เล่ห์รักรัญจวนใจ
เมื่อความรักเกิดขึ้นในหัวใจ ชายหนุ่มจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพาตัวเองเข้าไปใกล้ชิด เขาต้องการกระชับพื้นที่ทุกตารางนิ้วในหัวใจเธอ แม้ว่าจะต้องใช้เล่ห์กลสักกี่ร้อยเล่มเกวียน "ภมร" ก็จะงัดขึ้นมาใช้ให้หมด เพื่อทำให้ "หิรัญญิการ์" รู้ว่า เธอไม่มีทางหนีเขาพ้น
Tags: รักโรแมนติก

ตอน: บทที่ 4 จูบแรก

สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่น่ารักของกระต่าย
หายหน้าไปนานหวังว่าคงไม่ลืมกันนะคะ^^
ช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆ อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ

...................................................................

หิรัญญิการ์เดินวนไปมาอยู่หน้าเตียงนอนของชายหนุ่มพักใหญ่ก็ตัดสินใจได้ว่าเธอควรจะหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เขาเป็นอันดับแรก เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำครู่เดียวก็ออกมาพร้อมกับชามใบย่อมและผ้าขนหนูผืนเล็ก หิรัญญิการ์ขยับเข้าไปนั่งที่ริมเตียงด้านหนึ่งใกล้ร่างสูงใหญ่กำลังจะใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ เช็ดไปตามใบหน้าของเขาก็ต้องชะงักเมื่อคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของชายหนุ่ม

‘ฟังนะญิการ์ ผู้ชายน่ะพอเหล้าเข้าปากมันก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรถูกอะไรผิด เพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเธอก็ไม่เหลืออะไรแล้ว’

“เฮ้ย! แล้วถ้าตาลุงนี่ขาดสติขึ้นมา แล้วเราจะทำยังไง” หิรัญญิการ์ลุกพรวดทันที ผ้าขนหนูในมือถูกยกขึ้นเช็ดหน้าตัวเองเสียอย่างนั้นเมื่อรู้สึกว่ามันร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

“ฮื้อ...ร้อน...” เสียงครางฮึดฮัดของภมรดังขึ้น ทำให้หิรัญญิการ์ต้องชะโงกหน้าไปมองเขาเล็กน้อย

“เอาวะ นิดเดียวเองคงไม่ทันจะขาดสติหรอก”

หญิงสาวปลอบใจตัวเองแล้วก็กลับไปนั่งลงข้างๆ เขาใหม่ ก่อนจะนำผ้าขนหนูไปชุบน้ำอีกครั้งแล้วมาเช็ดเบาๆ ไปตามใบหน้าของเขาอย่างเงอะๆ งะๆ ปากก็บ่นไปด้วย

“ตัวเองดื่มไม่เป็นก็ยังอยากจะดื่มอีก แค่ดื่มไปแก้วสองแก้วทำอย่างกับว่าดื่มไปเป็นขวดๆ แล้วสุดท้ายก็มาเป็นภาระของคนอื่นเขา”

หิรัญญิการ์ไม่รู้หรอกว่าคนที่เธอกล่าวหาว่าดื่มเหล้าไม่เป็นนั้นที่แท้แล้วเขาก็เป็นพวกคอทองแดงคนหนึ่งเหมือนกัน เขาอาจจะไม่เคยดื่มให้เธอเห็นจนทำให้หญิงสาวคิดว่าเขาเป็นพวกคออ่อน แต่จริงๆ แล้วเขาเลือกโอกาสที่จะดื่มต่างหาก ถ้าเทียบกันแล้วพวกเพื่อนๆ ของเธอนั้นเรียกได้ว่ากระดูกคนละเบอร์กับเขาเลยทีเดียว

“เอ...เช็ดหน้าให้อย่างเดียวพอหรือยังนะ” รำพึงรำพันกับตัวเองแล้วก็ได้คำตอบ

“ฮือ...ร้อน” เสียงฮึดฮัดกับท่าทางดึงทึ้งเสื้อผ้าของภมรนั่นแหละที่เป็นคำตอบ

หิรัญญิการ์ทำหน้าราวกับจะร้องไห้เมื่อต้องหลับหูหลับตาปลดกระดุมเสื้อของชายหนุ่มออกจนหมดแถว ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปตามแผ่นอกกว้างของเขา อดไม่ได้ต้องลอบมองก็พบว่าหน้าท้องของเขามีกล้ามเนื้อเป็นมัด ไรขนอ่อนๆ ขึ้นเป็นแถวยาวหายลับไปในขอบกางเกง ใบหน้าของหิรัญญิการ์ร้อนวูบวาบขึ้นมาอีกครั้งจนต้องเบือนหน้าหนีจากแผ่นอกกว้าง

“อุ๊ย!” หิรัญญิการ์ต้องร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ก็ถูกดึงไปปะทะกับสิ่งที่เพิ่งละสายตาออกมา

“ทำอะไรน่ะ?”

หญิงสาวถึงกับตาโตเมื่อจู่ๆ คนที่เธอคิดว่าเมาหมดสติก็ลืมตาขึ้นมาถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง ราวกับว่าสิ่งที่เธอรู้เห็นก่อนหน้านี้นั้นไม่ใช่ความจริง แต่เธอกำลังถูกหลอก

“นี่คุณแกล้งเมาเหรอคะ?”

“เปล่า ฉันเมาและตอนนี้ก็กำลังขาดสติด้วย”

หิรัญญิการ์ถึงกับเสียวสันหลังวูบ เมื่อสังเกตเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของภมร แล้วต้องหวีดร้องออกมาเมื่อจู่ๆ ก็ถูกพลิกให้ไปอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่

“คุณอย่าเล่นบ้าๆ นะ” ร้องโวยวายพร้อมกับผลักอกเขาพัลวัน ตอนนี้ผ้าขนหนูมันหล่นไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ เพราะถ้ามันยังอยู่เธอก็ยังจะใช้เป็นอาวุธสู้กับเขาได้ อย่างน้อยๆ ก็ใช้พันคอเขาล่ะถ้าหากว่าเขาคิดจะทำอะไรเธอขึ้นมาจริงๆ

“ไม่อยากให้เล่น แสดงว่าอยากให้เอาจริงใช่ไหมญิการ์” ภมรจ้องลึกเข้าไปในดวงตาตื่นตระหนกและหวาดระแวงราวกวางน้อยระวังภัยของหญิงสาวแล้วก็ชักเคลิ้มฝัน เขาฝันว่าอยากได้เธอมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาตลอดไป

“ไม่ๆ คุณอย่าเล่นแบบนี้นะ หรืออยากจะแกล้งให้ญิการ์กลัว ต่อไปญิการ์จะไม่ออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ แล้วก็ได้ ญิการ์จะไม่ดื่มเลยด้วย นิดเดียวก็ไม่ดื่ม ทีนี้คุณพอใจหรือยังล่ะ” หิรัญญิการ์ละล่ำละลักออกไป หวังจะให้เขาปล่อย

“แน่ใจนะว่าจะไม่ไปอีกแล้ว”

“ค่ะ ญิการ์ไม่ไปอีกแล้ว” หิรัญญิการ์บอกออกไปโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยสักนิด

“แล้วฉันจะคอยดูว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า แต่ถ้าเธอทำไม่ได้จริงก็ต้องแอบอย่าให้ฉันจับได้ เพราะถ้าฉันจับได้ละก็...เราจะได้เห็นดีกัน”

“ปล่อยญิการ์ได้หรือยัง” หญิงสาวดิ้นอึกอัก ทุบกำปั้นลงไปที่อกของเขาเบาๆ

“ภมร กลับมาหรือยัง...ภมร” เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกของอัมเรศดังขึ้นทำเอาหิรัญญิการ์ถึงกับสะดุ้งโหยง

“คุณเรศกลับมาแล้ว ปล่อยญิการ์สิ” หญิงสาวลนลานจะลุกออกไปให้ได้แต่ภมรก็ยังไม่ยอมปล่อย

“จะลุกออกไปได้ยังไงล่ะ ออกไปตอนนี้พี่เรศก็เห็นน่ะสิ”

“แล้วจะทำยังไงดีคะ คุณเรศจะเห็นญิการ์อยู่ในห้องคุณไม่ได้นะ”

“ภมร อยู่ในนี้หรือเปล่า พี่มีเรื่องจะพูดกับเธอนะ” อัมเรศยังคงร้องเรียกเป็นระยะ

“เร็วๆ สิคะ จะทำอะไรก็เอาสักอย่าง ญิการ์กลัวคุณเรศเห็น...อุ๊ย!” ท้ายประโยคหญิงสาวร้องออกมาเบาๆ เมื่อจู่ๆ ก็ถูกพลิกขึ้นมาอยู่เหนือร่างสูงใหญ่ก่อนที่เขาจะกระหวัดแขนกอดรัดเธอเอาไว้แล้วกระตุกผ้าห่มขึ้นคลุมมิดคอแล้วกดหิรัญญิการ์ให้ซุกอยู่กับอกใต้ผ้าห่ม ทำราวกับเขากำลังกอดหมอนข้างอยู่

“คุณทำอะไรเนี่ย” หิรัญญิการ์ฮึดฮัดจะลุกหนีให้ได้

“อยู่เฉยๆ เถอะน่า ถ้าไม่อยากให้พี่เรศรู้ว่าเธออยู่กับฉันในนี้” ภมรกระซิบขู่ แล้วหิรัญญิการ์ก็ได้ยินเขาตะโกนตอบอัมเรศออกไป

“ครับพี่เรศ ประตูไม่ได้ล็อกครับ พี่เรศมีเรื่องอะไรจะพูดกับผมเหรอ”

หิรัญญิการ์เผลอกลั้นลมหายใจเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู

“ทำอะไรอยู่ พี่เรียกตั้งนาน” อัมเรศเปิดประตูเข้ามาแล้วต้องชะงักไปนิดกับสิ่งที่เห็น ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นแล้วชี้นิ้วไปที่ผ้าห่มหากไม่ได้ถามออกมา

ภมรไม่ตอบแต่ก้มมองสิ่งที่กำลังซุกอยู่กับอกใต้ผ้าห่มพร้อมกับลูบบริเวณศีรษะเล็กของหญิงสาวเบาๆ เป็นเชิงบอกให้อัมเรศรู้ว่าในนี้มีคนอยู่

“ดอกไม้ของเธอน่ะเหรอ?”

“ครับ”

หิรัญญิการ์ไม่รู้ว่าสองพี่น้องคุยอะไรกัน เพราะตอนนี้เธอเหมือนจะได้ยินแต่เสียงเต้นของหัวใจตัวเองที่มันดังระรัวราวกับมีคนมาตีกลองข้างใน

อัมเรศได้รับคำตอบจากน้องชายก็ตาโตก่อนจะยิ้มกริ่มพร้อมกับหลิ่วตาให้ภมรอย่างล้อเลียน

“เอาล่ะ วันนี้พี่ยังไม่พูดอะไรกับเธอก็ได้ เอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาคุยธุระกัน นี่ก็ดึกมากแล้วพี่ขอตัวไปนอนก่อน ฝันหวานนะน้องรัก” อัมเรศอวยพรทิ้งท้ายก่อนจะเดินกลับออกไปโดยไม่ลืมปิดประตูพร้อมกับกดล็อกให้เสร็จสรรพ

ภมรส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางเบาเมื่อก้มมองลูกแมวตัวน้อยที่ซุกอยู่กับอกของเขา หิรัญญิการ์ตัวนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นเย้ายวนใจกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก

“คุณภมร คุณเรศไปแล้วหรือยังคะ?”

เสียงกระซิบกระซาบพร้อมกับอาการขยับตัวขยุกขยิกของหญิงสาวช่างน่ารักน่าใคร่ทำให้ภมรต้องเผลอกอดกระชับร่างบางให้แน่นขึ้นอีกอย่างลืมตัว

“คุณเรศไปแล้วใช่ไหมคะ” คราวนี้เสียงของหิรัญญิการ์ดังขึ้นเพราะมั่นใจว่าอัมเรศไปแล้วเสียงถึงได้เงียบลง และก่อนหน้านี้เธอก็ได้ยินเสียงปิดประตูด้วย

“ไปแล้ว”

“ไปแล้วก็ปล่อยญิการ์สิคะ ญิการ์หายใจไม่ออกจะตายอยู่แล้ว” หญิงสาวดิ้นขลุกขลัก พยายามจะเปิดผ้าห่มออกแต่ภมรก็ยังยื้อเอาไว้

“เธอยังเช็ดตัวให้ฉันไม่เสร็จ”

“เอ๊ะ! ก็คุณไม่ได้เมานี่ ปล่อยได้แล้วญิการ์หายใจไม่ออก”

“เธอต้องเช็ดตัวให้ฉันก่อน” ภมรยอมเปิดผ้าห่มออกให้แต่ยังไม่ยอมปล่อยออกจากอ้อมแขน พร้อมทั้งยืนยันคำพูดเดิม

“คุณจะบ้าเหรอ ญิการ์จะเช็ดตัวให้คุณได้ยังไง ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคะ เลิกแกล้งญิการ์ได้แล้ว ญิการ์ไม่กลัวคุณแล้ว” หิรัญญิการ์ผงกศีรษะขึ้นเถียงเขา

“แน่ใจนะว่าไม่กลัว”

ภมรไม่ปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดมือไปง่ายๆ เขาพลิกร่างบางให้กลับไปอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ของตัวเองอีกครั้ง และคราวนี้ก็ตั้งใจทิ้งน้ำหนักตัวลงไปเต็มที่เพื่อไม่ให้หญิงสาวได้มีโอกาสดิ้นหลุดไปได้ง่ายๆ

“คุณจะทำอะไร ปล่อยญิการ์เดี๋ยวนี้นะ” หิรัญญิการ์มองเขาด้วยแววตาตื่นตระหนก

“ก็จะพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้กลัวฉันจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า”

ภมรหนุ่มจบคำพูดด้วยการจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มซึ่งเปรียบเสมือนกลีบดอกไม้หอมหวานที่ช่างเย้ายวนให้ชวนหลงใหลและชื่นชม ในขณะที่ผู้ถูกชื่นชมนั้นถึงกับตกตะลึงกับการถูกจู่โจมแบบไม่คาดฝัน ร่างบางสะท้านนิดๆ เมื่อริมฝีปากถูกขบเม้มเบาๆ

ชายหนุ่มถอนใจลึกราวกับพอใจเป็นหนักหนากับรสชาติหวานล้ำที่ได้รับจากจุมพิตในครั้งนี้ที่เขารู้ว่าเป็นจูบแรกของหิรัญญิการ์ ยิ่งได้เธอมาอยู่ใกล้ๆ เขาก็สุดแสนจะห้ามใจได้อีกต่อไป แต่ก่อนที่จะมีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นแล้วทำให้เขาและเธอมองหน้ากันไม่ติด ภมรก็จำต้องถอนริมฝีปากออกอย่างแสนเสียดาย หัวใจของเขากระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีกครั้งราวกับหนุ่มน้อยที่ได้ลิ้มลองรสจุมพิตเป็นครั้งแรก

“พอใจแล้วใช่ไหม?” หิรัญญิการ์ถามเขาเสียงขุ่น เผลอขบริมฝีปากบวมเห่อของตัวเองเพราะฤทธิ์จุมพิตหมาดๆ ของเขาไว้แน่น

“ที่ฉันทำ ก็เพื่ออยากจะสอนให้เธอรู้ว่า เวลาที่ผู้ชายเมาเธอไม่ควรจะอยู่ใกล้ๆ และถ้าหากผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ฉัน ป่านนี้เธอคงไม่เสียแค่จูบหรอกหิรัญญิการ์” ภมรบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างต้องการจะสั่งสอน ทำให้หิรัญญิการ์ต้องนิ่งไปพักใหญ่ แต่สุดท้ายก็แย้งขึ้นมาจนได้

“แล้วทำไมคุณต้องทำขนาดนี้ด้วย แค่บอกดีๆ ญิการ์ก็เข้าใจแล้ว”

“เธอน่ะหรือจะเข้าใจ ไม่เลยหิรัญญิการ์ เธอมันดื้อที่สุด แถมยังเป็นยายตัวร้ายอีกด้วย รู้เอาไว้ซะ” เสียงของภมรต่ำลงเมื่อต้องพยายามกดเก็บความต้องการลึกๆ ภายในเอาไว้อย่างสุดความสามารถ และแน่นอนว่าหากความอดทนของเขาสิ้นสุดลงเมื่อไรเขาก็จะไม่ทนอีก แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้

“ไปนอนได้แล้วไป ดึกแล้ว”

จู่ๆ ภมรก็ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ ทำเอาหิรัญญิการ์ถึงกับงง แต่ก็รีบผลักเขาออกแล้วก้าวลงจากเตียง วิ่งหายออกจากห้องไปทันที

หิรัญญิการ์ใจเต้นตูมตามเลยทีเดียวเมื่อวิ่งกลับมายังห้องของตัวเอง เธอยอมรับว่าอดตื่นเต้นไม่ได้กับรสสัมผัสแปลกใหม่ที่เพิ่งจะเคยได้รับมาในชีวิตสาว แต่ก็ยังแปลกใจไม่หายว่าเหตุใดเขาต้องทำถึงขนาดนี้ แล้วเรื่องอะไรเขาต้องมากล่าวหาว่าเธอเป็นยายตัวร้ายด้วยนะ



เมื่อคืนหิรัญญิการ์เอาแต่คิดเรื่องภมรเลยนอนไม่ค่อยหลับ เช้านี้หญิงสาวจึงไม่ค่อยสดชื่นเท่าที่ควรนักเมื่อเดินอิดโรยออกมาจากห้องนอนด้วยชุดเสื้อยืดแขนกุดคอย้วยกับกางเกงยีนแบบตัดขา

“ตื่นเช้าจังนะญิการ์” เสียงทักของอัมเรศทำให้หิรัญญิการ์ต้องหันกลับไปมองทั้งยังปิดปากหาว

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเรศ”

“เป็นอะไรเนี่ยหาวหวอดๆ ทำอย่างกับเมื่อคืนไม่ได้นอนทั้งคืน” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้อัมเรศก็ต้องสะดุดใจเสียเอง เพราะเมื่อคืนนี้ล่าสุดที่เธอพบคือหิรัญญิการ์อยู่ในห้องของภมร หรือว่าหิรัญญิการ์จะเรียบร้อยโรงเรียนนายภมรไปแล้ว

“พอดีญิการ์มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะคุณเรศ ก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ”

“เหรอจ๊ะ” อัมเรศหรี่ตามองเล็กน้อยอย่างต้องการจะจับพิรุธเพราะยังไม่เชื่อเสียทีเดียว แต่ครั้นจะให้ถามนั้นเห็นจะไม่ได้คำตอบ โดยเฉพาะภมรยิ่งแล้วใหญ่ รายนั้นถ้าหากไม่พูดออกมาเองต่อให้เอาอะไรไปง้างปากก็จะไม่ยอมพูดเด็ดขาด

“วันนี้คุณเรศแต่งตัวสวยจัง จะออกไปไหนเหรอคะ?”

“จะออกไปข้างนอกน่ะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก อีกสักพัก แล้วนี่ภมรตื่นหรือยังนะ ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย” อัมเรศเปรยๆ ขึ้นแล้วเดินไปทางห้องนอนของน้องชายซึ่งอยู่ติดกับห้องของหิรัญญิการ์ ส่วนห้องนอนของเธอนั้นอยู่แถวริมสุดถัดจากห้องของหิรัญญิการ์ไปอีกสองห้อง

“พี่เรศมีเรื่องอะไรจะพูดกับผมหรือครับ”

แทนคำตอบร่างสูงใหญ่ของภมรก็เดินขึ้นบันไดมาพอดี เขาตื่นนานแล้วและเพิ่งจะกลับมาจากว่ายน้ำที่สระหลังบ้าน ตอนนี้ผมของชายหนุ่มจึงเปียกลู่แนบไปกับใบหน้าคมสัน เขาใส่เพียงเสื้อคลุมอาบน้ำที่ผูกเชือกคาดเอวเอาไว้หลวมๆ ทำให้แผ่นอกกว้างเปิดเผยต่อสายตาของหิรัญญิการ์ที่เผลอมองต่ำกว่าใบหน้าของเขาพอดี

หญิงสาวหน้าร้อนซู่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ก็ยิ่งไม่กล้าสบตากับเขา ที่เขาทำไปนั้นเขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรเพราะเพียงแค่ต้องการจะสั่งสอนเธอให้หลาบจำอย่างที่เขาพูด แต่สำหรับเธอแล้วเธอคิด และก็คิดมากเสียด้วยที่ต้องมาเสียจูบแรกให้กับเขาอย่างนี้

“ญิการ์ขอตัวลงไปข้างล่างก่อนนะคะ”

หิรัญญิการ์รีบเดินหลบออกไปทันที ไม่แม้แต่จะเหลือบไปมองภมรอีก ทำให้เขาต้องส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาในลำคอคล้ายกับไม่พอใจเมื่อหญิงสาวเดินแกมวิ่งลงบันไดไปแล้ว

“เป็นอะไรภมร...เลิกมองดอกไม้ของเธอแล้วก็ตามพี่มานี่ พี่มีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย”

“เอาไว้ก่อนได้ไหมพี่เรศ ขอผมแต่งตัวก่อน”

“ไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของเสี่ยวัชระ”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ภมรก็นิ่งไป ก่อนจะรีบพาพี่สาวเข้าไปคุยในห้องนอนของเขา เพราะกลัวว่าหิรัญญิการ์จะมาได้ยินเข้า ทั้งที่เห็นอยู่ว่าเธอเดินลงไปข้างล่างแล้ว

“มีความคืบหน้าอะไรบ้างพี่เรศ?”

“เมื่อวานพี่ไปคุยกับคุณชลมาเห็นบอกว่าฝ่ายโน้นเริ่มจะเคลื่อนไหวอีกแล้ว”

“นี่ตกลงว่าเราจะทำธุรกิจกัน หรือว่าเราจะออกรบกันแน่นะพี่เรศ”

ภมรเริ่มจะเบื่อหน่ายกับเรื่องพวกนี้เต็มทน เขาคิดว่าการจะเอาชนะคู่ค้าได้มันต้องใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจไม่ใช่ใช้วิธีสกปรกๆ อย่างที่ฝ่ายโน้นเคยทำกับเขาเมื่อสองปีก่อน เพียงแต่พวกมันพลาดไปก็เท่านั้นเขาถึงยังรอดมาเป็นเสี้ยนหนามของพวกมันจนถึงทุกวันนี้

“หรือว่านายไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปล่ะพ่อภมรหนุ่มเหลือน้อย เมียก็ยังหาไม่ได้อยากจะตายก่อนหรือไง ไอ้ฉันมันคนมีสามีแล้ว ลูกก็ไม่มี จะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ยังได้เลย” อัมเรศประชดขึ้นด้วยความหมั่นไส้

“พี่ชลคงจะยอมให้พี่ตายหรอกนะ เห็นรักกันดีนี่”

“ถ้าพี่ไม่ตายก็คุณชลนั่นล่ะที่จะตายก่อน ก็เธอน่ะหางานแต่ละอย่างให้ทำ เสี่ยงๆ ทั้งนั้น”

“พี่ชลเขาเก่งอยู่แล้ว ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกน่า พี่อย่าห่วงนักเลย แล้วอีกอย่างผมไม่ยอมตายแน่ๆ ถ้ายังไม่ได้ญิการ์เป็นเมีย”

ภมรประกาศออกมาโต้งๆ ทำเอาอัมเรศยิ้มขัน แล้วเรื่องที่เธอสงสัยก็ไขกระจ่างจนได้ ที่แท้ภมรยังไม่มีอะไรกับหิรัญญิการ์เมื่อคืนนี้ เธอก็อุตส่าห์หลงดีใจนึกว่าน้องชายจะได้เมียกับเขาแล้วเสียอีก

“คิดได้อย่างนี้ก็ดี แต่ช่วงนี้จะไปไหนก็ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน พี่ยังไม่ว่างจะไปงานศพใครตอนนี้”

“พี่เรศอย่าพูดเรื่องนี้กับญิการ์นะ ผมไม่อยากให้เขารู้ รวมถึงเรื่องพี่ชายเขาด้วย”

“ยังไม่เลิกคิดมากอีกหรือภมร มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกนะ” อัมเรศถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ที่น้องชายยังไม่ลืมเรื่องนี้สักทีทั้งที่มันผ่านไปสองปีแล้ว

“ผมถึงจะไม่ยอมตายง่ายๆ ไงพี่เรศ ผมจะต้องไถ่โทษให้วีร์ ถ้ากฎหมายเอาผิดมันไม่ได้ ผมก็จะลงโทษมันเอง” ชั่วแวบหนึ่งแววตาของภมรวาวโรจน์ขึ้นยามเมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา

“ถ้ายังไงพี่ไปก่อนแล้วกัน วันนี้นัดกับพี่ชลเอาไว้ เดี๋ยวสาย”

“พี่เรศเองก็ระวังตัวด้วยนะครับ เดี๋ยวโดนจับได้ขึ้นมาคนที่จะซวยเป็นคนแรกก็คือพี่ชลของพี่เรศนั่นแหละ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มือชั้นนี้แล้ว”

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังขึ้นทำให้สองพี่น้องต้องหันไปมองทางต้นเสียงเกือบจะพร้อมกัน และอัมเรศก็เป็นคนร้องถามออกไป

“ใครน่ะ?”

“ญิการ์เองค่ะ”

อัมเรศหันมาสบตากับน้องชายแวบหนึ่งก่อนจะลุกออกไปเปิดประตูให้พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ เพราะไม่แน่ใจว่าหิรัญญิการ์มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“ญิการ์รู้ได้ยังไงจ๊ะว่าฉันกับภมรอยู่ในนี้”

“อ้อ ญิการ์เดาเอาน่ะค่ะ เห็นคุณเรศบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณภมร ญิการ์เลยเดินขึ้นมาตามบนนี้ แล้วเมื่อกี้ญิการ์ก็ได้ยินเสียงของคุณเรศดังออกมาจากห้องของคุณภมรน่ะค่ะ ก็เลยรู้ว่าต้องอยู่กันในนี้แน่นอน”

หิรัญญิการ์ตอบยิ้มๆ ไม่มีพิรุธใดๆ ที่ส่อให้เห็นว่าได้ยินเรื่องที่เธอพูดกับน้องชาย ทำให้อัมเรศลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ คล้ายกับโล่งอก

“แล้วมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ญิการ์แค่รับอาสาคุณแม่บ้านมาตามคุณเรศกับคุณภมรไปทานอาหารเช้าเท่านั้นเองค่ะ คุณแม่บ้านตั้งโต๊ะเสร็จแล้วนะคะ”

“ฉันไม่ทานหรอกนะ จะออกไปข้างนอกเลยจ้ะ”

“อ้าวเหรอคะ...เอ่อ...แล้วคุณภมรล่ะคะ” หิรัญญิการ์ไม่กล้ามองซอกแซกเข้าไปด้านใน เพราะเธอไม่แน่ใจว่าภมรจะแต่งตัวเรียบร้อยแล้วหรือยัง โชคดีที่อัมเรศยืนขวางประตูอยู่ ถ้าเกิดเขายังใส่เพียงเสื้อคลุมเปิดอกเหมือนเดิมเธอก็จะได้ไม่เห็น

“อ้อ สงสัยเข้าไปอาบน้ำแล้วมั้ง”

อัมเรศเหลียวกลับไปมองภายในห้องก็ไม่พบน้องชายแล้วจึงเดาเอาว่าภมรคงจะลุกไปเข้าห้องน้ำตอนที่เธอยืนคุยกับหิรัญญิการ์

“แล้วคุณภมรรู้หรือยังคะว่าได้เวลาทานอาหารเช้าแล้ว”

“คงรู้แล้วล่ะ ปกติบ้านเราก็ทานข้าวเวลานี้ทุกวันอยู่แล้ว หรือถ้าญิการ์ยังไม่แน่ใจก็รอบอกภมรก็ได้ ฉันคงต้องไปก่อนล่ะ เดี๋ยวจะสาย ไปนะญิการ์”

พูดจบอัมเรศก็เดินผ่านหิรัญญิการ์ออกไปเลย ทิ้งให้หญิงสาวยืนเหลอหลาอยู่หน้าห้องนอนของภมรราวกับไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อไป

.......................................................

ทักทายจากตอนที่แล้วค่ะ

คุณmhendihyขา ไม่เจ้าเล่ห์แล้วชอบป่าวค่าาา

คุณPapaขา ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

คุณanOOขา ตามไม่เคยทันหรอกค่ะคนนี้ อิอิ

คุณgetupขา ดีใจที่ชอบค่ะ

คุณlovemuayขา คนแผนสูงก็เงี้ย อิอิ

คุณของขวัญขา ฮ่าๆ ร้ายแล้วรักปะคะ

คุณPatขา ชอบมากค่ะคำนี้ "คุณญาติผู้ใหญ่" ฮ่าๆๆ

คุณคิมหันต์ขา แหม ลุงเลยเหรอค่าาา

คุณหมูอ้วนขา ถูกต้องค่า อิอิ

คุณsai ทำไงได้ละคะก็รักเด็กนี่เนอะ

คุณปอยอะนะขา ยังไม่แก่เท่าไหร่หรอกค่ะ ให้กำลังใจแกหน่อย หุหุ

คุณkaeroขา ก็หวังจะมัดให้อยู่ไงคะ อิอิ

คุณพี่panonขา ต้องคอยดูกันต่อไปค่ะ

คุณมะดันขา ขอบคุณที่แวะมาค่ะ

คุณ117ขา ขอบคุณมากค่า

คุณน้ำค้างขา อายุยังไม่เยอะหรอกค่ะ 34 เท่านั้นเอง ญิการ์ก็คิดมากไปได้ หุหุ

คุณteawขา ฮ่าๆ

คุณwaneขา ใช่ค่ะ แต่ถ้าให้เป็นญิการ์ก็ยอมนะ อิอิ

คุณอริสาขา ก็เผด็จการจยเด็กเขาไม่อยากจะอยู่ด้วยนั่นแหละค่ะ

คุณเพียงพลอยขา ต้องติดตามกันต่อไปค่า



ญาณนันต์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มิ.ย. 2555, 12:47:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2555, 12:47:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 3597





<< บทที่ 2 + 3   บทที่ 5 ผู้มีพระคุณ >>
sai 28 มิ.ย. 2555, 13:44:38 น.
เจ้าเล่ห์จริงๆ


หมูอ้วน 28 มิ.ย. 2555, 14:05:31 น.
โค๊ตลับขอบสองพี่น้อง "ดอกไม้" หุหุ


Siang 28 มิ.ย. 2555, 14:38:32 น.
ญิการ์รู้ความลับแล้ว จะยอมคุณภมรเลยรึเปล่า


panon 28 มิ.ย. 2555, 14:44:20 น.
และแล้วววววววววววววววก้อเสียจูบแรกอิอิอิอิ


117 28 มิ.ย. 2555, 15:25:47 น.
อัพ อัพ อัพ ^^


nunoi 28 มิ.ย. 2555, 15:46:46 น.
ดอกไม้ของภมรหนุ่ม


ปอยอะนะ 28 มิ.ย. 2555, 16:22:08 น.
เจ้าเล่ห์ทั้งสองคนพี่น้อง


anOO 28 มิ.ย. 2555, 16:50:18 น.
ลำพังแค่นายภมรคนเดียวก็ดอมดมญิการ์ได้ง่ายๆ แล้วนะ
ยังมีคุณพี่ผู้น่ารักคอยเปิดทาง คอยให้ความช่วยเหลืออีก งานนี้หนีไปทางไหนก็ไม่พ้น


หนอนฮับ 28 มิ.ย. 2555, 19:00:43 น.
ต่าย...ขอหวานๆ นะ อิอิ


lovemuay 28 มิ.ย. 2555, 20:04:31 น.
ทำเป็นอ้างลงโทษ ที่จริงอดใจไม่อยู๋หล่ะสิ อิอิ
ว่าแต่ญิการ์ได้ยินรึป่าวเน้อ แล้วจะทำอะไรต่อไป


beaksuengjo 28 มิ.ย. 2555, 21:12:53 น.
ร่วมมือกันดีนะพี่น้องคู่นี้


น้ำค้าง 28 มิ.ย. 2555, 22:24:55 น.
เจ้าเล่ห์สุดๆๆเลยพี่น้องคู่นี้ กำลังทำอะไรกันน้อ อยากรู้มากมาย


หมวยจ้า 28 มิ.ย. 2555, 22:54:36 น.
มาบ่อยๆนะค้า^^


coonX3 28 มิ.ย. 2555, 23:12:19 น.
พระเอกเจ้าเล่ห์ได้อีกอะ


wane 29 มิ.ย. 2555, 00:47:18 น.
พี่เรศเป็นพี่ที่น่ารักเจงๆ ช่วยน้องชายออกนอกหน้าตลอด ตลอด


innam 29 มิ.ย. 2555, 16:37:06 น.
เพราะรักจึงยอมทุกอย่าง


kaero 29 มิ.ย. 2555, 17:14:37 น.
เกือบไปแล้ว ว่าแต่จะอดทนได้สักกี่น้ำเชียววว


Zephyr 29 มิ.ย. 2555, 21:56:57 น.
ลุงจะมีตัวช่วยหรือรู้เห็นเป็นใจมากไปป่ะ หมั่นไส้จริง
เรื่องพี่ชายต้องเป็นอีกปมแน่เลย


อริสา 1 ก.ค. 2555, 04:56:13 น.
ไปไหนไม่รอดหรอกงานนี้ อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account