ทิวาเลือน
เรื่องราวของการสืบหาความจริงที่ยังคลุมเครือของการเลิกราของเมฆาและเริ่มทิวาจนนำไปสู่อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตฝ่ายหญิง

โดยรวี ที่อยากจะช่วยญาติให้หลุดพ้นความเศร้าโศก ชักชวน อรุณงามญาติฝ่ายหญิงให้มาช่วยกันสืบด้วยความไม่เต็มใจนัก

ยิ่งสืบยิ่งยุ่ง อะไรหนอหรือใครกันที่เป็นสาเหตุอันแท้จริง


Tags: ชิตา ทิวาเลือน รักโรแมนติค

ตอน: ๓



บ้านหลังเล็กสีขาวที่อยู่สุดซอยในบ้านจัดสรรชานเมืองของป้ารุ้งแพงนั้น วันนี้เกิดการโต้เถียงกันตามปกติหลังจากที่หลานสาวหอบข้าวของมาจากกรุงเทพ

“ซื้อเสื้ออีกแล้วหรืองาม” ป้ารุ้งแพงซึ่งกำลังจะเข้าห้องพระ ทักเมื่อเห็นหลานสาวรื้อของจากกระเป๋า

“นี่หนังสือพี่ตะวัน นี่หนังสือของป้าค่ะ” รีบเอาของฝากให้ก่อนที่เรื่องจะยาวไปกว่านี้

“ขอบใจ แต่เดี๋ยวก่อนไหนดูซิ เดือนก่อนก็เพิ่งซื้อไม่ใช่หรือ เสื้อสายเดี๋ยวสีดำแบบนี้ เราจะใส่ตอนไหน ทำงานห้าวันหกวันก็ใส่ยูนิฟอร์มตลอด”

“ก็เผื่อไปงานที่ไหนไงจ๊ะป้า สวยออก ถูกด้วย”

“ถ้าซื้อมาเผื่อใช้ ทีหลังก็ไม่ต้องซื้อมาให้เปลืองเงิน โตแล้วนะทำอะไรเหมือนเด็กๆ “

ได้แต่เถียงในใจว่า งามใช้เงินเดือนงามซื้อนะคะ แต่หล่อนก็ไม่พูด ด้วยรู้ว่าไม่เหมาะ

“อ้อ แล้วงานที่ไปสัมภาษณ์ เขาว่าไงบ้าง”

“ก็ต้องรอค่ะ”

“ป้าไม่เข้าใจเลย งานเดิมก็ใกล้บ้าน แล้วงานก็ดี จะหาเรื่องไปอยู่ไกลๆ ทำไม”

“โธ่ งามบอกแล้วไงคะ ว่าแค่ลองดู”

“คิดอะไรแปลกๆ ถ้าเป็นทิวาคงไม่ยอมเสียเวลา เสียเงินค่าตั๋วเครื่องบินเพื่องานที่ไม่ได้อยากได้จริงจังหรอก”

ใครบอก หล่อนอยากได้ใจจะขาดต่างหาก

ป้ารุ้งแพงเดินมายืนตรงประตูห้อง ใช้สายตาจ้องมองหลานสาวที่หลบสายตา เสรื้อกระเป๋า

“อรุณงาม ป้าหวังดีนะที่ไม่อยากให้เราไปอยู่ไกลหูไกลตา กรุงเทพ รู้ไหมว่ามันคือนรกของผู้หญิง”

“ป้าขา นี่มันไม่ใช่สมัยสาวเครือฟ้านะคะ ที่ใครจะมาหลอกเอาง่ายๆ คนบ้านเราไปทำงานกรุงเทพ ที่ไกลกว่านั้นก็ระยอง ชลบุรี เยอะไป”

“งามก็รู้ว่าป้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ดูอย่างทิวา”

เอาอีกแล้ว วนไปทางไหนได้ไม่นานก็วกกลับมาที่ทิวาอีกแล้ว

“งามไม่ใช่ทิวา”

“ใช่ ขนาดทิวาอยู่ในสายตาป้า ยังเกิดเรื่อง แล้วถ้างามไปอยู่กรุงเทพใครจะดูแล”

“ความเจ้าชู้ของนายเมฆา เกี่ยวอะไรกับการที่ป้าจะดูแลไม่ดูแลทิวา”

ป้ารุ้งแพงชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับตอบว่า

“มะรืนนี้ไปวัดป่ากับป้าด้วย”

“ไม่ได้ค่ะ งามมีนัด”

“นัดกับใคร”

“เพื่อนค่ะ ไปเที่ยว”

“ยกเลิกซะ แล้วไปวัดป่ากับป้า หัดเข้าวัดทำบุญเสียบ้าง โตแล้ว”

แต่ยังไม่แก่ อรุณงามบ่นในใจ แต่ไม่พูดไม่เถียง ไม่ต่อความ ใช่ว่าไม่รักไม่เคารพ แต่การบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่เต็มใจ และการจับตาดูไม่ให้คลาดสายตาราวกับกล้องวงจรปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง มันเกินไป และเกินทน แต่ก่อนป้าแค่หวงเริ่มทิวา ไม่ถึงกับห้ามคบเพื่อน แต่พอเริ่มทิวาตาย ป้าก็หาตัวตายตัวแทนซึ่งก็คืออรุณงามนั่นเอง

“แต่งามไม่อยากไปนี่คะ ป้าจะมาบังคับไม่ได้ งามโตแล้ว จะสามสิบอีกไม่กี่ปี งามคิดว่างามรู้จักเอาตัวรอดจากสังคม ไหนๆ ก็ได้ ที่งามอยากไปอยู่ การไปวัดป่าก็ดี งามเห็นด้วย แต่คราวนี้งามมีนัดนี่คะ ป้าจะบังคับให้งามได้ดั่งใจป้าทุกอย่างเหมือนทิวาไม่ได้หรอก งามกับทิวาคนละคนกัน”

หล่อนบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำไงได้ คนปากกับใจมันตรงกัน หล่อนจะเถียงมันซื่งๆ หน้านี่แหละ โกรธแล้วนะ และคิดว่าถึงเวลาพูดเสียที

“อ้อ เดี๋ยวนี้งามเห็นความหวังดีของป้าเป็นความจุ้นจ้านแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่จุ้นจ้าน ป้าคือคนที่หวังดีกับงามที่สุด งามเข้าใจ แต่ว่างามไปไม่ได้จริงๆ พี่ตะวันเขาก็ไปกับป้าแล้วนี่นา”

“ไม่รู้ล่ะ วันเสาร์นี้ เราสองคนพี่น้องนั่นแหละ ต้องไปวัดป่ากับป้า”

“ป้าคะ” อรุณงามเรียกเสียงละห้อย

“ป้าเข้าใจงามหน่อยสิคะ”

“งามนั่นแหละ มองไม่เห็นความหวังดีของป้า” ป้ารุ้งแพงพูดจบก็เดินหนีเข้าห้องทันที บ้านหลังแค่นี้ ใครพูดอะไรก็ได้ยินกันหมด อาจารย์ตะวันฉายพี่ชายหล่อนจึงเดินเข้ามาในห้อง นั่งริมเตียง มองหน้าน้องสาว

“งามต้องเข้าใจป้านะ”

“พี่ตะวันพูดมากี่รอบแล้ว”

“งาม” พี่ชายเรียกอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ตั้งแต่บิดามารดาเสียชีวิตเมื่อสิบปีก่อน ป้ารุ้งแพง พี่สาวของพ่อก็รับเขาและอรุณงามมาดูแล ป้าก็ดูแลอย่างลูกแท้ๆ เหมือนเริ่มทิวา หลานอีกคนที่ป้าเลี้ยงมาแต่เด็ก ผิดกันก็แค่ ท่านเลี้ยงเริ่มทิวาเข้มงวดกว่า พอเริ่มทิวาเสียชีวิตท่านก็เริ่มเข้มงวดกับอรุณงาม ซึ่งน้องสาวแรก ก็ยอมรับได้ แต่พอหนักเข้า หนักเข้า อรุณงามก็เริ่มมีปัญหา

“พี่ตะวัน” น้องสาวเรียกเขาเสียงหวาน

“ไม่ต้องมาประจบเลย วันเสาร์นี้ไปวัดป่าพร้อมป้าพร้อมพี่ อ้อ แล้วที่งามพยายามไปหาหอพักเพื่อจะออกจากบ้านนี้ พี่ไม่ยอมหรอกนะ”

“พี่ตะวันรู้”

“ใช่ แต่ป้ายังไม่รู้ เลิกทำตัวเป็นเด็กงอแงได้แล้ว”

อรุณงามก้มหน้าไม่ตอบคำพี่ชาย แล้วพอดีโทรศัพท์มือถือของหล่อนดังขึ้น ตะวันฉายก็เลย
ถอนหายใจและเดินออกจากห้องน้องสาวไป

หล่อนรับโทรศัพท์ของเพื่อนคุยเบาๆ

“วันศุกร์หกโมงเย็น แน่นะโว้ย”

“อาจจะห้าโมงเย็น”

“ไอ้บ้า ฉันเลิกงานห้าโมง” อรุณงามกระซิบกระซาบใส่โทรศัพท์

“ก็ไม่เป็นไร แกเลิกกี่โมงกี่ได้ แต่พวกฉันจะเอารถตู้ไปรับที่บ้านแก” เพื่อนร่วมก๊วนไปเที่ยวเชียงรายว่ามา

“ไม่ได้ ฉันจะขับรถไปหาแกที่บ้านเอง”

“พักนี้แกเป็นไรหรือเปล่างาม รู้สึกจะเป็นนางเฝ้าเรือน ไม่ได้มาเจอเพื่อนฝูงเป็นชาติแล้ว งวดนี้ถ้าแกพลาด เลิกคบนะโว้ย” เพื่อนโวยวายมาตามสาย

“รู้น่า ฉันอยากจะไปเที่ยวกับพวกแกใจจะขาด ฉะนั้นอย่ามาที่บ้านเด็ดขาด”

เพื่อนก็เออออ แล้ววางสาย หล่อนก็เก็บเสื้อผ้าสองสามชุดยัดใส่กระเป๋าเล็ก ตกดึกเดินย่องๆ ผ่านห้องป้ากับพี่ชาย ไปที่ประตูให้เบาที่สุด แล้วเอากระเป๋าไปเก็บหลังรถ โดยยัดใส่ตะกร้าหวายที่ไว้ใส่เสื้อผ้าเวลาส่งซักอีกที

คราวนี้แหละ ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวอีก หล่อนจะออกไปอยู่หอพักคนเดียวให้แล้วรู้รอด ให้อกป้ารุ้งแพงระเบิดออก หล่อนก็ยอมบาป


ยามเที่ยง ตะวันตรงศีรษะ แดดฉายแสงกล้า หล่อนลางานครึ่งวัน(อีกแล้ว) มาทำธุระด่วนตามที่อ้างกับหัวหน้า ท่ามกลางสายตาไม่พอใจ ว่าพักนี้อรุณงามชักจะลางานบ่อยเกินพอดีแล้ว
ช่วยไม่ได้ งานที่สมัครทางอินเตอร์เนตเมื่อเช้าได้รับการติดต่อกลับภายในสองชั่วโมง และให้ไปสัมภาษณ์บ่ายนี้ อรุณงามเลยต้องลางานขับรถฝ่าเปลวแดดย้อนศรกลับมาแถวๆ คูเมือง จอดรถไว้หน้าตึกคูหาสามชั้น เดินขึ้นตึกไปสัมภาษณ์ด้วยชุดสาวโรงงาน

บริษัทนี้ก็ต้องการล่ามเช่นกันไว้ติดต่องานทั่วไปกับลูกค้าจากเมืองจีน และต้องไปๆ มาๆ กรุงเทพเชียงใหม่ด้วย อรุณงามก็ตอบคำถามได้บ้างไม่ได้บ้าง ทางเขาก็บอกว่าจะติดต่อกลับไป

มีความหวังริบหรี่ก็ยังดีกว่าไม่แสวงหาโอกาส อรุณงามถอนหายใจเดินมาที่รถ ตั้งใจจะไปหาข้าวกินแล้วค่อยไปหาเพื่อนที่บ้านให้พวกมันแปลกใจเล่น แต่หล่อนถอยรถไม่ได้ ด้วยมีกระบะโฟร์วีลดูโทรมๆ ด้วยฝุ่นเกาะจอดขวางอยู่

พยายามเข็นแล้ว แต่กระบะเจ้ากรรมจะเขยื้อนก็หาไม่ หล่อนปาดเหงื่อด้วยหลังมือ หมดสภาพสาวสวยกันคราวนี้ ซวยไม่มีสิ้นซากจริงๆ อรุณงาม

แล้วฉันจะทำไงเนี่ย ขึ้นไปบนตึกถามหาเจ้าของรถหรือลองยืนรอสักพัก เจ้าของอาจจะมาทำธุระแถวนี้ เอาละวะ ยืนรอแล้วกัน ถือว่าฆ่าเวลา แต่รอไปได้สักห้านาที ผู้ชายคนหนึ่งก็เดินลงมาจากตึกตรงมาที่รถ

ไม่จริ๊ง ซวยซ้ำซวยซ้อน อรุณงามพยายามจะหลบตา แต่มันก็ไม่มีที่ไหนให้หลบ เขาส่งเสียงอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้า

“คุณ คุณนั่นเอง”

“ใช่ ฉันเอง แล้วทำไม”

“คุณมาได้ไง”

“ขับรถมา และนี่ รถคุณใช่ไหม มาจอดขวางทางชาวบ้านเนี่ย”

“ก็คุณนั่นแหละจอดรถในที่ผม” รวี บอกยิ้มๆ มองสาวโรงงานหัวจรดเท้า

“คุณทำงานแถวนี้เหรอ แต่ไม่น่าจะใช่เพราะไม่งั้นคงไม่รู้ว่านี่คือที่จอดรถของผม”

อ้อขาใหญ่เสียด้วย งั้นก็คงชวดแล้วงานนี้

“ช่างฉัน แล้วช่วยกรุณา ย้ายรถของคุณด้วย จะขอบคุณมาก”

ถ้าเท้าสะเอวได้ หล่อนก็คงทำไปแล้ว

“คุณมาทำอะไรที่นี่”

“เรื่องอะไรต้องบอก”

“ไม่บอกผมก็ไม่ย้ายรถ ผมพูดจริงนะเนี่ย “

“สัมภาษณ์งานย่ะ พอใจหรือยัง”

อ้อ งั้นเขาก็แค่ขึ้นไปหาฝ่ายบุคคลขอแฟ้มประวัติคนมาสัมภาษณ์งานวันนี้ เท่านี้ก็จบ ได้ชื่อที่อยู่พร้อมบริษัท แถมญาติโกโหติกาของหล่อนพร้อมสรรพ

รวีโค้งให้อย่างยียวน ย้ายรถให้หล่อนแต่โดยดี โดยสาวเจ้าไม่แม้แต่ขอบใจ

“แล้วค่อยเจอกันนะ ญาติของเริ่มทิวา”


อรุณงามยังบ่นด่า ญาตินายเมฆาเมื่อเอารถมาจอดที่บ้านตัวเอง รอเวลาไปตามนัดเพื่อนเพราะไร้ที่ไป จึงต้องมากบดานที่บ้านก่อน

ไม่น่าเลยเราที่ไปทักเขาวันนั้น เลยเป็นเหตุให้ไม่สบายใจทับถม ทั้งที่ใจตัวเองก็จะแบกรับความเครียดไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว

เลิกคิด เลิกคิด เลิกคิด ลืม ลืม ลืม เย็นนี้ก็จะได้เริ่มเที่ยวระบายเครียด อย่าเอาเรื่องเก่าเก็บสมัยไหนมารกสมอง อย่างน้อยวันนี้ครึ่งวัน บ้านทั้งบ้านเป็นของเรา ไม่มีเสียงบ่นของป้า ไม่มีเสียงดุของพี่ชาย และที่สำคัญไม่มีมาพาดพิงการกินนั่งยืนนอนของหล่อนถึงเริ่มทิวาอีกต่อไป
เฮ้อ เป็นสุขเสียจริง จะทำอะไรดีหนอ นอนอ่านนิยายสบายๆ อย่างที่ไม่เคยทำมานานแล้วดีกว่า จะได้เลือกนิยายไปนอนอ่านที่รีสอร์ทริมโขงด้วย

ชั้นวางหนังสือวางเด่นเป็นสง่าริมผนังด้านในของห้องนั่งเล่นซึ่งก็ใช้เป็นห้องรับแขกในบางโอกาส มีทั้งนิยายไทย นิยายจีนกำลังภายใน หนังสือแปล นิยายโรมานต์ ส่วนใหญ่อรุณงามก็อ่านเกือบหมดแล้ว แต่เอ บางเรื่องก็ลืมๆไปแล้ว หยิบไปอ่านซ้ำดีกว่า

เลือกได้สองสามเล่ม ก็สะดุ้งสุดตัวเพราะจู่ๆ ก็มีรถมาจอดหน้าบ้าน แต่คงไม่ได้มาหาบ้านเราหรอก สักพัก ก็มีเสียงออดดังขึ้น

อรุณงามออกมาดู แล้วต้องหน้าตื่น

“สวัสดีครับ คุณอรุณงาม”

“คุณมาได้ไงเนี่ย”

“ขอผมเข้าไปหน่อย”

“จะบ้าหรือคุณ กลับไปซะ ขืนป้าฉันรู้ว่าคุณมาที่บ้าน ฉันตาย”


“ก็ถ้าคุณไม่บอก ใครจะรู้ ขอผมคุยอะไรด้วยหน่อย”

“คุยตรงนี้ก็ได้ เร็วเข้า”

“ผมว่าไม่ดีมั้ง ให้ผมเข้าไปเถอะ คุยเรื่องเริ่มทิวากับนายเมฆา แป๊บเดียวเท่านั้น แล้วคุณจะไม่เสียใจเลย”

อรุณงามนิ่งสามนาที รวีมองด้วยสายตาคาดหวัง ในที่สุดหล่อนก็เปิดประตูรั้ว ให้เขาเข้ามา

ครอบครัวนี้คงย้ายบ้านหลังจากเริ่มทิวาเสียชีวิต จากบ้านไม้สักหลังโอ่อ่าที่เข้าเคยไปเยือนสองสามครั้ง กลายมาเป็นบ้านปูนชั้นเดียวสีขาว อยู่ในบ้านจัดสรรชานเมือง

พวกเขาคงอยากจะเริ่มชีวิตใหม่ หลังจากเริ่มทิวาเสียชีวิต แต่พอย่างเท้าเข้าบ้านเท่านั้นเขาก็รู้ว่าน่าจะคิดผิด พราะมีรูปเริ่มทิวาเต็มตัวในชุดพื้นเมืองใส่สไบยาว ผ้าซิ่นลายขวางตีนยกดอกสีแดงเข้าทั้งชุด ติดอยู่ข้างฝาบ้าน ส่งรอยยิ้มหวานมาให้ทุกผู้ที่เดินเข้ามา

“เอ้า จ้องเข้าไป”

“สวยจริงๆ นะ ทิวาเนี่ย”เขาบอกอรุณงามอย่างจริงใจ งามทั้งกายงามทั้งใจ เป็นแม่บ้านแม่เรือน ใครได้เป็นเมียก็นับว่าเป็นบุญ แต่เมฆาก็ไม่มีวาสนานั้น

“ใช่ สวยแต่น่าสงสาร”

“เธอไม่น่าอายุสั้นเลยนะ”

“ใช่ ก็เพราะโดนนายเมฆาหลอก”

รวีถอนหายใจ พูดไปพูดมาก็กลับมาจุดเดิม ทางนี้ก็ว่าโดนหลอกว่าจะแต่งงานด้วย แล้วสุดท้ายก็พาไปตาย ทางเมฆาก็ว่าจู่ๆ เขาก็โดนเริ่มทิวาตัดสัมพันธ์ พอพบเพื่อจะปรับความเข้าใจก็เกิดอุบัติเหตุเสียจนสาวเจ้าต้องตาย คนตายพูดไม่ได้ก็ไม่ว่ากัน แต่คนเป็นนี่สิ หนีไปอยู่ตั้งไกล ถามอะไรก็ไม่บอก ถ้าอยู่ใกล้ๆ พ่อจะชกหน้าให้ตื่นซักตุ๊บสองตุ๊บ เผื่อสติสตังจะคืนกลับ

“เรื่องของเขาสองคนผมไม่รู้อะไรมากนัก ผมจึงอยากจะชวนคุณมาหาความจริงกัน ว่าจริงๆ
แล้วใครทิ้งใคร เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกคุณก็จะได้ไม่อาฆาตพวกผม พวกผมก็จะได้ไม่ผิดบาปทางใจอีกต่อไป”

“ฉันไม่ได้อาฆาต” แค่กล่าวโทษเท่านั้น

“ครับ ไม่ได้อาฆาตก็แล้วไป แต่ตอนนี้ผมอยากชวนให้คุณร่วมมือกับผม”

“ร่วมมืออะไร”

“ร่วมมือกันหาความจริงว่าเมื่อสองปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

อรุณงามสบตาเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบเรียบๆว่า

“ไม่มีทาง ป้าเอาฉันตายแน่ ถ้าไปคบค้ากับตระกูลคุณ”

“ขนาดนั้นเชียว คุณป้าท่านโกรธ เกลียดพวกเรามากเหรอ”

“ท่านคงอโหสิให้ แต่จะให้ญาติดีด้วยคงลำบาก คุณกลับไปเสีย ถือว่าวันที่เราเจอกันบนเครื่องบิน ฉันไม่ได้ทักคุณก็แล้วกัน”

“แต่คุณไม่อยากรู้ความจริงหรือ”

“อยากรู้ไปทำไม” อรุณงามโกหก

“ผมอยากรู้เพราะจะได้มีเหตุผลไปลากตัวนายเมฆากลับมา แต่ผมคงทำคนเดียวไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ”

ถ้ารู้แล้วหล่อนจะได้อะไร ทิวาตายไปแล้ว พร้อมทิ้งมรดก การต้องตัวติดกับป้ารุ้งแพงให้หล่อน อรุณงามไม่อยากจะไปขุดคุ้ยอดีตรักหล่อนเพื่อให้หลุดพ้นจากป้ารุ้งแพงนี่นา มันต้องมีทางออกทางอื่นซีน่า

“นะครับ มันคงไม่ลำบากอะไรหรอก”

“วิญญาณคนตายจะไม่สงบสุข”

พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น รู้ได้ทันทีจากเสียงเรียกเข้าว่าเป็นป้ารุ้งแพงโทรมา หล่อนทำหน้าสยองจนรวีประหลาดใจ แต่อรุณงามก็กดรับ

“ขา ป้า”

“เราอยู่ไหน ป้าโทรไปที่ทำงานเขาบอกว่างามออกมาแล้ว”

“อยู่ข้างนอกค่ะ”

“รีบกลับนะ จะได้รีบไป”

“แล้วป้าอยู่ไหนคะ”

“ใกล้ถึงบ้านแล้ว”

“อ๋อ ค่ะ งั้นแค่นี้นะคะ”

รวี นั่งฟังคนโกหกอย่างไม่รู้เรื่องราว อรุณงามเก็บมือถืออย่างรวดเร็ว คว้านิยายสี่เล่มติดมือ

“คุณ เร็วเข้า”

“อะไร”

“ป้าฉันจะถึงบ้านแล้วถ้าเจอคุณที่นี่ คุณซวย”

หล่อนลุกลี้ลุกลนปิดหน้าต่าง รุนหลังเขาให้ ออกจากบ้าน ล๊อกประตูอย่างรวดเร็ว

“เร็วซี คุณไปสตาร์ทรถก่อน” รวีก็ทำตามอย่างงง ๆ

แล้วหล่อนก็วิ่งไปที่หลังรถ หยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กออกมา ดึงรั้วไม้หน้าบ้านปิดดังโครม และขึ้นรถเขาภายในเวลาที่หากมีการทำสถิติโลกไว้ หล่อนก็คงเป็นเจ้าของสถิติคนใหม่

“ออกรถสิคุ๊ณ”

“คุณทำอะไร เป็นอะไร”

“หนีเที่ยวไงล่ะ” อรุณงามตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งหน้ารถ ก้มศีรษะไม่ให้คนภายนอกเห็น พลางเร่งรวี

“รีบออกรถสิ คุณ เดี๋ยวฉันก็อดเที่ยวพอดี”
....................................................................

an-o - ต้องติดตามค่ะ
ปูสีน้ำเงิน -ต้องติดตามค่ะ
หนอนแว่นตาโต - ขอบคุณมากค่ะที่ยังไม่ลืมชิตา และขอบคุณเรื่องคำผิดค่ะ
ขนมปังทาแยม - ค่ะ จะพยายามลงทุกวัน
natee - :)

ติดภารกิจอยู่สองวัน เลยไม่ได้มาอัพค่ะ

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายอีกแนวที่ไม่เคยเขียนมาก่อน(อยากริเขียนนั่นเอง)
ก็ติชมแนะนำกันได้ค่ะ

ชิตา
chita_a@hotmail.com

โดย : ชิตา วันที่ : [ 08 มี.ค. 2554 ] 17:55:51 น.




>> ความคิดเห็นที่ 1

ไม่ได้อ่านเรื่องของคุณชิตา ตั้งนาน
ว่าแต่ภาคต่อของม่านเมืองหมอก เมื่อไหร่จะมาลงต่อละคะ


โดย : แมงปอ [ 08 มี.ค. 2554 ] 19:32:07 น.




>> ความคิดเห็นที่ 2

นายระวีได้ตามไปเที่ยวกับงามด้วยแน่เลย
เราก็อยากรู้เรื่องราวเมื่อสองปีก่อน
โดย : an-o [ 08 มี.ค. 2554 ] 22:23:45 น.




>> ความคิดเห็นที่ 3

หนีเที่ยวเหมือนเด็กๆ เลยนะ
โดย : ปูสีน้ำเงิน [ 08 มี.ค. 2554 ] 23:29:30 น.




>> ความคิดเห็นที่ 4

อยากรู้เรื่องเมื่อสองปีก่อน สาเหตุคืออะไร ต้องติดตาม...
โดย : ขนมปังทาแยม [ 09 มี.ค. 2554 ] 09:47:49 น.




>> ความคิดเห็นที่ 5

:)
โดย : natee [ 09 มี.ค. 2554 ] 10:22:54 น.




>> ความคิดเห็นที่ 6

อยากรู้เรื่องเมื่อก่อนเหมือนกัน
โดย : MiKi [ 09 มี.ค. 2554 ] 16:13:04 น.






ชิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 20:48:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 20:48:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 2177





<< ๒   ๔ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account