วิวาห์บ่มรัก
เสน่ห์ของผู้ชายคืออะไรนะ
รูปร่างหน้าตา น้ำจิตน้ำใจและนิสัยใจคอ หรือถ้อยคำยามเจรจาพาทีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งในสิ่งเหล่านี้หรือว่าควรจะทั้งหมดนั่น
ก็แล้วถ้าคนสองคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน
แต่หลายๆ อย่างกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิงเล่า
แบบนี้แล้วฝ่ายไหนควรจะมีเสน่ห์มากกว่ากัน
ใครกันที่หัวใจบอกว่าใช่ หัวใจบอกว่ารัก...
รูปร่างหน้าตา น้ำจิตน้ำใจและนิสัยใจคอ หรือถ้อยคำยามเจรจาพาทีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งในสิ่งเหล่านี้หรือว่าควรจะทั้งหมดนั่น
ก็แล้วถ้าคนสองคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน
แต่หลายๆ อย่างกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิงเล่า
แบบนี้แล้วฝ่ายไหนควรจะมีเสน่ห์มากกว่ากัน
ใครกันที่หัวใจบอกว่าใช่ หัวใจบอกว่ารัก...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทนำ(รีไรท์)
อะแฮ่มคือเริ่มว่างจากงานจับกังแล้ว ฮ่าๆๆ เลยมีเวลาเพ่นพ่านและลงงานพร้อมกันในทุกๆ ที่ ฝากเรื่องนี้ไว้อ่านแก้เซ็งด้วยเด้อจ้า
ลงซ้ำอีกรอบ เพิ่มเติมและแก้ไขเนื้อหาเพื่อความกำกวม เอ๊ย สมเหตุสมผลนิดหน่อย
วิวาห์บ่มรัก
บทนำ
บริเวณโดยรอบร่มครึ้มด้วยต้นไม้ ไม้ต้นสูงแผ่กิ่งใบซึ่งพราวไปด้วยผลน้อยใหญ่ห้อยระย้า...ลิ้นจี่พันธุ์ดีที่ปีนี้ติดผลดีเหลือเกิน
ถัดไปทางด้านหลังคือเรือนไทยหลังใหญ่ พื้นที่ส่วนข้างคือสนามหญ้าซึ่งมีพื้นที่ติดคลอง สถานที่ร่มรื่นท่ามกลางธรรมชาติของ ‘สวนบ้านริมคลอง’
สวนขนาดกลางในเขตอัมพวา ซึ่งเปิดต้อนรับกรุ๊ปทัวร์ชวนชิมผลไม้จากต้นกันสดๆ ไม่ว่าจะเป็นลิ้นจี่หรือส้มโอ
สนามกว้างริมคลองในวันนี้ไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป เพราะยามนี้เด็กชายสามคนได้จับจองพื้นที่เพื่อล้อมวงมองดูใครคนหนึ่งซึ่งถูกพามานอนทิ้งให้แดดเผามานานสักระยะแล้ว และเพราะคนบนพื้นหญ้าเอาแต่หลับเป็นตาย ไม่กระดุกกระดิกเลยสักนิดจึงส่งผลให้พวกเขาสงสัย
“เฮ้ย...ตายยังวะเนี่ย ลองเอาไม้เขี่ยดิ๊” เด็กชายหัวโจกวัยสิบสามออกเสียงสั่งการ ลูกไล่ซึ่งตัวเล็กที่สุดเลยรีบสนองความต้องการอย่างรู้หน้าที่ทันที
ได้ผล คนถูกไม้เขี่ยเริ่มขยับร่างกาย หากแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น เพราะทันทีที่เลื่อนมือขึ้นปัดปลายไม้ซึ่งจิ้มลงที่แก้มออกได้สำเร็จ เจ้าตัวก็พลิกกายนอนตะแคงคล้ายต้องการหลีกหนีจากสิ่งรบกวน
“ยังไม่ตายลูกพี่”
“เออ...ข้ารู้แล้ว...เอาไงดีวะเนี่ย...คุณฟ้าบอกว่าถ้าไอ้หมอนี่ตื่นเมื่อไหร่ให้ไปตาม แต่มันหลับสนิท ณ ชายแดนขนาดนี้แล้วเมื่อไหร่จะตื่นล่ะวะ” คนเป็นลูกพี่เกาหัวแกรก ก่อนเท้าสะเอวแล้วหันรีหันขวาง
“เอาน้ำสาดดีมั้ยพี่เขม ทำเหมือนในโทรทัศน์ที่เคยดูไง” เจ้าตัวเปี๊ยกออกความเห็น และลูกพี่ใหญ่ก็คล้อยตาม
“เออลองดูก็ได้”
สิ้นคำบัญชาของหัวโจกประจำกลุ่ม เด็กชายตัวผอมก็จัดการตักน้ำจากคลองหมายจะมาสาดคนนอนกลางวัน ทว่าอุปสรรคช่างมากมายนัก น้ำมาไม่ถึงที่หมายก็สะดุดหกล้มจนหน้าทิ่ม ไม่ทันการณ์ไม่ทันใจลูกพี่ใหญ่อย่างเด็กชายเข็มทิศเอาเสียเลย ระหว่างยืนหัวเสียก็แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเหลือบแลเห็นเด็กชายป๋อง...มือขวาคนสนิท ไวเท่าความคิดจึงรีบออกคำสั่งทันที
“ไอ้ป๋อง จัดการดิ๊...ส่วนเอ็งไอ้เปี๊ยก ไปบอกคุณฟ้าได้เลยว่าเชลยฟื้นแล้ว”
“ครับลูกพี่”
ไม่ต้องให้บัญชาครั้งที่สองเด็กชายป๋องก็จัดการถกขากางเกงแล้วเปิดก๊อกน้ำธรรมชาติ จากนั้นจึงปล่อยน้ำอัมฤตลงรินรดคนหลับทันที ส่วนเจ้าเปี๊ยกก็รีบแจ้นไปตาม ‘คุณฟ้า’ ด้วยเช่นกัน
นี่ถ้าคนนอนหลับฝันหวานกลางแดดรู้ว่าถูกปลุกด้วยฉี่เด็กจะเป็นอย่างไรหนอ
เป็นอย่างไรไม่รู้ล่ะ แต่เข็มทิศและป๋องพากันหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งกันเลยทีเดียว ส่วนคนถูกปลุกถึงกับสะดุ้ง แล้วจึงกระวีกระวาดลุกขึ้นนั่ง แสดงอาการหงุดหงิดขึ้นมาพลันเมื่อพบว่าหน้าตาเนื้อตัวโชกไปด้วยน้ำ...เปียกน่ะไม่เท่าไหร่ แต่กลิ่นนี่สิรับไม่ไหวจริงๆ
“น้ำอะไรวะเนี่ย” เขาปาดน้ำออกจากหน้า แล้วก้มลงดมมือตัวเอง หน้าเหยบิดเบี้ยวเมื่อได้กลิ่นฉุนแปลกๆ
“หัวเราะอะไรกัน...ขำอะไรนักหนา” หันไปถามเสียงขุ่นอย่างหงุดหงิด ก่อนจะชะงักอ้าปากค้างเมื่อยินคำที่เด็กสุดแสบตอบกลับว่า
“ไม่รู้จริงอ๊ะ...ถ้างั้นจะบอกให้ว่าน้ำที่นายดมเมื่อกี้น่ะฉี่ไอ้ป๋อง ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า”
“ไอ้เด็กบ้า” ว่าแล้วก็ถลันลุกขึ้นวิ่งไล่จับเด็กทั้งสองเป็นการใหญ่ ส่วนคนถูกวิ่งไล่ก็หัวเราะชอบใจอย่างสนุกสนานทีเดียว ทั้งยังกล่าวคำตอกย้ำให้คนไล่จับยิ่งเจ็บใจ
“แน่จริงก็จับให้ได้ดิ...ช่วยไม่ได้ ปลุกแล้วไม่ตื่น ก็ต้องใช้วิธีทางลัดอะดิ๊...จริงมั้ยไอ้ป๋อง”
“อย่าให้จับได้นะไอ้เด็กเป...รด...ฉันจะจับพวกแกหักคอให้หมด” ผู้ใหญ่นิสัยเด็กกัดกรามกรอดแล้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันขู่คำราม เออแหนะ...อุตส่าห์ละคำหยาบไว้นิดหน่อยเสียด้วยแฮะ
นั่นล่ะ เจ้าเด็กตัวแสบจึงพากันวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ก่อนจะหนีไปหลบข้างหลังผู้ใหญ่ตัวโตที่เปี๊ยกพามา
“คุณฟ้าช่วยด้วย ไอ้บ้านี่มันจะฆ่าเราสองคน”
คนวิ่งไล่หยุดชะงัก เมื่อเห็นหน้าและสานสบตากับ ‘คุณฟ้า’ ซึ่งเพิ่งมาถึง ความทรงจำพลันสว่างวาบเมื่อนึกออกว่าผู้ชายคนนี้แหละที่จับตัวเขามา เมื่อแรกยามได้ยินชื่อนึกว่าเป็นผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ...ชื่อหวานแหววแต๋วจ๋า แต่หนังหน้าคมเข้มตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ระหว่างคิดก็เหลียวมองไปรอบกายอย่างระวังภัยเพราะคนของอีกฝ่ายที่เริ่มขยับโอบล้อมไว้รอบทิศปิดโอกาสหนีโดยสิ้นเชิง
“คุณใช่มั้ยที่จับตัวผมมา...คุณจับผมมาทำไม?!?”
“โอ...พอเจอหน้าก็ถามคำถามเบสิก เหมือนที่บรรดานางเอกในนิยายตบจูบชอบถามทันทีเลยแฮะ” ข้ามฟ้าตอบยียวน กอดอกมองสภาพคนถามอย่างนึกขำ แล้วจึงเอ่ยเพิ่มเติมขึ้นอีกเมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับปากคล้ายอยากตอบโต้
“แต่ฉันคงไม่ต้องตอบคำถามนายหรอกมั้ง ถ้านายได้เห็นใครบางคน”
“หมายความว่าไง”
ข้ามฟ้ามิได้ตอบคำถามอีกฝ่าย หากแต่หันไปถามเปี๊ยกซึ่งกำลังทำหน้าทะเล้นใส่เชลยของเขา
“ไปตามจอมหรือยังเปี๊ยก”
“ตามแล้วครับคุณฟ้า...โน่นไง มาโน่นแล้ว” เด็กชายตอบแล้วชี้มือไปยังด้านข้าง หลังจากแลเห็นคนถูกเอ่ยถึงกำลังมุ่งหน้ามาสมทบ
สายตาทุกคู่พุ่งไปยังร่างซึ่งจับจูงเด็กหญิงพากันเดินตรงเข้ามาใกล้ ไม่เว้นแม้แต่เชลยหนุ่มซึ่งหันขวับเป็นคนแรกเสียด้วยซ้ำ และพลันที่เห็นหน้าหญิงสาวชัดเจนเต็มสองตา ชายหนุ่มก็ชะงักงัน แทนที่จะได้คำตอบดังคำที่ข้ามฟ้าว่า กลับมีคำถามมากมายผุดขึ้นในสมอง
“จอมจันทร์!!!” ครางอย่างตกใจปะปนคละเคล้าไปด้วยความฉงน เขารู้จักผู้หญิงคนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงถูกจับตัวมา
นี่มันอะไรกัน...เขางงไปหมดแล้ว
“คุณ!!!...คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมถึง...” จอมจันทร์ถามทักอย่างสงสัย ตกใจครามครันที่เห็นอดีตเจ้านายภายในเขตบ้านของตัวเอง ซ้ำสภาพยัง...ดูไม่จืด เพราะหน้าตาแตก ปากบวมเป็นครุฑ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเปียกชื้น เสื้อผ้ายับหลุดลุ่ยไม่เหลือเค้าของผู้ชายเพอร์เฟ็กที่แสนเนี้ยบเรียบกริบทุกกระเบียดนิ้วเลยสักนิด
“คุณมาทำอะไรที่นี่ แล้วมาได้ยังไง”
“ผมไม่ได้มาเอง...แต่เขา...” หยุดเว้นวรรคไปนิดแล้วชี้นิ้วไปที่ข้ามฟ้า
“เขาจับผมมาต่างหาก”
“หุบปากไปเลยไอ้หน้าหล่อ” ข้ามฟ้าหันไปตะคอกชายหนุ่ม หยุดหายใจครู่หนึ่งเพื่อสงบสติและอารมณ์ แล้วจึงเอ่ยเสียงนุ่มอ่อนโยนกับจอมจันทร์
“จอม...ฉันอยากให้แกยืนยันว่าเขาใช่ไอ้คุณอินทร์อะไรนั่นหรือเปล่า” ถามเพราะไม่แน่ใจเท่าใดนัก เนื่องจากก่อนจับตัวเชลยหนุ่มผู้นี้มา เหมือนคลับคล้ายคลับคลาว่ามีคนหน้าตาแบบนี้สองคน แต่เพราะคำว่า ‘อินทัช’ ที่ได้ยิน ซึ่งพ้องกับคำว่า ‘อิน’ ในความคิดเขา จะสะกดด้วยคำใดไม่สนล่ะ จึงตัดสินใจพุ่งเป้าหมายมาที่คนชื่อนี้และจับตัวมาในที่สุด
ฟังคำของชายหนุ่มที่ถามหญิงสาวแล้ว คนถูกสั่งให้หุบปากก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ลางๆ นี่เขาตกเป็นเชลยเพราะอีกฝ่ายคิดว่าคืออิศวรอย่างนั้นใช่ไหม คิดสะระตะแล้วก็ตะโกนก้องในใจ
บ้าไปกันใหญ่แล้ว เหตุการณ์ตามท้องเรื่องมันจะคล้ายจำเลยรักไปไหม...จะจับนายอินทร์ก็ไปจับให้ถูกตัวสิฟระ เขาน่ะอินทัชไม่ใช่นายอินทร์...อิศวรแฝดผู้พี่นะเฟ้ย...
ลงซ้ำอีกรอบ เพิ่มเติมและแก้ไขเนื้อหาเพื่อความกำกวม เอ๊ย สมเหตุสมผลนิดหน่อย
วิวาห์บ่มรัก
บทนำ
บริเวณโดยรอบร่มครึ้มด้วยต้นไม้ ไม้ต้นสูงแผ่กิ่งใบซึ่งพราวไปด้วยผลน้อยใหญ่ห้อยระย้า...ลิ้นจี่พันธุ์ดีที่ปีนี้ติดผลดีเหลือเกิน
ถัดไปทางด้านหลังคือเรือนไทยหลังใหญ่ พื้นที่ส่วนข้างคือสนามหญ้าซึ่งมีพื้นที่ติดคลอง สถานที่ร่มรื่นท่ามกลางธรรมชาติของ ‘สวนบ้านริมคลอง’
สวนขนาดกลางในเขตอัมพวา ซึ่งเปิดต้อนรับกรุ๊ปทัวร์ชวนชิมผลไม้จากต้นกันสดๆ ไม่ว่าจะเป็นลิ้นจี่หรือส้มโอ
สนามกว้างริมคลองในวันนี้ไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป เพราะยามนี้เด็กชายสามคนได้จับจองพื้นที่เพื่อล้อมวงมองดูใครคนหนึ่งซึ่งถูกพามานอนทิ้งให้แดดเผามานานสักระยะแล้ว และเพราะคนบนพื้นหญ้าเอาแต่หลับเป็นตาย ไม่กระดุกกระดิกเลยสักนิดจึงส่งผลให้พวกเขาสงสัย
“เฮ้ย...ตายยังวะเนี่ย ลองเอาไม้เขี่ยดิ๊” เด็กชายหัวโจกวัยสิบสามออกเสียงสั่งการ ลูกไล่ซึ่งตัวเล็กที่สุดเลยรีบสนองความต้องการอย่างรู้หน้าที่ทันที
ได้ผล คนถูกไม้เขี่ยเริ่มขยับร่างกาย หากแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น เพราะทันทีที่เลื่อนมือขึ้นปัดปลายไม้ซึ่งจิ้มลงที่แก้มออกได้สำเร็จ เจ้าตัวก็พลิกกายนอนตะแคงคล้ายต้องการหลีกหนีจากสิ่งรบกวน
“ยังไม่ตายลูกพี่”
“เออ...ข้ารู้แล้ว...เอาไงดีวะเนี่ย...คุณฟ้าบอกว่าถ้าไอ้หมอนี่ตื่นเมื่อไหร่ให้ไปตาม แต่มันหลับสนิท ณ ชายแดนขนาดนี้แล้วเมื่อไหร่จะตื่นล่ะวะ” คนเป็นลูกพี่เกาหัวแกรก ก่อนเท้าสะเอวแล้วหันรีหันขวาง
“เอาน้ำสาดดีมั้ยพี่เขม ทำเหมือนในโทรทัศน์ที่เคยดูไง” เจ้าตัวเปี๊ยกออกความเห็น และลูกพี่ใหญ่ก็คล้อยตาม
“เออลองดูก็ได้”
สิ้นคำบัญชาของหัวโจกประจำกลุ่ม เด็กชายตัวผอมก็จัดการตักน้ำจากคลองหมายจะมาสาดคนนอนกลางวัน ทว่าอุปสรรคช่างมากมายนัก น้ำมาไม่ถึงที่หมายก็สะดุดหกล้มจนหน้าทิ่ม ไม่ทันการณ์ไม่ทันใจลูกพี่ใหญ่อย่างเด็กชายเข็มทิศเอาเสียเลย ระหว่างยืนหัวเสียก็แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเหลือบแลเห็นเด็กชายป๋อง...มือขวาคนสนิท ไวเท่าความคิดจึงรีบออกคำสั่งทันที
“ไอ้ป๋อง จัดการดิ๊...ส่วนเอ็งไอ้เปี๊ยก ไปบอกคุณฟ้าได้เลยว่าเชลยฟื้นแล้ว”
“ครับลูกพี่”
ไม่ต้องให้บัญชาครั้งที่สองเด็กชายป๋องก็จัดการถกขากางเกงแล้วเปิดก๊อกน้ำธรรมชาติ จากนั้นจึงปล่อยน้ำอัมฤตลงรินรดคนหลับทันที ส่วนเจ้าเปี๊ยกก็รีบแจ้นไปตาม ‘คุณฟ้า’ ด้วยเช่นกัน
นี่ถ้าคนนอนหลับฝันหวานกลางแดดรู้ว่าถูกปลุกด้วยฉี่เด็กจะเป็นอย่างไรหนอ
เป็นอย่างไรไม่รู้ล่ะ แต่เข็มทิศและป๋องพากันหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งกันเลยทีเดียว ส่วนคนถูกปลุกถึงกับสะดุ้ง แล้วจึงกระวีกระวาดลุกขึ้นนั่ง แสดงอาการหงุดหงิดขึ้นมาพลันเมื่อพบว่าหน้าตาเนื้อตัวโชกไปด้วยน้ำ...เปียกน่ะไม่เท่าไหร่ แต่กลิ่นนี่สิรับไม่ไหวจริงๆ
“น้ำอะไรวะเนี่ย” เขาปาดน้ำออกจากหน้า แล้วก้มลงดมมือตัวเอง หน้าเหยบิดเบี้ยวเมื่อได้กลิ่นฉุนแปลกๆ
“หัวเราะอะไรกัน...ขำอะไรนักหนา” หันไปถามเสียงขุ่นอย่างหงุดหงิด ก่อนจะชะงักอ้าปากค้างเมื่อยินคำที่เด็กสุดแสบตอบกลับว่า
“ไม่รู้จริงอ๊ะ...ถ้างั้นจะบอกให้ว่าน้ำที่นายดมเมื่อกี้น่ะฉี่ไอ้ป๋อง ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า”
“ไอ้เด็กบ้า” ว่าแล้วก็ถลันลุกขึ้นวิ่งไล่จับเด็กทั้งสองเป็นการใหญ่ ส่วนคนถูกวิ่งไล่ก็หัวเราะชอบใจอย่างสนุกสนานทีเดียว ทั้งยังกล่าวคำตอกย้ำให้คนไล่จับยิ่งเจ็บใจ
“แน่จริงก็จับให้ได้ดิ...ช่วยไม่ได้ ปลุกแล้วไม่ตื่น ก็ต้องใช้วิธีทางลัดอะดิ๊...จริงมั้ยไอ้ป๋อง”
“อย่าให้จับได้นะไอ้เด็กเป...รด...ฉันจะจับพวกแกหักคอให้หมด” ผู้ใหญ่นิสัยเด็กกัดกรามกรอดแล้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันขู่คำราม เออแหนะ...อุตส่าห์ละคำหยาบไว้นิดหน่อยเสียด้วยแฮะ
นั่นล่ะ เจ้าเด็กตัวแสบจึงพากันวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ก่อนจะหนีไปหลบข้างหลังผู้ใหญ่ตัวโตที่เปี๊ยกพามา
“คุณฟ้าช่วยด้วย ไอ้บ้านี่มันจะฆ่าเราสองคน”
คนวิ่งไล่หยุดชะงัก เมื่อเห็นหน้าและสานสบตากับ ‘คุณฟ้า’ ซึ่งเพิ่งมาถึง ความทรงจำพลันสว่างวาบเมื่อนึกออกว่าผู้ชายคนนี้แหละที่จับตัวเขามา เมื่อแรกยามได้ยินชื่อนึกว่าเป็นผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ...ชื่อหวานแหววแต๋วจ๋า แต่หนังหน้าคมเข้มตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ระหว่างคิดก็เหลียวมองไปรอบกายอย่างระวังภัยเพราะคนของอีกฝ่ายที่เริ่มขยับโอบล้อมไว้รอบทิศปิดโอกาสหนีโดยสิ้นเชิง
“คุณใช่มั้ยที่จับตัวผมมา...คุณจับผมมาทำไม?!?”
“โอ...พอเจอหน้าก็ถามคำถามเบสิก เหมือนที่บรรดานางเอกในนิยายตบจูบชอบถามทันทีเลยแฮะ” ข้ามฟ้าตอบยียวน กอดอกมองสภาพคนถามอย่างนึกขำ แล้วจึงเอ่ยเพิ่มเติมขึ้นอีกเมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับปากคล้ายอยากตอบโต้
“แต่ฉันคงไม่ต้องตอบคำถามนายหรอกมั้ง ถ้านายได้เห็นใครบางคน”
“หมายความว่าไง”
ข้ามฟ้ามิได้ตอบคำถามอีกฝ่าย หากแต่หันไปถามเปี๊ยกซึ่งกำลังทำหน้าทะเล้นใส่เชลยของเขา
“ไปตามจอมหรือยังเปี๊ยก”
“ตามแล้วครับคุณฟ้า...โน่นไง มาโน่นแล้ว” เด็กชายตอบแล้วชี้มือไปยังด้านข้าง หลังจากแลเห็นคนถูกเอ่ยถึงกำลังมุ่งหน้ามาสมทบ
สายตาทุกคู่พุ่งไปยังร่างซึ่งจับจูงเด็กหญิงพากันเดินตรงเข้ามาใกล้ ไม่เว้นแม้แต่เชลยหนุ่มซึ่งหันขวับเป็นคนแรกเสียด้วยซ้ำ และพลันที่เห็นหน้าหญิงสาวชัดเจนเต็มสองตา ชายหนุ่มก็ชะงักงัน แทนที่จะได้คำตอบดังคำที่ข้ามฟ้าว่า กลับมีคำถามมากมายผุดขึ้นในสมอง
“จอมจันทร์!!!” ครางอย่างตกใจปะปนคละเคล้าไปด้วยความฉงน เขารู้จักผู้หญิงคนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงถูกจับตัวมา
นี่มันอะไรกัน...เขางงไปหมดแล้ว
“คุณ!!!...คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วทำไมถึง...” จอมจันทร์ถามทักอย่างสงสัย ตกใจครามครันที่เห็นอดีตเจ้านายภายในเขตบ้านของตัวเอง ซ้ำสภาพยัง...ดูไม่จืด เพราะหน้าตาแตก ปากบวมเป็นครุฑ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเปียกชื้น เสื้อผ้ายับหลุดลุ่ยไม่เหลือเค้าของผู้ชายเพอร์เฟ็กที่แสนเนี้ยบเรียบกริบทุกกระเบียดนิ้วเลยสักนิด
“คุณมาทำอะไรที่นี่ แล้วมาได้ยังไง”
“ผมไม่ได้มาเอง...แต่เขา...” หยุดเว้นวรรคไปนิดแล้วชี้นิ้วไปที่ข้ามฟ้า
“เขาจับผมมาต่างหาก”
“หุบปากไปเลยไอ้หน้าหล่อ” ข้ามฟ้าหันไปตะคอกชายหนุ่ม หยุดหายใจครู่หนึ่งเพื่อสงบสติและอารมณ์ แล้วจึงเอ่ยเสียงนุ่มอ่อนโยนกับจอมจันทร์
“จอม...ฉันอยากให้แกยืนยันว่าเขาใช่ไอ้คุณอินทร์อะไรนั่นหรือเปล่า” ถามเพราะไม่แน่ใจเท่าใดนัก เนื่องจากก่อนจับตัวเชลยหนุ่มผู้นี้มา เหมือนคลับคล้ายคลับคลาว่ามีคนหน้าตาแบบนี้สองคน แต่เพราะคำว่า ‘อินทัช’ ที่ได้ยิน ซึ่งพ้องกับคำว่า ‘อิน’ ในความคิดเขา จะสะกดด้วยคำใดไม่สนล่ะ จึงตัดสินใจพุ่งเป้าหมายมาที่คนชื่อนี้และจับตัวมาในที่สุด
ฟังคำของชายหนุ่มที่ถามหญิงสาวแล้ว คนถูกสั่งให้หุบปากก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ลางๆ นี่เขาตกเป็นเชลยเพราะอีกฝ่ายคิดว่าคืออิศวรอย่างนั้นใช่ไหม คิดสะระตะแล้วก็ตะโกนก้องในใจ
บ้าไปกันใหญ่แล้ว เหตุการณ์ตามท้องเรื่องมันจะคล้ายจำเลยรักไปไหม...จะจับนายอินทร์ก็ไปจับให้ถูกตัวสิฟระ เขาน่ะอินทัชไม่ใช่นายอินทร์...อิศวรแฝดผู้พี่นะเฟ้ย...
พินพัชน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มิ.ย. 2555, 03:13:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2555, 19:36:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 1272
บทที่1 >> |