บ่วงร้อยรัก
ชีวิตที่ถูกร้อยรัดไว้ด้วยหนี้บุญคุณและความแค้น หญิงสาวจะทำอย่างไร เมื่อบ่วงรักที่หล่อนเข้าใจ กลับกลายเป็นบ่วงมารที่ฆ่าหล่อนให้ตายทั้งเป็น
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 10

มาแล้วค่ะ ตอนที่ 10
เป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ

*****************

คุณหมูอ้วน -- ความจริงใกล้เปิดเผยแล้วค่ะ ^^
คุณมารชมพู -- ^____^

*****************


ตอนที่ 10

ตรีประดับก้มหน้าซบลงกับฝ่ามือ แล้วหยุดอยู่อย่างนั้นนิ่งนานจนกระทั่งมีมือเอื้อมมาแตะที่ไหล่บาง หญิงสาวถึงได้เงยหน้าขึ้นมองพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม หญิงสาวที่ก้าวเข้ามาอยู่ในชุดคลุมท้อง ซึ่งค่อนข้างโตบอกระยะเวลาใกล้คลอด โปรดิวเซอร์สาวที่แทบจะทิ้งงานมาในช่วงเช้าพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อตรงมายังคนนั่งอยู่ ละลินตามองเพื่อนสนิทอย่างสงสาร พอได้รับโทรศัพท์จากอีกฝ่ายหล่อนก็รีบมาพร้อมเมฆาผู้เป็นสามี ชายหนุ่มที่ไมได้กลับบ้านเพราะอยู่ค้างจนดึกที่ทำงานยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม ผิดกับผู้เป็นภรรยาที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยมาพบเพื่อนสนิท

“ ไม่เป็นไรนะสอง ไม่เป็นไร อย่าร้อง ๆ ”

คนประคองท้องอุ้ยอ้ายนั่งลงข้าง ๆ โอบร่างโปร่งของคนเป็นเพื่อนมากอดปลอบไว้ เมฆามองคนนั่งอยู่อย่างเห็นใจ

“ ขอโทษนะลี่ ที่เรียกมา เสียงานเสียการหมด ”

“ โธ่เอ๋ย เพื่อนกันมันสำคัญก็เวลานี้แหละ แล้วนี่ทำไมออกมานั่งข้างนอกล่ะ ไม่ต้องเฝ้าคุณลุงเหรอ ? ”

“ ฉันคิดว่าไม่เฝ้าจะดีกว่า ฉันไม่อยากทำให้คุณพ่อไม่สบายใจน่ะ ”

ตรีประดับยิ้มเซียว ท่าทางเหมือนคนอดนอนมาทั้งคืนทำเอาละลินตาต้องถอนหายใจ หล่อนอยู่ในครอบครัวอบอุ่น ทุกอย่างมีพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเงินทอง ความอบอุ่นที่ได้รับ หมายรวมกระทั่งคู่ชีวิตอย่างเมฆาที่ใคร ๆ ก็พากันอิจฉาแม้จะเป็นการจับคลุมถุงชน แต่ชายหนุ่มกลับเป็นคนดีอย่างที่เรียกได้ว่าจับฉลากก็ถูกรางวัลที่หนึ่งซ้อน ๆ ติดกัน จังหวะชีวิตอันแสนสุขของหล่อน ทำให้ปัญหาของตรีประดับถึงจะเข้าใจอยู่บ้าง แต่พื้นฐานครอบครัวอันแตกต่างทำให้ละลินตาไม่แน่ใจว่าควรจะปลอบเพื่อนอย่างไรให้รู้สึกดีที่สุด ที่หล่อนทำเป็นประจำ คือมาหาให้เร็วเมื่ออีกฝ่ายต้องการ นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยกอดบ้าง ปลอบบ้าง เท่าที่ทุกอย่างจะเอื้ออำนวย

“ ไม่เห็นด้วย เธอเป็นลูกนะสอง แค่เฝ้าไข้ก็ผิดด้วยเหรอ ”

“ ผิดสิ ฉันไม่ใช่ลูกรักนะลี่ แต่เป็นลูกชัง ”

“ เลิกพูดแบบนี้สักทีได้ไหม เปรียบเทียบอะไรอย่างนั้น ” ตรีประดับไม่ตอบ อาการเซื่องซึมของหล่อนทำเอาเมฆาต้องช่วยเปลี่ยนเรื่อง

“ คุณสองทานอะไรหรือยังครับ ให้ผมไปซื้อมาให้ไหม ? ”

“ ยังค่ะ ยังไม่ได้ทานอะไร ลี่ฉันไม่หิวเลย มันตื้อไปหมด ”

“ โอย...อย่าเข้าโรงพยาบาลอีกคนนะ พ่อเธอมีคนเฝ้าใช่ไหม ”

“ มี ”

“ งั้นไป เราไปหาอะไรกินกัน อาหารโรงพยาบาลไม่เคยอร่อย ฉันเห็นมีร้านข้างนอกน่าสนใจ ไปกินกันนะ

แล้วค่อยไปทำงาน คุณเมฆคะ วันนี้วานไปส่งลี่กับสองที่ทำงานหน่อยนะคะ แล้วสองล่ะ ต้องเข้าบอกอะไรก่อนไหม ? ”

“ อื้ม แป๊บนะจะสั่งคุณละอองไว้ ”

ตรีประดับหายเข้าไปเพื่อสั่งความครู่เดียวก็ออกมา หญิงสาวเดินตามการจับจูงของละลินตาเหมือนเด็กหลงทางตั้งแต่ร้านอาหารจนถึงสถานีโทรทัศน์ มีเมฆาที่ตลอดเวลาอาสาช่วยหญิงสาวถือกระเป๋าเดินขนาบข้าง คอยดูแลจนตรีประดับแทบไม่ต้องขยับตัวทำอะไร ท่าทางของชายหนุ่มทำเอาผู้เป็นภรรยาต้องเอ่ยปากแซว

“ นี่น่ะ ถือให้เธอแค่คนเดียวนะ กับคนอื่นถือเองสิคุณ ”

“ พูดอย่างนี้ได้ไง น้อยใจนะนี่ กับคุณผมก็ถือให้นะ ”

“ ต้องให้บอกหรอกค่ะ คุณเมฆถึงจะถือให้ลี่ ”

“ ทับถมกันใหญ่เชียว ” ชายหนุ่มทำเสียงโอดครวญ “ ไม่เอาละ ไม่อยู่ดีกว่าจะได้นินทากันได้สะดวก ผมขอตัวก่อนนะครับคุณสอง ”

เมฆาหันมายิ้มให้ตรีประดับ สายตาที่มองมาอ่อนโยนจนทำให้ละลินตาต้องตีแขนสามีดังเผียะ แซวเสียงกลั้วหัวเราะว่า

“ ลี่อยู่ทั้งคน คุณเมฆอย่าห่วงเลยค่ะ เดี๋ยวจะเป็นทัพหน้าให้ ใครรังแกยัยสองสิ ”

คนพูดแสร้งทำท่าคันมือคันไม้ ตรีประดับเลยหัวเราะเป็นครั้งแรก รับกระเป๋าจากเมฆามาถือไว้

“ ขอบคุณนะคะ สองรู้สึกดีแล้วล่ะค่ะ ”

“ งั้นผมไปก่อนนะที่รัก ”

เมฆาโน้มตัวลงจูบหนัก ๆ ที่แก้มของละลินตา ที่แทบจะหยิกคนตัวโตกว่าให้เนื้อเขียว ชายหนุ่มมองตรีประดับที่ถอยไปข้างหลังหากมือข้างหนึ่งยังอยู่ในการจับจูงของเพื่อนสนิท เมฆาแตะมือลงบนมือบางนั้นแล้วปล่อยผ่านรวดเร็ว ก่อนจะถอนตัวเองออกหันหลังเดินกลับไปยังลานจอดรถ ปล่อยให้หญิงสาวที่ยังยืนอยู่ เดินเข้าสถานีโทรทัศน์เพื่อทำงานตามหน้าที่

“ นี่แน่ะ ถ้าไม่บอกฉันคงคิดว่าสองกับคุณเมฆเป็นคู่แต่งงานใหม่กันแน่ ”

ละลินตาแซวอย่างไม่คิดอะไร หากคนที่อยู่ในหัวข้อสนทนาของหล่อนกลับนิ่งเงียบไปจนหญิงสาวต้องเอะอะ

“ อะไร ! พูดเล่นกันหรอกน่า อย่าทำหน้าเหมือนโกรธอย่างนั้นสิสอง ฉันก็แค่พูดเล่น ”

“ อย่าพูดอีกนะลี่ ” ตรีประดับเอ่ยเสียงขรึม ท่าทางไม่พอใจของเพื่อนสนิททำเอาละลินตาต้องรีบขอโทษขอโพย

“ ไม่พูดแล้วไม่พูดแล้ว อย่าโกรธนะ ”

“ ก็ได้ จำไว้นะลี่ คุณเมฆเป็นของลี่ไม่ใช่ของใคร ”

“ จ้า ๆ ” ละลินตาตอบรับเสียงใส กอดแขนเพื่อนสนิทไว้แน่นอย่างปลื้มใจ “ ฉันรักเธอนะสอง เพราะอย่างนั้นถ้าเธอมีปัญหามาละก็ ต้องบอกฉันนะ ”

“ ตอนนี้ฉันยังคิดอะไรไม่ออกเลยลี่ เลยไม่รู้จะบอกอะไร ”

“ ก็แล้วจะคิดทำไม ตอนนี้เธอไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ดีใจให้เต็มที่ไปก็พอ พ่อที่เธอรักฟื้นขึ้นมาทั้งทีนะ ”

“ นั่นสิ พ่อที่ฉันรัก...ขอบใจนะลี่ ขอบใจ ”

ดวงหน้าหวานพยายามยิ้มสดใส แต่แววตาเต็มไปด้วยริ้วรอยเคร่งเครียด คำพูดของผู้เป็นบิดายังดังกังวาน

‘ เด็กคนนั้นจะตายแทนเรา !’

***

มิ่งโมรีนั่งรอคนที่เข้ามาพร้อมกระเป๋า...

แม้ท่าทีจะแตกต่าง หากแววตา สายตายังมุ่งมั่น หญิงสาวลุกขึ้นยืน เมื่อร่างสูงในชุดลำลองสบายยื่นมือออกมาให้จับ มิ่งโมรีไม่เอ่ยอะไรนอกจากเดินเข้าสู่อ้อมกอดอุ่น ไม่กี่อึดใจคนที่กระหืดกระหอบตามเข้ามาทีหลังก็พรวดพราดเข้ามาสมทบ

“ มิ่ง ! ”

เรือนอรุณเรียกคนที่อยู่ในอ้อมกอดพี่ชายเสียงดัง แทบจะผลักเรือนตะวันให้ถอยห่าง และเพราะชายหนุ่มไม่ยอมหลีกทางให้ เลยเกิดการยื้อแย่งจนประชาสัมพันธ์สาวที่ถอยออกไปยืนคอยต้องกลั้นยิ้ม สุดท้ายเรือนตะวันก็เป็นฝ่ายยอมให้น้องสาว ‘ ทำ ’ เหมือนที่ตนทำบ้าง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ เมื่อร่างเล็กแทบจะกลืนหายเข้าไปในอ้อมกอดของคนตัวสูงโปร่ง

“ เบา ๆ หน่อย เธอกอดทีไร มิ่งทำหน้าเหมือนจะตายทุกที ”

“ มิ่ง ทำจริงเหรอ ? เจ็บเหรอ ? กอดแรงไปเหรอ ? ”

คำถามรัวเร็วพร้อมอาการจับดูเนื้อตัวไปทั่ว ทำให้ดวงหน้าที่แต้มสีสันฉุดฉาดระบายไปด้วยรอยยิ้ม มิ่งโมรีส่ายหน้า ตอบเสียงเบาว่า

“ ไม่ค่ะ ไม่เลย ไม่อึดอัด ไม่เจ็บ แต่อบอุ่นมาก ”

“ บ้า ! ไอ้พี่อบบ้า ”

คนเพิ่งรู้ตัวว่าถูกแซวหันมาตวาดแหว แยกเขี้ยวใส่คนเป็นพี่อย่างอาฆาต มิ่งโมรียิ้มบาง มองภาพสองพี่น้องทะเลาะกันด้วยหัวใจเป็นสุข

“ เค้าจะมาอยู่กับเราแล้ว ”

เรือนตะวันทำเสียงกระซิบ บุ้ยใบ้ไปยังกองกระเป๋าที่วางไว้กับพื้น เรือนอรุณเลื่อนสายตามอง อ้าปากค้าง

“ เอ๊ะ ! จริงเหรอ จริงจริงเหรอ ? ”

น้ำเสียงที่ถามเต็มไปด้วยความดีใจ ผู้ประกาศข่าวสาวเกือบกระโดดตัวลอย ถ้าคนตัวเล็กกว่าจะไม่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งขึ้น

“ เปล่าค่ะ ไม่ได้มาอยู่ มิ่งเอาของมาฝากไว้ ได้ใช่ไหมคะ ? ”

ท้ายประโยคค่อนข้างลังเล มิ่งโมรีเกรงใจคนยืนอยู่มากกว่าอื่นใด ครั้นจะให้ไปที่อื่น หล่อนก็ไม่รู้จะไปที่ไหน ในเมื่อตั้งแต่เล็กจนโตหญิงสาวเติบโตขึ้นมาที่นี่ ตามที่อรรถ ‘ ทิ้ง ’ หล่อนไว้ที่นี่เท่านั้น

“ ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ แค่เสียดาย ทำไมไม่มาอยู่เลย ”

“ นั่นสิ ออกมาจากบ้านนั้นเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไหน ๆ ก็ฟื้นแล้ว ให้จัดการกันเองเสียบ้าง ”

เรือนตะวันเห็นด้วย ดวงหน้าค่อนข้างขาวเพราะอยู่แต่ในร่ม ทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างสำอาง และถ้าใครไม่เคยรู้มาก่อน คงแทบไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่ท่าทางเหมือนผู้หญิงครั้งหนึ่งเคยเป็นนักชกหน้าหยกตัวแทนของมหาวิทยาลัยและทีมชาติมาก่อน

“ ไม่ได้ค่ะ ” มิ่งโมรียืนยันหนักแน่น “ เรื่องนี้มีแต่มิ่งเท่านั้นที่ทำได้ค่ะ ”

“ คนที่ไม่ยอมให้เรียกพ่อ ไม่มีสิทธิ์จะพูดแบบนี้ ถึงจะเป็นคนให้ชีวิตใหม่กับมิ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเจ้าชีวิตกันได้นะ ”

เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ที่แอบนั่งกินข้าวจากศาลเจ้าของโรงแรมกลายเป็นภาพติดตาที่ก่อเกิดความเวทนาแก่เรือนอรุณจนถึงทุกวันนี้ เด็กหญิงเรือนอรุณในวัยสิบขวบที่วิ่งไปจูงพี่ชายให้มาดูร่างเล็กที่นั่งหลบอยู่ใต้เงาชายคาศาลพระภูมิใหญ่ อยู่ห่างไปจากตัวโรงแรมบุรีวาด การวิ่งเล่นไปทั่วทำให้ค้นพบของประหลาด ไม่ก็สิ่งประหลาดมากมาย หากเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กเหมือนลูกแมว ตาใสแจ๋วเหมือนลูกกวาง เรือนอรุณไม่เคยเห็นมาก่อนและพอพูดด้วยอีกฝ่ายก็โต้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเล็ก ๆ แต่ใสกังวาน ท่อง กอไก่กอกา อีกฝ่ายก็ท่องตามได้หมด ยิ่งเอาการบ้านมาให้ทำ คนตัวเล็กกว่าก็ยังทำได้ถูกหมดทุกข้อ และที่ทำให้ประหลาดใจได้อย่างที่สุดคือ เด็กหญิงตัวเล็กกว่ามักมา ๆ หาย ๆ สิ่งนี้กลายเป็นเรื่องตื่นตาตื่นใจสำหรับเด็กหญิงเรือนอรุณจนต้องตามตัวพี่ชายมาร่วมด้วยช่วยกันดู

‘ อุ่นบอกว่าเป็นนางฟ้า ทำไมนางฟ้าตัวเลอะ ’

‘ พี่อบ จริง ๆ นะ พอตอนเช้ามิ่งเค้าก็จะหายไป ตอนเย็น ๆ เค้าก็จะมาใหม่ บางวันก็ไม่มา ’

เรือนอรุณกระทืบเท้าอย่างโมโห เมื่อพี่ชายทำสีหน้าไม่เชื่อ แถมยังเอานิ้วจิ้มคนนั่งอยู่เป็นการพิสูจน์

‘ นางฟ้าเหรอ ไหนหายตัวให้ดูหน่อย ’

‘ไม่ใช่นางฟ้าค่ะ คนค่ะ คุณพ่อ เอ๊ย ! ต้องเรียกคุณลุง คุณลุงมาส่งค่ะ บอกให้มิ่งรออยู่ที่นี่ ’

‘ ที่นี่ ที่ไหน ’

‘ไม่รู้ค่ะ ที่นี่ที่ไหนคะ ? ’

‘โหยยย เรารำพึง ที่นี่ที่ว่า หมายถึงที่นี่ใช่ไหม ? ’

‘ ค่ะที่นี่ค่ะ ’ เด็กหญิงที่กำลังได้เพื่อนเล่นใหม่ มองดูใบหน้าสะอาดที่มีเค้าโครงเหมือนกันแล้วให้เกิดคำถาม ‘ เป็นพี่น้องกับคุณอุ่นเหรอคะ ? ’

‘ ใช่ นี่พี่ชายคุณอุ่นเอง พี่อบ พี่อบแยกกันอยู่กับพ่อคุณแม่ เพราะเหตุผลทางธุรกิจน่ะ ไมได้แยกกันจริง ๆ เราเลยใช้คนละนามสกุล แต่เรายังมาเล่นด้วยกันบ่อย ๆ นี่โรงแรมของพี่อบ ’

‘ จริงเหรอคะ ? งั้นก็เหมือนมิ่งเลยสิคะ คุณลุงคุณป้าใช้กันคนละนามสกุล ว่าแต่คุณอบเก่งจังเลยมีโรงแรมเป็นของตัวเองด้วย ’

ดวงหน้าเล็กใสที่แหงนมองทำเอา คนตัวโตกว่าหน้าแดงก่ำ ขณะที่เรือนอรุณชี้แจงเจื้อยแจ้ว อวดต่อว่า

‘ ในอนาคตนะ คุณพ่อบอกว่าจะยกให้พี่อบ แบ่งกันคนละครึ่งกับคุณอุ่น ’

‘ งั้นก็ยิ่งดีเลยสิคะ ’

‘ ก็ดีอยู่หรอกนะ เออ...ว่าจะถาม ทำไมให้เรียกคุณล่ะอุ่น เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ ’

เรือนตะวันแย้งเสียงแหลม เขินกับคำชมของน้องสาวและเพื่อนต่างวัยจนต้องหลบสายตา

‘ ก็เรารวยกว่า ฐานะสูงกว่านี่พี่อบ แล้วใคร ๆ ก็เรียกเราคุณอุ่น คุณอบ อยู่แล้ว แปลกเหรอ’

‘ แปลกสิ ถ้าจะเป็นเพื่อนกัน ฐานะต้องไม่เกี่ยว เข้าใจไหมยัยอุ่น ส่วนเรา... ’

‘ มิ่งค่ะ เรื่องชื่อไม่เป็นไรค่ะเรียกได้ ’

‘ เรียกได้แต่ไม่ชอบ อยากให้เรียกธรรมดา ’ หากสุดท้ายแล้วแม้จะพยายามเปลี่ยนมิ่งโมรีกลับดื้อเงียบเรียกทั้งเรือนอรุณ เรือนตะวันด้วยความเคารพอยู่ดี ‘ ลุกขึ้นด้วย พี่จะพาไปหาแม่ เตรียมเล่าให้ดี ทำไมถูกทิ้ง ’

‘ ไม่ได้ถูกทิ้งนะคะ คุณพ่อ เอ๊ย ! คุณลุงบอกว่าจะมารับ ’

‘ ถ้าเขาจะมารับ เขาไม่ทิ้งไว้ที่นี่หรอก เขาต้องพาเข้าไปในโรงแรม ไม่ใช่ข้างถนน ไม่ให้หิว ไม่ให้ขโมยข้าวในศาลเจ้ากินแบบนี้ รู้ไหม เค้าไม่ให้กิน ’

‘ ขอโทษค่ะ ขอโทษ กินไม่ได้ใช่ไหมคะ มิ่งขอโทษ ’

มือเล็กสั่นเทามีห่อข้าวซึ่งถูกนำมาถวายถือไว้ ดวงตาใสแจ๋วที่เลยขึ้นสบเต็มไปด้วยรอยหวาดหวั่น และพอเรือนตะวันในวัยสิบห้าขยับเข้าใกล้ ร่างเล็กผอมก็งองุ้มรีบก้มตัวหมอบ ร้องว่า

‘ ใช่ กินไม่ได้ ไม่ได้หวงแต่มันเป็นของที่เค้าไว้ไหว้ผี ไม่มีใครเค้ากินกัน ’

‘ มิ่งหิวค่ะ หิวมาก ๆ สัญญาค่ะว่าจะกินครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วไม่กินอีก นะคะ ’

เรือนอรุณไม่คิดว่าจะมีใครทำตามสัญญา แต่มิ่งโมรีทำได้ เด็กหญิงที่หล่อนลอบมาพบไม่เคยเอื้อมมือแตะของในศาลเจ้าอีก เรือนอรุณก็ไม่เคยถามว่าอีกฝ่ายจะหิวหรืออดอยากมากแค่ไหน หล่อนไม่รู้อะไรมากเกินไป จนกระทั่ง ตอนที่เรือนตะวันสั่งให้คนเป็นน้องซุ่มรอคอยวันที่ ‘ คุณลุง ’ ของเด็กหญิงมารับ เมื่อนั้น เรือนอรุณถึงได้รู้ มิ่งโมรีลำบากกว่าที่คิด การตบตีที่เห็นต่อหน้า โดยคนตัวเล็กกว่าไม่ร้องไห้โต้ตอบ กลายเป็นคำถามในใจเงียบ ๆ เป็นจุดเริ่มต้นให้มิ่งโมรีก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเช่นคนในครอบครัวเมื่อ เรือนอรุณ และพี่ชายขอร้องให้ผู้เป็นมารดาลงมาดูแลเด็กหญิง ก่อนที่สายสัมพันธ์จะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความรักฉันท์พี่น้องท้องเดียวกัน ทุกอย่างดำเนินไปโดยที่อรรถไม่รู้ เพราะทั้งหมดเป็นความลับที่จะทำให้คนอ่อนวัยกว่าไม่เดือดร้อนในชีวิตที่เป็นอยู่

“ มิ่ง เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ ทางนี้เป็นครอบครัวของมิ่งนะ รู้ใช่ไหมว่าเราสองคนปกป้องมิ่งได้ ”

“ รู้ค่ะ ”

“ ตัดสินใจให้ดีนะ ” เรือนอรุณจับแขนอีกฝ่ายแทบไม่ยอมปล่อย หางตาซึมชื้นขึ้นมาอีกรอบจนเรือนตะวันต้องแตะไหล่ปลอบ “ รู้ใช่ไหมว่ารัก ”
“ รู้ค่ะ แต่มิ่งตัดสินใจดีแล้ว ”

“ งั้นก็กลับไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่ขอสัญญา ทำอะไรต้องบอก เข้าใจหรือเปล่า ”

“ เราจะได้ช่วยได้ อย่าคิดว่าไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ ” เรือนตะวันสำทับ โยกศีรษะอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู

“ มิ่งดีใจค่ะ ที่ได้พบทั้งคุณอุ่น คุณอบ ทั้งคุณป้ากับคุณลุงทั้งสองคน ยังจำได้ว่าก่อนท่านสิ้น... ”

น้ำเสียงยามเอ่ยถึงบิดามารดาของเรือนตะวันและเรือนอรุณ เต็มไปด้วยความเคารพรักจนคนฟังเต็มตื้น

“ ท่านบอกว่าฝากฝังลูก ๆ ที่ท่านรักทั้งสองคนด้วย ตอนนั้นมิ่งปฏิเสธนะคะ ไม่คิดหรอกค่ะ ว่าสองมือนี้จะช่วยใครได้ เพราะมันยาก ”

“ ยากตรงไหน ก็แค่มาอยู่ด้วยกัน...เหมือนเดิม ”

เรือนอรุณเอ่ยเสียงเขียว ต่อหน้าคนอื่น หญิงสาวมาดมั่น มั่นใจ แถมยังตีกระทบใครต่อใครได้ตามใจอยาก ใครไม่ชอบหล่อน หล่อนไม่แคร์ แต่กับมิ่งโมรี เรื่องแบบนี้ทำยังไง ก็ทำไม่ได้

“ คนที่ถูกฝากควรเป็นคนทางนี้ถูกแล้ว เราสองคนเด็กกว่ามิ่งเสียอีก อย่างน้อยก็ยังเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะทำเพื่อคนอื่น ถ้ามิ่งไม่สอน ไม่ทำเป็นตัวอย่างให้เห็น รู้ไหมจะไปทางไหน ”

“ เลวไง ได้กลายเป็นคนเลวแน่ ๆ พ่อแม่หย่ากัน แถมโกหกนะว่าหย่าเพราะธุรกิจ พอความแตกเข้าสิ เป็นไงล่ะ เหล้า ผู้หญิง ยาเสพติดเหมาหมดทุกอย่าง ”

“ ใช่ ถ้าไม่ได้มิ่งช่วย แผลที่มือตอนคุณอบเมายาจะแทงตัวเองน่ะ เลือดออกเป็นกระปุก เห็นแล้วเจ็บแทน แต่มิ่งกลับกุมมีดไว้ ทำได้ไง ”

ช่วงเวลานั้น เรือนตะวันคล้ายคนหมดสิ้นทุกอย่าง ผลการเรียนตกต่ำ สำมะเลเทเมากับเพื่อน แม้กระทั่งมารดาก็ห้ามไม่อยู่ ถึงครอบครัวจะตั้งใจอธิบาย ถึงความเข้ากันไม่ได้ แต่เหตุผลที่ยกมากลับทำให้ชายหนุ่มยิ่งต่อต้าน เลยกลายเป็นว่า เรือนตะวันเกือบเสียคนเพราะเรื่องพ่อแม่ที่ไม่เคยคิดว่ามีปัญหา แท้แล้วสะสมทุกสิ่งเลวร้ายไว้ บิดาเป็นชู้กับเลขา ส่วนผู้เป็นมารดา จงใจประชดชีวิตคู่ด้วยการกรีดข้อมือตัวเองเรียกร้องความสนใจ เรื่องราวทั้งหมดที่เกิด ส่งผลกระทบเมื่อความจริงเปิดเผย และแม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หากในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ทุกอย่างหักเหไปในทางที่ผิดได้ง่ายเหลือเกิน

“ ตอนนั้นมิ่งตกใจ คิดแต่ว่าให้คุณอบทำร้ายตัวเองมากกว่านี้ไม่ได้ แต่พอรู้ตัว ก็เจ็บแทบแย่เหมือนกันค่ะ ”

หญิงสาวเอ่ยขำ ๆ โรงแรมที่แทบจะกลายเป็นบ้านอีกหลังมีวีรกรรมที่สองพี่น้องทำร่วมกันมากเหลือเกิน

“ เออ แล้วไอ้ตอนที่ฉันจะกระโดดตึกลงมาอีกล่ะ บ้าหรือเปล่าที่ขึ้นไปยืนด้วยน่ะ ”

เรือนอรุณเอ่ยฟุดฟิด หล่อนในอดีตกลายเป็นเด็กหญิงช่างมีปัญหาเหมือนกัน พอเรือนตะวันแสดงให้เห็นว่าต่อต้าน พี่น้องที่ไปไหนมาไหนมาด้วยกันเลย รู้สึกถึงความแปลกแยกเช่นกัน ความอบอุ่นในครอบครัวที่รู้ว่าไม่มีอยู่จริงกลายเป็นรอยร้าวให้ใจดวงเล็ก ๆ เรือนอรุณเริ่มตบตีกับคนอื่นไปทั่ว ที่ร้ายกว่านั้นหล่อนตั้งแก๊งค์กลุ่มก้อนเพื่อเสพยาโดยเฉพาะ เมื่ออาการหนักก็คิดว่าตัวเองบินได้ แม้ผู้เป็นบิดาจะอ้อนวอนขอร้อง หล่อนกลับพูดซ้ำ ๆ แต่เรือ่งอื้อฉาวของอีกฝ่ายด้วยน้ำตานองหน้า กว่าจะหลุดพ้นจากวันคืนเหล่านั้นมาได้ก็เกือบแย่

“ มิ่งกลัวคุณอุ่นตื่นเต้นไงคะ เลยขึ้นไปยืนเป็นเพื่อน เค้าเรียกว่าไปไหนไปด้วยกันไงคะ คุณอุ่นจะเล่นเป็นนก มิ่งเลยลองเล่นด้วย ”

การทบทวนความหลัง ทำให้คนที่ยืนอยู่ท้ายห้องต้องขยับตัวออก ปล่อยให้คนทั้งสามใช้ช่วงเวลาพบปะกันน้อยนิด ทำทุกอย่างตามใจ ประชาสัมพันธ์สาวแวะดูความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนตรงไปยังห้องครัว จัดแจงสั่งอาหารจานเดียวที่รู้ว่าคนทั้งหมดชอบสั่งให้ขึ้นไปส่งยังห้องรับรองแขกพิเศษของเรือนตะวัน

“ ทานอะไรกันก่อนนะคะ สั่งให้ทำเป็นพิเศษค่ะ มีข้าวหมูนุ่ม กับน้ำพริกปลาทูผักสด ปลาสลิดทอด แถมด้วยแกงจืดมะระ พอบอกเมนูไป พวกในครัวตื่นเต้นกันใหญ่ นานแล้วไม่ได้เห็นคุณมิ่งมาเรียนทำอาหาร ”

“ มัวแต่เรียนอย่างอื่นค่ะ วิชายั่วคนเอย ด่าคนเอย ”

คนไม่ได้แวะมานาน บอกเสียงใสกระตือรือร้นจัดแจงเลื่อนโต๊ะเก้าอี้มาวางไว้คล่องแคล่ว

“ แล้วจำได้หมดไหมคะ ”

คนนำอาหารมาเสริฟ ถามยิ้ม ๆ หล่อนเองก็เป็นคนเก่าของโรงแรม รู้เห็นมามากเช่นกัน คำถามจึงเป็นไปในแบบของคนรู้จักสนิทสนมที่คอยห่วงใยไม่น้อยไปกว่าผู้เป็นนาย

“ จำได้สิคะ ง่ายนิดเดียว พวกพี่นักร้องในบาร์บอกว่า ถ้าจะด่าใคร ให้อ้าปากด่าก่อน ถ้าจะยั่วใครให้ลงมือยั่วก่อน มิ่งทำทุกอย่างก่อนตลอด เลยรอดมาได้ไงคะ ”

ประชาสัมพันธ์สาวหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะขอตัวไปบอกข่าวกับคนที่รอฟังข่าวอยู่

“ อย่าประมาทนะมิ่ง ” เรือนตะวันเอ่ยเสียงขรึม หยิบผักเป็นคำวางใส่จานให้หญิงสาวสองคนอย่างดูแล “ ถ้าตามมาถึงที่นี่ได้ ก็แสดงว่าระแคะระคายแล้วว่าเรากำลังเล่นละครอยู่ ”

“ คุณเทียนน่ะเหรอคะ ? ”

“ จะมีใคร เทียนสรวง หลายชายเจ้าสัวธนา ตัวจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ คุณทนายว่ายังไงสืบได้ไหม ”

เรือนอรุณย้อนถามสนใจข้อความจากทนายที่หล่อนสู้อุตส่าห์หาให้มิ่งโมรี ผิดกับผู้ชายคนเดียวในห้อง ที่พยายามลอบสบตาด้วยแต่หญิงสาวไม่ทันเห็น

“ รายนี้ยากกว่านายอุ่นอีกค่ะ กับนายอุ่นนี่บทจะง่ายก็ง่ายขึ้นมาทันที ค่อยโล่งใจหน่อย ”

“ เกลียดจริง ดันมาชื่อเหมือนกัน สงสัยจะเป็นพวกงี่เง่ารู้จักใครก็ใช้ชื่อนั้น คิดเองไม่เป็น ”

เรือนอรุณใช่ส้อมจิ้มชิ้นไก่ หล่อนยังมีความลับที่บอกมิ่งโมรีไมได้ เพราะถูกพี่ชายห้ามไว้ มิ่งโมรีควรคลายใจที่ได้รู้ว่าแผนการที่วางไว้กำลังเป็นไปด้วยดี ส่วนหล่อนจะวังด้านหลัง ไม่ให้ฆนาคมย้อนมาตลบหลังคนอ่อนวัยกว่าได้ มิ่งโมรีไม่ควรแบกรับภาระแต่เพียงผู้เดียว เพราะถ้ารู้ นิสัยรับผิดชอบทุกอย่าง ทำตามสัญญาทุกข้อของหญิงสาวคงรับทุกอย่างไว้เองทั้งหมด

“ แล้วที่นี้จะทำยังไง มิ่งอยากหาผู้ชายดี ๆ ให้คุณสองคบไม่ใช่เหรอ ถึงได้พยายามเอาตัวเข้าแลกกับผู้ชายทุกคน ใครเข้าหาตามคำเชิญ มิ่งจะเขี่ยทิ้งทันที แล้วคนนี้ไม่ได้เข้าหา แต่ตามหาเสียด้วยสิ ”

“ หาเรื่องเดือนร้อนเปล่า ๆ เลิกเถอะ โต ๆ กันแล้วนะ ”

เรือนอรุณเอ่ยอย่างหงุดหงิด ตรีประดับไม่เห็นรู้ว่าผู้ชายทุกคนที่คนเป็นน้องแย่งมา ที่หายหน้าหายตาไปก็เพราะฝีมือเรือนตะวันกับหญิงสาวที่เต็มใจทำหน้าที่บริการ คนเป็นพี่มีหน้าที่ค้นหาข่าวฉาวมาวางไว้ตรงหน้าแล้วยื่นข้อเสนอ ช่วยมิ่งโมรีให้หลุดจากการเกาะกุม การกุมสื่อครึ่งหนึ่งให้ผลดีเช่นนรี้เอง เสียดาย คนที่กุมอีกครึ่งดันเป็นคนที่หล่อนเกลียดจับใจ

“ อิจฉาล่ะสิ ”

“ ไม่ได้อิจฉาพี่อบ แต่เกลียด มิ่งไม่รู้อะไร... ”

“ อุ่น ! ” เรือนตะวันปรามน้องเมื่อคนอ่อนวัยกว่ากำลังจะหลุดปากในเรื่องที่ไม่ควรพูด

“ มิ่งไม่รู้อะไรหรือคะ ” มิ่งโมรีวางช้อน ตั้งใจฟังเต็มที่

“ ก็ไม่รู้...ว่าพี่สาวมิ่งดูแลตัวเองได้น่ะสิ ”

คนกลบเกลื่อนให้เรื่องผ่านไปคือผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม เรือนอรุณเกือบกระแทกช้อนดังปึงเพราะขัดใจ ดีแต่ว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังมองตาแป๋วอย่างใคร่รู้

“ ขอร้องล่ะ อย่ารักใครมากกว่าพวกเราสองคนเลยนะมิ่ง ”

มิ่งโมรีหัวเราะทันที รอยยิ้มกว้างสดใสจนดวงหน้าเข้มเพราะสีสันแต่งแต้มกระจ่างขึ้น ขณะที่เรือนตะวันมองน้องสาวอย่างอ่อนใจ กับ คำขอเอาแต่ใจแบบนั้น ต้องหันบอกกับมิ่งโมรีว่า

“ ไม่ต้องรักเราขนาดนั้นก็ได้ แค่รักตัวเองบ้างก็พอ ”

“ พอกันนั่นล่ะพี่อบ ขอซะเป็นคนดีเชียว คิดจะทำคะแนนคนเดียวเรอะ ”

เรือนอรุณพาลใส่ แทบจะไล่พี่ชายให้ไปไกล ๆ เสียเดี๋ยวนั้น ขณะที่มิ่งโมรีหัวเราะเต็มเสียง ปล่อยหางตาซึมชื้นขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนขออนุญาตเมื่อโทรศัพท์ที่พกมาดังขึ้น

“ มิ่งขอตัวรับโทรศัพท์หน่อยนะคะ ”

ร่างเล็กผอมลุกออกจากห้อง เรือนอรุณมองตาม ก่อนจะหันมาทำหน้าบึ้งใส่พี่ชายที่ตักข้าวกินสบายใจ แถมยังคะยั้นคะยอให้หล่อนกินด้วย

“ ทำไมถึงไม่ให้บอก ”

“ เรื่องบางเรื่องเก็บไว้จะดีกว่า มิ่งจะเสียใจแค่ไหนที่รู้ว่า เราทะเลาะกับคุณสอง ”

“ รายนั้นน่ะเหรอ อุ่นไม่ตบให้ก็บุญแล้ว หลายเรื่องแล้วนะพี่อบ ที่ต้องอดทน ”

“ มิ่งรักของมิ่งนะ ไหนบอกไม่อยากให้ใครมาแย่งความรัก ไหงลดคะแนนตัวเองลงแบบนั้น ”

“ สักวันเถอะน่า ” คนเป็นน้องเข่นเขี้ยว หมายมาดไว้ในใจ “ ไอ้หน้าตาแบบหนูไม่รู้นั่น อุ่นจะฉีกออกมาเป็นชิ้น ๆ เลย ”

“ อคติน่าอุ่น เพราะมิ่งรักมากกว่าก็เลยเกลียดเขาใช่ไหมล่ะ ”

“ เปล่านะ อุ่นรักของอุ่นก็จริง แต่ไม่ชอบคนที่ดี...ดีอย่างไม่มีที่ติแบบนั้น มันเป็นไปได้เหรอ ”

“ เอาล่ะ พี่จะรอดูสักวันของเรา ”

คนสูงวัยกว่าว่าบ้าง มองจานข้าวที่พร่องไปเกือบครึ่งของมิ่งโมรีอย่างพอใจ ชายหนุ่มเอื้อมมือหยิบโถข้าว ตักเติมลงไปไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตนัก

“ ว่าแต่เรื่องของคุณเทียนสรวง พี่ส่งรูปไปให้เพื่อนที่คุ้น ๆ กันในต่างประเทศดูแล้ว คิดว่าน่าจัใช่ตัวจริงนะ ”

“ จริงหรือคะ ! ”

เรือนอรุณที่รอฟังข่าวอยู่ อุทาน เมื่อครู่นี้หล่อนเพิ่งคิดว่าผู้ชายที่ตามมิ่งโมรีมาถึงโรงแรมดูแล้วเชื่อถือไม่ได้ แต่พอได้ฟังข้อมูลใหม่ของเรือนตะวัน หล่อนถึงได้เข้าใจทำไมอีกฝ่ายถึงฉลาด

“ อื้ม แต่ไม่รู้ทำไมต้องทำตัวลึกลับ ถ้ามีเบื้องหลังแบบคุณฝนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่รู้สึกว่าจะไม่มี เป็นไปได้ว่าทะเลาะกันภายในครอบครัวแบบเราไง อีกอย่างดูเหมือนเจ้าสัวธนาเองก็ยังตามหลานชายไม่เจอเหมือนกัน แต่เราเจอก่อน ”

“ แสดงว่าเราเก่ง ”

“ ไม่หรอก เพราะใช้เส้นสายของเพื่อนมากกว่าทุกอย่างเลยง่ายแถมถูกต้องด้วย คุณเทียนเป็นคนมีเพื่อนเยอะ ไปประเทศไหนก็มีคนรู้จัก ทีนี้พอคนอื่นแปลกหน้าเข้ามาถาม เค้าก็เลยรู้ทันทีไงว่าผิดปกติ ทีนี้ก็ไม่ยอมบอกความจริงกันละ ”

“ ว่าแต่ทำไมประวัติที่ได้ลับหลังที่คุณทนายส่งมาถึงแย่จังคะ ”

“ พี่ไม่ไว้ใจคุณเทียนสรวงเลยอุ่น ไม่รู้จะมาไม้ไหน จะเละเทะก็อยากให้เละเทะไป ไม่อยากให้ดึงคนของเราไปเกี่ยวด้วย ถ้ามิ่งสลัดหมอนี่ทิ้งได้ ไม่แน่ว่าอาจดีกว่า สบายตัวสบายใจกว่า ”

เรือนตะวันบอกความรู้สึกตัวเอง เรือนอรุณเลยเอ่ยอย่างไตร่ตรอง

“ เรื่องนี้ต้องโทษแม่เลี้ยงมิ่ง หาเรื่องให้ลูกสาวตัว แต่คนของเราเดือดร้อน พูดถึงนายเทียนสรวงอะไรนี่แล้ว ตอนนี้มีข่าวลือแปลก ๆ นะคะพี่อุ่น เรื่องของธนาเกียรติกรุ๊ป ”

เจ้าสัวธนา ธนาเกียรติ เจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลและโรงแรมในเครืออีกหลายแห่ง ติดอันดับเศรษฐีที่สร้างตัวมาจากความยากลำบาก ประวัติอันยาวนานบอกถึงความพากเพียร อดทนรออย่างที่คนสมัยนี้เทียบไม่ติด อิทธิพลของอีกฝ่ายก็เหมือนกัน ถือว่าใช้ได้พอตัวถ้าไม่ติดว่า เจ้าสัวธนา ไม่เคยสนใจใช้สื่อเป็นเครื่องมือ นามสกุลธนาเกียรติคงเป็นที่รู้จักในวงกว้างขวาง ไม่ใช่อยู่ในมุมเงียบ ๆ เฉพาะสังคมเก่า ๆ ที่เคยคุ้น ผิดกับ อติราช ที่กลับมาผงาดอีกครั้งในตัวตนใหม่ที่ทำให้เรือนอรุณเจ็บใจมาจนถึงทุกวันนี้

ถ้าผู้เป็นบิดาของหล่อนจะไม่เกื้อกูลลูกชายของอนภ เก็บหุ้นส่วนสำคัญของสถานีโทรทัศน์ไว้ให้ แถมยังจัดแจงส่งเด็กชายที่รอดชีวิต ให้ได้รับอนาคตใหม่ยังต่างประเทศ ยกให้เป็นลูกบุญธรรมของนักธุรกิจใหญ่ เพื่อปูทางให้อีกฝ่ายย้อนกลับมาเอาคืนทีหลัง เรือนอรุณคงไม่ต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับ ฝืนใจทำตัวสนิทสนมเป็นเพื่อนร่วมหุ้นที่ดี แนะนำในสิ่งที่ฆนาคมควรต้องทำทั้งที่ในใจอยากบอกปัด แต่คิดอีกที นี่อาจเป็นโชคดีเล็ก ๆ ที่หล่อนได้รับ การรู้จักทั้งกุลชาติและอติราช ทำให้ทุกอย่างอยู่ในสายตา ผิดพลาดอะไรขึ้นมาก็ยังพอแก้ไขได้ ตอนนี้หล่อนจะเปิดโอกาสให้ฆนาคมทำอย่างใจไปก่อน แต่ถ้าอีกฝ่ายพลาดมาเมื่อไหร่ แน่นอนหญิงสาวไม่ลังเลเลยที่จะเยียบซ้ำ คนที่กล้าเข้ามายุ่งกับคนที่หล่อนรัก สมควรได้รับบทเรียนที่เท่าเทียมกัน !

“ เรื่องล้มละลายใช่ไหม ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ต้องถือว่าแย่มาก แต่คุณปรีชา ทนายของเราไม่ได้ยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ แสดงว่าข่าวที่อุ่นได้มายังไม่ชัวร์หรอก ”

“ ของอุ่นน่ะข่าววงในกว่าคุณทนายนะคะ แล้วก็น่าจะจริงด้วย ไม่งั้นเจ้าสัวธนาจะตามหาตัวหลานชายให้ควักไปทำไม ”

“ อันนี้ก็น่าคิด ”

การพูดคุยหยุดชะงักลง เพราะคนที่โผล่เข้าในชุดเสื้อผ้ามิดชิด กางเกงวอร์มและเสื้อยืดสีเดียวกัน แถมดวงหน้ายังปราศจากสีสันทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าวัย ดวงตาสีดำขลับใสแจ๋ว ริมฝีปากเล็กแดงด้วยสีธรรมชาติ ผมยาวตรงถูกรวบขึ้นสูงมัดไว้ไม่ให้เกะกะ มิ่งโมรีเกาะขอบประตูไว้ บอกข่าวจากโทรศัพท์ว่า

“ เอ่อ...คุณอุ่นคุณอบคะ คือว่ามิ่งต้องไปแล้วค่ะ ”

“ อะไรกัน ยังไม่อิ่มเลยนะ ” เรือนอรุณพลอยตกใจไปด้วย หญิงสาวลุกเดินไปที่ประตูเช่นเดียวกับเรือนตะวัน “ มีอะไรเหรอมิ่ง หน้าตาไม่ดีเลย ”

“ เด็ก ๆ ไม่สบายค่ะ มิ่งอยากไปดูสักหน่อย ”

“ งั้นก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวคุณอบไปส่งนะ ” เรือนตะวันอาสา มิ่งโมรีเลยพยักหน้ารับเร็ว ๆ
“ เอารถอุ่นไปนะคะ ”

“ แล้วคุณอุ่นจะกลับยังไงคะ ? ” มิ่งโมรีมีปัญหา ทำเอาคนยกรถให้ถอนหายใจเฮือก ยิ้มขัน

“ โธ่เอ๊ย โรงแรมมีรถเป็นสิบคัน ชี้นิ้วเลือกสิ ห่วงเด็ก ๆ ไปเถอะเรา ไม่ต้องห่วงคุณอุ่น แล้วเสื้อผ้าเอาไปเปลี่ยนด้วย จะได้ไม่เสียเวลา หรือถ้ายังไง พี่อบพามิ่งแวะหาอะไรกินข้างทางด้วยนะคะ รายนี้ไม่บอกให้กิน หรือบังคับนั่งดูละก็เป็นไม่ยอมกินอะไร ”

เรือนอรุณสั่งยืดยาว โยนกุญแจรถของตัวเองให้พี่ชาย เรือนตะวันยิ้มให้ก่อนแตะหลังเล็กบางก้าวออกไปพร้อมกัน

***
โปรดติดตามตอนต่อไป...



บุรีวาด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2555, 22:29:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2555, 16:31:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 3026





<< บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 9   บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 11 >>
หมูอ้วน 11 มิ.ย. 2555, 02:33:21 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


มารชมพู 11 มิ.ย. 2555, 15:01:08 น.
อ่านแล้วสงสารมิ่งอ่ะ


บุรีวาด 11 มิ.ย. 2555, 16:32:34 น.
มีการแก้ไข ประโยคที่หายไปด้วยนะคะ เพราะว่าตอนอัพลงมือไปโดนแล้วเผลกดลบค่ะ ขออภัยในความผิดพลาดด้วยนะคะ
*
" อย่าอิจฉาน่าอุ่น " เปลี่ยนเป็น " อิจฉาล่ะสิื "
" ไม่ได้อิจฉาพี่อบ แต่เกลียด มิ่งไม่รู้อะไร... "


ปอแก้ว 12 มิ.ย. 2555, 09:58:20 น.
หายไปนาน ไว้จะตามอ่านนะค้าาาาา


ปอแก้ว 12 มิ.ย. 2555, 22:50:38 น.
เอ๋..........!
สรุปว่าใครเป็นนางเอกอ่ะคะ มิ่งหรือนี่!!!!!
อึ้งเลย


มุกมาดา 13 มิ.ย. 2555, 21:32:33 น.
แวะเข้ามาเป็นกำลังใจให้บุรีวาดค่ะ ^^


ปลากัด 12 ก.ค. 2555, 19:43:23 น.
จุ๊บๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account