บัลลังก์ดอกไม้
คนหนึ่งเปรียบเหมือนดอกไม้ดูแข็งแกร่งเรียบง่ายแต่ซ่อนความหวานไหวไว้ภายในอีกหนึ่งเปรียบดั่งพายุที่พัดพาเอาความร้ายกาจเข้ามาแต่ทุกอย่างดูจะเปลี่ยนไปเมื่อฟ้ากำหนดให้พายุสงบเพราะดอกไม้ดอกเล็กๆ ดอกนี้
Tags: คีตา ณิชนิตา บัลลังก์ดอกไม้

ตอน: บทที่ ๑๒ นอนด้วยกันไหม?


นอนด้วยกันไหม?



กลิ่นหอมของกาแฟ ทำให้คนที่อยู่ใต้ผ้าห่มหนานุ่มนั้นถึงกับพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากที่นอน แต่ก็ทำได้แค่พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ตายังคงปิด ผมกระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าที่ยังคงเป็นชุดของเมื่อวาน ทว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นได้ เขาก็ต้องตกใจกับร่างเปล่าเปลือยที่มองเห็นแค่ด้านหลัง หมอนนั้นปิดบังใบหน้าของคนที่หลับใหลนั้นไว้อย่างดี

อนาวินทร์กุมขมับเมื่อเริ่มรู้สึกว่ามันปวดหนึบๆ ดวงตาหรี่มองร่างที่นอนหลับใหลนั้นแทบไม่กระพริบ หวังว่า...คงไม่ใช่...

ร่างใต้หมอนผุดขยับตัวขึ้นเอาหัวหนุนหมอนใหม่ ผมสั้นทุยทรงผมผู้ชายทำให้เขาคลายกังวล ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นึกหมั่นไส้คนผิวเข้มที่ทำให้ตกอกตกใจ คิดว่าเขาเกิดพลาดท่าเสียทีสาวที่นี่

ชายหนุ่มใช้เท้าเขี่ยคนที่เพิ่งงัวเงียแล้วหลับต่อก่อนจะเพิ่มแรงถีบให้ลงไปจากเตียงของเขา

“ฉันยังไม่อนุญาตขึ้นมานอนได้ยังไง” อนาวินทร์ว่าก่อนจะลุกขึ้นเดินโผเผเข้าห้องน้ำไป ปล่อยคนขี้เซานอนต่อที่พื้นห้องไม่แยแสสิ่งใดทั้งสิ้น

เมื่อออกมาจากห้องเขาเห็นหญิงสาวเจ้าของไร่นั่งดื่มกาแฟอย่างสบายอารมณ์ ชายหนุ่มเข้าไปรินเครื่องดื่มสีเข้มนั้นใส่แก้วก่อนจะลากเก้าอี้ข้างๆหญิงสาว มานั่ง

“ปวดหัวไหม” เธอเอ่ยถามเมื่อเห็นหน้าซีด ๆ ของชายหนุ่ม

“ปวดสิ ไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนั้น” เขาว่าพลางยกแก้วกาแฟจรดริมฝีปาก

“แหงละ แล้วโจ้ละมันยังไม่ตื่นเหรอ” เหล้าพื้นบ้านส่วนใหญ่ก็ดีกรีแรงกันทั้งนั้น แถมดื่มอย่างกับแช่ มันก็แฮงก์เป็นธรรมดา

“ยัง เห็นนอนอุตุ ไม่ยอมลืมตาด้วยซ้ำ แล้วนี่ใครบอกให้เขาไปนอนห้องฉัน” ปลายเสียงตำหนิ ยังคงความเป็นอนาวินทร์เช่นเดิม

“อ้าว ก็ที่นี่มีแค่สี่ห้อง ห้องแม่ ห้องฉัน ห้องนาย ห้องยายจิต หรือจะให้โจ้มันนอนกับฉันละ เออนะ... แต่ก็ไม่เห็นแปลกเคยนอนด้วยกันออกบ่อยนะ”

อนาวินทร์ที่กำลังดื่มกาแฟแทบพุ่งพรวดออกมาเมื่อได้ยิน เขาจ้องหน้าหญิงสาวเหมือนไม่เคยเจออะไรประหลาดแบบนี้มาก่อน

“ห๊ะ!! นี่เธอเคยนอนกับไอ้ดำนั่นเหรอ”

“ใช่ ทำไมละ ตอนออกค่ายนอนห้องเดียวกันออกบ่อย ผู้ชายทั้งห้องคิดว่านอนกับมันสบายใจสุดแล้ว” เธอบอกเจื้อยแจ้ว คราวนี้อนาวินทร์เริ่มเข้าใจคำว่า ‘นอนด้วยกัน’ ในความหมายของพุดชมพูแล้ว

“อ้อ...อ่อ” เขารับคำแต่สีหน้ายังดูเคร่งๆ ความสงสัยเกาะกุมสมองส่วนลึกไปเรียบร้อยแล้ว

“วันนี้เธอตัดดอกไม้แล้วเหรอ”

“เปล่าไม่ได้ตัดเพราะยังไงลูกค้ารายใหญ่ของฉันก็ไม่ว่างขายดอกไม้ เขาไปส่งหลานกลับกองพันโน่น”

“อ้อ ไม่เสียดายเหรอ ว่าที่แฟนไปใต้”

“โห...เสียดายมันก็เสียดายอยู่หรอก แต่ทำไงได้หน้าที่มันต้องมาก่อน” หญิงสาวหัวเราะไม่คิดว่าจะได้พูดเล่นแบบนี้กับนายพายุร้าย

“อย่าเลยเดี๋ยวเป็นหม้าย หาที่เขาดีๆ ไม่ทำอาชีพเสี่ยงอันตรายดีกว่า” คำเตือนนั้นทำเอาหญิงหัวเราะร่วน

“จะมาห่วงอะไรคนอื่น อย่าเพิ่งมาห่วงฉันเลย นายห่วงตัวเองก่อนดีกว่านะ” เธอว่าพลางลุกขึ้นเหมือนกับกำลังจะออกจากบ้าน

“แล้วจะไปไหนน่ะ”

“ไปเกษตรอำเภอ เขาเชิญไปประชุมเตรียมงานดอกไม้ประจำปี” เธอบอกเรียบๆ ก่อนจะเก็บของใส่ย่ามเล็กของตัวเอง

“ไปด้วยสิ” คำขอนั้นเหมือนมีเวทมนตร์บางอย่างที่ทำเอาคนฟังถึงกับยืนนิ่งไปเกือบนาที

“ว่าอะไรนะ?”

“ฉันอยากออกไปเที่ยวบ้างเห็นแต่ต้นไม้ใบหญ้า มันน่ารำคาญ” เขาบอก อย่างนั้นพร้อมกับลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินตามหญิงสาว

พุดชมพูส่ายหน้าแม้ไม่เข้าใจอารมณ์คุณชายแต่เธอก็ปล่อยๆ ไป ไม่อยากจะจำกัดความคิด ความอยากของคนมากนัก อย่างไรเสียมีเพื่อนไปด้วยก็ดีกว่าขับรถเข้าเมืองไปคนเดียว ชายหนุ่มเดินนำหน้าเข้ามายืนรออยู่ข้างรถยนต์ของเขาที่จอดไว้เฉยๆ ตั้งแต่มาถึงที่นี่

“ไปรถฉันดิ” เธอบอกพร้อมกับอ้อมไปอีกคัน อนาวินทร์ถอนหายใจก่อนจะเดินไปคว้าแขนเธอกลับมาที่รถตัวเองพร้อมกับดันร่างสูงของหญิงสาวเข้าไปข้างใน

“นี่!!” เธอตวาดไม่เข้าใจการกระทำของเขา

“อะไร อุตส่าห์จะขับรถให้ไม่ดีหรือไง ยังจะอยากขับรถกระบะเก่าๆนั่นอีกเหรอ” เขาว่าก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งด้านคนขับ ก่อนจะสตาร์ทรถขับออกจากไร่อุ่นรัก

“วันนี้นายมาแปลกนะ มีอะไรหรือเปล่า หรือว่า...เหล้าเมื่อคืนล้างสมองไปแล้ว”

“เปล๊า อยากออกไปจากไร่นี้บ้างเท่านั้นเอง แล้วไอ้รถกระบะสับปะรังเคนั่นก็ไม่สมศักดิ์ศรีฉันหรอกนะ” เหตุผลของเขาบอกความเป็นตัวตนคนพูดได้อย่างดี ดีจนหญิงสาวนึกขัน

“โอเค ดีเหมือนกันฉันจะได้สบายหน่อย มีคนขับรถให้” เธอบอกพร้อมกับนั่งบอกทางเขาไปเรื่อย ๆ

วันนี้อนาวินทร์สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้ม แจ็คเก๊ตสีน้ำตาลนั้นดูเข้ากัน เขาสวมแว่นกันแดดด้วยแสงที่เริ่มแรงขึ้น มันตัดกับสีผิวที่ขาวเนียนของเขาเหลือเกิน หญิงสาวลอบมองใบหน้าคมจากด้านข้าง ใจหนึ่งก็แปลกใจที่อนาวินทร์มาทำดีด้วย ใจหนึ่งก็เห็นด้วยว่าเขามาหมกตัวอยู่ในไร่นานแล้วไม่เคยได้ออกไปจากหมู่บ้านนี้เลย นอกจากตลาดเท่านั้นที่เขาย่างกรายไปถึง

ผู้ชายหน้าคม ดูดีแบบนี้มันก็ดูแตกต่างจากหนุ่ม ๆ แถวนี้อยู่แล้ว คงไม่แปลกถ้าเธอจะรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนคนอื่น ยิ่งพูดเรื่องนิสัยด้วยแล้ว แปลกอย่างที่สุด

“มองหน้า มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“พูดจาหาเรื่องนะนี่ วันนี้กินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า” พุดชมพูปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเธอมองเขา สายตาเธอมันชัดเจน เธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่แอบมองผู้ชายบ้าง แอบชื่นชม ชื่นชอบ แต่ไม่ได้กรี๊ดกร๊าดเหมือนสาว ๆทั่วไป แค่แอบ ทว่าผู้ชายคนนี้เป็นข้อยกเว้น มันกินไม่ได้ เพราะ ‘มีพิษ’

“ดื่มแต่กาแฟ ไม่ผิดสำแดงนอกเสียจากเธอจะเอาอะไรใส่ลงในกาต้ม”

“เหรอ นี่ ๆ เลี้ยวเข้าไปที่ทำการอำเภอสิ เห็นไหม เกือบเลยแล้ว” เธอรีบบอกก่อนที่เขาจะแล่นผ่านที่ทำการอำเภอไป เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาหาที่จอดได้ หญิงสาวก็กระชับย่ามเล็กๆนั้นไว้แนบตัว

อนาวินทร์เห็นหญิงสาวที่วันนี้แต่งตัวสุภาพกว่าปกติ เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบสีเข้ม เธอดูเข้ม เท่ห์ ดูดี ผมที่เริ่มยาวแต่ก็ยังเป็นทรงซอยสไลด์เป็นรากไทรเหมือนทรงนิยมของวัยรุ่นชาย

“คุณวินจะเข้าไปด้วยไหม แต่...ไม่ดีกว่านะเดี๋ยวจะเบื่อรอข้างนอกก็ได้ แถวนี้มีร้านกาแฟสด ร้านอาหารเยอะเหมือนกันลองเดินไปดูสิ”

“เธอจะติดต่อราชการนานแค่ไหน”

“ไม่ได้ติดต่อ ประชุมเลย คงนานน่ะ”

“งั้นฉันไปเดินเล่น รอ” อนาวินทร์บอกพร้อมกับเดินออกไปด้านหน้าของที่ว่าการอำเภอ หญิงสาวขมวดคิ้วแทบไม่อยากคิดให้เปลืองเซลล์สมองว่าเขาทำไมถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้



พุดชมพูนั่งประชุมเตรียมงานดอกไม้ประจำปีของอำเภอ ทุกปีจะมีการจัดให้เป็นเทศกาลดอกไม้ เน้นที่ดอกเบญจมาศ ใช้ชื่อว่า “เบญจมาศในม่านหมอก” ใช้พื้นที่หลายร้อยไร่ในการจัดงาน

“ปีนี้คงต้องรบกวนคุณพุดมาช่วยงานอีกปีนะครับ ปีที่แล้วมีแต่คนพูดถึงไร่อุ่นรักนะครับว่า เจ้าของก็หล่อดอกไม้ก็สวย” นายอำเภอว่ายิ้มๆ แม้เลขาจะสะกิดหยิกก็ตาม

“ท่านนายอำเภอต้องบอกว่าคุณพุดสวยค่ะ” เลขาสาวขัดขึ้น พุดชมพูหัวเราะ นายอำเภอคนนี้เพิ่งมาประจำปีนี้เป็นปีที่สอง เขาไม่เคยจำได้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิง

“ผมจำได้ ผมล้อเล่นหรอกหรือสาวๆที่นี่ไม่เห็นคุณพุดเขาหล่อหรือ” นายอำเภอยังล้อ

“ค่ะ ยอมรับพุดหล่อนะคุณเลขา เรื่องนี้ไม่เคยปฏิเสธ”เธอว่าทั้งหัวเราะไปด้วย

“แหม คุณพุดละก็ เรื่องการจัดงานปีนี้คงไม่แตกต่างจากทุกๆ ปีนะคะ รบกวนให้เจ้าของไร่ดอกไม้ทุกท่านส่งผลิตภัณฑ์ไม้ดอกของท่านเข้าร่วมงานด้วยนะคะ แต่กว่าจะถึงวันนั้นก็อีกหลายเดือนทีเดียว คงมีเวลาเตรียมตัวเพาะปลูกไว้อย่างดี เราคงไม่มีดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรอกนะคะ” เจ้าหน้าที่เกษตรทั้งแซวและกล่าวติดตลก พลอยทำให้ที่ประชุมบรรยากาศสนุกสนานขึ้น

“ปีนี้เราจัดอะไรที่คลายเครียดกันดีไหมครับ ผ่อนคลายกันบ้าง” ท่านนายอำเภอเสนอกิจกรรมขึ้นมาบ้าง

“จัดอะไรละครับท่านนายอำเภอ” เจ้าหน้าที่จากสำนักงานท่องเที่ยวเอ่ยถามสีหน้าติดอยากขำเรื่องที่เสนอมา

“จัดประกวดสาวปุ้มปุ้ย สิคะ” เสียงหนึ่งเสนอ

“ให้มันแตกต่างแต่เอาขำๆ กันดีกว่านะคะ ไว้ประชุมคราวหน้าเรามาเสนอกันอีกที เพราะกว่าจะถึงต้นปีหน้าก็อีกหลายเดือนโข เอาไว้จะได้มีเรื่องคุยกันเยอะๆ ค่ะ” เจ้าหน้าเกษตรอำเภอกล่าวสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะพอมีงานดอกไม้ทีไรก็เหมือนเอาความสดชื่นมารวมตัวกันไว้ บรรดาดอกไม้ทั้งสวย หอม มองอย่างไรก็พาให้สดชื่น



อนาวินทร์เดินเที่ยวร้านรวงด้านหน้าอำเภอไปเรื่อย ๆจนไปหยุดอยู่ที่ร้านกาแฟสดที่จัดแต่งในแนวอาร์ตแอนด์แกลลอรี่ มีรูปภาพประดับตกแต่งเต็มไปหมด เหมือนจะรกเกะกะแต่ภาพที่เห็นมันสะกดตาของคนเดินผ่านให้หยุดนิ่งได้ มันเป็นภาพชีวิตของคนทั่วไป ดูมีชีวิตชีวาอย่างประหลาด

อนาวินทร์เคยคิดว่าเขาอยากเป็นช่างภาพ ท่องเที่ยวไปทั่ว แต่เขาก็ไม่เคยได้เฉียดความฝันนั้นเลยสักนิด ด้วยถูกบังคับให้เรียนบริหารแทนศิลปะที่อยากเรียน ปู่บังคับเขาทุกอย่าง ไม่ว่าจะก้าวไปทางไหน มันต้องเป็นทางที่ปู่ขีดหรือวางเอาไว้ มันเหมือนกรงทอง สุขสบายกายแต่ไม่สบายจิตใจ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่ได้แตกต่างกันนัก ใคร ๆที่เข้ามาล้วนแล้วแต่รักเงิน มากกว่าตัวเขาทั้งนั้น แค่เอาเงินหว่านซื้ออะไร ๆก็ได้

ชายหนุ่มไปสะดุดอยู่ที่รูปใบใหญ่ ภาพขาวดำดูเป็นศิลปะ นุ่มนวลและบอกเล่าความเป็นไปในรูปเป็นอย่างดี

เด็กสาวผมยาวที่รวบตึงไว้ด้านหลังในชุดนักเรียน เธอหอบดอกเบญจมาศมัดใหญ่อยู่ในอ้อมแขน รอยยิ้มแสนหวานนั้นเขาเคยเห็นมาแล้ว เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่ในรูปลักษณ์แบบนี้

“รับอะไรดีครับ” ชายแก่คนหนึ่งเดินเข้ามาถาม ดวงตาฝ้าฝางนั้นจ้องกรอบรูปเดียวกันกับเขา

“ขอ...กาแฟสักแก้วครับ รูปใบนี้...คนในรูป...”

“หนูพุดไร่อุ่นรัก หลานชายผมเขาเป็นช่างภาพ เขาไปเจอในตลาดแล้วเกิดชอบถ่ายกลับมาด้วย เขาว่ามันมีชีวิต ช่วงนั้นเป็นช่วงก่อนหน้าคุณพ่อหนูพุดจะเสีย เธอไปส่งดอกไม้ที่ตลาด เขามาที่ร้านทีไรก็บอกให้ปลดออกทุกที บอกว่าอายตัวเองในอดีต ถ้าคุณเห็นเธอตอนนี้ก็อาจจะขำก็ได้”

อนาวินทร์เลิกคิ้ว แน่นอนเขากำลังแปลกใจอยู่มาก เธอดูเป็นเด็กผู้หญิงจริง ๆ ไม่ใช่ ทอมบอยอย่างตอนนี้ แม้จะเหมือนคนละเรื่องแต่เขาคิดว่า การที่พุดชมพูเป็นแบบเก่านั้นก็น่ารักดีอยู่แล้ว ชายหนุ่มสะบัดหน้า ให้เลิกคิดเรื่องประหลาดนั้นทันที

เขาเดินไปนั่งอยู่ที่โต๊ะริมสุดของร้าน นั่งอ่านหนังสือรอคนที่บอกว่าเข้าประชุมอยู่ เสียงร้องโหวกเหวกจากมุมถนนทำให้ทุกคนหันไปสนใจ ชายร่างผอมกะหร่องแต่งตัวเสื้อผ้าโทรมๆนั่นวิ่งหน้าตั้งออกมาจาก

“ขโมยๆ!!” เสียงร้องตามนั้นทำให้เขารู้ว่าต้องทำอะไรสักอย่างก่อนวาดขายาวๆของตัวเองไปขวางทางขโมยไว้จนสะดุดล้มลงกับพื้นถนน อนาวินทร์รีบเข้าไปจับตัวไว้ก่อนจะวิ่งหนีไปได้อีก

“ขอบใจมากจ้าพ่อหนุ่ม” แม่ค้าคนนั้นกล่าวขอบคุณ

“จะเอาเรื่องไหม แจ้งตำรวจสิ” อนาวินทร์หันไปถามต้นเรื่อง

“ไม่เป็นไรหรอกจ้า ปล่อยมันไปเถอะ แค่ได้ของคืนก็พอใจแล้ว” นางกล่าวพร้อมกับดึงเอาถึงกับข้าวในมือของขโมยนั้นออกมาไว้กับตัว ชายหนุ่มคิดว่าสิ่งที่โจรขโมยมาคือเงินทองแต่กลับกลายเป็นกับข้าวถึงหนึ่งเท่านั้นเอง

“ขายกับข้าวหรือครับ” เขาถามก่อนจะมองหน้าโจรที่ทำสลด เนื้อตัวที่มอมแมมนั้นทำให้เขาอดที่จะสงสารไม่ได้

“จ้า หันไปขายให้คนอื่นอยู่ดีๆ มันก็คว้าถึงนี้วิ่งออกมา”

“งั้นผมซื้อละกันครับ เอาให้เขาเถอะ” อนาวินทร์ว่าพลางควักเอาเงินออกมาจ่ายให้ ชายร่างผอมได้แต่ยกมือไหว้ปรก ๆ ขอบคุณคนที่เอาอาหารให้แล้ววิ่งหนีออกไปอีกทาง

“คุณนี่ใจดีจัง ไอ้บ้านี่มันก็วนเวียนแถวนี้แหละแต่ไม่เคยเห็นมาขโมยของใครสักที คราวนี้มันมาแปลกเหมือนกัน”ชายหนุ่มเข้าใจว่าขโมยคงหิวมากกว่าจะอยากขโมยของจริง ๆ ถ้าอยากขโมยก็น่าจะเอาของที่มีราคา หรือไม่ก็เป็นเงินในกระเป๋าแม่ค้าไม่ดีกว่าหรือ เรื่องจบแม่ค้ากลับเข้าไปในแผงด้านในซอย ส่วนคนจรจัดยกมือไว้ปรกๆสองสามครั้งก่อนจะวิ่งหนีหายไป

อนาวินทร์เดินกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเดิม คิดถึงเรื่องเมื่อค่ำวานที่จิระคุยก่อนที่สติมันจะหลุดลอยไปพร้อมกับเหล้าสาโทถังใหญ่

“ฉันเป็นเพื่อนพุดมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย รู้ดีว่ามันเป็นคนยังไง จะให้บอกว่ามันไม่มีทางโกงหรือเอาเปรียบนาย ยังไงนายก็คงไม่เชื่อ แต่จะบอกอะไรให้นะ ไอ้พุดน่ะ มันไม่เคยใจเย็นกับใครได้นานหรอก ที่ทำกับนายน่ะ ใจเย็นสุดแล้ว... ไม่เชื่อลองสังเกตดีๆ สิ มันไม่เคยดูแลใครนอกจากพ่อแม่พี่น้องมัน มันไม่เคยยืนนิ่งให้ใครด่ามัน แล้วที่สำคัญมันไม่ชอบให้ไอ้บ้าที่ไม่รู้เรื่องไร่สวนเลยมายุ่งกับดอกไม้มัน...นายเป็นเป็นคนแรกที่มันยอม มันถือเรื่องบุญคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ...”

ชายหนุ่มอมยิ้ม เมื่อนึกถึงวันที่เขาป่วยแล้วหญิงสาวเข้ามาดูแล แม้จะเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันแต่เธอก็ยังขอโทษเขา...คำขอโทษที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน เพราะเขาเองก็ผิดเช่นกันที่เห็นจิตราเข้าไปใส่กุญแจห้องแต่ก็ไม่ยอมบอกอะไร

“นั่งอมยิ้มอะไรคนเดียว บ้าแล้วเหรอ” เสียงของคนที่กำลังอยู่ในความคิดดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างสูงโปร่งของเธอ ว่าจบก็เลื่อนเก้าอี้ตรงกันข้ามออกมาให้นั่งได้ถนัดขึ้น

“รู้ได้ยังไงว่าอยู่ที่นี่”

หญิงสาวยักไหล่ “ดมกลิ่นมา” เธอว่าอย่างนั้นก็จริงแต่ที่จริงแล้วเธอกำลังเดินหาแล้วได้ยินเสียงโวยวายได้เห็นเหตุการณ์ที่น่ารักเมื่อครู่จึงแอบดูอยู่จนจบเรื่อง

“ที่นี่มีรูปเธอด้วย”

“แน่นอน คนสวยเขาเลยเอามาเป็นพรีเซนเตอร์ร้าน”

ชายหนุ่มหัวเราะ มองคนผมสั้นตรงหน้า เธอดูโตขึ้นมากหากเปรียบกับรูปนั้น ดวงตานั้นยังมีแววสดใสอยู่ รอยยิ้มที่เริ่มเห็นบ่อยขึ้นมันก็เหมือนจะติดตาเขาไปแล้ว

“ทำไมถึงไม่ไว้ผมยาวต่อละ”

“ไว้ทำไม รุงรัง ไว้เดี๋ยวก็ต้องรวบไว้เหมือนเดิม สู้ตัดไปเลยดีกว่า นี่จะนั่งชิวๆ อย่างนี้ทั้งเช้าเลยเหรอ พรุ่งนี้มีตัดดอกไม้ส่งร้านที่กรุงเทพฯ เขาจะมารับเอาตอนบ่ายนะบอกให้เตรียมตัว”

“ตัดพรุ่งนี้เช้าไม่ใช่หรือไง วันนี้ก็พักสิ เธอบอกให้พักไม่ใช่เหรอ”

“แหม...ทีเรื่องแบบนี้ความจำดีจริงๆ”

“อยากเที่ยวไหนละ” หญิงสาวเริ่มคิดแล้วว่า การที่อนาวินทร์ไม่กวน ไม่รวน มันก็โอเคนะ

“นั่งเงียบๆ ที่นี่” คำตอบนั้นยิ่งทำให้หญิงสาวแปลกใจขึ้นอีกโข อะไรกัน...มาแปลกจริง ๆนั่นแหละวันนี้

“อีกเดือนหนึ่งจะครบที่สัญญาแล้วนะ” เขาเกริ่น พุดชมพูก็เพิ่งนึกได้ว่าเวลามันผ่านไปเร็วขนาดนี้

“นั่นสินะ แล้วอยากได้อะไรละ จะได้เตรียมไว้ให้” เธอเอ่ยท่าทางใจดี อนาวินทร์อมยิ้ม

“ถึงวันนั้นก่อนจะบอก” รอยยิ้มของอนาวินทร์ชักจะทำให้หญิงสาวไม่ค่อยไว้วางใจเท่าใดนัก เขาคิดจะทำอะไรของเขา อย่างไรก็ช่างเถอะ เธอน่าจะจัดการได้อยู่หรอก การนั่งเงียบของอนาวินทร์ทำให้เธอได้รับรู้นิสัยบางอย่างของเขา

แม้ภายนอกจะดูร้าย ๆ พูดจาตรงเกินไป ไม่เคยถนอมน้ำใจใคร แต่พออยู่นิ่ง ๆ เขาก็เหมือนคนปกติธรรมดา

“เที่ยงแล้วไปหาอะไรกินกัน” เธอกล่าวพร้อมลุกขึ้นเดินไปจ่ายเงินที่โต๊ะคิดเงิน ลุงเจ้าของร้านกาแฟส่งยิ้มให้

“ไม่เจอกันนานเลยหนูพุด”

“นานอะไรกันไม่กี่ปี่เอง ลุงยังหนุ่มอยู่เลย” หญิงสาวกล่าวสีหน้ายิ้มแย้ม อนาวินทร์เดินตามเธอไปเพราะเขาไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนจ่ายเงินเอง รถยนต์สีบรอนด์แล่นมาจอดหน้าร้านก่อนที่ร่างสูงของหลานชายเจ้าของร้านกาแฟ เขายิ้มกว้างเมื่อเห็นพุดชมพู

“อ้าว!! พุด ไปไงมาไง ไม่เจอกันนานเลยเรา”

“สวัสดีค่ะพี่โอบ แวะมาดื่มกาแฟ” เธอบอกเสียงใส รอยยิ้มและสีหน้าตื่นเต้นนั้นทำให้คนงานไฮโซเบ้ปาก

“นี่ไงคนถ่ายรูปฉัน” พุดชมพูสะกิดให้อนาวินทร์รับรู้ แต่อีกฝ่ายทำหน้าบึ้ง

“แล้วไง”

“อ้าว เห็นชอบรูปนั้นนี่”

“เปล่าเสียหน่อยเห็นว่ามันเป็นรูปเธอ ไม่ได้บอกว่าชอบสักคำ”

“แฟนเหรอพุด” หลานชายเจ้าของร้านกาแฟหน้าอำเภอเอ่ยถามสีหน้าตื่นเต้นนิ้วชี้ทั้งสองคนเป็นท่าทางที่ออกอาการอึ้งๆ

“ไม่ใช่!!” คำตอบที่แทบจะร้องออกมาพร้อมกันนั้นทำให้คนที่ถามถึงกับหัวเราะเสียงดังเลยทีเดียว

“เอาละๆ เข้าใจๆ นี่ดีนะไม่มีลูกค้าเยอะไม่งั้นตกใจกันหมด ร้องซะเกือบร้านพัง” โอบบ่นทั้งยิ้มกว้าง

“ถามคำถามที่ไร้สติมากเลยพี่โอบ” หญิงสาวต่อว่าหน้ามุ่ย

“แหม...รีบหาได้แล้วนะ อายุอานามก็ขนาดนี้แล้ว” โอบไม่วายหยอกเย้า

“รอพี่โอบอยู่นี่ไง คิคิ” พุดชมพูว่าพลางรับเงินทอน อนาวินทร์หน้าเบ้ ริมฝีปากเหยียดด้วยความหมั่นไส้

“เสร็จหรือยังมัวแต่โอ้เอ้ หิวแล้ว” น้ำเสียงห้วนตัดบทสนทนาฉับ พุดชมพูหันไปทำตาเขียวเข้มใส่

“ไปนะพี่โอบไว้เจอกันอีก”

“จ้า คิดถึงนะ ไว้ว่าง ๆ ไปกินข้าวกัน” โอบบอกน้ำเสียงอบอุ่น โบกมือลารุ่นน้องเจ้าของไร่ดอกไม้

“รับทราบค่ะ” เธอตะแบะมือรับก่อนจะเดินออกไปจากร้านพร้อมอนาวินทร์ที่ตอนนี้ทำหน้าเด็กไม่ได้กินขนม

หญิงสาวเดินตามคนตัวสูงไปแล้วก็อดที่จะขำท่าทางแบบนั้นไม่ได้ อนาวินทร์ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหนานี่นะ หญิงสาวคิดในใจ “เดินๆไปน่ะ รู้เหรอว่าร้านอาหารไปทางไหน”

“ไม่รู้ แต่เดินไปก่อน มีอะไรไหม” พูดรวนก็จริงแต่ท่าทีไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนที่จริงจัง

“แล้วตกลงจะกินอะไร” อยู่ดี ๆ เขาก็หยุดฝีเท้ากึก! หันขวับกลับมามองคนถามแววฉุนๆ “นำหน้าสิ”

พุดชมพูหัวเราะก่อนจะทำตามที่คุณชายบอก นิสัยแบบนี้สินะ เด็กๆ จริงๆ หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีน้องชายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน นอกจากสายน้ำผึ้งที่ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตสักที ก็คงมีตานี่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง

...ตอนพายุสงบ...มันก็คือ ลมเย็นๆ นี่สินะ...



ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มิ.ย. 2555, 08:32:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มิ.ย. 2555, 08:32:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 3330





<< ลบแล้วจ้า   บทที่ ๑๓ ข้อแลกเปลี่ยน >>
pseudolife 15 มิ.ย. 2555, 10:31:35 น.
ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายตอน คุณวินชักน่ารักขึ้นทุกที^^


nutcha 15 มิ.ย. 2555, 12:15:53 น.
งอนเก่งจริงคุณวิน


คุณแม่ลูกสอง 15 มิ.ย. 2555, 15:01:20 น.
เริ่มหลงรักคุณวินแล้วค่ะ


phugan 15 มิ.ย. 2555, 19:56:28 น.
เย็นสบายเลยแหละ....แต่อย่ามีไต้ฝุ่นเลยนะ...555


lovemuay 15 มิ.ย. 2555, 20:17:50 น.
หึงหล่ะสิ คุณวิน อิอิ


คิมหันตุ์ 17 มิ.ย. 2555, 04:06:04 น.
คุณวินน่ารักมาก..ค่ะ


ณิชนิตา 19 มิ.ย. 2555, 09:14:59 น.
pseudolife ขอบคุณค่ะ น่ารักนานๆ อย่าพาลอีกเลย ใช่ไหมคะ อิอิ
nutcha ขี้งอน เอาแต่ใจ นะผช.คนนี้
คุณแม่ลูกสอง รักนานๆนะคะ
phugan ฮ่าๆๆๆ นะคะ^^
lovemuay ฮ่าๆๆๆๆ
คิมหันตุ์ ขอบคุณแทนวินนี่ค่า ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account