รอยรักเหมันต์
...เพราะสายลมหนาวหรือเพราะมนต์เสน่ห์แห่งทุ่งดอกไม้ จึงนำพาให้สองหัวใจมาพบกัน

เมื่อเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อกับเธอเจ้าของสวนดอกไม้สาวผู้พราวเสน่ห์...
เพียงแรกพบสบตา เขาและเธอก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย
จอมทัพจะสามารถนำดอกไม้งามดอกนี้

Tags: ฤดูหนาว

ตอน: ตอนที่ ๒๐ อบอุ่น

ตอนที่ ๒๐

เวลาเกือบห้าโมงเช้าเข้าไปแล้วอาหารยังไม่ตกถึงท้องของทั้งสองเลย ทางจอมทัพนั้นไม่ค่อยจะแสดงออกสักเท่าไรเพราะเขาทนได้ แต่สำหรับเมยาวีแล้วตั้งแต่ตอนเย็นจนถึงช่วงสายของวันนี้ แถมนี่ยังจะเลยเข้าไปหาเวลาอาหารอีกมื้อหนึ่งอีก ความหิวจึงเข้าเล่นงานเธออย่างหนัก

"โอ้ย..." เมยาวีนิ่วหน้า มือบางกุมท้องของตนเอง ดูเหมือนว่าความอยากมันจะจู่โจมเธออย่างหนักจนน่าสงสาร

"คุณเหมย...อดทนเอาไว้นะครับ"

เสียงจากคนใต้ร่างบอกให้กำลังใจ ก่อนจะหยัดเท้าก้าวต่อไปข้างหน้า เขารู้ว่าเธอหิว แต่ถ้ามัวแต่อยู่กับที่ รอให้คนอื่นมาพบและให้ความช่วยเหลือ อย่างนั้นมันไม่ดีแน่

ดังนั้น เขาจึงอดทนและเดินต่อไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด หากไม่เจอผู้คน ก็ขอให้เจอผลไม้หรืออาหารอะไรสักอย่างก็พอ

"ค่ะ เหมยจะอดทนนะคะ"

"ครับ...ดีครับ ท่องเอาไว้สิครับ เดี๋ยวเราก็จะออกจากป่าไปกินกุ้งเผากันแล้ว"

"ค่ะ เหมยจะคิดถึงอาหารจานโตๆ เอาไว้นะคะ เผื่อมันจะได้ไม่หิว" กรอบหน้าสวยที่แดงซ่านพยายามคลี่ยิ้ม และการที่ได้พูดคุยกับเขา ก็พอที่จะทำให้อาการเจ็บท้องทุเลาไปได้บ้าง

จอมทัพพยายามใช้เสียงในการพูดจาสื่อสารกับคนบนร่างของตนเอง เพื่อจะไม่ให้เธอได้เครียดจนเกินไปและภาวนาขอให้ทางข้างหน้าที่จะถึงนี้มีบ้านคนและพอที่จะขอความช่วยเหลือได้

แสงอาทิตย์เริ่มมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้น เมื่อสายหมอกได้ระเหยกลายเป็นไอ ความหนาวเหน็บที่มีอยู่ในตอนแรกแปรเปลี่ยนมาเป็นอากาศร้อน ร่างกายเริ่มเหนียวเหนอะหนะด้วยเพราะต้องใช้แรงอย่างหนักในการเดินไปข้างหน้า

"คุณจอมคะ ข้าวลิงค่ะ ข้าวลิง"

เมยาวีพูดขึ้นอย่างดีใจ เมื่อดวงตาคู่สวยกราดมองไปเห็นอาหารซึ่งคิดว่าดีที่สุดในเวลานั้น ทว่ามันก็อยู่อีกฟากหนึ่งของลำธาร เธอบอกให้เขาหยุดและวางเธอลงบนก้อนหินก้อนใหญ่ ก่อนที่เขาจะลุยน้ำข้ามลำธารไปจัดการกับอาหารที่คิดว่าจะพอประทังชีวิตของเขาและเธอได้

ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที จอมทัพก็ยิ้มสดใสกลับมาพร้อมกับอาหารมื้อแรกของวันนี้ กล้วยป่าผลสีเหลืองน่ากินหลายผลถูกส่งให้กับเธอ

"ดีจังนะคะที่มีข้าวลิงให้เรากิน"

"ใช่ครับ บอกแล้วยังไงล่ะครับว่ายังมีโชคสำหรับเราอยู่อีกมาก เพียงแค่เราเดินไปข้างหน้า เพื่อไปหามัน"

ทั้งสองส่งยิ้มให้แก่กัน ก่อนจะพร้อมใจกันปอกเปลือกกล้วยแล้วจัดการกิน ทว่าเมื่อกินไปไม่เท่าไรแล้ว หญิงสาวกลับเบ้หน้าเพราะนอกจากรสชาติของกล้วยป่าที่แสนจะหวานแบบสุดๆ แล้ว มันยังมีเมล็ดสีดำของมันอยู่ในผลเต็มไปหมด

"โห...เพิ่งจะประจักษ์แล้วล่ะค่ะว่ากล้วยป่า เค้าไม่ให้กินกันเพราะมันไม่หวานแถมยังมีเม็ดในนี่เอง"

"ผมว่ากินไปเถอะครับ กินเพื่อให้ท้องอยู่ก็พอเพราะเรายังไม่รู้เลยว่าข้างหน้าจะมีอะไรอีก" จอมทัพให้กำลังใจ แม้ว่าจะไม่ชินกับรสชาติที่ฝาดแล้ว เขายังจะต้องฟันสะท้านกับการเคี้ยวไปถูกเม็ดในของมันอีก

มีหลายครั้งที่เมยาวีจะคายกล้วยทิ้ง หากแต่เมื่อได้คิดกับคำพูดของเขาแล้ว หญิงสาวจึงตัดสินใจกลืนกล้วยลงลำคอ จริงสิ เธอยังไม่รู้ว่าข้างหน้ามันจะเป็นอย่างไร ยังไงแล้วเวลานี้ขอให้กินให้อิ่มก็พอ เรื่องรสชาติค่อยไปคิดถึงกันทีหลัง

หลังกินกล้วยไปคนละหลายผลแล้ว ทั้งสองคนก็ใช้น้ำในลำธารนั่นแหละช่วยในการกลั้วคอ ไม่คิดถึงความสกปรกอะไรทั้งนั้นแล้วเพราะต่อให้มีสารพิษอยู่ในน้ำมากเพียงไร ขอให้มีโอกาสรอดและมีน้ำกินก็เพียงพอแล้ว

"ข้อเท้าคุณเป็นยังไงบ้างครับคุณเหมย ไหนดูสิครับ" จอมทัพขยับเข้ามาตรงที่เท้าของหญิงสาวที่วางพาดยาวไปตรงหน้า

"เอ่อ...อย่าเลยค่ะ มันไม่เหมาะนะคะ"

"โธ่คุณเหมยครับ เป็นแบบนี้แล้ว ยังจะห่วงความเหมาะอยู่อีกหรือครับ มาครับ ผมจะดูให้" เขาขัดก่อนจะดึงข้อเท้าของหญิงสาวมาดู บัดนี้มันบวมแดงมากแล้ว เขาจึงใช้มือคลึงนวดเบาๆ เผื่ออาการจะได้ทุเลาลงไปบ้าง

"ดีขึ้นไหมครับ"

ส่งยิ้มที่อ่อนโยนให้กับเธอแล้ว เมยาวีก็พยักหน้าก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความเอียงอาย เป็นครั้งแรกเลยล่ะที่มีคนมาดูแลเธอด้วยความเป็นห่วงแบบนี้ แถมคนนั้นยังเป็นผู้ชายที่ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวและเต้นรัวด้วย

"เอ่อ...ค่ะ ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณคุณจอมมากเลยนะคะ"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยินดี ยิ่งเป็นคุณเหมยแล้ว ผมยิ่งต้องดูแล"

"หมายความว่าอย่างไรคะ"

เธอยิ่งหน้าเข้ม ประโยคหวานๆ ของเขา ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง ตั้งแต่ที่ฟื้นมาและเดินทางมาด้วยกันจนถึงที่นี่ จอมทัพมีแต่ความอ่อนโยนและความเป็นห่วงให้กับเธอ จนหญิงสาวเริ่มจะรู้สึกว่าบัดนี้หัวใจของตนเองอ่อนยวบไปมาก

"ก็หมายความว่า ผมเป็นห่วงคุณเหมยมาก จนไม่อยากจะให้คุณเป็นอะไรล่ะครับ"

"คุณจอม..."

เธอช้อนตาขึ้นมองเขาและในเวลานี้จอมทัพก็ได้เคลื่อนกายมาอยู่ตรงหน้าของเธอ สบตาเขาได้เพียงนิด เธอก็ต้องเป็นฝ่ายหลบตาอีกครั้ง

"คุณเหมยครับ..."

มือหนาเอื้อมมาจับตรึงที่กรอบหน้าบางและช้อนให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง โบราณเคยว่า ดวงตาเป็นประตูสู่หัวใจ บัดนี้จึงเริ่มแน่ใจแล้วว่า สิ่งที่แสดงออกมาทางแววตาของจอมทัพนั้นมันจริงใจขนาดไหน

"ผมไม่รู้หรอกนะครับว่ารักแท้มันเป็นแบบไหน แต่ผมอยากจะบอกคุณเหลือเกินว่าสิ่งที่ผมรู้สึกกับคุณอย่างเช่นในเวลานี้ แม้ว่าด้วยระยะเวลาแล้วมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับผมแค่วันเดียวผมก็รู้สึกว่าขาดคุณไม่ได้ ผมรักคุณนะครับคุณเหมย"

"รัก...."

ถ้อยคำประโยคนั้นทำให้หัวใจสาวสดชื่นขึ้นมาทันที แม้ว่ามันจะเป็นถ้อยคำที่ไม่ดังอะไรมากนัก ทว่าสำหรับเธอกลับรู้สึกว่ามันดังก้องอยู่ในหัวใจของเธอตลอดเวลา

จอมทัพบอกรักเธอ...ความลิงโลดที่มีอยู่ในหัวใจมันอยากจะให้เธอร้องออกมาในเวลานั้น ทว่าเพราะยังมีเขาอยู่ตรงหน้า เธอจึงไม่อาจแสดงมันออกมาได้

"ใช่ครับ...คุณเหมย ผมรักคุณนะครับ"

น้ำเสียงของเขาเข้มและเต็มไปด้วยความจริงที่มาจากหัวใจ เมยาวีกะพริบแพรขนตายาวงอนหลายรอบ เสมือนว่าคำนั้นจะตรึงให้เธอนิ่งอยู่เช่นนั้น เพื่อจะรอให้เขาค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาหา

เรียวปากหนาของจอมทัพค่อยๆ ทาบลงบนเรียวปากสวยสีชมพูระเรื่อ ก่อนกลีบปากสวยจะเผลยเปิดขึ้นเมื่อเรียวลิ้มสากสอดควานเข้าไปหาความอ่อนหวาน

เมยาวีรู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วร่างกาย ความหนาวเหน็บจากอากาศเย็นโดยรอบ เธอยังคิดว่ามันไม่เท่ากับในเวลานี้เลย ดวงตาคู่สวยค่อยๆ หลับพริ้มลงอย่างเปี่ยมสุข ในยามที่ลิ้นสากของจอมทัพควานลึกเข้าไปหาความอ่อนหวานและเชิญชวนให้เธอทำตามเขา คนไร้ประสบการณ์ก็ยิ่งร่างสั่นสะท้าน เรี่ยวแรงที่มีอยู่เกือบจะหมดลงไปในเวลานั้น

ลมหายใจของหญิงสาวเริ่มขาดและติดขัด เมื่อความอึดอัดเข้าแทนที่ มันแทรกผ่านไปทุกอณูของร่างกาย หากแต่ในเวลาต่อมามันก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเบาโล่ง หัวสมองขาวโพลน ไม่อาจที่จะคิดอะไรได้ต่อไปอีกแล้ว

รสจูบที่แสนจะวาบหวามนั้นสิ้นสุดลง ในครั้งที่จอมทัพถอนริมฝีปากออกจากปากของเธอ เขาก้มลงมองร่างบางที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะคลี่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เมยาวีก้มหน้าลงอีกครั้งด้วยความเอียงอาย

"ผมว่าเรารีบเดินทางกันต่อเถอะ ยิ่งนานเดี๋ยวพวกนั้นจะเป็นห่วง"

"ค่ะ..."

เขาขยับตัวและพยุงเธอให้ลุกขึ้นและกำลังจะหันหลังให้กับเธอได้ขึ้นมา ทว่าเมยาวีกลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

"ให้เหมยเดินเองก็ได้ ตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วล่ะค่ะ"

"แต่คุณเหมยกำลังเจ็บอยู่นะครับ ขึ้นหลังผมจะดีกว่านะ"

"อย่าเลยค่ะ เหมยไม่อยากจะให้คุณต้องลำบากไปมากกว่านี้ เหมยมั่นใจค่ะว่าเดินเองได้แล้ว นะคะ"

เห็นว่าเธอพูดเช่นนั้น ดูท่าแล้วจะไม่ยอมเหมือนคราวแรกเสียด้วย จอมทัพจึงได้แต่พยักหน้า แต่กระนั้นเขาก็ยังเข้ามาช่วยพยุงเธอให้เดินต่อไปพร้อมกัน

"ไม่รู้ว่าคุณปูเป้ กับยายฝนจะเป็นอย่างไรบ้างนะคะ"

เธอชวนเขาคุย ในระหว่างของการเดินทาง เพื่อจะไม่ให้ความเงียบแทนที่ระหว่างการเดินทางที่เธอคิดว่ามีความสุขในครั้งนี้

"สองคนนั่นน่าจะปลอดภัยแล้วนะครับ เพราะมีชัยและคุณรักษ์ราชมาช่วยเหลือไปแล้ว"

"คุณรักษ์ราช ใครกันคะ" หญิงสาวเอียงหน้ามองชายหนุ่มด้วยความสงสัย

"เขาเป็นตำรวจน่ะครับ ตอนที่พวกคุณถูกจับมา ทั้งชัยและคุณรักษ์ราชมาเห็นเหตุการณ์พอดีและชัยก็ได้โทรบอกผม ผมจึงมาช่วยคุณเหมยอย่างไรล่ะครับ"

"เห็นทีกลับไปคราวนี้ เหมยคงจะต้องขอบใจทั้งสองคนแล้วล่ะค่ะ ที่พาให้คุณมาช่วยเหมย" เธอคลี่ยิ้มบางอย่างน่ารัก เช่นเดียวกับจอมทัพอมยิ้มตามไปด้วย เขามองกรอบหน้าสวยหวานนั้นนิดหนึ่ง ก่อนจะพยุงหญิงสาวเดินไปข้างหน้าอีกรอบ

ยอมรับว่าการมาหลงทางเช่นนี้จะสร้างความสุขให้ทั้งเขาและเมยาวีไปด้วย การเดินทางที่มีแต่ความเข้าใจ และเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็ว ก่อเกิดเป็นความอบอุ่นที่ทั้งสองส่งมอบให้แก่กัน

นานร่วมชั่วโมงที่ทั้งสองเดินทางมาตามทางเดินซึ่งเห็นเลือนรางเต็มที พร้อมกับความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ที่ยิ่งมีให้เห็นมากเสียด้วย หลายครั้งที่ทั้งสองหยุดพักและเมยาวีก็เอาเท้าแช่ลงไปในน้ำ เพื่อจะให้ความเย็นช่วยคลายความปวดเมื่อยตรงข้อเท้าไปได้ในระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับที่มีเหล่าผีเสื้อน้อยใหญ่บินวนอยู่โดยรอบหญิงสาวมองมันอย่างมีความสุข เพราะแม้จะอยู่กับของสวยๆ งามๆ ในสวนดอกไม้ของเธอแล้ว ทว่ามันก็ไม่ได้งดงามและเป็นธรรมชาติอย่างในเวลานี้

"สวยจังนะคะคุณจอม" มีผีเสื้อตัวหนึ่งบินมาเกาะยังปลายนิ้วของหญิงสาว เมยาวีจึงยกมันให้จอมทัพดู ซึ่งเขาก็คลี่ยิ้มส่งให้แล้วก็พยักหน้า "ที่ทุ่งดอกไม้ว่ามีผีเสื้อเยอะแล้ว แต่เหมยว่าที่นี่นอกจากจะมีเยอะแล้ว บางตัวเหมยยังไม่เคยเห็นอีกด้วยค่ะ"

"บางตัวมันอาจจะมีเฉพาะพื้นที่ก็ได้นะครับ อย่างพวกนี้ที่มันอาจจะมีเฉพาะที่นี่เท่านั้น"

"เหมยดีใจค่ะ ที่ได้มาเห็นที่นี่ ต้องขอบคุณโชคชะตานะคะที่นำพาให้เรามาพบเจอกับสถานที่แห่งนี้"

"ครับ ผมก็เหมือนกัน ต้องขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ผมมาอยู่กับคุณเหมยแบบนี้สองคน"

"เอ่อ..."

เป็นอีกครั้งที่เมยาวีก้มหน้าลงอย่างเขินอายและก็เป็นอีกครั้งที่เธอแทบจะเก็บกดอาการส่วนลึกไม่ให้แสดงออกมาไม่ได้ กรอบหน้าคมของจอมทัพ เธอยอมรับว่ามันเป็นสิ่งที่เธอค้นหามานาน

"เหมยก็ดีใจค่ะ ที่ได้เจอคุณจอม และก็ได้ เอ่อ...รักคุณ"

หลังได้ยินประโยคนั้นจากหญิงสาว จอมทัพก็คลี่ยิ้มอย่างยินดี ในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าเธอก็รักเขาอย่างที่เขาอยากจะให้เป็น ชายหนุ่มคว้าร่างบางนั้นให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตนในทันที

"คุณเหมย ผมดีใจเหลือเกินที่คุณก็รักผม โอ...ผมมีความสุขที่สุดเลยครับที่ได้ยินแบบนี้ ผมรักคุณนะครับ"

"ค่ะ เหมยก็ดีใจ"

เรียวปากสวยเผยอคลี่ยิ้มอีกครั้ง กรอบหน้าสวยซบลงบนอกหนา รับรู้ถึงแรงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นรัว เช่นเดียวกับจอมทัพกระชับร่างบางนั้นเอาไว้แน่น จนเขาไม่อยากที่จะปล่อยเธอให้ออกจากอกของตนเองให้ล่องลอยไปที่ไหนอีกเลย

บ่ายมากแล้ว เป็นครั้งที่เท่าไรก็คร้านจะนับที่ปุณชิกาเงยหน้าขึ้นมามองร่างของชัยซึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียง แม้ปรารถนาที่จะให้เขาฟื้นขึ้นมาในตอนที่เธอตื่นมาดูแลเขา ทว่าจนแล้วจนรอด เขาก็ยังไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัวเลยสักนิด

มือบางกุมบนมือหนาของคนไข้บนเตียง ส่งมอบกำลังใจและความอบอุ่นให้กับเขา เพื่อจะให้เขาได้รับรู้ว่ายังมีเธออยู่เคียงใกล้เขาตลอดเวลา

"ชัย...นายตื่นขึ้นมาสิ นายตื่นขึ้นมาคุยกับฉันอีกนะ นายรู้ไหมว่าฉันเหงามาก ตื่นขึ้นมาสิชัย"

เสียงเบาหวิวของปุณชิกาดังขึ้น เธอแนบหน้าลงกับฝ่ามือเขา ในใจภาวนาขอให้เขาฟื้นขึ้นมาและได้ยินคำที่เธอกำลังพูดอยู่นี้ เธอไม่อยากจะให้เขาเป็นอะไร เขาจะรู้บ้างไหมว่าเธอห่วงเขามากแค่ไหน

"นายตื่นขึ้นมาสิชัย ฉันมาให้กำลังใจนายแล้วนะ"

ยิ่งนาน เธอก็เริ่มจะใจเสียเพราะนอกจากเสียงของลมหายใจที่ทอดต่ำสม่ำเสมอของเขาซึ่งพอจะให้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่แล้ว ทว่าร่างที่นอนนิ่งสนิท ไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมานี่สิ ยิ่งทำให้ปุณชิกาใจหายเพราะยิ่งนานมากเท่าไร มันก็เท่ากับว่า โอกาสรอดของเขาแทบจะไม่มีเอาเสียเลย

"ฉันเป็นกำลังใจให้นายแล้วนะชัย นายฟื้นขึ้นมาสิ นายชัย...นายรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงนายมากแค่ไหน ฟื้นขึ้นมาสิ...ชัย นายอย่าลืมนะ ว่านายยังมีฉันอยู่ นายยังมีพี่เหมยและหลายๆ คน นายยังมีใครต่อใครให้คอยเตือนอย่างกับฉัน เข้าใจไหมชัย ตื่นขึ้นมาสิ"

ยิ่งเรียก น้ำตาก็เริ่มหลั่งริน มีหยดหนึ่งหยดลงบนหลังมือของเขา น้ำตาอุ่นๆ มันเพียงพอแล้วที่จะทำให้ร่างซึ่งกำลังนอนอยู่นั้น รู้สึกอุ่นใจ แม้ว่าจะไม่มีเรี่ยวแรงพอจะลุกขึ้นมาพูดคุยกับเธอ แต่ชายหนุ่มก็มั่นใจ ตนยังมีเธออยู่เคียงข้างตลอดเวลา

ปุณชิการ้องไห้อยู่เช่นนั้นจนเผลอหลับไปอีกรอบ ทั้งความอ่อนเพลีย ทั้งความเสียใจ เข้าจู่โจม ทำให้คราวนี้เธอหลับลึกมากกว่าเดิม ลมหายใจทอดต่ำอย่างสม่ำเสมอ ก่อนดวงจิตดวงน้อยจะล่องลอยเข้าสู่ความฝัน...

โลกโดยรอบมีแต่สายหมอกสลัว ปุณชิการู้สึกอ้างว้างเป็นยิ่งนัก เมื่อมองไปโดยรอบแล้ว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองอยู่ที่ไหน ความสับสนเข้าแทนที่ ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปข้างหน้า เพื่อจะพาตัวเองออกไปจากห้องแห่งนั้น เท่าๆ กับที่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนมาที่นี่ได้อย่างไร

"ที่นี่ที่ไหน...ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย"

เธอยกมือขึ้นป้องปากร้อง เพื่อจะร้องหาคนให้ช่วย หากแต่สิ่งที่ตอบกลับมากลับมีแต่ความเงียบและความว่างเปล่า

ความอ้างว้างที่เข้าเกาะกุมในหัวใจ ทำให้เธอยิ่งกลัว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหน และก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหาทางออกไปได้อย่างไร ดูเหมือนว่าทุกทิศทุกทางมันจะเหมือนกันไปหมด แถมเมื่อเธอวิ่งไปข้างหน้าแล้ว ก็เหมือนว่าจะไม่มีทางสิ้นสุดเสียด้วยซ้ำ

เมื่อวิ่งมาแล้วเหมือนจะไม่ได้ประโยชน์อะไร หญิงสาวเริ่มใจเสีย ก่อนจะทรุดกายลงนั่งกับพื้น น้ำตาอาบคลอสองแก้ม คนแรกที่คิดถึงคือเขา...ชัย

"ชัย นายอยู่ที่ไหน ช่วยฉันด้วย ชัย" หัวใจดวงน้อยที่ผูกพัน เรียกหาชายหนุ่มซึ่งเธอคิดว่าปลอดภัยมากที่สุด และเธอก็เชื่อ ไม่เวลาหนึ่งเขาก็ต้องมาช่วยเธอ

และดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นจริง เพราะเธอรับรู้ได้ถึงสิ่งหนึ่งเข้ามาโอบกอดเธอเอาไว้ ใช่...เป็นเขา นายชัย ชายหนุ่มที่เธอกำลังคิดถึงอยู่

"ชัย...นายมาแล้ว นายมาช่วยฉันใช่ไหม" เธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าของเขา ก็ได้รับรอยยิ้มที่อ่อนโยนตอบกลับมา

"ครับ...ผมมาช่วยคุณปูเป้นะครับ ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมอยู่ตรงนี้แล้ว"

"ชัย..." เธอโผเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา น้ำตาไหลพรากด้วยความดีใจ

"ไม่ต้องกลัวนะครับคุณปูเป้ ผมจะอยู่กับคุณ ผมมาช่วยคุณแล้วนะครับ"

"นายสัญญาได้ไหมว่าจะไม่ทิ้งฉัน"

"สัญญาครับว่าผมจะไม่ทิ้งคุณปูเป้"

เขาพูด พร้อมกับก้มลงจูบที่หน้าผากกลมมนของหญิงสาว ปุณชิการู้สึกอบอุ่นใจจนต้องขยับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาแน่นเข้าไปอีก

"ผมสัญญาครับ ว่าผมจะไม่ทิ้งคุณปูเป้ไปไหน...ผมสัญญาครับว่าจะกลับมาหาคุณ ผมจะกลับมาหาคุณ"

"ชัย..."

ปุณชิกาเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงอันคุ้นหูของชัยที่ดังขึ้นคล้ายดั่งสัญญา เธอมองกรอบหน้าที่ยังหลับตานิ่งอยู่ไม่ห่างนัก ก่อนจะบีบมือของเขาอย่างจะให้กำลังใจ

"นายสัญญากับฉันแล้วนะชัย ว่านายจะกลับมาหาฉัน"

เธอคลี่ยิ้ม แม้จะยังมีคราบน้ำตาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้หัวใจของเธอก็รู้สึกอบอุ่นและอุ่นใจขึ้นมาก จากความฝันที่เด่นชัดนั้น บ่งบอกให้เธอได้รู้ว่า ไม่วินาทีใด ก็นาทีหนึ่ง ชัยจะต้องกลับมาหาเธอแน่

เธอเชื่อ และอยากจะให้เป็นเช่นนั้นมากที่สุด...

บ่ายคล้อยแล้วการเดินทางตามลำธารสายนั้นดูเหมือนว่าจะไม่สิ้นสุดเอาเสียเลยและสิ่งที่วาดหวังกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเช่นกัน เพราะมันไม่ได้มีบ้านผู้คนอย่างที่หัวใจนึกหวัง แถมเสียงน้ำที่ไหลลงกระทบโขดหินก็เหมือนจะทำให้จอมทัพและเมยาวีแน่ใจว่าสถานที่แห่งนั้นจะเป็นน้ำตกหรือหน้าผาอะไรอีก

คนทั้งสองเดินพยุงกันมาเรื่อยๆ จนแน่ใจว่าทางข้างหน้าได้สิ้นสุดลง พร้อมกับสายน้ำที่ตกลงสู่ที่ต่ำและดูเหมือนว่า มันจะสูงเสียด้วยสิ เพราะจากเสียงน้ำที่ตกกระทบก้อนหิน ได้บ่งบอกเป็นอย่างดี

และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อทั้งสองเดินแหวกพุ่มไม้ออกมาแล้ว ก็เห็นเป็นภาพสายน้ำซึ่งไหลตกลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง หากสิ่งไหนก็ไม่สำคัญตรงที่ว่า ห่างไกลออกไปด้านหน้าจากตรงนั้นเป็นพื้นที่กว้างโล่ง จนมองเห็นตัวเมืองเล็กๆ อยู่ไกลออกไป

มันเป็นภาพสวยงามและสถานที่แห่งแรกซึ่งเมยาวีเพิ่งจะเคยมาเห็น

"สวยจังนะคะ"

ยิ่งมีภาพพระอาทิตย์กำลังจะตกดินเป็นฉากหลังแล้ว มันยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวสุขใจเป็นยิ่งนัก ยอมรับเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มายังสถานที่แห่งนี้

"จริงๆ ด้วยครับ สวยมากๆ เลย"

ละอองฟองน้ำกระเซ็นมากระทบหน้าของทั้งสอง จนต้องพากันลูบน้ำเพื่อจะให้มันออกไปให้พ้น ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางก็พลันหายได้ด้วยเช่นกัน

เขาและเธอทรุดกายลงนั่งพัก เหยียดขาไปข้างหน้าเพื่อจะให้คลายจากความปวดเมื่อย เห็นบ้านเมืองเช่นนี้แล้วก็ค่อยจะเบาใจหน่อยและอย่างน้อย ห่างจากตรงนี้ไปไม่มากนักน่าจะมีบ้านคนให้คอยช่วยเหลือ นี่ก็ยังไม่เย็นมาก นั่งพักเอาแรงสักนิดก็คงจะดี

"คุณเหมยพอจะนึกออกไหมครับ ว่าจากตรงจุดนี้ เราอยู่ที่ไหน"

จอมทัพหันมาถามหญิงสาวที่ยิ้มด้วยความสดชื่นตลอดเวลา ขณะเมยาวีก็ทอดถอนใจออกมาอย่างโล่งอก ดวงตาคู่สวยมองไปข้างหน้า เพื่อจะหาจุดสังเกตอีกครั้งและเอ่ยออกมาในที่สุด

"ที่นี่น่าจะเป็นน้ำตกผานางนะคะ ถ้าไม่ผิดจากนั้นทางด้านนู้นคือไร่ของเหมยค่ะ" เธอชี้ไปทางด้านขวามือ ซึ่งไกลออกไปมากโขเหมือนกัน โดยมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นสลับกับบ้านหลังเล็กหลังน้อย ก่อนจะไปจรดกับสันดอยสันหนึ่งที่เป็นพื้นที่กว้าง ซึ่งแน่นอน นั่นคือไร่ศีตกรรณของหญิงสาว

"ถ้าอย่างนั้นเราก็รอดกันแล้วสิครับ"

"ใช่แล้วค่ะ ด้านล่างจะมีบ้านคนอยู่ เดินลงไปไม่เท่าไรก็จะถึงค่ะ"

"อืม...ก็ดีครับ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปกันเลยสิครับ" เขาทำท่าจะยันกายลุกขึ้น ทว่าในเวลานั้นมือบางก็เอื้อมคว้าแขนของเขาเอาไว้เสียก่อน

"อย่าเพิ่งสิคะคุณจอม ยังไงเราก็รอดแล้ว เหมยว่าเราพักอยู่ที่นี่สักพักก่อนเถอะค่ะ เหมยไม่อยากจะให้เวลาดีๆ อย่างในเวลานี้หมดไปอย่างรวดเร็ว"

"เอ่อ...ก็ได้ครับ" เขาส่งยิ้มให้กับหญิงสาว ก่อนจะตัดสินใจทรุดกายลงนั่งอีกครั้งหนึ่ง

ภาพสวยเบื้องหน้า ตัดกับแสงอาทิตย์ที่กำลังใกล้จะลับเหลี่ยมเขาอีกด้านหนึ่ง ช่างเป็นภาพที่สวยงามเป็นยิ่งนัก จอมทัพยอมรับมันเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาได้มานั่งมองภาพสวยอย่างในเวลานี้

เช่นเดียวกับอากาศหนาวเย็นที่เริ่มมีอิทธิพลอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่ใกล้จะเย็นเช่นนี้และมันก็จะทวีคูณขึ้นทันทีที่แสงอาทิตย์ดับหายไป

"ฤดูหนาวปีนี้ เหมยโชคดีนะคะที่ได้เจอกับคุณจอมทัพ"

เธอเอ่ยความปลื้มปีติที่มีอยู่ในหัวใจไม่อาจจะเก็บเอาไว้ได้ จนต้องแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตาที่มองไปข้างหน้าอย่างสุขใจ

"ผมก็ดีใจเหมือนกันครับที่ได้เจอกับคุณเหมยและดีใจด้วยครับที่เกิดสถานการณ์แบบนี้ มันทำให้เราสองคนเข้าใจและรู้จักกันมากขึ้น"

"ค่ะ...คงจะต้องขอบคุณฟ้าและโชคชะตานะคะ ที่ทำให้เราเจอกับเรื่องดีๆ เช่นนี้" เมยาวีค่อยๆ เอียงหน้าลงซบกับหัวไหล่ของจอมทัพ ซึ่งชายหนุ่มก็ได้โอบร่างบางเอาไว้ เป็นการยืนยันว่าเขาไม่ได้รังเกียจเธอสักนิด ตรงกันข้าม กลับรู้สึกดีใจที่ได้อยู่กับเธอและมีเธอซบอยู่ที่หัวไหล่ของเขาเช่นในเวลานี้

"ปีที่แล้วหนาวมาก ไม่รู้ว่าปีนี้ฤดูหนาวจะยาวนานเหมือนปีที่แล้วหรือเปล่านะคะ"

"หนาวแบบนี้นั่นแหละดี แต่ขออย่าให้มีหิมะตกก็แล้วกัน" เขาพูดเสียงกลั้ว ก่อนจะยกมือขึ้นลูบเส้นผมสลวยของเธอ ความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน ทำให้ทั้งเขาและเธอลืมสิ้นถึงความยากลำบากที่เพิ่งพบเจอมา

"ใช่แล้วค่ะ ขออย่าให้มีหิมะตกก็ดีแล้วล่ะค่ะ อันนั้นก็หนาวจนเกินไป" เมยาวีหัวเราะคิกกับคำนั้นของเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองลูกคางของจอมทัพอีกครั้ง

"แต่แม้จะหนาวมากเพียงไร หัวใจของเหมยก็จะอบอุ่นค่ะ ถ้าได้มีคุณอยู่ใกล้ๆ"

"ใช่ครับ แม้ว่าความหนาวจะทำลายเข้าไปถึงหัวใจของผม ผมขอสัญญาครับว่ามันจะไม่ทำให้ผมเป็นอะไรไป เพราะผมได้มีคุณเหมยอยู่ในนั้นแล้ว ความอบอุ่นมันจะช่วยให้ความหนาวเหน็บเหล่านั้นทุเลาลงไปได้"

พูดจบ ชายหนุ่มก็ก้มลงจุมพิตลงยังหน้าผากกลมมนอีกครั้ง มันเป็นจูบที่เมยาวียอมรับเลยว่าดูดดื่มมากที่สุด ความอบอุ่นจากเรียวปากของเขาที่แผ่ลงมายังกระหม่อมของเธอ ก่อนจะไหลเวียนวนไปตามกระแสเลือดจนเข้าไปสงบนิ่งอยู่ในหัวใจ

แม้ว่าจะเหน็บหนาวเพียงไร ความรักที่มั่นคงเช่นนี้ จะทำให้กลายเป็นความอบอุ่นตลอดไป...



พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ค. 2555, 13:02:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ค. 2555, 13:06:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1639





<< ตอน ๑๙ เดินป่่า...สารภาพรัก กิ้ววววว   ตอนที่ ๒๑ เข้าใจ >>
anOO 27 พ.ค. 2555, 19:15:44 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account