ทิวาเลือน
เรื่องราวของการสืบหาความจริงที่ยังคลุมเครือของการเลิกราของเมฆาและเริ่มทิวาจนนำไปสู่อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตฝ่ายหญิง

โดยรวี ที่อยากจะช่วยญาติให้หลุดพ้นความเศร้าโศก ชักชวน อรุณงามญาติฝ่ายหญิงให้มาช่วยกันสืบด้วยความไม่เต็มใจนัก

ยิ่งสืบยิ่งยุ่ง อะไรหนอหรือใครกันที่เป็นสาเหตุอันแท้จริง


Tags: ชิตา ทิวาเลือน รักโรแมนติค

ตอน: ๔

“เอาละ ถึงแล้ว บ้านเพื่อนคุณ”

รวีจอดรถหน้าบ้านหลังเล็กในหมู่บ้านจัดสรรโครงการหนึ่ง อรุณงามที่ตอนนี้มีสีหน้าผ่องใส ยิ้มดีใจเหมือนเด็กหนีเที่ยวได้สำเร็จอย่างที่หล่อนว่าไว้ เกล้าผมหลวมๆ อย่างรวดเร็ว ยกมือไหว้เขาด้วยก่อนลงจากรถ

เขารับไหว้อย่างงงๆ ก่อนร้องตาม

“เดี๋ยวรอก่อน”

หล่อนกดกริ่ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับ

เอ เอาไงดี นั่งรอดีกว่า หน้าบ้านมีร่มไม้เล็กทอดเงาพอให้นั่งได้ อรุณงามจึงหย่อนตัวนั่ง หยิบนิยายมากาง

รวีนั้น ทั้งงง ทั้งขำ ทั้งประหลาดใจ เขามองซ้ายขวาก็ไม่เห็นแถวนี้จะมีใครอยู่ ก็แหงล่ะ กลางวันแสกๆ ชาวบ้านชาวช่องก็ไปทำงานหมดนะสิ เขาเลยไปนั่งข้างๆ

“ไม่มีอะไรจะพูดเลยหรือ”

อรุณงามเงยหน้ามอง ถอนหายใจ

“ขอบคุณมากที่มาส่ง คุณกลับไปได้แล้ว”

“คุณทำตัวยังกะเด็กมัธยมหนีผู้ปกครองไปเที่ยว”

“ใช่ แล้วไง”

“ผมไม่รู้นะ ว่าพวกคุณมีปัญหาอะไร แต่นี่ไม่ใช่ทางออกที่ดีหรอก คุณโตแล้ว เรียนจบมีงานทำ แค่ไปเที่ยวกับเพื่อนแค่นี้ ป้าคุณจะไม่อนุญาตเลยเหรอ”

“คุณอย่ารู้เลย ยากที่จะอธิบาย”

“ตามใจ ผมก็แค่หวังดี แล้วใจคอจะนั่งรอเพื่อนตรงนี้เนี่ยนะ”

“จะให้ฉันไปไหนได้ แถวนี้ก็ไม่มีร้านกาแฟให้นั่งรอ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่มีรถด้วย”

“แต่ผมมี เดี๋ยวผมกลับมาส่งใหม่”

รวีลุกยืนปัดกางเกง ยื่นมือให้จับ

“ไปไหน” กวาดตามองอย่างหวาดระแวงเล็กๆ ญาตินายเมฆา เชื้อแถวก็คงไม่ไกลกัน

“กลัวอะไร อย่าลืมนะว่าคุณโดดขึ้นรถผมมาเอง”

“แล้วจะพาไปไหนล่ะ”

“คุณอยากฆ่าเวลาที่ไหนก็ได้ ตามใจ” เขาบอกท่าทางแกล้งรำคาญ


แต่เอาเข้าจริง รวีก็อ้างว่า ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน ลากหล่อนไปกินข้าวที่สวนอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งอรุณงามก็เดินตามไปอย่างไม่เต็มใจนัก ร้านอาหารร่มรื่นด้วยไม้ยืนต้นสูงใหญ่ทั่วบริเวณ โต๊ะอาหารก็ตั้งใต้ร่มไม้ใบบังเหล่านั้น

“เห็นไหมดีกว่านั่งรอหน้าบ้านเพื่อนคุณเป็นไหนๆ อ้าวแล้วยืนหันซ้ายหันขวาทำไม นั่งสิ”

“บอกดีๆ ก็ได้” อรุณงามว่า นั่งคอแข็งเหลียวซ้ายแลขวากลัวคนรู้จักจะมาเจอ

“มองหาใครหรือครับ”

“เปล๊า” ตอบเสียงสูง

“หรือกลัวใครมาเห็น กลัวแฟนเข้าใจผิดหรือครับ”

“ทำไมไม่ถามตรงๆ ล่ะว่ามีแฟนหรือยัง จะได้ตอบว่า ยังไม่มี”

สมน้ำหน้าตัวเองนัก โดนเข้าไปกี่หมัดแล้วรวี จุกบ้างหรือเปล่าแต่ก็แปลกที่เขากลับไม่โกรธ กลับเพลินกับกิริยาตรงไปตรงมาของหล่อน

“อ้อ”

“ว่าแต่คุณเถอะ ไม่ใช่ว่าจู่ๆ ฉันจะโดนขู่ว่าจะโดนน้ำกรดสาด เหมือนที่เริ่มทิวาเคยโดนหรอกนะ”

“คุณก็เกินไป มองโลกในแง่ร้าย ”

“ก็ใครเริ่มก่อนล่ะ”

เขาถอนหายใจ หันหน้าไปหาบริกรสั่งอาหารแทน อุตส่าห์จะสั่งเผื่อให้ หล่อนก็ปฏิเสธ

“กินเป็นเพื่อนหน่อย”

“ไม่เอาฉันไม่ใช่เพื่อนคุณ” ว่าแล้วก็มองซ้ายมองขวา เป็นอาการระแวงที่ผู้หญิงอย่างหล่อนไม่น่ามี

“คนทำผิดก็อย่างนี้แหละระแวงไปหมด” แกล้งยั่ว พลางจ้องตาหญิงสาว

“คุณว่าใครระแวง” หล่อนนั่งยุกยิก แววตาระแวดระวัง

“อยากรับก็รับไป”

“ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดมาก คุณไม่รู้หรอกว่าสองปีมานี่ ฉันมีชีวิตรอดมาได้ยังไง อิสระเสรีทั้งความคิด การกระทำถูกจำกัดอยู่แค่บ้าน โดนยัดเยียดอะไรต่อมิอะไรเต็มสมอง โดนลากไปนั่นไปนี่โดยไม่เต็มใจ เพื่อนที่มีน้อยอยู่แล้ว เขาก็แทบจะเลิกคบ คุณรู้ไหม บุญเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่คิดฆ่าตัวตายน่ะ”

น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกว่าพูดเล่น รวีนิ่งอึ้ง

“คุณหมายความว่า ตั้งแต่ทิวาตาย คุณป้าคุณก็ตีกรอบชีวิตคุณงั้นหรือ”

“ทั้งป้าและพี่ชาย เมื่อก่อนป้าอาจจะไม่ได้ทำกับทิวาขนาดนี้ และคงเป็นเพราะทิวายอมด้วย แต่พอคบกับนายเมฆา ทิวาก็เปลี่ยนไป คุณป้าก็คงเคืองๆ อยู่ พอเกิดเหตุ
ท่านก็เลยมาลงกับฉันนี่ไง”

“คุณเลยรับเคราะห์”

“เรื่องของฉัน” รู้ตัวว่าพูดมากเกินไป อรุณงามเลยสะบัดหน้ามองไปทางอื่นแล้วก็ต้องสบกับสายตาไม่พอใจของผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามาในสวนอาหาร

ตะวันฉาย

เขาพึมพำขอตัวกับเพื่อนที่มาด้วยเบาๆ ก่อนจะตรงมาที่น้องสาว สีหน้ากราดเกรี้ยวแสดงว่าป้าคงโทรรายงานเรียบร้อบแล้ว

“งาม นี่มันเรื่องอะไรกัน ป้าบอกว่าเจอรถเราจอดอยู่ที่บ้าน แต่ตัวเธอบอกว่าอยู่ที่ทำงาน แล้วมานี่ได้ไง แล้วนี่ใคร”

“มีมารยาทหน่อย พี่ตะวัน นี่คุณ เอ่อ” คุยกันมาตั้งนมนาน ยังไม่รู้จักเขาเลย

“ผมรวีครับ เป็นเพื่อนกับคุณอรุณงาม”

“เป็นเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพี่ไม่รู้เรื่อง”

“พี่ตะวัน อย่าเสียงดังสิ อายคนเขา”

“เรานั่นแหละต้องอาย เคยนับบ้างไหม ทำเรื่องให้ป้าเสียใจกี่เรื่องแล้ว โกหกกับป้ากับพี่ ไม่เชื่อฟัง กลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้”

“ไม่กลับ”

“เอ๊ะ พี่บอกให้กลับ”

“เหตุผล”

“เพราะพี่เป็นพี่ไง” นี่ไม่ใช่อาการหวงน้องสาวธรรมดา รวีเห็นท่าไม่ดีรีบลุกมายืนเคียงข้าง

“วันนี้คุณอรุณงามมาสัมภาษณ์งานกับผมครับ ผมเห็นว่าเธอมีความสามารถก็เลยชวนมาทานข้าวคุยกันต่อ เดี๋ยวจะพาเธอเข้าบริษัทอีกครั้ง ก่อนจะพากลับบ้าน” เขาโกหก

“สัมภาษณ์งานอีกแล้ว ไหนบอกว่าที่ลงไปกรุงเทพวันนั้นงานสุดท้ายไง อรุณงาม หมายความว่าน้องโกหกอีกแล้วใช่ไหม”

“มันเรื่องของงาม”

“อรุณงาม กี่ครั้งแล้วที่เธอทำให้ป้ากับพี่เสียใจ เคยนับบ้างไหม หา” เขาเข้ามาจะกระชากแขนน้องสาวแต่หล่อนก็หลบวูบไปอยู่หลังรวี

“แต่ผมว่าเธอจะทำอะไรนี่ไหนมันก็สิทธิ์ของเธอนะครับ”

“คนนอก อย่ามาสอด” เสียงตะวันฉายเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แต่อรุณงามแทนที่จะกลัวลนลานเหมือนกับท่าทีในตอนแรกกลับยืนนิ่งให้พี่ชายตะคอกอยู่อย่างนั้น
เจ้าของร้านเห็นท่าไม่ดี รีบเดินเข้ามาไกล่เกลี่ย

“เดี๋ยวงามจะกลับกับเขา พี่ตะวันไปกินข้าวกับเพื่อนเถอะ พี่ไม่อายแต่เพื่อนพี่เขาอาจอายก็ได้ ที่มีเพื่อนอย่างพี่ตะวัน”

“อรุณงาม” ตะวันฉายตะคอก ช่างยอกย้อนได้เจ็บแสบนักอรุณงาม

“ขอเถอะครับ มีอะไรไปพูดกันด้านในดีไหมครับ” เจ้าของร้านละล่ำละลักพูด

“เอาไงครับคุณตะวันฉาย”

“อย่ามาเรียกชื่อผม ผมไม่ได้เป็นเพื่อนกับคุณ”

อ้าว ท่าจะโดนหมากัดแล้วไม่ได้ฉีดยาจริงๆ หมอนี่ เขาถลึงตาใส่น้องสาว ก่อนจะยอมเดินไปหาเพื่อนที่ชะเง้อมองแต่ไม่กล้าสอด

รวีวางเงินลงบนโต๊ะ หมดอารมณ์กินข้าว

“ไปกันเถอะ คราวนี้คุณอยากไปไหน ผมจะพาไปจริงๆ ”

หล่อนเหลียวไปมองพี่ชายแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินนำหน้าไปอย่างกระฉับกระเฉง ไม่เศร้า ไม่เสียใจ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น

การจากไปของเริ่มทิวาก่อให้เกิดอะไรกับครอบครัวนี้กันแน่เนี่ย

“ฉันอยากไปรอที่หน้าบ้านเพื่อนเหมือนเดิม” หล่อนบอกเขาเบาๆ

“เที่ยวให้สนุกนะ แล้วคุณจะกลับวันไหน”

“เย็นวันจันทร์”

“แล้วผมจะไปรับ”


“จะน่าแปลกใจอะไรวะ สมัยไอ้เมฆาไปจีบนังหนูเริ่มทิวาน่ะ กว่ามันจะฝ่าด่านเข้าไปได้ เป็นแรมเดือน”

พ่อเลี้ยงเอนกบอกหลานชายเมื่อ รวีบินด่วนมาหาพ่อเลี้ยงถึงกรุงเทพเพื่อคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทั้งที่ประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าจะไม่ขอยุ่งกับเรื่องนายเมฆาอีก

“แล้วที่บอกว่ามีคนเสนอให้เงินพวกเธอ ลุงหรือเปล่า”

พ่อเลี้ยงเอนก ถลึงตาใส่หลานชาย

“ก็ว่าไป ฉันก็แค่เสนอเงินช่วยงานศพ”

“แต่ทางนั้นเขาเข้าใจว่า เราเอาเงินฟาดหัว”

“ยัยป้าบ้าๆ บวมๆ คนนั้นก็ว่าไปเรื่อย แล้วแกลงมากรุงเทพเพื่อมากล่าวหาลุง แค่นี้เองหรือ”

“ผมจะมาบอกลุงว่า ผมจะไปตามเจ้าเมฆให้”

“ไหงเปลี่ยนใจง่ายนักวะ” พ่อเลี้ยงมองหน้า แต่ในใจรู้แล้วว่า มันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลัง

“ให้ผมสืบเรื่องของเมฆากับเริ่มทิวาเมื่อสองปีก่อน”

“แกจะรื้อฟื้นอีกทำไมให้มันเจ็บมันช้ำทั้งสองฝ่าย จบแล้วไม่จบ”

“ผมรู้สึกติดใจ สงสัย ก็แค่นั้น”

“มาสงสัยอะไรป่านนี้วะ ฮะ สงสัยทำไม แกก็แค่บินไปเมืองจีนแล้วลากคอมันกลับมา ถามมันแค่นั้นจบ มัวแต่สืบอะไรไม่เข้าท่า เสียเวลาทำมาหากิน”

“ถามเมฆาก็ได้คำตอบเหมือนเดิม ผมจะสืบของผมเอง”

“แล้วจะสืบยังไง คนหนึ่งก็ตาย คนหนึ่งก็อยู่ค่อนโลก”

“ผมก็มีวิธีของผม”

พ่อเลี้ยงเอนกโบกมือ

“อยากทำอะไรก็ทำ อย่าให้งานฉันเสียแล้ว อย่าลืมไปตามนายเมฆก็แล้วกัน”


แหล่งแรกที่เขาจะไปหาข้อมูลไม่เพื่อไม่ให้เสียค่าเครื่องบินเปล่าๆ คือห้องนอนเมฆาที่บ้านลุง ต้องอาศัยจังหวะที่ลุงทำงานอยู่ รีบเข้าไป แม้จะอนุญาตแล้วแต่ลุงคงไม่ชอบให้ใครค้นข้าวของหลานชายคนโปรด

เขาบอกแม่บ้านแวะมาเอาของแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ ก่อนจะขอให้หล่อนเปิดห้องเมฆาให้

ห้องสะอาดสะอ้านเพราะลุงสั่งให้ให้ดูแลอย่างดีเผื่อหลานชายกลับมากะทันหัน เขารื้อล้นชัก ค้นตู้เสื้อผ้า ดูใต้ที่นอน พลิกหมอน โดยหวังว่าจะเจอจดหมายเก่าๆ สมุดบันทึกหรืออะไรก็ตามแต่ที่พอจะรื้ออดีตได้บ้าง แต่ก็ไม่มี

เฮ้อ ลำบากมิใช่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้มุ่งหวังให้สำเร็จในวันนี้พรุ่งนี้นี่นา เอาป็นแค่งานอดิเรกแก้เครียดเผื่อจะเจอข้อมูลสำคัญ มีเหตุมีผลไว้ไปลากคอนายเมฆากลับมา
แต่ว่าน่าจะเป็นงานเพิ่มเครียดมากกว่า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้เขาอยากจะค้นหาความจริง คำว่าศัตรูที่ออกจากปากของอรุณงามทำให้เขาอยากพิสูจน์ความจริง หรือความเห็นใจต่อผลกระทบต่อตัวหล่อนหลังจากเริ่มทิวาจากไป ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยที่ผู้หญิงคนหนึ่งอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วจะโดนห้ามไปข้างนอกกับเพื่อนถึงขั้นเจ้าตัวต้องหนีไป แต่อรุณงามก็ดูเป็นคน ตรงไปตรงมา และสู้ในแบบที่เขาเองก็ประทับใจอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะฉากกระโดดขึ้นรถเขานั้นเขาคงไม่มีวันลืมง่ายๆ แน่นอน


“แก้ตัวที่ผิดนัด คราวนี้ฉันเลี้ยงเอง”เพื่อนเขาบอก เมื่อหย่อนก้นนั่งตรงข้ามกับรวี เขามาพร้อมกับแฟนสาวที่ชื่อดาวอะไรซักอย่าง

“นี่แฟนฉัน ดาววดี ที่เคยเล่าให้ฟัง”

หล่อนยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เขาก็ลุกขึ้นให้เกียรติสุภาพสครี

“เคยได้ยินแต่ชื่อ วันนี้ได้เจอตัวจริงเสียที น่ารักอย่างที่ต้นมันชมไม่ขาดปาก”

“น้อยๆ หน่อยโว้ย” แฟนฝ่ายหญิง กระแอม แต่ก็ยิ้มย่อง ยกมือโอบบ่าแฟนตัวเองอย่างถือเป็นเจ้าของ

“ปล่อย อายเขา” ดาววดีดุให้ ต้นหรือต้นตระการก็ปล่อยโดยดี

“แฟนแกล่ะ ไม่พามาแนะนำบ้าง หรือว่ามีหลายคนเลือกมาไม่ถูก”

“เอ๊ะ ไอ้นี่หาเรื่องนี่หว่า ยังกะแกไม่เคยมีทีเดียวสามคน”

“ไม่เคยโว้ย อย่ามามั่ว ดาวอย่าไปฟังมัน ไอ้นี่วอนซะแล้ว”

“ไม่ได้กินปูน ก็อย่าร้อนท้อง จริงไหมครับ คุณดาว”

“จริงค่ะ” ดาววดีรับคำเล่นเอาแฟนหนุ่มร้องอุทรณ์ แต่ก็ไม่จริงจังนัก ด้วยรู้ว่าแฟนสาวพูดเล่น

เขาหันกลับมาทำสีหน้าจริงจัง เมื่อสั่งอาหารกันแล้ว มองหน้ารวี

“นัดฉันด่วนจี๋แบบนี้มีอะไรก็ว่ามา พ่อเลี้ยงรวี”


ใจอยากจะพูดอยากถามให้สมอยาก แต่ติดอยู่ที่ดาววดี เขาไม่อยากให้เรื่องมันรู้กันหลายคนไปมากกว่านี้ แต่เหมือนต้นตระการจะเข้าใจ เพราะไม่ได้มีเรื่องอันใดต้องปิดบังแฟนสาว

“ฉันกับคุณดาวไม่มีความลับต่อกัน”

รวีชั่งใจ

“เรื่องเมฆากับเริ่มทิวา”

แทนที่ต้นตระการจะมีสีหน้าตกอกตกใจ กลับกลายเป็นดาววดีที่ดวงตาเบิกกว้างก่อนจะทำสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“ทำไม มีอะไร” ต้นตระการถามพลางหันไปบอกแฟน

“เมฆาเป็นเพื่อนผมอีกคนญาติเจ้ารวีมัน พาแฟนไปรถคว่ำตายเมื่อสองปีก่อน”

เขากับหล่อนคบกันได้ประมาณปีหนึ่ง ต้นตระการจึงไม่รู้ว่าเพื่อนหล่อนเป็นญาติกับเริ่มทิวาเช่นที่ดาววดีไม่รู้ว่า ต้นตระการเป็นเพื่อนกับรวีและเมฆา

เอาละสิ ทีนี้

เมื่อรวีเริ่มเล่าถึงความปรารถนาที่จะรื้อเรื่องอุบัติเหตุคราวนั้น และถามถึงรายละเอียดการสนทนาครั้งสุดท้ายที่เมฆาคุยกับต้นตระการเพื่อมองหาบางอย่างที่อาจมองข้ามเมื่อคราวที่แล้ว

ดาววดีก็ได้แต่ตั้งใจฟังและจดบันทึกเรื่องราวทุกอย่างลงสู่สมอง หล่อนอ้าปากค้างเมื่อเขาอ้างถึงอรุณงาม และแทบช็อคตายเมื่อรู้ว่าเพื่อนได้สร้างวีรกรรมอันใดไว้เพื่อหนีเที่ยว

งามเอ๋ย ชีวิตเพื่อนทำไมมันรัดทดอย่างนี้ น่าเห็นใจจริงๆ

.....................................................................................

ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่าน และขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

เรื่องม่านเมืองหมอกภาคสองนั้น เป็นงานระหว่างก่อสร้างต้องรอให้เขียนจบก่อนถึงจะโอนเป็นสินทรัพย์ได้ค่ะ

(ชิตาเอาลงเพื่อบอกว่าไม่ลืมและกำลังพยายามอยู่ค่ะ)

โดย : ชิตา วันที่ : [ 10 มี.ค. 2554 ] 18:55:05 น.




>> ความคิดเห็นที่ 1

เอาแล้วไง พัวพันพันพัวกันซะหลายคน
นายระวีต้องรับงามเข้าทำงานแล้วล่ะ
โดย : an-o [ 10 มี.ค. 2554 ] 21:09:34 น.




>> ความคิดเห็นที่ 2

:)
โดย : natee [ 11 มี.ค. 2554 ] 10:21:36 น.




>> ความคิดเห็นที่ 3

จะรอคะ หว่างร้องเพลงรอก็ตามนายระวีกับหนูงามก่อนก็ได้
โดย : แมงปอ [ 11 มี.ค. 2554 ] 16:39:07 น.




>> ความคิดเห็นที่ 4

โลกกลม จนน่าเกลียดก็งานนี้ 555
โดย : black-sheep [ 26 มี.ค. 2554 ] 00:56:57 น.




ชิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 20:49:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 20:49:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1847





<< ๓   ๕ >>
ChaussonAuxPomme 25 ก.พ. 2555, 23:10:10 น.
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account