รอยร้าย...แสนรัก
ชีวิตของเธอกลับต้องเปลี่ยนผันไปจมอยู่กับความหม่นหมอง เพราะพี่ชายข้างบ้านอย่างรีชภวัฒน์ได้สร้างรอยฝันร้ายให้กับเธอชั่วนิรันดร์

แนะนำตัวละคร
พระเอก : รีชภวัฒน์ วิโรจน์ศิลป์ อายุ 33 ปี

ชายหนุ่มผู้คุมการเงินในเครือ วรธิกาจญ์ กรุ๊ป บุคลิกแสนอ่อนน้อมอบอุ่นดั่งพี่ชายของน้องสาว ใบหน้าหล่อตี๋สวมแว่นให้ดูมีความมานะมั่นใจ ชีวิตของเขาไม่เคยทำงานพลาดทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาปรารถนา ไม่เคยมีใครทำให้เขาเผอเรอก่อการกระทำด้านลบได้ นอกจากน้องสาวของเพื่อนชายข้างบ้าน ชื่อ กัญญาวีร์

นางเอก : กัญญาวีร์ รุ่งวัฒนากิจ อายุ 21 ปี

แม่กระต่ายสาวน้อยแสนน่ารักอ่อนหวาน เป็นน้องสาวของเพื่อนชายข้างบ้านรีชภวัฒน์ หรือพี่ชายของกัญญาวีร์ ชีวิตของเธอกลับต้องเปลี่ยนผันไปหม่นหมองเพราะพี่ชายข้างบ้านอย่างรีชภวัฒน์ได้สร้างรอยฝันร้ายให้กับเธอชั่วนิรันดร์
Tags: ซึ้งกินใจ,รอยร้าย แสนรัก,เศร้าๆ,หวานละมุน,รอยร้าย แสนรัก

ตอน: บทที่ 1 โวยวาย...

บทที่ 1 โวยวาย

“ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะ กัญญาวีร์” น้ำเสียงทุ้มแรกจากรีชภวัฒน์เอ่ยออกมาอย่างกระหยิ่มใจ เมื่อเขาได้พบกับหญิงสาวหรือสาวน้อยข้างบ้านอีกครั้งหนึ่ง เขาไม่ได้เจออีกเลยตลอดสี่ปีที่ผ่านมา จากเด็กสาวกลายเป็นหญิงสาวเต็มวัย ใบหน้าหวานน่ารักจิ้มลิ้มและดูน่าทะนุถนอม ดวงตาคู่กลมโตๆ มีอากัปกริยาอาการแสดงออกมาให้เห็นนั้น มันทำให้เขาหงุดหงิดหัวใจยิ่งนัก เพราะสาวน้อยข้างบ้านยังคงหวาดหวั่น ไม่มีทีท่าจะลดละเลิกกลัวเขา ซึ่งมันก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ใช่แล้ว มันเรื่องอะไรล่ะที่เธอต้องแสดงอาการแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือการกระทำเลวๆ นิสัยแย่ของเขาเอง ที่ทำให้ผู้ตัวเล็กร่างบางตรงหน้า สั่นเทาดั่งกำลังจะถูกเชือดแบบนี้

เขายังจดจำได้และไม่มีทางลืมมันหรอกกับพฤติกรรมอันแสนเลวของเขาเอง มันยังฝังลึกในความทรงจำของเขา ตราตรึงแทบลืมมันไปไม่ได้ตลอดชีวิตเช่นกัน แล้วตั้งแต่นั้นมาในหัวใจของรีชภวัฒน์มันบอกว่าเพียงอย่างเดียว คือต้องรับผิดชอบ! เขารอคอยเธอมานานนับสี่ปีเต็มๆ รอให้เธอโตเป็นสาว พอที่พร้อมจะรับรู้การเข้าใจถึงพฤติกรรมอันแสนเลวของเขาเองในครั้งนั้น ไม่ว่าเธอจะรักหรือไม่รักเขาก็ตาม เขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของเธอ ด้วยชีวิตทั้งหมดของเขาเองเช่นกัน ดวงตาคู่คมสีดำสนิทของชายหนุ่ม มองลอดผ่านแว่นตากรอบเรียวบางตน เพ่งพินิจดุดันมาที่สาวน้อยข้างบ้าน ซึ่งมีอาการตัวสั่นระริกดั่งกระต่ายตัวเล็กๆ แถมยังไร้ว่าจาเอ่ยพูดกับเขาแม้แต่พยางค์เดียว รีชภวัฒน์กวาดสายตาผ่านแว่นมองไปยังที่เตียงนอนและรอบๆ ตัวห้องนอนของเธอ ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นต่ออีกครั้ง

“ไม่มีร่างผู้ชายในห้องนอน ดี! นึกว่าจะหอบหิ้วมาด้วยเสียอีก” บ้าฉิบ! ทำไมเขาต้องเผลอพูดให้เธอเกิดความแสลงใจอย่างนี้ด้วย ถ้าไม่ใช่ว่าเขากำลังพาลหาเรื่องโวยวาย โมโหด้วยความไม่พอใจอย่างไงล่ะ เนื่องจากว่าวันนี้ กัญญาวีร์ ช่างบังอาจมาก เธอวิ่งหนีเขาออกมาจากแอร์พอร์ต ทั้งๆ ที่เขาอุตส่าห์ไปรับด้วยตนเอง แค่คิดว่าเธอหลบหนี เพราะอาจจะพาเพื่อนชายหรือแฟนหนุ่มมาอยู่ด้วย พี่ชายข้างบ้านอย่างเขาก็แทบบ้าคลั่งไปแล้ว แค่วันเดียวกัญญาวีร์ยังทำให้เขาเดือดพล่านจนลุกเป็นไฟได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ

“อะ...ออกไปนะ นายมีสิทธิ์อะไรเข้ามาในห้องของฉัน” กัญญาวีร์เอ่ยออกมาอย่างสั่นๆ ด้วยประโยคแรกที่พูดกับเขา ชายหนุ่มผู้ซึ่งได้มอบรอยฝันร้ายให้กับเธอ แล้วยิ่งหวั่นผวาตื่นกลัวเข้าไปอีกยกใหญ่ กัญญาวีร์เห็นเขากำลังพยายามถอดเสื้อสูทตัวนอกสีดำเข้มออก แล้วพาดไว้บนไหล่ขวาของเขา เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวในที่ปกปิดร่างกายอันแกร่งได้มีเหงื่อไหลเปียกโชกเต็มตัวของเขาไป ทุกๆ ส่วนร่างกาย เท้าหนายังก้าวเข้ามาในห้องของเธอโดยพลการหรือเรียกให้ถูก ก็คือกำลังบุกรุก โดยที่เจ้าของห้องอย่างเธอยังไม่ยินยอมหรืออนุญาตให้เข้ามาด้วยซ้ำ!

“หึๆ มีสิ สิทธิ์เป็นผู้ปกครองเธอตลอดหกเดือนไง กัญญาวีร์!” ชายหนุ่มพูดจบ แค่เขาขยับร่างหนาเดินดิ่งตรงมายังเธอ หญิงสาวก็สะดุ้งตัวโหยง เงอะงะสั่นดังลูกกระต่ายตัวน้อยที่กำลังกลัวหมาป่าแสนร้ายเข้ามาขย้ำฉีกเนื้อรับประทาน

“ไม่ใช่ มันไม่จริง! นายไม่ใช่ผู้ปกครองของฉันแน่นอน ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” กัญญาวีร์รีบปฏิเสธเสียงหนักแน่นใส่เขาทันที เธอรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายของเธอได้ฝากเธอไว้กับเขา แต่เธอก็โตพอที่จะสามารถดูแลตนเองได้แล้ว แถมยังบรรลุนิติภาวะแล้วเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องมีผู้ปกครองมาคอยดูแลเสียให้ยากมากมายหรอก

อยู่ๆ กัญญาวีร์ก็ต้องตัวเย็นวาบขึ้นมาดื้อๆ เรียวขาสองข้างของเธอก็แทบจะขยับไม่ได้เลย เมื่อดวงตากลมๆ โต ได้มองเห็น เขากำลังถอดเนคไทออกจากคอเรียวแกร่ง ตามด้วยการปลดกระดุมออกทีละเม็ด โดยที่เขาคงคิดว่านี่คือบ้านของเขาเอง หรือห้องนอนของเขาเองหรือไงกัน

“หือ! ฉันว่าใช่นะ อย่างแน่นอนเสียด้วยสิ ก็พี่ชายของเธอนั้นแหละ เป็นคนโทรมาหาฉันโดยตรง ว่าให้เป็นผู้ปกครองเธอชั่วคราว ฉันบอกถูกไหม! กัญญาวีร์” รีชภวัฒน์ว่าจบก็ตวัดสายตาอันคมกริบผ่านแว่นกรอบเรียวบาง เพ่งจับจ้องมาที่กัญญาวีร์แทบไม่กระพริบตา เขารู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ มันก็แค่จะคลายเสื้อผ้าออก เพราะว่ามันร้อนต่างหาก แถมเหงื่อกายของเขามักจะชอบออกเยอะด้วย เนื่องจากความรีบร้อน ตามหาเธอไปซะจนทั่วสนามบินอยู่นานสองนาน พอดิ่งกลับมาที่บ้านของเธอ ก็เห็นว่าประตูรั้วเปิดออกแล้ว มันทำให้เขาแทบวิ่งตรงมาหาเธอทันที ตามเสียงหัวใจที่มันเต้นแรงระรัวในอกแกร่งของเขา

“นะ...นั่นนายจะทำอะไร อะ...ออกไปนะ” กัญญาวีร์เอ่ยละล่ำละลักคำพูดของตนเอง ดวงตากลมโตมองเห็นเรือนร่างของรีชภวัฒน์ กำลังก้าวเดินเข้ามาหาใกล้เธอเรื่อยๆ หญิงสาวยอมรับว่ากลัวเขามากเต็มประดาเป็นเดิมทุน และความรู้สึกของเธอตอนนี้ มันบ่งบอกว่า ช่างเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ร่างกายของสาวน้อยมันยังคงตื่นตระหนก และหวั่นไหวเป็นทวี เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดเขาอีกครั้ง ตามลำพัง

“ออกไปจากห้องฉันนะ ไม่งั้นฉะ...ฉันจะร้องให้คนมาช่วย!”

“ร้องให้คนมาช่วย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ กัญญาวีร์” รีชภวัฒน์เอ่ยบอก ทั้งๆ ที่เริ่มก้าวสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ สาวน้อยข้างบ้านอีกครั้งอย่างเชื่องช้า แต่ทว่าข้างในอกแกร่งกลับ มีความรู้สึกแสนโหยหาและคิดถึงจนหมดหัวใจ

‘นายเคยทำมาแล้วต่างหาก’ กัญญาวีร์เอ่ยร้องบอกในใจ เธอไม่กล้าเอ่ยพูดออกไปให้เขาได้ยินหรอก เพราะมันจะเป็นการรื้อฟื้นกับภาพฝันร้ายเหล่านั้นเข้าเต็มๆ จิตใจ

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ชะ...ช่วย!” กัญญาวีร์พยายามส่งเสียงร้องดังลั่นสุดลำคอระหง เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แต่แล้วก็ไม่สามารถเอ่ยเต็มเสียงได้ดั่งที่ใจหวัง เนื่องจากมือเรียวหนาของชายหนุ่มแล่นเข้ามาประกบปิดปากเธอเอาไว้เสียก่อน พร้อมใช้แขนแกร่ง เข้ามารวบรัดกอดเธอไว้ด้วยความแสนจะปรารถนา ‘พี่คิดถึง’ รีชภวัฒน์อยากเอ่ยบอกคำนี้ให้เธอได้ยินนัก แต่หญิงสาวกลับสะดุ้งรุนแรง เกิดปฏิกิริยาที่ถูกแตะต้องถึงเนื้อตัวกับของเขา กัญญาวีร์ตาโพรงกว้าง ยิ่งส่งเสียงหวีดร้องลั่น แค่ได้เพียงอยู่ในลำคอเท่านั้น ยิ่งพยายามดิ้นรน ขัดขืนเต็มกำลัง น้ำตาก็เริ่มไหลคลอที่เบ้าตา ร่างกายสั่นระริกเย็นเฉียบ หวาดกลัวเขาจนเรี่ยวแรงไม่มีจะขัดขืนให้หลุดพ้น และแล้วภาพการกระทำในฝันร้ายครั้งนั้น ก็กำลังจะมาเยือนเธออีกแล้วเหรอ ไม่นะ ไม่นะ!

“บ้าหรือไง จะร้องไปทำไม กัญญาวีร์ หยุดๆ อย่าดิ้นนะ” รีชภวัฒน์เกิดใจหายหล่นวูบ และหายใจไม่ทั่วท้องอย่างฉับพลัน จู่ๆ หญิงสาวก็ร้องลั่นทั้งร้องไห้ เพื่อต้องการให้คนมาช่วยอย่างจริงจัง เขาไม่อยากกลายเป็นคนเลวให้ชาวบ้านได้รับรู้เด็ดขาด ภาพพจน์ของเขา คือต้องดูเป็นคนแสนดี เป็นเสมือนดั่งชายหนุ่มที่อ่อนโยนแสน และจะให้ความอบอุ่นกับคนรอบข้างเสมอๆ

“เฮ้ย! กัญญาวีร์! กัญญาวีร์!” รีชภวัฒน์แทบตื่นตกใจอีกหน เมื่อจู่ๆ หญิงสาวในอ้อมกอดสลบหมดสติค้างคาอกแกร่งของเขา แขนแกร่งข้างหนึ่งก็รีบช้อนตัวเธออุ้มขึ้น แล้วพาร่างบางหญิงสาวมานอนยังบนเตียงของเธอ เขาวางกัญญาวีร์ลงอย่างเบามือที่สุด ต่อมามือเรียวหนาของตนก็รีบร้อนปลดกระดุมตะขอเสื้อผ้าของเธอออกจนหมด แม้กระทั่งปลดตะขอบราเซียตัวเล็กที่รัดอกอวบอิ่มของเธอด้วย ใบหน้าหล่อคมๆ แบบอาตี๋ ถึงกับมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างดื้อๆ แล้วก็ต้องหันเบือนหน้าหนี เขาไม่อยากเห็นรูปร่างหญิงสาวอันโค้งเว้าเย้ายวนยั่วหรือแม้แต่สัดส่วนไหนๆ ของเธอเลย เวลานี้เขาไม่ต้องการมีอารมณ์เกี่ยวข้องแวะกับเรื่องตัณหาราคะพวกนั้นหรอก เขาแค่ต้องการช่วยให้ร่างกายเธอรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า เพราะจู่ๆ เธอก็เป็นลมหมดสติไปต่างหาก

“อย่าทำวีร์ พี่รีช อย่าทำ ฮือๆ” จู่ๆ เสียงแผ่วเบาบางน้อยๆ ของกัญญาวีร์ก็พึมพำพูดละเมอ พร้อมสะอื้นร้องไห้ออกมา รีชภวัฒน์ได้ยินแทบหน้าตึงหนักอึ้งเครียดจัด เขารู้แล้วว่าทำไมเธอถึงได้หมดสติไปเยี่ยงนี้ มันคงเป็นเพราะว่าการกระทำอันเลวของเขาเมื่อสี่ปีก่อนแน่ๆ และมันยังทำให้สาวน้อยข้างบ้านแสนน่ารัก ไม่สามารถลืมเลือนออกจากความทรงจำได้ทั้งชีวิตเลยสินะ

“พะ...พี่” รีชภวัฒน์แทบพูดไม่ออกเลย การจะกล่าวขอโทษกับการกระทำของเขาคงไม่มีความหมายสำหรับเธอหรอก กัญญาวีร์คงไม่อภัยให้พี่ชายข้างบ้านแสนเลวระยำคนนี้ชั่วชีวิตแน่นอน

“พี่จะต้องรับผิดชอบเธอให้ได้ กัญญาวีร์” แต่แล้วรีชภวัฒน์กลับเอ่ยบอกอย่างไม่เข้าใจกับความรู้สึกของตนเอง ยิ่งการกระทำที่เขาไม่ได้เจตนาคิดขึ้นในหัวตอนนี้ กำลังจะเข้ามาทำร้ายเธออีกครั้ง เมื่อริมฝีปากหนาหยักได้ส่วนของเขาเลื่อนโน้มลงมาแนบประทับริมฝีปากบางเป็นกระจับอันนุ่มนิ่มที่สั่นระริกด้วยหวาดกลัว สัมผัสอันร้อนผ่าวที่ได้รับอยู่ริมฝีปากบางหญิงสาว มันทำให้กัญญาวีร์สะดุ้งเฮือกฉับพลัน จนชายหนุ่มรีบถอนจูบออกมาอย่างอัตโนมัติ

“คะ...แค่จูบของพี่ เธอยังรังเกียจมากเลยเหรอ กัญญาวีร์” รีชภวัฒน์เอ่ยบอก ทั้งๆ ที่ร่างบางนอนใกล้จะหมดสติและหลงพร่ำเพ้อละเมอโดยไม่รู้ตัว เขาเจ็บแปลบปวดร้าวในหัวใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ มันเหมือนความรู้สึกราวกับแก้วกำลังจะแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ ไม่คงรูปเดิม เมื่อเขาแค่เอามือเรียวหนาไปโอบสัมผัสกอบกุมมือเรียวเล็กของเธอเอาไว้ ปฏิกิริยามือเล็กแทบปัดมือของเขาออกทิ้งทันใด

ดวงตาคมกริบของชายหนุ่มแทบร้อนผะผ่าว ร่างกายกำลังสั่นเครือเหมือนกำลังจะสูญเสีย แต่สุดท้ายเขาก็พยายามเอามือหนาไปจับกระชับผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาห่มให้สาวน้อยข้างบ้านแทน แม้จะแสนโหยหาและคิดถึงจนหมดหัวใจ รีชภวัฒน์ได้สั่งให้แม่บ้านของเขา เข้ามาทำความสะอาดบ้านคอยต้อนรับเธอเอาไว้แล้ว และรู้ว่ากัญญาวีร์คงไม่ยอมไปอยู่ที่บ้านของเขาแน่ๆ ในฐานะที่ชายหนุ่มเป็นผู้ปกครองชั่วคราว ชายหนุ่มวัยใหญ่ลอบมองสำรวจใบหน้าอ่อนหวานแสนน่ารัก ที่ไม่ได้ยลโฉมเห็นตัวเป็นๆ ตัวจริงมาตั้งสี่ปีเต็มๆ กำลังนอนหมดสติ เขามองด้วยสายตาที่ตัดพ้ออย่างเจ็บปวดทรมาน ผิดกับคำพูดที่เปล่งออกมาไปอย่างใจแคบกรีดลึกลงกระทบจิตใจของหญิงสาวทุกตารางนิ้ว ยิ่งเห็นน้ำใสๆ ไหลอาบพวงแก้มแดงปลั่งทั้งสองข้างของเธอ ราวกับว่ากำลังรับรู้ในสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้

“ชีวิตเธอต้องเป็นของพี่คนเดียวนะ กัญญาวีร์”



เสียงทุ้มสุดท้ายของชายหนุ่มแสนร้ายที่เอ่ยก้องดังกังวานในโสตประสาทรับรู้ของหญิงสาว แม้แต่ในยามหลับฝันอันหม่นแสง จนรุ่งอรุณโผล่จับขอบฟ้าขึ้นอีกวัน เธอก็ยังได้ยินเสียง เหมือนเพิ่งจะกระซิบบอกตลอดเวลา ร่างบางที่นอนหลับใหลเนิ่นนาน กำลังขยับพลิกตัวไปมาให้ตื่นขึ้น ดวงตากลมโตกระทบเข้ากับแสงแดดอ่อนๆ ของเช้าวันใหม่ อาการงัวเงียเพิ่งตื่นกับภาพในดวงตาอันขุ่นมัวก็เด่นชัดขึ้น พร้อมทั้งด้วยอาการตกตะลึงอย่างรุนแรง มโนภาพเมื่อวานนี้ก็แล่นเข้าสู่กัญญาวีร์อีกครั้ง น้ำตาในคลองจักษุเอ่อล้นไหลระรินไม่ได้ออกคำสั่ง เพราะผู้ชายแสนร้ายยังอยู่ในห้องนอนของเธอนั่นสิ

“ตื่นแล้วเหรอ อย่างร้องนะ ไม่งั้นเธอ...โดนดีกว่านี้แน่ๆ” รีชภวัฒน์รีบเค้นเอ่ยข่มขู่อย่างว่องไว เพราะเห็นร่างบางกำลังจะร้องกรี๊ดหรือไม่ก็จะร้องโวยวาย ด้วยความตื่นตกใจที่เห็นเขานั่นสิ ก็เล่นมาอยู่ในห้องสองต่อสองตลอดทั้งคืนเลยนี่นา

“ตื่นแล้ว ก็ไปอาบน้ำได้แล้ว วันนี้ต้องเข้าไปรายงานตัวฝึกงานใช่ไหม” รีชภวัฒน์ปรับเสียงบอกสาวน้อยข้างบ้านให้ดูนุ่มนวลลง ไม่เหมือนน้ำเสียงตะคอกดุดันใส่เมื่อวานนี้ แต่ในใจของรีชภวัฒน์กลับรู้สึกหงุดหงิดมาก เพราะอาการของเธอที่แสดงออกมาชัดเจนราวกับรังเกียจเขาไปทั้งชีวิต

“อะ...ออกไปให้พ้น” กัญญาวีร์ถึงกับตวาดไล่คนที่เธอต้องการจะลืมไปตลอดชีวิต ด้วยอาการสั่นเครือทั้งน้ำตาคลอ เมื่อหลงคิดว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาคงทำอะไรต่อมิอะไรเธอไปแล้วบ้าง แค่ในห้วงแห่งคิดหัวใจดวงเดียวของกัญญาวีร์ก็แตกสลายอย่างเจ็บปวดอันฝังลึก เจ้าน้ำตาไหลก็เริ่มไหลทะลักอาบแก้มป่อง อันแดงปลั่งทันทีที่คนเป็นผู้บุกรุกเห็น แต่แล้วคนร่างโตกลับเงียบสงบลง นัยน์ตาคู่คมดำสนิทภายใต้แว่นกรอบเรียวบางนั้นแฝงไปด้วยความอึดอัด ก่อนเดินไปคว้าเสื้อสูทตัวใหม่ที่โซฟามาสวมใส่ เขานั่งเฝ้ากัญญาวีร์ทั้งคืนและกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดทำงานใหม่แล้วจึงรีบกลับมาหาหญิงสาวอีกหน เสียงปิดประตูห้องของเธอผ่านไปแล้ว พร้อมชายหนุ่มแสนร้ายก็ออกไปด้วย กัญญาวีร์แทบลุกลี้ลุกลนรีบออกจากเตียงนอน สาวเท้ารีบร้อนทั้งลนลาน เพื่อที่จะดิ่งเข้าไปในห้องน้ำให้เร็วที่สุด

เมื่อกัญญาวีร์เข้ามาอยู่ในห้องน้ำตามลำพังได้จนสำเร็จ เธอก็รีบปลดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างตัวสั่นๆ พร้อมส่องกระจกสำรวจเรือนร่างของเธอแทบทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะบริเวณรอบซอกคอระหงเรียวขาวของเธอ ซึ่งตอนนี้มันไม่มีร่องรอยแดงๆ ช้ำๆ อย่างที่เธอคิดไว้แม้แต่นิดเดียว แต่ทว่ากลับทำให้เธอเห็นเป็นภาพซ้อนทับเมื่อสี่ปีก่อน ซึ่งมีแต่รอยแดงเป็นจ้ำๆ จุดๆ จนผุดขึ้นมาเต็มซอกคอเรียวระหงของเธอไปหมด มือเล็กทั้งสองข้างของเธอก็หลงขยี้แรงๆ ไปตามซอกคอเพื่อต้องการลบรอยภาพลวงตาที่เห็น จนตัวเธอเริ่มแดงไปหมดแทนเสียเอง

“ทำไม ทำไม ไม่เคยลืมสักที ฮือๆ” กัญญาวีร์ปล่อยโฮร้องไห้ออกมาอย่างสุดความรู้สึกอันเป็นทุกข์ เนื่องจากเธอยังคงได้เห็นร่องรอยร้ายเหล่านั้นเต็มอยู่ทุกครั้ง เพราะมันยังวนเวียนแล่นพร่าอยู่ในหัวและความทรงจำของเธอไปตลอดทั้งชีวิตหรือไงกัน

ผ่านไปเกือบนับหนึ่งชั่วโมงร่างบางของสาวน้อยข้างบ้านของรีชภวัฒน์ก็เดินออกมาจากบ้านด้วยชุดนักศึกษาของสถาบันตนเอง เท้าบางที่กำลังจะก้าวเดินต่อไปก็ต้องชะงักค้าง เมื่อร่างสูงโตคนที่เธอไม่ค่อยอยากจะเห็นให้สะเทือนจิตใจ กำลังยืนกอดอกแกร่งของตนเอง รอเธออยู่หน้าห้องของหญิงสาวเอง

“นี่ก็สายมากแล้ว เรารีบไปกันเลยนะ” รีชภวัฒน์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเกือบปกติ แล้วก้าวออกเดินจากบ้านไปจนถึงรถคันงามสไตล์สปอร์ตราคาแพงอย่างวอลโว่ C 30 โทนสีเทาเข้ม-ส้มของตน แต่พอหันกลับไปยังตัวบ้านของหญิงสาว ดันมองไม่เห็นเจ้าของบ้านร่างบางเดินตามคำบอกออกมาด้วยสักนิด

“กัญญาวีร์ เธอต้องออกไปทำงานพร้อมฉันนะ!” ในที่สุดเขาก็ต้องตะโกนร้องบอกด้วยความโมโหเข้าไปในบ้าน ร่างบางถึงกับเกิดความสะดุ้งตัวโหยง แต่ก็ยังยืนอยู่ที่เดิม แถมในวันแรกของการฝึกงาน เธอก็ทำตัวพยศเขาเสียแล้วงั้นเหรอ รีชภวัฒน์ทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจในลำคอ นี่เธอคงต้องการให้เขาใช้กำลังฉุด กระชากลากไปมาหรือไง ร่างหนาของชายหนุ่มใหญ่วิ่งถลาเข้ามาในบ้านอีกครั้ง พลันดวงตาเล็กของกัญญาวีร์เห็นร่างโต เธอรีบหันหลังขวับเตรียมที่จะวิ่งหนีทันที รีชภวัฒน์เดาออกเพราะเมื่อวานเธอก็หนีมาครั้งหนึ่ง แล้วครั้งนี้เขาไม่ปล่อยเธอหนีไปได้อีกเด็ดขาด ร่างหนาของเขาก็วิ่งลัดเลาะมาดักทางด้านหลังบ้าน เมื่อร่างบางโผล่ออกมาก็ชนเข้ากับเขาพอดิบพอดี ไม่รอช้าเขาก็รวบเข้ามาไว้กับตัวไม่ให้เธอหลบหนีได้อีกครั้งหรอก

“ปล่อยฉันนะ ฉันไม่ไปกับนาย!” เสียงเล็กๆ ตวาดใส่สุดเสียงจนแสบแก้วหู เมื่อเผชิญกับใบหน้าหล่อตี๋สวมแว่นกรอบเรียวเข้าจังๆ กับตัวเอง เพราะวิ่งหนีไม่พ้น

“เธอต้องไปทำงานพร้อมกับฉัน อย่ามาทำตัวดื้อเป็นเด็กๆ เลย เธอโตจนมีผัวเป็นตัวเป็นตนได้แล้วนะ”

“นี่นาย! หยาบคาย!” กัญญาวีร์แทบใจกระตุกตื่นกับคำพูดของเขา ชายหนุ่มกับยิ้มบางให้ด้วยความพอใจ แถมยังพึงปรารถนาอีกด้วย

“ฉันพูดจริงๆ นะ หรืออยากให้ฉันสาธิตวิธีการ ให้ดูเป็นตัวอย่างไหมล่ะ”

“อยะ...อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” น้ำใสๆ แทบคลอที่เบ้าตาคนตัวเล็กอีกคราว ทำไมต่อมน้ำตาของเธอถึงได้ไหลออกมาง่ายดายเยี่ยงนี้ รีชวัฒน์เผลอก็ยังผุดยิ้มที่มุมปาก เมื่อเขาสามารถทำให้เธอหยุดดิ้นรนและคิดจะหนีไปจากเขาได้แล้ว แม้จะทำให้เธอเสียน้ำตาร่วงหล่นออกมาก็ตามเถอะนะ เขาไม่มีวันหยุดที่จะปล่อยสาวน้อยข้างบ้านผู้นี้ไปจากหัวใจของเขาอีกแล้ว

“ฉันทำแน่ ถ้าเธอยังขัดใจฉันหรือดื้อดึงกับฉันแบบนี้!” แต่คำพูดของเขา ดันเอ่ยกลับไม่ตรงกับหัวใจซะงั้น

“คนเลว!” กัญญาวีร์หลงตะเบ็งเสียงต่อว่าเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคำพูดแต่ละคำของเขามันกรีดลงบนหัวใจของเธอ เพื่อนของพี่ชายที่แสนดีและให้ความอบอุ่นทุกครั้งที่เจอ เท่าที่เธอจำความได้ มันกำลังจะเลือนหายไปหมด ในวันที่เขาฝากรอยฝันร้ายให้กับเธอ ภายนอกของรีชภัฒน์คือเป็นคนจิตใจดีให้ความอบอุ่นราวเหมือนพี่ชายที่คอยปกป้องดูแลน้องแสนน่ารัก ตั้งแต่ที่เธอได้รับรอยร้ายนั่น และกลับมาพบเขาในวันนี้ มันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยเพียงแค่พริบตาจริงๆ กัญญาวีร์ปล่อยให้เขาลากร่างของเธอไปที่รถคันงามของเขาอย่างไม่ขัดขืนใดๆ หรือร้องโวยวายใดๆ ทั้งสิ้นอีก เพราะเธอยังคงหวาดกลัวเขาเป็นเดิมทุนอยู่เช่นเคย หกเดือนสำหรับเธอ มันช่างยาวนานเหลือเกินที่จะพ้นน้ำมือของซาตานในคราบพี่ชายแสนดีและอบอุ่นของน้องๆ ได้กัน



รถยนต์ยี่ห้อวอลโว่คันงามสีส้มชา แล่นมาจอดที่ลานจอดในโรงแรมหรูริมทะเล ‘วรธิกาจญ์ บีช โฮเทล’ สถานที่ทำงานและเป็นที่ฝึกงานของหญิงสาว ตลอดเส้นทางทั้งคู่ก็ได้แต่เงียบไม่เอ่ยคำพูดใดๆ เลย หรือที่แน่ๆ คือฝ่ายหญิงต่างหากที่นั่งทำตัวสั่นระริก ชิดขอบประตูรถและไม่หันมาสบตาของเจ้ารถแม้แต่ครั้งเดียวต่างหากล่ะ

“ถือหนังสือมารายงานตัว ฝึกงานด้วยหรือเปล่า กัญญาวีร์” รีชวัภฒน์เอ่ยถามขึ้นมาอย่างราบเรียบ ก่อนที่จะก้าวออกรถคันสวยของตน ร่างบางนั่งปิดปากเงียบตลอดเส้นทาง พอได้ยินเสียงทุ้มถามกัญญาวีร์ก็สะดุ้งตัวโหยง พลันลืมตาขึ้นมาก็พบว่ารถแล่นเดินทางมาถึงสถานที่ฝึกงานแล้ว

“ค่ะ...ค่ะ” กัญญาวีร์ตอบเสียงสั่นเบาหวิว อาการของเธอที่ชายหนุ่มเห็นนั้น มันชวนให้เขาหงุดหงิดไปถึงหัวใจอย่างไม่น้อย การเริ่มต้นเจอกันหลังจากไม่ได้พบกันตั้งสี่ปีที่ผ่านมา ไม่สิหลังจากวันที่เขาทำพฤติกรรมอันเลวๆ นั้นต่างหาก เขาก็แทบไม่เคยพบเจอสาวน้อยข้างบ้านอีกเลย ถึงแม้บ้านจะอยู่ห่างกันแค่ริมรั้วก็ตาม

“เธอคงไม่อยากให้ใครเห็นว่ามากับฉันในวันรายงานตัวฝึกงานวันแรกสินะ กัญญาวีร์!” น้ำเสียงทุ้มของรีชภวัฒน์เอ่ยออกมาอย่างขุ่นเคืองทันที ก่อนจะก้าวออกจากรถไปและปล่อยให้หญิงสาวนั่งตัวสั่นอยู่คนเดียวนานพอสมควร แถมยังไม่เอ่ยบอกทางไปฝ่ายสมุห์บัญชีของโรงแรมสุดหรูริมทะเลให้เธอรับรู้อีกด้วย มันก็ดีแล้วนี่สำหรับเธอ เมื่อเขาพาร่างหนาดูดีในสูทภูมิฐานหายลับไปเข้าที่ทำงานไปแล้ว เธอแทบถอนหายใจอย่างโล่งอก โล่งใจออกมาดังๆ และใช้มือบางข้างหนึ่งขึ้นมากำสร้อยคอจี้รูปหัวใจ ซึ่งพี่ชายของเธอมอบให้เป็นของขวัญที่ระลึกเอาไว้ดูต่างหน้า ระหว่างหกเดือนที่ต้องมาฝึกงานอยู่ที่นี่

“อดทนหน่อยนะ กัญญาวีร์แค่หกเดือน แค่หกเดือนเท่านั้นเอง เธอก็จะหลุดพ้นจากความชั่วร้ายของเขาแล้ว” กัญญาวีร์เอ่ยพึมพำให้กำลังใจและปลอบใจตัวเอง ก่อนจะทำสมาธิ ตั้งสติให้ปกติ ใบหน้านวลสวยที่หวาดหวั่นๆ ก็พยายามระบายรอยยิ้มเล็กน้อย เพื่อให้ดูเป็นปกติ เหมาะกับนักศึกษาสาว ผู้มั่นใจ เดินยิ้มแย้มเข้ารับฝึกงาน ตามที่มหาวิทยาลัยได้ระบุไว้ก่อนจะเรียนจบการศึกษา


นายรีชภวัฒน์ใจร้าย T^T

โปรดติดตามต่อไป

บทที่ 2 ใจที่ยังหวาดหวั่นในอดีต...






Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มิ.ย. 2555, 18:41:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 11:57:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 2204





<< บทนำ   บทที่ 2 ใจที่ยังหวาดหวั่นในอดีต >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account