บ่วงร้อยรัก
ชีวิตที่ถูกร้อยรัดไว้ด้วยหนี้บุญคุณและความแค้น หญิงสาวจะทำอย่างไร เมื่อบ่วงรักที่หล่อนเข้าใจ กลับกลายเป็นบ่วงมารที่ฆ่าหล่อนให้ตายทั้งเป็น
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 12

ทักทาย
สวัสดีค่ะ !
หายไปนานเลย แฮ่ๆ บังเอิญคนเขียนป่วยหนักค่ะ
เป็นไข้เลือดออกครั้งที่สอง ซึ่งสเต็ปการเป็นนั้นข้ามไปอีกขั้นคือน็อคไปเลย
ตัวร้อน ต้องแอดมิท เข้าโรงพยาบาล เลยไมไ่ด้มาลงเรื่องต่อเลย
ตอนนี้กลับมาบ้านแล้วแต่ก็ยังอยู่ในช่วงพักฟื้น ตัวยังแดงเพราะฤทธิ์ยุงอยู่เลยค่ะ 55+
ถ้ายังไง ช่วยเป็นกำลังใจผ่านทางนวนิยายด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ

-----
คุณหมูอ้วน -- ทุกอย่างกำลังจะคลี่คลายไปตั้งแต่บทนี้ค่ะ
คุณปอแก้ว -- ตรีประดับจะดีหรือเปล่า สร้างภาพหรือไม่ ช่วยติดตามด้วยค่ะ
-----

ตอนที่ 12

“ คุณสอง...ไม่ทานอีกหน่อยเหรอคะ ”

ประณีตที่คอยชะเง้อคอมองข้าวต้มในถ้วยของผู้เป็นนายว่าพร่องไปเท่าไหร่เอ่ยอย่างเสียใจนิด ๆ เมื่อตรีประดับวางช้อนลงแล้วยกน้ำขึ้นจิบ หญิงสาวที่ตักข้าวต้มไปได้แค่คำสองคำก็อิ่มส่ายหน้าขรึม ๆ แค่เท่านั้นคนรอดูแลแทบจะน้ำตาตกในตามกัน เด็กสาวนั่งก้มหน้านิ่ง อยากตบปากตัวเองที่เอาเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาบอกอีกฝ่ายตั้งแต่เช้า พอพูดออกไปแล้วก็ได้แต่นึกเสียใจว่าไม่น่าที่จะบอกเรื่องของมิ่งโมรีให้อีกฝ่ายฟังเลย

“ อิ่มแล้วล่ะนิด เก็บลงเถอะ ”

“ แต่คุณสองจะไม่สบายนะคะ หนูว่าทานอีกหน่อย...” ความเป็นห่วงทำให้ประณีตคะยั้นคะยอ แต่คนถูกขอร้องกลับปฏิเสธ

“ ขอบใจนะ แต่ไม่ไหวจริง ๆ ”

“ เพราะหนูใช่ไหมคะ หนูไม่น่าพูด ”

คนหาเรื่องให้เดือดร้อนแทบตีอกชกหัวตัวเอง แต่ครั้นจะให้ปิดปากเงียบประณีตก็ทำไม่ได้ อย่างน้อยหล่อนก็ต้องเตือนให้ตรีประดับได้ระวังตัว เหมือนที่คนสวนหนุ่มยังสู้อุตส่าห์บอกหล่อน

“ นิด ” ตรีประดับเรียกเด็กสาวเสียงอ่อน สีหน้าน้ำเสียงจริงจัง “ ไม่ใช่ความผิดอะไรที่ต้องขอโทษเลย ตรงกันข้าม ฉันต้องขอบใจ ขอบใจมาก ๆ แต่ว่า ระหว่างนายอุ่นกับน้องสาวของฉัน ฉันควรเชื่อใคร นิดรู้ใช่ไหม ”

“ ทราบค่ะ คุณสองรักคุณมิ่ง แต่ว่า... ”

“ ไม่มีแต่ ฉันเชื่อว่ามิ่ง คงไม่คิดทำอะไรที่มันไม่ดี ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะเชื่ออย่างนั้น พี่น้องนะนิด พ่อเดียวกันโตมาด้วยกันไม่มีทางทำร้ายกันแบบนั้นแน่ ๆ ”

ประณีตไม่ตอบ หากสีหน้าหล่อนคงไม่ดีจนตรีประดับต้องเอื้อมมือมาบีบไหล่ เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ต้องตกใจที่เห็นตรีประดับกำลังเชิดหน้า กลั้นน้ำตาอยู่เงียบ ๆ

“ คุณสอง ”

“ ฉันจะไม่คิด ไม่คิดอะไรทั้งนั้น อย่าพูดอีกนะนิด อย่าพูดอีก ”

คนถูกขอให้เข้าใจเม้มริมฝีปากแน่น ยอมพยักหน้ารับ ทั้งที่ในใจชิงชังไปถึงคนที่ทำให้เกิดเรื่องราว ตรีประดับมองอาการเก็บกลืนความคิดของประณีตแล้วปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มก่อนลุกออกจากโต๊ะอาหารด้วยท่าทางเหมือนคนที่ฝืนตัวเองยืนอยู่เต็มที่ ฆนาคมที่เข้ามาเพื่อบอกว่ารถที่เตรียมไปรับส่งไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมอรรถพร้อมแล้วมองภาพทั้งนายทั้งบ่าวนิ่งเฉย ขณะที่คนหันกลับมาเห็นแทบจะก้าวพรวดเดียวถึงตัวชายหนุ่ม

“ พี่อุ่นรู้ใช่ไหมคุณมิ่งจะทำอะไร ”

ดวงหน้าเล็กที่แหงนเงยขึ้นมอง มีทั้งรอยกังวลเจ็บช้ำ ฆนาคมแสร้งถอนหาย ส่ายหน้า เอื้อมมือช่วยอีกฝ่ายถือของพาเดินให้ออกห่างจากเรือนหลังเล็ก ตรงไปยังห้องครัวด้านหลัง

“ ไม่รู้ ”

“ ไม่จริง พี่อุ่นต้องรู้ ถ้าไม่รู้แล้วจะมาสั่งให้ฉันคอยดูแลคุณสองทำไม ” ประณีตคาดคั้น มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาคลางแคลงเป็นครั้งแรก

“ คุณสองอยู่ในช่วงอ่อนแอ คุณอรรถฟื้นขึ้นมา อะไร ๆ ก็คงต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิม หรือนิดว่าจะมีอะไรเปลี่ยน ”

“ ไม่เปลี่ยน ลูกสาวที่ไม่รัก ยังไงก็ไม่รัก สี่เดือนที่คุณมิ่งอยู่นี่ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น มีแต่เลวลง ๆ คนแบบนี้กลับมาทำไม จะไปตายไหนก็ไปสิ ”

“ นิดอยากให้คุณมิ่งตายจริงเหรอ ” ชายหนุ่มทำเสียงหยั่งเชิง วางถาดอาหารที่เก็บแล้วในมือ เพื่อมองคนอ่อนวัยกว่าเต็มตา

“ ไม่...ไม่อยาก แต่ก็ไม่อยากให้อยู่ที่นี่ ”

“ ยากนะ นี่บ้านเธอ จะไม่อยู่คงไม่ได้ ”

“ กับคุณเทียนไงล่ะ ทำไมไม่ไปอยู่ด้วยกัน ”

ประณีตเอ่ยอย่างขุ่นมัว วางข้าวของในมือปึงปัง ไม่ทันเห็นว่าคนที่ถูกพูดถึงชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเข้ามา มิ่งโมรียิ้มให้ชายหนุ่มหนึ่งเดียวในห้อง ทำสีหน้าบอกให้อีกฝ่ายอย่าพูดอะไร เพราะหล่อนจะเป็นคนพูดเอง

“ ก็ถ้าพี่สองอนุญาตล่ะก็ ฉันไปอยู่ด้วยแน่ ”

คนถูกทักหันขวับมอง วูบแรกคือความตกใจเพราะไม่คิดว่าคนถูกนินทาจะกลับมาเร็วกว่าที่คิด แถมยังปรากฏตัวเงียบ ๆ มิ่งโมรีหัวเราะคิก หญิงสาวก้าวเข้ามาเพื่อคุยกับเด็กสาวโดยเฉพาะ

“ สนุ้กสนุกล่ะนิด คุณเทียนของพี่สองนี่ดีนะ ฉันสั่งอะไรเขาก็ทำหมดเลย มีความสุขที่สุด ”

“ หนูไม่ได้อยากรู้ ” ประณีตเอ่ยเสียงแข็ง พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ยิ้มเยาะออกมาเต็มที่

“ อะไร ? ฉันมองตานิดก็รู้แล้วละว่าอยากรู้ เป็นยังไงเรื่องของเจ้านายสนุกไหม ? จะเอาไปรายงานกันยังไงล่ะ ” คนเพิ่งกลับมาย้อนเสียงเย็น

“ เรื่องแบบนี้หนูไม่กล้ารายงานหรอกค่ะ ”

ประณีตโต้กลับ ท่าทีของเด็กสาวทำให้มิ่งโมรีก้าวเข้ามาประจันหน้ากับคนที่สบตาท้าทายเช่นกัน หญิงสาววางมือลงบนไหล่บางกดน้ำหนักลงไปเล็กน้อยก่อนลอยหน้าลอยตาเอ่ยว่า

“ อะไรกันนิด เล่าให้ฟังขนาดนี้แล้วยังไม่ประทับใจอีกเหรอ งั้นเอาฉากบนเตียงไหม เผื่อจะได้อารมณ์กว่า ”

“ ถ้าคนเล่าหน้าด้านพอที่จะเล่า หนูก็หน้าด้านพอที่จะฟังค่ะ ”

คนถูกด่า ถอยตัวเองออกห่าง แทนที่จะโมโห มิ่งโมรีกลับหัวเราะพอใจ ประณีตสะบัดตัวเองออก ทำท่าขยะแขยงรังเกียจหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง

“ เอาไว้วันหลังละกันนะ วันนี้ฉันปวดเนื้อปวดตัวไปหมด เผอิญว่าเรารุนแรงกันมาก ”

มิ่งโมรีลากเสียงยาวในประโยคสุดท้าย คนที่ทนฟังไม่ได้กลับเป็นเด็กสาวเองที่รีบเดินหนีออกจากห้องครัว เหลือแค่เพียงคนสวนหนุ่มให้ยืนรับหน้า มิ่งโมรีเลยแทบจะเกาะแขนของอีกฝ่ายไว้ แต่คนตัวสูงกลับจูงลากข้อมือบางให้หลบไปยังสวนด้านหลัง หญิงสาวที่ไม่ทันเตรียมใจกับการถูกกระชากจนสะดุดล้มไปตามทาง แต่ฆนาคมก็ยังไม่ปล่อยมือหล่อน หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ปริปากเอ่ยคำใดแม้จะเจ็บไปทั้งตัว มือเรียวเปิดประตูห้องนอนเล็ก ผลักแค่เบา ๆ ร่างเล็กผอมก็เข้าไปนอนกองอยู่ในนั้น

“ นายอุ่น ! ”

มิ่งโมรีผวาลุก แต่ชายหนุ่มไม่เปิดโอกาส ริมฝีปากของหญิงสาวถูกปิดด้วยริมฝีปากอุ่นหนา และร่างกายที่โถมทับลงมาของฆนาคม

***

นวลอนงค์ละสายตาจากจอโทรทัศน์ เมื่อตรีประดับไหว้ลาผู้ชมทางบ้านผ่านรายการยามเช้าที่ทำอยู่ มือขาวค่อย ๆ หยิบถ้วยน้ำชาซึ่งถูกรินไว้นานแล้วขึ้นจิบแววตาเป็นประกายพอใจ ตั้งแต่เข้ามานั่งเฝ้าคนเจ็บ หล่อนก็ฟังเสียงชื่นชมถึงความสวยน่ารักของบุตรสาวคนเดียวจากเจ้าของร่างกำยำไม่ขาดปาก ก่อนความอยากรู้จะทำให้เอ่ยปากถามอย่างเกรงใจว่าทำไมคนที่เริ่มแรกนอนพักอยู่ในห้องวีไอพี ถึงได้ออกมาอยู่ร่วมกับผู้ป่วยรวมรายอื่นในห้องสีขาวแคบ ๆ

“ เหงาสิคุณนวล ตัวคนเดียวแล้วนี่นา ”

คนตอบคำถามหัวเราะเบา ๆ ดวงตาคมที่ราวกับมองทะลุปรุโปร่งจับจ้องคนนั่งอยู่นิ่ง ดวงหน้าเรียวขาวอย่างผู้มีเชื้อสายจีนแท้ แม้ซูบซีดหากยังบอกเค้าอำนาจที่เจ้าตัวมี

“ อะไรกันคะ เจ้าสัวออกจะมีเพื่อนมาก ”

นวลอนงค์แกล้งทำเสียงสูงอย่างประหลาด ความจริงนางติดใจสงสัยมาตั้งแต่เอ่ยปากชวนคนที่เคยมาเยี่ยมแล้วไม่มีใครอยากมาตั้งแต่ตอนนั้น

“ เฮ้อ...คนเรานะ เงินมากเพื่อนก็มาก พอหมดเงินถึงจะเห็นว่าใครเป็นเพื่อนแท้จริง ๆ ” คนสูงวัยเอ่ยเหมือนรำพึง แต่นวลอนงค์เลิกคิ้วสูง หวั่นใจ

“ แหม...คนเราะก็มีหลายประเภทนะคะท่าน สุดแต่ว่าจะเลือกคบ ”

“ นั่นสินะ ว่าแต่หนูสองน่ารักจริง ๆ อย่างนี้ต้องเรียกกว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวใช่ไหม คุณนวลสวยยังไง ลูกสาวก็ถอดแบบแม่ออกมาเลย ”

“ ลูกสวยกว่าแม่ค่ะ แม่น่ะแก่แล้ว ”

นวลอนงค์โต้ตอบ มองห้องพักรวมแล้วฝืนยิ้ม นึกถึงข่าวลือเหลวไหลที่ตรีประดับได้มา ตอนนี้นางชักไม่แน่ใจแล้วว่า ใครกันแน่ที่ได้ข่าวลวง

“ ขอบคุณที่อุตส่าห์มาเยี่ยมคนแก่ แถมยังเปิดรายการดี ๆ ให้ดู ”

ชายชราบอกยิ้มๆ เอื้อมมือวางถ้วยน้ำชาลงบนแป้นเชื่องช้า ด้วยวัยที่มากขึ้นทำให้การเคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่วดังเดิม แม้แต่ความทรงจำก็ยังลางเลือนลงทุกวัน สิ่งเดียวที่หวังคือการตามหาหลานชายคนเดียวให้พบ เพื่อที่ว่าจะได้นอนตายตาหลับหมดห่วงกังวลทั้งปวง

“ ขอบคุณที่พยายามช่วยให้คนแก่ไม่โดดเดี่ยว ฝากขอบคุณขนมของหนูสองด้วย อร่อยมาก ”

“ ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ”

“ ดิฉันเชื่อว่าอีกไม่นาน คุณเทียนหลานชายท่านต้องกลับมาค่ะ ”

นวลอนงค์ให้ความหวัง ทั้งที่รู้ว่าอาจไม่มีวันมาถึง แต่จะให้ทำยังไงได้ หน้าที่หล่อนคือประจบเจ้าสัวพันล้าน ที่ในอนาคตข้างหน้าอาจกลายเป็นบ่อเงินบ่อทองให้ได้กอบโกย ธุรกิจโรงแรมหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศของชายชราตรงหน้าจะทำให้ชีวิตของนางกลับมาสุขสบายได้อีกครั้ง ถ้าเพียงแต่ตรีประดับทำตามที่หล่อนวางไว้ จับหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าสัวธนาได้อยู่หมัด

“ ไม่มีทาง เจ้าเทียนมันใจเด็ด เรื่องอะไรที่บอกว่าไม่ เป็นไม่มีใครฝืนได้ ”

“ ดิฉันเล่าเรื่องนี้ให้ลูกสาวฟัง ยัยสองบอกว่าจะพยายามช่วยค่ะท่าน อย่างน้อย ๆ สื่อมวลชนก็อยู่กับข่าว ข่าวเจ็บป่วยของท่านเจ้าสัวดังออกอย่างนี้ ยังไงก็ต้องรู้ถึงหูคุณเทียนแน่ค่ะ ดิฉันยืนยัน ”

“ ขอบคุณ ๆ ทั้งคุณนวลทั้งหนูสองมีน้ำใจจริง ๆ ”

“ ดิฉันซื้อส้มมาฝากด้วยค่ะ ”

ตะกร้าส้มชั้นดีที่วางเด่น ตัดสีสันกับขอบกำแพงขาวของชั้นวางของ ที่ไม่มีแม้แจกันไม้ประดับ หรือของเยี่ยมอื่นๆ นวลอนงค์มองความโล่งว่างด้วยความเข้าใจว่า เพราะเจ้าสัวธนาร่างกายเจ็บออดแอด เกสรดอกไม้ที่ปกติจะทำให้คนเจ็บชื่นตาชื่นใจเลยถูกเก็บ เนื่องจากอาจทำให้ระบบทางเดินหายใจของอีกฝ่ายทำงานได้ไม่ดีนัก

“ ลำบากลำบนแย่ ”

“ ไม่เลยค่ะท่าน บ้านเราชินกับคนเจ็บค่ะ รู้วิธีปรนนิบัติดี ”

“ ชินกับคนเจ็บ ? ” คนนอนนิ่งทวนคำถาม นวลอนงค์ยิ้มนิดเดียวแล้วรีบบอกเพื่อคลายความสงสัยของชายชรา

“ สามีดิฉันนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่หลายเดือนเพิ่งฟื้นเมื่อเร็ว ๆ นี้เองค่ะ ค่าใช้จ่ายในบ้านยัยสองก็เป็นคนรับดูแล วิ่งรอกรับงานเช้าเย็น ลูกบุญธรรมที่สามีรับมาเลี้ยงก็เอาแต่ตะลอนเที่ยว ภาระเลยตกอยู่ที่ยัยสอง ไหนจะแม่ ไหนจะพ่อ ไหนจะน้องเลี้ยง ควักเนื้อตัวเองยังแทบไม่พอ ”

พูดไปแล้วนวลอนงค์แกล้งทำท่าคล้ายเพิ่งนึกนึกขึ้นได้ว่าไม่ควร ประโยคต่อมานางเลยทำสีหน้าเกรงใจ เอ่ยแก้ตัวว่า

“ ขอโทษนะคะท่าน พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ทีไรอดใจไม่อยู่ทุกที หัวอกคนเป็นแม่เห็นลูกตัวเองทุกข์แล้วทนไม่ได้ค่ะ พอได้คุยกับท่านเหมือนได้ปรับทุกข์ ดิฉันเลยยิ่งเล่าเอาแต่ใจ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ควรเอาเรื่องที่บ้านมาทำให้ท่านเจ้าสัวไม่สบายใจ ”

“ คนแก่ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากคุณนวล ฟังมาทุกเรื่องจนรู้ดีแล้วว่าจะเลือกเก็บดอกไม้หรือก้อนหิน พูดแล้วก็ตลก ฉันมันก็อวดเก่งเคยสอนคนเค้าไปทั่ว แต่พอมาเรื่องของตัวเองกลับวางไม่ลง ”

“ ท่านอย่าเพิ่งคิดอย่างนั้นสิคะ ”

นวลอนงค์ปลอบ พยายามแสดงออกให้เห็นว่าตนเองจริงจังแค่ไหนกับการมาเยี่ยมคนเจ็บ เจ้าสัวธนาสูดลมหายใจยาว ดุจต้องการผ่อนผันเรื่องที่ทุกข์ทนอยู่ในใจ นวลอนงค์เห็นท่าทีเหล่านั้นแล้วเลยรีบแทรก เอ่ยด้วยน้ำเสียงหวังดียิ่งว่า

“ ถ้ามีอะไรให้ยัยสองกับดิฉันช่วย ท่านเจ้าสัวบอกได้เลยนะคะ เราสองแม่ลูกยินดี ”

“ คุณนวลยังพึ่งพาลูกสาวได้ ฉันสิพึ่งใครไม่ได้เลย ”

แสงสว่างที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาเผยให้เห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างที่ตอบซูบ มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ยังแจ่มใส มือผอมกร้านเพราะทำงานหนักมากว่าครึ่งค่อนชีวิต เต็มไปด้วยริ้วรอย

“ หลานชายคนเดียว พ่อตาย แม่ตรอมใจตายตาม ฉันผิดเองที่คิดว่า การส่งมันไปอยู่ที่อื่นโดยไม่ต้องมาเจอกับภาพเดิม ๆ ของบ้านจะทำให้มันทำใจได้ง่ายขึ้น ที่ไหนได้ ช่วงเวลาแบบนั้นความอบอุ่นจากคนในครอบครัวต่างหากที่สำคัญที่สุด”

“ เด็กต้องการความรักทุกคนค่ะท่าน ยิ่งในช่วงเวลาที่โหดร้ายยิ่งต้องการความรักความใส่ใจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ”

นวลอนงค์ให้ความเห็น นางเป็นแม่คน ย่อมเข้าใจความรู้สึกของลูกดี เสียดาย...ไม่มีลูกคนไหนได้ดั่งใจนางสักคน

“ แต่ฉันไม่ได้ให้ความรักมันเลย มัวแต่ยุ่งกับธุรกิจ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที เวลาก็ผ่านไปเกือบยี่สิบปีแล้ว เราปู่หลานไม่เคยคุยกันตรงๆ สักที ”

จดหมายที่ส่งมาถึง มีแค่ประโยคข้อความสั้นๆ ว่า ‘ สบายดี ’ จากความกระตือรือร้นรอคอย เปลี่ยนเป็นความทุกข์ใจทุกครั้งที่ได้รับซองจดหมายสีขาวประทับตราที่อยู่ในต่างประเทศ ชายชราเคยคิดอยากบินไปหา เพื่อพูดคุยให้รู้เรื่องถึงความเหินหางที่กลายเป็นกำแพงกั้นระหว่างปู่กับหลาน หากทิฐิเป็นตัวยับยั้งความปรารถนาทั้งหมด กว่าจะรู้ว่าช่วงเวลาที่มัวแต่ลังเลใจ กลายเป็นระยะห่างทอดยาวก็สายเกินแก้ และถึงพยายามเรียกร้องกลับมา ก็ไม่แน่ว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม

“ เจ้าเทียนมันไม่รักปู่มันหรอกคุณนวล ยิ่งมันรู้ว่าฉันมีหนี้สินท่วมตัวให้มันต้องมาช่วยแก้ด้วยแล้วล่ะก็ มีแต่จะเปิดหนีมากกว่า ใครจะอยากรับภาระหนี้ท่วมตัวกันล่ะ แค่ให้มันมางานเผาศพฉันได้ก็ดีถมไปแล้ว ”

“ เมื่อกี้... ท่านว่าอะไรนะคะ ? ”

“ คุณนวลได้ยินข่าวแล้วใช่ไหม ? ”

“ คะ ? ”

“ ข่าวที่ว่าฉันล้มละลายมีหนี้สินรุงรังน่ะสิ ”

“ ก็...ก็พอทราบบ้างค่ะ เข้าใจว่าเป็นข่าวลือมาตลอด ”

นวลอนงค์แบ่งรับแบ่งสู้ รู้สึกเนื้อตัวร้อนผ่าวด้วยอารมณ์ขุ่นใจ คำถามเมื่อครู่ของเจ้าสัวธนาบอกความจริงที่นางสงสัยมาตลอดได้อย่างชัดเจน

“ นั่นล่ะ ตอนนี้ก็เหลือแต่คุณนวลที่ยังแวะเวียนมาเยี่ยม ส่วนคนอื่น...ก็อย่างที่เห็น หายหน้าหายตาไปกันหมด ”

“ ที่ว่าท่านกำลังล้มละลาย จริงหรือคะ ? ”

นวลอนงค์ถามเสียงปร่า หวังไว้ว่าตัวเองคงหูฝาดกับคำบอกเล่าของชายชราเมื่อครู่ ...ล้มละลาย หมดตัว มีหนี้สินท่วมหูท่วมหัว

“ ขอโทษด้วยที่ทำให้ตกใจ ไม่มีแล้วล่ะบ้านหลังใหญ่ ๆ จัดงานใหญ่ ๆ อ้อ จะเหลือก็แต่งานศพฉันยังไงล่ะ คงไม่ใกล้ไม่ไกลนี้หรอก เชิญคุณนวลล่วงหน้าเลยก็แล้วกัน ”

นวลอนงค์ไม่ใส่ใจคำตอบเรื่องความเป็นความตายของใคร ที่นางต้องการรู้คือคำยืนยันจากคนเจ็บ เกือบอาทิตย์ที่หล่อนซื้อของมากมายมาเยี่ยม คัดสรรแต่สิ่งที่ดีที่สุดมาฝาก จะปล่อยให้ล่มสลายลงไปต่อหน้าทั้งที่ยังไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด

“ ท่านไม่เคยบอกดิฉันเลย ”

“ ไม่ได้ตั้งใจปิดบังอะไรหรอก แต่หนี้สินฉันเยอะ ผลประกอบการที่ผ่านมาถือว่าติดลบ เคราะห์ซ้ำมาโดนน้ำท่วมจนต้องปิดโรงงานไปหลายแห่ง กว่าจะฟื้นฟูกว่าจะเริ่มต้นใหม่ สุดท้ายก็หมดเงินไปอย่างเปล่าประโยชน์ คนแก่ก็อย่างนี้ทำอะไรก็ไม่ค่อยคล่อง หวังพึ่งพาหลานชายคนเดียว มันก็ดันมาหายหัวไปเสียฉิบ นี่อีกไม่นานหนังสือพิมพ์ทุกฉบับคงลงข่าว ประกาศให้รู้กันไปเลยว่าเจ้าสัวธนาคนนี้หมดตัวแล้ว ”

“ แล้ว...แล้วท่านจะทำยังไงต่อไปคะ ทั้งบ้าน ทั้งที่ดิน...มากมาย ” นวลอนงค์ฝืนใจถาม พยายามบังคับตัวเองไม่ให้ลุกหนีออกจากห้องเต็มที่

“ ขาย ! ใช้หนี้ให้หมด ของอย่างนี้หาใหม่ได้ เหลือก็แต่เจ้าเทียนมัน เป็นห่วงคงช็อคน่าดูถ้ารู้ว่าบ้านของพ่อแม่มันต้องถูกขาย ญาติพี่น้องก็ไม่มี มีแต่ศัตรูในธุรกิจ ”

ชายชราเอ่ยเด็ดเดี่ยว ก่อนหันหาคนนั่งอยู่ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายขอร้องว่า

“ คุณนวล...รับปากกับฉันได้ไหมว่าถ้าพบมัน จะช่วยสั่งสอนมันแทนฉัน ถ้าเกิดฉันตายไป...”

“ ท่านไม่ตายง่าย ๆ หรอกค่ะ ”

คนถูกฝากฝังล่วงหน้าแทรกเสียงหวาน ยิ้มให้คนเจ็บที่มองให้ดีแล้วเหมือนผักเหี่ยวๆ บนเตียงสีขาว ทำไมนางไม่ตาสว่างให้เร็วกว่านี้ น่าจะถามตรีประดับเสียตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องทนทำดีให้เสียเวลา

“ ท่านต้องอยู่รอเจอคุณเทียนก่อน นะคะ ”

อย่างน้อยก็ควรมีชีวิตอยู่เลี้ยงหลานที่ไม่รู้จักโต ไม่ใช่จับโยนมาให้นางเหมือนโยนผักโยนปลา หรือถ้าอยากจะตายก็ตายไปคนเดียว ไม่ต้องมาลากนางตายทั้งเป็นไปด้วย แค่อรรถคนเดียวนวลอนงค์ก็กระอักเจียนตายอยู่แล้ว ใครกันจะบ้ากระเตงผู้ชายที่จนยิ่งกว่ามาเชิดหน้าชูตา เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้มารองนั่ง แถมยังเอากระดูกมาแขวนคอ ทั้งที่ใจคิด แต่ท่าทีที่ปฏิบัติต่อเจ้าสัวใหญ่กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม

“ ขอบใจคุณนวล ขอบใจมาก ๆ ขอบใจที่อวยพรให้คนแก่ประสบสุขอย่างใจ ”

“ ถ้าอย่างนั้น ดิฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะท่าน นัดกับคุณผกาไว้ ว่าจะไปช่วยกันเลือกของขวัญวันเกิดให้หลานสาวเธอ ”

ร่างโปร่งระหงลุกขึ้น บอกลาคนเจ็บที่มองตามเงียบ ๆ สวนผ่านกับแพทย์และพยาบาลก้าวเข้ามาถามไถ่อาการคนเจ็บและยิ้มให้คนมาเยี่ยมอย่างคุ้นเคย ด้านหลังที่ตามติดมา คือวินมอเตอร์ไซค์ที่หิ้วถุงอาหารซึ่งคงหาซื้อง่าย ๆ จากข้างทาง ทำเอานวลอนงค์เบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทัน แว่วได้ยินเสียงขอบคุณแว่ว ๆ จากชายชรา แค่นั้น นวลอนงค์ก็รีบพาตัวเองออกจากห้องพักคนไข้ รอยยิ้มที่ประดับใบหน้างดงามไว้เลือนหาย รู้สึกเหมือนฟ้าฝนเป็นใจให้นางรู้ทันเสียตั้งแต่วันนี้ ฝันไปเถอะว่านางจะประเคนตรีประดับมาส่ง ล้มละลาย แถมหลานชายตัวดียังหายหัว หล่อนไม่มีทางตามหา แล้วอุ้มชูเป็นลูกรัก หลานรักเด็ดขาด !

คนในห้องมองถุงอาหารมากมาย ที่วางเรียงให้เลือก ขณะที่กลุ่มแพทย์เริ่มถอยตัวเองออกไปประจำหน้าที่ตนเมื่อไม่พบว่าร่างกายของคนนอนพักเหมือนเจ็บหนักยังคงแข็งแรงดีอยู่ทุกวัน เพื่อเปิดโอกาสให้ชายชราพูดคุยตามลำพังกับวินมอเตอร์ไซค์ที่ทำหน้าที่มากกว่าที่เห็น

“ หมอไม่ต้องออกไปก็ได้ อยู่ด้วยกันนี่แหละ เผื่อมีข่าวดี ฉันดีใจจนหัวใจวายเฉียบพลัน หมอจะได้ช่วยฉันทัน ”

“ ท่านยังแข็งแรงอยู่เลยครับ ”

“ จะแข้งแรงกว่านี้ ถ้าข่าวลือที่ฉันกำลังปล่อยไปเรียกให้หลานชายกลับมาได้ ”

คนที่เข้าโรงพยาบาลเพราะมีแผนการบอกเนิบช้า ก่อนถามข่าวกับวินมอเตอร์ไซค์ที่ยืนรอรายงานด้วยน้ำเสียงมีความหวัง

“ เป็นยังไง ได้ข่าวอะไรบ้างไหม ”

ซองเอกสารที่เจ้าตัวม้วนลวก ๆ ไว้ยังด้านหลังถูกยื่นส่งให้ ในนั้นมีภาพถ่ายหลายใบที่ทำเอาคนหยิบดูน้ำตาซึม

“ ใช่จริง ๆ ใช่เจ้าเทียนมันจริง ๆ ด้วย มันอยู่ใกล้ฉันแค่นี้ แต่ก็ยัง...เหมือนเป็นคนอื่น ”

คนถูกสั่งให้หาข่าวพยักหน้ารับช้า ๆ ขณะที่นายแพทย์หนุ่มซึ่งอยู่ใกล้สุดขมวดคิ้วมุ่น กับภาพตรงหน้าอีกใบที่ช่วยเจ้าสัวใหญ่ดู

“ นี่มันภาพของคุณมิ่งโมรีนี่ครับเจ้าสัว ”

“ ไหน ? เอ้อ...จริงด้วย เรื่องเป็นไงมาไงล่ะนี่ ทำไมมารู้จักกันได้ ”

มือเหี่ยวย่นเอื้อมคว้ารูปถ่ายอีกใบ ภาพในระยะชิดใกล้ของหลานชายและมิ่งโมรี ทำเอาคนสองคนที่รู้จักหญิงสาวผ่านงานทางโรงพยาบาลค่อนไปทางแปลกใจมากกว่าจะสงสัย คนที่คอยหาข่าวเลยเสริมข้อมูลที่ได้มาว่า

“ เรื่องราวค่อนข้างซับซ้อนครับท่าน ตอนนี้ผมคิดว่าคุณเทียนกำลังสนใจคุณมิ่งโมรี ”

“ สนใจ สนใจงั้นหรือ ? ” ถ้อยรำพึงมีเค้าพอใจอยู่ลึก ๆ

“ ครับ เป็นการรู้จักผ่านทางพี่สาวของเธอ คุณตรีประดับ ”

“ เอ๊ะ ! ชื่อคุ้น ”

คนสูงวัยกว่าพยายามนึก ก่อนจะจดจำได้ เมื่อเขาเพิ่งขอความช่วยเหลือไม่จริงจังนักผ่านทางมารดาของอีกฝ่ายไป ดวงหน้าขาว ดวงตาสดใสแม้จะมากด้วยวัยเป้นประกายขึ้นแวบหนึ่งก่อนจะจางหายเมื่อหันหาคนที่ทำหน้าที่สืบข่าวทั้งหมดของเทียนสรวง

“ ไหน...เล่าให้ฟังได้ไหม ทำไมถึงมาเกี่ยวข้องกันได้ เอาเท่าที่รู้มาทั้งหมดเลยนะ ”

***

มิ่งโมรีคิดว่าหล่อนตายไปแล้ว หญิงสาวสำลักหายใจเฮือก ก่อนจะลืมตาตื่น ฆนาคมยังอยู่ในห้อง แต่ชายหนุ่มหันหลังให้เก็บพับเสื้อผ้าของตนเงียบ ๆ มิ่งโมรีคลำดูร่างกายตนเอง พบว่าเคล็ดขัดยอกเพิ่มขึ้นแต่เสื้อผ้าที่หล่อนสาวใส่ยังมิดชิด จะมีก็แต่ รอยแดงที่ขึ้นเป็นจ้ำตามแขนและเอว อาจมีตรงที่ซอกคอซึ่งหล่อนมองไม่เห็น รอยจูบหนักหน่วงที่คนสวนหนุ่มทำไว้อย่างจงใจ และแม้จะไม่อยากนึกถึง กลัวที่จะนึกถึง หากภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นยังติดตา ฆนาคมหักหาญน้ำใจหล่อน ใช้กำลังเข้าบังคับในช่วงขณะที่หล่อนไร้เรี่ยวแรงใด ๆ มาต่อสู้ขัดขืน มิ่งโมรีจำได้ว่าหล่อนกรีดร้องออกมา ก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป

เพราะเสียงเคลื่อนตัวของหญิงสาว ทำให้ร่างสูงที่ตลอดเวลานั่งหันหลัง หันกลับมามอง ฆนาคมขยับตัวเข้ามาหาคนที่นั่งนิ่งตัวแข็งช้า ๆ เอื้อมมือจีบข้อเท้าของมิ่งโมรีที่กระถดหนีไว้ด้วยอาการอ่อนน้อม ไม่กล้า เสียงทุ้มที่เอ่ยแสดงความดีใจล้นพ้น จนคนนั่งอยู่ต้องสูดลมหายใจแรง พยายามยิ่งที่จะบังคับสีหน้าและแววตาให้เป็นปกติ

“ คุณมิ่ง...ตื่นแล้ว ”

“ นายอุ่นทำผิดสัญญา ”

“ ผมยังรักษาสัญญา ผมยังไม่ทันได้...เพราะคุณมิ่งสลบไปก่อน น้ำตาคุณหยุดผม ”
คนเพิ่งรู้ว่าตัวเองร้องไห้ด้วยยกมือขึ้นแตะใบหน้า รอยซึมชื้นหายไปแล้ว แต่แค่เท่านั้นก็ทำให้มิ่งโมรีรู้สึกเสียใจ เสียงที่เอ่ยถามแม้จะควบคุมเท่าไหร่ก็ยังสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่น

“ ฉันตกใจและถ้าฉันไม่สลบไปนายคงทำ...อย่างใจนายใช่ไหม ? ”

“ ผม...ผมหึง... หึงที่คุณมิ่งไปกับคนอื่น น้อยใจที่ตัวเองไม่ดีพอที่คุณมิ่งจะลดตัวลงมาอยู่ด้วย ผมทำไปเพราะอารมณ์ ไม่คิดว่าคุณมิ่งจะตกใจกลัว ตอนนี้ผมอยากขอโทษ ”

มือที่จับอยู่รอบข้อเท้าคลายออก มองร่างผอมที่กระเซอะกระเซิง กอดตัวเองไว้ ร่างสูงยืดตัวตรงจนเสมอเท่าเทียม ฆนาคมแสร้งทำท่าทีคล้ายสำนึกผิด ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยอาการเหยียดหยาม ชายหนุ่มยอมรับ ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ดีแต่ไม่ใช่คนเลว เรื่องแบบนี้ ถ้าอยากให้เจ็บปวดถึงที่สุด ทั้งร่างกาย ทั้งชีวิต ทั้งเลือดเนื้อในตัวของ ผู้หญิงที่อรรถรัก จะอยู่ในกำมือเขาได้นั้นต้องเป็นไปด้วยความยินยอมของหล่อนเอง ฆนาคมรอหล่อนได้ แถมยังใจเย็นมากพอที่จะให้หล่อนดิ้นหนีได้ทุกเมื่อถ้าต้องการ เพียงแต่...ทางหนีทุกทางของหล่อนจะมีเขายืนขวางไว้ คอยยกดาบขึ้นจ้วงแทงให้ได้รับความเจ็บปวดเท่ากับอดีตที่เขาเคยเจ็บ

“ ฉันไม่ได้มีอะไรกับคุณเทียนสรวง ไม่คิด ไม่เคยคิด ” เสียงที่เอ่ยแฝงรอยจริงจัง แต่ก็เท่านั้นคนฟังไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่า ประวัติของชายหนุ่มผู้นั้นไม่มีอะไรน่าสนใจพอที่หญิงสาวจะเล่นด้วย “ ที่ทำก็เพราะอยากรู้และตอนนี้ก็รู้แล้ว ”

“ คุณมิ่งบอกผมได้ไหม ? ปัญหาของคุณมิ่งผมเต็มใจรับฟังด้วย เรา...ก็เหมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ”

ฆนาคมหยั่งเชิงถาม เว้าวอนด้วยสายตาที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนที่เขาพบใจอ่อนมาแล้ว

“ อย่าเลย นายมีหน้าที่อะไรก็ทำไปตามนั้นดีกว่า รอแค่คำสั่งฉัน อีกไม่นานหรอก ”

ประโยคท้าย มิ่งโมรีสบตาชายหนุ่ม ดวงตาดำขลับมีรอยน้ำใสก่อนจะจางหายไปพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดหยันที่ปรากฏขึ้น

“ คุณสองจะได้รับผลจากสิ่งที่คุณสองทำ อย่างที่นายบอก เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ”

“ ผมอยากอยู่กับคุณมิ่ง คนที่มองเห็นผม เป็นผม ”

เสียงทุ้มโหยระห้อย มิ่งโมรีนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนเอื้อมมือแตะใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง ฆนาคมถือโอกาสจูบลงที่มือเล็กบาง แสดงออกถึงความจงรักสุดหัวใจ

“ อดทนหน่อยนะ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง นายอุ่นจะสมหวังทุกอย่าง ”

“ ผมรอได้ ” ฆนาคมยืนยันหน้าซื่อ มิ่งโมรีเลยให้รางวัลด้วยการกอดชายหนุ่มไว้หลวม ๆ ร่างเล็กผอมสั่นสะท้านเล็กน้อยยามเอ่ย

“ คืนวันมะรืนนี้ฉันจะพยายามทำให้พี่สองอยู่บ้านให้ได้ ” น้ำเสียงที่เอ่ยมาดหมาย “ เมื่อถึงตอนนั้น...นายอุ่นรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง ”

“ ผมรู้ ”

“ ฉันรู้ว่านายอุ่นมองฉันยังไง อาจเห็นฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่มีข้อดีอะไร แต่ว่า...ตราบใดที่นายเลือกฉัน จำไว้ ฉันจะเป็นของนาย และจะเป็นของนายคนเดียวตลอดไป ”

แทนคำตอบ ฆนาคมกอดร่างผอมไว้แน่น เขาเองก็เลือกหล่อนเป็นคนแรกและคนเดียวเหมือนกัน !

***

โปรดติดตามตอนต่อไป...



บุรีวาด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2555, 01:38:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2555, 01:38:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1593





<< บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 11   บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 13 >>
หมูอ้วน 4 ก.ค. 2555, 17:00:01 น.
ตามลุ้นตอนต่อไปค่ะ
ไรเตอร์รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ สู้ ๆ


ปอแก้ว 4 ก.ค. 2555, 19:02:53 น.
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ :)


ปลากัด 12 ก.ค. 2555, 19:45:39 น.
หายแล้วก็สู้ๆ นะจ๊ะ รออ่านอยู่ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account