถือ ฉิมมองขวดกระเบื้องและผอบกระแจะจันทร์อย่างขยาดไม่น้อย สุดท้ายนาง หาผ้ามาผืนหนึ่งห่อเอาไปจนได้
หลวงไกรเดินมาพบแผ้วกลางทาง แผ้วใช้มารยาหญิงโผเข้าไปกอดหลวงไกรซบอกกลางเอ่ยว่า
“คุณหลวงเจ้าขา เห็นทีแผ้วจะโดนคนในแกล้งไม่ให้อยู่ดีเสียแล้วเจ้าค่ะ”
ช้องนางร้อนไปทั้งหน้าทั้งตัว สะบัดข้อมือจากคุณหลวง พลางกล่าวออกมาว่า
“ไปเถิดพับ ผิว ข้าเห็นจะไม่เอาตัวเข้าแลกความเป็นธรรมอย่างนี้ ปล่อยคุณหลวงสักชั่วคืนแล้วค่อยไปช่วยคดีของข้าคงยังทันกระมัง”
หลวงไกรรีบแกะมือของแผ้วออกจากการกอดรัด รู้สึกคันยิบที่หลัง แผ้วเองกอดอีกฝ่ายได้ชั่วบัดเดี๋ยวเธอก็เกาแขนเกาอก และทำผ้าแถบหลุด ช้องนางรีบเดินหนี โดยที่หลวงไกรรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็วพลางกล่าวตามซื่อว่า
“มีคนแกล้งแม่แผ้วเสียจริงกระมัง แค่โดนตัวยังรู้สึกคันเหมือนโดนตำแย”
ช้องนางปิดปากสนิท หลวงไกรไม่พยายามเหลียวไปมองแผ้วซึ่งวิ่งตามมา โดยที่วิ่งพันผ้าแถบไปด้วย
ทั้งหมดถึงหอกลาง หลวงไกรนั่งข้างเจ้าคุณ ช้องนางนั่งลดหลั่นลงมา แผ้วไปนั่งข้างคุณเหม ฉิมนำของกลางไปให้ท่านเจ้าคุณ พลางฟ้องว่า
“นี่เจ้าค่ะที่บ่าวเห็นว่าน่าจะมีคนแกล้วคุณแผ้วเจ้าค่ะ”
“ท่านเจ้าขา แผ้วไม่เคยมีเรื่องกับใคร อยู่แต่เหย้าเฝ้าแต่เรือน หาได้มีความทุจริตใจสิ่งใดไม่ แต่มีคนชั่วมาแกล้งแผ้วจนหน้าบวมทั้งแถบ แสบไปทั้งกายเยี่ยงนี้ แผ้วต้องกราบขอให้ท่านหาตัวคนร้ายมาลมหวายให้ได้นะเจ้าคะ”
“มีใครเห็นอ้ายอีคนทำบ้างเล่า”
“คนสั่งบ่าวได้ และไม่ชอบแม่แผ้วก็เห็นมีแต่แม่ช้องเท่านั้น เจ้าค่ะเจ้าคุณพี่”
หลวงไกรเอ่ยขัดไปว่า
“คุณน้ามาเจาะจงเอาเมียฉันเป็นคนร้ายเทียวรึ อย่างนี้แม่ช้องไม่แย่หรือขอรับ”
“คุณไกรไปราชการจะทราบความมีความเป็นไปในเรือนได้เยี่ยงไรเจ้าคะ แม่แผ้วไปขัดใจอันใดแม่ช้องพวกบ่าวคงจะพอรู้กัน เรื่องนี้เห็นจะมีแต่แม่ช้องที่ไม่ต้องการให้แม่แผ้วได้อาศัยใบบุญเจ้าคุณพี่อยู่ที่นี่”
“พวกบ่าวรู้เรื่องอันใด นายจึงไม่รู้เล่าคุณน้า เมียฉันมีเรือนอยู่ แล้วไยต้องไปรังเกียจแม่แผ้วด้วยเล่า”
“แผ้วรักคุณหลวงเจ้าค่ะ” แผ้วโพล่งออกไป หลวงไกรถึงกับสะดุ้ง ท่านเจ้าคุณหันไปทางช้องนางและลูกชาย พลางกล่าวว่า
“แม่ช้องรู้เข้าจึงหวงรึ”
“เจ้าคุณพ่อเจ้าขา หากรู้ว่าแม่แผ้วมีใจให้คุณหลวงอย่างปากที่แม่แผ้วกล่าว ช้องจะ ไม่ทำให้แม่แผ้วต้องมาแก้มช้ำเสียหายลายดังตุ๊กแกดังนี้ดอกเจ้าค่ะ”
“หรือหล่อนจ้องจะฆ่าแกงหลานของฉัน”
“เหตุใดจึงได้ตู่เอาความอิฉันกันเพียงนี้ ใครจะรักใครจะชอบใคร อิฉันไม่เคยได้รู้ แม่แผ้วไม่เคยได้โพนทะนาอย่างวันนี้นี่เจ้าคะ และถ้าอิฉันจะหวงก็คงจะต้องกระโจนเข้าตบตีให้เสียโฉมไปแล้ว แต่นี่กระไรเลย วันทั้งวันแม่แผ้วบอกเองว่าอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ตัวอิฉันเสียอีก ที่อยู่ในไรในสวนกับบ่าวไพร่ หากไม่มีใครมาเป้นพยานสักคน อิฉันก็จะก้มหน้ารับผิดที่ไม่ได้ก่อเจ้าค่ะ”
“อิฉันอยู่กับคุณนายเจ้าค่ะ” พับรีบออกตัว จากนั้นบ่าวจากข้างล่างพากันออกเสียงเป้นพยานกันขรมทีเดียว ส่วนอีกเสียงค่อนข้างดัง คือยายพุ่ม ซึ่งเดินขึ้นบันได้มายืนค้อมตัวตัว ไม่กล้าเข้ามา แต่เสียงดังว่า
“อิฉันอย่ากับคุณนาย รับคำสั่งทำอาหาร พวกไพร่ชายก็ถาสงป่าให้เตียนกันอย่างเห็นเป้นพยานได้ เนื้อตัวคุณนายมีหนามเกี่ยวอยู่สองวันสามวันมาแล้ว เพราะเข้าไปดูของในไร่ในสวน ไม่เคยได้ว่างสักเวลาเจ้าค่ะคุณท่าน”
“นังพุ่มหรือนั่น ปากดีนัก มาข้างในนี้” ท่านเจ้าคุณสั่งเสียงดัง
ยายพุ่มทำท่าจะเดินไม่ไหวขึ้นมาเสียอย่างนั้น บริวารคนสนิทรีบหิ้วร่างอ้วนเข้ามาใกล้เจ้าคุณ ยายพุ่ม ไม่ค่อยได้พบหน้านายทั้งหลาย เห็นแต่ช้องนาง ดังนั้นจึงขอนั่งใกล้ช้องนาง พลางยกมือไหว้เจ้าคุณ พลางเอ่ยว่า
“เป็นความสัจจริงทุกสิ่งอย่างเจ้าค่ะพระคุณท่าน”
“ข้าเป็นเจ้าคุณ ไม่ใช่พระ ไม่ต้องมาไหว้ แล้วก็อย่าลืมฐานะข้าสิวะนังพุ่มข้าเป็นเจ้าพระยา”
“เอ่อพระเดชพระคุณท่านไม่เคยสั่งหอีพุ่มขึ้นเรือนมาแรมปี บ่าวจำประเพณีไม่ใคร่ได้ ขอประทานโทษเถิดเจ้าค่ะ ว่าแต่อิฉันมาเห็นพยานให้คุณนายเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ขนาดวันก่อนวันวาน นังฉิมมือตีนเปื้อน ถือสำรับไปให้คุณนายรอง คุณนายช้องยังดุด่าด้วยว่าสกปรก บัดเดี๋ยวคุณเหมท่านรับประทานจะเสาะท้อง แล้วคนครัวทั้งหมดก็จะพลอยซวย เอ่อ จะพลอยเดือดร้อนไปด้วยเจ้าค่ะ น่าแปลกเหลือใจ เหตุใดคุณนายช้องคนดีจึงมาโดนตู่เอาเยี่ยงนี้ บ่าวเห็นจะยอมเงียบไม่ได้เจ้าค่ะ หากเฆี่ยนตีคนไม่ผิด อีพุ่มนี้จะเอาหลังรับเรียวหวายแทนเองเจ้าค่ะ”
ช้องนางได้แต่พร่ำบ่นในใจขอโทษยายพุ่ม ในความคิดดีของแม่ครัว บ่าวเปล่งเสียงกันเซ็งแซ่เข้าข้างช้องนาง หญิงสาวยิ่งเห็นความผิดของตนเองมากขึ้น แต่หากจะให้ยอมรับว่าเป็นคนวางแผน ให้ตายช้องนางไม่อาจยอมรับได้เลย ข้อนี้เห็นทีความลับจะตายไปพร้อมกับผิวและช้องนางเสียแล้ว
คุณเหมได้แต่คิดแค้น ที่รู้ตัวคนร้ายเต็มที่แต่ไม่อาจเอาผิด นางจึงร้องไห้ กล่าวว่า
“นางบ่าวเห็นแก่กิน เหมือนหมาไม่มีผิด พอคนแปลกหน้าโดยนของให้กิน มึงก็ลืมเจ้านายเสียหมด”
“แม่เหม เหตุใดจึงจะเอาผิดช้องนางให้ได้ มีเรื่องมากกว่านี้อีกรึ คนทั้งเรือนจึงเป็นพยานไม่ได้”
“อิฉันกับหลานอาภัพหนักหนาเสียแล้วเจ้าค่ะ เมื่อนังแผ้วมันอาภัพนักอิฉันจะส่งมันกลับบ้านเจ้าค่ะ”
“คุณป้าเจ้าขา อิฉัน อิฉันไม่อยากกลับเจ้าค่ะ”
“มึงจะอยู่ให้เขาขึ้นมาฆ่าถึงเรือนโดยไม่มีคนเอาความผิดคนร้ายได้รึอีแผ้ว กลับเรือนบัดเดี๋ยวนี้”
คุณเหมออกเสียงอึง ผุดลุกจากที่นั่ง กระชากแขนแผ้วเป็นการประชดเจ้าคุณและประชดชีวิต ที่มีเรื่องคราใด แพ้ครานั้น
เจ้าคุณเทศาเห็นเมียรองขาดสติ ทำกิริยาไม่งามอย่างที่ท่านจงชังจึงได้ปรามด้วยความขัดใจขึ้นมาว่า
“แม่เหม ทำหยาบกระด้างกระเดื่องราวกับว่าไม่เห็นข้านั่งอยู่ตรงนี้ ไม่เห็นแม้แต่คุณหญิงเชียวหรือ หรือคิดจะลงเรือนตามหลานแม่เหมไปด้วย”
คุณเหมแม้อยู่ในช่วงที่ขาดสติ แต่การโดนไล่จากสามีเอาแต่ใจนั้น คุณเหมต้องได้สติคืนแต่โดยดี คุณเหมกระแทกนั่ง ร้องไห้ ก่อนก้มกราบขอโทษเจ้าคุณและคุณหญิง เจ้าคุณสำทับว่า
“การตัดสินคน ต้องหาเหตุ หาพยาน แม่เหมจะเอาแต่คิดเองอย่างนี้เรือนไม่ร้อนเป็นไฟไปหรือ นี่หากแม่แผ้วอยู่ที่นี่แล้วมีเรื่องมากนัก ข้าจะทำขวัญให้ แล้วส่งกลีบบ้านไปเสีย ส่วนแม่เหมนั้นเป้นเมียข้า ข้าไม่ไล่ แต่อย่าได้ทำเสียกิริยาดังเมื่อครู่นี้ จำเอาไว้ เอ้า พวกบ่าว ไม่มีหน้าที่แล้วลงไป พวกมีหน้าที่หาสำรับมา วันนี้แยกสำรับกัน เจ้าไกรไปเรือนพ่อ”
กล่าวจบเจ้าคุณลุกขึ้น คุณหญิงรีบตามไป หลวงไกรจูงเมียตามไป คุณเหมร้องไห้ด้วยความคับแค้นและเสียใจที่ไม่สามารถเอาชนะช้องนางในวันนี้ได้ หนำซ้ำยังทำให้เจ้าคุณอารมณ์เสียอย่างมาก ถึงกีบไล่ไม่ไว้หน้าทั้งหลานทั้งเมีย
คุณส้มลิ้มยิ่งพลอยโดนแยกสำรับ จึงอดเหน็บแนมคุณเหมเสียไม่ได้ว่า
“อิฉันไม่รู้เห็นด้วย ยังต้องมาพลอยฟ้าพลอยฝน ไม่น่าเลยจริงเชียว” กล่าวจบคุณส้มลิ้มเดินหน้าง้ำกลับเรือน
ส่วนท่านเจ้าคุณนั้นมิได้รียกสะใภ้มาเอาใจ แต่ท่านเรียกมาร่วมสำรับเพื่อจับผิด!
ท่านเจ้าคุณ นั่งขัดตะหมาด คุณหญิงพับเพียบ ไกรนั่งถัดมา ช้องนางนั่งห่างกันพอควร ท่านเจ้าคุณนั้นยังติดที่จะเปิบข้าวด้วยมือ ทุกคนจึงทำตาม แม้แต่ไกรก็ต้องเปิบด้วยมือ ช้องนางดูแลเรื่องน้ำล้างมือและผ้าซับ โดยที่ผิวคอยส่งให้อีกทีหนึ่ง
เจ้าคุณจับตามองอีกฝ่าย ยังเห้นว่า มีกิริยาอาการงดงาม ไม่มีเค้าเงื่อนของคนร้าย ดังนั้นจึงได้คลายใจในข้อกล่าวหาของคุณเหม เหมาเอาเป็นว่า ผู้หญิงมักมีเรื่องยุ่งยากเสมอ
ระหว่างนั้นคุณหญิงเอ่ยปากบอกประมุขเรือนออกมาว่า
“แม่น้อยมีใบบอกมาว่าสมเด็จท่านประชวร แม่น้อยไปเข้าเฝ้าแล้วจะออกมาพักที่บ้านสักหลายวันเจ้าค่ะคุณพี่”
“อ้อ มาได้ทุกเมื่อ แม่น้อยก็มาทุกครั้งทั้งเข้าวังและไม่เข้า จัดแจงที่พักให้ดีล่ะ แม่น้อยคงไม่วุ่นวายดอกกระมัง”
“เจ้าค่ะเจ้าคุณพี่”
ช้องนางอดคิดไม่ได้ว่า คุณน้อยคนนี้ต้องมีอะไรติดมาด้วยเป็นแน่ หญิงสาว ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้อย่างมิดเม้น คอยระวังตัวแก้ไขสถานการณ์อย่างคนเฉลียวใจ
ดังนั้น เมื่อไกรชวนช้องนางกลับเรือนของตน ช้องนางซึ่งเดินเคียงข้าง และได้สอบถามอย่างไม่มีพิรุธให้อีกฝ่ายผิดสังเกตว่า
“คุณน้อยคนนี้เป็นใครหรือเจ้าคะคุณหลวง”
“เป็นน้าของฉันเองแม่ช้อง น้าน้อยเป็นน้องสาวคุณแม่ ท่านเคยเป็นข้าหลวงของสมเด็จท่าน แต่ลาออกไปแต่งงาน”
แม่น้ำผึ้ง...ใช่แล้ว คุณน้อยคนนี้คงเป็นแม่ของแม่น้ำผึ้ง หญิงสาวที่คุณหญิงหมายมั่นจะให้เป็นภรรยาหลวงไกรผู้อยู่เคียงข้างเธอ
เตียงของไกรจะไว้รับแม่น้ำผึ้งคนนี้ดอกกระมัง ชายหนุ่มจึงจ้องขับไสช้องนางเสียหนักหนา คิดแล้วช้องนางเจ็บใจจนมองหน้าหลวงไกรไม่สนิท สุดท้ายจึงไม่มองเลยด้วยซ้ำความหวานที่เคยมีก่อนหน้านี้ เหือดหายไปอย่างรวดเร็ว
“เป็นไรไปจึงเงียบไปเสียอีก”
“งานคุณหลวงเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“ติดต่อกับอังกฤษ บางทีฉันอยากทูลให้ท่านเจ้านายติดต่อกับอเมริกันบ้าง ฉันเห็นว่าเขามีดีมากเหมือนกัน”
“เพราะเหตุใดคุณหลวงจึงคิดเช่นนั้นเจ้าคะ”
ไกรหยุดที่หน้าเรือนของตน หันกลับเผชิญหน้าอีกฝ่าย ช้องนางมีดวงหน้างามนักหนาภายใต้แสงสะท้อนจากเรือน
ช้องนางยืนนิ่งค้างแทบลืมหายใจเมื่อเงยขึ้นสานสบแววตาระริกล้อแสงสลัวของไกร ดวงตาที่สื่อความหมายว่ารักอย่างท่วมท้นใจ
ช้องนางเผลอทอดสานสบบ่งบอกความในใจไม่รู้ตัว ไกรเอื้อมแขนมาแตะต้นแขนอีกฝ่าย สองสาวใช้รีบค้อมหลังเดินอ้อมเข้าเรือนไปก่อนนายอย่างรู้ว่าอะไรควรไม่ควร
“แม่ช้องสนใจการเมืองด้วยรึ”
“อิฉันอยากทราบเท่านั้นค่ะ เอ่อ ครูแหม่มมักจะบ่นอิฉันว่าทำไมช่างซักช่างถามเสียจริง”
“แต่ครูฝรั่งก็ชอบไม่ใช่หรือแม่ช้องที่แม่ช้องฉลาด”น้ำเสียงไกรแปร่งหูไปอย่างประหลาด
ช้องนางจับสำเนียงเสียงแปร่งได้ จึงรู้สึกครั่นคร้าม ขวยเขินไปไม่น้อย เธอเบือนหน้าหลบ เลื่อนสายตามองพื้นกระดานแทนหน้าคมคายของไกร
“เอ่ออิฉันยังเขลาอยู่มากนัก คุณหลวงอย่าได้กลั้นใจชมอิฉันเลย”
“ฉันไม่ใช่คนสอพลอ ฉะนั้นเมื่อฉันพูด ฉันจะพูดมาจากหัวใจของฉัน แม่ช้องลองจับดูสิ”ไกรเลื่อนมือไปที่มือเรียวของช้องนาง จับมือนุ่ม มาแตะที่อกข้างซ้ายของตน ซึ่งใจเต้นแรงจนสัมผัสได้
ช้องนางยิ่งอายหนักไปกว่าเก่า หากความอบอุ่นหลั่งไหลจากมือของไกรเข้าสู่เรือนกายของช้องนางจนแทบโผซบอกกว้างแทนการแตะต้องเช่นนี้
หลวงไกรก้มหน้าลงไปใกล้แก้มนวล กระซิบถามเสียงสั่นพร่า
“แม่ช้อง ทำไมแม่ช้องไม่รักฉันล่ะ”
“อิฉัน...”
ไกรรั้งช้องนางเข้ามากอดในอ้อมแขนแนบแน่น ช้องนางดิ้นรนลืมตัว
“เอ่อปล่อยอิฉันเถิดคุณหลวง อิฉัน อิฉันจะไปธุระทางอื่น”
“หล่อนหาเรื่องหนีฉันจนได้นะแม่ช้อง”ไกรตัดพ้อออกมาอย่างเสียใจ ปล่อยอีกฝ่ายให้เดินจากไป
ส่วนชายร่างสูงหมุนกายลงเรือนไปอย่างหมดสิ้นอารมณ์ดีอย่างที่ผ่านไปครู่เดียว
กลิ่นดอกแก้วรวยรินเข้ามากระทบจมูก แทรกซ้อนด้วยกลิ่นมะลิหอม กลิ่นที่อยู่ติดกายของช้องนาง ไกรสูดดมเข้าไปโดยแรง พลางถอนใจออกยาว ราวกับว่าจะถ่ายกลิ่นจรุงใจให้คืนกลับไปที่เจ้าของดังเดิม
‘มีประโยชน์ใดเล่า เมื่อคิดได้แต่ตัวไม่ได้หัวใจ เขาเองรักหล่อน แต่หล่อนไม่รักเขา จะให้บังคับด้วยแรงเขาทำไม่ลงหรอก ที่พูดที่แสดงออกต่อหน้าบิดา มารดาของเขานั้น ช้องนางคงแค่ขอเอาตัวให้รอดจนกว่าจะถึงเวลาดอกกระมัง’
ร่างสูงใช้เวลาอยู่กับตัวเองค่อนข้างนานกว่าจะกลับขึ้นเรือนมาอีกครั้ง เขาเข้าไปในห้องนอนมองพวงมาลัยซึ่งวางไว้ในพาน ไม่เห็นช้องนางกลับเข้ามา ชายหนุ่มมองเลยไปที่ห้องพระ ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ ดังนั้นจึงหยิบพวงมาลัยออกมาจากห้องส่วนตัว
บ่าวผู้ชายคนใช้ประจำตัวไม่อยู่บนเรือน เขาเห็นแต่บ่าวผู้หญิงจากเรือนคุณหญิงใหญ่จึงได้เอ่ยถาม
“คุณช้องอยู่ห้องพระหรือไรพับ”
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าบ่ายไปไหนเสียเล่า”
“คุณช้องไม่ให้บ่าวผู้ชายขึ้นเรือนเจ้าค่ะ เรียกบ่าวให้มาทำหน้าที่แทนเจ้าค่ะ” หางเสียงคนพูดมีความหวั่นเกรงคุณนายไม่น้อยทีเดียว ไกรพยักหน้ารับรู้ เวลาเดียวกันนั้นช้องนางเดินกลับออกมาจากห้องพระ เธอค้อมหลังทำท่าเดินผ่านไกร ชายหนุ่มเบี่ยงกายหลบให้เธอเดินไปแต่โดยดี ช้องนางกลับอดคิดไม่ได้ว่า
ทำไมไกรไม่ฉวยข้อมือเธอไว้ แล้วชวนไปไหว้พระเสียด้วยกันเธอไปขออโหสิกรรมต่อการกระทำที่คิดจองเวร กระทั่งเกิดเรื่องราวอย่างที่ช้องนางไม่อยากคิดถึงอีกเลย ต่อไปเธอจะทำร้ายกาจอย่างนี้ได้อีกหรือเปล่ายังคงต้องคิดอีกนาน เวลานี้เธอเพียงรู้สึกน้อยใจสามี
ชายหนุ่มหลีกเลี่ยงราวกับประชด ช้องนางคิดแล้วจึงประชดเดินกลับเข้าห้องไปทีเดียว!!
เวลาผ่านไปพร้อมกับหญิงสาว ซึ่งมาเพื่อทำลายคนอื่น แต่ตนเองกลับโดนเรื่องร้ายย้อนเข้าตัว บัดนี้เธอต้องกลับเรือนไปอย่างไม่สามารถย้อนกลับมาเอาเรื่องคนมีวาสนาเป็นลูกสะใภ้เจ้าคุณได้อีกเลย!!




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2555, 09:46:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2555, 09:46:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 2110





<< กลั่นแกล้ง   ฤทธิ์ปลาแนม >>
Pampam 24 พ.ค. 2555, 11:00:46 น.
นางแผ้วเจอแล้ว


Zephyr 24 พ.ค. 2555, 19:14:32 น.
โย่ ดีๆ เอาอีกๆๆๆ ไกรกับแม่ช้องจะเข้าใจกันเมื่อไรเนี่ย
มันลุ้นมากเลยค่ะ ที่เดี๋ยวๆจะรู้แล้ว แบบ ฉึ่บ โดนตัด ฮ่าๆๆๆ


องุ่น 27 พ.ค. 2555, 03:43:33 น.
มันมากเจ้าค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account