รถด่วนขบวนสุดรัก
ชีวิตนี้เคยต้องรออะไรนานๆ มั้ยคะ โดยเฉพาะรอดูว่าเมื่อไหร่พ่อเนื้อคู่ตุนาหงัน โซลเม็ทของฉันจะโผล่มาเซอร์ไพรส์ในชีวิตจริงเสียที เพราะนั่งรอ นอนรอ ตบยุงรอมาก็หลายปีดีดักแล้ว รอไปก็กังวลไป สงสัยว่าชาตินี้ฉันคงจะได้ขึ้นคานแหงๆ
การรอคอยบางทีทรมานกว่าผลลัพธ์ แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีเหมือนรถด่วนขบวนสุดรักขบวนนี้ บางที...การ (อดทน) รอก็อาจจะให้ดอกผลที่น่าชื่นใจกว่าก็ได้
อย่าไปกังวลเลยค่ะว่าเราจะไปไม่ทันรถด่วนขบวนสุดท้ายหรือเปล่า ขอให้พากันสมัครใจไปกับ รถด่วนขบวนสุดรัก กันดีกว่า
Dear someone,
If love (still) kept you standing at the station when the last train's gone by…, then I thought maybe walking was better ‘coz we were the master of our choices.
So, do you wanna walk…?
การรอคอยบางทีทรมานกว่าผลลัพธ์ แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีเหมือนรถด่วนขบวนสุดรักขบวนนี้ บางที...การ (อดทน) รอก็อาจจะให้ดอกผลที่น่าชื่นใจกว่าก็ได้
อย่าไปกังวลเลยค่ะว่าเราจะไปไม่ทันรถด่วนขบวนสุดท้ายหรือเปล่า ขอให้พากันสมัครใจไปกับ รถด่วนขบวนสุดรัก กันดีกว่า
Dear someone,
If love (still) kept you standing at the station when the last train's gone by…, then I thought maybe walking was better ‘coz we were the master of our choices.
So, do you wanna walk…?
Tags: เนื้อคู่ รถด่วนขบวนสุดท้าย ณนวล มัชฌิชา ภาณุวัฒน์
ตอน: ♥ บทที่ 16
หลังจากที่ปิดประตูลงไปแล้ว มัชฌิมาได้แต่หยุดยืนพิงกรอบประตูอยู่อย่างคนที่ตื่นเต้นจัดจนก้าวขาไม่ออก หญิงสาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นทาบบนหน้าอกด้านซ้าย รู้สึกได้ถึงแรงสะท้อนของก้อนเนื้อที่เต้นรัวตึกๆ อยู่ใต้ฝ่ามือ ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมดด้วยความอับอาย
...เมื่อกี้หล่อนทำอะไรลงไปเนี่ย มัชฌิมาครางอยู่ในอกอย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยสักนิดว่าหล่อนจะใจกล้าหน้าด้านถึงเพียงนั้น !
ตาย ตาย... แล้วอย่างนี้หล่อนจะกล้าเอาหน้างามๆ นี้ไปเจอภาณุวัฒน์อีกไหมเนี่ย...
คิดแล้วก็ขายหน้าชะมัด เป็นเพราะความโรคจิตของอรรณพแท้ๆ เลยทีเดียวที่บีบบังคับให้หล่อนต้องทำอะไรบ้าๆ ลงไปเช่นนี้
แล้วหล่อนจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย... โอ๊ย คิดแล้วกลุ้มชะมัด ! ปรึกษายัยปอดีกว่า
คิดได้ดังนั้นแล้วมัชฌิมาก็ผละจากประตูเดินลิ่วๆ ไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางทิ้งไว้บนโซฟามากดโทรหาเพื่อนสาวทันที ถึงหล่อนจะรู้สึกขายหน้ามากแค่ไหน แต่กับปาจารีย์แล้วหล่อนสามารถเปิดอกเล่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่ให้เพื่อนฟังได้โดยไม่ต้องกระดากใจมากนัก
“ว่ายังไงยะหล่อน คุณภาณุวัฒน์เขามีทีท่าว่าจะเป็นฆาตกรโรคจิตกับหล่อนบ้างหรือเปล่ายะ” ปาจารีย์เอ่ยปากเป็นเชิงล้อขึ้นมาทันทีที่รับสาย
“โรคจงโรคจิตอะไรกันเล่า ฉันมีเรื่องคอขาดบาดตายมากกว่านั้นอีก แกต้องช่วยฉันคิดด้วยนะเว้ย ว่าจะทำยังไงต่อไปดี ฉันคงไม่กล้ามองหน้าคุณภาณุวัฒน์ต่อไปอีกเลยแน่ๆ ”
“ฉันจะทำยังไงดีล่ะแก...” มัชฌิมาเปิดฉากครวญครางกับเพื่อนสาวผู้ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุในทันที
“โอ๊ย...แกก็เล่ามาก่อนสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นน่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะช่วยถูกได้ยังไงเล่า” ที่ปรึกษาของหล่อนเอ่ยขัดขึ้นมาอย่างเอือมๆ ก่อนจะซัก
“เอ้า ไหนบอกมาสิว่าไอ้เรื่องคอขาดบาดตายของแกน่ะ มันคือเรื่องอะไร”
“คือว่า...เมื่อกี้นี้...ฉัน ” มัชฌิมาพยายามจะเริ่มเรื่องอย่างยากลำบาก หากแต่แม่เพื่อนรักไม่นึกอยากจะเห็นใจด้วยจึงซักต่อเสียงเข้ม
“ฉันอะไรล่ะยะ เล่ามาซักทีเถอะแม่คู้ณ เพื่อนอยากรู้ใจจะขาดแล้วเนี่ย”
“ก็เดี๋ยวสิวะ คนยิ่งอายๆ อยู่ด้วย จะเร่งรัดอะไรกันหนากันหนาเล่า” พอโดนประชดใส่ เจ้าตัวก็เลยต่อว่ากลับไปบ้าง ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจยืดยาวอย่างหนักใจมาก่อนจะบอก
“งั้น ถ้าพร้อมจะเล่าเมื่อไหร่ก็บอกนะ จะได้รอฟัง”
”เออ เล่าแล้วๆ คือว่า...เมื่อกี้นี้ ตอนที่ฉันเดินไปส่งคุณภาณุวัฒน์ที่หน้าห้อง ฉัน...ฉันจุ๊บแก้มคุณภาณุวัฒน์เขาไปด้วยอ่ะแก” หญิงสาวสารภาพกับเพื่อนเสียงอ่อย
“หา ! เมื่อกี้แกบอกว่าแกจูบคุณภาณุวัฒน์เขาเนี่ยนะ” ปาจารีย์ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นตกใจสุดๆ
“ไม่ได้จูบเว้ย ...แค่จุ๊บแก้มเฉยๆ ”
“เออๆ มันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ”
“ว่าแต่ แกนึกยังไงของแกฮึ มัช ...หรือว่าแกตกหลุมรักคุณภาณุวัฒน์เข้าแล้วเลยอดใจไว้ไม่อยู่ ใช่มั้ย” แม่คนช่างสันนิษฐานแอบถามเสียงคาดคั้นกลับมาในตอนท้าย
“มันไม่ใช่อย่างที่แกคิดหรอกน่า” มัชฌิมารีบบอกปัดทันทีเลยเหมือนกัน
“มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดแล้วมันเป็นอย่างไหนล่ะ ไหนลองบอกมาซิ”
“เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะอีตาอรรณพโรคจิตนั่นล่ะ”
“แกรู้ไหม เขาโทรมาหาฉันหลังจากที่แกวางสายไปได้สักพัก อรรณพเขาบอกว่าเขาไม่เชื่อหรอกว่าคุณภาณุวัฒน์จะเป็นแฟนฉันจริงๆ น่ะ เขาหาว่าฉันแกล้งวางแผนตบตาเขา”
“ฉันงี้กังวลแทบตายเลยนะแก ไม่รู้ว่าอรรณพไปเอาเบอร์มือถือฉันมาจากไหน แถมยังมาทำโรคจิตใส่กันแบบนี้ ฉันก็เลยชักจะขวัญผวาขึ้นมาน่ะสิ”
“ทีนี้ อีตอนที่ฉันออกไปส่งคุณภาณุวัฒน์ตอนเขาจะกลับน่ะ ฉันก็หันไปเห็นว่าอีตาอรรณพดันแอบมองดูเราอยู่ด้วย ฉันก็เลย…” มัชฌิมาทิ้งค้างไว้เหมือนไม่อยากพูดต่อ
“แกก็เลยกระโดดจูบคุณภาณุวัฒน์โชว์อีตาอรรณพซะเลย ว่าอย่างนั้นเถอะ” ปาจารีย์เลยเป็นฝ่ายจบเรื่องให้เสียเอง
“เออ ก็ประมาณนั้นแหละ” หญิงสาวรับสารภาพไม่เต็มเสียง
“ป่านนี้ ไม่รู้คุณภาณุวัฒน์เขาจะคิดยังไงบ้างแล้วนะแก อยู่ดีๆ ก็ดันมียัยผู้หญิงแปลกหน้ามากระโดดจูบแก้มเขาเฉยเลย ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันเสียหน่อย”
“โอย...แล้วฉันควรจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย แกช่วยบอกฉันหน่อยสิปอ” มัชฌิมาพยายามยึดปาจารีย์เป็นที่พึ่งสุดท้ายอย่างคนที่ไม่สามารถคิดอะไรเองได้แล้วตอนนี้
“เอาอย่างนี้ดีมั้ยล่ะ”
“แกก็แกล้งทำเป็นเนียน บอกกับคุณภาณุวัฒน์เขาไปเลยว่าแกแอบชอบเขาอยู่ ทีนี้...แกก็เลยอดไม่ได้ที่จะทำตามเสียงหัวใจเรียกร้องขึ้นมา บอกไปอย่างนี้เขาก็คงพอจะเห็นใจแกอยู่บ้างหรอก”
“เผลอๆ คุณภาณุวัฒน์เขาอาจจะเคลิ้มถึงขั้นยอมตกลงเป็นแฟนกับแกเลยก็ได้นะเว้ย แกว่าวิธีนี้ดีไหมล่ะ มีแต่ได้กับได้ เข้าท่าดีจะตายนะ แกว่ามั้ย” ปาจารีย์ยุกลับมาอย่างนึกสนุกกับแผนการตัวเองเต็มที่
“เข้าท่ากับผีน่ะสิ” เจ้าหล่อนสวนกลับมาอย่างโกรธๆ
“ฉันไปบอกหล่อนตอนไหนยะ ว่าฉันชอบคุณภาณุวัฒน์เขาน่ะ”
“ก็แค่อยากจะยืมตัวมาช่วยเล่นละครให้นิดหน่อยเท่านั้นแหละ ฉันไม่ได้คิดอยากจะเป็นแฟนกับเขาขึ้นมาจริงๆ เสียหน่อย รู้ไว้ด้วยนะยะ”
“แหม...พูดอย่างกับว่าคุณภาณุวัฒน์เขาอยากจะเป็นแฟนกับแกจนตัวสั่นอย่างนั้นแหละ เผลอๆ ป่านนี้อาจจะกลับไปนอนร้องไห้กระซิกๆ แล้วก็ได้นะ ที่โดนแกจูบเอาน่ะ”
ปาจารีย์อดไม่ได้ที่จะกระแนะหระแหนเพื่อนสาวของหล่อนกลับไปบ้าง โทษฐานที่อยากทำเป็นเล่นตัวดีนัก หล่อนรึอุตส่าห์แนะนำทางสว่างให้กลับไม่ชอบ
“พูดให้ดีๆ นะยะนังปอ ที่อุตส่าห์เล่าให้ฟังตั้งนานนี่ ต้องการจะให้มาช่วยกันคิดหาทางออกนะยะ ไม่ได้ต้องการให้หล่อนมากระแนะกระแหนฉันแบบนี้”
“ว่ายังไง มีทางอื่นที่ดีกว่านี้อีกมั้ยยะ” จากน้ำเสียงที่เคยโอดครวญแกมขอร้องกลับกลายมาเป็นการออกคำสั่งแล้วในประโยคนี้
“มี แต่ทางนี้เป็นทางสุดท้ายที่ฉันจะแนะนำให้หล่อนได้แล้วนะยะ”
“ทางอะไรเหรอแก ไหนลองบอกเพื่อนมาหน่อยซิ” คราวนี้มัชฌิมาปรับน้ำเสียงให้ฟังดูดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ก็ง่ายๆ แกก็เล่าให้คุณภาณุวัฒน์เขาฟังไปตามตรงเลยยังไงล่ะว่าทำไมแกต้องทำอย่างนี้ แล้วก็บอกแถมท้ายไปด้วยเลยนะว่าถ้าเขาไม่รังเกียจอะไร แกก็อยากจะขอยืมตัวเขามาเล่นเป็นแฟนชั่วคราวให้หน่อย” ยัยปออธิบายมาอย่างจริงจังก่อนจะตบท้าย
“ถือเสียว่าสงเคราะห์หญิงผู้ยากไร้ผู้ชายสักคนน่ะ บางทีคุณภาณุวัฒน์เขาอาจจะไม่นึกรังเกียจเท่าไหร่ก็ได้นะ”
“อะโห พูดมาแต่ละอย่าง ตกลงว่าฉันจะพึ่งแกได้มั้ยเนี่ย” คนอยากหาที่พึ่งย้อนกลับมาอย่างฉุนๆ
“อ้าว นี่ฉันพูดจริงๆ นะแก”
“แกลองคิดดูดีๆ สิ ขนาดอีตาอรรณพเห็นว่าแกมีผู้ชายมาหาถึงที่ห้อง อยู่กันสองต่อสองเป็นนานสองนาน เขายังไม่เชื่อเลยว่าแกกับผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนกัน แล้วถ้าต่อไปแกไม่หาโอกาสแสดงละครตบตาเขาอีก คิดหรือว่าอีตาอรรณพนี่จะยอมปล่อยแกไปง่ายๆ น่ะ”
“เดี๋ยวเขาก็ทำโรคจิตรังควาญแกไม่เลิกหรอก”
“ไหนๆ แกก็ทำให้เขาเข้าใจไปแล้วว่าแกกับคุณภาณุวัฒน์เป็นแฟนกัน แล้วทำไมถึงไม่เล่นต่อให้มันจบไปเลยล่ะ อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าอรรณพจะยอมเชื่อจริงๆ ว่าแกมีแฟนแล้ว เขาจะได้เลิกวุ่นวายกับชีวิตแกเสียที อย่างนี้จะไม่ดีกว่าเหรอ”
“แกลองคิดดูเอาเองก็แล้วกันนะมัช ฉันก็ช่วยแนะนำได้เท่านี้แหละ”
หญิงสาวคิดตามที่แม่เพื่อนยากของหล่อนแนะนำมาแล้วก็ต้องยอมรับว่าที่ปาจารีย์พูดมาก็ฟังดูมีเหตุผล ถ้าหากหล่อนจำเป็นจะต้องมีใครสักคนเอาไว้แอบอ้างเพื่อกีดกันอรรณพออกไปจากชีวิตแล้วล่ะก็ ภาณุวัฒน์คงเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด เพราะหล่อนเองก็ดันไปใช้ชายหนุ่มเป็นฉากบังหน้ามาตั้งแต่แรกแล้ว แถมตัวเองยังเล่นเกินบทที่คิดเอาไว้ในตอนแรกอีกต่างหาก
...บางทีทำอย่างที่ปาจารีย์แนะนำมาก็น่าจะดีอยู่เหมือนกัน
“ที่แกพูดมามันก็ถูกอยู่หรอกนะปอ” หญิงสาวยอมรับกับเพื่อนโดยดุษฎี
“แต่แกคิดเหรอว่าคุณภาณุวัฒน์เขาจะยอมให้ฉันยืมตัวมาเล่นละครตบตาอรรณพง่ายๆ อย่างที่แกว่ามาน่ะ
มันจะไม่ประหลาดไปหน่อยเหรอแก”
“ฉันไม่รู้จะไปพูดกับเขายังไงเลยว่ะ บอกตรงๆ ”
พอได้ฟังมัชฌิมาสารภาพความในใจมาอย่างนี้แล้วปาจารีย์ก็แอบยิ้มร่าดีใจอยู่คนเดียว เพราะหล่อนมองเห็นลู่ทางแล้วว่าจะทำให้แผนจับคู่ของหล่อนประสบความสำเร็จขึ้นมาได้อย่างไร ต้องขอบคุณอีตาอรรณพอยู่เหมือนกันที่เลือกกลับมาได้ถูกจังหวะเสียเหลือเกิน ไม่อย่างนั้น ‘อะไรๆ ’ ในหัวหล่อนมันก็คงไม่ลงล็อคง่ายดายอย่างนี้หรอก
คิดไปแล้วก็ช่างเหมือนบุพเพสันนิวาสเสียจริงๆ ปาจารีย์นึกทึกทักเอาเองก่อนจะตัดสินใจดำเนินการตามแผนที่วาดไว้
“คืออย่างนี้นะมัช…” เจ้าหล่อนเริ่มเกริ่น
“ความจริง ฉันมีข้อมูลบางอย่างที่อยากจะบอกให้แกรู้เอาไว้ เผื่อว่าแกจะสบายใจขึ้นเวลาที่ไปคุยเรื่องนี้กับคุณภาณุวัฒน์เขาน่ะ”
“ข้อมูลอะไรเหรอแก หรือว่า...ความจริงแล้วคุณภาณุวัฒน์เขาเป็นเกย์” มัชฌิมาเดาสุ่มไปอย่างนั้นเอง
“ไม่ใช่อย่างนั้น อย่าเพิ่งขัดคอได้มั้ยฮึ”
“ฉันแค่อยากจะบอกแกว่า”
“ตอนนี้คุณภาณุวัฒน์เองเขาก็กำลังมองหาผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่หมั้นหลอกๆ ให้เขาอยู่เหมือนกัน ...บางทีเขา
อาจจะตกลงรับข้อเสนอของแกง่ายๆ เลยก็ได้นะ” ปาจารีย์หย่อนเบ็ดลงไปแล้วก็ได้แต่รอลุ้นผลด้วยใจระทึก
“แกว่ายังไงนะ คุณภาณุวัฒน์เองก็อยากได้คู่หมั้นกำมะลออยู่เหมือนกัน อย่างนั้นเหรอ” มัชฌิมาทวนคำอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก
“แล้วแกไปรู้เรื่องของเขาได้ยังไง บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ แม่จอมวางแผน”
ด้วยความที่คบหากันมานานเสียจนต่างฝ่ายต่างรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว หล่อนจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยแม่เพื่อนรักเอาไว้ก่อน ก็จะไม่ให้สงสัยได้ยังไงในเมื่ออะไรๆ มันดูจะสอดคล้องลงตัวเหมาะเจาะกันไปหมดขนาดนี้ ทำราวกับว่ายัยปอเป็นคนกำกับบทเอาไว้อย่างนั้นแหละ หล่อนว่ามันชักจะยังไงๆ อยู่
“วางผง วางแผนอะไรกันล่ะแก แหม...ช่างมากล่าวหากันได้” ยัยปอรีบปฏิเสธเอาไว้ก่อน ก่อนจะหาเหตุผลมาซัพพอร์ตกันทีหลัง
“ถามหน่อยนะยะ ว่าฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไงว่าอีตาอรรณพจะกลับมาขอคืนดี รักรีเทิร์นกับหล่อนอีกน่ะ แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าแกจะไปกระโดดจูบคุณภาณุวัฒน์เข้าอย่างนั้น ไหนลองบอกมาหน่อยสิ”
“แล้วอย่างนี้ หล่อนจะมาหาว่าฉันเป็นคนวางแผนได้ยังไงยะ”
“คนเขาอุตส่าห์ช่วยหาทางให้ทุกอย่างแล้วยังจะมาอกตัญญูกันอีกนะ คนเรา”
ยัยปอทำเป็นทวงบุญคุณทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ อย่างกับจะตัดพ้อว่าเจ้าหล่อนทำคุณคนไม่ขึ้นอย่างนั้นแหละ โดยที่ไม่ได้เอ่ยถึงเลยสักนิดว่าไอ้ที่เจ้าหล่อน ‘ช่วยหาทางให้ทุกอย่าง’ น่ะรวมถึงความพยายามในการหาคู่หมั้นชั่วคราวให้มัชฌิมาด้วย
“แหม...ไม่ต้องทำเสียงน้อยอกน้อยใจขนาดนั้นก็ได้นะแก”
“เอาเป็นว่าเพื่อนขอโทษก็แล้วกันนะ ตอนนี้ก็ซาบซึ้งในความกรุณาของแกจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” มัชฌิมาทำเป็นปะเหลาะในตอนต้นก่อนจะประชดประเทียดในตอนท้าย
“ว่าแต่ แกยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะว่าไปรู้เรื่องของคุณภาณุวัฒน์มาได้ยังไง อย่ามาทำเป็นเนียน ขอร้อง”
“ฉันก็ได้ข่าวมาจากวงในของฉันน่ะสิยะ” ปาจารีย์ย้อนเพื่อนก่อนจะอธิบายต่อ
“คือว่าอย่างนี้นะแก คุณชานนท์ที่เป็นเพื่อนสนิทของคุณภาณุวัฒน์น่ะ เขาบังเอิญเป็นเพื่อนกับพี่ณัติด้วย แล้วเขาก็เคยพูดเรื่องนี้ให้พี่ณัติฟัง ฉันก็เลยสามารถคาบข่าววงในมาบอกกับแกได้อีกต่อหนึ่งนี่แหละ”
ปาจารีย์เล่าให้เพื่อนฟังเสียงซื่อ อันนี้จะมาหาว่าหล่อนพูดเท็จก็ไม่ได้หรอกนะ เพราะไอ้ที่พูดไปน่ะความจริงทั้งนั้น เพียงแต่หล่อนเลือกที่จะไม่บอกความจริงทั้งหมดให้มัชฌิมาฟังตอนนี้เท่านั้นแหละ
“อืม... ถ้าอย่างนั้น บางทีฉันอาจจะลองทำตามที่แกแนะนำดูก็แล้วกันนะ” มัชฌิมาบอกกับเพื่อนอย่างคนที่ยังตรองไม่ตก
“โอ๊ย ไม่ต้องอาจจง อาจจะแล้วล่ะแก ทำตามที่ฉันว่านี่แหละ ดีที่สุดแล้ว” ยัยปอโวยวายกลับมาทันทีเลยเหมือนกัน
“ตกลงเอาตามนี้นะ เสียเวลาสวีทของฉันมามากพอแล้ว ขอตัวก่อนล่ะ พี่ณัติแอบค้อนมาหลายทีแล้ว”
“ยังไงฉันจะตามรายงานผลจากแกอีกทีนะ แม่เพื่อนเลิฟ”
ปาจารีย์วางสายไปแล้วด้วยความสบายอกสบายใจที่แผนการของตัวเองดูท่าจะไปได้สวย งานนี้มีลุ้นแน่ๆ เอาไว้ให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนเถอะ หล่อนจะโทรไปนัดแนะกับภาณุวัฒน์อีกที รับรองว่างานนี้ต้องมีข่าวดีแน่ๆ
คราวนี้หล่อนจะลองดูสิว่ามัชฌิมาจะพลาดรถด่วนขบวนสุดท้ายนี่ไปอีกหรือเปล่า
...เมื่อกี้หล่อนทำอะไรลงไปเนี่ย มัชฌิมาครางอยู่ในอกอย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยสักนิดว่าหล่อนจะใจกล้าหน้าด้านถึงเพียงนั้น !
ตาย ตาย... แล้วอย่างนี้หล่อนจะกล้าเอาหน้างามๆ นี้ไปเจอภาณุวัฒน์อีกไหมเนี่ย...
คิดแล้วก็ขายหน้าชะมัด เป็นเพราะความโรคจิตของอรรณพแท้ๆ เลยทีเดียวที่บีบบังคับให้หล่อนต้องทำอะไรบ้าๆ ลงไปเช่นนี้
แล้วหล่อนจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย... โอ๊ย คิดแล้วกลุ้มชะมัด ! ปรึกษายัยปอดีกว่า
คิดได้ดังนั้นแล้วมัชฌิมาก็ผละจากประตูเดินลิ่วๆ ไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางทิ้งไว้บนโซฟามากดโทรหาเพื่อนสาวทันที ถึงหล่อนจะรู้สึกขายหน้ามากแค่ไหน แต่กับปาจารีย์แล้วหล่อนสามารถเปิดอกเล่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่ให้เพื่อนฟังได้โดยไม่ต้องกระดากใจมากนัก
“ว่ายังไงยะหล่อน คุณภาณุวัฒน์เขามีทีท่าว่าจะเป็นฆาตกรโรคจิตกับหล่อนบ้างหรือเปล่ายะ” ปาจารีย์เอ่ยปากเป็นเชิงล้อขึ้นมาทันทีที่รับสาย
“โรคจงโรคจิตอะไรกันเล่า ฉันมีเรื่องคอขาดบาดตายมากกว่านั้นอีก แกต้องช่วยฉันคิดด้วยนะเว้ย ว่าจะทำยังไงต่อไปดี ฉันคงไม่กล้ามองหน้าคุณภาณุวัฒน์ต่อไปอีกเลยแน่ๆ ”
“ฉันจะทำยังไงดีล่ะแก...” มัชฌิมาเปิดฉากครวญครางกับเพื่อนสาวผู้ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุในทันที
“โอ๊ย...แกก็เล่ามาก่อนสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นน่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะช่วยถูกได้ยังไงเล่า” ที่ปรึกษาของหล่อนเอ่ยขัดขึ้นมาอย่างเอือมๆ ก่อนจะซัก
“เอ้า ไหนบอกมาสิว่าไอ้เรื่องคอขาดบาดตายของแกน่ะ มันคือเรื่องอะไร”
“คือว่า...เมื่อกี้นี้...ฉัน ” มัชฌิมาพยายามจะเริ่มเรื่องอย่างยากลำบาก หากแต่แม่เพื่อนรักไม่นึกอยากจะเห็นใจด้วยจึงซักต่อเสียงเข้ม
“ฉันอะไรล่ะยะ เล่ามาซักทีเถอะแม่คู้ณ เพื่อนอยากรู้ใจจะขาดแล้วเนี่ย”
“ก็เดี๋ยวสิวะ คนยิ่งอายๆ อยู่ด้วย จะเร่งรัดอะไรกันหนากันหนาเล่า” พอโดนประชดใส่ เจ้าตัวก็เลยต่อว่ากลับไปบ้าง ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจยืดยาวอย่างหนักใจมาก่อนจะบอก
“งั้น ถ้าพร้อมจะเล่าเมื่อไหร่ก็บอกนะ จะได้รอฟัง”
”เออ เล่าแล้วๆ คือว่า...เมื่อกี้นี้ ตอนที่ฉันเดินไปส่งคุณภาณุวัฒน์ที่หน้าห้อง ฉัน...ฉันจุ๊บแก้มคุณภาณุวัฒน์เขาไปด้วยอ่ะแก” หญิงสาวสารภาพกับเพื่อนเสียงอ่อย
“หา ! เมื่อกี้แกบอกว่าแกจูบคุณภาณุวัฒน์เขาเนี่ยนะ” ปาจารีย์ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นตกใจสุดๆ
“ไม่ได้จูบเว้ย ...แค่จุ๊บแก้มเฉยๆ ”
“เออๆ มันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ”
“ว่าแต่ แกนึกยังไงของแกฮึ มัช ...หรือว่าแกตกหลุมรักคุณภาณุวัฒน์เข้าแล้วเลยอดใจไว้ไม่อยู่ ใช่มั้ย” แม่คนช่างสันนิษฐานแอบถามเสียงคาดคั้นกลับมาในตอนท้าย
“มันไม่ใช่อย่างที่แกคิดหรอกน่า” มัชฌิมารีบบอกปัดทันทีเลยเหมือนกัน
“มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดแล้วมันเป็นอย่างไหนล่ะ ไหนลองบอกมาซิ”
“เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะอีตาอรรณพโรคจิตนั่นล่ะ”
“แกรู้ไหม เขาโทรมาหาฉันหลังจากที่แกวางสายไปได้สักพัก อรรณพเขาบอกว่าเขาไม่เชื่อหรอกว่าคุณภาณุวัฒน์จะเป็นแฟนฉันจริงๆ น่ะ เขาหาว่าฉันแกล้งวางแผนตบตาเขา”
“ฉันงี้กังวลแทบตายเลยนะแก ไม่รู้ว่าอรรณพไปเอาเบอร์มือถือฉันมาจากไหน แถมยังมาทำโรคจิตใส่กันแบบนี้ ฉันก็เลยชักจะขวัญผวาขึ้นมาน่ะสิ”
“ทีนี้ อีตอนที่ฉันออกไปส่งคุณภาณุวัฒน์ตอนเขาจะกลับน่ะ ฉันก็หันไปเห็นว่าอีตาอรรณพดันแอบมองดูเราอยู่ด้วย ฉันก็เลย…” มัชฌิมาทิ้งค้างไว้เหมือนไม่อยากพูดต่อ
“แกก็เลยกระโดดจูบคุณภาณุวัฒน์โชว์อีตาอรรณพซะเลย ว่าอย่างนั้นเถอะ” ปาจารีย์เลยเป็นฝ่ายจบเรื่องให้เสียเอง
“เออ ก็ประมาณนั้นแหละ” หญิงสาวรับสารภาพไม่เต็มเสียง
“ป่านนี้ ไม่รู้คุณภาณุวัฒน์เขาจะคิดยังไงบ้างแล้วนะแก อยู่ดีๆ ก็ดันมียัยผู้หญิงแปลกหน้ามากระโดดจูบแก้มเขาเฉยเลย ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันเสียหน่อย”
“โอย...แล้วฉันควรจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย แกช่วยบอกฉันหน่อยสิปอ” มัชฌิมาพยายามยึดปาจารีย์เป็นที่พึ่งสุดท้ายอย่างคนที่ไม่สามารถคิดอะไรเองได้แล้วตอนนี้
“เอาอย่างนี้ดีมั้ยล่ะ”
“แกก็แกล้งทำเป็นเนียน บอกกับคุณภาณุวัฒน์เขาไปเลยว่าแกแอบชอบเขาอยู่ ทีนี้...แกก็เลยอดไม่ได้ที่จะทำตามเสียงหัวใจเรียกร้องขึ้นมา บอกไปอย่างนี้เขาก็คงพอจะเห็นใจแกอยู่บ้างหรอก”
“เผลอๆ คุณภาณุวัฒน์เขาอาจจะเคลิ้มถึงขั้นยอมตกลงเป็นแฟนกับแกเลยก็ได้นะเว้ย แกว่าวิธีนี้ดีไหมล่ะ มีแต่ได้กับได้ เข้าท่าดีจะตายนะ แกว่ามั้ย” ปาจารีย์ยุกลับมาอย่างนึกสนุกกับแผนการตัวเองเต็มที่
“เข้าท่ากับผีน่ะสิ” เจ้าหล่อนสวนกลับมาอย่างโกรธๆ
“ฉันไปบอกหล่อนตอนไหนยะ ว่าฉันชอบคุณภาณุวัฒน์เขาน่ะ”
“ก็แค่อยากจะยืมตัวมาช่วยเล่นละครให้นิดหน่อยเท่านั้นแหละ ฉันไม่ได้คิดอยากจะเป็นแฟนกับเขาขึ้นมาจริงๆ เสียหน่อย รู้ไว้ด้วยนะยะ”
“แหม...พูดอย่างกับว่าคุณภาณุวัฒน์เขาอยากจะเป็นแฟนกับแกจนตัวสั่นอย่างนั้นแหละ เผลอๆ ป่านนี้อาจจะกลับไปนอนร้องไห้กระซิกๆ แล้วก็ได้นะ ที่โดนแกจูบเอาน่ะ”
ปาจารีย์อดไม่ได้ที่จะกระแนะหระแหนเพื่อนสาวของหล่อนกลับไปบ้าง โทษฐานที่อยากทำเป็นเล่นตัวดีนัก หล่อนรึอุตส่าห์แนะนำทางสว่างให้กลับไม่ชอบ
“พูดให้ดีๆ นะยะนังปอ ที่อุตส่าห์เล่าให้ฟังตั้งนานนี่ ต้องการจะให้มาช่วยกันคิดหาทางออกนะยะ ไม่ได้ต้องการให้หล่อนมากระแนะกระแหนฉันแบบนี้”
“ว่ายังไง มีทางอื่นที่ดีกว่านี้อีกมั้ยยะ” จากน้ำเสียงที่เคยโอดครวญแกมขอร้องกลับกลายมาเป็นการออกคำสั่งแล้วในประโยคนี้
“มี แต่ทางนี้เป็นทางสุดท้ายที่ฉันจะแนะนำให้หล่อนได้แล้วนะยะ”
“ทางอะไรเหรอแก ไหนลองบอกเพื่อนมาหน่อยซิ” คราวนี้มัชฌิมาปรับน้ำเสียงให้ฟังดูดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ก็ง่ายๆ แกก็เล่าให้คุณภาณุวัฒน์เขาฟังไปตามตรงเลยยังไงล่ะว่าทำไมแกต้องทำอย่างนี้ แล้วก็บอกแถมท้ายไปด้วยเลยนะว่าถ้าเขาไม่รังเกียจอะไร แกก็อยากจะขอยืมตัวเขามาเล่นเป็นแฟนชั่วคราวให้หน่อย” ยัยปออธิบายมาอย่างจริงจังก่อนจะตบท้าย
“ถือเสียว่าสงเคราะห์หญิงผู้ยากไร้ผู้ชายสักคนน่ะ บางทีคุณภาณุวัฒน์เขาอาจจะไม่นึกรังเกียจเท่าไหร่ก็ได้นะ”
“อะโห พูดมาแต่ละอย่าง ตกลงว่าฉันจะพึ่งแกได้มั้ยเนี่ย” คนอยากหาที่พึ่งย้อนกลับมาอย่างฉุนๆ
“อ้าว นี่ฉันพูดจริงๆ นะแก”
“แกลองคิดดูดีๆ สิ ขนาดอีตาอรรณพเห็นว่าแกมีผู้ชายมาหาถึงที่ห้อง อยู่กันสองต่อสองเป็นนานสองนาน เขายังไม่เชื่อเลยว่าแกกับผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนกัน แล้วถ้าต่อไปแกไม่หาโอกาสแสดงละครตบตาเขาอีก คิดหรือว่าอีตาอรรณพนี่จะยอมปล่อยแกไปง่ายๆ น่ะ”
“เดี๋ยวเขาก็ทำโรคจิตรังควาญแกไม่เลิกหรอก”
“ไหนๆ แกก็ทำให้เขาเข้าใจไปแล้วว่าแกกับคุณภาณุวัฒน์เป็นแฟนกัน แล้วทำไมถึงไม่เล่นต่อให้มันจบไปเลยล่ะ อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าอรรณพจะยอมเชื่อจริงๆ ว่าแกมีแฟนแล้ว เขาจะได้เลิกวุ่นวายกับชีวิตแกเสียที อย่างนี้จะไม่ดีกว่าเหรอ”
“แกลองคิดดูเอาเองก็แล้วกันนะมัช ฉันก็ช่วยแนะนำได้เท่านี้แหละ”
หญิงสาวคิดตามที่แม่เพื่อนยากของหล่อนแนะนำมาแล้วก็ต้องยอมรับว่าที่ปาจารีย์พูดมาก็ฟังดูมีเหตุผล ถ้าหากหล่อนจำเป็นจะต้องมีใครสักคนเอาไว้แอบอ้างเพื่อกีดกันอรรณพออกไปจากชีวิตแล้วล่ะก็ ภาณุวัฒน์คงเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด เพราะหล่อนเองก็ดันไปใช้ชายหนุ่มเป็นฉากบังหน้ามาตั้งแต่แรกแล้ว แถมตัวเองยังเล่นเกินบทที่คิดเอาไว้ในตอนแรกอีกต่างหาก
...บางทีทำอย่างที่ปาจารีย์แนะนำมาก็น่าจะดีอยู่เหมือนกัน
“ที่แกพูดมามันก็ถูกอยู่หรอกนะปอ” หญิงสาวยอมรับกับเพื่อนโดยดุษฎี
“แต่แกคิดเหรอว่าคุณภาณุวัฒน์เขาจะยอมให้ฉันยืมตัวมาเล่นละครตบตาอรรณพง่ายๆ อย่างที่แกว่ามาน่ะ
มันจะไม่ประหลาดไปหน่อยเหรอแก”
“ฉันไม่รู้จะไปพูดกับเขายังไงเลยว่ะ บอกตรงๆ ”
พอได้ฟังมัชฌิมาสารภาพความในใจมาอย่างนี้แล้วปาจารีย์ก็แอบยิ้มร่าดีใจอยู่คนเดียว เพราะหล่อนมองเห็นลู่ทางแล้วว่าจะทำให้แผนจับคู่ของหล่อนประสบความสำเร็จขึ้นมาได้อย่างไร ต้องขอบคุณอีตาอรรณพอยู่เหมือนกันที่เลือกกลับมาได้ถูกจังหวะเสียเหลือเกิน ไม่อย่างนั้น ‘อะไรๆ ’ ในหัวหล่อนมันก็คงไม่ลงล็อคง่ายดายอย่างนี้หรอก
คิดไปแล้วก็ช่างเหมือนบุพเพสันนิวาสเสียจริงๆ ปาจารีย์นึกทึกทักเอาเองก่อนจะตัดสินใจดำเนินการตามแผนที่วาดไว้
“คืออย่างนี้นะมัช…” เจ้าหล่อนเริ่มเกริ่น
“ความจริง ฉันมีข้อมูลบางอย่างที่อยากจะบอกให้แกรู้เอาไว้ เผื่อว่าแกจะสบายใจขึ้นเวลาที่ไปคุยเรื่องนี้กับคุณภาณุวัฒน์เขาน่ะ”
“ข้อมูลอะไรเหรอแก หรือว่า...ความจริงแล้วคุณภาณุวัฒน์เขาเป็นเกย์” มัชฌิมาเดาสุ่มไปอย่างนั้นเอง
“ไม่ใช่อย่างนั้น อย่าเพิ่งขัดคอได้มั้ยฮึ”
“ฉันแค่อยากจะบอกแกว่า”
“ตอนนี้คุณภาณุวัฒน์เองเขาก็กำลังมองหาผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่หมั้นหลอกๆ ให้เขาอยู่เหมือนกัน ...บางทีเขา
อาจจะตกลงรับข้อเสนอของแกง่ายๆ เลยก็ได้นะ” ปาจารีย์หย่อนเบ็ดลงไปแล้วก็ได้แต่รอลุ้นผลด้วยใจระทึก
“แกว่ายังไงนะ คุณภาณุวัฒน์เองก็อยากได้คู่หมั้นกำมะลออยู่เหมือนกัน อย่างนั้นเหรอ” มัชฌิมาทวนคำอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก
“แล้วแกไปรู้เรื่องของเขาได้ยังไง บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ แม่จอมวางแผน”
ด้วยความที่คบหากันมานานเสียจนต่างฝ่ายต่างรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว หล่อนจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยแม่เพื่อนรักเอาไว้ก่อน ก็จะไม่ให้สงสัยได้ยังไงในเมื่ออะไรๆ มันดูจะสอดคล้องลงตัวเหมาะเจาะกันไปหมดขนาดนี้ ทำราวกับว่ายัยปอเป็นคนกำกับบทเอาไว้อย่างนั้นแหละ หล่อนว่ามันชักจะยังไงๆ อยู่
“วางผง วางแผนอะไรกันล่ะแก แหม...ช่างมากล่าวหากันได้” ยัยปอรีบปฏิเสธเอาไว้ก่อน ก่อนจะหาเหตุผลมาซัพพอร์ตกันทีหลัง
“ถามหน่อยนะยะ ว่าฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไงว่าอีตาอรรณพจะกลับมาขอคืนดี รักรีเทิร์นกับหล่อนอีกน่ะ แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าแกจะไปกระโดดจูบคุณภาณุวัฒน์เข้าอย่างนั้น ไหนลองบอกมาหน่อยสิ”
“แล้วอย่างนี้ หล่อนจะมาหาว่าฉันเป็นคนวางแผนได้ยังไงยะ”
“คนเขาอุตส่าห์ช่วยหาทางให้ทุกอย่างแล้วยังจะมาอกตัญญูกันอีกนะ คนเรา”
ยัยปอทำเป็นทวงบุญคุณทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ อย่างกับจะตัดพ้อว่าเจ้าหล่อนทำคุณคนไม่ขึ้นอย่างนั้นแหละ โดยที่ไม่ได้เอ่ยถึงเลยสักนิดว่าไอ้ที่เจ้าหล่อน ‘ช่วยหาทางให้ทุกอย่าง’ น่ะรวมถึงความพยายามในการหาคู่หมั้นชั่วคราวให้มัชฌิมาด้วย
“แหม...ไม่ต้องทำเสียงน้อยอกน้อยใจขนาดนั้นก็ได้นะแก”
“เอาเป็นว่าเพื่อนขอโทษก็แล้วกันนะ ตอนนี้ก็ซาบซึ้งในความกรุณาของแกจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” มัชฌิมาทำเป็นปะเหลาะในตอนต้นก่อนจะประชดประเทียดในตอนท้าย
“ว่าแต่ แกยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะว่าไปรู้เรื่องของคุณภาณุวัฒน์มาได้ยังไง อย่ามาทำเป็นเนียน ขอร้อง”
“ฉันก็ได้ข่าวมาจากวงในของฉันน่ะสิยะ” ปาจารีย์ย้อนเพื่อนก่อนจะอธิบายต่อ
“คือว่าอย่างนี้นะแก คุณชานนท์ที่เป็นเพื่อนสนิทของคุณภาณุวัฒน์น่ะ เขาบังเอิญเป็นเพื่อนกับพี่ณัติด้วย แล้วเขาก็เคยพูดเรื่องนี้ให้พี่ณัติฟัง ฉันก็เลยสามารถคาบข่าววงในมาบอกกับแกได้อีกต่อหนึ่งนี่แหละ”
ปาจารีย์เล่าให้เพื่อนฟังเสียงซื่อ อันนี้จะมาหาว่าหล่อนพูดเท็จก็ไม่ได้หรอกนะ เพราะไอ้ที่พูดไปน่ะความจริงทั้งนั้น เพียงแต่หล่อนเลือกที่จะไม่บอกความจริงทั้งหมดให้มัชฌิมาฟังตอนนี้เท่านั้นแหละ
“อืม... ถ้าอย่างนั้น บางทีฉันอาจจะลองทำตามที่แกแนะนำดูก็แล้วกันนะ” มัชฌิมาบอกกับเพื่อนอย่างคนที่ยังตรองไม่ตก
“โอ๊ย ไม่ต้องอาจจง อาจจะแล้วล่ะแก ทำตามที่ฉันว่านี่แหละ ดีที่สุดแล้ว” ยัยปอโวยวายกลับมาทันทีเลยเหมือนกัน
“ตกลงเอาตามนี้นะ เสียเวลาสวีทของฉันมามากพอแล้ว ขอตัวก่อนล่ะ พี่ณัติแอบค้อนมาหลายทีแล้ว”
“ยังไงฉันจะตามรายงานผลจากแกอีกทีนะ แม่เพื่อนเลิฟ”
ปาจารีย์วางสายไปแล้วด้วยความสบายอกสบายใจที่แผนการของตัวเองดูท่าจะไปได้สวย งานนี้มีลุ้นแน่ๆ เอาไว้ให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนเถอะ หล่อนจะโทรไปนัดแนะกับภาณุวัฒน์อีกที รับรองว่างานนี้ต้องมีข่าวดีแน่ๆ
คราวนี้หล่อนจะลองดูสิว่ามัชฌิมาจะพลาดรถด่วนขบวนสุดท้ายนี่ไปอีกหรือเปล่า

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2555, 22:06:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2555, 22:06:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 1516
<< ♥ บทที่ 15 |

espanol 14 ก.ค. 2555, 15:22:41 น.
อยากอ่านตอนต่อไปจังเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
อยากอ่านตอนต่อไปจังเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ