ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์
ตอน: 20.1ท่านรู้ว่าใครคู่กับใคร แม้ท่านออกมายืนยันเองไม่ได้ จับมือให้ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ได้ แต่ว่าท่านก็พยายามที่จะบอก
ม่านพรหม
20.
ด้วยกำลังจิตตกและรู้สึกหดหู่กับเรื่องราวของแหววและเพื่อนชาย ทำให้สัญญาณโทรศัพท์จาก กฤษณะที่ดังขึ้นมาเหมือนเสียงจากสวรรค์ และน้ำเสียงที่ผ่านเครื่องมือสื่อสารไปนั้นอ่อนโยน ออดอ้อนและเต็มไปด้วยความยินดีเหมือนกับว่าต้องการที่พึ่งจนกฤษณะรู้สึกได้... “คุณนะ”
“เป็นอย่างไรบ้างครับคุณหนูนา” น้ำเสียงของเขาร้อนรนระคนดีใจ...ดีใจที่เมขลายอมรับสายของเขา และก็ดีใจที่เมขลาไม่ได้เป็นอะไรมาก และเหมือนเมขลาอยากคุยกับเขาดี ๆ เหมือนไม่มีเรื่องโกรธเคืองอะไรอยู่ในใจ ใจของเขาก็ฟูขึ้นมาจนคับอก
“ก็ฉันสงสารแหววกับเพื่อน...ต้องเป็นเพราะเขารีบหนี มันถึงได้เป็นอย่างนี้”
“เขาทำตัวเขาเองนะครับ”
“แต่ครั้งนี้เขาไม่มีโอกาสแก้ตัวกลับตัวอีกแล้ว แล้วฉันได้ยิน ได้ยินเสียง..เสียงผู้ชายที่มีน้ำเสียงดุดัน พาพวกเขาไป”
“นรกแน่ๆ”
“ฉันเป็นห่วงเขาค่ะ กลัวว่า..”
“ผมเข้าใจครับ” ใจจริงกฤษณะอยากจะทับถมคนที่ทำให้เมขลาต้องเจ็บมากกว่านี้แต่พอระลึกได้ว่าทั้งคู่ตายไปแล้ว และเมขลากำลังตกอยู่ในสภาวะที่โทษตัวเองเขาจึงได้สติ
“แล้วนี่ กินข้าวเย็นหรือยัง ผมทายว่าคุณหนูนาต้องกินข้าวไม่ลงแน่ๆ เลย”
“ค่ะ มันตื้อไปหมด มันบอกไม่ถูก มันแน่น ฉันไม่คิดว่า พวกเขา จะพบจุดจบแบบนั้น”
“อย่าไปคิดถึงเขาเลย เปิดโทรทัศน์ดูละครหรือเปิดเพลงฟังดีไหม ยิ่งคิดถึงเขาก็ยิ่งเครียด เครียดแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร เขาไม่ฟื้นอยู่แล้ว...”
“แล้วคุณนะรู้ข่าวได้อย่างไร” เมขลาเพิ่งนึกได้ว่าเขายังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องที่เธอกับเขากำลังคุยกันอยู่
“อ้อ โทรบอกผมครับ อ้อเป็นสายให้ผม ผมขอโทษที่ไม่ได้บอก”
“ฉันรู้มานานแล้วค่ะ”
“ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ..”
“ค่ะ”
“ตอนนี้อยู่ที่ไหน ในห้องนอนหรือเปล่า”
“ในห้องนอนค่ะ”
“คนเดียวใช่ไหม”
“ใช่”
“หิวข้าวไหม..ลงไปกินข้าวหน่อยไหม ร้านยังไม่ปิดนี่ ลงไปกินก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ ดีกว่านะ ลงไปอยู่กับคนเยอะ ๆ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”
“รู้ได้อย่างไรว่าฉันฟุ้งซ่าน”
“ไม่เห็นจะยากเลย ผมก็เอาใจของตัวเองเข้าไปแทนความความคิดความรู้สึกของคุณ คุณเป็นคนใจดี ขี้สงสารคน มีคนตายไปหลังจากที่ทำร้ายคุณ ถ้าเป็นผม ผมก็คิดมาก..คุณก็น่าจะคิดมาก แค่นี้เอง”
ฟังคำพูดเนิบนาบของเขาแล้วเมขลาก็ขนลุกขึ้นมาเบา
“...รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงมาก ถ้าบินกลับไปได้ ไปเยี่ยมอาการที่บ้านแล้ว” ในระหว่างการสนทนาเขาพยายามประคับประคองถ้อยคำรักษาความสัมพันธ์ให้เดินหน้าไปกึ่ง ๆ เพื่อนชายคนสนิทและคนพิเศษของหญิงสาว
“แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“เพชรบุรี รอทำขบวนกลับกรุงเทพฯ”
“บ้านวิเลยนะ”
“มาบ้านคุณวิบ่อยไหม”
“ก็บ่อยนะ แต่ตั้งแต่ทำงาน ไม่ค่อยว่าง เลยไม่ค่อยได้ไป” พอกฤษณะเบี่ยงเบนประเด็นที่จะพูดคุยเมขลาก็เลยคล้อยตามเขาไปคุยเรื่องเมืองเพชรบุรี จนกระทั่งเมขลารู้สึกผ่อนคลายความหดหู่ใจลง ความทุกข์ที่เข้าครอบงำจิตใจค่อย ๆ เลือนหาย ความสุขตามวิถีของคนหนุ่มสาวเข้ามาแทนที่ เสียงหัวเราะออกจากริมฝีปากบางของเมขลาอยู่เป็นระยะ เมื่อกฤษณะเล่าเรื่องตลกในที่ทำงานกับเรื่องทั่ว ๆ ไปจนกระทั่งเมขลารู้สึกเพลิดเพลิน
“ตอนนี้คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ใช่”
“ผมจะอยู่ข้างคุณตลอดไปนะ มีเรื่องไม่สบายใจด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ คุณโทรหาผมได้เลย”
“ถ้าคุณทำงานอยู่”
“ผมก็จะบอกว่าผมทำงานอยู่ แล้วถ้าผมรู้ว่าคุณไม่สบายใจด้วยเรื่องอะไร ผมจะไม่สบายใจไปด้วยช่วยแบ่งเบาช่วยคิดหาทางออก”
“งานการมันจะได้ผลเหรอ”
“แต่ผมไม่อยากให้คุณคิดมากตามลำพัง...อยู่ตามลำพังคิดตามลำพัง บางทีมันก็เหงาและก็หาทางออกไม่ได้นะ”
“แต่จริง ๆ ฉันก็มีวิ...”
“แต่ตอนนี้เขาก็มีแฟนเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว...ดังนั้นคุณก็ควรจะมีแฟนให้เป็นเรื่องเป็นราวบ้าง”
“งั้นเหรอ..”
“มีแฟนแล้วดีนะ..”
“ดีอย่างไรบ้าง” เมขลาแสร้งถามกลับไป ทั้งที่ใบหน้านั้นกลั้วด้วยรอยยิ้ม..
“มีที่ปรับทุกข์ ทุกข์เล็กทุกข์ใหญ่ก็มีคนพร้อมฟัง ทำให้ไม่เหงา อนาคตก็สว่างไสว”
“ตอนนี้อนาคตฉันก็ไม่ได้มืดมนนะ”
“ผมหมายถึงว่า เราก็จะได้รู้ว่า พรุ่งนี้เราจะทำอะไรให้ชัดเจน อย่างผมตอนนี้ บอกตรง ๆ ว่าแผนผังชีวิตมันเหมือนตัน ๆ มันเหมือนไม่สมบูรณ์ เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ ถ้ามีแฟนที่รักกัน เข้าใจกันสักคน ผังชีวิตมันอาจจะยืนยาวไปจนถึงวางแผงเรื่องลูก เรื่องหลาน สมบัติพัสถาน”
“เหรอ ถามจริง ๆ เถอะ ก่อนหน้านั้น คุณกับแฟนเก่าคุณวางแผนกันไปถึงไหน”
“เขาเป็นอดีตไปแล้วครับ อย่าไปพูดถึงเขาอีกเลย”
“ก็ตอนนั้นดูจะรักกันมาก ถึงกับเม้งฉันยกใหญ่”
“ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้ผมได้เจอคุณหนูนานะ...ถ้าเขาไม่ไป...ผมก็คงไม่ว่างที่จะมองใคร”
“พูดแบบนี้เหมือนรักเขามาก”
“ตอนนั้นผมรักเขามาก...มีอนาคตด้วยกันระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่แล้วครับ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นอะไรเขา...ก็เขาไม่ใช่เนื้อคู่ผมนี่ครับ คุณก็รู้นี่...”
“ค่ะ”
“แล้วผมก็รู้แล้วว่าเนื้อคู่ของผมคือใคร”
เมขลานิ่งอึ้งเพราะใบหน้านั้นแดงซ่านจนไม่สามารถต่อปากต่อคำกับเขาได้อีก..
“ถามจริง ๆ เถอะ คุณไม่เห็นจริง ๆ หรือว่า เนื้อคู่ของผมคือใคร” เขารุกเร้าเมื่อเห็น
ว่าเมขลาเงียบไป
“ไม่เห็นจริง ๆ”
“ทำไมเป็นอย่างนั้นนะ...แล้วมีเคสที่เคยไม่เห็นบ้างไหมครับ”
“..ก็มีบ้าง”
“มีหรือไม่มี”
“เอ่อ..ถามทำไม”
“จริง ๆ แล้วคุณหนูนาว่าคนสองคนจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าเนี่ย ต้องอยู่กันด้วยเรื่องอะไร”
“จะให้ฉันตอบว่าความรักก็บอกมาเหอะ”
“มันก็เป็นสามัญสำนึกพื้นฐานของมนุษย์นี่ครับ”
“ก็ใช่..”
“คุณหนูนาก็เห็นว่า ก่อนที่เขาจะมาถามคุณหนูนาเรื่องเนื้อคู่ว่าคน ๆ นั้นใช่หรือไม่ใช่ เขาก็ใช้สามัญสำนึกไปแล้วเหมือนกัน..”
“ก็ใช่”
“เพียงแต่ต้องการการยืนยันเท่านั้นเองว่า ก. หรือ ข. ตามประสาคนที่อยากให้ชีวิตได้ดีที่สุด ผมเองเบื้องต้น ผมประหลาดใจนะที่วันแรกผมได้เจอคุณหนูนาถึงสามครั้ง..”
“วันไหน..”
“ก็วันที่เราชนกัน ครั้งแรกหัวลำโพง...อีกครั้งก็ที่โรงหนัง”
“ก็แค่สองครั้ง”
“คืนนั้นผมเห็นคุณหนูนาที่ร้านบ้านนางฟ้าอีกครั้ง...ผมก็เลยสงสัยว่านี่พระพรหมท่านกำลังแย้มให้ผมรู้ว่าผมกับคุณเป็นเนื้อคู่กัน”
“เหรอ”
“ผมเชื่อเรื่องพรหมลิขิตนะครับ...ท่านรู้ว่าใครคู่กับใคร แม้ท่านออกมายืนยันเองไม่ได้ จับมือให้ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ได้ แต่ว่าท่านก็พยายามที่จะบอก...ผมว่าท่านมีวิธีบอกใบ้เป็นนัย ๆ เยอะแยะไปหมด”
“อาทิเช่น”
“แม่ผมบอกว่า คุณหนูนากับผมหน้าตาเหมือนกัน ตาเรา คิ้วเราเหมือนกัน”
“เนอะ” เมขลาหัวเราะเบาๆ เขิน ๆ และตั้งใจฟังความในใจของเขาไปเรื่อย ๆ โดยหญิงสาวก็ยอมรับกับตัวเองว่าใจของตัวเองนั้นค่อย ๆ เปิดรับเขามาเสียจนจะเกือบหมดหัวใจอยู่แล้ว..
“เวลาไปงานแต่งงานหรือเห็นคนที่เขาแต่งงานกันแล้ว เราจะรู้สึกว่าหน้าตาเขาคล้าย ๆ กัน นิสัยเหมือน ๆ กัน หรืออุปนิสัยคล้าย ๆ กัน ผมแล้วเวลาฟังสตอรี่ของพวกเขาก่อนที่จะลงเอยกัน ผมรู้สึกว่าก่อนหน้านั้นพระพรหมท่านมีม่านบาง ๆ มาบังไว้ ให้เราได้สนุกหรือรื่นรมย์กับชีวิตพอประมาณ...แต่สุดท้ายเราก็หากันจนเจอโดยที่ท่านช่วยเรานิด ๆ หน่อย ๆ ด้วย”
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณนะจะคิดอะไรลึกซึ้งได้”
“ก็มีบ้างครับ..”
“ง่วงแล้วค่ะ” เมขลาเห็นว่าคุยกับเขามากจนหัวใจละลายแล้ว เธอต้องจึงขอตัว
“แบตเตอรี่ผมก็จะหมดเหมือนกันไม่ได้เอาที่ชาร์จมาด้วย...เตือนหลายรอบแล้ว”
“ค่ะ”
“ถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“เรื่อง..”
“คุณหนูนาเห็นว่าผมเป็นคนอย่างไรบ้าง..”
“ก็ดีค่ะ ลึกซึ้งดี..”
“มันแคบไป..”
“ก็ดูกันไปเรื่อย ๆ ดีกว่าค่ะ อย่าเพิ่งรวบรัดอะไรเลยเนอะ ว่าไหม”
“ครับ..ฝ่ายคุณหนูนาวางผมไว้ที่ตรงนั้นก็นับว่าให้โอกาสผมแล้วครับ แต่สำหรับผม...คุณหนูนาเข้าไปนั่งอยู่ในใจผมเรียบร้อยแล้วนะครับ...ผมรักคุณหนูนาไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่ารักตั้งแต่ตอนไหน...”
กฤษณะขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดอยู่ฝ่ายเดียวแล้วก็ต้องยิ้มบาง ๆ กับฟ้ากับดาวเมื่อเห็นว่าโทรศัพท์ของตัวเองแบตเตอรี่หมด..และเมื่อสอดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงเรียบร้อยกฤษณะก็ใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางข้างขวาขยี้ที่ดวงตาขวาของตนเองก่อนจะเปรยเบา ๆ ว่า
“จะเป็นห่าอะไรวะ ถึงได้เขม่นตาขวาไม่ได้หยุดเลย”....
20.
ด้วยกำลังจิตตกและรู้สึกหดหู่กับเรื่องราวของแหววและเพื่อนชาย ทำให้สัญญาณโทรศัพท์จาก กฤษณะที่ดังขึ้นมาเหมือนเสียงจากสวรรค์ และน้ำเสียงที่ผ่านเครื่องมือสื่อสารไปนั้นอ่อนโยน ออดอ้อนและเต็มไปด้วยความยินดีเหมือนกับว่าต้องการที่พึ่งจนกฤษณะรู้สึกได้... “คุณนะ”
“เป็นอย่างไรบ้างครับคุณหนูนา” น้ำเสียงของเขาร้อนรนระคนดีใจ...ดีใจที่เมขลายอมรับสายของเขา และก็ดีใจที่เมขลาไม่ได้เป็นอะไรมาก และเหมือนเมขลาอยากคุยกับเขาดี ๆ เหมือนไม่มีเรื่องโกรธเคืองอะไรอยู่ในใจ ใจของเขาก็ฟูขึ้นมาจนคับอก
“ก็ฉันสงสารแหววกับเพื่อน...ต้องเป็นเพราะเขารีบหนี มันถึงได้เป็นอย่างนี้”
“เขาทำตัวเขาเองนะครับ”
“แต่ครั้งนี้เขาไม่มีโอกาสแก้ตัวกลับตัวอีกแล้ว แล้วฉันได้ยิน ได้ยินเสียง..เสียงผู้ชายที่มีน้ำเสียงดุดัน พาพวกเขาไป”
“นรกแน่ๆ”
“ฉันเป็นห่วงเขาค่ะ กลัวว่า..”
“ผมเข้าใจครับ” ใจจริงกฤษณะอยากจะทับถมคนที่ทำให้เมขลาต้องเจ็บมากกว่านี้แต่พอระลึกได้ว่าทั้งคู่ตายไปแล้ว และเมขลากำลังตกอยู่ในสภาวะที่โทษตัวเองเขาจึงได้สติ
“แล้วนี่ กินข้าวเย็นหรือยัง ผมทายว่าคุณหนูนาต้องกินข้าวไม่ลงแน่ๆ เลย”
“ค่ะ มันตื้อไปหมด มันบอกไม่ถูก มันแน่น ฉันไม่คิดว่า พวกเขา จะพบจุดจบแบบนั้น”
“อย่าไปคิดถึงเขาเลย เปิดโทรทัศน์ดูละครหรือเปิดเพลงฟังดีไหม ยิ่งคิดถึงเขาก็ยิ่งเครียด เครียดแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร เขาไม่ฟื้นอยู่แล้ว...”
“แล้วคุณนะรู้ข่าวได้อย่างไร” เมขลาเพิ่งนึกได้ว่าเขายังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องที่เธอกับเขากำลังคุยกันอยู่
“อ้อ โทรบอกผมครับ อ้อเป็นสายให้ผม ผมขอโทษที่ไม่ได้บอก”
“ฉันรู้มานานแล้วค่ะ”
“ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ..”
“ค่ะ”
“ตอนนี้อยู่ที่ไหน ในห้องนอนหรือเปล่า”
“ในห้องนอนค่ะ”
“คนเดียวใช่ไหม”
“ใช่”
“หิวข้าวไหม..ลงไปกินข้าวหน่อยไหม ร้านยังไม่ปิดนี่ ลงไปกินก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ ดีกว่านะ ลงไปอยู่กับคนเยอะ ๆ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”
“รู้ได้อย่างไรว่าฉันฟุ้งซ่าน”
“ไม่เห็นจะยากเลย ผมก็เอาใจของตัวเองเข้าไปแทนความความคิดความรู้สึกของคุณ คุณเป็นคนใจดี ขี้สงสารคน มีคนตายไปหลังจากที่ทำร้ายคุณ ถ้าเป็นผม ผมก็คิดมาก..คุณก็น่าจะคิดมาก แค่นี้เอง”
ฟังคำพูดเนิบนาบของเขาแล้วเมขลาก็ขนลุกขึ้นมาเบา
“...รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงมาก ถ้าบินกลับไปได้ ไปเยี่ยมอาการที่บ้านแล้ว” ในระหว่างการสนทนาเขาพยายามประคับประคองถ้อยคำรักษาความสัมพันธ์ให้เดินหน้าไปกึ่ง ๆ เพื่อนชายคนสนิทและคนพิเศษของหญิงสาว
“แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“เพชรบุรี รอทำขบวนกลับกรุงเทพฯ”
“บ้านวิเลยนะ”
“มาบ้านคุณวิบ่อยไหม”
“ก็บ่อยนะ แต่ตั้งแต่ทำงาน ไม่ค่อยว่าง เลยไม่ค่อยได้ไป” พอกฤษณะเบี่ยงเบนประเด็นที่จะพูดคุยเมขลาก็เลยคล้อยตามเขาไปคุยเรื่องเมืองเพชรบุรี จนกระทั่งเมขลารู้สึกผ่อนคลายความหดหู่ใจลง ความทุกข์ที่เข้าครอบงำจิตใจค่อย ๆ เลือนหาย ความสุขตามวิถีของคนหนุ่มสาวเข้ามาแทนที่ เสียงหัวเราะออกจากริมฝีปากบางของเมขลาอยู่เป็นระยะ เมื่อกฤษณะเล่าเรื่องตลกในที่ทำงานกับเรื่องทั่ว ๆ ไปจนกระทั่งเมขลารู้สึกเพลิดเพลิน
“ตอนนี้คุณรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ใช่”
“ผมจะอยู่ข้างคุณตลอดไปนะ มีเรื่องไม่สบายใจด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ คุณโทรหาผมได้เลย”
“ถ้าคุณทำงานอยู่”
“ผมก็จะบอกว่าผมทำงานอยู่ แล้วถ้าผมรู้ว่าคุณไม่สบายใจด้วยเรื่องอะไร ผมจะไม่สบายใจไปด้วยช่วยแบ่งเบาช่วยคิดหาทางออก”
“งานการมันจะได้ผลเหรอ”
“แต่ผมไม่อยากให้คุณคิดมากตามลำพัง...อยู่ตามลำพังคิดตามลำพัง บางทีมันก็เหงาและก็หาทางออกไม่ได้นะ”
“แต่จริง ๆ ฉันก็มีวิ...”
“แต่ตอนนี้เขาก็มีแฟนเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว...ดังนั้นคุณก็ควรจะมีแฟนให้เป็นเรื่องเป็นราวบ้าง”
“งั้นเหรอ..”
“มีแฟนแล้วดีนะ..”
“ดีอย่างไรบ้าง” เมขลาแสร้งถามกลับไป ทั้งที่ใบหน้านั้นกลั้วด้วยรอยยิ้ม..
“มีที่ปรับทุกข์ ทุกข์เล็กทุกข์ใหญ่ก็มีคนพร้อมฟัง ทำให้ไม่เหงา อนาคตก็สว่างไสว”
“ตอนนี้อนาคตฉันก็ไม่ได้มืดมนนะ”
“ผมหมายถึงว่า เราก็จะได้รู้ว่า พรุ่งนี้เราจะทำอะไรให้ชัดเจน อย่างผมตอนนี้ บอกตรง ๆ ว่าแผนผังชีวิตมันเหมือนตัน ๆ มันเหมือนไม่สมบูรณ์ เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ ถ้ามีแฟนที่รักกัน เข้าใจกันสักคน ผังชีวิตมันอาจจะยืนยาวไปจนถึงวางแผงเรื่องลูก เรื่องหลาน สมบัติพัสถาน”
“เหรอ ถามจริง ๆ เถอะ ก่อนหน้านั้น คุณกับแฟนเก่าคุณวางแผนกันไปถึงไหน”
“เขาเป็นอดีตไปแล้วครับ อย่าไปพูดถึงเขาอีกเลย”
“ก็ตอนนั้นดูจะรักกันมาก ถึงกับเม้งฉันยกใหญ่”
“ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้ผมได้เจอคุณหนูนานะ...ถ้าเขาไม่ไป...ผมก็คงไม่ว่างที่จะมองใคร”
“พูดแบบนี้เหมือนรักเขามาก”
“ตอนนั้นผมรักเขามาก...มีอนาคตด้วยกันระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่แล้วครับ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นอะไรเขา...ก็เขาไม่ใช่เนื้อคู่ผมนี่ครับ คุณก็รู้นี่...”
“ค่ะ”
“แล้วผมก็รู้แล้วว่าเนื้อคู่ของผมคือใคร”
เมขลานิ่งอึ้งเพราะใบหน้านั้นแดงซ่านจนไม่สามารถต่อปากต่อคำกับเขาได้อีก..
“ถามจริง ๆ เถอะ คุณไม่เห็นจริง ๆ หรือว่า เนื้อคู่ของผมคือใคร” เขารุกเร้าเมื่อเห็น
ว่าเมขลาเงียบไป
“ไม่เห็นจริง ๆ”
“ทำไมเป็นอย่างนั้นนะ...แล้วมีเคสที่เคยไม่เห็นบ้างไหมครับ”
“..ก็มีบ้าง”
“มีหรือไม่มี”
“เอ่อ..ถามทำไม”
“จริง ๆ แล้วคุณหนูนาว่าคนสองคนจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าเนี่ย ต้องอยู่กันด้วยเรื่องอะไร”
“จะให้ฉันตอบว่าความรักก็บอกมาเหอะ”
“มันก็เป็นสามัญสำนึกพื้นฐานของมนุษย์นี่ครับ”
“ก็ใช่..”
“คุณหนูนาก็เห็นว่า ก่อนที่เขาจะมาถามคุณหนูนาเรื่องเนื้อคู่ว่าคน ๆ นั้นใช่หรือไม่ใช่ เขาก็ใช้สามัญสำนึกไปแล้วเหมือนกัน..”
“ก็ใช่”
“เพียงแต่ต้องการการยืนยันเท่านั้นเองว่า ก. หรือ ข. ตามประสาคนที่อยากให้ชีวิตได้ดีที่สุด ผมเองเบื้องต้น ผมประหลาดใจนะที่วันแรกผมได้เจอคุณหนูนาถึงสามครั้ง..”
“วันไหน..”
“ก็วันที่เราชนกัน ครั้งแรกหัวลำโพง...อีกครั้งก็ที่โรงหนัง”
“ก็แค่สองครั้ง”
“คืนนั้นผมเห็นคุณหนูนาที่ร้านบ้านนางฟ้าอีกครั้ง...ผมก็เลยสงสัยว่านี่พระพรหมท่านกำลังแย้มให้ผมรู้ว่าผมกับคุณเป็นเนื้อคู่กัน”
“เหรอ”
“ผมเชื่อเรื่องพรหมลิขิตนะครับ...ท่านรู้ว่าใครคู่กับใคร แม้ท่านออกมายืนยันเองไม่ได้ จับมือให้ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ได้ แต่ว่าท่านก็พยายามที่จะบอก...ผมว่าท่านมีวิธีบอกใบ้เป็นนัย ๆ เยอะแยะไปหมด”
“อาทิเช่น”
“แม่ผมบอกว่า คุณหนูนากับผมหน้าตาเหมือนกัน ตาเรา คิ้วเราเหมือนกัน”
“เนอะ” เมขลาหัวเราะเบาๆ เขิน ๆ และตั้งใจฟังความในใจของเขาไปเรื่อย ๆ โดยหญิงสาวก็ยอมรับกับตัวเองว่าใจของตัวเองนั้นค่อย ๆ เปิดรับเขามาเสียจนจะเกือบหมดหัวใจอยู่แล้ว..
“เวลาไปงานแต่งงานหรือเห็นคนที่เขาแต่งงานกันแล้ว เราจะรู้สึกว่าหน้าตาเขาคล้าย ๆ กัน นิสัยเหมือน ๆ กัน หรืออุปนิสัยคล้าย ๆ กัน ผมแล้วเวลาฟังสตอรี่ของพวกเขาก่อนที่จะลงเอยกัน ผมรู้สึกว่าก่อนหน้านั้นพระพรหมท่านมีม่านบาง ๆ มาบังไว้ ให้เราได้สนุกหรือรื่นรมย์กับชีวิตพอประมาณ...แต่สุดท้ายเราก็หากันจนเจอโดยที่ท่านช่วยเรานิด ๆ หน่อย ๆ ด้วย”
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณนะจะคิดอะไรลึกซึ้งได้”
“ก็มีบ้างครับ..”
“ง่วงแล้วค่ะ” เมขลาเห็นว่าคุยกับเขามากจนหัวใจละลายแล้ว เธอต้องจึงขอตัว
“แบตเตอรี่ผมก็จะหมดเหมือนกันไม่ได้เอาที่ชาร์จมาด้วย...เตือนหลายรอบแล้ว”
“ค่ะ”
“ถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“เรื่อง..”
“คุณหนูนาเห็นว่าผมเป็นคนอย่างไรบ้าง..”
“ก็ดีค่ะ ลึกซึ้งดี..”
“มันแคบไป..”
“ก็ดูกันไปเรื่อย ๆ ดีกว่าค่ะ อย่าเพิ่งรวบรัดอะไรเลยเนอะ ว่าไหม”
“ครับ..ฝ่ายคุณหนูนาวางผมไว้ที่ตรงนั้นก็นับว่าให้โอกาสผมแล้วครับ แต่สำหรับผม...คุณหนูนาเข้าไปนั่งอยู่ในใจผมเรียบร้อยแล้วนะครับ...ผมรักคุณหนูนาไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่ารักตั้งแต่ตอนไหน...”
กฤษณะขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดอยู่ฝ่ายเดียวแล้วก็ต้องยิ้มบาง ๆ กับฟ้ากับดาวเมื่อเห็นว่าโทรศัพท์ของตัวเองแบตเตอรี่หมด..และเมื่อสอดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงเรียบร้อยกฤษณะก็ใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางข้างขวาขยี้ที่ดวงตาขวาของตนเองก่อนจะเปรยเบา ๆ ว่า
“จะเป็นห่าอะไรวะ ถึงได้เขม่นตาขวาไม่ได้หยุดเลย”....
จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2555, 11:39:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มิ.ย. 2555, 11:39:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 2206
<< 19.ผมยืนยันว่าผมบริสุทธิ์ใจ และคนบริสุทธิ์ย่อมพ้นผิดอย่างแน่นอน | 20.2“เขาก็ไม่ได้เกิดมาชาตินั้นชาติเดียวแล้วมากลายเป็นนายกฤษณะในชาตินี้” >> |
จุฬามณีเฟื่องนคร 3 มิ.ย. 2555, 11:39:47 น.
.ใกล้จบแล้วฮ่ะว์ ขอเสียงแฟน ๆ ของกฤษณะกับหนูนาหน่อยนะฮ่ะว์...
.ใกล้จบแล้วฮ่ะว์ ขอเสียงแฟน ๆ ของกฤษณะกับหนูนาหน่อยนะฮ่ะว์...
nateetip 3 มิ.ย. 2555, 12:02:37 น.
มาชูมือค่ะ
มาชูมือค่ะ
imsoul 3 มิ.ย. 2555, 12:09:02 น.
ตาขวาด้วย ลุ้นๆคะ
ตาขวาด้วย ลุ้นๆคะ
tuktuk 3 มิ.ย. 2555, 20:19:22 น.
ชอบมากค่ะ
ชอบมากค่ะ
lookAme 3 มิ.ย. 2555, 22:54:52 น.
มาส่งเสียงด้วยคนค่ะ
มาส่งเสียงด้วยคนค่ะ
nutcha 4 มิ.ย. 2555, 02:30:23 น.
มาส่งเสียงเป็นกำลังใจให้อีกคนค่าาาาาา
มาส่งเสียงเป็นกำลังใจให้อีกคนค่าาาาาา
wii 4 มิ.ย. 2555, 03:26:13 น.
ตายล่ะนายคะน้าจะหัวเเตกเลือดอาบก็คราวนี้เเหละ ใครหรืออะไรน้อที่จะเอาเลือดหัวนายคะน้าออกมาอาบหัวใด้ เนี่ยโบราณเค้าว่าเมื่อตาขยิบ ขวาโชคร้ายซ้ายโชคดี
ตายล่ะนายคะน้าจะหัวเเตกเลือดอาบก็คราวนี้เเหละ ใครหรืออะไรน้อที่จะเอาเลือดหัวนายคะน้าออกมาอาบหัวใด้ เนี่ยโบราณเค้าว่าเมื่อตาขยิบ ขวาโชคร้ายซ้ายโชคดี
Orathai 4 มิ.ย. 2555, 06:56:27 น.
เป็นห่วงคะน้าเหมือนกันแฮะ...เหมือนแกจะไม่ใส่ใจเลย
ยกมือค่ะ...รอลุ้นกฤษณะกับเมขลา
เป็นห่วงคะน้าเหมือนกันแฮะ...เหมือนแกจะไม่ใส่ใจเลย
ยกมือค่ะ...รอลุ้นกฤษณะกับเมขลา
แว่นใส 4 มิ.ย. 2555, 09:42:25 น.
จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นล่ะสินะ
จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นล่ะสินะ
Zephyr 4 มิ.ย. 2555, 18:18:42 น.
โอ๊ะ พี่น้าจะเป็นไรมั้ยเนี่ย
แต่เค้าอ่ะ เวลาตาขวาเขม่นมันดี ตาซ้ายเขม่นมันซวยอ่ะ ไมสลับกันนะ
โอ๊ะ พี่น้าจะเป็นไรมั้ยเนี่ย
แต่เค้าอ่ะ เวลาตาขวาเขม่นมันดี ตาซ้ายเขม่นมันซวยอ่ะ ไมสลับกันนะ