รถด่วนขบวนสุดรัก
ชีวิตนี้เคยต้องรออะไรนานๆ มั้ยคะ โดยเฉพาะรอดูว่าเมื่อไหร่พ่อเนื้อคู่ตุนาหงัน โซลเม็ทของฉันจะโผล่มาเซอร์ไพรส์ในชีวิตจริงเสียที เพราะนั่งรอ นอนรอ ตบยุงรอมาก็หลายปีดีดักแล้ว รอไปก็กังวลไป สงสัยว่าชาตินี้ฉันคงจะได้ขึ้นคานแหงๆ
การรอคอยบางทีทรมานกว่าผลลัพธ์ แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีเหมือนรถด่วนขบวนสุดรักขบวนนี้ บางที...การ (อดทน) รอก็อาจจะให้ดอกผลที่น่าชื่นใจกว่าก็ได้
อย่าไปกังวลเลยค่ะว่าเราจะไปไม่ทันรถด่วนขบวนสุดท้ายหรือเปล่า ขอให้พากันสมัครใจไปกับ รถด่วนขบวนสุดรัก กันดีกว่า
Dear someone,
If love (still) kept you standing at the station when the last train's gone by…, then I thought maybe walking was better ‘coz we were the master of our choices.
So, do you wanna walk…?
การรอคอยบางทีทรมานกว่าผลลัพธ์ แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีเหมือนรถด่วนขบวนสุดรักขบวนนี้ บางที...การ (อดทน) รอก็อาจจะให้ดอกผลที่น่าชื่นใจกว่าก็ได้
อย่าไปกังวลเลยค่ะว่าเราจะไปไม่ทันรถด่วนขบวนสุดท้ายหรือเปล่า ขอให้พากันสมัครใจไปกับ รถด่วนขบวนสุดรัก กันดีกว่า
Dear someone,
If love (still) kept you standing at the station when the last train's gone by…, then I thought maybe walking was better ‘coz we were the master of our choices.
So, do you wanna walk…?
Tags: เนื้อคู่ รถด่วนขบวนสุดท้าย ณนวล มัชฌิชา ภาณุวัฒน์
ตอน: ♥ บทที่ 12
ชานนท์เดินตรงมายังโต๊ะของคุณดรุณี เลขาฯ หน้าห้องของภาณุวัฒน์ด้วยความคุ้นเคย เวลาเขามาหานายใหญ่ที่นี่ทีไร ชายหนุ่มก็มักจะมาหยุดรายงานตัวกับคุณดรุณีก่อนเสมอ แต่คราวนี้แทนที่จะเป็นสาวใหญ่คนเดิม ชานนท์กลับเจอแต่แม่สาวน้อยหน้าแฉล้มผู้แสนจะยิ้มแย้มแจ่มใสคนหนึ่งแทน
“สวัสดีค่ะ มาพบคุณภาณุวัฒน์หรือคะ” เจ้าหล่อนถามเขาเสียงใส ชานนท์ยืนเงียบด้วยอารามตะลึงและแปลกใจเหมือนคนทำเสียงหายไปครู่หนึ่ง
“เอ่อ ครับ ผมมาพบนายใหญ่ เอ้ย คุณภาณุวัฒน์ครับ นัดเอาไว้แล้ว”
“ขอโทษนะคะ ขอทราบชื่อคุณหน่อยได้มั้ยคะ ดิฉันจะได้เรียนคุณภาณุวัฒน์ถูกค่ะ” ชานนท์มองปากรูปกระจับที่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะอย่างเผลอๆ แม่สาวเสียงใสเลยต้องช่วยเรียกสติเขากลับมาอีกหน
“คุณคะ คุณชื่ออะไรคะ” เขาแอบจับได้ว่าปลายเสียงหล่อนชักเริ่มจะหงุดหงิดจึงรีบบอก
“อ๋อ ผมชื่อชานนท์ครับ ชานนท์ เวศน์ไพศาล เรียนเจ้านายไปตามนี้ก็ได้ฮะ”
“กรุณารอสักครู่นะคะ เชิญที่เก้าอี้รับแขกมุมนั้นก่อนก็ได้ค่ะ”
หล่อนผายมือเชิญเขาก่อนจะเดินฉับๆ ตรงไปยังห้องของท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่ของสหชัย กรุ๊ป บริษัทที่ดำเนินธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์และเป็นเจ้าของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ชานนท์มองตามหล่อนแล้วก็ได้แต่นึกขำ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการมาหาเพื่อนสักคนมันจะเข้าพบได้ยากเย็นถึงเพียงนี้ แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อหล่อนเองก็เป็นคนใหม่ และดูจากท่าทางแล้วแม่สาวน้อยตาโตนี่ก็ดูจะปฏิบัติหน้าที่ได้แข็งขันดีอยู่หรอก
“ไง ไอ้เสือ เปลี่ยนเลขาฯ หน้าห้องใหม่ก็ไม่ยอมบอกกันบ้าง หน้าตาน่ารักเสียด้วย เข้าใจเลือกเหมือนกันนะนายน่ะ” พอเข้าห้องมาได้ชานนท์ก็เปิดฉากแซวเลยทันที
“ว่าแต่คุณดรุณีไปไหนเสียล่ะ ลาออกไปแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างที่นายเข้าใจหรอก คุณณีก็ยังทำที่นี่เหมือนเดิม หน้าที่เดิมนั่นแหละ ส่วนน้องรินเขาเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ของฉันน่ะ”
“ท่าทางจะสนิทสนมกันน่าดูเลยนะ เรียกน้องรินซะด้วย” ชานนท์ทักอย่างคนช่างสังเกต
“ก็บอกแล้วยังไงล่ะว่าไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก ยัยรินเขาเป็นน้องสาวสมัยเด็กของฉันน่ะ เขาเพิ่งเรียนจบกลับมาแล้วอยากจะลองมาทำงานกับฉันดูก่อน มันก็เท่านั้นแหละ”
“น้องสาวนายงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็น่าสน ว่าแต่นายยินดีจะรับฉันไว้พิจารณาในฐานะน้องเขยบ้างมั้ยเพื่อน”
“ไอ้บ้า อย่ามาทำเล่นๆ กับเขานะเว้ย ฉันเอาแกตายจริงๆ ด้วย” ภาณุวัฒน์ขู่เพื่อนหน้าตาขึงขังจนคนช่างแหย่ถึงขั้นหลุดขำก๊าก
“เออๆ รู้แล้ว ก็หวังล่ะนะว่านายจะห่วงน้องนอกไส้ในฐานะพี่ชายจริงๆ น่ะ” ชายหนุ่มยังไม่วายกัดทิ้งท้ายก่อนจะหันมาเข้าเรื่องอันเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาครั้งนี้
“แล้วไอ้เรื่องที่ว่าอยากจะให้ฉันช่วยน่ะ มีอะไรก็ว่ามา จะได้ดูสิว่าฉันพอจะช่วยนายได้หรือเปล่า”
“ถ้าฉันอยากมีคู่หมั้นกำมะลอขึ้นมาตอนนี้ นายจะยังช่วยฉันได้อยู่หรือเปล่าวะ”
พอชานนท์ได้ยินประโยคนี้เข้าก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้ที่เขาเคยมาเสนอว่าที่คู่หมั้นสาวสวยให้ภาณุวัฒน์ยังทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นแบ่งรับแบ่งสู้อยู่เลย ขนาดขอร้องให้พาคุณมัชฌิมาไปเลือกเสื้อผ้าด้วยหน่อยเดียวเพราะเขาไปรับปากกับปาจารีย์ เพื่อนสาวของหล่อนเอาไว้แล้ว พ่อเจ้าประคุณยังต้องให้ขอร้องกันเกือบตาย แล้วอยู่ๆ วันนี้ก็เกิดจะอยากมีคู่หมั้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ไอ้ช่วยน่ะ มันก็พอจะช่วยได้อยู่หรอกนะ แต่นายต้องบอกฉันมาก่อนว่าทำไมถึงเกิดจะเปลี่ยนใจขึ้นมาตอนนี้ ...เป็นเพราะพิมพ์ตาหรือเปล่า” ชายหนุ่มมองเพื่อนอย่างคาดคั้น ไม่ว่ายังไงภาณุวัฒน์ก็ต้องตอบคำถามของเขาเสียก่อน
“บอกตามตรงว่านั่นก็มีส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก”
“ถ้าไม่ใช่ทั้งหมด แล้วมีอะไรอีกบ้าง นายก็บอกมาให้ฉันฟังสิ ฉันจะได้ไปคุยเงื่อนไขของนายให้คุณปอฟังถูก”
“บอกตามตรงเหมือนกันนะ ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว บางทีเรื่องเล่นสนุกของนายมันอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างทีแรกแล้วก็ได้ มันออกจะประหลาดอยู่นา...” ชานนท์พยายามวางลูกล่อลูกชนเผื่อว่าภาณุวัฒน์จะยอมขยายความในใจให้เขาได้รับรู้บ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล
“เอาเป็นว่านายบอกคุณปอเขาไปตามตรงก็แล้วกันว่าฉันอยากมีคู่หมั้นสักคนไว้แก้หน้าเวลาที่ต้องไปร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งงานของแฟนเก่าน่ะ รายละเอียดมีเท่านี้แหละ” ภาณุวัฒน์เอ่ยตัดบทเพียงสั้นๆ
“แล้วผู้หญิงเขาจะได้อะไรจากนายวะ นายใหญ่ ลองบอกให้ฉันเข้าใจหน่อยเถอะ” ชานนท์ถามอย่างโกรธๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าโกรธอะไร บางทีอาจเป็นเพราะหมั่นไส้เจ้าเพื่อนรักที่ทำเป็นปิดบังความในใจกับเขาทั้งที่กำลังขอให้เขาช่วยอยู่ก็ได้
“อะไรก็ได้ที่ฉันสามารถหาให้ได้ ...อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ความรัก”
“ถ้านายจะช่วยก็บอกคุณปอให้ไปบอกเพื่อนเธอตามนี้ก็แล้วกัน เท่านี้แหละที่ฉันอยากขอร้องนายน่ะ”
“ขอบอกอะไรตามตรงนะนายใหญ่ ฉันว่าเอาเข้าจริงแล้วข้อเสนอประหลาดแบบนี้ไม่มีผู้หญิงสติดีๆ ที่ไหนเขาอยากจะรับพิจารณาอย่างที่นายเคยว่าไว้นั่นแหละ ฉันว่านายลองคิดดูใหม่ดีกว่านะ”
“ตกลงว่าจะไม่ช่วย ว่างั้นเถอะ”
“ไม่ใช่ไม่ช่วย ฉันแค่อยากให้นายลองคิดดูใหม่เท่านั้นแหละ ผู้หญิงสติดีๆ ที่ไหน เขาจะ...”
“เชื่อฉันเถอะว่ายัยนั่นสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก บางทีเขาอาจจะรับพิจารณาก็ได้”
“นายหมายความว่ายังไง คุณปอน่ะเหรอสติไม่ดี” ชานนท์ถามเพื่อนอย่างงงๆ ยอมรับว่าตามความคิดเจ้าเพื่อนรักไม่ทันเลยจริงๆ
“ฉันหมายถึงว่าที่คู่หมั้นของฉันต่างหากล่ะ นายทำตามที่ฉันบอกเถอะน่า อย่างมากก็แค่โดนด่ากลับมา จะกลัวอะไรนักหนาวะ นายก็แค่ลองเปรยไปเฉยๆ ไม่ได้ไปบังคับขู่เข็ญอะไรเขานี่หว่า”
“เป็นอันว่าตกลงตามนี้นะ ฉันจะทำงานต่อแล้ว”
ชานนท์ได้แต่ทำท่าขยับปากจะพูดต่อ แต่ภาณุวัฒน์ชิงปิดการสนทนาไปสนใจงานตรงหน้าแทนเสียก่อน ชายหนุ่มจึงได้แต่บ่นพึมพำอยู่คนเดียวว่าเจ้าเพื่อนรักของเขานี่ล่ะ จอมเผด็จการกลับชาติมาเกิด !
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
ชานนท์นั่งรอปาจารีย์อยู่ในร้านเค้กร้านเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศของหล่อนนัก วันนี้เขากับปาจารีย์มีนัดมาเจรจาข้อเสนอพิสดารกันนิดหน่อย และชายหนุ่มก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเค้กอร่อยๆ คงพอจะช่วยทำให้เจ้าหล่อนไม่โมโหโกรธากับข้อเสนอบ้าๆ บอๆ ของเขานัก
ถึงแม้ว่าเจ้าภาณุวัฒน์จะเป็นไอ้เพื่อนจอมเผด็จการยังไง แต่สุดท้ายชานนท์ก็ต้องยอมทำตามอย่างที่เจ้าเพื่อนรักมันขอร้องมาอยู่ดี
โชคดีที่ยามบ่ายแก่ๆ เช่นนี้ผู้คนไม่ค่อยพลุ่กพล่าน ชายหนุ่มเลือกสถานที่นัดที่ร้านนี้เพราะเขาชอบทานเค้กแล้วก็นึกชอบบรรยากาศภายในร้านนี้ที่ตกแต่งเสียน่ารัก กระจุ๋มกระจิ๋มด้วยของประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ขยันแต่งเติมตามมุมต่างๆ อย่างเก๋ไก๋ บราวน์พุดดิ่งพาย เค้กชิ้นเล็กเนื้อหนานุ่มแต่งหน้าด้วยผงช็อคโกแลตที่โรยมาบางเบาราวเกล็ดหิมะถูกยกมาเสิร์ฟพอดีตอนที่ปาจารีย์ผลักประตูกระจกเข้ามาเป็นลูกค้ารายที่สามของร้านในตอนนี้
“สวัสดีฮะ คุณปอ สั่งเค้กมาทานกันก่อนดีมั้ยฮะ” ชายหนุ่มเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มอย่างคนคุ้นเคย หญิงสาวก็ตอบรับแต่โดยดีเช่นกัน
“ดีเลยค่ะ ปอเห็นเค้กที่คุณชานนท์สั่งมาแล้วน่าทานมากเลย คงต้องขอเลียนแบบบ้าง” หล่อนบอกก่อนที่จะหันไปสั่งรายการที่ว่ากับพนักงานที่ยืนรอท่าอยู่
“เห็นคุณชานนท์บอกว่าวันนี้มีเรื่องสำคัญจะคุยกับปอใช่มั้ยคะ เรื่องอะไรเอ่ย” จบธุระเรื่องรายการของว่างแล้วเจ้าหล่อนก็เข้าเรื่องโดยไม่รอช้า
“คือ...ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มเรื่องยังไงดีเลยครับ กลัวจริงๆ เลยว่าคุณปออาจจะโกรธ” ชานนท์ชิงออกตัวเสียก่อน ซึ่งก็แน่นอนว่าถ้ามามุขนี้แล้ว หากปาจารีย์ยังรบเร้าจะทราบความต่อ ถึงจะไม่พอใจยังไงหล่อนก็คงจะไม่กล้ารุนแรงอะไรกับเขามากนักหรอก
“โธ่... ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ คุณชานนท์คุยกับปอได้เหมือนเพื่อนคนหนึ่งเลยนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าผมแค่มาพูดตามที่ถูกขอร้องมา ส่วนคุณปอก็แค่ช่วยรับฟังเอาไว้เฉยๆ ก็พอนะฮะ ไม่ต้องเก็บเอาไปคิดไปใส่ใจเลยก็ได้”
“อย่างน้อย ผมก็จะได้สบายใจว่าตัวเองได้ทำตามที่รับปากกับเจ้าภาณุวัฒน์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว แค่คุณปอช่วยผมเท่านี้ ผมก็ขอบคุณมากแล้วล่ะฮะ”
“คุณชานนท์บอกปอมาได้เลยค่ะ” ปาจารีย์บอกอย่างกระตือรือร้นที่จะเป็นผู้ฟังที่ดีเต็มที่
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าคุณชานนท์กลัวว่าปอจะไม่พอใจกับเรื่องที่ได้ฟัง ปอสัญญาเลยนะคะว่าจะรับฟังทุกอย่างที่คุณชานนท์บอกด้วยใจเป็นกลางแล้วก็มีสติตั้งมั่นสุดๆ เลยค่ะ คุณชานนท์สบายใจมากพอที่จะเล่าให้ปอฟังหรือยังคะ” ปาจารีย์ทำท่าสาบานตนกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งซ่อนกล้ามเนื้อสมส่วนที่นั่งท่าทางเป็นกังวลอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีขี้เล่นจนทำให้ชานนท์อดหัวเราะกับท่าทางการปฏิญาณตนอย่างขึงขังของหล่อนไม่ได้
“ลงว่าคุณปอรับรองแข็งขันมาขนาดนี้ ผมก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วล่ะฮะ ถ้าอย่างนั้นก็เอาเป็นว่าผมขอเล่าให้คุณปอฟังตรงๆ เลยแล้วกันนะครับ” ชานนท์หยุดทิ้งจังหวะไปนิดหนึ่งก่อนจะเข้าเรื่องต่อ
“คุณปอยังจำได้ใช่มั้ยฮะที่ผมเคยเล่าเรื่องที่นายใหญ่ เอ่อ เจ้าภาณุวัฒน์น่ะฮะ ว่ามันอยากจะหาผู้หญิงที่เต็มใจจะมาช่วยแสดงตัวเป็นคู่หมั้น...เอ่อ...หลอกๆ ให้คุณน้าประไพพิศ แม่ของนายใหญ่เขาสบายใจเรื่องลูกชายขึ้นมาสักหน่อยน่ะฮะ”
“ก็อย่างที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้ล่ะครับ ว่านายใหญ่มันเพิ่งอกหักจากคนรักมาแล้วก็เลยพาลมีอาการเหม็นเบื่อผู้หญิงจนคุณน้าประไพพิศชักจะเป็นห่วง”
“...กลัวลูกชายจะไม่มีความสุข แล้วที่สำคัญก็คงกลัวด้วยแหละครับว่าลูกชายคนโตจะเปลี่ยน เอ่อ...รสนิยมทางเพศไปอีกคน”
หญิงสาวตั้งใจฟังคนตรงหน้าที่เล่าเรื่องท้าวความหลังมาเรื่อยๆ อันที่จริงเรื่องราวเหล่านี้หล่อนก็พอจะทราบมาตั้งแต่คราวที่นัดแนะกันวางแผนจับคู่ให้คุณภาณุวัฒน์และมัชฌิมาแล้ว และหล่อนก็ยังไม่เห็นว่าจะมีเหตุอันใดที่จุดชนวนให้หล่อนโมโหขึ้นมาได้เลยสักนิด ชานนท์คงจะนึกกังวลเกินเหตุไปเองเสียกระมัง
“ปอยังจำได้แม่นอยู่เลยค่ะ คราวที่แล้วที่คุยกันปอยังบอกคุณชานนท์อยู่เลยว่าน่าเสียดายที่คุณภาณุวัฒน์เกิดเปลี่ยนใจไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นล่ะก็...” หญิงสาวพูดทิ้งท้ายเอาไว้อย่างหมายมาด
“ไม่อย่างนั้นแล้วคุณปอจะทำอะไรฮะ” ชายหนุ่มถามอย่างสนใจใคร่รู้เต็มแก่
“ไม่อย่างนั้นปอก็ว่าจะยุเพื่อนให้ลองรับเป็นคู่หมั้นปลอมๆ ให้คุณภาณุวัฒน์ดูซักทีน่ะสิคะ” ปาจารีย์ตอบกลับไปทันควันก่อนจะบอกต่อ
“คุณชานนท์ลืมไปแล้วเหรอคะ ที่เราเคยวางแผนด้วยกันเสียดิบดีว่าจะลองจับคู่ให้คุณภาณุวัฒน์ที่ชักจะมีอาการเบื่อผู้หญิงขึ้นสมองกับยัยมัชของปอที่ช่างเลือกผู้ชายที่จะมาเป็นคนรักเสียจนน่ากลัวว่าจะขึ้นคานต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้น่ะค่ะ”
“แหม...นึกแล้วก็ยังเสียดายอยู่เลยนะคะ ปอยังแอบคิดเลยค่ะว่า บางทีสองคนนี้เขาอาจจะเหมาะสมกันก็ได้” เจ้าหล่อนบอกเล่าด้วยอาการยังเสียดายไม่หายเลยจริงๆ ทำเอาชานนท์ถึงกับแอบยิ้มกริ่มอย่างมีความหวัง
“ถ้าอย่างนั้น...คุณปอยังยินดีจะทำตามแผนเดิมอยู่มั้ยฮะ ถ้าผมจะบอกว่าตอนนี้นายใหญ่มันอยากจะขอร้องให้คุณมัชฌิมาช่วยมาเล่นละครเป็นคู่หมั้นหลอกๆ ให้นายใหญ่มันหน่อยน่ะครับ”
ชานนท์ตัดสินใจหย่อนเบ็ดของเขาลงไปในจังหวะนี้และกำลังลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าปาจารีย์จะยินดีรับเอาข้อเสนอของเขาไปพิจารณาอย่างที่ว่ามาก่อนหน้านี้จริงหรือเปล่า สังเกตจากท่าทางลังเลของหล่อนแล้วความหวังของเขาก็ชักเริ่มจะฝ่อลงนิดๆ
ผู้หญิงก็เป็นเสียอย่างนี้ล่ะ พอบทจะเอาจริงขึ้นมาก็อดระแวงตามประสาขึ้นมาอีกไม่ได้ ชายหนุ่มนึกอย่างเซ็งๆ เพราะเขาเองก็ค่อนคาดหวังกับหนังรักเรื่องนี้เอาไว้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน กำลังลุ้นอยู่ว่าผู้อำนวยการสร้างจะสั่งให้ผลิตหนังรักเรื่องนี้ได้หรือเปล่า
“ทำไมคุณภาณุวัฒน์ถึงได้เปลี่ยนใจแล้วล่ะคะ คุณชานนท์พอจะบอกปอหน่อยได้มั้ย” หญิงสาวเอ่ยขอร้องนุ่มนวลอ่อนหวาน แต่ชานนท์ก็รู้ดีว่าเขาจะต้องมีคำอธิบายที่ดีและมีเหตุผลอันหนักแน่นเพียงพอให้กับหล่อน ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังเลยดีกว่า
“ได้สิฮะ นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องบอกให้คุณปอทราบอยู่แล้ว”
“ผมบอกคุณปอตามตรงว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะแฟนเก่าของนายใหญ่เขาจะแต่งงานเร็วๆ นี้ คงอีกไม่กี่เดือนหรอกครับ นายใหญ่มันก็เลยอยากจะมีคู่หมั้นของตัวเองบ้าง เวลาไปร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ตัวเองจะได้ไม่รู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจมากไปกว่าที่เป็นอยู่นะฮะ”
“เมื่อกี้คุณชานนท์บอกว่านี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง แล้วส่วนอื่นๆ ที่เหลือล่ะคะ คืออะไร” ปาจารีย์ถามกลับอย่างคนที่ใส่ใจทุกรายละเอียด โดยเฉพาะเรื่องที่สำคัญกับอนาคตของเพื่อนสาวของหล่อนอย่างนี้
“ก็เรื่องคุณน้าประไพพิศนั่นแหละครับ พอเจ้าใหญ่มันมีคู่หมั้นขึ้นมาเสียคน คุณน้าก็คงจะสบายใจขึ้นน่ะฮะ” ชายหนุ่มแสดงอาการว่าเขาพูดทุกเรื่องจบไปหมดแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่ปาจารีย์เท่านั้นแหละว่าจะเอายังไงต่อไป หญิงสาวหยุดครุ่นคิดไปชั่วขณะหนึ่ง
“ปอบอกคุณชานนท์ตามตรงเหมือนกันนะคะว่าปอลองมาคิดๆ ดูแล้ว ปอไม่ค่อยแน่ใจเลยว่าการทำอย่างนี้มันจะส่งผลดีต่อเพื่อนปอจริงๆ หรือเปล่า”
“ปอพอจะทราบแล้วก็เชื่อนะคะว่าคุณภาณุวัฒน์เองก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่คุณชานนท์ก็คงจะคิดเหมือนปอใช่มั้ยคะว่าการช่วยเชียร์ให้คนสองคนได้ทำความรู้จักกันหรือคบหากัน มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเท่ากับการที่เราจะจับเอาคนสองคนมาตกลงเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน…”
“เรื่องหมั้นมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่อยู่นะคะ ถึงจะแค่หมั้นกันหลอกๆ ก็ตามเถอะ บอกตามตรงนะคะว่าพอเอาเข้าจริงปอก็ชักจะหนักใจเหมือนกันค่ะ”
“ผมเข้าใจคุณปอนะฮะ อันที่จริงผมก็คิดเหมือนคุณปอนั่นแหละว่าเรื่องหมั้นมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เหมือนอย่างเด็กชวนกันเล่นขายของเลยสักนิด”
“ก่อนจะมาพูดกับคุณปอวันนี้ ผมก็คิดแล้วคิดอีกเลยนะฮะว่าจะลองพูดกับคุณปอดีหรือเปล่า อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกนั่นแหละครับว่า ผมกลัวคุณปอจะโกรธเอา”
“โธ่ เรื่องแค่นี้ปอไม่โกรธหรอกค่ะ แต่ก็ยังไม่แน่ใจจริงๆ ว่าจะคุยกับยัยมัชเรื่องนี้ดีหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ ยังไงผมจะลองไปหาคนอื่นดู เพราะถึงยังไงนายใหญ่ก็คงต้องหาใครสักคนมาแสดงตัวเป็นคู่หมั้นให้สักระยะนั่นแหละฮะ อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าพิมพ์ตาเขาจะแต่งงานแต่งการไปเรียบร้อยแล้ว”
ชานนท์ตัดสินใจทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการปรารภว่าเขาอาจจะเอาข้อเสนออันแสนน่าพิศมัยนี้ไปเสนอขายให้กับหญิงสาวรายอื่นแทน พอเจอไม้นี้เข้า ปาจารีย์ก็มีอาการลังเล แบ่งรับแบ่งสู้อย่างเห็นได้ชัด
“ขอโทษนะคะ ปอยังมีข้อสงสัยอีกนิดหนึ่งค่ะว่าแล้วอย่างนี้เพื่อนของปอจะได้อะไร ในเมื่อคุณภาณุวัฒน์ก็ไม่ได้คิดจะรักใครตอนนี้”
“คุณปอกับผมนี่คิดตรงกันหลายอย่างเลยนะฮะ ผมก็ถามเรื่องนี้กับนายใหญ่ไปเหมือนกัน”
“นายใหญ่เขาฝากบอกคุณมัชว่าคุณมัชจะเรียกร้องเอาอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละฮะ ถ้านายใหญ่มันสามารถหามาให้ได้ ...ยกเว้นก็แต่เพียงความรักเท่านั้นแหละครับที่คงให้ไม่ได้ เพราะนายใหญ่มันยังไม่คิดจะรักใครตอน
นี้อย่างที่คุณปอว่ามานั่นแหละครับ”
ชายหนุ่มตัดสินใจบอกหล่อนไปตามตรงทุกอย่าง พอได้ฟังแล้วปาจารีย์ก็เงียบไปเลยเหมือนกัน
“คุณปอลืมเรื่องที่เราคุยกันเมื่อกี้ไปเถอะฮะ ผมคิดว่าแผนจับคู่ของเราคงต้องยุติแต่เพียงเท่านี้แล้วล่ะครับ” ชานนท์ตัดใจบอกหญิงสาวไปก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ ให้ราวกับนักกีฬาผู้พ่ายแพ้เมื่อเห็นว่าปาจารีย์ทำท่าคิดนานเสียเหลือเกิน
“ปอว่ามันก็ไม่แน่เหมือนกันนะคะ บางทีแผนการของเรามันอาจจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นก็ได้”
ชานนท์ได้แต่มองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ สำหรับปาจารีย์ หล่อนตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะลองลุ้นเรื่องนี้กับมัชฌิมาดูเสียหน่อย ถ้าเพื่อนหล่อนเห็นดีเห็นงามตามด้วยหรือหล่อนมีวิธีทำให้มัชฌิมายอมตกลงด้วย บางทีคู่หมั้นกำมะลอคู่นี้อาจจะรักกันขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ ...ใครจะไปรู้
“สวัสดีค่ะ มาพบคุณภาณุวัฒน์หรือคะ” เจ้าหล่อนถามเขาเสียงใส ชานนท์ยืนเงียบด้วยอารามตะลึงและแปลกใจเหมือนคนทำเสียงหายไปครู่หนึ่ง
“เอ่อ ครับ ผมมาพบนายใหญ่ เอ้ย คุณภาณุวัฒน์ครับ นัดเอาไว้แล้ว”
“ขอโทษนะคะ ขอทราบชื่อคุณหน่อยได้มั้ยคะ ดิฉันจะได้เรียนคุณภาณุวัฒน์ถูกค่ะ” ชานนท์มองปากรูปกระจับที่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะอย่างเผลอๆ แม่สาวเสียงใสเลยต้องช่วยเรียกสติเขากลับมาอีกหน
“คุณคะ คุณชื่ออะไรคะ” เขาแอบจับได้ว่าปลายเสียงหล่อนชักเริ่มจะหงุดหงิดจึงรีบบอก
“อ๋อ ผมชื่อชานนท์ครับ ชานนท์ เวศน์ไพศาล เรียนเจ้านายไปตามนี้ก็ได้ฮะ”
“กรุณารอสักครู่นะคะ เชิญที่เก้าอี้รับแขกมุมนั้นก่อนก็ได้ค่ะ”
หล่อนผายมือเชิญเขาก่อนจะเดินฉับๆ ตรงไปยังห้องของท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่ของสหชัย กรุ๊ป บริษัทที่ดำเนินธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์และเป็นเจ้าของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ชานนท์มองตามหล่อนแล้วก็ได้แต่นึกขำ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการมาหาเพื่อนสักคนมันจะเข้าพบได้ยากเย็นถึงเพียงนี้ แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อหล่อนเองก็เป็นคนใหม่ และดูจากท่าทางแล้วแม่สาวน้อยตาโตนี่ก็ดูจะปฏิบัติหน้าที่ได้แข็งขันดีอยู่หรอก
“ไง ไอ้เสือ เปลี่ยนเลขาฯ หน้าห้องใหม่ก็ไม่ยอมบอกกันบ้าง หน้าตาน่ารักเสียด้วย เข้าใจเลือกเหมือนกันนะนายน่ะ” พอเข้าห้องมาได้ชานนท์ก็เปิดฉากแซวเลยทันที
“ว่าแต่คุณดรุณีไปไหนเสียล่ะ ลาออกไปแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างที่นายเข้าใจหรอก คุณณีก็ยังทำที่นี่เหมือนเดิม หน้าที่เดิมนั่นแหละ ส่วนน้องรินเขาเป็นผู้ช่วยเลขาฯ ของฉันน่ะ”
“ท่าทางจะสนิทสนมกันน่าดูเลยนะ เรียกน้องรินซะด้วย” ชานนท์ทักอย่างคนช่างสังเกต
“ก็บอกแล้วยังไงล่ะว่าไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก ยัยรินเขาเป็นน้องสาวสมัยเด็กของฉันน่ะ เขาเพิ่งเรียนจบกลับมาแล้วอยากจะลองมาทำงานกับฉันดูก่อน มันก็เท่านั้นแหละ”
“น้องสาวนายงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็น่าสน ว่าแต่นายยินดีจะรับฉันไว้พิจารณาในฐานะน้องเขยบ้างมั้ยเพื่อน”
“ไอ้บ้า อย่ามาทำเล่นๆ กับเขานะเว้ย ฉันเอาแกตายจริงๆ ด้วย” ภาณุวัฒน์ขู่เพื่อนหน้าตาขึงขังจนคนช่างแหย่ถึงขั้นหลุดขำก๊าก
“เออๆ รู้แล้ว ก็หวังล่ะนะว่านายจะห่วงน้องนอกไส้ในฐานะพี่ชายจริงๆ น่ะ” ชายหนุ่มยังไม่วายกัดทิ้งท้ายก่อนจะหันมาเข้าเรื่องอันเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาครั้งนี้
“แล้วไอ้เรื่องที่ว่าอยากจะให้ฉันช่วยน่ะ มีอะไรก็ว่ามา จะได้ดูสิว่าฉันพอจะช่วยนายได้หรือเปล่า”
“ถ้าฉันอยากมีคู่หมั้นกำมะลอขึ้นมาตอนนี้ นายจะยังช่วยฉันได้อยู่หรือเปล่าวะ”
พอชานนท์ได้ยินประโยคนี้เข้าก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้ที่เขาเคยมาเสนอว่าที่คู่หมั้นสาวสวยให้ภาณุวัฒน์ยังทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นแบ่งรับแบ่งสู้อยู่เลย ขนาดขอร้องให้พาคุณมัชฌิมาไปเลือกเสื้อผ้าด้วยหน่อยเดียวเพราะเขาไปรับปากกับปาจารีย์ เพื่อนสาวของหล่อนเอาไว้แล้ว พ่อเจ้าประคุณยังต้องให้ขอร้องกันเกือบตาย แล้วอยู่ๆ วันนี้ก็เกิดจะอยากมีคู่หมั้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ไอ้ช่วยน่ะ มันก็พอจะช่วยได้อยู่หรอกนะ แต่นายต้องบอกฉันมาก่อนว่าทำไมถึงเกิดจะเปลี่ยนใจขึ้นมาตอนนี้ ...เป็นเพราะพิมพ์ตาหรือเปล่า” ชายหนุ่มมองเพื่อนอย่างคาดคั้น ไม่ว่ายังไงภาณุวัฒน์ก็ต้องตอบคำถามของเขาเสียก่อน
“บอกตามตรงว่านั่นก็มีส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก”
“ถ้าไม่ใช่ทั้งหมด แล้วมีอะไรอีกบ้าง นายก็บอกมาให้ฉันฟังสิ ฉันจะได้ไปคุยเงื่อนไขของนายให้คุณปอฟังถูก”
“บอกตามตรงเหมือนกันนะ ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว บางทีเรื่องเล่นสนุกของนายมันอาจจะไม่ได้ง่ายอย่างทีแรกแล้วก็ได้ มันออกจะประหลาดอยู่นา...” ชานนท์พยายามวางลูกล่อลูกชนเผื่อว่าภาณุวัฒน์จะยอมขยายความในใจให้เขาได้รับรู้บ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล
“เอาเป็นว่านายบอกคุณปอเขาไปตามตรงก็แล้วกันว่าฉันอยากมีคู่หมั้นสักคนไว้แก้หน้าเวลาที่ต้องไปร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งงานของแฟนเก่าน่ะ รายละเอียดมีเท่านี้แหละ” ภาณุวัฒน์เอ่ยตัดบทเพียงสั้นๆ
“แล้วผู้หญิงเขาจะได้อะไรจากนายวะ นายใหญ่ ลองบอกให้ฉันเข้าใจหน่อยเถอะ” ชานนท์ถามอย่างโกรธๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าโกรธอะไร บางทีอาจเป็นเพราะหมั่นไส้เจ้าเพื่อนรักที่ทำเป็นปิดบังความในใจกับเขาทั้งที่กำลังขอให้เขาช่วยอยู่ก็ได้
“อะไรก็ได้ที่ฉันสามารถหาให้ได้ ...อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ความรัก”
“ถ้านายจะช่วยก็บอกคุณปอให้ไปบอกเพื่อนเธอตามนี้ก็แล้วกัน เท่านี้แหละที่ฉันอยากขอร้องนายน่ะ”
“ขอบอกอะไรตามตรงนะนายใหญ่ ฉันว่าเอาเข้าจริงแล้วข้อเสนอประหลาดแบบนี้ไม่มีผู้หญิงสติดีๆ ที่ไหนเขาอยากจะรับพิจารณาอย่างที่นายเคยว่าไว้นั่นแหละ ฉันว่านายลองคิดดูใหม่ดีกว่านะ”
“ตกลงว่าจะไม่ช่วย ว่างั้นเถอะ”
“ไม่ใช่ไม่ช่วย ฉันแค่อยากให้นายลองคิดดูใหม่เท่านั้นแหละ ผู้หญิงสติดีๆ ที่ไหน เขาจะ...”
“เชื่อฉันเถอะว่ายัยนั่นสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก บางทีเขาอาจจะรับพิจารณาก็ได้”
“นายหมายความว่ายังไง คุณปอน่ะเหรอสติไม่ดี” ชานนท์ถามเพื่อนอย่างงงๆ ยอมรับว่าตามความคิดเจ้าเพื่อนรักไม่ทันเลยจริงๆ
“ฉันหมายถึงว่าที่คู่หมั้นของฉันต่างหากล่ะ นายทำตามที่ฉันบอกเถอะน่า อย่างมากก็แค่โดนด่ากลับมา จะกลัวอะไรนักหนาวะ นายก็แค่ลองเปรยไปเฉยๆ ไม่ได้ไปบังคับขู่เข็ญอะไรเขานี่หว่า”
“เป็นอันว่าตกลงตามนี้นะ ฉันจะทำงานต่อแล้ว”
ชานนท์ได้แต่ทำท่าขยับปากจะพูดต่อ แต่ภาณุวัฒน์ชิงปิดการสนทนาไปสนใจงานตรงหน้าแทนเสียก่อน ชายหนุ่มจึงได้แต่บ่นพึมพำอยู่คนเดียวว่าเจ้าเพื่อนรักของเขานี่ล่ะ จอมเผด็จการกลับชาติมาเกิด !
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
ชานนท์นั่งรอปาจารีย์อยู่ในร้านเค้กร้านเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศของหล่อนนัก วันนี้เขากับปาจารีย์มีนัดมาเจรจาข้อเสนอพิสดารกันนิดหน่อย และชายหนุ่มก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเค้กอร่อยๆ คงพอจะช่วยทำให้เจ้าหล่อนไม่โมโหโกรธากับข้อเสนอบ้าๆ บอๆ ของเขานัก
ถึงแม้ว่าเจ้าภาณุวัฒน์จะเป็นไอ้เพื่อนจอมเผด็จการยังไง แต่สุดท้ายชานนท์ก็ต้องยอมทำตามอย่างที่เจ้าเพื่อนรักมันขอร้องมาอยู่ดี
โชคดีที่ยามบ่ายแก่ๆ เช่นนี้ผู้คนไม่ค่อยพลุ่กพล่าน ชายหนุ่มเลือกสถานที่นัดที่ร้านนี้เพราะเขาชอบทานเค้กแล้วก็นึกชอบบรรยากาศภายในร้านนี้ที่ตกแต่งเสียน่ารัก กระจุ๋มกระจิ๋มด้วยของประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ขยันแต่งเติมตามมุมต่างๆ อย่างเก๋ไก๋ บราวน์พุดดิ่งพาย เค้กชิ้นเล็กเนื้อหนานุ่มแต่งหน้าด้วยผงช็อคโกแลตที่โรยมาบางเบาราวเกล็ดหิมะถูกยกมาเสิร์ฟพอดีตอนที่ปาจารีย์ผลักประตูกระจกเข้ามาเป็นลูกค้ารายที่สามของร้านในตอนนี้
“สวัสดีฮะ คุณปอ สั่งเค้กมาทานกันก่อนดีมั้ยฮะ” ชายหนุ่มเอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้มอย่างคนคุ้นเคย หญิงสาวก็ตอบรับแต่โดยดีเช่นกัน
“ดีเลยค่ะ ปอเห็นเค้กที่คุณชานนท์สั่งมาแล้วน่าทานมากเลย คงต้องขอเลียนแบบบ้าง” หล่อนบอกก่อนที่จะหันไปสั่งรายการที่ว่ากับพนักงานที่ยืนรอท่าอยู่
“เห็นคุณชานนท์บอกว่าวันนี้มีเรื่องสำคัญจะคุยกับปอใช่มั้ยคะ เรื่องอะไรเอ่ย” จบธุระเรื่องรายการของว่างแล้วเจ้าหล่อนก็เข้าเรื่องโดยไม่รอช้า
“คือ...ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มเรื่องยังไงดีเลยครับ กลัวจริงๆ เลยว่าคุณปออาจจะโกรธ” ชานนท์ชิงออกตัวเสียก่อน ซึ่งก็แน่นอนว่าถ้ามามุขนี้แล้ว หากปาจารีย์ยังรบเร้าจะทราบความต่อ ถึงจะไม่พอใจยังไงหล่อนก็คงจะไม่กล้ารุนแรงอะไรกับเขามากนักหรอก
“โธ่... ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ คุณชานนท์คุยกับปอได้เหมือนเพื่อนคนหนึ่งเลยนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าผมแค่มาพูดตามที่ถูกขอร้องมา ส่วนคุณปอก็แค่ช่วยรับฟังเอาไว้เฉยๆ ก็พอนะฮะ ไม่ต้องเก็บเอาไปคิดไปใส่ใจเลยก็ได้”
“อย่างน้อย ผมก็จะได้สบายใจว่าตัวเองได้ทำตามที่รับปากกับเจ้าภาณุวัฒน์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว แค่คุณปอช่วยผมเท่านี้ ผมก็ขอบคุณมากแล้วล่ะฮะ”
“คุณชานนท์บอกปอมาได้เลยค่ะ” ปาจารีย์บอกอย่างกระตือรือร้นที่จะเป็นผู้ฟังที่ดีเต็มที่
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าคุณชานนท์กลัวว่าปอจะไม่พอใจกับเรื่องที่ได้ฟัง ปอสัญญาเลยนะคะว่าจะรับฟังทุกอย่างที่คุณชานนท์บอกด้วยใจเป็นกลางแล้วก็มีสติตั้งมั่นสุดๆ เลยค่ะ คุณชานนท์สบายใจมากพอที่จะเล่าให้ปอฟังหรือยังคะ” ปาจารีย์ทำท่าสาบานตนกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งซ่อนกล้ามเนื้อสมส่วนที่นั่งท่าทางเป็นกังวลอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีขี้เล่นจนทำให้ชานนท์อดหัวเราะกับท่าทางการปฏิญาณตนอย่างขึงขังของหล่อนไม่ได้
“ลงว่าคุณปอรับรองแข็งขันมาขนาดนี้ ผมก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วล่ะฮะ ถ้าอย่างนั้นก็เอาเป็นว่าผมขอเล่าให้คุณปอฟังตรงๆ เลยแล้วกันนะครับ” ชานนท์หยุดทิ้งจังหวะไปนิดหนึ่งก่อนจะเข้าเรื่องต่อ
“คุณปอยังจำได้ใช่มั้ยฮะที่ผมเคยเล่าเรื่องที่นายใหญ่ เอ่อ เจ้าภาณุวัฒน์น่ะฮะ ว่ามันอยากจะหาผู้หญิงที่เต็มใจจะมาช่วยแสดงตัวเป็นคู่หมั้น...เอ่อ...หลอกๆ ให้คุณน้าประไพพิศ แม่ของนายใหญ่เขาสบายใจเรื่องลูกชายขึ้นมาสักหน่อยน่ะฮะ”
“ก็อย่างที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้ล่ะครับ ว่านายใหญ่มันเพิ่งอกหักจากคนรักมาแล้วก็เลยพาลมีอาการเหม็นเบื่อผู้หญิงจนคุณน้าประไพพิศชักจะเป็นห่วง”
“...กลัวลูกชายจะไม่มีความสุข แล้วที่สำคัญก็คงกลัวด้วยแหละครับว่าลูกชายคนโตจะเปลี่ยน เอ่อ...รสนิยมทางเพศไปอีกคน”
หญิงสาวตั้งใจฟังคนตรงหน้าที่เล่าเรื่องท้าวความหลังมาเรื่อยๆ อันที่จริงเรื่องราวเหล่านี้หล่อนก็พอจะทราบมาตั้งแต่คราวที่นัดแนะกันวางแผนจับคู่ให้คุณภาณุวัฒน์และมัชฌิมาแล้ว และหล่อนก็ยังไม่เห็นว่าจะมีเหตุอันใดที่จุดชนวนให้หล่อนโมโหขึ้นมาได้เลยสักนิด ชานนท์คงจะนึกกังวลเกินเหตุไปเองเสียกระมัง
“ปอยังจำได้แม่นอยู่เลยค่ะ คราวที่แล้วที่คุยกันปอยังบอกคุณชานนท์อยู่เลยว่าน่าเสียดายที่คุณภาณุวัฒน์เกิดเปลี่ยนใจไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นล่ะก็...” หญิงสาวพูดทิ้งท้ายเอาไว้อย่างหมายมาด
“ไม่อย่างนั้นแล้วคุณปอจะทำอะไรฮะ” ชายหนุ่มถามอย่างสนใจใคร่รู้เต็มแก่
“ไม่อย่างนั้นปอก็ว่าจะยุเพื่อนให้ลองรับเป็นคู่หมั้นปลอมๆ ให้คุณภาณุวัฒน์ดูซักทีน่ะสิคะ” ปาจารีย์ตอบกลับไปทันควันก่อนจะบอกต่อ
“คุณชานนท์ลืมไปแล้วเหรอคะ ที่เราเคยวางแผนด้วยกันเสียดิบดีว่าจะลองจับคู่ให้คุณภาณุวัฒน์ที่ชักจะมีอาการเบื่อผู้หญิงขึ้นสมองกับยัยมัชของปอที่ช่างเลือกผู้ชายที่จะมาเป็นคนรักเสียจนน่ากลัวว่าจะขึ้นคานต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้น่ะค่ะ”
“แหม...นึกแล้วก็ยังเสียดายอยู่เลยนะคะ ปอยังแอบคิดเลยค่ะว่า บางทีสองคนนี้เขาอาจจะเหมาะสมกันก็ได้” เจ้าหล่อนบอกเล่าด้วยอาการยังเสียดายไม่หายเลยจริงๆ ทำเอาชานนท์ถึงกับแอบยิ้มกริ่มอย่างมีความหวัง
“ถ้าอย่างนั้น...คุณปอยังยินดีจะทำตามแผนเดิมอยู่มั้ยฮะ ถ้าผมจะบอกว่าตอนนี้นายใหญ่มันอยากจะขอร้องให้คุณมัชฌิมาช่วยมาเล่นละครเป็นคู่หมั้นหลอกๆ ให้นายใหญ่มันหน่อยน่ะครับ”
ชานนท์ตัดสินใจหย่อนเบ็ดของเขาลงไปในจังหวะนี้และกำลังลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าปาจารีย์จะยินดีรับเอาข้อเสนอของเขาไปพิจารณาอย่างที่ว่ามาก่อนหน้านี้จริงหรือเปล่า สังเกตจากท่าทางลังเลของหล่อนแล้วความหวังของเขาก็ชักเริ่มจะฝ่อลงนิดๆ
ผู้หญิงก็เป็นเสียอย่างนี้ล่ะ พอบทจะเอาจริงขึ้นมาก็อดระแวงตามประสาขึ้นมาอีกไม่ได้ ชายหนุ่มนึกอย่างเซ็งๆ เพราะเขาเองก็ค่อนคาดหวังกับหนังรักเรื่องนี้เอาไว้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน กำลังลุ้นอยู่ว่าผู้อำนวยการสร้างจะสั่งให้ผลิตหนังรักเรื่องนี้ได้หรือเปล่า
“ทำไมคุณภาณุวัฒน์ถึงได้เปลี่ยนใจแล้วล่ะคะ คุณชานนท์พอจะบอกปอหน่อยได้มั้ย” หญิงสาวเอ่ยขอร้องนุ่มนวลอ่อนหวาน แต่ชานนท์ก็รู้ดีว่าเขาจะต้องมีคำอธิบายที่ดีและมีเหตุผลอันหนักแน่นเพียงพอให้กับหล่อน ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังเลยดีกว่า
“ได้สิฮะ นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องบอกให้คุณปอทราบอยู่แล้ว”
“ผมบอกคุณปอตามตรงว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะแฟนเก่าของนายใหญ่เขาจะแต่งงานเร็วๆ นี้ คงอีกไม่กี่เดือนหรอกครับ นายใหญ่มันก็เลยอยากจะมีคู่หมั้นของตัวเองบ้าง เวลาไปร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ตัวเองจะได้ไม่รู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจมากไปกว่าที่เป็นอยู่นะฮะ”
“เมื่อกี้คุณชานนท์บอกว่านี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง แล้วส่วนอื่นๆ ที่เหลือล่ะคะ คืออะไร” ปาจารีย์ถามกลับอย่างคนที่ใส่ใจทุกรายละเอียด โดยเฉพาะเรื่องที่สำคัญกับอนาคตของเพื่อนสาวของหล่อนอย่างนี้
“ก็เรื่องคุณน้าประไพพิศนั่นแหละครับ พอเจ้าใหญ่มันมีคู่หมั้นขึ้นมาเสียคน คุณน้าก็คงจะสบายใจขึ้นน่ะฮะ” ชายหนุ่มแสดงอาการว่าเขาพูดทุกเรื่องจบไปหมดแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่ปาจารีย์เท่านั้นแหละว่าจะเอายังไงต่อไป หญิงสาวหยุดครุ่นคิดไปชั่วขณะหนึ่ง
“ปอบอกคุณชานนท์ตามตรงเหมือนกันนะคะว่าปอลองมาคิดๆ ดูแล้ว ปอไม่ค่อยแน่ใจเลยว่าการทำอย่างนี้มันจะส่งผลดีต่อเพื่อนปอจริงๆ หรือเปล่า”
“ปอพอจะทราบแล้วก็เชื่อนะคะว่าคุณภาณุวัฒน์เองก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่คุณชานนท์ก็คงจะคิดเหมือนปอใช่มั้ยคะว่าการช่วยเชียร์ให้คนสองคนได้ทำความรู้จักกันหรือคบหากัน มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเท่ากับการที่เราจะจับเอาคนสองคนมาตกลงเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน…”
“เรื่องหมั้นมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่อยู่นะคะ ถึงจะแค่หมั้นกันหลอกๆ ก็ตามเถอะ บอกตามตรงนะคะว่าพอเอาเข้าจริงปอก็ชักจะหนักใจเหมือนกันค่ะ”
“ผมเข้าใจคุณปอนะฮะ อันที่จริงผมก็คิดเหมือนคุณปอนั่นแหละว่าเรื่องหมั้นมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เหมือนอย่างเด็กชวนกันเล่นขายของเลยสักนิด”
“ก่อนจะมาพูดกับคุณปอวันนี้ ผมก็คิดแล้วคิดอีกเลยนะฮะว่าจะลองพูดกับคุณปอดีหรือเปล่า อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกนั่นแหละครับว่า ผมกลัวคุณปอจะโกรธเอา”
“โธ่ เรื่องแค่นี้ปอไม่โกรธหรอกค่ะ แต่ก็ยังไม่แน่ใจจริงๆ ว่าจะคุยกับยัยมัชเรื่องนี้ดีหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ ยังไงผมจะลองไปหาคนอื่นดู เพราะถึงยังไงนายใหญ่ก็คงต้องหาใครสักคนมาแสดงตัวเป็นคู่หมั้นให้สักระยะนั่นแหละฮะ อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าพิมพ์ตาเขาจะแต่งงานแต่งการไปเรียบร้อยแล้ว”
ชานนท์ตัดสินใจทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการปรารภว่าเขาอาจจะเอาข้อเสนออันแสนน่าพิศมัยนี้ไปเสนอขายให้กับหญิงสาวรายอื่นแทน พอเจอไม้นี้เข้า ปาจารีย์ก็มีอาการลังเล แบ่งรับแบ่งสู้อย่างเห็นได้ชัด
“ขอโทษนะคะ ปอยังมีข้อสงสัยอีกนิดหนึ่งค่ะว่าแล้วอย่างนี้เพื่อนของปอจะได้อะไร ในเมื่อคุณภาณุวัฒน์ก็ไม่ได้คิดจะรักใครตอนนี้”
“คุณปอกับผมนี่คิดตรงกันหลายอย่างเลยนะฮะ ผมก็ถามเรื่องนี้กับนายใหญ่ไปเหมือนกัน”
“นายใหญ่เขาฝากบอกคุณมัชว่าคุณมัชจะเรียกร้องเอาอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละฮะ ถ้านายใหญ่มันสามารถหามาให้ได้ ...ยกเว้นก็แต่เพียงความรักเท่านั้นแหละครับที่คงให้ไม่ได้ เพราะนายใหญ่มันยังไม่คิดจะรักใครตอน
นี้อย่างที่คุณปอว่ามานั่นแหละครับ”
ชายหนุ่มตัดสินใจบอกหล่อนไปตามตรงทุกอย่าง พอได้ฟังแล้วปาจารีย์ก็เงียบไปเลยเหมือนกัน
“คุณปอลืมเรื่องที่เราคุยกันเมื่อกี้ไปเถอะฮะ ผมคิดว่าแผนจับคู่ของเราคงต้องยุติแต่เพียงเท่านี้แล้วล่ะครับ” ชานนท์ตัดใจบอกหญิงสาวไปก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ ให้ราวกับนักกีฬาผู้พ่ายแพ้เมื่อเห็นว่าปาจารีย์ทำท่าคิดนานเสียเหลือเกิน
“ปอว่ามันก็ไม่แน่เหมือนกันนะคะ บางทีแผนการของเรามันอาจจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นก็ได้”
ชานนท์ได้แต่มองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ สำหรับปาจารีย์ หล่อนตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะลองลุ้นเรื่องนี้กับมัชฌิมาดูเสียหน่อย ถ้าเพื่อนหล่อนเห็นดีเห็นงามตามด้วยหรือหล่อนมีวิธีทำให้มัชฌิมายอมตกลงด้วย บางทีคู่หมั้นกำมะลอคู่นี้อาจจะรักกันขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ ...ใครจะไปรู้

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ค. 2555, 22:42:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ค. 2555, 22:42:21 น.
จำนวนการเข้าชม : 1302
<< ♥ บทที่ 11 | ♥ บทที่ 13 >> |