ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 4.2 “ก็บอกแล้วว่า ตาอาจารย์กล้วยเนี่ย มีเสน่ห์ซ่อนเร้น”
จะด้วยเป็นบุญหรือกรรมที่ทำมาด้วยกันมา จรินนาก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ แต่เท่าที่รู้ในขณะที่นั่งคีบต้นคะน้าที่อยู่ในจานคะน้าหมูกรอบ จรินนาก็นึกถึงตอนที่ได้ใช้ตะเกียบของตัวเองขวางทางตะเกียบของเขาแล้วเขาก็ส่งสายตาฉงนกับการกระทำของเธอกลับมา ห้แต่เธอแสร้งหลบสายตาของเขาเสีย...
และเมื่อคะน้าปลอดสารพิษเข้าไปอยู่ในปากในขณะที่ลิ้นรับรสชาติ ใบหน้าเจ้าของแปลงพืชผัก
สวนครัวก็ลอยเข้ามาหาเสียอย่างนั้น และในขณะเดียวกัน รอยยิ้มและสายตาของสุนันทากับเขาก็มันทำให้รสชาติอาหารกร่อยขึ้นมาเช่นกัน
“เป็นอะไรของเราเนี่ย” หัวคิ้วของจรินนาขมวดเข้าหากัน..พอได้บทสรุปของหัวใจที่ว่าเธอรู้สึกดี ๆ กับเขา จรินนาก็ต้องรีบส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มยุติมื้ออาหารเพื่อหาอะไรทำฆ่าเวลาฟุ้งซ่านนี้
และเมื่ออยู่ในห้องนอน ขณะที่กำลังจะยืนเลือกเสื้อผ้าเพื่อแต่งตัวออกไปหาคุณดิเรกผู้จัดการโรงแรมอัมรินทร์เพื่อเรียนรู้ระบบงานทั้งหมด...ในจอโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้เป็นเพื่อน จรินนาก็ได้ยินพิธีกรหญิงพูดขอบคุณโรงแรมแห่งหนึ่งที่เอื้อเฟื้อสถานที่ และพอจรินนาหันไปมอง ก็พบว่าที่ผนังด้านหลังพิธีกรนั้นเป็นภาพจิตรกรรมไทยเหมือนคอนเซ็ปของโรงแรมหิมวันต์ที่พ่อวางไว้ จรินนารีบกรากไปยังหน้าจอโทรทัศน์เพื่อเพ่งผ่านไปว่าดูว่าภาพนั้นเป็นรูปอะไร แต่รายการก็จบลงเสียก่อน
แม้จะเห็นภาพนั้นไม่ถนัด แต่จรินนาก็ได้ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของตัวเอง...
ใช่แล้ว...ภาพที่จะวาดในโรงแรมทั้งหมดนั้น ยังไม่มีภาพตัวอย่าง มีแต่การอธิบายคร่าว ๆ ว่าจะเป็นรูปอะไรบ้าง...ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นการทำงานที่ถูกต้องทั้งหมด...และเพื่อให้โอกาสกับเขาคนที่เธอดันรู้สึกดี ๆ ขึ้นมาอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จรินนาจึงต้องคิดสถานการณ์เพื่อจะได้เรียนรู้อุปนิสัยใจคอของเขา
เมื่อแต่งตัวพลางครุ่นคิดเรียบเรียงคำพูดจบลง จรินนาก็รีบเดินไปยังแฟ้มงานที่เลขานุการของคุณพ่อจัดไว้ให้เมื่อวันประชุม ได้เบอร์ของเขามาแล้วจรินนาก็กดเบอร์โทรศัพท์ของเดชาพงษ์ทันที แต่เมื่อจะกดปุ่มส่งสัญญาณ จรินนาก็ชะงักปลายนิ้วชี้ไว้...
“โทรไปดีไหมเนี่ย” หญิงสาวถอนหายใจออกมา แต่ว่าเมื่อมันมีเหตุผลพอที่จะคุยกับเขา เธอก็จำเป็นต้องพยายามไล่ความประหม่าที่เกิดขึ้นมาเองก่อนจะกลั้นใจกดโทรออก...และเสียงรอสายของเขานั้นก็ไม่ได้เป็นเสียงเพลงหนึ่งเพลงใดตามสมัยนิยม และมันก็ดังอยู่นาน กระทั้งสายตัดไป...
“ไปไหนของเขานะ” จรินนาพึมพำเบา ๆ กรอกตาไปมาครุ่นคิด...
แล้วโทรศัพท์ในมือก็สั่นก่อนจะมีเสียงเพลงรอสายที่ตั้งไว้ จรินนาปล่อยให้มันดังอยู่อึดใจก็กดรับสาย “สวัสดีครับ” น้ำเสียงของเขาสุภาพทีเดียว
“สวัสดีค่ะ จรินนาค่ะ” จรินนาจำต้องสุภาพกลับไปเช่นกัน
“คุณจรินนา...” น้ำเสียงของเบาบ่งบอกว่าดีใจระคนแปลกใจจนจรินนารู้สึกได้
“มีอะไรกับผมหรือครับ”
“ตอนนี้คุณเดชาพงษ์อยู่ที่ไหนคะ มาทำอะไรที่โรงแรมหรือเปล่า”
“อยู่บ้านครับ”
“บ้านพักเมื่อวานเหรอคะ”
“บ้านพ่อแม่ตรงกระดานป้าย”
“แถวไหน”
“เลยหนองเบนมาอีกครับ”
“ไปทำอะไรเหรอ” พลั้งปากถามไปแล้วก็รู้ตัวขึ้นมาว่าดูจะอยากรู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปเสียแล้ว
“เอ่อ ..มีอะไรกับผมหรือครับ”
“อยากเจอค่ะ คือ มีเรื่องรบกวนนิดหน่อย....คือ...อยากเห็นแบบที่จะวาดลงผนังปูนของโรงแรม ทั้งหมด” ก่อนคำว่าอยากเห็นแบบ จรินนาเกือบจะแทนตัวเองด้วยคำว่า “จิน” ไปเสียแล้ว...
และพอเขารู้ธุระของจรินนาแล้ว จรินนาก็รู้สึกถึงความเงียบหรือการนิ่งคิดก่อนจะตอบกลับมาไปชั่วขณะหนึ่ง...
“มีแต่จุดย่อย ๆ นะครับ จุดใหญ่ ตรงด้านหลังฟร้อน กับ ผนังตรงหลังบันไดทางขึ้นชั้นสองตรงล็อบบี้มีภาพอยู่ในใจผมเท่านั้น”
“ค่ะ นั่นแหละ ที่ฉันอยากเห็น...”
บอกเขาไปแล้วจรินนาก็เงียบเพื่อจะฟังคำถามของเขา แต่ว่าเขาก็เงียบเช่นกัน ดังนั้นจรินนาจึงต้องร่ายเหตุผลต่อ “คือในสัญญาบอกคร่าว ๆ ว่าจะเป็นภาพอะไร คือจะจะจิน..” ในที่สุดจรินนาก็จำต้องเอ่ยชื่อตัวเองแทนคำว่าฉันอย่างที่เคยชินออกไป และเมื่อมันหลุดออกจากปากไปแล้ว จรินนาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา...
“จินอยากเห็นสเก็ตคร่าว ๆ ค่ะ บอกตรง ๆ นะคะ จินยังไม่เคยเห็นผลงานของคุณเลยว่าเป็นแบบไหน คือจินอยากเห็นอยากรู้ว่าจะวาดอย่างไร อ้อ... ขอร้องก่อนเลยแล้วกัน อย่าเอาเรื่องที่จินโทรหานี่ไปบอกกับคุณพ่อได้ไหมคะ...”
“ทำไมหรือครับ”
“คือ บอกตรง ๆ ก็ได้ค่ะ โรงแรมนี้จินเป็นเจ้าของในอนาคตแน่นอนอยู่แล้ว แล้วก็จะต้องนั่งแท่นบริหารงานอยู่ที่นี่ไปอีกนาน จริง ๆ จินก็ไม่ได้อยากได้ภาพจิตรกรรมไทยที่มีคุณค่ามหาศาลอะไรนี่หรอกค่ะ แต่ว่าเมื่อเป็นความต้องการของคุณพ่อ จินก็จะไม่ขัด แต่ว่า เรามาพบกันคนละครึ่งทางดีกว่า”
“หมายความว่าอย่างไรครับ”
“จินอยากเห็นภาพสเก็ตค่ะ”
“แต่คุณพ่อของคุณจินยังไม่ขอดูเลยนะครับ”
“คุณเดชาพงษ์กำลังจะบอกว่าคุณพ่อเชื่อมือคุณอย่างนั้นใช่ไหมคะ”
“ผมก็ไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไรครับ ผมรู้แต่ว่ารายละเอียดของภาพมันมีมากมายเกินที่จะบอกออกไป...สองภาพนั้นเป็นภาพใหญ่ เป็นจุดเด่นของโรงแรมทีเดียว ผมต้องการให้คนไปที่โรงแรมแล้วหยุดมองภาพนั้นนาน ๆ มองให้ทั่ว ๆ ด้วยว่าภาพสองภาพนั้นต้องการสื่ออะไร”
“ค่ะ จินเข้าใจ แต่จินอยากเห็น เพื่อที่จะได้ปรับอะไรได้ทันก่อนที่มันจะไม่ถูกใจจินไปเสียทั้งหมด”
“หมายความว่าอย่างไรครับ”
“อ้าว...แล้วถ้าคุณเดชาพงษ์วาดไปแล้ว แล้วเกิดจินไม่ถูกใจ จินจะทำอย่างไรคะ ทนให้หนักกว่าเดิมอย่างนั้นเหรอ”
“ครับ คุณจินพูดถูก...ถ้าภาพไม่ถูกใจเจ้าของเงิน มันก็เหมือนหนามทิ่มแทงลูกตาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน” น้ำเสียงของเขาเหมือนกับว่าตอนนี้ลมหายใจของเขานั้นร้อนผะผ่าวอยู่ด้วย และจรินนาก็ยิ้มนิด ๆ ที่มุมปากที่สามารถยั่วอารมณ์ของเขาได้...
แน่นอนว่าเป็นอารมณ์ของคนระดับอาจารย์สอนเขียนภาพ เขาต้องมั่นใจว่าเขามีดี แต่ว่าถูกเธอลูบคมเสียแบบนี้ ดีไม่ดีเขาอาจจะคิดถอนตัวเสียก็ได้...และพอคิดถึงต้องจุดนั้น จรินนาที่รู้ว่าจะต้องมีปัญหากับพ่อตามมาแน่ ๆ จึงต้องรีบไกล่เกลี่ยความเข้าใจของเขาเสีย
“อย่าหาว่าจินเรื่องมากเลยนะคะ”
“ถ้าหาไปแล้วละครับ”
จรินนายิ้มนิด ๆ ไม่คิดว่าเขาจะตอบตรง ๆ มาแบบนี้...
“งั้นจินต้องขอโทษด้วยค่ะ อย่างไรจินก็ยังยืนยันจุดประสงค์ของจิน คือจินอยากเห็นภาพวาดตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณบ้าง อย่างน้อยก็จะได้เห็นสีสันหน่อยว่าเป็นแบบไหน ถ้าจี๊ดจ๊าดไปจินก็ต้องขอปรับ...”
“ได้ครับ...ดูผลงานเก่า ๆ ของผมก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
“วันนี้เลยได้ไหมคะ”
“วันนี้...วันนี้ผมไม่ว่างครับ”
“พรุ่งนี้ละ”
“พรุ่งนี้ผมก็ยังไม่ว่าง...”
“สะดวกเมื่อไหร่คะ” จรินนาทำเสียงร่าเริงเล็ก ๆ ทำเหมือนกับว่าพร้อมรอให้เขาว่าง
“ยังไม่มีกำหนดครับ”
“ต้องมีกำหนดซิคะ”
“เอาเป็นว่า ก่อนจะลงมือวาดภาพแล้วกันครับ ดีไม่ดีผมอาจจะต้องสเก็ตภาพคร่าว
ๆ ไว้ให้คุณจินดูด้วยครับ..จะได้ดูเสียทีเดียว”
“ดีมากคะ”
“ไม่มีอะไรแล้วนะครับ”
“อย่าบอกคุณพ่อนะคะ จินไม่อยากโดนดุ”
“ครับ...”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“งั้นผมต้องขอตัว...สวัสดีครับ”
วางสายจากเขาแล้วจรินนาก็ยิ้มที่มุมปาก และด้วยอารามอยากให้มีคนเข้าข้าง เห็นดีเห็นงามกับความคิดของตัวเอง จรินนาจึงต่อสายหาเอกรินทร์พร้อมกับรายงานความคืบหน้าในเรื่องที่เธอทำลงไป...
และพอทราบเรื่องแล้วเอกรินทร์ก็แยบถามกลับมาว่า
“นอกจากต้องการจะแกล้งให้เขาลำบากใจแล้วมีอะไรแอบแฝงอีกหรือเปล่า”
“ทำไมถามจินอย่างนั้น” จรินนาขึ้นเสียงทันที
“อ้าว นี่เหมือนตื้อหาเรื่องคุยกับเขาก่อนนะ”
“จินก็บอกแล้วว่า เพื่อความสุข ความสบายใจของจินในอนาคต ถ้าเขาไม่ไหว เขาก็ต้องขอบายไป พี่เอกก็รู้นี่ว่า พับโครงการเขียนลวดลายแล้วทาสีทับหรือหาอะไรมาติดไว้มันง่ายกว่าวาดรูปพวกนั้น”
“พี่ว่าเขียนภาพ ก็ดีนะ ทำให้โรงแรมดูมีอะไรให้จดจำดี ดูมีคุณค่า แล้วอีกอย่าง จินอย่าลืมนะนี่คือความต้องการของพ่อตัวเองนะ”
“จินก็ไม่ได้หาเรื่องให้เขาโกรธจนไม่ต้องวาดนี่คะ แค่จินอยากจะเห็นแบบก่อน ถ้ามันประยุกต์ไปในแบบที่จินชอบได้บ้าง มันก็ดีไม่ใช่รึคะ รูปวาดของโรงแรมในรายการอะไรในวันนี้ ในจอโทรทัศน์นะมันก็เป็นภาพไทย ๆ นี่แหละ แต่จินรู้สึกว่า สี เส้นมันแปลกตาดี จินก็เลยอยากเห็นภาพตัวอย่างขึ้น ก็อย่างที่บอกไป”
“ไม่มีอะไรแอบแฝง”
“ก็บอกเหตุผลไปแล้ว”
“เราโตมาด้วยกันนะจิน ทำไม พี่จะดูไม่ออกว่าจินทำแบบนี้ทำไม”
“แล้วเดาใจจินว่าไง...”
“นึกชอบเขาขึ้นมาละซิ”
“อย่ามาใส่ความ”
“ก็บอกแล้วว่า ตาอาจารย์กล้วยเนี่ย มีเสน่ห์ซ่อนเร้น”
“ชอบเขาอยู่ละซิ จีบเลย ๆ” แม้จะยิ้มหน้าแดงระเรื่อที่ถูกจี้ใจดำ แต่ว่าคนอย่างจรินนาไม่มีทางจนมุมง่าย ๆ เสียหรอก
“เขาเป็นผู้ชายนะ”
“ไม่แน่หรอก...พี่ก็เคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่มีอะไรแน่นอนตายตัวหรอก เมื่อเช้าจินถามป้าสำเนียงเรื่องเค้ากับสุนันทา ป้าก็ว่า ดูเหมือนเค้าจะไม่ได้ชอบสุนันทาแบบชู้สาวนะ ผู้หญิงทอดสะพานเสียขนาดนั้น แล้วยังไม่เดิน มันแปลก ๆ อยู่นะ”
“ก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาจะเป็นนี่ แล้วสะพานอันนั้นก็อาจจะไม่ใช่สะพานแบบที่เขาอยากเดินก็ได้”
“จินก็คิดอย่างนั้น...เขาอาจจะชอบสะพานแข็งแรง ๆ แบบพี่ก็ได้”
“ผู้ร้ายปากแข็ง...พอ ๆ ไม่คุยด้วยแล้ว ทำงานก่อน...ช่วงยังว่าง ๆ เบื่อ ๆ ก็คิดแผนการจีบเขาไปแล้วกันนะ...ขอให้โชคดี” สรุปความแล้วเอกรินทร์ก็กดตัดสายไปทันที ส่วนจรินนาก็กระหยิ่มยิ้มย่องกับแผนบริหารเสน่ห์ดูใจคน และแกล้งใครบางคน? ที่เริ่มขึ้นแล้ว
และเมื่อคะน้าปลอดสารพิษเข้าไปอยู่ในปากในขณะที่ลิ้นรับรสชาติ ใบหน้าเจ้าของแปลงพืชผัก
สวนครัวก็ลอยเข้ามาหาเสียอย่างนั้น และในขณะเดียวกัน รอยยิ้มและสายตาของสุนันทากับเขาก็มันทำให้รสชาติอาหารกร่อยขึ้นมาเช่นกัน
“เป็นอะไรของเราเนี่ย” หัวคิ้วของจรินนาขมวดเข้าหากัน..พอได้บทสรุปของหัวใจที่ว่าเธอรู้สึกดี ๆ กับเขา จรินนาก็ต้องรีบส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มยุติมื้ออาหารเพื่อหาอะไรทำฆ่าเวลาฟุ้งซ่านนี้
และเมื่ออยู่ในห้องนอน ขณะที่กำลังจะยืนเลือกเสื้อผ้าเพื่อแต่งตัวออกไปหาคุณดิเรกผู้จัดการโรงแรมอัมรินทร์เพื่อเรียนรู้ระบบงานทั้งหมด...ในจอโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้เป็นเพื่อน จรินนาก็ได้ยินพิธีกรหญิงพูดขอบคุณโรงแรมแห่งหนึ่งที่เอื้อเฟื้อสถานที่ และพอจรินนาหันไปมอง ก็พบว่าที่ผนังด้านหลังพิธีกรนั้นเป็นภาพจิตรกรรมไทยเหมือนคอนเซ็ปของโรงแรมหิมวันต์ที่พ่อวางไว้ จรินนารีบกรากไปยังหน้าจอโทรทัศน์เพื่อเพ่งผ่านไปว่าดูว่าภาพนั้นเป็นรูปอะไร แต่รายการก็จบลงเสียก่อน
แม้จะเห็นภาพนั้นไม่ถนัด แต่จรินนาก็ได้ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของตัวเอง...
ใช่แล้ว...ภาพที่จะวาดในโรงแรมทั้งหมดนั้น ยังไม่มีภาพตัวอย่าง มีแต่การอธิบายคร่าว ๆ ว่าจะเป็นรูปอะไรบ้าง...ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นการทำงานที่ถูกต้องทั้งหมด...และเพื่อให้โอกาสกับเขาคนที่เธอดันรู้สึกดี ๆ ขึ้นมาอย่างไม่น่าเป็นไปได้ จรินนาจึงต้องคิดสถานการณ์เพื่อจะได้เรียนรู้อุปนิสัยใจคอของเขา
เมื่อแต่งตัวพลางครุ่นคิดเรียบเรียงคำพูดจบลง จรินนาก็รีบเดินไปยังแฟ้มงานที่เลขานุการของคุณพ่อจัดไว้ให้เมื่อวันประชุม ได้เบอร์ของเขามาแล้วจรินนาก็กดเบอร์โทรศัพท์ของเดชาพงษ์ทันที แต่เมื่อจะกดปุ่มส่งสัญญาณ จรินนาก็ชะงักปลายนิ้วชี้ไว้...
“โทรไปดีไหมเนี่ย” หญิงสาวถอนหายใจออกมา แต่ว่าเมื่อมันมีเหตุผลพอที่จะคุยกับเขา เธอก็จำเป็นต้องพยายามไล่ความประหม่าที่เกิดขึ้นมาเองก่อนจะกลั้นใจกดโทรออก...และเสียงรอสายของเขานั้นก็ไม่ได้เป็นเสียงเพลงหนึ่งเพลงใดตามสมัยนิยม และมันก็ดังอยู่นาน กระทั้งสายตัดไป...
“ไปไหนของเขานะ” จรินนาพึมพำเบา ๆ กรอกตาไปมาครุ่นคิด...
แล้วโทรศัพท์ในมือก็สั่นก่อนจะมีเสียงเพลงรอสายที่ตั้งไว้ จรินนาปล่อยให้มันดังอยู่อึดใจก็กดรับสาย “สวัสดีครับ” น้ำเสียงของเขาสุภาพทีเดียว
“สวัสดีค่ะ จรินนาค่ะ” จรินนาจำต้องสุภาพกลับไปเช่นกัน
“คุณจรินนา...” น้ำเสียงของเบาบ่งบอกว่าดีใจระคนแปลกใจจนจรินนารู้สึกได้
“มีอะไรกับผมหรือครับ”
“ตอนนี้คุณเดชาพงษ์อยู่ที่ไหนคะ มาทำอะไรที่โรงแรมหรือเปล่า”
“อยู่บ้านครับ”
“บ้านพักเมื่อวานเหรอคะ”
“บ้านพ่อแม่ตรงกระดานป้าย”
“แถวไหน”
“เลยหนองเบนมาอีกครับ”
“ไปทำอะไรเหรอ” พลั้งปากถามไปแล้วก็รู้ตัวขึ้นมาว่าดูจะอยากรู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปเสียแล้ว
“เอ่อ ..มีอะไรกับผมหรือครับ”
“อยากเจอค่ะ คือ มีเรื่องรบกวนนิดหน่อย....คือ...อยากเห็นแบบที่จะวาดลงผนังปูนของโรงแรม ทั้งหมด” ก่อนคำว่าอยากเห็นแบบ จรินนาเกือบจะแทนตัวเองด้วยคำว่า “จิน” ไปเสียแล้ว...
และพอเขารู้ธุระของจรินนาแล้ว จรินนาก็รู้สึกถึงความเงียบหรือการนิ่งคิดก่อนจะตอบกลับมาไปชั่วขณะหนึ่ง...
“มีแต่จุดย่อย ๆ นะครับ จุดใหญ่ ตรงด้านหลังฟร้อน กับ ผนังตรงหลังบันไดทางขึ้นชั้นสองตรงล็อบบี้มีภาพอยู่ในใจผมเท่านั้น”
“ค่ะ นั่นแหละ ที่ฉันอยากเห็น...”
บอกเขาไปแล้วจรินนาก็เงียบเพื่อจะฟังคำถามของเขา แต่ว่าเขาก็เงียบเช่นกัน ดังนั้นจรินนาจึงต้องร่ายเหตุผลต่อ “คือในสัญญาบอกคร่าว ๆ ว่าจะเป็นภาพอะไร คือจะจะจิน..” ในที่สุดจรินนาก็จำต้องเอ่ยชื่อตัวเองแทนคำว่าฉันอย่างที่เคยชินออกไป และเมื่อมันหลุดออกจากปากไปแล้ว จรินนาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา...
“จินอยากเห็นสเก็ตคร่าว ๆ ค่ะ บอกตรง ๆ นะคะ จินยังไม่เคยเห็นผลงานของคุณเลยว่าเป็นแบบไหน คือจินอยากเห็นอยากรู้ว่าจะวาดอย่างไร อ้อ... ขอร้องก่อนเลยแล้วกัน อย่าเอาเรื่องที่จินโทรหานี่ไปบอกกับคุณพ่อได้ไหมคะ...”
“ทำไมหรือครับ”
“คือ บอกตรง ๆ ก็ได้ค่ะ โรงแรมนี้จินเป็นเจ้าของในอนาคตแน่นอนอยู่แล้ว แล้วก็จะต้องนั่งแท่นบริหารงานอยู่ที่นี่ไปอีกนาน จริง ๆ จินก็ไม่ได้อยากได้ภาพจิตรกรรมไทยที่มีคุณค่ามหาศาลอะไรนี่หรอกค่ะ แต่ว่าเมื่อเป็นความต้องการของคุณพ่อ จินก็จะไม่ขัด แต่ว่า เรามาพบกันคนละครึ่งทางดีกว่า”
“หมายความว่าอย่างไรครับ”
“จินอยากเห็นภาพสเก็ตค่ะ”
“แต่คุณพ่อของคุณจินยังไม่ขอดูเลยนะครับ”
“คุณเดชาพงษ์กำลังจะบอกว่าคุณพ่อเชื่อมือคุณอย่างนั้นใช่ไหมคะ”
“ผมก็ไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไรครับ ผมรู้แต่ว่ารายละเอียดของภาพมันมีมากมายเกินที่จะบอกออกไป...สองภาพนั้นเป็นภาพใหญ่ เป็นจุดเด่นของโรงแรมทีเดียว ผมต้องการให้คนไปที่โรงแรมแล้วหยุดมองภาพนั้นนาน ๆ มองให้ทั่ว ๆ ด้วยว่าภาพสองภาพนั้นต้องการสื่ออะไร”
“ค่ะ จินเข้าใจ แต่จินอยากเห็น เพื่อที่จะได้ปรับอะไรได้ทันก่อนที่มันจะไม่ถูกใจจินไปเสียทั้งหมด”
“หมายความว่าอย่างไรครับ”
“อ้าว...แล้วถ้าคุณเดชาพงษ์วาดไปแล้ว แล้วเกิดจินไม่ถูกใจ จินจะทำอย่างไรคะ ทนให้หนักกว่าเดิมอย่างนั้นเหรอ”
“ครับ คุณจินพูดถูก...ถ้าภาพไม่ถูกใจเจ้าของเงิน มันก็เหมือนหนามทิ่มแทงลูกตาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน” น้ำเสียงของเขาเหมือนกับว่าตอนนี้ลมหายใจของเขานั้นร้อนผะผ่าวอยู่ด้วย และจรินนาก็ยิ้มนิด ๆ ที่มุมปากที่สามารถยั่วอารมณ์ของเขาได้...
แน่นอนว่าเป็นอารมณ์ของคนระดับอาจารย์สอนเขียนภาพ เขาต้องมั่นใจว่าเขามีดี แต่ว่าถูกเธอลูบคมเสียแบบนี้ ดีไม่ดีเขาอาจจะคิดถอนตัวเสียก็ได้...และพอคิดถึงต้องจุดนั้น จรินนาที่รู้ว่าจะต้องมีปัญหากับพ่อตามมาแน่ ๆ จึงต้องรีบไกล่เกลี่ยความเข้าใจของเขาเสีย
“อย่าหาว่าจินเรื่องมากเลยนะคะ”
“ถ้าหาไปแล้วละครับ”
จรินนายิ้มนิด ๆ ไม่คิดว่าเขาจะตอบตรง ๆ มาแบบนี้...
“งั้นจินต้องขอโทษด้วยค่ะ อย่างไรจินก็ยังยืนยันจุดประสงค์ของจิน คือจินอยากเห็นภาพวาดตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณบ้าง อย่างน้อยก็จะได้เห็นสีสันหน่อยว่าเป็นแบบไหน ถ้าจี๊ดจ๊าดไปจินก็ต้องขอปรับ...”
“ได้ครับ...ดูผลงานเก่า ๆ ของผมก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
“วันนี้เลยได้ไหมคะ”
“วันนี้...วันนี้ผมไม่ว่างครับ”
“พรุ่งนี้ละ”
“พรุ่งนี้ผมก็ยังไม่ว่าง...”
“สะดวกเมื่อไหร่คะ” จรินนาทำเสียงร่าเริงเล็ก ๆ ทำเหมือนกับว่าพร้อมรอให้เขาว่าง
“ยังไม่มีกำหนดครับ”
“ต้องมีกำหนดซิคะ”
“เอาเป็นว่า ก่อนจะลงมือวาดภาพแล้วกันครับ ดีไม่ดีผมอาจจะต้องสเก็ตภาพคร่าว
ๆ ไว้ให้คุณจินดูด้วยครับ..จะได้ดูเสียทีเดียว”
“ดีมากคะ”
“ไม่มีอะไรแล้วนะครับ”
“อย่าบอกคุณพ่อนะคะ จินไม่อยากโดนดุ”
“ครับ...”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“งั้นผมต้องขอตัว...สวัสดีครับ”
วางสายจากเขาแล้วจรินนาก็ยิ้มที่มุมปาก และด้วยอารามอยากให้มีคนเข้าข้าง เห็นดีเห็นงามกับความคิดของตัวเอง จรินนาจึงต่อสายหาเอกรินทร์พร้อมกับรายงานความคืบหน้าในเรื่องที่เธอทำลงไป...
และพอทราบเรื่องแล้วเอกรินทร์ก็แยบถามกลับมาว่า
“นอกจากต้องการจะแกล้งให้เขาลำบากใจแล้วมีอะไรแอบแฝงอีกหรือเปล่า”
“ทำไมถามจินอย่างนั้น” จรินนาขึ้นเสียงทันที
“อ้าว นี่เหมือนตื้อหาเรื่องคุยกับเขาก่อนนะ”
“จินก็บอกแล้วว่า เพื่อความสุข ความสบายใจของจินในอนาคต ถ้าเขาไม่ไหว เขาก็ต้องขอบายไป พี่เอกก็รู้นี่ว่า พับโครงการเขียนลวดลายแล้วทาสีทับหรือหาอะไรมาติดไว้มันง่ายกว่าวาดรูปพวกนั้น”
“พี่ว่าเขียนภาพ ก็ดีนะ ทำให้โรงแรมดูมีอะไรให้จดจำดี ดูมีคุณค่า แล้วอีกอย่าง จินอย่าลืมนะนี่คือความต้องการของพ่อตัวเองนะ”
“จินก็ไม่ได้หาเรื่องให้เขาโกรธจนไม่ต้องวาดนี่คะ แค่จินอยากจะเห็นแบบก่อน ถ้ามันประยุกต์ไปในแบบที่จินชอบได้บ้าง มันก็ดีไม่ใช่รึคะ รูปวาดของโรงแรมในรายการอะไรในวันนี้ ในจอโทรทัศน์นะมันก็เป็นภาพไทย ๆ นี่แหละ แต่จินรู้สึกว่า สี เส้นมันแปลกตาดี จินก็เลยอยากเห็นภาพตัวอย่างขึ้น ก็อย่างที่บอกไป”
“ไม่มีอะไรแอบแฝง”
“ก็บอกเหตุผลไปแล้ว”
“เราโตมาด้วยกันนะจิน ทำไม พี่จะดูไม่ออกว่าจินทำแบบนี้ทำไม”
“แล้วเดาใจจินว่าไง...”
“นึกชอบเขาขึ้นมาละซิ”
“อย่ามาใส่ความ”
“ก็บอกแล้วว่า ตาอาจารย์กล้วยเนี่ย มีเสน่ห์ซ่อนเร้น”
“ชอบเขาอยู่ละซิ จีบเลย ๆ” แม้จะยิ้มหน้าแดงระเรื่อที่ถูกจี้ใจดำ แต่ว่าคนอย่างจรินนาไม่มีทางจนมุมง่าย ๆ เสียหรอก
“เขาเป็นผู้ชายนะ”
“ไม่แน่หรอก...พี่ก็เคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่มีอะไรแน่นอนตายตัวหรอก เมื่อเช้าจินถามป้าสำเนียงเรื่องเค้ากับสุนันทา ป้าก็ว่า ดูเหมือนเค้าจะไม่ได้ชอบสุนันทาแบบชู้สาวนะ ผู้หญิงทอดสะพานเสียขนาดนั้น แล้วยังไม่เดิน มันแปลก ๆ อยู่นะ”
“ก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาจะเป็นนี่ แล้วสะพานอันนั้นก็อาจจะไม่ใช่สะพานแบบที่เขาอยากเดินก็ได้”
“จินก็คิดอย่างนั้น...เขาอาจจะชอบสะพานแข็งแรง ๆ แบบพี่ก็ได้”
“ผู้ร้ายปากแข็ง...พอ ๆ ไม่คุยด้วยแล้ว ทำงานก่อน...ช่วงยังว่าง ๆ เบื่อ ๆ ก็คิดแผนการจีบเขาไปแล้วกันนะ...ขอให้โชคดี” สรุปความแล้วเอกรินทร์ก็กดตัดสายไปทันที ส่วนจรินนาก็กระหยิ่มยิ้มย่องกับแผนบริหารเสน่ห์ดูใจคน และแกล้งใครบางคน? ที่เริ่มขึ้นแล้ว
จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2555, 01:18:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2555, 01:18:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 2382
<< 4.1“คนอย่างนั้นคงไม่ได้สนใจใครที่ฐานะหรอก...” | 5.1“ผมยังเห็นว่าเค้าจะสนใจอะไรผม” >> |
จุฬามณีเฟื่องนคร 4 ก.ค. 2555, 01:18:32 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ...จุ๊บ ๆ
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ...จุ๊บ ๆ
คิมหันตุ์ 4 ก.ค. 2555, 01:21:17 น.
โอ๊ะ มาไวทันใจ จริงๆ คุณเฟื่อง ลงชื่อก่อนจ่ะ คิคิ
โอ๊ะ มาไวทันใจ จริงๆ คุณเฟื่อง ลงชื่อก่อนจ่ะ คิคิ
จุฬามณีเฟื่องนคร 4 ก.ค. 2555, 01:24:27 น.
มาดึก ๆ เพราะกลางวันนอนหลับ.. 5555555
มาดึก ๆ เพราะกลางวันนอนหลับ.. 5555555
imsoul 4 ก.ค. 2555, 06:27:44 น.
สนุกคะ รออ่านต่อ
สนุกคะ รออ่านต่อ
แว่นใส 4 ก.ค. 2555, 08:14:40 น.
ตามให้ทันนะกล้วย
ตามให้ทันนะกล้วย
Zephyr 4 ก.ค. 2555, 18:45:06 น.
หาเรื่องจีบหรือหาเรื่องโวยกันเนี่ย
แหมๆ จินเอ้ย จีบดีๆก็ได้นะ ไปแบบนี้ ติดลบอ่ะ เหอๆๆๆ
หาเรื่องจีบหรือหาเรื่องโวยกันเนี่ย
แหมๆ จินเอ้ย จีบดีๆก็ได้นะ ไปแบบนี้ ติดลบอ่ะ เหอๆๆๆ
anOO 4 ก.ค. 2555, 18:47:09 น.
ตกลงจินจะเริ่มจีบแล้วใช่ไหม
ตกลงจินจะเริ่มจีบแล้วใช่ไหม
Orathai 4 ก.ค. 2555, 19:55:22 น.
อาจารย์กล้วยคงปวดหัวอีกมากแน่เลย
อาจารย์กล้วยคงปวดหัวอีกมากแน่เลย
lookAme 20 ก.ค. 2555, 18:01:06 น.
จีบแปลกให้เขาจดจำเราได้ คิคิคิ
จีบแปลกให้เขาจดจำเราได้ คิคิคิ