เล่ห์รักชีคร้าย เปลี่ยนชื่อเป็น 'เมียบำเรอรักชีค'(สนพ.สมาร์ทบุคตีพิมพ์)
เจ้าชายเอเดียล มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอัลดูซาร์ เกิดมาตกหลุมรักในเสน่ห์ของสาวน้อยชาวไทยนามว่า 'จันทร์เจ้า' เข้าเต็มเปา ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้องต้องการ อุปสรรคกี่มากน้อยเท่าไร เขาก็จะต้องพาเอาตัวเธอข้ามน้ำข้ามทะเลกลับอัลดูซาร์ไปด้วยกันให้จงได้ แม้ว่าสาวน้อยคนที่ว่า จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธ ในความต้องการของเขาเท่าไรก็ตาม...
Tags: ชีค สาวชาวไทย ทะเลทราย เจ้าชาย

ตอน: ไปไม่รอด

ตอนที่ 11 ไปไม่รอด

เป็นเวลากว่าชั่วโมงผ่านพ้นไปแล้ว ที่จันทร์เจ้ายังคงเดินวนเวียนวุ่นวนอยู่แต่ในอัครสถานพระราชวังหลังใหญ่โตแห่งนี้ เธอหอบหายใจเล็กน้อย ขณะที่ค่อยทิ้งน้ำหนักพิงแผ่นหลังเข้ากับผนัง ซึ่งมีการแกะสลักขึ้นเป็นลวดลายวิจิตรสวยงามแปลกตา จันทร์เจ้ายอมรับว่าสถาปัตยกรรมเหล่านี้มันล้วนแล้วแต่สร้างความตื่นตาให้ผู้พบเห็น แต่เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะอยู่ชื่นชมมันหรอก ยิ่งเวลาผ่านไปขนาดนี้แล้ว แต่แค่จะหาทางจะออกไปจากวังนี้ เธอยังไม่มีปัญญาจะทำได้สำเร็จเลย
“กี่โมงกี่ยามกันแล้วนะ”
เจ้าตัวยกนาฬิกาที่ผูกติดกับข้อมือข้างหนึ่งขึ้นดู แล้วก็ถึงนึกขึ้นมาได้ เวลาที่เมืองไทยกับที่นี่ มันห่างกันกี่มากน้อยยังไงเธอก็ยังไม่รู้เลยนี่นา ร่างบางหมดแรง ทรุดลงนั่งกับพื้นซึ่งปูลาดด้วยพรมสีเขียวมรกตเหลือบทองตลอดแนวนั่นเป็นครั้งแรก นี่ล่ะหนา...ผลของการไว้เนื้อเชื่อใจใครแค่เปลือกนอก ตอนอยู่เมืองไทยก็ดูใจดีมีเมตตา แต่พอมาถึงอัลดูซาร์เท่านั้น อสูรในร่างเทพบุตรก็ปรากฏตัวทีเดียวเชียว เธอเองก็น่าจะเอะใจ รู้ในจุดประสงค์ของเขาให้เร็วขึ้นกว่านี้ เพราะทั้งการแสดงออกที่ท่าน้ำในคืนลอยกระทง รวมไปถึงเหตุการณ์หวามใจในห้องชุดสุดหรูของโรงแรม ทั้งหมดนั้นมันบอกชัดเลยว่าเอเดียลต้องการอะไรจากเธอ เฮ้อ...แล้วนี่จะทำยังไงกันดีนะจันทร์เจ้า...จะทำยังไงดี...ทำยังไงดี...
“คิดออกแล้ว ซีราห์กับฟาฮัดไง!”
ไวเท่าความคิด ที่ขาทั้งสองข้างจะรู้สึกราวกับมีกำลังวังชาขึ้นมา จันทร์เจ้าลุกพรวดขึ้นยืน หันซ้ายแลขวาอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พบใครเหมือนเดิม หากครั้งนี้มือเล็กยกขึ้นป้องปาก พร้อมกับเสียงตะโกนก้อง
“คุณซีราห์ คุณฟาฮัด คุณสองคนอยู่แถวนี้ใช่ไหมคะ”
ก็ทุกครั้ง ไม่ว่าเอเดียลจะไปปรากฏกายอยู่ที่ไหน ก็มักจะต้องมีสองคนนี่คอยตามประกบอยู่ทุกฝีก้าวนี่นา
“คุณซีราห์ คุณฟาฮัด ได้ยินฉันหรือเปล่าคะ ฉันจันทร์เจ้านะคะ คุณฟาฮัด คุณซีราห์”
จันทร์เจ้าไม่ละความพยายาม เธอยังคงเดินไปพร้อมกับร้องตะโกนหาคนทั้งสองต่อไปอีกพักใหญ่ หญิงสาวไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด ว่าราชองครักษ์ทั้งสองจะไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกที่ดังลั่นๆ ของเธออยู่ในเวลานี้ เธอจะต้องอดทนและกดดันคนพวกนั้นด้วยเสียงแหลมๆ นี่ต่อไป เรียก...จนกว่าใครสักคนจะทนหนวกหูไม่ไหว และยอมก้าวออกมาหาเธอเสียดีๆ
“คุณซีราห์ คุณฟาฮัดคะ ออกมาคุยกับฉันหน่อยนะคะ คุณฟาฮัด...ฉันขอร้องล่ะค่ะ ช่วยออกมาหาฉันหน่อยเถอะ ช่วยฉันด้วยนะคะ ช่วยฉันด้วย คุณ...อุ๊ย!”
วลีหลังกลายเป็นเสียงร้องอุทานเบาๆ ไป เมื่อเจ้าของเสียงเกิดเดินสะดุดขาตัวเองและเซล้มลงกับพื้น
“โอย...เจ็บเหมือนกันนะนี่”
มือบางข้างหนึ่งละจากอาการบีบนวดเบาๆ ตรงข้อเท้าและปลีน่อง เพื่อไปคลำดูพื้นบริเวณรอบๆ นั่นล่ะ คิ้วโก่งจึงขมวดเข้า ก็ผืนพรมไม่มีรอยต่อ แถมยังปูเอาไว้เสียเรียบเสมอกันขนาดนี้ ไม่มีทางที่เธอจะสะดุดอะไรอย่างอื่นเป็นแน่ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่คงจะเป็นเพราะว่าร่างกายเธอยังอ่อนแรงจากการเดินทาง แล้วก็เริ่มจะหิวข้าวขึ้นมาแล้วน่ะสิ เรี่ยวแรงที่เคยมี มันถึงได้หดหายไปเสียเกือบหมดอย่างนี้
“โอย...” เสียงแหบๆ โอดเบาๆ ไม่คิดเลยว่าแค่จะพาตัวเองหาทางออกไปจากวังนี่ให้ได้ มันจะยากเย็นแสนเข็ญแบบนี้
“ว่ายังไง อยากจะยกธงขาวแล้วหรือยังจันทร์เจ้า”
“เจ้าชาย” คนที่ยังนั่งจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นเหลียวหลังกลับขึ้นมอง ร่างสูงค่อยย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าให้ใบหน้าเกือบจะเสมอกัน
“ใช่ ฉันเอง ได้ยินเสียงเธอตะโกนเรียกแว่วๆ คิดว่ากำลังเรียกหาฉันเสียอีก”
หญิงสาวหันหน้าทั้งหนีวาจาและรอยยิ้มเยาะเย้ยนั่นเสีย เขาคงนึกว่านี่เป็นเรื่องสนุก เห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องน่าขำ
“นี่ฝ่าบาทเสด็จจากทางไหนเพคะ”
ถามออกไปแล้วก็ให้นึกอยากจะกัดลิ้นตัวเอง เขาคงบอกเธอหรอกนะจันทร์เจ้า
“ฉันก็เดินมาตามทางมานี่ไง ว่าแต่เธอเถอะ เวลาหมดไปตั้งค่อนวันแล้วก็ยังไปไม่ถึงไหน หรือว่าจะเปลี่ยนใจ ไม่อยากออกไปจากที่นี่แล้ว” เพียงประโยคนั้นก็ทำเอาคนฟังตาเหลือก
“ค่อนวัน! นี่เวลาผ่านไปนานขนาดนั้นแล้วหรือเพคะ”
“งั้นสิ ฉันถึงต้องตามมาถามเธอไง ว่าเปลี่ยนใจจะอยู่ที่นี่กับฉันแล้วใช่ไหม”
“ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่มีทางเปลี่ยนใจ แต่ที่ยัง...”
สีหน้าคนพูดแลดูเศร้าสลด มกุฎราชกุมารหนุ่มจึงต่อให้
“แต่ที่ยังอยู่ในวังนี่ ก็เพราะว่าเธอยังหาทางออกไม่เจอเสียทีใช่ไหม”
“ก็เพราะว่ามีคนแกล้ง ไม่อย่างนั้น...ป่านนี้หม่อมฉันคงไปถึงสถานทูตไทยหรือไม่ก็แอร์พอร์ตเมื่อเช้าเรียบร้อยแล้ว”
“เธอคิดว่าตัวเองกำลังถูกแกล้ง ใครกันนะช่างใจร้าย”
จันทร์เจ้าได้ยินแล้วต้องกัดฟันพร้อมกับกำมือแน่น ดูเถอะ...เอเดียลแกล้งกวนประสาทเธอทุกทางเลย
“ใช่เพคะ คนๆ นั้นน่ะใจร้ายมาก ใจร้ายที่สุด เป็นพวกที่ชอบบงการ เผด็จการ แล้วก็เอาแต่ใจตัวเองอย่างชนิดไม่มีใครเกินเลยทีเดียว”
“แต่ดีที่คนๆ นั้นไม่ใช่ฉัน เพราะฉันน่ะทั้งคอยเอาใจช่วย แล้วก็นึกเป็นห่วงเธออยู่ตลอดเวลาตั้งแต่วินาทีที่เธอก้าวออกมาจากห้องนั่นเลย จะว่าไป...นี่มันก็เลยเวลาอาหารเที่ยงมานานหลายชั่วโมงแล้วนะจันทร์เจ้า ฉันเดาว่าตอนนี้ร่างกายของเธอคงจะกำลังทรมานเพราะความหิว อย่าดื้ออีกเลย อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ฉันจะคอยดูแลเธอเองนะ”
จนแล้วก็ไม่แคล้วความตั้งใจที่จะตามมาโน้มน้าว หญิงสาวเองก็ตอบเขากลับไปทันทีเช่นกัน
“ไม่เพคะ หม่อมฉันยอมที่จะอดอาหาร ยอมที่จะไม่กินอะไรเลยทั้งนั้น จนกว่าจะออกไปจากวังนี่ได้ เป็นหรือตาย ก็จะไม่ยอมอยู่ที่นี่แบบเป็นที่ร้อยของใคร”
“ที่ร้อย?” พระขนงเข้มเป็นปื้นเลิกสูงขึ้น
“ก็ใช่สิเพคะ แต่เอ...หรือจะมากกว่านั้นหม่อมฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ”
“เธอประชดฉันงั้นหรือ นี่มันเรื่องธรรมดาแท้ๆ เลยนะ จะเป็นที่เท่าไรก็เหมือนกันนั่นล่ะ และฉันยังไม่เห็นว่าจะมีผู้หญิงคนไหนช่างคิดมากเหมือนอย่างเธอเลยสักคน”
ไหนๆ ก็โกหกไปก่อนหน้าแล้ว จากนี้ไป ก็คงทำได้แค่รับสมอ้าง ตามที่แม่สาวชาวไทยเธอชอบขยับปากกล่าวหาไปแล้วกัน
“ก็นั่นมันผู้หญิงคนอื่นนี่เพคะ”
คนพูดลุกขึ้นยืน เป็นสัญญาณว่ากำลังจะตั้งท่าหาทางออกจากวังนี่ให้ได้อีกครั้ง เจ้าชายเอเดียลทรงลุกตาม
“เธอนี่ดื้อกว่าที่ฉันคาดเอาไว้หลายเท่านะจันทร์เจ้า”
“หม่อมฉันไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้แล้ว ขอพระองค์ทรงหลีกทางด้วยเพคะ”
เมื่อร่างเล็กผลุบก้าวผ่านไป ปลายสายพระเนตรที่ทอดตามจนสุดก็ตวัดกลับ...ยังท่องเอาไว้ทุกลมหายใจ ว่าไม่ได้อยากจะทำกับเธอเหมือนคนใจดำ แต่ถ้าหากไม่หาวิธีผูกมัดเอาไว้ให้เด็ดขาด ก็มีทางว่าจันทร์ดวงนี้ต้องลอยเลื่อนไปจากพระองค์เป็นแน่
“ซีราห์ ฟาฮัด” พระสุรเสียงเข้มดังขึ้น
“พะย่ะค่ะ” ราชองครักษ์ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นในทันทีทันใด
“ไปสั่งให้คนเตรียมตำหนักเล็กด้านหลังเอาไว้”
“พะย่ะค่ะ” สองคนรับคำ ก่อนจะแบ่งหน้าที่ ซีราห์ยังอยู่ถวายอารักขาต่อเจ้าชาย ในขณะที่ฟาฮัดก็รีบรุดไปจัดการตามที่ได้รับพระบัญชา
“แล้วนี่...คุณจันทร์เจ้าจะยอมหรือพะย่ะค่ะ”
“จะยอมหรือไม่ มันสำคัญแค่ไหนกันเชียวซีราห์”
ได้ยินเช่นนั้น ซีราห์ก็เก็บปากเก็บคำเงียบ ทั้งที่ภายในใจยังคงคิด ถ้าจันทร์เจ้าไม่ยอม แล้วชีคเอเดียลจะทรงทำประการใด หรือถ้าทรงทำให้เธอยอมได้ การจะให้เธออยู่ที่ตำหนักเล็ก มันจะต้องมีอีกกี่ปัญหาที่จะต้องตามมา เพราะตามกฎแล้ว เหล่าบรรดาสนมนางในจะต้องอาศัยอยู่รวมกันในส่วนที่ได้กำหนดเอาไว้เท่านั้น ซีราห์ไม่เข้าใจ...ผู้หญิงไทยคนนี้มีอะไรน่าสนใจมากมาย ถึงขนาดให้องค์รัชทายาททรงอยากจะยึดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแบบนี้...

นานนับชั่วโมงต่อมา...
“คุณซีราห์ คุณฟาฮัด โอ๊ย ดีใจจังเลยค่ะ!”
จันทร์เจ้ายิ้มกว้าง พลางเร่งฝีเท้าเข้าไปหาบุคคลทั้งสองใกล้ๆ ในที่สุด...ความหวังเพียงอย่างเดียวของเธอก็ลอยคล้อยมาอยู่ตรงหน้านี่จนได้
“คุณจันทร์เจ้า” ฟาฮัดมองตรงมา
“ก็ฉันน่ะสิคะ แล้วนี่คุณสองคนหายไปไหนกันมา ไม่ได้อยู่ที่วังนี่หรอกหรือคะ รู้ไหมว่าฉันร้องตะโกนเรียกหาอยู่นานเป็นชั่วโมงๆ เลย”
เจ้าของเสียงแหบแห้งเอ่ยออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน ปรารถนาให้สองคนที่ยังทำท่าทางเหมือนกำลังลำบากใจได้แสดงออกถึงความเป็นมิตร เพื่อให้เธอรู้สึกว่ายังพอมีหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเขาอยู่บ้าง
“ต้องขออภัย พวกเราไม่ได้ยินเสียงคุณเรียกเลยครับ”
ฟาฮัดเอ่ย ก็ใครจะบอกความจริง ว่าได้ยิน แต่กลับขานรับและปรากฏตัวออกมาไม่ได้กันเล่า
“เอ่อ...อย่างนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังอยากได้ความช่วยเหลือจากคุณสองคนมากๆ เลยนะคะ คุณซีราห์คุณฟาฮัด กรุณาช่วยพาฉันออกไปจากวังนี่ทีเถอะค่ะ ฉันขอร้อง จะพาฉันไปส่งที่สถานทูตไทย หรือไม่...หรือไม่ก็แค่หน้าประตูวังนี่ก็ยังดี”
“เอ่อ...คุณจันทร์เจ้าครับ” ซีราห์ยังอึกอัก
“ว่ายังไงล่ะคะ คุณสองคนพอจะช่วยฉันได้บ้างไหม”
จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง จันทร์เจ้าก็ยังไม่ได้คำตอบเสียที หญิงสาวมีความคิดใหม่ ถ้าขอกันดีๆ แล้วไม่ยอมช่วย เธอก็จะอาศัยวิธีโยนความผิดไปให้เสียเลย ดูซิว่าทั้งสององครักษ์จะยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหลงเหลืออยู่ในใจกันบ้างหรือเปล่า
“คุณสองคนเป็นชายชาติทหาร แต่กลับร่วมกับเจ้าชายเอเดียลใช้วิธีการสกปรก โกหกหลอกลวงให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวก้าวเข้ามาตกอยู่ในหลุมพราง แบบนี้มันจะเรียกว่าวิธีการของลูกผู้ชาย หรือชายชาตินักรบได้อย่างนั้นหรือคะ”
“คุณจันทร์เจ้า กรุณาให้เกียรติพวกเราหน่อยนะครับ”
ซีราห์หน้าแดง เหตุเพราะกำลังรู้สึกโกรธปนละอายแก่ใจ
“ฉันจะให้เกียรติ ก็เฉพาะกับคนที่รักษาและเคารพในเกียรติของคนอื่นเท่านั้นค่ะ เสียทีที่ฉันอุตส่าห์หลงไว้วางใจและชื่นชมในความมีน้ำใจดีของพวกคุณ แต่ที่ไหนได้...ทุกอย่างมันจอมปลอมทั้งนั้น ไม่น่าทำกันได้ลงคอเลยนะคะ”
“พวกเราทำไปตามพระบัญชา ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวงหรือโกหกอะไรคุณเลยนะครับคุณจันทร์เจ้า” ฟาฮัดแก้ต่าง
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่สิคะคุณฟาฮัด ตอนนี้ชีคเอเดียลก็ไม่ได้อยู่กับเราเสียหน่อย ถ้าพวกคุณแอบช่วยฉัน พระองค์ก็คงไม่รู้หรอก”
“เสียใจจริงๆ นะครับคุณจันทร์เจ้า เราสองคนคงทำตามที่คุณขอไม่ได้”
สาวไทยยิ่งหัวเสีย เพราะไม่ว่าจะพูดยังไงก็ดูเหมือนเธอจะได้รับแต่คำปฏิเสธ
“ทำไมล่ะคะ ก็ในเมื่อคุณสองคนบอกเองว่าไม่ได้...”
“ก็เพราะว่ามันหมดเวลาของเธอแล้วน่ะสิจันทร์เจ้า”
เสียงที่ดังแทรกขึ้นเบื้องหลังทำเอาจันทร์เจ้าเกิดอาการขาทั้งสองชาแข็ง ก่อนจะบังคับตัวให้หันขวับกลับไปมอง
“เจ้าชาย!”
“ใช่ ฉันเอง จะมาเตือนว่ามันหมดเวลาเล่นเกมซ่อนหาของเธอแล้ว”
“หมดเวลา นี่มันกี่โมงกันแล้วคะคุณฟาฮัด”
“หกโมงเย็น ตามเวลาของอัลดูซาร์ครับ”
อีกฝ่ายรายงานเสียงเรียบ ทว่าจันทร์เจ้าตาโต
“หกโมงอย่างนั้นหรือคะ งั้นก็แปลว่า...”
“ก็แปลว่าหมดวันแล้วยังไงล่ะ หมดวัน...แล้วก็หมดเวลาตามที่เธอได้สัญญากับฉันเอาไว้แล้วด้วย”
เจ้าชายเอเดียลทรงตรัสย้ำ
“ไม่นะคะ...มันต้องยังไม่หมดเวลาสิ”
“จะโกงงั้นหรือจันทร์เจ้า”
“เปล่าเพคะ หม่อมฉันไม่ได้โกง แต่ใครจะเชื่อว่าเวลามันจะผ่านไปรวดเร็วขนาดนั้น ที่สำคัญ หม่อมฉันยังไม่ทันจะหาทางออกไปจากวังนี่ได้เลยด้วยซ้ำ”
สีหน้าและท่าทางของคนพูดแลดูเดือดเนื้อร้อนใจยิ่ง
“นั่นมันเรื่องของเธอ แต่ตอนนี้ เวลานี้ เธอจะต้องทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับฉัน ซีราห์ ฟาฮัด”
สองราชองครักษ์ขยับเข้ามาใกล้ แม้ไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัว แต่อาการนั้นก็เหมือนจงใจบีบให้เธอต้องออกเดิน
“เชิญทางนี้ครับ”
“คุณฟาฮัด...ไม่นะคะ...”
จันทร์เจ้าสั่นหน้า พยายามจะขอร้องทั้งสองคนอีกครั้ง แต่หญิงสาวก็รู้ได้ในทันทีว่าหมดหวัง
“แล้วนี่พวกคุณจะพาฉันไปไหนคะ”
“ตำหนักเล็กใกล้ๆ กันนี่ล่ะครับ เชิญครับ”
หญิงสาวคอตก จำต้องออกเดินตามองครักษ์ทั้งสองไปอย่างคนหมดหนทาง เธอวิ่งวนไปทางนั้นมาทางนี้อยู่เป็นหลายชั่วโมง สุดท้ายทุกอย่างที่มุ่งมั่นพยายามมามันก็เหลวเปล่า และทั้งหมดนี่มันจะเป็นเพราะฝีมือใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่...ชีคเอเดียล แห่งราชสกุล อัล ดาบัน

หลังจากที่ได้เข้ามาพำนักใน ‘ตำหนักเล็ก’ ตามที่ซีราห์และฟาฮัดนำทางมาแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกสี่สาวชาวอัลดูซาร์ซึ่งเจ้าชายเอเดียลทรงมีรับสั่งให้มาคอยรับใช้ ต้อนเธอให้เข้าไปอาบน้ำเพื่อจะเปลี่ยนเอาเสื้อผ้าชุดเดิมออก และแม้จะยังมีอารมณ์ขัดอกขัดใจยังไง หากแต่ความรำคาญนั้นมีมากกว่า หญิงสาวคิดว่าตนเองควรจะเออออ ทำทุกอย่างไปตามที่ทั้งสี่คนต้องการ แล้วทีนี้พวกหล่อนก็คงจะเลิกยุ่งกับเธอเสียที
“ฉันจะอาบก็ได้ แต่พวกเธอไม่ต้องมานั่งคอยอยู่ในห้องนี้หรอกนะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณจันทร์เจ้า นี่เป็นรับสั่งจาก...”
แม่สาวหนึ่งในสี่คนขัดขึ้นทันที
“จากใครใช่ว่าฉันจะไม่รู้ แต่คนมันไม่ชินนี่ ขอร้องล่ะ พวกเธอออกไปก่อน แล้วถ้าหากว่ามีอะไรฉันจะเรียกออกไปเอง”
สาวๆ กลุ่มย่อมๆ นั่นหันมองหน้ากันไปมาราวจะหารือ
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น ระหว่างที่คุณอาบน้ำ พวกเราทั้งหมดจะออกไปรออยู่ด้านนอก แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณจะแต่งตัว ก็ขอให้เรียกนะคะ พวกเราจะเข้ามาช่วยคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันโตแล้ว ใส่เสื้อผ้าเองได้”
จันทร์เจ้าบอกแกมประชด ก็อารมณ์ตอนนี้ยิ่งไม่ค่อยจะปกติอยู่
“แต่ชุดพื้นเมืองของเราชาวอัลดูซาร์ อาจจะเป็นปัญหาสำหรับคนที่ยังไม่เคยสวมใส่ได้นะคะ”
แม่สาวอีกคนพูดขึ้น น้ำเสียงของเจ้าหล่อนฟังดูเป็นห่วงเป็นใย
“ชุดอะไรกัน ไม่หรอกมั้ง ฉันก็ใส่เสื้อผ้าที่เตรียมมานี่ล่ะ” พูดพลางก็กวาดตาหากระเป๋าใบย่อมของตนไปพลาง
“พวกเราเกรงว่าจะไม่ได้นะคะ อยู่ที่นี่ คุณก็ควรจะต้องเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศเข้าไว้”
“ใช่ค่ะ อีกอย่างวัฒนธรรมการแต่งกายก็มีความหมาย แล้วก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับ...ผู้ที่จะมาพำนักอาศัยหรือใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงนี่ด้วยค่ะ”
จันทร์เจ้าหลับตาพร้อมกับถอนลมหายใจเฮือก เธอยกมือทั้งสองขึ้น
“เอาล่ะๆ ฉันยอมแพ้พวกเธอแล้วก็ได้ แต่อย่างแรกเลย ทุกคนช่วยออกไปกันก่อนได้ไหม คือว่าฉัน...ต้องการจะอยู่คนเดียวสักพักน่ะ”
“เอ่อ...”
“สัญญา ว่าฉันจะอาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วหลังจากนั้นเราก็ค่อยมาว่ากันใหม่ อ้อ...ถามอะไรอย่างสิ”
“อะไรหรือคะ”
สาวที่ดูว่าช่างพูดที่สุดในนั้นถามกลับอย่างกระตือรือร้น
“กระเป๋าแล้วก็พวกข้าวของส่วนตัวของฉันอยู่ที่ไหนน่ะ”
“ในตู้นั่นล่ะค่ะ พวกเราจัดเอาไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นก็ขอบใจพวกเธอมากนะ เอ่อ...แล้วนี่...”
จันทร์เจ้าลากหางเสียง ไม่แน่ใจว่าเธอควรจะถามออกไปดีหรือเปล่า
“ชีคเอเดียลล่ะ...”
“ไม่คิด ว่าจะได้ยินเธอถามถึงฉัน”
เสียงทุ้มๆ เรียบๆ ดังขึ้นจากทางหน้าประตูบานใหญ่
“เจ้าชาย!”
“ไปตรวจตราดูเอกสารเรื่องการงานมาเดี๋ยวเดียว ไม่รู้ว่าจะทำให้เธอคิดถึงขนาดนี้”
และยิ่งได้ฟังเขาพูดมากเท่าไร หญิงสาวก็ยิ่งจะต้องอ้าปากค้างมากขึ้นเท่านั้น เจ้าชายเอเดียล...ไม่คิดเลยว่าจะหลงตัวเองได้ถึงเพียงนี้
“คนอะไร...” จันทร์เจ้าพึมพำ อยากจะรั้งให้ทั้งสี่สาวคอยอยู่เป็นเพื่อนกันก่อน แต่บรรดาเจ้าหล่อนทั้งหลายก็สลายตัวเร็วอย่างกับอะไร
“ได้ยินว่าเธอกำลังจะอาบน้ำอย่างนั้นหรือ”
“ถ้าทรงได้ยิน ก็ไม่ควรจะถือวิสาสะเปิดเข้ามาเองแบบนี้”
คนตอบถอยเท้าหนี สองตามองขวางอย่างไม่ไว้ใจ ตอนก่อนจะบินมาอัลดูซาร์ มกุฎราชกุมารพระองค์นี้ ก็เคยแสดงออกถึงความ ‘เจ้าชู้ประตูดิน’ ให้เธอได้สัมผัสมาก่อนหน้าแล้ว จันทร์เจ้ายังไม่ลืม ทั้งที่ท่าน้ำ แล้วก็ในห้องนอนที่สยามธานีนั่นอีกหน
“ต้องขออภัย เพราะปกติฉันก็เข้านอกออกในทั่วทั้งวังหลวงนี่ได้โดยไม่ต้องรอขออนุญาตใครอยู่แล้ว”
“หม่อมฉันเหนื่อย อยากพักผ่อนเพคะ”
คนฟังชิงตัดบท แต่ทว่า
“เอาสิ ฉันจะคอยอยู่ดูแลเธอเอง”
“อะไรนะเพคะ!”
“ถ้าเธออยากจะพักผ่อนก็ได้ จะนานสักเท่าไรก็ไม่มีปัญหา และฉันนี่ล่ะที่จะเป็นคนคอยอยู่ดูแลเธอเอง”
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่พระสุรเสียงราบเรียบและสีพระพักตร์ที่เรียบเฉยนั่นจะทำให้จันทร์เจ้าโมโหโกรธาขึ้นมาได้มากมาย หญิงสาวนิ่วหน้า บอกออกไปว่า
“แต่หม่อมฉันไม่ต้องการให้พระองค์หรือใครก็ตามเข้ามาวุ่นวายในห้องนี้ หม่อมฉันต้องการจะอยู่คนเดียวเงียบๆ เพคะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทรงเข้าพระทัยถึงความลำบากใจในครั้งนี้ของผู้หญิงพลัดถิ่นเช่นหม่อมฉัน”
“เธอมีสิทธิ์จะหวังอะไรก็ได้ แต่ฉัน...คือผู้มีอำนาจกำหนด ว่าเธอจะได้ตามที่หวังไปเสียทุกอย่างหรือไม่”
การแสดงออกถึงความเหนือชั้นกว่าทั้งน้ำเสียง วาจาและท่าทางนั้นทำเอาจันทร์เจ้าโกรธจนลืมตัว หญิงสาวเผลอขึ้นเสียง
“ทรงลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ของหม่อมฉันมากเกินไปแล้วนะเพคะ”
“ไม่เลย แต่เธอจะมีสิทธิทุกอย่างทุกประการ ตามที่ผู้หญิงของฉันพึงมีต่างหากล่ะ”
“เจ้าชายเอเดียล!”
หญิงสาวกัดริมฝีปากแรง
“เรียกฉันอีกแล้ว ไหนว่าไม่ต้องการไง เรียกทำไมกันบ่อยๆ อ้อ หรือว่าเปลี่ยนใจ อยากให้ฉันช่วยอาบน้ำให้อย่างนั้นสิ”





ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2555, 12:24:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2555, 08:51:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 10374





<< อารมณ์ที่อ่อนไหว   ราชสีห์ขยี้ลูกกวางน้อย >>
ลียา 7 มิ.ย. 2555, 12:27:56 น.
คุณนกขมิ้น คุณแว่นใส คุณหมูอ้วน และทู้กท่าน ตอนใหม่มาแล้วนะคะ


ลียา 7 มิ.ย. 2555, 12:29:01 น.
ขอบคุณคุณ Tutas กับคอมเม้นท์และการติดตามนะคะ เป็นกำลังใจที่ต้องการมากๆ เชียวค่ะ


ลียา 7 มิ.ย. 2555, 12:42:07 น.
คุณlongah ขา ผิดพลาดประการใดกับเจ้าชายเอเดียล เค้าต้องขออภัยด้วยน้า พอดีแนวพระเอกหื่นโหด ใจร้ายใจดำ กระทำกับนางเอก เป็นแนวค่อนข้างถนัดของเค้าง่ะ เผลอเมื่อไหร่ เป็นต้องยัดเยียดคาแรกเตอร์นี้ให้คุณพี่เค้าอยู่เนืองๆ (แบบว่าสาแก่ใจไรท์เตอร์ )แต่ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ มีโอกาสตามอ่านถึงท้ายๆ รับรองว่าจะกลับสู่โหมดหวานกันอีกครั้งแน่นอนจ้า


tutas 7 มิ.ย. 2555, 14:03:18 น.
คุณลียาคะ อยากรู้จักว่าจันทร์เจ้าจะอาบน้ำคนเดียวหรือมีชีคเป็นคนอาบให้น้ออออ


ณัฐวีร์ 7 มิ.ย. 2555, 20:31:56 น.
ถ้าเราเป็นจันทร์เจ้า เราว่าเรายอมตายดีกว่า เพราะสถานการนั้นคงไม่คิดว่ามันจะแฮปปี้เอ็นดิ้ง อย่างน้อยเจ้าชายจะได้สำนึกถึงค่าของความเป็นคนบ้าง


longah 7 มิ.ย. 2555, 22:10:52 น.
สงสารจันทร์เจ้าจริงๆเลย หาทางออกไม่เจอเลยต้องมาอยู่กับชีคใจร้ายเลย อัพต่อไวๆนะค่ะ


ณจรร 8 มิ.ย. 2555, 22:13:30 น.
ว้าวๆๆ อยู่นี่เองหาตั้งนานนนนน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account