ขอบฟ้าแห่งใจ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ขอบฟ้าแห่งใจ 1

สวัสดีครับชาวเว็บเลิฟ หายไปนานเพราะความขี้เกียจ และไม่มีเรื่องจะเขียน :)
แต่ตอนนี้อารมณ์เปลี่ยวเริ่มจะกลับมา เลยเคาะนิยายเรื่องใหม่ออกมาให้ลองอ่าน
ไปเที่ยวต่างประเทศกันครับ


วาต์...


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


บทที่ 1
ภัทธิดาไม่แน่ใจว่าเธอเคยเห็นท้องฟ้าสีสดแบบนี้มาก่อนในชีวิตหรือไม่ เมื่อทอดสายตาออกไปนอกกระจกรถกว้างไกล ภาพของแนวภูเขาที่ตัดกับท้องฟ้าสะอาดบริสุทธิ์ก็ตรึงความสนใจของเธอไว้ตั้งแต่ล้อรถยนต์เมอร์ซีเดสเคลื่อนออกจากสนามบิน

อากาศตอนสิบโมงเช้าไม่ได้หนาวเย็นกว่าที่ประมาณการไว้ เสื้อผ้าที่สวมใส่ไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่บนเครื่องบินช่วยป้องผิวกายของเธอจากความหนาวเหน็บของอากาศช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนได้เป็นอย่างดี

แม้พระอาทิตย์จะลอยตัวขึ้นสูง แสงแดดทอประกายไปทั่ว หากยังปรากฏกลุ่มหมอกสีขาวลอยเอื่อยคลอเคลียอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ

ภัทธิดานึกว่าเองตกอยู่ในห้วงของจินตาการ หรือไม่ก็ภาพฝัน ที่จิตรกรสะบัดปลายแปรงแต่งแต้มเอาไว้ แต่พอเมื่อเธอขยับกายและเรียบเรียงความคิดถึงสาเหตุที่ได้เดินทางมาที่นี่ หญิงสาวก็ยิ้มละไม คาดไม่ถึงว่าเวลาเพียงแค่สามชั่วโมงครึ่งที่สายการบินแห่งชาติพาเธอบินลัดฟ้ามา จะทำให้เธอได้พบกับดินแดนที่น่าอัศจรรย์ หันมองไปทางไหนก็สัมผัสได้แต่ความโรแมนติกแปลกตา ให้ความกลัดกลุ้มและเป็นกังวลที่ครองพื้นที่ในหัวใจตลอดเวลาที่โดยสารมาบนเครื่องบินมลายหายไปแทบจะทันที

ภัทธิดาเปิดยิ้มให้กับความเขลาของตน ความเขลาที่เกิดจากการเสพสื่ออย่างผิวเผิน จนเกือบทำให้เธอพลาดพลั้ง เอ่ยปฏิเสธงานที่มีเงินก้อนโตรออยู่

‘ทัสคาน’ ไม่ใช่ดินแดนชวนฝันสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะในมุมมองของรัฐบาลและสื่อจากซีกโลกตะวันตก เมื่อมีการเปิดโปงว่าเมืองชายแดนทางทิศเหนือของประเทศเป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ ตามด้วยข่าวการลอบวางระเบิดโรงแรมห้าดาวกลางเมืองหลวงที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้นห้าสิบสองราย และกว่าครึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ยังผลให้รัฐบาลของประเทศต่างๆประกาศเตือนพลเมืองของตนให้ระมัดระวังหากมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาในทัสคาน จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีอยู่ไม่ถึงห้าล้านคนต่อปี ก็ลดลงมาเป็นหลักแสน และไม่มีสัญญาณว่าจะเพิ่มขึ้น แม้เหตุการณ์เลวร้ายจะผ่านล่วงไปแล้วถึงห้าปีเต็ม

“ตรงโน้นคืออัคบาร์ฟอร์ท ป้อมปราการที่กษัตริย์ยุคก่อนสร้างเอาไว้เพื่อป้องกันการรุกรานของข้าศึก” เสียงเล็กกังวาลของคนด้านข้าง ปลุกให้นักแสดงสาวจากเมืองไทยตื่นจากห้วงความคิด

ภัมธิดาก้มตัวลง เพ่งสายตามองผ่านกระจกด้านหน้าคนขับ “โอ้ว... ชีลาห์ ทำไมมันใหญ่โตขนาดนั้นล่ะ”

ผู้ช่วยผู้กำกับนามชีลาห์ยิ้มอย่างภูมิใจ “นี่ล่ะคือสิ่งที่พวกเราอยากให้คุณเห็น เราอยากให้คนทั่วโลกได้เห็นว่าทัสคานของเราสวยงามและรุ่มรวยไปด้วยอารยธรรมเพียงใด”

“สร้างมานานหรือยังคะ”
“สักห้าหกร้อยปีแล้วล่ะ”

ภัทธิดาไล่นิ้ว “ถ้าเทียบกับของไทยน่าจะอยู่ในช่วงของอยุธยา”
“อะไรนะคะ” ชีลาห์ขมวดหัวคิ้วเข้าหากัน
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่เทียบประวัติศาสตร์ของประเทศคุณกับประเทศไทย แค่อยากรู้ว่ายุคไหนเป็นยุคไหน”

ชีลาห์มองพินิจนักแสดงสาวผู้มาใหม่ เธอมีผิวขาวเหลือง รูปร่างโปร่งบาง หน้าตาคล้ายชาวจีนมากกว่าคนไทย ชีลาห์เคยไปเมืองไทยครั้งหนึ่ง เธอนึกถึงหมู่ปราสาทเจดีย์ที่เคยเห็นแล้วว่า “ฉันเคยตามมาร์คไปถ่ายสารคดีที่อายูดายาครั้งหนึ่ง ฉันจำได้ว่าเราอ้าปากค้างแล้วอุทานเมื่อวันแรกที่ไปถึง”

“อยุธยา” ภัทธิดาแก้ให้
ชีลาห์หัวเราะคิก “อา ยุท ทา ยา”
“เยี่ยมมาก” เจ้าของภาษายกนิ้วโป้ง เป็นจังหวะที่รถยนต์เคลื่อนผ่านป้อมอัคบาร์ สิ่งปลูกสร้างขนาดมหึมาตระหง่านค้ำอยู่บนเนินเขา “ถ้ามีโอกาสฉันจะขึ้นไปบนนั้นสักครั้ง”
“เรามีฉากถ่ายทำกันบนนั้น” ชีลาห์แจง “นานหลายวันจนคุณเบื่อเลยเชียวล่ะ”
“จริงหรือคะ”

ชีลาห์พยักหน้ายิ้ม “ค่ะ” เธอสัมผัสได้ถึงความตื่นตาของผู้มาใหม่ หญิงสาวคนนี้แม้อายุจะเข้าสู่ปลายยี่สิบ แต่เธอยังมีความเป็นเด็ก เห็นได้จากดวงตาที่ชวนฝัน ท่าทางที่กระฉับกระเฉง ไม่แปลกใจเลยที่มาร์คเลือกเธอมาร่วมงานถ่ายทำภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวทัสคานครั้งนี้

มาร์คเลือกภัทธิดา ดาราตัวประกอบไม่มีชื่อจากเมืองไทย ทั้งที่มีนักแสดงจากชาติอื่นให้เลือกมากมาย ทั้งฮ่องกง ไต้หวัน และจีน ทุกคนแปลกใจ แต่ก็ไม่อยากคัดค้าน แต่พอครั้งแรกที่ชีลาห์ได้เจอกับภัทธิดา เธอก็ชักจะเห็นด้วยกับมาร์ค

ภัทธิดามีรอยยิ้มที่สวย ดวงตากระจ่างใสเป็นมิตร นี่คือสิ่งที่ผู้เฝ้ามองสรุปได้จากช่วงเวลาที่รถแล่นจากสนามบินเข้าเมือง

“ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่เขตเมืองเก่า” สิ้นเสียงของชีลาห์ ก็ปรากฎแนวแถวของสิ่งปลูกสร้างสีอิฐ “ณ ตอนนี้รัฐบาลของทัสคานยังไม่อนุญาตให้มีการสร้างตึกสูง อาจจะดูประหลาดในสายตาคนนอกอย่างคุณนะคะ”

“โอ้ว ไม่เลยค่ะ เป็นนโยบายที่ดีมากเลยเชียว ฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบตึกสูง ฉันกลัวความสูง” ภัทธิดาสารภาพ “ว่าแต่ ฉันต้องเข้าพักที่โรงแรมไหนหรือคะ”

“ชาวามาฮาลค่ะ เป็นพระราชวังเก่าที่ตอนนี้ทายาทดัดแปลงส่วนหนึ่งของวังเป็นโรงแรม ทั้งยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนทั่วไปเข้าชมอีกด้วย รับรองว่าคุณต้องชอบ”

รถยนต์เคลื่อนผ่านย่านที่เป็นตลาด ที่มีร้านขายของเรียงรายเป็นแนว และหมู่ตุ๊กๆกับสามล้อถีบที่จับกลุ่มรอผู้โดยสาร ภัทธิดามองออกไปด้านนอกก็นึกได้ว่าตัวเองมาเมือง ‘แขก’ ต่างแค่ว่าคนทัสคานส่วนมากจะตัวสูงและผิวสว่างกว่าคนอินเดีย ด้านการแต่งกายนั้นคล้ายกันจนคนมองแยกไม่ออก ให้ภัทธิดานึกถึงกรุงนิวเดลี ทัชมาฮาล และแคว้นราชสถานของอินเดียที่เคยไป

“ชีลาห์คะคุณรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันนึกถึงอะไรอยู่” ไม่ต้องรอให้คู่สนทนาถามต่อ ผู้มาเยือนก็เอ่ย “ฉันกำลังนึกถึงเมืองชัยปุระ เมืองเอกของแคว้นราชสถานของอินเดีย คุณมองดูสิ รูปร่างของตึก สีของอิฐ การแต่งกายของผู้คนเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”

ชีลาห์เปิดยิ้มกว้างขวาง “ไม่แปลกใจเลยค่ะ คุณคงไม่ทราบว่าทัสคานของเราในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย และชัยปุระก็เป็นเมืองแฝดกับทัชคาน”

“ตายจริง ฉันขอสารภาพว่าไม่ได้ศึกษาข้อมูลอะไรมาก่อนเลย น่าอายจังเลยนะคะ”
“อีกหน่อยคุณจะรู้จักพวกเรามากขึ้น ถึงแล้วค่ะ ชาวามาฮาล”

ภัทธิดาก้มลงแล้วช้อนสายตาขึ้นมองซุ้มประตูที่รถยนต์เคลื่อนตัวผ่าน “สวยจังเลยนะคะ สวยมาก” หญิงสาวเปล่งเสียงคล้ายคนละเมอ จนรถยนต์วิ่งมาหยุดที่ลานกว้าง ข้างกำแพงสีชมพูอมส้มที่มีประตูอีกชั้นเชื่อมเข้าสู่หมู่อาคารโอ่อ่าด้านใน

“เราต้องเดินนะคะ” ชีลาห์ขยับตัว ทั้งยังหอบหิ้วเอาของพะรุงพะรัง “ด้านในไม่อนุญาตให้รถเข้า”
“โอเคค่ะ” ภัทธิดาก้าวออกมาจากรถ แล้วค้อมหัวให้กับคนขับรถหนวดยาวเฟิ้ม “ขอบคุณค่ะ”

เมื่อยืนทรงตัวได้ หญิงสาวก็เบิกตาชมความงามของชาวามาฮาลจากด้านนอก แค่ลวดลายดอกไม้ขาวอ่อนช้อยที่แต้มเป็นแนวอยู่บนกำแพงสีส้มอิฐก็ดึงความสนใจของเธอไว้ได้ทั้งหมด ภัทธิดาควักโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า บันทึกรายละเอียดของกำแพงไว้ทุกมุม เธออยากให้น้อง เตี่ย และแม่ได้ชื่นชมในสิ่งที่เธอกำลังตะลึง ถ้าหลานแฝดทั้งสามโตพอขึ้นเครื่องบินได้เมื่อไหร่ ภัทธิดาสัญญาว่าจะพาหลานมาผจญภัยที่นีสักครั้ง

หากตัดสินจากความประทับใจในวันแรก ชีวิตการทำงานตลอดสามเดือนครึ่งของเธอในประเทศนี้คงไม่น่าเบื่อ และทัสคานก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เตี่ยของเธอเล่ากรอกหูตลอดหนึ่งเดือนก่อนเดินทางมา

ภัทธิดาแหงนหน้าขึ้นสบตากับท้องฟ้าสีน้ำเงินสด พลันสูดอากาศแห้งสะอาดเข้าเต็มปอด แล้วบอกกับตัวเองว่า “ฉันมีความสุขจังเลย”

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



วาต์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มิ.ย. 2555, 14:15:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มิ.ย. 2555, 14:15:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1382





   2 >>
anOO 17 มิ.ย. 2555, 16:05:56 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account