ตราบนิรันดร์คือเธอ (สนพ.อรุณ)
ต่อให้ร้าย เป็นอสูรกายในสายตาใคร
แต่กับหนึ่งดวงใจดวงนี้ คือเธอ...ตราบนิรันดร์

บทต่อไปของนิรันดร์แห่งรักที่ใครหลายคนกำลังรอคอยค่ะ^^
ใครเคยหลงรักเทพเฮเดสจากดุจดั่งดวงใจ และเทพอพอลโลจากหทัยแห่งสุริยันมาแล้ว ต้องไม่พลาดนิยามรักบทใหม่นี้ค่ะ
Tags: แฟนตาซี รักซึ้งกินใจ นิรันดร์แห่งรัก โพไซดอน มณีมัญชุ์ อพอลโล เฮเดส พริมา ยมโลก เทพเจ้า

ตอน: บทที่ 1/1 ปีศาจร้าย (รีไรท์)

บทที่1
ร่างบอบบางของหญิงสาวเดินออกมาจากท่าอากาศยานเผยยิ้มสดใสให้กับคนยืนรอคอย ตรงกันข้ามกับสตรีวัยกลางคนซึ่งกำลังชะเง้อคอยการปรากฏตัวของเธออย่างใจจดใจจ่อ ในทันทีที่มองเห็นหญิงสาว สตรีผู้นั้นก็รวบเอาร่างของเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดทันที

“ปลอดภัยดีนะมีมี่” เสียงของคนเป็นมารดายังสั่นผวาไม่หาย
“โธ่! แม่คะ หนูไม่ได้เป็นไรสักหน่อย” มณีมัญชุ์ครางออกมาอย่างอ่อนใจกับแรงกอดกระชับรอบกาย
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว หนูทำให้แม่เป็นห่วงอีกแล้วรู้ไหม เดือนก่อนก็จมน้ำไปที” จินต์วราเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่ทำเอาเธอขวัญผวาไปหลายวัน เหตุการณ์วันนั้นยังจำได้ติดตาและผวาได้ทุกครั้งยามนึกถึง ร่างของบุตรสาวนอนแน่นิ่งไม่หายใจ กระตุกหัวใจคนเป็นแม่ให้แทบหยุดเต้นตามไปด้วย

“โธ่! แม่คะ แค่จมน้ำเอง ตอนนั้นหนูก็ไม่ได้เป็นไรมาก” หญิงสาวพยายามเถียงเสียงอ่อยๆ
“จ้าๆ ไม่ได้เป็นอะไรมากเลย ถ้าพ่อช่วยขึ้นมาไม่ทัน ป่านนี้แม่คงเสียลูกสาวไปแล้ว” มารดาของเธอประชดให้ ก่อนเอ่ยปากต่อว่าต่อ “ไปอิตาลีนี่ก็เหมือนกัน รู้รึเปล่าว่าแม่ใจหายแค่ไหนตอนได้ยินข่าวว่าภูเขาไฟระเบิด”
“ภูเขาลูกนั้นอยู่ห่างจากโรงแรมที่หนูพักตั้งเยอะนะคะ แถมตามรายงานข่าวก็ยังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเลย” มณีมัญชุ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มประจบคนตรงหน้า
“จ้า แต่ก็ทำแม่ใจหายหมด นอนไม่หลับไปหลายวันเลยรู้ไหม มีมี่เองก็เถอะ เพลาๆโปรแกรมเที่ยวของตัวเองลงบ้าง”

คนถูกต่อว่าหน้ามุ่ยไปทันทีกับคำดุของผู้เป็นมารดา แต่ก็ยอมส่งยิ้มกลับมาด้วยทีท่าหงอยๆ
“ก็ได้ค่ะ หยุดเที่ยวสักพัก ทำงานเก็บตังค์ก่อนจะได้ไปเที่ยวไกลๆได้”
“แน่ะลูกคนนี้ เพิ่งจะกลับมาจากอิตาลี ตั้งท่าจะวางแผนไปเที่ยวไหนอีก”
“ยังไม่ได้วางแผนค่ะ ก็บอกแล้วไงว่าหนูจะเก็บเงิน” เธอออดอ้อน พลางตรงเข้ามากอดเอวที่เริ่มหนาขึ้นตามอายุของหญิงวัยกลางคนตรงหน้า

“เก็บให้รอดครบปีแล้วกัน เอาแต่หนีเที่ยวได้ตลอด แล้วเมื่อไรจะมีเงินเก็บเป็นก้อนกับเขาสักที” จินต์วราได้ทีเลยถือโอกาสบ่นบุตรสาวบุญธรรมของเธอ
ความจริงมณีมัญชุ์หาใช่ลูกสาวของจินต์วรา เธอเป็นลูกของพี่สาวที่เสียชีวิตลงพร้อมสามีด้วยอุบัติเหตุเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ทำให้จินต์วราต้องเลี้ยงดูหลานสาวมานับแต่นั้น จนกระทั่งแต่งงาน จินต์วราตัดสินใจรับหลานมาเป็นบุตรบุญธรรมด้วยความหวังว่าความรักที่เธอและทศพลผู้เป็นสามีมอบให้ จะสามารถทดแทนการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตวัยเด็กได้

ยี่สิบปีล่วงมาแล้วกับการตัดสินใจเลี้ยงหลานเป็นดั่งลูกในไส้ ตลอดมามณีมัญชุ์เป็นเด็กร่าเริง สดใส เธอได้รับความรักอย่างท้วมท้นจากบิดามารดาและน้องสาวผู้แม้จะไม่ใช่สายเลือดที่คลานตามกันออกมา แต่ก็รักและมีกันและกันประหนึ่งพี่น้องท้องเดียว
“โธ่! แม่ขา รับรองว่าก่อนสามสิบห้า หนูมีเงินซื้อบ้านหลังใหม่ให้แม่อยู่แน่”
“แม่ไม่เอาบ้านหรอก แต่จะเอามีมี่ออกจากบ้านต่างหาก ดูสิร่อนไปร่อนมาแบบนี้ แถมยังทำงานไม่อยู่กับที่ ถามจริงเถอะเมื่อไรจะหาลูกเขยให้แม่เสียที” จินต์วราบอกด้วยน้ำเสียงกึ่งซักกึ่งหน่ายใจ
“ก็แหม ทำงานอยู่ในเวดดิ้งสตูดิโอแบบนี้ แม่จะให้หนูไปคว้าว่าที่เจ้าบ่าวมาเหรอคะ” เสียงหวานกระซิบล้อเลียนถาม

ผลเลยถูกคนเป็นมารดาหยิกเอาด้วยความหมั่นไส้
“คิดได้นะเรา ไปแย่งคู่คนอื่นเขาบาปกรรมนะนั่น”
“ก็แค่ล้อเล่นเอง แม่ก็คิดจริงจังไปได้ ขึ้นรถดีกว่ามีมี่คิดถึงพ่อทศกับน้องเมย์จะแย่ละ” เธอเอ่ยถึงคนเป็นบิดาและน้องสาวของตน
จากนั้นรถญี่ปุ่นคันเล็กที่จินต์วราขับมารับลูกสาวคนโตยังสนามบินก็เคลื่อนออกจากลานจอดรถ เพื่อกลับไปยังบ้านของพวกเขา



เลยออกไปจากเขตชุมชนถิ่นอาศัย ผ่านเขตแดนมากมายที่เหล่ามนุษย์ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง ณ บริเวณสุดขอบโลกอันเป็นปากทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และนครโลกันตร์ สิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในความมืดแสนมืด ท่ามกลางความอ้างว้าง วังเวง มืดมนยิ่งกว่าความมืดใด เสียงสนทนาแผ่วเบาของอะไรบางอย่างก็ดังขึ้น
“ข้าว่าทางนี้นะ”เสียงหนึ่งบอกด้วยความลังเล
“เจ้ารู้ได้อย่างไร เจ้ายังไม่เคยขึ้นมาบนโลกมนุษย์เลยด้วยซ้ำ” อีกเสียงถามกลับ เริ่มส่อเค้าความหงุดหงิด
“เพราะดวงตาข้ามองเห็นได้ดีกว่าเจ้าโง่อย่างเจ้าไง ถึงข้าจะไม่เคยขึ้นมาบนโลก แต่ก็พอได้ยินพวกเหล่าปีศาจเอ่ยถึงหนทางขึ้นมาอยู่”

“พวกนั้นบอกว่าไง”อีกเสียงหนึ่งถามด้วยความอยากรู้
“ก็บอกว่าถ้าข้ามผ่านปราสาทของเทพเฮเดสและทุ่งดอกแอสโฟเดลมาได้ ก็จะมาเจอกับแม่น้ำในยมโลก ซึ่งพวกเราก็ผ่านมันมาหมดแล้ว ดังนั้นตรงนี้ก็น่าจะเป็นปลายสุดของขอบโลกที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และยมโลกไว้”
“งั้นจะมัวชักช้าอะไรอยู่ล่ะ รีบไปต่อสิ ขืนพวกยมทูตมาเห็นเข้า มีหวังถูกจับขังลืมอยู่ในนรกแน่” เสียงเสียงหนึ่งเร่งเร้าสนับสนุน
“แต่ว่า...จะดีเหรอ ออกไปแบบนี้ ถ้าเทพเฮเดสทรงจับได้ขึ้นมาละก็ เรื่องใหญ่เชียวนา” ใครอีกตนหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งกล้ากึ่งกลัว

“เทพเฮเดสไม่ทรงว่างมาจับพวกเราหรอกน่า ไม่รู้รึไงว่าพระองค์ประชวรอยู่ในปราสาท”
“แต่...ท่านธานาทอสกับฮิปนอสอีกล่ะ”
“โว้ย! ถ้าขี้กลัวขนาดนั้นก็กลับไปเลย แล้วเจ้าก็ไม่ต้องมาเรียกร้องขอแบ่งของที่ข้าขโมยมาได้ล่ะ” เสียงหนึ่งตวาดขึ้นด้วยความฉุนจัด
เป็นผลให้ปีศาจอีกตนที่แม้จะยังขลาดกลัวต่ออำนาจและคำสั่งของเทพเฮเดสจำต้องชั่งใจอย่างหนัก แต่เมื่อนึกถึงความหอมหวานของอารมณ์มนุษย์ที่ไม่ได้กลืนกินมาแสนนาน ก็ทำให้ปีศาจอย่างเขาเริ่มเกิดความหิวโหยขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้

“ไปก็ไป ก็แค่ขโมยอารมณ์ของมนุษย์ ไม่ได้ฆ่าใครเสียหน่อย ถึงถูกจับได้เทพเฮเดสก็คงเมตตาข้าบ้างล่ะ”
“ไอ้เจ้านี่วอนหาเรื่องตลอด เจ้าจะพูดเรื่องถูกจับได้ทำไม ไป๊ หาทางไปต่อได้แล้ว” เสียงหนึ่งบอกด้วยความฉุนจัด
ไม่นานนักเหล่าปีศาจทั้งสามก็ค้นพบแสงสว่างรำไรส่องริบหรี่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เมื่อเดินตามหาที่มาของแสงได้ไม่นาน พวกเขาก็ค้นพบทางออกสู่โลกกว้าง
ความมืดอันเป็นสีดำสนิทค่อยคลายความทะมึนลง สายลมเย็นๆพัดพากลิ่นหอมของใบหญ้าโชยผ่านเข้ามายังจมูกของเหล่าปีศาจ เหนือขึ้นไปจากเงาสลัวเบื้องล่างคือจันทราดวงใหญ่กำลังฉายแสงสีเหลืองนวลอยู่บนท้องนภากว้าง

“อ้า ในที่สุดข้าก็มาถึงโลกมนุษย์จนได้”
“ได้เวลาอาหารแล้ว”
ร่างทะมึนสีดำใหญ่สามร่างค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นเบื้องบน จากนั้นพวกมันก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้า ตรงดิ่งสู่เขตเมืองของเหล่ามนุษย์



“กลาดิอุสของข้า จงมอบมันคืนให้แก่ข้า” น้ำเสียงดุดัน คุกคามกำลังข่มขู่เธอ
หญิงสาวรู้สึกอึดอัดไปทั้งกาย ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนไปไหน อำนาจของอีกฝ่ายหนึ่งก็ยังตามคุกคามเธอไม่หยุด
“ปล่อยฉันนะ กลาดิอุสบ้าอะไร ฉันไม่รู้จัก ปล่อย!”
“ข้าปล่อยแน่ หากเพียงเจ้าจะยอมทำตามที่ข้าสั่ง คืนกลาดิอุสของข้ามา”
“ฉันไม่รู้จักเสียหน่อย ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย” แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่มณีมัญชุ์ก็ยังถามออกไปด้วยความสงสัย

“ทำตามที่ข้าสั่ง!” มีเพียงเสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังกลับมา หาได้สนใจในถ้อยคำถามของเธอเลยแม้แต่น้อย
ยามนี้มณีมัญชุ์มั่นใจแล้วว่า เจ้าสิ่งมีชีวิตใดที่กำลังคุกคามเธออยู่ ไม่มีวันทำร้ายเธอได้จริงดังคำขู่ เพราะมันเป็นเช่นนี้มากี่ค่ำคืนแล้ว เจ้าของเสียงเอาแต่ข่มขู่โดยไม่อาจทำร้ายเธอได้จริง
ฉับพลันของความคิด มณีมัญชุ์ก็เริ่มรับรู้ถึงความเป็นจริงตรงหน้า แววตาสีน้ำตาลใสที่สบกับแววเรืองโรจน์สีฟ้าครามจึงไม่มีความหวาดผวาหลงเหลืออยู่

“ไม่! ฉันจะไม่ทำตามคุณเด็ดขาด นี่มันในฝัน คุณจะข่มขู่เอาชีวิตฉันในฝันได้อย่างไรกัน”
เมื่อความแข็งแกร่งไหลเข้าแทนที่ความหวาดกลัว ความเจ็บปวดอึดอัดที่เคยคิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังบีบคอเธอให้แหลกคามืออยู่ก็ค่อยคลายออก มณีมัญชุ์เริ่มรู้สึกว่าตนเองหายใจสะดวกขึ้น หญิงสาวเพ่งพิศไปยังเงาทะมึนเบื้องหน้า แต่สิ่งที่เห็นมีเพียง ความมืดมิดและแววสว่างโรจน์ของดวงตาสีฟ้าครามอันเรืองรอง
“ฮ่า ฮา เริ่มฉลาดขึ้นมาแล้วสินะนางมนุษย์ แต่อย่าห่วงเลย ข้าจะยังตามรังควานเจ้าไปอีกแสนนาน จนกว่าข้าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาเต็มไปด้วยความคุกคาม มุ่งมั่นจะเอาชนะ
นัยน์ตาหวานค่อยๆลืมตาตื่น ยังรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่ตามมาหลอกหลอนเธอแม้ในยามกลับสู่โลกของความเป็นจริง

“ผีบ้า หลอกได้ทุกคืน ทำไมถึงไม่ยอมไปผุดไปเกิดเสียทีนะ” มณีมัญชุ์บ่นกับตัวเองด้วยความหัวเสีย
เกือบสัปดาห์มาแล้วนับตั้งแต่เธอเดินทางกลับมาจากอิตาลี หญิงสาวฝันซ้ำๆถึงอสุรกายในเงามืดที่เธอมองไม่เห็นตัวตน สิ่งเดียวที่เธอจดจำเจ้าปีศาจร้ายได้ก็คือแววตาสีฟ้าครามอันเต็มไปด้วยความคั่งแค้น ทุกคืนเจ้าปีศาจคอยแต่พร่ำข่มขู่เธอ บอกให้เธอคืนเจ้าสิ่งที่มีชื่อว่ากลาดิอุสให้แก่เขา ทว่ากลาดิอุสที่อีกฝ่ายพูดถึงคืออะไร มณีมัญชุ์เองก็ยังไม่เข้าใจจนทุกวันนี้

ร่างบางในชุดนอนสีขาวยาวกรอมข้อเท้าค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นจากเตียง เธอเดินมาหยุดลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของตน นัยน์ตาสีน้ำตาลใสดั่งลูกแก้วจ้องมองตัวเองในกระจก สิ่งที่เธอมองเห็นคือหญิงสาวดวงหน้ารูปไข่ ทั้งคิ้ว จมูก และริมฝีปากยามนี้ไร้เครื่องสำอาง แต่กระนั้นความงดงามสมบูรณ์แบบของเครื่องหน้าก็ยังเด่นชัด เป็นความงามที่แม้จะไร้การแต่งแต้ม แต่สามารถสะกดสายตาของผู้คนโดยทั่วไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
มณีมัญชุ์จ้องมองตนเองในกระจกอีกครั้ง ใช้เวลาเรียกสติอยู่พักใหญ่ เธอจึงเหลือบมองนาฬิกา ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าตัวเองเสียเวลานอนไปหลายชั่วโมง นัยน์ตาสีน้ำตาลหันกลับมามองเตียงนอนของตนเองอย่างชั่งใจ ก่อนจะยอมตัดใจเดินไปยังห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวสำหรับเช้าวันใหม่

“อ้าว มีมี่ ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจัง” จินต์วราเอ่ยปากทักบุตรสาวทันทีเมื่อเห็นเจ้าของร่างบางเดินลงมาจากบันไดชั้นสองในชุดเสื้อเชิ้ตสีสดกับกางเกงยีนตัวเก่ง
ร่างอรชรสูงเพียงร้อยหกสิบต้นๆสะพายกระเป๋าสี่เหลี่ยมสีดำใบใหญ่ พร้อมกับหอบหิ้วข้าวของมากมายในถุงผ้า เดินลงมานั่งตาปรืออยู่ในห้องอาหาร
“ง่วงจัง” เสียงหวานบ่นงึมงำออกมา อยากจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะเสียเหลือเกิน
“ถ้าง่วงขนาดนั้นทำไมไม่นอนต่อล่ะ นี่ยังไม่หกโมงเช้าเลย”
“ขืนนอนต่อ หนูต้องไปทำงานสายแน่ค่ะ วันนี้มีถ่ายรูปนอกสถานที่ นัดลูกค้าไว้ตอนแปดโมง” เธอบอกพลางฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นจากโต๊ะที่อยากจะฟุบหน้าลงไปหนักหนา เดินเข้ามาในครัวเพื่อหากาแฟดำสักแก้วให้ตาสว่างขึ้น

“แล้วจะกลับกี่โมงล่ะวันนี้”
“คงดึกๆเลยค่ะแม่” หญิงสาวตอบพร้อมกับถือกาแฟในแก้วพลาสติกติดมือออกมา จากนั้นก็คว้าข้าวของทั้งหลายบนโต๊ะขึ้นสะพายบ่า “หนูไปก่อนนะคะ”
“ไม่รอทานข้าวต้มกับแม่เหรอ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ไปเลยดีกว่า เดี๋ยวไปทานที่สตูฯแทน”

“อะไรกัน แล้วตื่นมานี่กินแต่กาแฟลงไป เดี๋ยวก็ได้เป็นโรคกระเพาะหรอก” เสียงดุๆเอ็ดตามหลังมา
แต่คนโดนว่ากลับไม่สนใจฟังนัก มือบางข้างที่เหลืออยู่หันมาพนมมือไหว้คนด้านหลังอย่างรีบๆ
“แหม นานๆทีไม่เป็นหรอกค่ะ” เธอตอบกลับมา แล้วจึงผลุบหายไปทางประตูหน้าบ้าน



ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มิ.ย. 2555, 10:05:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 09:40:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 2412





<< บทนำ - ฝันร้ายที่อาจกลายเป็นจริง (รีไรท์)   บทที่ 1/2 ปีศาจร้าย (รีไรท์-จบตอน) >>
ริญจน์ธร 13 มิ.ย. 2555, 10:13:54 น.
ตอบคอมเม้นค่า

คุณ sai ขอบคุณที่เข้ามาตามอ่านกันต่อคะ

คุณ ameerahTaec ขอบคุณค่า บทที่1มาแล้วเน้อ

คุณ Zephyr ตอบไปแล้วเนอะ มณีมัญชุ์หรือหนูมีมี่ค่ะ จากภาคหทัยแห่งสุริยัน แต่ตอนนี้โตเป็นสาวสวยแล้ว ส่วนพระเอก อืม...ที่คุณเฟอร์ร่ายมา มันมีแต่สัตว์ประหลาดทั้งนั้นเลยน้า -_-'' พระเอกคนนี้ยังขอแบบหล่อๆดีกว่า^^ สำหรับพี่ชายขาคงไม่ได้อัพแล้วล่ะค่ะ ขอแก้ตัวเป็นเรื่องนี้แทนเน้อ

คุณ คิมหันตุ์ ขอบคุณค่ะ ฝากผลงานเรื่องใหม่ด้วยนะคะ

คุณ goldensun ขอบคุณสำหรับคำผิดนะคะ คนเขียนยังมึนๆอยู่อ่ะ

คุณ phugan ขอบคุณค่า มีคนมาลงชื่อรอขนาดนี้ มีกำลังใจปั่นแน่ค่ะ

คุณ อสิตา พี่มิ์งค์รีบเอานิยายมาลงเลย มีคนรออยู่น้า

คุณ ZodiacMoon ขอบคุณนะคะ เอ ชื่อนี้ไม่คุ้น เอาเป็นว่ายินดีที่ได้รู้จักค่า

คุณ noko กำลังเขียนค่ะ เรื่องนี้จะเขียนไปแปะไปนะคะ

คุณ หมูอ้วน จะพยายามนะคะ ถ้ามีสต็อกให้แปะ จะพยายามลงไม่ให้ขาดค่า ยกเว้นถ้าหมดสต็อก ก็ไปไล่ทวงกันในแฟนเพจได้น้า


ปล. ฝากแฟนเพจของคนเขียนไว้ด้วยนะคะ แวะไปทักทาย ทวง นิยายกันได้ตลอดค่ะ
www.facebook.com/rinthorn


sai 13 มิ.ย. 2555, 10:33:05 น.
อ้าวปีศาจสองตัวต่อสู้กัน ยังไงหว่าติดตามต่อปายยยยยย


Zephyr 13 มิ.ย. 2555, 11:45:08 น.
ฮ่ะๆๆๆ เฟอร์ขอขำก่อน เพราะเฟอร์ตั้งใจแแกล้งพระเอกให้หล่อแต่ตางาย เอาแค่ตาฟ้าก็หล่ออย่างอื่นไม่ต้อง ฮ่าๆๆๆ
แป่ว เฟอร์ลืมมีมี่สุดน่าร้ากกกไปได้อย่างไร เพิ่งอ่านแท้ๆเชียว อิอิ จริงด้วย ถึงว่า มณีมัญชุ์ เพิ่งผ่านตาไปไม่นานนี้
แต่แหม มีกลาดิอุสอยู่ในตัวมีมี่เหรอ หนูน้อยไปกลืนเข้าไปตอนไหนอ่า
ปล.แล้วพี่ชายขา พี่มูน จะออกเป็นเล่มมั้ยจ้ะ เฟอร์รออ่านนะเนี่ย ไปตามอ่านมาจากไหนซักที่แล้ว ไม่จบ คราวนี้ก็ไม่จบ แงๆๆๆๆๆ งอนพี่มูนแย้วววววว โป้ง!!! (หนีไปฟ้องมะม้าดีก่าาาา)


ameerahTaec 13 มิ.ย. 2555, 11:58:43 น.
ดุจดั่งดวงใจกับหทัยแห่งสุริยันยังมีขายอยู่มั้ยคะ ว่าจะถามตั้งนานแล้ว ชอบนิยายแนวนี้มากเลยค่าาาาาาาาาา


หมูอ้วน 13 มิ.ย. 2555, 12:59:32 น.
ในฝันใช่พระเอกอ่ะป่าวค่าา


goldensun 13 มิ.ย. 2555, 13:01:26 น.
กลาดิอุสอยู่ในตัวมีมี่??? ปีศาจอีกสามตัวมาที่โลก จะมาเจอมีมี่ด้วยมั้ย
แถมตัวที่อยู่ในฝันมีมี่ก็จะมาหามีมี่อีก สงสัยกลาดิอุสใกล้ออกโรงแล้ว


ริญจน์ธร 13 มิ.ย. 2555, 13:53:24 น.
ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าสำหรับเรื่องพี่ชายขาค่ะ แต่เดี๋ยวมีเมื่อไรจะเข้ามาบอกแน่นอน
ส่วนเรื่องดุจดั่งดวงใจกับหทัยแห่งสุริยัน เชื่อว่าตามร้านหนังสือ (โดยเฉพาะนายอินทร์) น่าจะยังมีวางขายค่ะ


lookAme 16 มิ.ย. 2555, 16:03:44 น.
ปริศนาเยอะจริงๆ


Auuuu 18 มิ.ย. 2555, 07:08:02 น.
เฮเดสนี่คุ้นๆแฮะ
น่าสนุกจังงงง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account