: + : + : + : แผนก่อการรัก : + : + : + : (เอื้อมวิมาน) วางแผงแล้ว + แจกหนังสือค่ะ
ชีวิตรักที่กำลังเป็นไปด้วยดีแท้ๆ กลับต้องมีอันสะดุด
เมื่อมารดาของบุรัณเกลียดความจนของอันดามันอย่างยิ่ง!
แต่แล้วแผนการที่หญิงสาววางไว้เพื่อเอาคืน ‘ใครบางคน’
ก็กลับชักนำให้เธอเข้าไปพัวพันกับศิรามากขึ้นเรื่อยๆ

ระหว่างบุรัณที่เคยสวมแหวนแทนใจให้กัน
กับศิรา ศิวกรณ์...ผู้บริหารหนุ่มหล่อแห่งคีรีธารากรุ๊ป
แต่มีฐานะห้อยท้ายเป็นบุตรชายของคนที่เธอเกลียดเข้าไส้
เธอควรจะเลือกใคร
เพราะอันดามันรู้ดี ว่าซินเดอเรลล่ามีอยู่แค่ในเทพนิยายเท่านั้น!




* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เอื้อมวิมาน จะตีพิมพ์กับ สำนักพิมพ์ อรุณ ชุด Love Square ค่ะ

เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น “แผนก่อการรัก”

คาดว่าจะวางแผงช่วงกรกฎาคมที่จะถึงนี้

เดี๋ยวปกเสร็จแล้วจะเอามาให้เพื่อนๆ ยลโฉมกันนะคะ
Tags: ศิรา ศิวกรณ์ อันดามัน แผนก่อการรัก เอื้อมวิมาน

ตอน: ตอนที่ ๓๙

ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลเอกชนราคาแพงลิบตกแต่งคล้ายห้องพักในโรงแรม ผนังติดวอลเปเปอร์ลายดอกไม้นิดๆ ทำให้บรรยากาศไม่แลขาวโพลนจนเย็นชานัก บัดนี้ในห้องค่อนข้างสลัวมีเพียงแสงไฟจากโคมหัวเตียงเท่านั้นที่เปิดเอาไว้

ศิราลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง กุมมือคนเจ็บที่หลับไม่ได้สติด้วยฤทธิ์ของยาที่แพทย์ให้ไว้ด้วยความห่วงใย

ทั้งที่แพทย์ฉีดยาไว้เพื่อให้เธอพักผ่อน แต่อันดามันกลับได้สติหลังจากหลับไปเพียงสามชั่วโมงเศษเท่านั้น สีหน้าคนเพิ่งฟื้นมีอาการกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“นี่เอ็มเป็นอะไรหรือคะ” เธอเอี้ยวคอมาแล้วก็ต้องร้องครางเมื่อรู้สึกตึงๆ หน่วงๆ ที่เหนือหน้าอกด้านขวา

“เอ็มโดนยิงน่ะครับ โชคดีที่กระสุนแค่เฉี่ยวไป นี่คุณไม่รู้ตัวเลยหรือ ถึงได้ฝืนยืนอยู่ได้ตั้งนานขนาดนั้น”

อันดามันแตะมือลงบนผ้ากอซสีขาวที่ติดอยู่เบาๆ อย่างมึนงง “โดนยิงเลยหรือคะ เอ็มนึกว่าที่เจ็บเป็นเพราะแรงกระชากของสายเข็มขัดนิรภัยเสียอีก”

ริมฝีปากเผือดซีดที่เม้มแน่นคล้ายข่มความรู้สึกทำให้คนมองเวทนา นึกใจอ่อนอย่างบอกไม่ถูก “เอ็มปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วล่ะจ้ะ”

น้ำเสียงอ่อนโยนเต็มไปด้วยความห่วงใยของอีกฝ่ายทำให้ไหล่บางไหวสะท้าน พยายามกล้ำกลืนความกลัวไว้สุดความสามารถ อันดามันข่มน้ำเสียงมิให้สั่น

“เอ็มไม่รู้จะขอบคุณคุณเล็กยังไงถึงจะพอ”

“อย่าเกรงใจผมอย่างนี้สิเอ็ม ผมสิที่ต้องขอบใจคุณ ที่เอ็มเจ็บตัวนี่ก็เพราะผมทั้งนั้น”

“แต่คุณเล็กบอกว่ามือปืนมันตั้งใจจะมายิงเอ็มนะคะ คุณเล็กต่างหากที่พลอยติดร่างแหมาด้วย” อันดามันแก้ไขความเข้าใจผิด

มือคร้ามที่เลื่อนมากุมมือเธอไว้ถ่ายเทความเข้มแข็งให้แก่กัน

“เอ็มอย่าคิดมากอีกเลย ผมว่าคุณพักผ่อนต่ออีกหน่อยเถอะนะ”

“แล้วคุณเล็กล่ะคะ คุณเล็กให้หมอตรวจบ้างหรือยัง คุณปลอดภัยดีหรือเปล่า” คำถามนั้นทำให้คนฟังยิ้มกว้าง หัวใจพองฟู

“ห่วงผมหรือ ดีใจจัง”

“ห่วงค่ะ ห่วงมากด้วย” อันดามันตอบตามตรง

“ผมปลอดภัยดีจ้ะ ให้หมอตรวจเรียบร้อยแล้ว แถมยังให้ปากคำกับตำรวจเสร็จไปอีกหนึ่งรายการแล้วด้วย”

อาจเพราะสีหน้ายินดี อาจเพราะแววตากรุ้มกริ่ม หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะรอยยิ้มกว้างและประกายวิบวับที่อันดามันบอกไม่ถูกว่ามาจากส่วนไหนบนใบหน้าศิรา หญิงสาวจึงหน้าร้อนฉ่าแปลกๆ จนต้องเสเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่กล้าสบสายตาคมกล้าของเขา ใบหน้าที่มิได้ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางใด แดงก่ำงดงามเกินกว่าสีวิทยาศาสตร์ใดๆ จะสามารถรังสรรค์ได้

ศิราทำไม่รู้ไม่ชี้เอื้อมมาดึงมือเธอไปกุมไว้ ไม่สนใจว่าเจ้าของมือจะพยายามดึงให้พ้นจากการเกาะกุมของเขาเพียงใด สุดท้ายอันดามันก็แพ้แรงอีกฝ่าย ปล่อยให้เขาไล้นิ้วหัวแม่โป้งกับหลังมือเธอเบาๆ แต่โดยดี

อันดามันขยับตัวพยายามให้แลกระฉับกระเฉง ตั้งใจเปลี่ยนเรื่องสุดชีวิต “แล้วเอ็มล่ะคะ ต้องถูกสอบปากคำด้วยหรือเปล่า เอ็มพอจะช่วยแบ่งเบาหรือช่วยคิดได้บ้างไหม”

“คุณลุงกิตติบอกว่าพรุ่งนี้จะมาสอบปากคำเอ็มน่ะ มือปืนคนหนึ่งยิงสู้ตำรวจโดนวิสามัญในที่เกิดเหตุไปแล้ว ส่วนอีกคน...จนป่านนี้ยังไม่ได้สติเลย เห็นคุณลุงว่าตามกฎหมายแล้วเอ็มอาจต้องถูกตั้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บน่ะ”

คนฟังอ้าปากค้าง “อะไรนะคะ! แต่ว่าเอ็มทำทั้งหมดนั่นเพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกยิงนะคะ”

ศิรามีสีหน้าลำบากใจ “จริงอยู่ว่าเอ็มขับรถไล่กวดมันเพื่อตามจับคนร้าย แต่ตามกฎหมายแล้วเราไม่มีสิทธิ์ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บ กรณีนี้ทางท่านนายพลกิตติชี้ว่ายังไงก็ผิดกฎหมายครับ จัดเป็นคดีอาญา”

“นี่มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด เราถูกลอบสังหารนะคะคุณเล็ก แล้วการที่เอ็มตัดสินใจขับรถพุ่งเข้าใส่พวกมันก็เพื่อจะตามจับมันมาลงโทษด้วย”

“ตามหลักแล้วการจับคนร้ายมาลงโทษเป็นหน้าที่ของตำรวจครับ เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินว่าใครถูกหรือผิด เพราะฉะนั้น...”

“พอแล้วค่ะคุณเล็ก เอ็มเข้าใจแล้ว” อันดามันถอนใจ ทั้งที่ฮึดฮัดขัดใจกับช่องโหว่ของกฎหมาย แต่ก็จำต้องพยายามทำความเข้าใจกับมันให้ได้ ที่ศิราพูดมาก็ถูกแหละ กฎหมายถูกเขียนขึ้นมาเพื่อปกป้องประชาชนพลเมือง ขืนใครต่อใครตั้งตัวว่าสามารถพิพากษาความผิดของคนอื่นได้ ใครนึกจะขับรถบุกตะลุยขยี้รถคันไหนก็ได้เพียงเพราะตัวเองเห็นว่าอีกฝ่ายทำผิด บ้านเมืองคงปั่นป่วนแย่

“สรุปว่าตอนนี้เอ็มเข้าข่ายเป็นผู้ต้องหาไปด้วยใช่ไหมคะนี่”

“เท่าที่คุณลุงกิตติว่ามา ก็เป็นข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส...”

“อะไรนะคะ สาหัส? แค่หมดสติไม่ยอมฟื้นนี่นับว่าสาหัสแล้วหรือคะ”

“ครับ ทุพพลภาพชั่วคราวจัดว่าสาหัสแล้ว นอกจากเสียค่าปรับ อาจต้องมีค่าทำขวัญ ค่า...”

อันดามันอ้าปากค้าง จะมีใครซวยเหมือนเธออีกไหมนี่ นอกจากจะโดนยิงถากๆ ไปแล้ว เธอยังเจอคดีอาญาข้อหาขับรถประมาทเพราะไล่จับมือปืนที่จะยิงตัวเองด้วยเนี่ยนะ!

“ตำรวจแบ่งดำเนินคดีเป็นสองกรณีอยู่แล้ว ฝั่งเราผิดเรื่องขับรถประมาท ส่วนกรณีที่เราถูกลอบยิง หลังออกจากโรงพยาบาลเจ้าคนร้ายก็ต้องเปลี่ยนเข้าไปนอนในคุกแทน เอ็มเข้าใจการทำงานของตำรวจไหม”

“เข้าใจค่ะ แม้จะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมกับเอ็มเลยสักนิด” คนพูดหน้าบู้

ศิราหัวเราะหึๆ “บางเรื่องเราก็ต้องยอมรับกับมัน แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยเลยก็ตาม โลกมันมีเรื่องราวอีกมากรอไว้ให้เราประหลาดใจเล่นๆ เอาเป็นว่าเอ็มก็ถือว่านี่เป็นอีกหนึ่งบทเรียนก็แล้วกัน อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามหุนหันพลันแล่นอย่างนั้นอีก โชคดี...ที่ไอ้คนร้ายมันแค่บาดเจ็บ เกิดคุณขับรถไล่กวดหรือชนมันจนถึงตายขึ้นมา เรื่องคงจะยิ่งวุ่นไปกว่านี้แน่ๆ”

“เอ็มเจ็บใจมากกว่า ว่าน่าจะจัดการมันได้ตั้งแต่มันยิงครั้งแรก ไม่น่าจะปล่อยจนมันลงมืออีกหนได้”

“เอ็มครับ ผมรู้ว่าคุณเป็นคนเก่ง แต่คุณต้องไม่ลืมนะว่าอย่างไรเสียเอ็มก็ผู้หญิง คราวหน้าอย่าทำอะไรแบบนั้นอีกนะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมปกป้องคุณดีกว่า”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ เอ็มอาจเคยชินที่จะต้องดูแลตัวเอง แต่ตอนนี้ผมอยากให้เอ็มเชื่อใจว่าผมจะดูแลคุณได้ดีไม่แพ้กัน รู้ไหมบางครั้ง ยิ่งคุณเก่ง และมั่นใจมากเท่าไร ผมก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีมากเท่านั้น เพราะมันเหมือนว่าคุณจำเป็นต้องทำอย่างนี้เพื่อปกป้องตัวเอง เพราะผมยังดูแลคุณได้ไม่ดีเท่าที่ควร”

“โธ่...คุณเล็กอย่าคิดอย่างนั้นสิคะ ที่เอ็มต้องพยายามเก่ง ต้องพยายามดูแลตัวเองเนี่ย ก็เพราะเอ็มอยากจะดีกว่านี้ อยากจะให้ตัวเองคู่ควรกับคุณต่างหาก อย่าคิดอะไรที่มันไม่ตรงกับความเป็นจริงอย่างนั้นอีกนะคะ เอ็มจะน้อยใจมากเลย”

ศิรายิ้มกว้าง “ตกลงๆ แต่ผมว่าตอนนี้เอ็มควรจะนอนพักอีกหน่อยดีกว่านะ”

“เอ็มนอนไม่หลับหรอกค่ะ”

“ทำไมล่ะ เจ็บแผลหรือ?” ชายหนุ่มแทบจะโผเข้าไปคว้าตัวเธอเข้ามากอดเลยก็ว่าได้ สีหน้าและแววตาบอกความห่วงใยสุดซึ้ง

“เอ็มเย็บไปกี่เข็มหรือคะ?” หญิงสาวถามเมื่อนึกได้

“ห้าจ้ะ ระหว่างทางมาโรงพยาบาล คุณไม่ได้สติเลย รู้ไหมผมใจไม่ดีเลย”

“โอ๊ย! เอ็มหัวแข็งจะตาย ขนาดโดนยิงยังแค่ถากๆ ไป เย็บแค่ห้าเข็มเอง รับรองว่าไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ” คนพูดฝืนทำท่าเข้มแข็ง หากเป็นผลให้คนฟังหงุดหงิดอีกคำรบ และคราวนี้เขาไม่อดทนไว้เช่นเดิมเสียแล้ว! ศิราชักสีหน้า แสดงให้เห็นชัดว่าไม่พอใจ

“เอ็ม! ไอ้กิริยาที่ต้องฝืนทำเป็นเข้มแข็งเนี่ย เก็บไว้ใช้กับคนอื่นเถอะนะ เวลาอยู่กับผม เอ็มอ่อนแอได้ตามสบาย อยากเป็นอะไรก็ได้ ไม่ต้องมาปั้นหน้าเป็นผู้หญิงเก่งอะไรนั่นหรอก เราผ่านเรื่องพวกนี้มามากเกินกว่าจะมัวแต่มานั่งเสแสร้งกันแล้วนะ”

คำพูดนั้นเปรียบเสมือนน้ำหยดสุดท้ายที่แต้มลงบนทำนบซึ่งล้นปรี่เต็มที เพียงจบประโยคของศิรา อันดามันก็หน้าเบ้ ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างขวัญเสีย ริมฝีปากสั่นระริกบอกความหวาดกลัว ขณะไหล่บางไหวสะท้านมิใช่เพราะแรงสะอื้น แต่เป็นเพราะอาการสั่นจากเนื้อตัวของหญิงสาวต่างหาก

ศิราดึงร่างที่สั่นเทาเข้ามากอดไว้เบามือ ระมัดระวังมิให้กระเทือนโดนแผลของเธอ เขาส่งผ่านทุกความห่วงใยไปจดจ่ออยู่กับสตรีในอ้อมกอด ปลายนิ้วแข็งแกร่งเกลี่ยไปตามรอยก่ำเช็ดหยาดน้ำตาให้หญิงสาว

“กลัวหรือ?”

อันดามันพยักหน้าแรงๆ มือยึดชายเสื้อเขากำไว้แน่น แล้วก็ต้องทึ่งกับตัวเอง เมื่อพบว่าความรู้สึกหวาดกลัวที่ฟุ้งกระจายอยู่ในใจค่อยๆ หลบลี้หายไป ราวกับว่าสัมผัสของศิรามาพร้อมกับประกายอบอุ่นที่ฉาดฉายเข้ามาไล่ความหนาวเหน็บในใจเธอให้จางไปกระนั้น!

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบสายตากับผู้บริหารคีรีธารา มองเห็นความกังวลจากในดวงตาสีดำสนิทที่ลึกล้ำเกินหยั่งนั้นชัดเจน

ชายหนุ่มลูบศีรษะเธอเบาๆ “ตอนผมเด็กๆ เวลาตกใจเพราะความกลัว แม่จะเอาน้ำอุ่นๆ ให้ดื่มแล้วจะดีขึ้น เออ...เดี๋ยวผมหาอะไรอุ่นๆ มาให้คุณดื่มสักหน่อยดีกว่า เอาไหม”

พูดจบเขาก็ทำท่าจะลุกขึ้น แต่อันดามันรีบคว้าแขนเขาไว้

“แค่คุณเล็กอยู่ด้วยตรงนี้ เอ็มก็หายตกใจแล้วล่ะค่ะ”

ศิรามิได้ยิ้มกว้าง หรือแสดงกิริยาใดให้เธอเขินอายเลย ตรงกันข้าม เขายกมุมปากขึ้นนิดเดียว หากแรงบีบเบาๆ ที่ถ่ายทอดจากมือสู่มือ รวมถึงสายตาที่สานสบกันอันบอกความหมายมากกว่าคำพูดนับร้อย ก็ทำให้อันดามันรู้สึกคล้ายตัวลอยๆ เบาๆ จนต้องก้มหน้าหลบตาเขา

อันดามันรับรู้ถึงความห่วงใย และกิริยาที่บอกแทนทุกคำพูด ว่าไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น เขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอเช่นนี้ ไม่มีวันทิ้งห่างไปไหน

เป็นความอบอุ่นแบบที่หญิงสาวมิเคยได้รับจากใครมาก่อนเลยจริงๆ

นิ้วแข็งแรงช้อนที่ปลายคางบังคับให้เธอแหงนขึ้นสบตาเขา ศิราไล้ปลายนิ้วโป้งไปตามพวงแก้มนวลซับน้ำตาให้เธอ ไล่ลงมายังแนวริมฝีปาก เป็นสัมผัสที่อ่อนโยนบอบบางราวกับมีขนนกเล็กๆ ปัดอยู่บนเรียวปากบาง

หัวใจอันดามันโหมลั่นเป็นจังหวะรุนแรงกระหน่ำอยู่ในช่องอก ยิ่งเมื่อเห็นประกายปรารถนาที่ลุกโพลงอยู่ในดวงตาสีดำสนิทซึ่งดูราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว

กระแสแปลกๆ แล่นไปทั่วร่างหญิงสาว อันดามันขนลุกชัน เธอฝืนใจรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีดึงมือเขาออกจากปลายคาง แล้วก้มหน้าลงหลบสายตาคมกล้าคู่นั้นเพื่อทำลายบรรยากาศอ่อนหวานที่ชวนให้เนื้อตัวร้อนฉ่าไปให้หมดสิ้น ทั้งที่ลมหายใจเริ่มหอบราวกับขาดอากาศกระนั้น เนื้อตัวรุมเร่าจนเธอเองก็แปลกใจที่สัมผัสเล็กน้อยแค่นั้นจะทำให้เธอเสียศูนย์ได้มากถึงเพียงนี้!

ศิราอยากรวบตัวเธอเข้ามากอด และประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากที่สั่นระริกอยู่ตรงหน้านั้นเหลือเกิน!

“คุณเล็กอย่ามองอย่างนี้สิคะ เอ็มทำตัวไม่ถูก”

ศิราหัวเราะน้อยๆ แก้เก้อ นึกก่นด่าตัวเองอยู่ในใจที่เกือบจะปล่อยใจทำตามอำเภอใจเสียแล้ว! ทั้งที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วแท้ๆ ว่าเขาจะไม่ทำอะไรอย่างที่บุรัณเคยทำเด็ดขาด เขาจะให้เกียรติเธอที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อเธอดังนี้!

“รู้ไหม...ผมดีใจเหลือเกินที่เอ็มปลอดภัยน่ะ” ศิรากระซิบบอกหญิงสาวเสียงพร่า เขารู้...เธอมีค่ากับหัวใจมากกว่าแค่ความใคร่ของผู้ชายสักคน

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานแสดงนาฬิกา รวมถึงเหตุการณ์เขย่าขวัญบนถนนนั่นฉายชัดในความทรงจำของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ศิราบอกตัวเองว่าเขาและอันดามันโชคดีจริงๆ เพราะถ้าไม่ใช่อารมณ์บูดๆ จากที่ห้าง เขาคงไม่ขอให้เธอเป็นคนขับรถ และตอนท้ายมันอาจไม่ได้จบลงด้วยดี แต่อาจลงเอยด้วยโศกนาฏกรรมก็เป็นได้!

เพียงคิดว่าเกือบต้องสูญเสียอันดามันไป มือคร้ามก็กำแน่นด้วยความกรุ่นเกรี้ยว นี่ถ้าหากเธอเป็นอะไรไป เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลยจริงๆ!

“เอ็ม...ผมรู้ว่ามันอาจฟังดูไม่ค่อยเหมาะนักที่จะพูดเรื่องนี้ตอนนี้ แต่ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาล ผมกลัวมาก กลัวที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ รู้ไหมผมกลัวอะไร?” ศิราเก็บผมทัดหลังหูให้เธออย่างอ่อนโยน

“ผมกลัวว่าคุณจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย และนั่น...ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งล้ำค่าอย่างหนึ่ง มันสอนให้ผมรู้ว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจ เพราะบางที...มันอาจสายเกินไปก็ได้ ผมรู้ว่ามันฟังดูเหมือนรวดเร็วที่คิดและตัดสินใจอย่างนี้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เอ็มพร้อม เรา...แต่งงานกันเถอะนะ”

อันดามันอ้าปากค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ

“แต่งงาน...” ริมฝีปากบางพึมพำงงๆ คล้ายไม่แน่ใจว่าได้ยินสิ่งใดผิดพลาดหรือไม่ “คุณเล็กหมายถึงแต่งงาน คุณเล็กกับเอ็ม...อย่างนั้นหรือคะ?”

“ใช่! ผมรักคุณ ผมไม่อยากเสียเวลาที่จะได้อยู่กับคุณไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว ผมอยากมีคุณอยู่ข้างๆ เพื่อเป็นทั้งเพื่อน เป็นคู่คิด เป็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เป็น...ผู้หญิงของศิรา ศิวกรณ์ตลอดไป”

“ทำไมถึงเป็นเอ็มคะ”

“เพราะผมเคยพยายามให้เป็นคนอื่นแล้ว แต่ผมทำไม่ได้ มีแต่คุณเท่านั้นที่ทำให้ผมรู้สึกอย่างนี้ได้ รัก หวง คิดถึง อยากได้ยินเสียง ภาคภูมิใจ และความรู้สึกอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายแบบที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน”

“อีกห้าปี สิบปี ยี่สิบปีข้างหน้า คุณเล็กจะเสียใจกับการตัดสินใจนี้ไหมคะ”

“ไม่เลย แต่ถ้าไม่ขอคุณแต่งงานตอนนี้สิ ผมคงจะโกรธตัวเองไปอีกนานแน่ๆ ”

“คุณเล็ก...คุณยังไม่เข้าใจ เอ็ม...” เธอจะบอกเขาได้อย่างไรว่าความมุ่งมาดแรกที่นำตัวเองเข้าไปพัวพันกับบิดาของเขาเพื่อวัตถุประสงค์ใด และบางที...คนที่สั่งการส่งคนมาลอบยิงเธอในวันนี้อาจเป็นพ่อของเขาก็ได้

เห็นกันอยู่ว่าวันนี้เขาเกือบต้องสังเวยคมกระสุนแทนเธอแล้วด้วยซ้ำ หากศิรายังคงอยู่กับเธอ มีแต่เขานั่นแหละที่จะพลอยตกอยู่ในอันตรายไปด้วย!

“คุณขัดข้องหรือจ๊ะ” ศิราทำเสียงหวานได้น่ารักนัก

“แต่เราแตกต่างกันมากนะคะ” เหตุผลเดียวที่ยังพอเหลือให้เธออ้างก็มีแค่นี้

“ผมไม่เคยมองว่าเราต่างกัน ผมเลือกจะเห็นแต่สิ่งที่เรามีเหมือนกันต่างหาก เลิกใช้เหตุผลกับชีวิตสักแป๊บหนึ่งได้ไหม ขอสักครั้งหนึ่งเท่านั้นเองเอ็ม ผมขอแค่ครั้งนี้ที่คุณจะฟังเสียงหัวใจของตัวเอง และเลือกโดยไม่ต้องสนใจว่าจะมีอะไรตามมา ขอแค่เราจับมือกันไว้ ผมมั่นใจว่าเราจะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน” ศิราดึงมือของหญิงสาวขึ้นมา แตะริมฝีปากจูบลงตรงนิ้วนางข้างซ้ายว่างเปล่าที่ยังคงมีรอยซีดขาวจางๆ ทิ้งไว้

“ทีผู้ชายคนที่คุณคิดว่าเหมาะสม คุณยังรับปากแต่งงานกับเขาได้เลย แล้วผม...นอกจากจะเป็นคนที่คุณรักแล้ว ผมยังรักคุณม้ากมากอีกด้วยนะ คุณจะใจร้ายไม่ตอบตกลงจริงๆ หรือ”

คนฟังตาโต ลืมทุกอย่างในใจ รีบแก้ตัวทันควัน “เอ็มไปบอกรักคุณศิราตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ”

“ก็...บอกอยู่นี่ไงล่ะ”

“ตอนไหนคะ? เอ็มเปล่าสักหน่อย”

“ไม่พูดนั่นแหละ...แปลว่ารักแล้ว ถ้าไม่รักมีหวังคงจะด่าผมเปิงไปแล้วล่ะมั้งที่มาโมเมเอาเองฝ่ายเดียวต่อหน้าต่อตาอย่างนี้” ศิราหัวเราะขันๆ “อีกอย่าง...เอ็มไม่เคยได้ยินเพลงนี้เหรอ ที่เขาบอกว่า...”

ชายหนุ่มก้มลงมากระซิบที่ริมหูเธอ ฮัมบทเพลงติดปากให้ฟัง

“All you have to do is close your eyes – ทั้งหมดที่คุณต้องทำก็แค่...หลับตาลง

And just reach out your hands and touch me - เอื้อมมือออกมาสัมผัสผม

Hold me close don't ever let me go – กอดผมไว้แน่นๆ ไม่ยอมปล่อยให้ผมจากไปไหน

More than words is all I ever needed you to show – ผมอยากให้คุณแสดงออกมากกว่าแค่คำพูดพวกนั้น

Then you wouldn't have to say that you love me – แล้วคุณก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำรักกับผมเลย

'Cause I'd already know – เพราะผมรับรู้มันอยู่แล้ว ”

อันดามันเม้มปากแน่น ไม่รู้ว่าต้องการกลั้นยิ้ม หรือกลืนกลั้นความปีติลงในหัวใจกันแน่ มือบอบบางที่วางอยู่บนที่นอนพลิกกลับเพื่อกุมมือศิราไว้

แล้วหญิงสาวก็ขยับกายพยายามประคองตัวให้นั่งถนัดๆ

ศิราตกใจผวาลุกขึ้นช่วยพยุงเต็มที่ “เอ็มจะเอาอะไร บอกสิ ผมจะไปหยิบให้”

แทนคำตอบ อันดามันกลับตวัดมือโอบรอบเอวชายหนุ่ม แล้วซบหน้ากับแผงอกเขา พึมพำเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน

“ไม่ได้จะเอาอะไรค่ะ แค่อยากจะยืนยันเท่านั้นแหละ ว่าที่คุณเล็กรู้มา...สงสัยจะจริง”

ศิราผ่อนลมหายใจออกด้วยความปลอดโปร่ง เขากอดสตรีในอ้อมแขนแน่นเข้า ลูบศีรษะเธอเบาๆ อย่างแสนรัก “งั้นออกจากโรงพยาบาลแล้ว ไปหาฤกษ์กันเลยนะ”

“ใจร้อนไปไหนคะ ขอเอ็มบอกแม่ก่อนสิ คุณเล็กเอง...ก็ต้องเรียนให้คุณพ่อคุณแม่ทราบเหมือนกัน ว่าแต่...คุณแน่ใจหรือคะว่าท่านจะไม่คัดค้านน่ะ”

“ผมเป็นคนแต่ง ไม่ใช่พ่อกับแม่สักหน่อย ถ้าท่านค้านจริง ผมก็จะอธิบายให้ท่านฟังว่าทำไมผมถึงเลือกเอ็ม ซึ่งผมอาจต้องใช้เวลาเล่าสักสองสามเดือนเลยล่ะมั้ง” เขาเย้ายิ้มๆ ก่อนจะลงท้ายแบบคนเอาแต่ใจว่า

“แต่ผมมั่นใจว่าพ่อกับแม่ไม่ห้ามหรอก ผมรักใครพ่อกับแม่ก็ต้องรักด้วยแน่นอน”

หญิงสาวไม่ตอบอะไรได้แต่กอดศิราเอาไว้ในอิริยาบถเดิม ไม่ว่าจะมีกลีบกุหลาบหรือขวากหนามปูโรยอยู่เบื้องหน้า เธอก็พร้อมแล้วที่จะต่อสู้ ขอเพียงแค่ได้มีศิราอยู่เคียงข้าง...อุปสรรคทุกอย่างบนโลกนี้ก็คุ้มค่าที่เธอจะฝ่าฟันไป

ศิราพูดถูก...กับผู้ชายคนที่เห็นว่าเหมาะสม เธอยังเคยทำทุกอย่างเพื่อเขามากกว่านี้เลย

แล้วนี่...กับผู้ชายคนที่เธอแน่ใจแล้วว่ารักเขา ให้ทำมากกว่าที่ศิราร้องขอ ก็ยังถือว่าน้อยเกินไปด้วยซ้ำ!

ทั้งคู่ปล่อยให้ความอ่อนหวานห่มคลุมทั่วบริเวณนั้นอยู่นาน กว่าที่ศิราจะแตะบ่าหญิงสาวดันเธอออกห่าง และกดไหล่ให้ลงไปนอนบนเตียงคนเจ็บดังเดิม

“ดึกมากแล้ว เอ็มนอนเถอะ เดี๋ยวผมก็จะไปนอนแล้วเหมือนกัน”

ศิราคลี่ผ้าห่มขึ้นคลุมจรดหน้าอกให้หญิงสาว ซึ่งมองเขาตาแป๋ว

“คุณเล็กจะนอนที่ไหนคะ”

“ก็โซฟานี่ยังไงล่ะ” เขาชี้ไปยังเก้าอี้ยาวตัวใหญ่ซึ่งวางชิดผนังด้านหนึ่งของห้องพักฟื้น “ระหว่างนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณจนกว่าเอ็มจะหลับก็แล้วกัน สัญญาด้วยเกียรติของศิวกรณ์ ว่าผมจะไม่ล่วงเกินเอ็มแน่นอน”

“คุณเล็กไม่ต้องพูดขนาดนั้นหรอกค่ะ เอ็มเชื่อใจคุณอยู่แล้ว”

ศิรานั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง จับมือเธอมากุมไว้แล้วบีบเบาๆ

หญิงสาวแหงนหน้ามองเขา “ทำไมคุณเล็กต้องทำอะไรๆ เพื่อเอ็มขนาดนี้คะ”

“ผมไม่ได้ทำดีกับเอ็มเพียงเพื่อหวังให้คุณรักผม แต่ที่ผมทำไปเป็นเพราะความรักที่ผมมีต่อคุณต่างหาก”

“เอ็มอยากบอกรักคล่องๆ ปากอย่างคุณเล็กบ้างจัง” หญิงสาวงึมงำ

“กอดผมบ่อยๆ ก็พอแล้ว ที่เหลือเดี๋ยวผมไปตีความเอาเองก็ได้” ศิรากระเซ้าหน้าเป็น

“เอ็มชักเพลียแล้ว สงสัยยานอนหลับคงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว” อันดามันหน้าแดงก่ำ

“ก็นอนสิจ๊ะ”

“คุณนั่งอยู่ตรงนี้ เอ็มจะหลับลงได้ยังไงคะ”

“ผมนั่งอยู่ตรงนี้ เพราะผมจะเล่านิทานให้เอ็มฟังยังไงล่ะ” เขาเกลี่ยผมบนใบหน้าเธอ “หลับตาซะสิ แล้วนอนฟังนิทานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หลับเองแหละ”

อันดามันมีสีหน้าอย่างเด็กได้ของเล่นถูกใจ หญิงสาวยิ้มกว้างหากยอมหลับตาแต่โดยดี แต่แล้วนึกได้ลืมตาขึ้น “แล้วถ้าเอ็มหลับก่อนที่คุณจะเล่านิทานจบล่ะคะ”

“ผมก็จะมาเล่าให้เอ็มฟังต่อวันหลังไง เอ็มตอบตกลงยอมแต่งงานกับผมแล้ว จากนี้ไปเรามีเวลาเล่านิทานก่อนนอนกันไปตลอดทั้งชีวิตนั่นแหละ” เขาเอื้อมมือมาปิดตาเธอ “เอ้า...นอนซะ”

อันดามันยอมหลับตาลงอีกครั้งทั้งดวงหน้ายิ้มแป้น

ศิราบีบมือเล็กในอุ้งมือตนเบาๆ ขณะเริ่มเล่านิทานด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนอันไกลโพ้นแห่งหนึ่ง มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อว่าเอมิโกะซัง…”

พอเห็นคนฟังทำท่าขยับตัว เขาก็รีบเอื้อมมือไปปิดตาเธอไว้ แล้วทำเสียงดุ “ห้ามสงสัย ห้ามถาม นอนฟังนิทานไปเฉยๆ ได้เท่านั้น ขืนคุณถามโน่นนี่ เอ็มก็ไม่เป็นอันหลับกันพอดี”

อันดามันยู่หน้า แต่ก็ยอมนอนนิ่งๆ แต่โดยดี

ชายหนุ่มใช้น้ำเสียงราบเรียบแต่งนิทานตามจินตนาการเล่าไปเรื่อยๆ จวบจนเขาสังเกตเห็นจังหวะหายใจของอันดามันทอดห่าง เป็นสัญญาณบอกว่าเธอหลับแล้ว ชายหนุ่มเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ทอดสายตามองผู้หญิงที่หลับตาพริ้ม มือไล้เส้นผมของเธอเบาๆ อย่างทนุถนอม

ศิรายกมือบอบบางขึ้นจูบแล้วค่อยวางลงข้างกายเธอดึงผ้าห่มคลี่จรดหน้าอกให้หญิงสาวแผ่วเบา สายตาบอกทุกความรู้สึกลึกล้ำในหัวใจ เขามองรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าว่าที่เจ้าสาวของตนเอง พลางนึกถึงคำพูดที่บอกเธอเมื่อครู่แล้วก็เผลอยกมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ปกติมีแต่ผู้หญิงชวนเขาค้างคืนด้วย เพิ่งจะมีวันนี้เองที่เขาต้องขอร้องเพื่อจะได้อยู่ในห้องกับเธอ จะมีอะไรน่าขัน และมีผู้ชายคนไหนที่น่าสมเพชไปกว่านี้อีกไหมนี่!

และแล้วก่อนจะทันรู้ตัว ศิราก็ก้มลงจูบหน้าผากนูนเกลี้ยงแผ่วเบา สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเนื้อตัวคนเจ็บ และนิ่งอยู่ในอิริยาบถนั้นเนิ่นนาน ท้ายที่สุดจึงพึมพำ “ผมรักคุณ อันดามัน”

ชายหนุ่มโหย่งเท้ามาที่โซฟา เขาเอนกายลงนอน สายตาเบือนไปยังเตียงคนเจ็บ มองหญิงสาวที่หลับอยู่บนนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลง พึมพำแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มเต็มดวงหน้า

“ถ้านับจากชีวิตโสดตามประสาผู้ชายที่ผมเคยใช้มาตลอดวัยหนุ่มแล้ว การจูบหน้าผากนี่ไม่เรียกว่าล่วงเกินเลยจริงๆ นะเอ็ม!”




* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *



ประกาศเพื่อทราบค่ะ
ตอนนี้ แผนก่อการรัก พร้อมวางแผงแล้ว
คาดว่าสัปดาห์หน้า น่าจะเริ่มเห็นกันตามร้านหนังสือแล้วเนอะ
วันนี้สิริณเอาปกมาอวดด้วยค่ะ (แอบเห่อ) อิอิ
เข้าไปดูได้ที่นี่

http://www.amarinpocketbook.com/Book_Detail.aspx?BID=3671


สำหรับนิยายตอนที่เหลือ...
ขอทำข้อตกลงกันนิดนึง
สิริณจะทำตามที่เคยตกปากรับคำไว้ค่ะ
คือจะลงให้อ่านกันจนจบแน่นอน
แต่...
เนื่องจากหนังสือวางแผงแล้ว
โดยมารยาทไม่ควรลงทางเว็บแล้ว
เพราะฉะนั้นจะขอแจ้งให้ทราบดังนี้ค่ะ

สิริณจะทยอยลบตอนก่อนหน้าทั้งหมด
ส่วนตอนใหม่ที่ลงให้อ่าน
หลังโพสต์ครบ ๒๔ ชั่วโมง จะลบทันทีค่ะ
อันนี้ต้องขอความร่วมมือจากเพื่อนๆ ด้วยนะคะ
ลงปุ๊บ ช่วยรีบมาอ่านด้วย
เพราะลบแล้วลบเลยค่ะ (ลบพร้อมกันทุกเว็บด้วย)

หากประทับใจหนูเอ็มและคุณศิรา
อยากเก็บฉากบอกรักหวานๆ ไว้อ่านซ้ำๆ
จะช่วยอุดหนุนกัน ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง ^^
คนเขียนจะได้มีกำลังใจผลิตงานสนุกๆ อย่างนี้มาให้อ่านกันต่อไปเนอะ

ส่วนเกมแจกหนังสือ เดี๋ยวมีมาแน่นอน
ถ้ายังไงอดใจคอยสักนิดนะคะ
ให้นักเขียนมีหนังสือเล่มจริงในมือ
เดี๋ยวมาเล่นเกมกันแน่นอนค่ะ ^^



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มิ.ย. 2555, 18:21:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มิ.ย. 2555, 18:21:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 2370





<< ตอนที่ ๓๘   ลงให้อ่านเป็นตอนสุดท้าย >>
minafiba 29 มิ.ย. 2555, 18:35:24 น.
^___________________________^


สิริณ 29 มิ.ย. 2555, 18:51:06 น.
ปกมาแล้วค่า...
เข้าไปดูกันที่คลังของอมรินทร์นะคะ
ที่นี่โพสต์รูปไม่ได้ T_T

http://www.amarinpocketbook.com/Book_Detail.aspx?BID=3671

และหนังสือก็เข้าคลังของอมรินทร์แล้ว
พร้อมจะวางแผงแล้วค่ะ

เข้าร้านหนังสือคราวหน้า
ช่วยเมียงมองหา "แผนก่อการรัก" ให้บ้างนะคะ
ส่งข่าวอัพเดทกันหน่อยว่าละแวกไหนมีให้ยลโฉมแล้ว
ยิ่งใครอุดหนุนแล้ว
แสดงตัวด้วยค่ะ
เดี๋ยวงานสัปดาห์หนังสือ จะเอาตัวไปให้กอดที่บูธอรุณ ๕๕๕

คนอ่านหลายคนเริ่มสยอง และคิดในใจ
ใครเขาอยากกอดเธอกันยะ ยายสิริณ! :P

อ้อ...ต้องบอกก่อนว่า
ฉบับที่ตีพิมพ์ จะมีบางส่วนแตกต่างจากที่โพสต์ในนี้นะคะ

เวิ่นเว้อไปแยะแล้ว
มาคุยกันหลังโพสต์ดีกว่าเนอะ


คุณ minafiba : หนังสือน่าจะวางแผงทันคุณ minafiba กลับเมืองไทย
ยังไงอย่าลืมสอยหอบหิ้วแผนก่อการรักกลับไปด้วยน้า ^^



คุณ Auuuu : สิริณชอบดูหนังแข่งรถอ่ะคุณอุ๊
สมัยพ่อทำงานวอลโว่
พ่อบอกว่าต้องไปเรียนดริฟท์รถด้วย
จำเทคนิคมาแล้ว แต่ยังใจไม่ด้านพอจะดริฟท์เอง
เลยให้นางเอกดริฟท์ไปก่อนละกัน ฮ่าๆๆๆ

ส่วนสาเหตุที่คีรีห้ามศิรา
อีกสองตอนค่ะ เฉลยแน่นอน
แต่ถ้าคอยไม่ไหว
แวะร้านหนังสือเลยค้าบบบบบ อิอิ
(หมายถึงชวนไปสอยหนังสือกลับบ้านนะค้าาาา
อย่าไปอ่านของเค้าแล้วกลับบ้านมือเปล่านะ
เค้าจะงอนๆๆๆๆ และงอนมาก ชิส์!)

แฮ่...ล้อเล่งค่า
ใครจะกล้างอนนักอ่านที่พูดคุยสนุกสนานกันมา
เป็นกำลังใจให้กันมาตลอดล่ะค้า ^^



คุณฟิน : เท่เนอะ
นางเอกแบบนี้ สิริณเขียนเองยังหลงรักเองเลย
ถ้าศิราไม่รักก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว

ว่าแล้วก็...นางเอกเก่งๆแบบนี้ใช่ว่าจะมีบ่อยๆ
อย่าลืมแวะสอย แผนก่อการรักกลับไปชื่นชมเป็นของส่วนตัวนะค้า



คุณ Siang : คาดว่าทุกคนคงเดาเหตุผลไว้แล้วล่ะ
ว่าทำไมคีรีไม่ให้ลูกชายรักกับอันดามัน
ส่วนเฉลยจะตรงใจหรือไม่ ต้องติดตามอ่านกันต่อนะคะ ^^
อีก ๖ ตอนถึงจะจบค่ะ

หรือถ้าคอยไม่ไหว
อยากชวนไปอุดหนุน แผนก่อการรักค่ะ
(จะได้อ่านต่อรวดเดียวจบกันไปเลย อิอิ)



คุณปอแก้ว : สู้ๆ นะคุณปอแก้ว
ช่วงหลังต้องขออนุญาตลบหลังโพสต์ ๒๔ ชั่วโมง
คุณปอแก้วอาจต้องเกาะติดนิดนุง
เดี๋ยวจะตามต่อไม่ครบค่ะ ^^

แต่ถึงอ่านครบ
แล้วถ้าจะอุดหนุนกัน
สิริณก็จะขอบคุณอย่างยิ่งเลยน้า ^o^



คุณ wane : ตอนนี้ยังหวานอยู่เลย
แต่ตอนหน้าเริ่มดราม่ากรุ่นๆ แล้วค่ะ อิอิ



คุณหมีสีชมพู : สงสารฤทัยเนอะ
แต่ก็นั่นแหละค่ะ คนเขารักอ่ะ
ต่อให้อีกฝ่ายไม่คู่ควร ใจร้ายแค่ไหน
แต่บางทีมันก็ตัดใจยากเย็น
(อ๊างงงงง อินเป็นการส่วนตัวค่าาาาา แอบอินเนอร์ 55+)



คุณหมูอ้วน : กลับไปอ่านตอนแรกที่โพสต์ในเว็บเลิฟ
เชื่อไหมคะมีคนคอมเม้นต์คนเดียว
ก็คือคุณหมูอ้วน
นึกแล้วยังจำความตื่นเต้นวันแรกได้เลยที่มีคนมาเม้นต์นิยาย
ขอบคุณคุณหมูอ้วนอีกครั้งนะคะ
ที่ทำให้สิริณประทับใจกับมิตรภาพงามๆ ในเว็บเลิฟแห่งนี้ ^^



คุณ sai : โปรดอดใจคอยทีละนิดนะคะ
ช่วงนี้สิริณงานหนักโฮก
บางทีไม่ได้นอนสองสามวันเลย T_T
นี่ลืมไปสนิท มานึกได้ว่ายังไม่ได้โพสต์เรื่องเอาวันศุกร์
ตาลีตาเหลือกสุดๆ T_T

ขอบคุณไล้ค์ที่ ๒๐ ค่ะ ขอกอดทีนะคะ
(ถ้าไม่ถือ จะแก้มชนแก้มแบบฝรั่งเศสแถมให้ด้วยค่ะ อิอิ)
ตอนที่แล้วได้ไล้ค์มา ๓๒!
โอ้! แม่เจ้า
คุณ sai เป็นส่วนหนึ่งของความปลาบปลื้มของสิริณนะเนี้ย ^^



คุณ violette : รักเอ็ม รักศิรา แล้วรักสิริณ บ้างไหมค้า
(นี่หล่อนไม่ใช่พี่เบิร์ดนะยะยายสิริณ!)
แหะแหะ ลืมตัวค่ะ ^o^

คุณ violette ช่างสังเกตจังเลยอ่ะ
ว่าบุรัณบอกรักฤทัยวันหย่า
อันนี้สิริณตั้งใจนะคะ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนสังเกตเห็นด้วย
ดีใจ น่ารัก น่าเลิฟจริงๆ
เวลาเราตั้งใจเขียน แล้วนักอ่านสังเกตเห็นนี่ปลื้มอ่ะค่ะ ^^



คุณแล่นแต๊ : ใครเป็นคนบงการเนี่ย
เฉลยมามีหงายเงิบค่ะ จริงจริ๊งงงงงง เชื่อป่ะคะ อิอิ



คุณ nunoi : ปัญหากำลังจะได้รับการคลี่คลายค่ะ
อีกไม่กี่ตอน
(ก็แหงละ เรื่องมันใกล้จบแล้วนี่เนอะ)



คุณ roselar : ดีใจเช่นกันค่ะ
ที่เจอแฟนพันธุ์แท้ตั้งแต่สิริณเขียนหนังสือเมื่อสิบกว่าปีก่อน
พอคุณ roselar พูดถึงฉากของแพรมณีในลิขิตหัวใจฯ
สิริณวิ่งไปเปิดหนังสือเลยนะ
เชื่อแล้วค่ะว่าชอบเรื่องนี้มาก
เพราะขนาดคนเขียนเองยังลืมไปแล้วว่านางเอกใส่ชุดสีเหลือง! ^^

ขอบคุณนะคะ กำลังใจเล็กๆ ของคุณ roselar
ยิ่งใหญ่มากๆ สำหรับคนเขียนค่ะ
มีความสุขมหาศาลเลย ยิ้มจนแก้มบานแล้วเนี้ย :P



คุณ agentaja : ขอบคุณค่ะ
ถือเป็นคำชมนะเนี่ย "ผูกปมได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อน" เนี้ย อิอิ
กว่าจะได้ออกมาอย่างนี้
ต้องฝึกปรือฝีมืออยู่หลายปีค่ะ
หากมีข้อติชม ก็ยังต้องน้อมรับมาปรับปรุงแก้ไขอยู่เสมอ

ดีใจที่คุณ agentaja ชอบค่ะ
ถ้ายังไงฝาก แผนก่อการรัก ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ
แม้คำชมจะทำให้คนอ่านมีความสุข
แต่นักเขียนจะอยู่ได้ ก็ด้วยยอดขายอยู่ดี แหะแหะ ^^



ตอนที่แล้วมีเพื่อนๆ มาอ่านกันอุ่นหนาฝาคั่งถึง ๕๘๒ ท่าน
และยอดไล้ค์มากมายเป็นประวัติการณ์ถึง ๓๒ ไล้ค์
กรี๊ดดดดด กรีดร้องด้วยความปีติ
ขอบคุณมากค่ะ ดีใจจริงๆ ที่หลายๆ ชอบ
ฝากติดตามกันจนจบด้วยน้า

^__________________________________^


sai 29 มิ.ย. 2555, 21:08:38 น.
โอ๊ยยยยยยยยยยยยย หวานนนนนนนนจังเลยยยยยย


minafiba 29 มิ.ย. 2555, 21:27:01 น.
^____________^I'll be back to Thailand on 16th next month ka.


whitelabel 29 มิ.ย. 2555, 21:55:53 น.
555555555
กรีด
มารอ ค่ะ
จะอับวันไหนบอกหน่อนนะค่ะ


หมีสีชมพู 29 มิ.ย. 2555, 22:37:31 น.
คุณสิริณช่วยบอกกำหนดการโพสต์ได้มั้ยคะ

คือสัญญาณเน็ตแย่มากถึงมากที่สุดค่ะ เวลาจะใช้ต้องเสี่ยงดวง

ถ้ารู้กำหนดการแน่ๆ จะได้ไปหาที่อ่าน ไม่ก็สวดมนต์ภาวนาให้สัญญาณลอยมาสักที


หมูอ้วน 29 มิ.ย. 2555, 23:27:25 น.
หมูอ้วนก็ดีใจค่ะ ที่ได้คอมเม้นท์นิยายคุณสิริณ สู้ ๆ ค่ะ


nunoi 30 มิ.ย. 2555, 00:08:43 น.
ชอบคุณเล็กจริงๆ แก้ตัวได้นะว่าการจูบหน้าผากไม่เรียกว่าการล่วงเกิน


แล่นแต๊ 30 มิ.ย. 2555, 12:16:16 น.
อะไรจะน่ารักขนาดนี้ คุณเล็กเนี่ย >.<


agentaja 30 มิ.ย. 2555, 19:29:21 น.
สวีทมาก แล้วรอเงื่อนคลายทีละปม หลายปมเหลือเกิน


Auuuu 30 มิ.ย. 2555, 20:42:49 น.
หวานมากกกกกกก น่ารักสุดๆไปเลยยยยย
ถ้าคุณสิริณได้มีโอกาสดริฟท์รถ มาบรรยายให้ฟังบ้างน้า น่าสนุกมากๆ ;))

ป.ล. แอบกลัวมาอ่านไม่ทันเหมือนกันค่ะ เพราะบางทีก็อยู่ในพื้นที่ที่เปิดใช้เน็ตลำบาก


wane 3 ก.ค. 2555, 01:22:45 น.
คุณเล็กน่ารักที่สุดอ่ะ ...หวานม๊ากกกกก

ปล. จะลงตอนต่อๆ ไปวันไหนบ้าง เพราะ wane อยู่ต่างประเทศคะ เวลาไม่ตรงกัน กลัวเข้ามาอ่านไม่ทันอ่ะ


ปอแก้ว 4 ก.ค. 2555, 18:58:20 น.
แง้....ตามอ่านไม่ทันๆๆๆ งานท่วมหัวอ่ะค่าาาาา
ไว้จะไปอุดหนุนรูปเล่มนะค้าาาาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account