นิราศรักกรุงสยาม
ศักดิ์ศรีมีไว้ให้คนสรรเสริญมิใช่ทำลาย ความรักมีไว้เพื่อให้ได้รักในกันและกัน ปัญหาเดียวของความรักคือความไม่เข้าใจ

Tags: สู้ ไม่ยอม แพ้

ตอน: เหนือชั้น


ไกรก้มลงฟอนจูบทั่วเกินห้ามใจได้ จมูกโด่งกดลงบนแก้มนุ่มระเรื่องลงเคลีย ใบหน้า ซอกคอ ไหล่หอม เลื่อนใบหน้าขึ้นไปขบริมฝีปากเธอแผ่วๆ และกลายเป็นประทับแนบแน่นในเวลาต่อมา ผ้าแถบเลื่อนออกจากร่างงาม จากการปลดออกแผ่วเบา ผ้าจูงกระเบน และผ้านุ่งของชายหนุ่มตามออกไปเกือบใช้เวลาเดียวกัน สองร่างเปลือยเปล่า แนบชิดสนิทสนม ความอบอุ่นเพิ่มพูน เต็มไปด้วยรสพิศวาสและเสน่หาแห่งอำนาจรักที่ความผูกพัน
ช้องนางเกาะไหล่หนานั้นไว้แน่น เมื่อเรียวปากร้อนของหลวงไกรเลื่อนไล้ลงสู่ซอกคอและทำท่าจะเลยต่ำลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่มือเขาเริ่มโลมไล้หญิงสาวทั่วกาย หญิงสาวสั่นระริกไปทั้งกายราวกับว่าเธอเปียกฝนมานานจนรู้สึกหนาวเหน็บยิ่งนัก
“คุณพี่เจ้าขา”
“จ๋าแม่ช้อง”เขาตอบเสียงปร่า
ทั้งสองผวาเข้าหาราวกับโดนแม่เหล็กมากอานุภาพดึงเข้าหากัน
ใบหน้าคมก้มลงเล็มไล้สองปทุมงามด้วยความเต่งตึงของวัยสาว ช้องนางสะท้านกายยะเยือก เมื่อเขาขบเม้มหนักหน่วงก่อนเอ่ยชมเสียงแตกพร่า
“ทำไมสวยอย่างนี้นะแม่ช้องพี่”
เรียวปากร้อนผ่าวยังคงวนเวียนจูบ ลูบไล้นุ่มนวล หญิงสาวด้วยความรักท่วมใจ
“คุณพี่เจ้าขา”
“อย่าให้พี่ต้องรออีกเลยแม่ช้องจ๋า พี่รอไม่ได้”
อารมณ์หนุ่มร้อนดังไฟที่เติมเชื้อตลอดเวลาจึงที่ไม่มีวันดับได้ง่าย หลวงไกรรุกเร้าร่างขาวโพลน ร่างบางสะท้านระรัวยามถูกสำรวจด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวและนิ้วหยาบที่ไซ้ซอนร่างสาวอ่อนหวาน ช้องนางได้ยินเสียงเขาครางแหบพร่ารัญจวน กว่าจะรู้ตัวร่างสูงที่โน้มแนบสนิท
“ให้พี่นะแม่ช้อง...”ท้ายคำวิงวอนนิดเดียวแล้วจู่โจม
หญิงสาวอุทานแผ่วหวิวเมื่อความเจ็บปวดมาพร้อมกับการเยี่ยมเยือนรุนแรง เสียงครวญของหลวงไกรดังทุกครั้งเมื่อต้องขยับยกเรือนกายสาวเข้าแนบชิด ชายหนุ่มครางแหบพร่า
“อย่าเกร็งสิ เจ็บหรือเปล่า”หลวงไกรลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นเชื่องช้า ถามอีกฝ่าย ชายหนุ่มเปิดริมฝีปากตัวเองออก แล้วจูบปลอบใจแนบประทับลงมาอย่างเร่าร้อนด้วยไฟปรารถนาลุกโพลงเต็มที่ ร่างสาวสั่นระริกจนรับรู้ได้
ปลายลิ้นและริมฝีปากอบอุ่นซุกซน ก่อกวนตามผิวกายซึ่งอุดมด้วยไรขนอ่อน
หญิงสาว สอดมือกดที่ท้ายทอยกดอีกฝ่ายลงมาจูบ เกี่ยวกวัดพันพัวไล่เล่นกันไม่หยุด อยู่ในริมฝีปากหอมหวานของกันและกัน ยิ่งจูบยิ่งเพิ่มความซ่านเสียว ส่งให้มือเรียวใหญ่ บีบเคล้น ความเต่งตรึงคัดได้รูปสวยงามก่อนผละจากริมฝีปาก วนเวียนไปซุกไซร้ไม่เลิก และรักพี่เสียดายน้องวนเวียนอยู่ กระทั่งยกร่างเจ้าสาวขึ้นและกดแนบกับลึกกับตัวเองเข้าไปมาที่สุด
อารมณ์เร่าร้อนรุนแรงมาเยือนอย่างไม่คาดหมายทั้งที่อยากให้นุ่มนวล หลวงไกรต้องหยัดร่างขึ้นหาหญิงสาว ด้วยเกรงเสียเชิงชาย ไปสวรรค์เสียก่อน ดังนั้นการยับยั้งทำให้ต้องฝืนกลืนอารมณ์ร้อนเร่าไว้จนแทบระเบิดออกมา อย่างไรเสียเขาต้องอีกฝ่ายให้ได้ไปถึงที่หมาย เพื่อรักษาหน้าตัวเอง
ชายหนุ่มคำรามลึกอยู่ในลำคอ ร่างสูงใหญ่เกร็งสั่นเทิ้มจนต้องโอบรัดร่างน้อยเข้ามาสวมกอดไว้แนบแน่นราวกับว่าเขาเป็นไม้หลักที่ปักอยู่ในเลนและจวนล้มมิล้มอยู่รอมร่อ หากหญิงสาวทาบร่างแนบสนิทก่ายกอดรัดร่างใหญ่ปลดปล่อยความสุขลึกล้ำไปพร้อมกัน
“ฉันเฝ้าแอบมองหล่อนมานานที่โรงเรียนอยากกอดจนทนไม่ได้ งานกฐินคราวนั้นฉันแทบฉุดแม่ช้องกลับบ้านรู้ไหม แม่ช้องจ๋า ฉันรักหล่อนเหลือเกิน”
งานกฐิน โอ้ที่แท้แล้วคือหลวงไกรคนนี้หรอกรึ ที่จาบจ้วงล่วงเกิน จนทำให้ช้องนางคิดว่าตัวเองเสียน้ำเสียนวลจนไม่อาจจะรักอีกฝ่ายได้เต็มหัวใจ
ชายหนุ่มค่อยลูบไล้ร่างงามอย่างอ่อนโยน ความนุ่มนวลเลื่อนไล้ทั่วกายหญิงสาวจนอีกฝ่ายครางพลิ้วราวละเมอ
“พี่ไกรเจ้าขา เมตตาช้องนางสักนิดเถิดเจ้าค่ะ” หล่อนอ้อนวอนราวจะขาดใจ
“หล่อนที่ต้องเมตตาพี่แม่ช้อง แม่ช้องจ๋า”
อ้อมแขนแข็งแรงกอดรัดร่างอรชรแนบแน่นมิได้ยอมให้หนีห่าง
“ต่อให้เอาชีวิตแลก พี่ไม่ยอมใครอีกแล้ว” เขากระซิบผ่านริมหู
ช้องนางอับอายแทบจะแทรกหนีหาย คงไม่พ้นได้เพราะเขากอดรัดจนแน่น
“แม่เป็นยอดรักของพี่ยิ่งชีวิตแล้วรู้ไหม” พร่ำพรอดคำหวานด้วยความสุขสมใจ
“ลืมคนที่เคยกอดแม่ช้องเสีย จากนี้จงคิดถึงแต่พี่คนเดียว”
ช้องนางเลื่อนกายเข้าไปหนุนอกชายหนุ่ม เอ่ยออกมาว่า
“คนที่เคยกอด ช้องมิได้รู้จักว่าเป็นใคร ช้องจำได้ว่าได้รักเขาแล้วเพียงคนเดียว”
“แม่ช้องอย่าให้พี่รู้สึกโกรธเวลานี้เลยนะ อย่าพูดถึงเขาคนนั้น”
“ชายคนนั้นเป็นคนเดียวที่ได้ถูกเนื้อถือตัว ช้องพบเขาที่งานสมโภชกฐินหลวง เขาจูบช้อง ทำให้ช้องคิดว่าเสียน้ำเสียนวลไปกับเขาแล้ว”
“แม่ช้อง แม่กล่าวจริงรึนี่” ไกรยินดียิ่งนักเมื่อได้ฟังคำสารภาพ ความรู้สึกว่าตนเองเป็นชายที่มีความสุขที่สุดในโลกนี้เสียยิ่งกว่านาทีที่ได้หล่อนเป็นภรรยาหลายเท่า คือการได้ครอบครองหัวใจของหญิงอันเป็นที่รักอย่างแท้จริงเพียงคนเดียว
“ทั้งแม่นมและผิวต่างห้ามมิให้ช้องได้พูดเพราะเกรงจะรั่วไหลออกไป ช้องก็ยังขืนว่า ไม่อยากมีผัวสองgเพราะชายคนนั้นก็ได้ถูกตัวแล้ว ไม่รู้ว่าที่แท้คือคุณหลวง”
“หันมาทางนี้แม่ช้อง” เขาประคองใบหน้างามให้หันมามอง ช้องนางกลั้นใจสานสบตา แววหวานสื่อสารออกมาจนไกรมิอาจจะปล่อยหล่อนให้เป็นอิสระได้
“คนที่จะเป็นผัวเมียกันได้ ใช่เพียงแค่โดนจูบที่ไหน”หลวงไกรกระซิบ ช้องนางทุบอกกว้างเบา เคอะเขินต่อการได้รับรู้ความจริงว่ามีมากกว่ากกอดจูบอย่างที่หลวงไกรกระซิบความนัยน์
“อย่างเมื่อครู่นี้ต่างหาก แม่ช้องจ๋ามีความสุขอย่างฉันมีไหม”
“คุณหลวงกล่าวอันใดออกมาเจ้าคะ จะให้อิฉันอับอายตายคาอกคุณหลวงรึ”
“อายก็หลับตาเสีย”
เสียงช้องนางห้ามดังแผ่วเบา ก่อนค่อยครวญเบาแสนเบาไม่ให้บ่าวไพร่ภายนอกได้เก็บงำไปนินทาว่า คุณนายเพิ่งได้เข้าหอใหม่คืนนี้เป็นคืนแรกนั่นเอง!!
ผิวประคองถาดขันข้าว เดินตามนายทั้งสองซึ่งดูหวานชื่นผิดจากที่เคย รู้อยู่ว่าไกรรักเอ็นดูช้องนาง หากวันนี้สดใสแพรวพราวจนคนรอบข้างก็รู้สึกได้ท่าน้ำนั้นมีน้ำผึ้ง คุณหญิงใหญ่ และคุณน้อยเตรียมรอใส่บาตร
“ดูพ่อไกรอุตส่าห์ตื่นมาใส่บาตรกับน้ำผึ้งหรือลูก” คุณหญิงใหญ่ พาดพิงไปถึงหลานสาวข้ามหัวสะใภ้ไป
น้ำผึ้งฝืนยิ้มอย่างละอาย เพราะรู้เต็มอกว่าเจ้าของไกรแท้จริงเดินตามมาข้างหลังมิได้ห่างสักเท่าใด
คุณหญิงใหญ่ทำตัวเป็นแม่สื่อจะเอาหลานมาเป็นน้อยลูกชายตนให้ได้ จึงได้แยกสะใภ้ออกไปว่า
“แม่ช้องมาตักกับแม่ทางนี้เถอะของตั้งมากมาช่วยแม่ใส่บาตรที”
ช้องนางต้องเว้นให้กับผู้ให้กำเนิดไกร เธอจึงฝืนยิ้มรับคุณหญิงใหญ่ ไกรส่งยิ้มเจื่อนไปให้น้ำผึ้ง
จากนั้นตามไปใกล้ชิดช้องนางทุกก้าว หวานสนิทจนผู้ใหญ่มองออกว่า อาจจะกลัวเมีย หรือข้าวใหม่ปลามัน
หลวงไกรเอ่ยกับมารดาเอาใจท่าน ด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้มอย่างมีความสุขฉายชัด
“กระผมจะช่วยนะขอรับ เกิดชาติหน้าจะได้เป็นลูกชายของคุณแม่อีก พระมาแล้วขอรับ”
ปากพูดแต่มือกุมมือช้องนางหยิบห่ออาหารใส่บาตร ตักข้าวร่วมขันจนหมด ส่วนคุณน้อยรำคาญตากับการกระทำของไกรที่ไม่ไว้กิริยาเอาเสียเลย ทำต่อเห่อเมียไม่เกรงใจผู้ใหญ่ ท่านจึงเบือนหน้าไปค้อนลมค้อนแล้ง ขัดใจ
หลังจากการตักบาตรแล้ว ไกรขอตัวจากมารดาทันทีว่า
“กระผมต้องรีบไปทำงาน ขอตัวคุณแม่ก่อนขอรับ”
“แล้วกับข้าวกับปลาล่ะพ่อไกร”
“แม่ช้องจัดตั้งไว้ที่เรือนแล้วขอรับคุณแม่”
“มีที่ไหนกันมาแยกข้าวแยกปลากินตามลำพัง อย่างนี้จะเรียกครัวไทยได้รึพ่อไกร”
“กระผมจะสอนภาษาเพิ่มเติมให้แม่ช้อง หากที่นี่เกรงจะไม่สะดวกหูคุณแม่ จะรำคาญเสียเปล่า”
“อ้อ นี่เรื่องในหอห้องก็ต้องแปลงเป็นภาษาต่างชาติด้วยสินะ อีกหน่อยลิ้นคงอ่อนไม่ต้องใช้มีดมาถากเหมือนนกแก้วนกขุนทองที่อยากให้พูดเป็นละ”
“เจ้าคุณพ่อท่านแนะนำมาขอรับ”
ไกรอ้างเอ่ยถึงคนที่คุณหญิงไม่กล้าแตะต้อง ดังนั้นท่านจึงมองค้อนไม่กระแนะกระแหนออกมาอีก จากนั้นสองสามีภรรยาแยกตัวไปทันที
คุณหญิงใหญ่ส่ายหน้าไปมา หลังจากลูกชายและลูกสะใภ้พากันไปจนลับตาแล้ว ท่านรู้สึกหมดหวังที่จะยกหลานใส่พานไปให้ลูกชาย จึงกล่าวเนือยๆ
“เมียพ่อไกร เมื่อคืนคงกำหลาบกันมาแล้ว หล่อนคงร้ายเกินแทรกเสียแล้วล่ะแม่น้อย”
คุณน้อยค้อนเคืองหลานชาย ที่เจ้าชู้ไม่ได้สักครึ่งของเจ้าคุณผู้เป็นบิดา
ฝ่ายน้ำผึ้งก้มหน้าด้วยความอดสู เธอมาเพื่อแย่งไกรมาจากภรรยาของเขา แต่ดูแล้วไกรไม่เคยมีสายตามองเธอไปอย่างฐานะอื่นเลียสักนิดเดียว
ความอายทำให้หญิงสาวร่างอวบอิ่มละอายใจตัวเองไม่น้อย นึกตัดพ้อตนเอง
เออหนอชาตินี้หล่อนจะหาคนอื่นมาเป็นผัวไม่ได้แล้วหรือ จึงตั้งหน้าตั้งตาจะเป็นเมียหลวงไกรให้จงได้ ผู้ชายเขาทั้งหลีกทั้งหนีแสดงออกชัดเจนเพียงนี้แล้วน่าจะรู้สึกตัวได้เสียที!
ที่ห้องหอหนุ่มสาวผู้ผ่านการร่วมชีวิตอย่างแท้จริงไปเมื่อราตรีที่ผ่านมา
ช้องนางติดกระดุมเสื้อให้สามีอย่างช่างปรนนิบัติ
“ไม่นุ่งจูงหรือเจ้าคะ”
“ไม่ดอกแม่ช้อง กางเกงจะคล่องตัวกว่า ผ้าจูงไว้แต่งในวาระสำคัญ” เขาจูบแก้มนุ่มเนียน วอนเว้าเสียงหวาน
“แม่ช้องจ๋า
“อุ๊ย อย่า”
“ฝรั่งเขาทำอย่างนี้กับเมียรู้ไหม”
“อิฉันอายค่ะคุณหลวง ใครจะว่าประเจิดประเจ้อเพียงนี้”
“เรียกพี่ไกรสิจ๊ะแม่ช้อง พี่อยากให้หล่อนเรียก”
“ไปเถิดกับข้าวเย็นเสียหมดแล้ว คุณพี่สั่งรถมารับแต่เช้ามิใช่รึ”
“พี่ต้องตามเสด็จไปดูงานกลับมืดค่ำเพียงใดยังไม่แจ้ง แม่ช้องคอยพี่นะ”
หล่อนทำบึ้งตึงก่อนกระทบว่า
“ฟังคุณพี่ว่า ไม่คอยคุณพี่แล้วจะให้ช้องไปคอยใครที่ไหน คุณพี่ไถลออกนอกทางจนกลับสว่างช้องก็ต้องรอ”
“เกรงว่าหล่อนจะคิดถึงแต่ชายในงานวันกฐินหลวงนะสิแม่ช้อง เป็นเช่นนั้นพี่คงอดของคาวของหวานทีเดียว”
“ฟังว่า อยากหยิกคุณพี่นักเชียว”กล่าวพลางช้องนางหยิกหลังมือสามี เขาพานใช้อีกมือกุมทับ ยกขึ้นมาจูบอย่างชื่นใจ กล่าวอ่อนโยนยิ่งนักว่า
“พี่ภูมิใจที่ได้หล่อนมาเป็นคู่ชีวิตรู้ไหมแม่ช้อง”
“อย่าหวานอยู่เลยไปทานข้าวเถิดเจ้าค่ะ”
“พี่อธิษฐานเมื่อใส่บาตร ขอมีลูกกับหล่อนเจ็ดคน” ช้องนางทุบตีด้วยเก้อเขินกับคำนั้น
เพราะหญิงสาวเริ่มรู้ความหมายแล้วว่า ต้องตั้งหน้าตั้งตาใช้เวลานานเพียงใดจะได้ลูกมากอย่างที่ไกรต้องการ
สองสามีภรรยาเดินเคียงกันลงไปข้างล่าง รถลากมารอรับหลวงไกรแล้ว หลาวงไกรเอื้อมมือจะแตะนวลแก้มภรรยา หมายใจว่าจะหอมเล่นอีกสักฟอด แต่ช้องนางก้มหน้าเบือนหนี ถอยหลังออกมาห่างอย่างรู้เท่าทัน
“พี่ไปก่อนนะแม่ช้อง”หลวงไกรลาเมีย ดวงตาพราวพรายหวานระยับ
ช้องนางแม้ปีติยินดีมาก หากความเขินอายมีมากกว่าจึงได้แต่ยกมือไหว้ลาสามีไปอย่างแกนๆ
คุณน้อยให้นางลิ้มมาลอบมองปฏิกิริยาสองสามีภรรยา ข้าวใหม่ปลามันของทั้งสองคน นางลิ้มเห็นความหวานชื่น เกินหน้าเกินตาของหนุ่มสาวสมัยนั้นจะกระทำต่อกันในที่เปิดเผย นางจึงได้เก็บงำมาฟ้องคุณน้อยทุกฉากตอน
น้ำผึ้งนั่งเจียนหมากพลูให้คุณน้อย อยู่ใกล้ๆ ตะแคงหูฟังความของนางฉิมซึ่งเข้ามารายงานด้วยท่าทีที่น้ำผึ้งเห็นว่าเหมือนนางฉิมกำลังแสดงละครนอกให้ดู
“คุณท่านเจ้าขา อิฉันพูดไปอย่างที่ได้เห็นยังไม่ทราบว่าจะบัดสีบัดเถลิงปากไปหรือเปล่านะเจ้าคะ”
“ไปเห็นอะไรสับปะดี้ สีสัปดนเข้าล่ะ”คุณน้อยประชดบ่าว
“เห็นสิเจ้าคะ เห็นทีเดียวเต็มสองลูกตานี่เลยเจ้าค่ะ” นังฉิมแหกตาให้ดู
“นางคนนี้อย่าหมื่นทะลึ่งไปนัก หลานข้าเป็นผู้ดีจะมาปล้ำคนให้ดูกลางแจ้งได้อย่างไร มึงเห็นจะกล่าวต้นเอาปลายไม่ได้เสียแล้ว”
“จริงนะเจ้าคะ”
“จริงที่หลานกูปล้ำเมียให้มึงดูเทียวรึ”
“เอ่อแค่จูบฟอดๆ อิฉันก็ขนลุกขนชันอย่างเห็นเทวดามาอุ้มสมแล้วเจ้าค่ะ อิฉันเห็นคุณหลวงเธอจูบคุณช้องตั้งแต่บนเรือนไปยังตีนบันได้ เรื่อยไปจนขึ้นรถยังจะกอดคุณช้องอีกนะเจ้าคะ”
“นังคนนั้นมันก็ยอมด้วยรึ”
“แหมคุณท่าน อิฉันล่ะเห็นคุณช้องผิดผู้ดีไปเทียวเจ้าค่ะ ผัวหอมซ้าย คุณช้องทำบัดสี มีหน้าเอียงแก้มขวาให้อีก”ข้อนี้นังฉิมเสริมแต่งเข้าไปตามประสาคนที่พูด หาเรื่องใส่ไคล้คนได้
“เจ้าชู้อย่างนี้ไม่นานคงเบื่อหน่ายล่ะ อือ ข้าจะไปหาคุณพี่ เพราะข้าจะอยู่ที่ต่ออีกสักเดือน”
“ส่งลูกกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะคุณแม่”
“เอ๊ะแม่น้ำผึ้ง จู่ๆจะมาถอยอย่างไรกัน ตัวมาก่อน เป็นสาวนานจนเกือบเครื้อ(สาวแก่)เข้านี่แล้วพ่อไกรต้องรับผิดชอบสิ”
“คุณแม่”
“เป็นพนักงานของแม่กับนังฉิมและคุณพี่จะหาทางรวบรัดเสียให้พ่อไกรดิ้นไม่หลุดเทียว”
น้ำผึ้งกัดริมฝีปากข่มความรู้สึกที่ประทุขึ้นภายใน จนความอ่อนแอกลายเป็นน้ำตารินร่วงไม่ขาดสาย สะอื้นพลางเอ่ยกับมารดาว่า
“ถึงลูกจะอายุมากเกินสาวแล้ว แต่ลูกไม่อยากได้ชื่อว่าสิ้นไร้ไม้ตอกจนหาผัวไม่ได้ ต้องมาเที่ยวแย่งคนอื่น ถึงในห้องหอของผัวเมียเขา ถ้าคุณแม่อยากอยู่ต่อก็อยู่เถิด แต่ลูกไม่อยู่ให้อายหน้าแม่ช้องดอกเจ้าค่ะ”
“ไปอายมันทำไม นังเด็กเมื่อวานซืนคนนั้น มันจะมีอะไรดีสักแค่ไหน”
“คุณแม่ไม่ทราบดอกว่าปากของแม่ช้องนั้นคมเหมือนมีดกรีดใจลูกเพียงใด ถึงเป็นน้อยได้ แต่ลูกคงหาความสุขไม่ได้ดอกเจ้าค่ะ ลูกขอกลับเรือนดีกว่าเจ้าค่ะ”
“แม่ไม่ให้กลับ แม่น้ำผึ้ง”คุณน้อยเอ่ยเป็นคำขาด
“ผู้ชายในสยามจะมีดีสักกี่คนกัน ไอ้ที่ว่าหา หาง่ายแค่ไหนเชียว เจ้าพระยา เจ้าคุณ ล้วนมีเมียไม่ต่ำกว่าสิบ แต่เจ้าคุณพี่สามี ป้าของหล่อนมีเพียงสามคนเท่านั้น อย่างนี้พ่อไกรคงไม่มากเมียไปเหมือนคนอื่นภายหน้าคงมีแต่หล่อนและ เอ่อ ไม่แน่ดอกว่า แม่ช้องอาจจะโดนส่งกลับบ้านเสียก็เป็นได้”
น้ำผึ้งไม่อาจเถียงมารดาให้เป็นผลได้ เธอร้องไห้ด้วยความอดสูใจ แม้ตนเองได้คิดไม่อยากแย่งสามีของใคร แต่มารดาบังเกิดเกล้า คิดการไว้ให้อย่างเต็มที่ จะขัดขืนไปเธอไม่เคยทำได้ ดังนั้นจึงอึดอัดคับแน่นในอกแทบระเบิดออกมาด้วยความละอายใจ




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2555, 09:49:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2555, 09:49:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 3084





<< ฤทธิ์ปลาแนม   ตอนพิเศษ >>
zilvermoon 24 พ.ค. 2555, 11:20:48 น.
คุณแม่พูดก็ถูกนะคะ ว่าน้ำผึ้งมาก่อน อุตส่าห์มาก่อนมาอยู่เสนอตัวที่เรือนเขาเป็นนานลากผ่านมาเป็นสาวเทื้อในวันนี้ก็หลายปีอยู่นะคะ ถ้าผู้ชายเขาสนใจคงได้ออกเรือนไปนานล่ะค่ะ ไม่ต้องวิ่งแร่มาเสนอตัวบ่อยๆ คิดหน่อยค่ะ


Pampam 24 พ.ค. 2555, 11:29:41 น.
น้ำผึ้งยังรู้สึกละอายใจแต่แม่กลับไม่รู้สึกเอาเสียเล้ย


คิมหันตุ์ 24 พ.ค. 2555, 12:12:49 น.
สงสารน้ำผึ้ง นายฝรั่งสักคนไหม แม่น้ำผึ้ง อิอิ


Zephyr 24 พ.ค. 2555, 19:33:55 น.
สงสารน้ำผึ้งเหมือนกันนะ น้ำผึ้งหาเองเลยสิคะ


องุ่น 27 พ.ค. 2555, 03:55:45 น.
ถูกใจตอนนี้ที่สุดดด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account