Marine, Tree, Coffee & Milk #3 Milk (ตีพิมพ์กับสนพ.มายดรีมค่ะ)
เขาพยายามสุดความสามารถแล้วในการห้ามใจไม่ให้เข้าไปข้องแวะกับหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์...
แต่ให้ตาย ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถที่จะพาหัวใจหนีพ้นหล่อนไปไหนได้ไกล

รอก่อนเถอะศวัลญา... เรียนจบเมื่อไหร่เขาไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่!
Tags: อาจารย์เติม คุณชายเติม เอญ่า

ตอน: บทที่ ๑

1 ใน 3 ซีรีย์ Marine, Tree, Coffee & Milk ค่ะ
ลงมาให้ทดลองอ่าน ขอคำปรึกษาก่อนว่าอยากอ่านเรื่องไหน เพราะคนเขียนก็ตัดสินใจไม่ถูกเหมือนกัน อาจารย์เติมก็รัก อาจารย์เสือก็ปลื้ม ดร.ปูนก็ชอบ เอร๊ยยยยยยย อ่านแล้วขอลงคะแนนคนละ หนึ่งเรื่องนะคะ :)
จะได้เขียนให้เป็นเรื่องๆไป

บทที่ 1

วันนี้หล่อนมาเรียนสาย! เริ่มเรียนวันแรกก็สายเสียแล้วเอญ่าเอ๋ย! ศวัลญาคิดในใจพลางก้าวขายาวๆอย่างร้อนรนตามประสาคนไม่เคยทำผิด แต่กระนั้นด้วยความกว้างอันน้อยนิดของกระโปรงทรงเอทำให้หล่อนไม่อาจเดินเหินหรือจะวิ่งได้อย่างใจคิด เมื่อไปถึงห้องเรียน ซึ่งประตูไม้ซีกด้านบนเป็นกระจกใสแล้วทำการชะโงกหน้าเข้าไปสำรวจเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็พบว่าในห้องเรียนนั้นทุกคนต่างก็กำลังทุ่มความสนใจไปยังหน้ากระดานที่อาจารย์ยืนสอนอยู่
ความหวังที่จะเดินเข้าไปนั่งเรียนแบบแนบเนียนโดยไม่มีใครสนใจก็สว่างเรืองรองขึ้นมาทันที แต่ทว่า... เมื่อเอื้อมมือไปบิดประตูลูกบิดกลับได้ยินเสียงแกร๊ก... แล้วลำดับต่อมาหล่อนก็พบว่าประตูห้องเรียนถูกล็อคจากด้านในเสียแล้ว

"อะไรกัน..." ลูกครึ่งสาวไทย-สเปนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู "แค่สิบนาทีเองนะ...สิบนาที"

ไวเท่าความคิด หล่อนรีบควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าแล้วต่อสายหาเพื่อนสนิททันที หากสัญญาณติดต่อดังอยู่นานจนตัดสายไปเองอยู่หลายรอบมารตีก็ยังไม่รับสาย จนต้องเปลี่ยนมาเป็นการส่งข้อความไปบอกว่ายืนอยู่นอกห้อง ฝั่งขวามือ ฝ่ายนั้นจึงตอบกลับมาว่า

'เสียใจด้วยแก อาจารย์คุณชายไม่ให้เข้าห้องแล้ว แกเลทไปตั้งสิบห้านาที'

สิบห้านาทีที่ไหน... แค่สิบนาทีต่างหาก ไม่ใช่แค่เถียงในใจ... ศวัลญายังพิมพ์ตอบกลับไปแบบนั้นจริงๆด้วย

'อันนั้นมันนาฬิกาแก แต่นาฬิกาในห้องเรียนมันเลยเวลา 13.15 ไปแล้วว่ะ ไปรอใต้ตึกเถอะ เลิกเรียนแล้วฉันจะโทรบอก'

ท้ายที่สุดหล่อนจึงต้องยอมแพ้... เดินคอตก หันหลังให้ห้องเรียน แล้วลงไปรอใต้ตึกเรียนรวมตามที่เพื่อนนัดหมาย

ศวัลญาไม่เคยเรียนกับอาจารย์ท่านนี้มาก่อน ท่านเป็นอาจารย์ต่างคณะ แต่ด้วยความที่เป็นนิสิตคณะเศรษฐศาสตร์สาขาเศรษฐศาสตร์การเกษตร ทำให้หล่อนมีความจำเป็นที่จะต้องเรียนเกี่ยวกับผลิตผลทางการเกษตรให้มากที่สุดเท่าที่หลักสูตรจะอำนวยเพื่อเป็นข้อมูลในการนำไปจัดการด้านเศรษฐกิจในเชิงการเกษตรต่อไป... ดังนั้นการเรียนครั้งแรกหล่อนจึงไม่รู้ว่าควรจะเตรียมตัวอย่างไร แต่ใครๆก็บอกว่าอาจารย์ท่านนี้ใจดี หล่อนอยากถามจริงๆว่าใจดีตรงไหนกัน เริ่มเรียนชั่วโมงแรกก็เล่นล็อคห้องไม่ให้นิสิตเข้าไปนั่งฟังแบบนี้ ทั้งๆที่ความจริงมันก็แค่ชั่วโมงแนะนำรายวิชาเท่านั้น...

เพราะความว่างไม่ปราณีใคร หล่อนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เล่นนั่นคุยนี่ไปเรื่อย พลันนึกสะกิดใจอยากรู้ชื่ออาจารย์ขึ้นมาเสียอย่างนั้น จึงเปิดดูในเว็บไซต์ของมหาลัยที่ระบุตารางเรียนและรายชื่อผู้สอนเอาไว้ หญิงสาวกวาดสายตาหาชื่อรายวิชา technology and animal science แล้วก็ได้พบกับชื่อผู้สอนและคณะ

"ม.ร.ว. เติม จุลจุฑานันท์... น่าจะเป็นอาจารย์เก่าแก่ของภาควิชา เฮี้ยบมากแน่เลยอ่ะ" เสียงหวานคร่ำครวญ นึกกลัวไปคนเดียว "ตายๆ ต้องตายแน่เลยเอญ่า คะแนนจิตพิสัยหายตั้งแต่ชั่วโมงแรกเลยเหรอเนี่ย"

"เอญ่า"

"มี่!!!" อุทานลั่นเมื่อเพื่อนสนิทเดินเข้ามาใกล้ๆ ตั้งแต่คบกันมานี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่หล่อนเจอหน้ามารตีแล้วรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก "อาจารย์ว่ายังไงบ้าง ด่าคนเข้าเรียนสายมั้ย เช็คชื่อหรือเปล่า แล้วสอนอะไรไปมั่งแล้วอ่ะ"

"ฉันกำลังจะมาบอกให้แกไปเจออาจารย์อยู่เนี่ย"

"ห๊า?"

"อาจารย์บอกว่าอยากเจอหน้าคนที่เข้าเรียนสาย ไม่อย่างนั้นเขาจะเช็คขาด"

"อะไรกัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะสายซะหน่อย"

"ไม่รู้ล่ะ ไปอธิบายให้อาจารย์ฟังเอง ที่คณะเกษตร ภาควิชาสัตวบาล ไปเลย ชั้นสาม ฉันต้องไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาก่อน ไว้เจอกันที่ซุ้มนะเอญ่า"

สั่งจบสาวร่างอวบก็เดินตัวปลิวออกไป แต่ทิ้งความหนักอึ้งแกมหน่วงนิดๆไว้ให้เพื่อนสนิทแทน...

++++++++++++++++++++++++++++++++++

‘ก๊อกๆ’ เสียงเคาะประตูเบาๆ ตามมาด้วยเสียงที่ไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดเดียวว่า “อาจารย์คะ...” ฉุดให้หม่อมราชวงศ์เติมเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ พร้อมส่งเสียงถามกลับไปด้วยโทนเสียงกลางๆไม่ยินดียินร้ายแต่ทำเอาใจคนฟังหล่นไปกองแทบตาตุ่มว่า

“ใคร?”

เมื่อไร้เสียงตอบรับ ชายหนุ่มจึงถามย้ำอีกครั้ง “ผมถามว่าใคร ถ้ามาขายของที่นี่สถานที่ราชการนะครับ ห้ามนำของเข้ามาขาย”

“ศวัลญาค่ะอาจารย์...”

“เข้ามา”

เมื่อประตูห้องพักอาจารย์ค่อยๆแง้มออก ใบหน้ารูปไข่ก็ค่อยๆเยี่ยมเข้ามามองดูลาดเลาก่อน แรกทีเขาเห็นแค่ใบหน้าซีกเดียวที่ทำให้หงุดหงิดอย่างช่วยไม่ได้กับอาการกล้าๆกลัวๆของฝ่ายนั้น เขาไม่รู้หรอกว่า ศวัลญา ที่ว่าเป็นใคร แล้วมาเพื่ออะไร จำได้ว่าวันนี้เขานัดหมายนิสิตที่เข้าเรียนสายมารายงานตัวเพื่อให้รู้จักหน้าค่าตากันเท่านั้น แล้วถ้าการคาดเดาของเขาไม่แย่จนเกิดไป... หล่อนผู้นี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในจำนวนนิสิตที่เข้าเรียนสาย

“ผมไม่กัดหรอก เดินเข้ามาดีๆ อย่าไปทำจดๆจ้องๆอยู่แบบนั้น” นั่นจึงทำให้คนที่ซ่อนอยู่หลังประตูยืดหลังขึ้นตรง ผลักให้บานประตูเปิดออกกว้าง

แล้วเมื่อมองเห็นหน้าคนที่ซ่อนอยู่หลังประตูอย่างเต็มตาเพียงเท่านั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าเสือร้ายที่ถูกซ่อนไว้ในตัวอย่างแนบเนียนหลังกรอบแว่น มาดนิ่งขรึม และเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน... ถูกปลุกสัญชาตญาณนักล่าให้ตื่นขึ้นมากางกรงเล็บ พร้อมที่จะกระโดดเข้าขย้ำล่าเหยื่อ...

มันรุนแรงเสียจนน่าตกใจ... ให้ตาย เขาถูกใจหล่อนคนนี้เข้าเสียแล้ว...

แต่กระนั้น ฐานะตำแหน่งที่หล่อนเป็นนิสิต ส่วนเขาเป็นอาจารย์ มันทำให้ชายหนุ่มจำต้องปั้นหน้าขรึม แล้วบอกตัวเองซ้ำๆว่า หวังว่าสักวัน... ความกระหายที่อยากจะรู้จัก เป็นเจ้าของหล่อนอย่างรุนแรง มันจะค่อยๆเลือนหายไปเอง

“มีอะไร ศวัลญา”

“คือ... เมื่อเช้าหนูมาสายน่ะค่ะอาจารย์ แล้วเพื่อนบอกว่าอาจารย์เรียกให้มาพบ” อาจารย์เติมหยิบกระดาษเปล่าที่วางเรียงเป็นตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานที่เป็นระเบียบเรียบร้อยผิดปกติ วางลงตรงหน้านิสิตหญิงที่เขาไม่กล้าสบตามองดวงตากลมโตของหล่อนไปมากกว่านี้...

“เขียนชื่อ รหัสนิสิต คณะ และชั้นปี รวมถึงเหตุผลที่มาสาย ถ้าไม่รู้ผมจะบอกให้ว่าผมยึดนาฬิกาในห้องเรียนเป็นหลัก เวลาผ่านไปสิบห้านาทีเมื่อไหร่ผมจะล็อคห้องทันที รู้ใช่ไหมว่าเรียนเวลาอะไร”

“ทราบค่ะ” ตอบพลางยืนนิ่ง ประสานมือไว้บริเวณหน้าขา ก้มหน้าก้มตาทำหน้าสงบเสงี่ยมอย่างรู้สึกผิดเต็มที่ “เรียนจันทร์กับศุกร์ เก้าโมงครึ่งถึงสิบเอ็ดโมงค่ะ”

“ดี ฉะนั้นวันหลังหมายความว่าถ้าเก้าโมงสี่สิบห้าเมื่อไหร่ผมจะล็อคห้องและไม่เช็คชื่อให้ ขาดเกินหกครั้งไม่มีสิทธิ์สอบ แต่วันนี้ผมยกเว้นให้เพราะเป็นวันเปิดเรียนวันแรก”

“อ้าว” อุทานพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที

“ทำไม อ้าวอะไร”

“ก็... ถ้ายกเว้นให้แล้วอาจารย์ล็อคห้องทำไมคะ ทำไมไม่ปล่อยให้เดินเข้ามาในห้อง จะได้รับรู้กฎของอาจารย์ไปเลย” เพราะเรียนจบจากต่างประเทศ การที่นิสิตโต้แย้งอาจารย์ในสิ่งที่ไม่เห็นด้วย เติมไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาท เขาชอบเสียด้วยซ้ำที่เด็กไทยมีหัวคิด โต้แย้งในสิ่งที่ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์ ไม่ใช่ว่าเออออไปด้วยทุกอย่างเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นครู

แล้วอีกอย่าง... เมื่อมองเห็นเต็มตาเมื่อหล่อนเงยหน้าขึ้นมามอง เติมจึงรับรู้ได้ทันทีว่าศวัลญาไม่ได้มีเชื้อสายไทยแท้เพียงแค่อย่างเดียว... แล้วดวงตาของหล่อน ก็เป็นสีเขียวเจือเทาอ่อนๆ สวยมากทีเดียว...

“ผมรำคาญ เวลาที่มีคนเปิดประตูห้องเรียนเข้าๆออกๆ มันทำให้ผมเสียสมาธิในการสอน อีกอย่าง... อย่างน้อยมันก็ทำให้คนที่มาสายรู้สึกผิดบ้าง วันหลังจะได้ไม่มาสายอีก” ศวัลญานิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ดวงหน้าแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรืออายที่ถูกเขากล่าวย้ำความผิดแบบนี้

“วันหลังหนูจะไม่มาสายอีกแน่นอนค่ะอาจารย์ จะมานั่งรอก่อนอาจารย์ จะนั่งหน้าสุดเลยด้วย ตรงหน้าอาจารย์เลยค่ะหนูสาบาน”

“ดี...” คำตอบสั้นๆคล้ายไม่ยินดียินร้ายกึ่งๆจะเป็นการท้าทายหล่อนนิดๆมันยิ่งทำให้ศวัลญาไม่ชอบใจมากยิ่งขึ้น เขาไม่ใช่ศาสตราจารย์แก่ๆบ้าวิชาการคร่ำครึอย่างที่หล่อนคิดเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกเมื่อทราบว่าเขามีชื่อแสนโบรารว่าอาจารย์เติม แต่กลับเป็นอาจารย์หนุ่มแว่นที่ห้องเป็นระเบียบเรียบร้อยและปากร้ายเสียจนหล่อนอดอคติไม่ได้... ปากจัดแถมยังชอบใส่เสื้อสีชมพูแบบนี้เป็นเกย์แหงๆ แถมห้องยังเป็นระเบียบสุดๆอีกต่างหาก!

“เขียนชื่อซะสิ”

ศวัลญายังยืนนิ่ง เม้มปาก... เมื่อชายหนุ่มใช้สายตากวาดไปมองทั่วตัวหล่อนก็พบว่าหญิงสาวไม่มีอะไรติดตัวเข้ามาเลยแม้กระทั่งปากกาแท่งเดียว นั่นจึงทำให้เขาทั้งนึกขันปนฉุน หยิบปากกาที่วางอยู่บนกองเอกสารวางทับลงบนกระดาษ เมื่อได้ปากกาแล้วเจ้าหล่อนก็รีบก้มลงเซ็นชื่ออย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินกลับออกไปยังมีแก่ใจยกมือขึ้นไหว้เขาอีกต่างหาก

“ศวัลญา...” ชายหนุ่มหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านชื่อแล้วยิ้มน้อยๆ หัวใจพองโตเต้นแรงแบบไม่มีเหตุผลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...

++++++++++++++++++++++++++++++++++

วังจุลจุฑาเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตก สไตล์อิตาเลี่ยนวิลล่า ตึกอาคารไม้สีขาวสามชั้นด้านหน้ามีหอสูงหลังคาทรงโดมแยกตึกออกเป็นฝั่งปีกซ้ายและปีกขวา ตั้งอยู่ท่ามกลางมวลแมกไม้น้อยใหญ่ ห่างจากตัวตึกไปไม่ไกลมีศาลาหกเหลี่ยมมุงกระเบื้องสีแดงอิฐเล็กๆติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาบนผืนหญ้าสีเขียวชอุ่ม เป็นสถานที่ที่สวยงามซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเงาไม้ได้อย่างมิดชิด

“เติม” เสียงหวานๆที่ดังขึ้นหน้าห้องนอนทำเอาคนที่เพิ่งย่องกลับบ้านมาเมื่อเช้าโดยให้เหตุผลกับมารดาว่าไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านอนรรฆและปริสุ ผู้เป็นญาติสายมารดานั่นเองทั้งที่ความจริง... เมื่อคืนเขาเพิ่งแปลงร่างเป็นคนที่พี่สาวเรียกว่า ‘คุณชายเติมจอมเสเพล’

“เติม... พี่เข้าไปได้ไหม”

“แป๊บนึงครับพี่เต็ม” สติสตังกลับมาทันที เขารีบควานหาเสื้อคลุมอาบน้ำที่วางอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบนัก แล้วเขาก็จำไม่ได้เสียด้วยว่ามันมาพาดอยู่ปลายเตียงของตนเองตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณชายเติมสวมเสื้อคลุมหลวมๆ ไม่ลืมที่จะผูกสายคาดเอวกันภาพไม่เหมาะสม คว้าเอาขวดน้ำที่ดูเหมือนจะหยิบติดมือมาตั้งแต่เมื่อคืนมาดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่น... หรืออีกนัยหนึ่งชายหนุ่มหวังว่าอย่างน้อยมันก็พอจะลดกลิ่นแอลกอฮอล์ให้เจือจางลงได้บ้าง

“เติม...” หม่อมราชวงศ์เต็มจันทราส่งเสียงเร่งอีกครั้ง “หม่อมแม่ให้มาตามลงไปทานข้าว พี่รู้นะว่าเมื่อคืนเต็มกลับมากี่โมง เปิดประตูให้พี่ดูสภาพเดี๋ยวนี้เลยนะ หรือจะลากสภาพคุณชายเติมจอมเสเพลลงไปให้ท่านพ่อเห็น”

“ครับ เปิดแล้วๆ”

เพียงแค่เห็นสภาพผมเพ้ายุ่งเหยิง ใบหน้ามันแผล่บ ดวงตาแดงก่ำ พร้อมกลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยออกมาทำให้เธอรีบก้าวเข้ามาในห้องนอนของน้องชายพร้อมปิดประตูไล่หลัง แล้วเมื่ออยู่ตามลำพัง ภาพท่านหญิงผู้อ่อนหวานก็หายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยวิญญาณพี่สาวจอมเฮี้ยบที่เกิดมาเพื่อจัดการระเบียบชีวิตของน้องชายแสนรักแสนหวงทันที

“เมื่อคืนไปไหนมา กลับมากี่โมง แล้วไปซนกับผู้หญิงที่ไหนหรือเปล่า” ไม่รอให้ตอบ หล่อนก็ออกเดินไปทั่วห้องนอนทันที “เสื้ออยู่ไหน... เอามานี่พี่ไปซักให้เอง”

“ผมไม่ได้ไปซนที่ไหนครับ... แค่ไปดื่มมา แค่นั้นเอง” จริงๆก็อยากซนหรอก... ถ้าจู่ๆหน้าผู้หญิงที่เขากำลังจะกระทำการซุกซนด้วยนั้น... ไม่ได้มีภาพของผู้หญิงอีกคนซ้อนทับขึ้นมา ผู้หญิงที่ทำให้ความเป็นครูของเขาสั่นไหวจนแทบจะลาออกให้รู้แล้วรู้รอดไป เพราะรู้ว่าหากเกิดเรื่องขึ้น มันต้องเป็นอะไรที่ฉาวโฉ่มากแน่ๆ

อาจารย์กับลูกศิษย์สาว... แค่คิดก็สยองเสียแล้ว และยิ่งถ้าอาจารย์เป็นเขา... หม่อมราชวงศ์เติม บุตรีองค์เล็กเพียงคนเดียวในหม่อมเจ้าเตรียม จุลจุฑาแล้วล่ะก็... ทุกๆคนในราชสกุลจุลจุฑาต้องพร้อมใจกันขับไล่เขาออกจากตระกูลเป็นแน่

“แล้วทำไมไปดื่ม นี่เพิ่งเปิดเทอมเองนะ ถ้าลูกศิษย์มาเห็นจะทำยังไง”

“เห็นก็จำไม่ได้หรอกครับ ในร้านแสงไฟสลัวขนาดนั้น แล้วผมกับอาจารย์เติมก็บุคลิกคล้ายกันซะที่ไหน”

“แต่เราคุยกันแล้ว... คุณชายเติมจอมเสเพลจะฟื้นคืนชีพได้ก็ต่อเมื่อปิดเทอมเท่านั้น เติมต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกศิษย์”

“ครับ... เข้าใจแล้ว” เกิดมาเป็นจุลจุฑาก็ต้องคงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลแบบนี้แหละ คุณชายเติมคิดในใจ “แต่ท่านพ่อยังไม่ทรงทราบใช่ไหมครับ”

“ยัง” หล่อนตอบ ยกมือขึ้นกอดอกพร้อมใช้สายตาอิดหนาระอาใจมองน้องชาย “พี่จะไปทูลท่านพ่อว่าเติมไม่สบาย แล้วท่านพ่อเสด็จออกไปทำงานเมื่อไหร่แล้วเติมค่อยลงไปข้างล่างก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับ”

คุณหญิงเต็มจันทราทำท่าว่าจะเปิดประตูออกไปหากแต่ก็เหมือนเพิ่งฉุกคิดได้ หล่อนจึงเอี้ยวตัวกลับมาบอก พร้อมชี้นิ้วบอก “วันศุกร์นี้ตินตินเลิกเรียนเร็ว แต่พี่มีประชุม เติมไปรับหลานด้วยนะ”

“คร้าบบบ” แทบจะโค้งให้พี่สาวเลยทีเดียวเมื่อเจ้าหล่อนเดินกลับออกไป
ร่างสูงก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่โยทิ้งระเกะระกะไว้ทั่วห้องนอน วางพาดไว้ขอบตะกร้าเสื้อผ้าสานจากหวาย รอให้แม่บ้านมาเก็บไปซัก เปิดตู้เสื้อผ้าซีกซ้ายมือของห้องนอนที่เป็นตู้เสื้อผ้าสำหรับอาจารย์เติม... ผู้แสนสุภาพ นิ่งขรึม มีวุฒิภาวะด้านอารมณ์สูงพอๆกับวุฒิภาวะด้านการศึกษา แต่เมื่อหมุนตัวกลับไปมองอีกด้านหนึ่ง เขากลับพบเสื้อผ้าที่เป็นตัวตนที่แท้จริง... ตัวตนด้านมืดของเขา... ที่มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้

อันที่จริงจะเรียกว่าด้านมืดก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เขาไม่ได้เป็นอาชญากรเสียหน่อย ก็แค่ชอบดื่ม ชอบเที่ยว ตามประสาชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆทั่วไปที่ยังรักสนุกอยู่ แต่ด้วยความที่เขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นคนที่มีชื่อเสียงของสังคม ซ้ำยังเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ได้รับทุนไปร่ำเรียนไกลถึงเดนมาร์กอีกต่างหาก จึงทำให้กิจกรรมพวกนี้เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคุณชายอย่างเขา หากแรกทีด้วยความเป็นชายหนุ่มคึกคะนอง ทำอะไรก็ทำตามใจไม่ได้ผ่านความคิดไต่ตรองให้ดี เขาจึงทำมาแล้วทุกอย่างที่ถูกห้าม นานเข้าเมื่อห้ามไม่ได้ พี่สาวและมารดาจึงต้องคอยเป็นผู้ควบคุมความประพฤติ ทำได้... แต่ต้องทำทุกอย่างให้อยู่ในกรอบและความเหมาะสม

อาทิเช่นจะอนุญาตให้เป็นจอมเสเพลได้ก็ต่อเมื่อเปิดภาคเรียนแล้วเท่านั้น และเมื่อรับหน้าที่อาจารย์เช่นตอนนี้อยู่ ห้ามทำตัวเหลวไหล ห้ามส่งสายตาหรือหว่านเสน่ห์กับใคร ต้องทำตัวน่าเคารพ น่าเชื่อถือ เช่นห้องพักอาจารย์ก็จะมีพี่สาวแวะเวียนเข้าไปจัดให้ ห้องนอนมารดาก็จะคอยดูแลให้ทุกอย่าง เรียกได้ว่าถ้าขาดผู้หญิงสองคนนี้ไป ชีวิตของเขาคงเหลวไหลไม่เป็นท่ากว่านี้มากแน่ๆ

แล้วที่สำคัญที่สุดห้ามสวมเสื้อสีดำและห้ามถอดแว่น ห้ามทำผมกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรงไปสอนเด็กเด็ดขาด เพราะถ้าทำอย่างนั้นเมื่อไร อาจารย์เติมก็ไม่ต่างอะไรเลยกับคุณชายเติมจอมเสเพลที่พร้อมจะหว่านเสน่ห์ให้ทุกสาวที่เดินผ่าน

อันที่จริงเมื่อคืนเขาก็ไม่ได้อยากจะออกไปดื่มหรือกระทำการซุกซนกับใครนักหรอก ถ้าไม่มีภาพของศวัลญาคอยวอนเวียนอยู่ในสมองจนเขาหวังจะลบหล่อนออกจากสมองด้วยการใช้เวลาอยู่กับผู้หญิงอื่น แต่มัน... กลับไม่ได้ผลเอาเสียเลยให้ตายสิ!

++++++++++++++++++++++++++++++++++

คอนโดมิเนียมขนาดสองห้องนอนบนตึกใหญ่ใกล้ๆมหาวิทยาลัยเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ศวัลญาได้รับจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ... พ่อที่ไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้ง พ่อที่เคยได้ยินแค่เสียงก็ตอนที่เขาเป็นฝ่ายโทรศัพท์ข้ามประเทศมาคุยกับหล่อนก่อน พ่อ... คนที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่เมืองอะไรในประเทศสเปน ดินแดนกระทิงดุแห่งนั้น หล่อนทราบเพียงแค่เขาเป็นคนสเปนที่พูดภาษาไทยได้เพราะเคยมาทำธุรกิจในเมืองไทย แล้วก็ได้พบกับมารดาของหล่อนจนมีหล่อนขึ้นมาไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

เขาหายไปจากชีวิตนับตั้งแต่หล่อนอายุได้สองขวบ และย้อนกลับมาอีกครั้งตอนที่หล่อนอยู่มัธยมศึกษาปีที่หกเนื่องจากทราบว่าหล่อนเพิ่งเสียมารดาซึ่งเป็นที่พึ่งเดียวของหล่อนไปด้วยอุบัติเหตุ เขายื่นความช่วยเหลือมาให้ทุกอย่าง แต่ศวัลญาไม่ยอมรับ และยื่นข้อเสนอว่าหากเขาต้องการจะช่วยเหลือจริงๆ ต้องมาให้หล่อนพบ

‘พ่อจะยอมให้เอญ่ามาหาที่สเปน ถ้าหากเอญ่าเรียนได้เกรดเอทุกวิชา แล้วเอญ่าก็ต้องยอมรับความช่วยเหลือของพ่อ’

นั่นเป็นคำสัญญากึ่งคำท้าทายที่หล่อนรีบกระโจนเข้าหา ศวัลญาจึงตั้งใจเรียนอย่างบ้าคลั่งแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หล่อนได้เอทุกวิชาแล้วนี่ก็เป็นเทอมสุดท้ายที่หล่อนจะเรียน... อีกไม่กี่เดือน หล่อนกำลังจะได้พบหน้าชายเจ้าของนามสกุลที่หล่อนใช้มาตลอดชีวิตพร้อมๆกับการสู้รบวิชาของอาจารย์ต่างคณะที่หล่อนไม่เคยหนักใจมากขนาดนี้มาก่อน

“เขาปากร้าย!” หล่อนบอกอย่างแค้นเคืองแม้เหตุการณ์การปะทะคารมกับอาจารย์เติมจะผ่านมาแล้วสองวันก็ตาม “ฉันว่าเขาต้องเป็นเกย์แน่เลยมี่”

“ถ้าอาจารย์เติมเป็นเกย์จริงๆ... ฉันว่าเขาก็เป็นเกย์ที่หล่อมากเลยนะ”

“ตรงไหนที่แกเรียกว่าหล่อ หน้าขาวๆคิ้วก็หนายังกับปลิง แล้วยังใส่แว่นกรอบหนาเชยๆนั่นอีก”

“ดูเหมือนแกจะมีอคติกับเขามากเลยนะเอญ่า”

“ฉันมีความรู้สึกเหมือนอาจารย์เขาจะไม่ชอบหน้าฉัน”

“ทำไมอาจารย์ถึงจะไม่ชอบหน้าแก”

“ฉันเข้าเรียนสาย... ฉันแอบเถียงเขาไปนิดหน่อยด้วย แล้วที่สำคัญ... ฉันเป็นชะนี เกย์อย่างเขาต้องเกลียดชะนีอย่างฉันแน่”

“พี่จ่อยก็เป็นเกย์ ไม่เห็นจะเกลียดแกเลย” สาวร่างอวบหมายถึงจารึก พี่รหัสของศวัลญาเองซึ่งจบการศึกษาไปแล้วแต่ก็ยังติดต่อไปมาหาสู่กันอยู่อย่างเสมอ “พี่จ่อยเป็นกะเทย ไม่ได้เป็นเกย์ พี่จ่อยไม่แอ๊บแมน แต่อาจารย์เติมแอ๊บ”

“แกนี่ไร้สาระ...” มารตีส่ายหน้าน้อยๆอย่างยอมจำนนในความดื้อดึงในความคิดของตนเองของเพื่อน ยอมทิ้งนิตยสารในมือลงแล้วลุกขึ้นยืนเป็นเชิงว่าจะกลับ ทำเอาเจ้าของห้องตะโกนเสียงลั่น “แกจะไปไหนอ่ะ...”

“หิว จะลงไปหาข้าวกินข้างล่าง”

“หงุดหงิดทีไรได้วิ่งหาข้าวกินทุกที แล้วมาบ่นว่าอ้วน นังเพื่อนบ้า” ถึงจะว่ากระนั้นแต่เจ้าของห้องก็ยังลุกเดินตามหลังออกไปติดๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++

ร้าน Marine, Tree, Coffee & Milk ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตคอนโดมิเนียม The High Sky Lounge ร้าน กาแฟเล็กๆที่มีอาณาเขตชัดเจนด้วยรั้วไม้เตี้ยๆสีขาว ล้อมตึกสี่เหลี่ยมชั้นเดียว ด้านหน้าที่หันออกสู่ถนนทางเข้าคอนโดกรุด้วยกระจกใสมองเห็นโซฟาโทนสีครีมเรียบๆ ตกแต่งด้วยไฟสีเหลืองดูอบอุ่น ไม่ว่าจะนั่งเล่นๆ หรือนั่งเพื่อหาสมาธิในการทำงานก็ล้วนแต่ทำได้ทั้งนั้น
ริมรั้วตรงมุมทั้งสี่มุมมีต้นอินทนิลปลูกไว้ปะปนกับไม้ต้นชนิดอื่น ทำให้บรรยากาศร่มรื่นน่านั่ง แล้วสิ่งที่ทำให้ร้านนี้พิเศษกว่าร้านอื่นก็ตรงที่มีเก้าอี้เหล็กดัดสีขาวตั้งอยู่นอกร้านใต้ร่มไม้สำหรับลูกค้าที่มีสุนัขด้วย แต่สำหรับศวัลญา สิ่งที่ทำให้หล่อนชอบมานั่งร้านนี้ก็เป็นเพราะ Shaky choc milk แสนอร่อยที่ไม่ว่าจะดื่มกี่ครั้งก็เพิ่มความสดชื่นให้ได้ทุกครั้ง...

นมสดรสชาติหวานมันส่งตรงจากฟาร์ม นำมาปั่นกับน้ำแข็งจนเป็นเนื้อเดียวกัน ผสมกับอโลเวร่าหรือวุ้นมะพร้าวเคี้ยวกรุบๆ โรยหน้าด้วยผงโกโก้และราดด้วยช็อคโกแล็ตเข้มข้น แสนจะเข้ากัน... อ้อ นี่ไม่นับรวมเจ้าของร้านที่แสนจะสุภาพและใจดีที่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ร้านนี้มีสาวๆแวะมานั่งรับประทานอาหารไม่ขาดสาย

“วันนี้พี่ปูนไม่เข้าร้านค่ะ แต่เดี๋ยวคุณชายเติมจะแวะเข้ามาแทน” สาลี่สาวน้อยวัยสิบเก้าปี เป็นหนึ่งในสามพนักงานของร้านเอ่ยรายงานเสียงใส หล่อนสนิทกับพนักงานทุกคนที่นี่ดีเป็นเพราะเดินเข้าออกร้านนี้บ่อยนับตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ศวัลญาหยิบเมนูขึ้นมากวาดตามองแต่สุดท้ายก็สั่งเมนูเดิมๆ

“ว่าแต่คุณชายเติมคือใครเหรอ”

“เป็นเจ้าของร้านค่ะ ร้านนี้มีเจ้าของร้านสามคน มีพี่ปูน พี่เสือ แล้วก็คุณชายเติม สามคนนี้เป็นญาติกัน... คือเป็นหลานยายเหมือนกันน่ะค่ะ พี่ปูนกับพี่เสืออยู่บ้านเดียวกันแต่คุณชายเติมอยู่ในวังกับท่านพ่อแล้วก็หม่อมแม่ รองจากพี่ปูนแล้วก็มีคุณชายเติมนี่ล่ะค่ะที่เข้าร้านบ่อยที่สุด ส่วนคนที่ไม่ค่อยจะเข้าร้านเลยก็เห็นจะเป็นพี่เสือน่ะค่ะ เพราะพี่เสือเป็นอาจารย์เกี่ยวกับป่าไม้ เลยต้องเข้าป่าบ่อยๆ”

“แฟนพันธุ์แท้ร้านมารีนฯ...” มารตีแอบแหย่พร้อมทำท่าชูมือขึ้นมาแทนโล่รางวัล “เอารางวัลไปเลย... รู้ดีจริงๆ”

“โห พี่มี่แอบแซวด้วยง่ะ”

“ก็สาลี่เป็นพนักงานร้านนี้จะไม่รู้ได้ยังไง อยู่มาตั้งแต่สิบสี่ ก่อนที่ฉันจะย้ายมาอยู่คอนโดนี้ซะอีก... ว่าแต่ทำไมพี่ไม่เคยเจอคุณชายเติมเลยอ่ะ”

“ก็... คำว่าเข้าร้านบ่อยสุดของคุณชายก็เดือนละครั้งน่ะค่ะ มาแป๊บเดียวก็กลับ ส่วนพี่เสือ สามเดือนเจอหน้าซักที ไม่เคยมีใครได้เจอหรอกค่ะ ลูกค้าส่วนมากก็คิดว่าพี่ปูนเป็นเจ้าของร้านทั้งนั้น” สองสาวพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เมื่อไม่มีใครถามอะไรแล้วสาลี่จึงขอตัวเข้าไปสั่งอาหารให้หลังร้าน

“แก... คิดว่าคุณชายเติมที่สาลี่ว่า กับอาจารย์เติมจอมเฮี้ยบนี่เป็นคนๆเดียวกันหรือเปล่าอ่ะ”

“โลกไม่กลมขนาดนั้นมั้งแก” สาวร่างอวบว่าเสียงสูง พยายามมองโลกในแง่ดีสุดชีวิต “ไม่งั้นแกก็คงซวยสุดๆ”

พูดยังไม่ทันขาดคำดี ‘ความซวย’ ในเสื้อสีชมพูกับผมเรียบแปล้หวีแสกข้างด้วยความเรียบร้อยก็ผลักประตูกระจกหน้าร้านเข้ามา เสียงกระดิ่งที่ห้อยอยู่หน้าร้านดังกรุ๊งกริ๊งฉุดให้สองสาวเอี้ยวตัวกลับไปมอง แล้วเพียงแค่เห็นเท่านั้น เสียงกรี๊ดในลำคอเบาๆด้วยความอัดอั้นตันใจก็เกิดทันที

คนที่มีชนักติดหลังรีบลุกขึ้นยืนพนมมือไหว้อย่างเร่งด่วน “สวัสดีค่ะอาจารย์”
โดยหารู้ไม่ว่ามันทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านชะงักไปเล็กน้อยพอๆกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะไปมากโข แต่กระนั้นก็ยังพยักหน้ารับอย่างเสียมิได้ เนื่องจากไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงอย่างไรดี

“วันนี้ไม่มีเรียนหรอกเหรอศวัลญา” ถามพลางเดินเข้าไปหลังเคาเตอร์ส่วนของพนักงานที่ใช้เตรียมกาแฟ เริ่มหยิบโน่นหยิบนี่มาวางหลังเคาเตอร์ราวกับกำลังจะเตรียมชงเครื่องดื่มอะไรสักอย่าง “ไม่มีค่ะอาจารย์ มีเรียนวันจันทร์ พุธ ศุกร์”

“คุณเหลือตัวเรียนแค่วิชาของผม?”

“ไม่ค่ะ มีวิชาอาจารย์ แล้วก็วิชาในภาควิชานึง แล้วก็วิจัย แค่นั้นน่ะค่ะ แล้วอาจารย์ไม่มีสอนเหรอคะ” หลุดปากออกไปจึงได้รู้ว่าคำถามนั้นค่อนข้างจะไม่เหมาะสมเพราะเท่ากับประชดว่าเขาว่าตอนนี้เป็นเวลาราชการแต่เหตุไฉนอาจารย์จึงยังมาเตร็ดเตร่อยู่นอกรั้วมหาวิทยาลัยอีก

มารตีเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปฟาดแขนเพื่อนเบาๆเป็นเชิงเตือนพร้อมถลึงตามอง หญิงสาวจึงก้มหน้างุด พร้อมกล่าวคำขอโทษเบาๆ

“จริงๆวันนี้ผมมีสอนตอนสิบเอ็ดโมง นี่เพิ่งเก้าโมง แล้วปูนก็ไม่อยู่ เลยแวะมาดูร้าน”

“อ๋อ... ค่ะ หนูไม่ได้ว่าอะไรนะคะ แค่ถามเฉยๆ” เขายิ้มมุมปากน้อยๆคล้ายเป็นการยิ้มตามมารยาท เมื่อได้กาแฟตามที่ต้องการแล้วจึงทำท่าว่าจะหนีไปหลังร้านเสียดื้อๆ แต่ก็พบเข้ากับสาลี่เสียก่อน

“อ้าว คุณชายมาแล้วหรือคะ มาถึงนานหรือยังคะ ทานอะไรมาหรือยัง เดี๋ยวหนูให้พี่โก้ทำอะไรให้ทานดีไหมคะ”

“ผมมีกาแฟแล้ว” เขายกแก้วมัคสีขาวควันกรุ่นหอมกลิ่นกาแฟสดขึ้นให้อีกฝ่ายเห็น “แต่ขอเค้กนมสดสักชิ้นก็คงดี ไปรอหลังร้านก็แล้วกัน”

“หลังร้านร้อนนะคะ นั่งในห้องแอร์เย็นๆดีกว่า”

“ไม่เป็นไร... ไม่อยากแย่งที่ลูกค้า” นั่งในห้องแอร์ตรงนี้มันเย็นกายก็จริง... แต่ถ้าต้องนั่งมองหน้าศวัลญาโดยที่ทำอะไรไม่ได้มากกว่ามองอยู่อย่างนี้ ใจมันร้อนรุ่มเหมือนมีใครเอาไฟมาสุมล่ะไม่ว่า!

++++++++++++++++++++++++++++++++++



อนัญชนินทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2555, 20:18:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มิ.ย. 2555, 17:54:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 6328





   บทที่ ๒ >>
ฟิน 5 มิ.ย. 2555, 20:20:16 น.


หมีสีชมพู 5 มิ.ย. 2555, 21:04:04 น.
ชอบเรื่องนี้ค่ะ กดหนึ่งโหวต


คิมหันตุ์ 5 มิ.ย. 2555, 21:11:54 น.
ชอบเรื่องนี้ค่ะคุณ อนัญชนินทร์ โหวตเรื่องนี้ แต่อีกเรื่องยังไม่มาเลยอ่ะ...คิคิ


85valse 5 มิ.ย. 2555, 21:18:59 น.
อาจารย์.....ปกติไม่ค่อยฟินกับแนวนี้ครูบาอาจารย์กะศิษย์เท่าไรนะคะ แต่มีเรื่อง เจตต์ ของคุณ กลีบลำดวน กะ เรื่องนี้แหละ ที่ทำให้อยากอ่านต่อ ๕๕๕


only4u 5 มิ.ย. 2555, 21:20:44 น.
กลับมาแล้วววววววววว เย่เย่


mhengjhy 5 มิ.ย. 2555, 21:37:43 น.
ชอบเรื่องนี้ค่ะ หนึ่งโหวต


pkka 5 มิ.ย. 2555, 21:59:08 น.
Wow :)


หนอนฮับ 5 มิ.ย. 2555, 22:02:20 น.
ชอบทั้งคู่..แต่โหวดให้...ว่าที่แฟนในอนาคต 5555555 คุณชายเติม...ที่จะมาช่วยให้เราเต็ม กรี๊ดดดดดดด


ใบบัวน่ารัก 5 มิ.ย. 2555, 22:20:59 น.
คุณชายขา รอให้เรียนจบก่อนนะค้า
แล้วค่อยกินเด็ก


sai 5 มิ.ย. 2555, 22:21:35 น.
ชอบอันนี้ๆๆๆ แต่รอเรื่องดร.ปูนก่อนน้าเพี๊ยซเด๋วมาบอกอีกที


กานตี 5 มิ.ย. 2555, 22:22:03 น.
ชอบจริงชอบจังพล็อตอาจารย์กะศิษย์แบบนี้ โหวตด้วยคน
แต่คุณชายปิ๊งเร็วมาก เหมือนโรแม้งเลย


ukkanirut 5 มิ.ย. 2555, 23:37:13 น.
กินเด็ก!!
โหวตเรื่องนี้ละกันค่ะ ท่าทางจะสนุกสนานกับการได้ดูคนแก่อัดอั้นตันใจจีบเด็กไม่ถนัด


หมูบูลิน 6 มิ.ย. 2555, 00:05:03 น.
ชอบเรื่องนี้ค่ะ โหวดๆๆๆๆ


invisible 6 มิ.ย. 2555, 01:03:45 น.
Votr kaa


pigpoy 6 มิ.ย. 2555, 08:56:15 น.
โหวตเรื่องนี้ด้วยค่าาาาา ชอบๆ


sunntee 6 มิ.ย. 2555, 09:13:19 น.
หนึ่งโหวต ให้เรื่องนี้ค่ะ...
อยากดูวิธีกินเด็ก...เผื่อจะเอาไว้เป็นแนว...อิอิอิ


dino 6 มิ.ย. 2555, 10:26:24 น.
ชอบค่ะ


หมูอ้วน 6 มิ.ย. 2555, 12:57:33 น.
ชอบเรื่องนี้ค่ะ


anOO 6 มิ.ย. 2555, 19:22:36 น.
ชอบทุกเรื่องเลย แต่อยากอ่านเรื่องนี้ก่อนค่ะ


oumum 6 มิ.ย. 2555, 21:26:51 น.
เรื่องนี้ค่ะ เคาะๆๆๆ


มะดัน 6 มิ.ย. 2555, 22:48:31 น.
เอาด้วยยยยยยยยยยยยย


goldensun 7 มิ.ย. 2555, 07:35:04 น.
ได้อ่านเรื่องเดียว ไม่ทันอีกสองเรื่อง หวังว่าจะได้อ่านทั้งสามเรื่องนะคะ


sam 7 มิ.ย. 2555, 13:05:17 น.
ไหนๆๆก็ลงพี่เติมแล้ว ก็ลงต่อไปเถอะค่ะ ไว้รออ่านอีกสองเรื่อง อิอิ


PiNVE 7 มิ.ย. 2555, 13:29:02 น.
อยากอ่านเรื่องของ ดร.ปูนค่ะ


bsirirata 8 มิ.ย. 2555, 22:28:40 น.
อ่านเรื่องนี้แล้วอยากกินนมปั่นจัง คิดถึงไอติมที่ฟาร์มโชคชัยทันที


Zephyr 12 มิ.ย. 2555, 18:04:30 น.
คุณชายมีด้านมืดกะด้านสว่างด้วย โห อย่างกะแปลงร่าง
เห็นแล้วอยากกินกาแฟสดทันใด ว่าแล้วก็ไปหาซื้อดีกว่า


wane 13 มิ.ย. 2555, 01:59:21 น.
ชอบเรื่องนี้ค่ะ อยากอ่านต่อ อยากรู้ว่าอาจารย์เติมจะมีวิธีหลอกเด็กยังงัย


Guy 16 มิ.ย. 2555, 12:56:37 น.
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้สนุกมากค่ะ
ขอแนะนำ คำผิดเล็กน้อยนะคะ อโลเวร่าแปลว่าว่านหางจระเข้นะคะไม่ใช่วุ้นมะพร้าว


boonja 26 มิ.ย. 2555, 10:22:08 น.
สนุกค่ะ


ทราย 26 มิ.ย. 2555, 19:35:12 น.
น่าสนุกจัง


แพม 1 ก.ค. 2555, 22:25:00 น.
เปิดเรื่องเป็นคุณชายเติมก็ต้องต่อให้จบก่อนสิคะ


XaWarZd 9 ก.ค. 2555, 10:54:51 น.
i like this one


อัณณ์ 1 ก.พ. 2556, 16:32:42 น.
ในที่สุดก็ได้เจอกันอีกครั้งแล้ว
แต่น้องจะจำพี่ได้รึเปล่าเท่านั้นเอง อิอิ
ชอบนิยายทั้งหมดเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account