ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์

ตอน: 17."ก็คะน้ากับหนูนาไง เข้ากันออก นะนะ"

ม่านพรหม

17.

หลังจากนำเช็คไปขึ้นเงินเมขลาก็โทรศัพท์กลับไปหาแม่ที่อยู่นครสวรรค์ ..

“แม่..หอฉัน ที่จะสร้างกัน ตกลงได้ทำหรือยัง”

“ยังเลยหนูนา กรรมการว่ายังขาดเงินอีกเยอะ..เป็นแสนสองแสน”

“หนูนาจะทอดผ้าป่าไปสมทบนะ เบื้องต้นได้หนึ่งแสนแน่นอน”

“ไปเอามาจากไหน”

เมขลาเล่าเรื่องเจ้านายให้ดูดวงแล้วสมนาคุณด้วยเงินจำนวนนั้น ..ส่วนเรื่องลึกซึ้งที่ตัวเองได้รับรู้มาจากรัตนาเมขลานั้นเมขลาปิดปากสนิท.. แต่เมขลาบอกเล่าให้วิจิตรศราได้รับรู้ ซึ่งเจ้าหล่อนก็ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่พี่ศุภนิมิตรบอกรักเสียอีก โดยงานนี้วิจิตรศราก็เห็นด้วยกับเมขลาที่จะเอาเงินไปสร้างวัด พร้อมกันนั้นวิจิตรศราก็จะช่วยโทรศัพท์แจ้งคนที่เคยมาดูดวงกับเมขลาให้มาร่วมบุญในครั้งนี้ด้วยกัน..

นอกจากนั้นแผนการณ์ที่จะเลิกดูดวงของเมขลาก็เป็นอันล้มเลิกไป เพียงแต่ว่า ครั้งนี้วิจิตรศราจะต้องถามโดยละเอียดว่า ต้องการดูเรื่องอะไร หากเป็นเรื่องที่ไม่ควรดู วิจิตรศราจะต้องปัดออกไป..ซึ่งการช่วยเหลือของวิจิตรศรานี้เมขลาก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมวิจิตรศราถึงได้ยินดี พอใจที่จะเกื้อกูลตนยิ่งนัก? แต่ว่าเมขลาก็ไม่มีช่องทางที่จะถามรัตนาเมขลา ก็ได้แต่คาดเดาว่า ในอดีตชาติวิจิตรศราก็อาจเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนนางฟ้ามาด้วยกันก็ได้ ชาตินี้วิจิตรศราถึงได้ตั้งชื่อร้านว่านางฟ้าคาเฟ่..

หลังจากที่แม่ทราบที่มาของเงิน แม่ก็อดถามไม่ได้

“เงินนั้น เขาก็เต็มใจให้ ไม่คิดจะเก็บไว้ใช้บ้างเหรอ”

“หนูนามีงานทำนี่คะแม่ ไม่ได้เดือนร้อนอะไร ที่อยู่ที่กินก็สะดวกสบาย เงินเดือนก็ได้เกื้อกูลแม่กับพ่ออยู่แล้ว..ค่อย ๆ สร้างเนื้อสร้างตัวไปค่ะ แล้วผลบุญนี้อาจจะทำให้หนูนามีช่องทางหาเงินเพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้ค่ะ”

นอกจากสารทุกข์สุกดิบแล้ว แม่ก็ยังถามถึงเรื่องสำคัญ..

“มีใครเข้ามาจีบบ้างไหม”

ตอนแรกเมขลากะจะบอกปัดไปว่า “ไม่มี” แต่เมื่อนึกถึง ‘ศีล 5’ ที่ตัวเองต้องรักษาให้เป็นอย่างดี เมขลาจำต้องพูดอ่อย ๆ ไปว่า “ก็มีบ้าง”

“เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว ถ้าจะมีแฟนแม่ก็ไม่ว่า แต่ดูให้ดีแล้วกัน ไม่ต้องรีบ แม่เองไม่ได้คาดหวังว่าลูกเขยของแม่จะต้องเป็นคนมีอะไรเยอะแยะ ขอให้เขามีงานมีการทำ รักลูกจริง ๆ เท่านั้นก็พอ”

วางสายจากแม่แล้ว..เมขลาที่มัววุ่นวายตื่นเต้นกับเรื่องที่ได้รู้มาจากรัตนาเมขลา จัดวางระบบชีวิตใหม่ ก็ผ่อนลมหายใจเบา ๆ

หลายวันแล้วที่กฤษณะเงียบหายไป ถ้าแม่ไม่ถามถึงเรื่องคนมาจีบ เธอก็คงจะลืมเขาไปได้อีกนิด แต่พอแม่มาสะกิด อารมณ์คิดถึงเขาก็แล่นปราดเข้ามาจับหัวใจของเมขลาอีก..

เขาคงจะถอยเพราะคิดว่าเธอนั้น จะต้องลงเอยกับพี่นรบดี หรือว่าเขาถอยเพราะว่าเสร็จยายเด็กหน้าอกใหญ่ไปแล้ว..


“ช่วงนี้พี่รู้สึกว่าเมเงียบ ๆ ไป” นรบดีเอ่ยปากถามหลังจากที่เมขลาขึ้นมานั่งและรถวิ่งออกจากจุดรับเมขลามาได้สักระยะหนึ่ง

“มีอะไรไม่สบายใจเล่าให้พี่ฟังบ้างได้นะ”

“กังวลเรื่องเงินทำบุญนิดหน่อยค่ะ อยากให้ได้สักสองแสนห้า ตามที่ทายกวัดบอกมา หอฉันจะได้เสร็จไปซะทีเดียว” การรักษาศีลข้อมุสานี่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน แต่ว่าครั้งนี้เธอไม่ได้พูดปดเพียงแต่เลือกเรื่องที่ควรจะพูดเท่านั้นเอง..

“พี่ก็ช่วย ๆ วิ่งเต้นอยู่” วิ่งเต้นก็คือ ในฐานะที่เป็นกรรมการผ้าป่าในครั้งนี้ เขาจึงต้องเอาซองผ้าป่าไปช่วยแจกในที่ทำงานกับแจกกลุ่มเพื่อน ๆ ด้วย และการที่เขาทำแบบนี้เมขลาก็รู้ว่า มันมีเรื่องของความเสน่หาปนอยู่ด้วย..แต่เมขลาก็พยายามจะคุยกับเขาอย่างน้องสาวพี่ชายเช่นเดิม

“ขอบคุณค่ะ วิก็ว่าไม่ต้องเป็นกังวลหรอก ยอดแค่นั้นได้แน่นอน” ได้แน่ ๆ เพราะวิจิตรศรานั้นมีวิธีพูดเพื่อให้คนที่เมขลาเคยช่วยเหลือได้ตระหนักว่า ถ้าเมขลาไม่ทำบุญ ญาณทัศนะของเมขลาก็จะไม่แม่นยำ และเมื่อไม่แม่นยำ มีเรื่องต้องให้เมขลาช่วยเหลือในครั้งต่อ ๆ ไป ถ้าเมขลาทำนายไม่ได้ ทุกคนก็จะต้องอยู่อย่างคลำทางกันเองต่อไป

เมื่อคนที่ได้ฟังตระหนักกันแล้ว ยอดเงินที่จะควักทำบุญจึงเพิ่มปริมาณโดยอัตโนมัติ แต่ถึงกระนั้นวิจิตรศราก็ไม่ได้บอกยอดที่แท้จริงให้เมขลาได้รับรู้ เพราะต้องการให้เวลาที่ยังพอมีอยู่นี้ เมขลาทำหน้าที่ดูดวงให้มากที่สุด เพราะบางเรื่องที่คนมาดูได้ผลประโยชน์ที่คุ้มค่ากับการเสียรอคอย การสมนาคุณหมอเมขลาจึงเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน แต่วิจิตรศราก็ยืนยันกับคนที่ร่วมบริจาคในครั้งนี้ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์นั้นเข้าวัดทั้งหมด..

งานนี้เมขลาเป็นประธาน วิจิตรศราเป็นเหรัญญิก..เมขลาเองก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยว่า ทำไมทั้งที่วิจิตรศรามีพาวเวอร์พาจะอยู่ข้างหน้า แต่วิจิตรศรากลับเลือกที่จะเดินตาม..บางครั้งเมขลาก็อดครุ่นคิดไม่ได้ว่า หรือในอดีตชาติวิจิตรศราเคยเป็นคนคอยดูแลช่วยเหลือเธอ..และพอใจคิดไปเตลิดไปอย่างฟุ้งซ่านเมขลาก็ได้สติว่า

การที่ไปติดอยู่กับอดีตอย่างชาติที่แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องดี การรู้การเห็นเรื่องในอนาคตก่อนที่เรื่องจะเกิดมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน คนควรอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับสติอย่างคำพระท่านว่าจริง ๆ

“วิเขาเก่งนะ สามารถจัดการบริหารงานที่ผ่านมือเขาได้หมดจริง ๆ ศุภนิมิตรถือว่าโชคดีมาก”

“เจอคนเก่งคนมีความสามารถ ใช้คำว่าโชคดีหรือคะ”

“แล้วพี่ควรใช้คำว่าอะไร”

“ก็พี่ศุภนิมิตเขาก็เป็นคนเก่ง และเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่งเหมือนกัน..เก่งขนาดคิดสูตรโทนเนอร์ สูตรสบู่ให้วิจัดการขายได้นี่ก็ไม่ธรรมดา”

“คนไม่ธรรมดาสองคนมาเจอกันจะเรียกว่าอะไร”

“เรียกว่า คู่สร้างคู่สมค่ะ”

“พี่จะมีโอกาสได้เจอกับเขาบ้างไหมนะ..”

พอนรบดีถามอย่างที่ไม่เคยถามมาก่อน..จิตของเมขลาก็ตกภวังค์ ตาคู่สวยที่เปิดกว้างมองทางอยู่เมื่อครู่ปิดลง..แล้วภาพของนรบดีที่อยู่ในชุดวันวิวาห์ก็ผุดขึ้นมา..และเมื่อเห็นหน้าเจ้าสาวเมขลาก็สะดุ้งเฮือก..จังหวะนั้นนรบดีหันมาเห็นพอดี

“เป็นอะไรหรือเม”

เมขลาเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย เป็นครั้งแรกที่รัตนาเมขลาเผยนิมิตรให้เธอรู้โดยที่เธอยังไม่ได้ไปแตะต้องตัวของฝ่ายที่อยากรู้เรื่อง..นี่เธอสามารถล่วงรู้อนาคตของคนอื่น เพียงอีกฝ่ายเผยวาจาแม้เพียงล้อเล่นอย่างนั้นหรือ..วิจิตรศรายกฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเองมาลูบแก้มนุ่ม ๆ ของตัวเอง..พยายามระงับหัวใจให้เต้นเป็น
จังหวะตามเดิม

“เมเห็นอะไรบางอย่างค่ะพี่..ทั้งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น..แต่พี่เป็นคนพูดเพื่อให้เมเห็น”

“เห็นอะไร..”

“ผู้หญิงที่พี่จะต้องแต่งงานด้วยในอนาคต..” พอเมขลาพูดจบ รถที่แล่นไปบนถนนวิภาวดีอย่างราบเรียบก็เกิดสะดุด ๆ แต่ว่าเครื่องยนต์ก็เดินต่อไปได้เหมือนเดิมและพอเมขลาเอ่ยปากโดยที่เขาไม่ได้ร้องถาม เท้าที่เหยียบเร่งน้ำมันก็แทบจะหมดแรง
“ไม่ใช่เมหรอกค่ะ..แต่เมก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครและชื่ออะไร..แต่ก็สวยอยู่ไม่น้อย..”
ช่วงหลัง ๆ มานี้ ข่าวความแม่นยำในการทำนายทายทักของเมขลาดังไปทั่วตึก พอเมขลาเอ่ยออกมาอย่างนี้ นรบดีจำต้องยอมรับความจริงทั้งที่เขาไม่เคยคิดจะให้เมขลาทำนายทายทักเรื่องพวกนี้ แต่ว่าเมื่อเมขลาหลุดปากออกมาแล้ว เขาก็คงจะ
ฝืนลิขิตจากเบื้องบนที่คอยช่วยเหลือเมขลาไม่ได้..

ดังนั้นระหว่างเดินทางไปถึงที่ทำงาน เขาจึงรู้สึกเบาใจขึ้นมาอย่างประหลาด ด้วยก่อนหน้านั้น เขาปรารถนาในตัวเมขลา คิดจะครอบครองเพราะต้องชะตา โดยรู้ทั้งรู้ว่าเมขลาไม่มีใจให้ เขาคิดว่า การค่อย ๆ รดน้ำพรวนดินหมั่นคอยดูแลเอาใจใส่ จะทำให้ต้นรักนั้นงอกเงยขึ้นมาได้ แต่ว่าเขาก็ฝืนอำนาจของพระพรหมไม่ได้ คนไม่ใช่เนื้อคู่กันก็ต้องมีเหตุให้ต้องจากกัน..คนเป็นเนื้อคู่กันก็ต้องมีเหตุให้มาเจอกัน ดังนั้น แต่โบราณนานมา จึงได้บัญญัติคำว่า ‘บุพเพสันนิวาส’

“ต่อไปพี่ไม่ต้องมารับมาส่งเมอีกแล้วนะคะ” เมื่อรู้เรื่องในกาลข้างหน้าแล้ว เมขลาก็มั่นใจว่า ยางเหนียว ๆ ที่เขาพยายามรั้งเธอไว้จะต้องหลุดอย่างแน่นอน เมขลาจึงตัดสินใจไม่อ้อมค้อม..

“ทำไมละเม”

“เมว่า เมไป กลับ อย่างเดิมน่ะดีอยู่แล้วค่ะ พี่เองก็จะได้มีโอกาสแวะรับคนอื่น”

“แต่พี่ยังไม่เจอ”

“เดี๋ยวก็คงเจอค่ะ และถ้าอยากรู้ว่าจะได้เจอกันเมื่อไหร่ พี่ส่งมือมาให้เมดูได้เลยค่ะ”

“พี่ขับรถอยู่..”

“ติดไฟแดงตั้งเก้าสิบวินาทีค่ะ ยื่นมือมา”

คราวนี้นรบดีส่งมือซ้ายไปให้เมขลา และเมขลาเองก็ไม่เกี่ยงแล้วว่าจะเป็นมือข้างไหน..ด้วยเมื่อรัตนาเมขลาอยากจะให้เธอบอกความจริงแก่เขา แม้ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเขา เธอก็จะสามารถรู้และพูดออกไปจนได้..แต่การส่งมือมาให้นั้นก็เท่ากับเป็นการอนุญาตนั่นเอง

หลังจากสัมผัสมือของนรบดีเพียงสิบวินาที เมขลาก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม..

“เนื้อคู่พี่มาช้าหน่อยค่ะ แต่ว่ามาแน่นอน”

“ถึงสิบปีไหม”

“ประมาณสี่ห้าปี..เอ ว่าไปแล้วช่วงเวลานี้ เมขึ้นรถพี่ไปกลับฟรีเหมือนเดิมก็ยังได้อยู่นะคะ”

“พี่ก็ยังยินดี..ยินดีรับใช้เม”

“โห..อย่าพูดแบบนี้”

“พี่รู้สึกเหมือนมีแสงสว่างออกมาจากตัวเม โดยเฉพาะเวลาที่เมใส่เสื้อสีขาวหรือแต่งชุดขาว” วันที่ไปสามชุกกับเขา เธอสวมเสื้อสีขาวกางเกงขาสามส่วนสีขาวทั้งที่วิจิตรศราบอกกับเธอว่าไปเที่ยวตลาดโบราณกับบ้านเขานะไม่ได้ไปวัด แต่เธอก็ฝืนความคิดเห็นของวิจิตรศราจนได้

“ต่อไปเมจะดังเป็นอย่างมาก..แล้วเมก็จะต้องมีคนคอยดูแล วิคนเดียวคงไม่พอ..มีอะไรให้พี่ช่วยพี่ยินดีนะ”

“ขอบคุณค่ะ”

“พี่เคยได้ยินมาว่า คนที่ติดต่อกับเบื้องบนได้จะไม่สามารถแต่งงานได้..เรื่องจริงใช่ไหม”

“ของเมแต่งงานได้ค่ะ..แต่ว่าถ้าแต่งแล้ว เมก็ช่วยเหลือใครอีกไม่ได้”

“ทำไมเป็นอย่างนั้น”

“เมขอไม่ตอบนะคะ”

“แบบนี้ใครมารักเม ชอบเม จีบเม ก็ต้องกินแห้วสุพรรณบุรี กลับกันไปทุกคน”
พอนรบดีเอ่ยมาแบบนี้..ความรู้สึกหดหู่เข้ามาเยือนจิตใจของเมขลาจนกระทั่งรู้สึกโหวงเหวงในหัวอก..เธอก็มีเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง มีชีวิตจิตใจ รู้ร้อน รู้หนาว รู้ว่าความรัก ความใคร่เป็นเช่นไร แต่ว่าความรู้สึกอันเป็นปุถุชนของเธอกำลังถูกบังคับให้เธอต้องเลือก เลือกระหว่างการเป็นคนธรรมดากับเป็นคนกึ่ง ๆ นางฟ้า..ซึ่งในเวลานี้เธอก็ยังตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตไม่ได้..เพราะตัวแปรตัวช่วยในการตัดสินใจคือผู้ชายคนหนึ่งนั้น เธอยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน และมีตัวตนบนโลกใบนี้หรือไม่..แต่ว่าหัวใจของเธอในยามนี้ มีชื่อมีตัวตนของเขาอยู่เต็มไปหมด.. ‘กฤษณะ สิริสุข’



“ไปทำงาน กลับบ้าน ไปทำงาน กลับบ้าน ชีวิตมึงไม่น่าเป็นแบบนี้ไปได้”

“เป็นแบบนี้แล้วมึงจะทำไม” กฤษณะที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงย้อนถามแขกที่เพิ่งมาถึงแล้วนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง ซึ่งเพื่อน ๆ ก็คุ้นเคยกับความห่ามของเขาเป็นอย่างดี

“ไม่มีอะไรหรอก..กูก็แค่อยากดูหนังโป๊ในห้องมึงบ้างก็เท่านั้น”

“งั้นกูให้เวลามึงครึ่งชั่วโมง กูจะไปหาข้าวกิน มึงโอเคไหม”

“หนังสักเรื่องเลยได้ไหม..กูอยากดูสารคดีกำเนิดชีวิตสัตว์โลกไปเรื่อย ๆ”

“มึงช่วยกูเท่าไหร่ละ”

“ร้อยหนึ่ง”

“ค่าสบู่มึงยังไม่ได้ให้กูเลยนะ..แต่หน้ามึงดีขึ้นจริง ๆ ว่ะไอ้หน่อง สิวหายไปเยอะเลย..ของเขาดี จริง ๆ นะ นี่ถ้าใครถาม มึงก็ช่วยเชียร์สบู่กูหน่อยนะโว้ย..” พอกฤษณะที่ลุกขึ้นมานั่งบอกอย่างนั้นหน่องที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็คลำหน้าตัวเอง ก่อนที่จะลุกไปที่หน้ากระจกอีกรอบ วันนี้ เขาเห็นว่าจอยอยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปซ่าที่ไหน เขาอยากจะชวนจอยไปที่ห้อง จอยก็บอกว่าไม่ชอบไปป้วนเปี้ยนที่ตึกอีกหลัง และไม่อยากให้คนอื่น ๆ ได้เห็นว่าเธอขึ้นไปหาเขา เพราะถ้าต้องการมีอะไรกันอีก ก็ต้องเป็นห้องของกฤษณะเท่านั้น และด้วยเห็นว่าถ้ากฤษณะมีเงินในส่วนที่เขาติดหนี้อยู่ด้วย กฤษณะอาจจะเดินเล่นซื้อของใช้เวลานานกว่าเดิม.. หลังจากหน่องส่องกระจกดูการเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าตัวเองแล้วรู้สึกพึงพอใจ เขาจึงควักแบงก์ห้าร้อยให้กฤษณะไปหนึ่งใบ



พอเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าแล้วอารมณ์คิดถึงเมขลาก็แล่นเข้ามา...และห้างนี้ ในโรงหนังเมื่อวันนั้น เขาได้พบเมขลาเป็นครั้งที่สองทะเลาะกันใหญ่โตยิ่งกว่าครั้งแรกเสียอีก แว่บนั้นกฤษณะนึกถึงคำพูดของอาวุธขึ้นมา

“มึงกับเขานี่ต้องเนื้อคู่กันแน่ ๆ ต่างที่ต่างเวลากันยังเวียนมาเจอกันได้อีก บุพเพสันนิวาสชัวร์ คิดดูนะมึง วันเดียวสองรอบไปแล้ว แล้วก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วย..แบบนี้ชัวร์..เนื้อคู่ ๆ ตามจีบเลย”

พอเขาได้เจอเมขลาเป็นครั้งที่สามภายในวันนั้น เขาจึงตามจีบ จีบในแบบของเขา และเขาก็มั่นใจว่า เขาจีบเมขลาติด เขาอ่านสายตาของหญิงสาวออก และช่วงที่เขาหายไปหลาย ๆ วันนี้ เมขลาจะต้องคิดถึงเขาเป็นอย่างมาก คิดถึงจนกระทั่งรู้ใจตัวเองแล้วว่า เขาหรือใครกันแน่ควรจะเป็นคนสำคัญของหัวใจ

หลังจากที่เดินมาถึงชั้นที่มีโรงหนังแล้ว กฤษณะก็เร่ไปหาที่นั่งซึ่งเป็นเก้าอี้ล้อมรอบเสาขนาดใหญ่และใช้ผนังของเสาบุนวมเป็นพนักพิง หลังจากเอนกายพอสบาย ๆ ขาแล้ว เขาก็คว้าโทรศัพท์ออกมา แต่ว่ายังไม่ทันจะกดโทรออก หูของเขาก็ยินเสียงเมขลาคนที่เขากำลังจะโทรถึง..

“วิ วันนี้เมอยากดูหนังน่ะ เมกลับดึกหน่อยนะ... คนเดียวจ้ะ พี่นรบดีเมคุยกับเขาเรียบร้อยแล้ว เราจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป มีเรื่องเล่าให้วิฟังอีกเยอะ แต่ว่า ถึงบ้านก่อนค่อยเล่า เรื่องมันยาว.. จะนั่งแท็กซี่กลับ ไม่ต้องห่วงหรอก..ขอบใจมากจ้า..เดี๋ยวเจอกัน”

ขณะที่เมขลาโทรศัพท์ กฤษณะก็นั่งตัวตรงพยายามทำตัวเป็นจิ้งจกเหล่ตาดูว่า หลังจากโทรศัพท์เสร็จแล้ว เมขลาจะเดินไปไหน และพอเห็นว่าเมขลาลุกขึ้นก้าวขามาทางขวามือเพื่อไปซื้อตั๋วหนัง กฤษณะก็ค่อย ๆ ขยับมาทางซ้ายให้เสาบัง และเมื่อเมขลาได้ตั๋ว หญิงสาวก็เดินเข้าโรงหนังไปด้วยสีหน้าอย่างคนที่มีความสุขไม่มากนัก กฤษณะจึงโมเมเข้าข้างตัวเองว่าเป็นเพราะคิดถึงเขา


หลังจากทรุดตัวลงนั่ง เมขลาก็หันไปทางซ้ายมือ ซึ่งเบาะตัวนั้นเป็นเบาะที่กฤษณะเคยนั่งและก็เคยหลับกรนจนเธอต้องปลุกเพราะอายคนในโรงหนัง แต่พอไปแตะต้องตัวเขา เขาก็คว้าแขนเธอไปกอดละเมอเรียกชื่อแฟนเก่า ตอนนั้นเขาแกล้งหรือเปล่าเธอไม่รู้ แต่เขาโกรธเธอมากที่เอาน้ำอัดลมไปราดจนเขาเปียกปอนและหนาวเหน็บยิ่ง ๆ ขึ้น นึกถึงความยียวนกวนประสาทของเขาแล้ว เมขลาก็อมยิ้ม..และยิ้มนั้นก็ต้องสลดวูบลงเมื่อนึกถึงเงื่อนไขที่รัตนาเมขลานางฟ้าที่อยู่บนสวรรค์ ได้บอกกับเธอไว้ ถ้าเธอแต่งงานเมื่อไหร่ วันนั้น เธอก็จะหมดสิทธิ์เป็นคนพิเศษบนโลกใบนี้

โลกที่มีแต่ความวุ่นวายและเต็มไปด้วยการแข่งขัน เมื่อมีการแข็งขัน ทุกคนก็ต้องการชัยชนะคู่ต่อสู้ไม่ว่ากรณีใด ๆ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ความเป็นคนพิเศษทำให้เมขลาลำบากใจ ภรรยายท่านประธานเรียกเธอไปพบอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ท่านประธานนั่งอยู่ด้วย เรื่องเงินแสนที่เธอได้ไป แล้วนำไปเป็นกองทุนเริ่มต้นทอดผ้าป่าสร้างหอฉันถึงหูของท่านทั้งคู่ และท่านก็อนุโมทนาในผลบุญนั้นก่อนจะจ่ายเช็คสมทบให้อีกหนึ่งแสนบาทเมื่อรู้ว่ายอดเงินที่จะสร้างศาลาเป็นเงินเท่าไหร่ ตอนนั้นเธอขนลุกเกรียว แต่พอรับเช็คมาแล้ว ท่านก็ขอร้องให้ช่วยดูว่าสินค้าที่กำลังจะไปเจรจานำเข้ามานั้น จะนำผลกำไรมาให้หรือไม่

ในเวลานั้น เมขลารู้สึกว่าญาณของเธอไม่ได้เป็นไปเพื่อการช่วยเหลือคนเสียแล้ว แต่ว่าด้วยผลบุญหรืออะไรของสองคนผัวเมียเมขลาก็ไม่อาจทราบได้ เพราะรัตนาเมขลาก็ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี..

คำทำนายทำให้ทั้งคู่พึงพอใจ และสัญญากับเธอว่าจะปรับเงินเดือนให้เธอพร้อมกับหาตำแหน่งงานใหม่ให้ ถ้าท่านได้ผลกำไรมหาศาลอย่างที่เธอทำนายไว้จริง ๆ
และถ้าเล่าเรื่องนี้ให้วิจิตรศราฟัง วิจิตรศราก็คงจะมีความเห็นที่แตกต่างจากเธอ แต่ว่าเธอไม่อยากกลายเป็นเบี้ยในวงพนันขันต่อของใคร และไม่อยากเป็นผู้วิเศษในสายตาของคนแบบนี้..

เบาะที่ข้าง ๆ ที่ยวบลงปลุกเมขลาจากความคิดหมักหมุ่น..และด้วยกลิ่นตัวของเขาทำให้เมขลาต้องหันไปมอง จึงได้เห็นกฤษณะยิ้มกว้างพลางโยกหัวทักทายเธอ..
“สวัสดีครับ” เขากระซิบเบา ๆ

“มาได้อย่างไร”

“ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญอีกแล้ว คุณจะเชื่อไหม” พอกฤษณะพูดยาว ๆ คนที่นั่ง
อยู่ข้างหลังก็เริ่มส่งเสียงกระแอม เมขลาจึงไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเขา กระทั่งหนังตัวอย่างจบลง เพลงสรรเสริญพระบารมีทำให้คนทั้งโรงหนังต้องลุกขึ้นยืน แต่ว่าครั้งนี้กฤษณะเป็นคนฉวยมือของเมขลาให้ลุกขึ้นพร้อมเขา เมขลาไม่ขัดขืน แถมยังเป็นฝ่ายผลิกมือตัวเองจับมือเขาไว้

เขาหันมาทำหน้าฉงนก่อนจะกระชับมือให้แน่นขึ้นพร้อมกับพยายามถ่ายถอดความรู้สึกจากหัวใจให้เมขลาได้รับรู้..โดยหารู้ไม่ว่าที่เมขลาทำแบบนี้เพราะต้องการหยั่งดูเรื่องในอนาคตของเขา เรื่องแรกก็คือเรื่องเนื้อคู่ของเขา เรื่องที่สองก็คือเรื่องที่เธอเห็นว่าเขามีเลือดที่บริเวณศีรษะ แต่ว่าเธอก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้จากสัมผัสนั้นนอกเสียจาก รู้สึกว่าเธอกับเขามีใจให้กัน..รู้สึกดี ๆ ต่อกัน และอบอุ่นในหัวใจเมื่อมีเขายืนเคียงข้าง ซึ่งถ้ามันจะเรียกว่าความรักเมขลาก็ไม่อยากปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง..


หลังจากหนังจบ เขาก็ฉุดเมขลาให้ลุกขึ้นแล้วจูงมือเดินออกจากที่นั่ง กระทั่งถึงบันไดทางลงเขาก็ลดฝีเท้าลง มือหนาของเขายังจับมือหญิงสาวแล้วประคองเดินลงบันได กระทั่งทั้งคู่ออกมาอยู่หน้าโรงหนังที่มีไฟสว่างเขาก็ปล่อยมือก่อนจะถามว่า

“คุณหนูนาจะเข้าห้องน้ำก่อนไหม”

“ไม่”

“งั้นรอผมหน่อยนะ ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน”

“ทำไมต้องรอ”

“ถ้าวันนี้ผมปล่อยให้คุณหนูนานั่งแท็กซี่กลับตามลำพัง คืนนี้ผมต้องนอนไม่หลับแน่ ๆ”

“รู้ได้ไงว่าฉัน..จะนั่งแท็กซี่”

“หนูนา..” เสียงเขาเข้มขึ้นมาอีกนิด..แต่เมขลาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“รอผมแป๊บนะเดี๋ยวผมไปส่ง”

“แล้วนาย..” เขาทำตาเขียวเข้าใส่อีกเมขลาขมุบขมิบปากก่อนจะเปลี่ยนสรรพนามเรียกเขาเสียใหม่ เมื่อเขาเรียกเธอว่าคุณ เธอก็น่าจะเรียกเขาว่าคุณบ้าง...

“แล้วคุณ..”

“เรียกผมน้าได้ไหม”

“ขอมากไปไหมเนี่ย”

“ก็คะน้ากับหนูนาไง เข้ากันออก นะ นะ”

“ทำไมต้องให้มาเข้ากัน ฉันไม่เข้าใจ”

“งั้นรอผมก่อนนะ ผมเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว ตอนนี้ปวดเบา ออกจากห้องน้ำแล้วผมจะมาอธิบาย โอเคเปล่า” กฤษณะพูดยืดยาวก่อนจะรีบวิ่งตัวปลิวไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านใน และพอจัดการกับธุระของตัวเองเรียบร้อยกฤษณะก็นึกได้ว่าควรโทรบอกหน่องว่าเขาจะกลับช้ากว่ากำหนด แต่พอเปิดโทรศัพท์ก็มีสัญญาณเชื่อมต่อหน่องก็โทรเข้ามาหาเขาพอดี

“อีกนานไหมกว่ามึงจะกลับห้อง”

“ทำไม”

“กูอยากรู้”

“ก็อีกสองสามชั่วโมงได้มั้ง ก่อนจะถึงห้อง กูจะโทรบอกมึงแล้วกัน จัดการตัวเองซะให้หายอยากเลยนะ..แล้วมึงก็จัดการทำความสะอาดห้องให้กูด้วย อย่าให้กูต้องกลับไปลื่นหัวแตก”

“ต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนมึงอีกไหม”

“แล้วมึงขึ้นไปทำอะไรบนที่นอนกูอีก”

“ปะเปล่า ไม่ได้ขึ้น..”

“อย่าให้กูจับได้ว่ามึงขึ้นไปก็แล้วกัน ไม่งั้นกูล็อกห้องห้ามมึงเข้ามาเล่นในห้องกูอีก”

“เออ ๆ ไปธุระมึงเหอะ กูจะได้ต่ออีกสักยก”

“กี่ยกไปแล้ว” หน่องไม่ตอบแถมยังตัดสัญญาณทิ้ง จังหวะนั้นกฤษณะเดินมาถึงจุดที่แยกจากเมขลาไป แต่เขาก็มองไม่เห็นเงาเจ้าหล่อน กฤษณะเริ่มร้อนรนสาวเท้ายาว ๆ เดินออกมาข้างนอกพลางชะเง้อชะแง้แล้วเขาก็พบว่าเมขลานั่งกอดอกหลังพิงเสาหลับตาพริ้มรอเขาอยู่..




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2555, 16:12:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2555, 16:12:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 2284





<< 16.รัตนาเมขลา   18.1 “ถึงท่านไม่บอก ผมก็รู้ว่าเนื้อคู่ของผมคือคุณหนูนา” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 24 พ.ค. 2555, 16:13:12 น.
เรื่องนี้มันสนุกไหมเนี่ยะะะะะะะ คนเขียนงงๆ กับตัวเอง 5555555555555


imsoul 24 พ.ค. 2555, 17:08:13 น.
จับมือกันด้วย น่ารัก ถึงแม้เมขลาจะไม่ได้ตั้งใจ อ่านแล้วอบอุ่นดี ^^


แว่นใส 24 พ.ค. 2555, 17:10:11 น.
นิสัยไม่ดีเลยนายหน่อง


Orathai 24 พ.ค. 2555, 17:52:35 น.
รู้สึกเหมือนว่าหนูนาตามคะน้าไม่ทันแฮะ เจ้เล่ห์เกิน


Zephyr 24 พ.ค. 2555, 19:58:43 น.
คู่คะน้าหนูนาน่ารักจังเลย
ว่าแต่หน่องจะเห็นห้องเพื่อนเป็นโรงแรมไปอีกนานมั้ย มีเพื่อนแบบนี้ อย่ามีดีกว่า


nutcha 24 พ.ค. 2555, 21:38:27 น.
ตอนนี้น่ารักมาก "วิจิตรศรายกฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเองมาลูบแก้มนุ่ม ๆ ของตัวเอง" ประโยคนี้น่าจะเป็นชื่อของ "เมขลา" หรือเปล่าคะคุณเฟื่องเพราะหนูนานั่งรถไปทำงานกับนรบดีกันแค่สองคนไม่ใชเหรอ


จุฬามณีเฟื่องนคร 24 พ.ค. 2555, 21:55:21 น.
ขอบคุณครับ แก้ที่ต้นฉบับแล้วครับ...


คิมหันตุ์ 24 พ.ค. 2555, 22:08:56 น.
เอาความน่ารักของคะน้าเยอะอีกค่ะคุณเฟื่อง. จะได้สนุกๆ มากขึ้นอีก. 5555


nateetip 25 พ.ค. 2555, 00:06:06 น.
สนุกค่ะ..ไม่ต้องกังวล สนุกจริงๆ


sai 25 พ.ค. 2555, 00:24:39 น.
สนุกค่ะ^__^


wii 25 พ.ค. 2555, 08:24:40 น.
เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนไม่เคยเชื่อเรื่องหมอดู ก่อนเจอกับสามี เพื่อนบ้านเพิ่งย้ายมาจากรัฐอื่น(อยู่อเมกาค่ะ) ย้ายมาอยู่ข้างบ้าน เขาดูหมอให้บอกว่าเนี่ยเจอคนที่จะมาเป็นคู่วิตเเล้วนะ เเถมคุยกันเเล้วด้วย คนนี้เเหละใช่จะใด้อยู่กินกันจนเเกเฒ่า ตอนนั้นไม่เชื่อหรอกเเล้วก็ลืมไปเเล้วด้วย เเล้วก็เป็นอย่างที่เธอคนนั้นทำนายจริงๆ ต่อมาเธอก็เเต่งงานเเล้วก็ดูหมอไม่ใด้อีกเธอบอกว่าไม่เซ้นท์เเล้ว


จุฬามณีเฟื่องนคร 25 พ.ค. 2555, 08:27:47 น.
โอ้วววววววววววววววววว...กรี๊ดดดดดดดดดดด


anOO 25 พ.ค. 2555, 15:12:12 น.
สนุกค่ะ ว่าแต่เมื่อไหร่พี่คะน้าจะรู้สักทีว่าเพื่อนทำอะไรที่ห้องไว้บ้าง
เดี๋ยวได้เกิดปัญหาใหญ่หรอก


konhin 27 พ.ค. 2555, 03:31:22 น.
โห ปัญหาใหญ่รออยู่ข้างหน้า เพื่อนใช่มั้ยนั่นที่จะเป็นสาเหตุทำให้เลือดอาบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account