ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: ทายาท




ฉันไม่สามารถรับรู้อะไรอีกเลยว่านานแค่ไหนคุณจิทัศน์จึงขับรถมาถึงกรุงเทพฯและเข้ามาจอดที่คอนโดของหนูเล็ก ก่อนจะอุ้มฉันที่หลับใหลหมดเรี่ยวแรงมานอนบนเตียงของเพื่อนรัก
ฉันคงหลับไปนานเกือบหนึ่งวันเต็มๆ เพราะเมื่อลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่เห็นก็คือหนูเล็กเอามือทาบอกและอุทานออกมาอย่างโล่งใจ

“สิดี เธอฟื้นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง หิวอะไรไหม” หนูเล็กยิงคำถามไม่ยั้ง

กว่าฉันจะปรับสายตาให้เคยชินกับแสงไฟนีออนและเรียกสติกลับคืนมาว่าเกิดอะไรขึ้น หนูเล็กก็นำถาดอาหารเช้ามาวางตรงหน้าแล้ว

“กินซะให้มีแรง แล้วเราค่อยคุยกัน”

น้ำตาฉันเกือบจะไหลอีกรอบ ด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อน และแน่นอน…ด้วยความเสียใจ

เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ หนูเล็กก็ไล่ให้ฉันไปอาบน้ำ ไม่นานนักฉันก็พร้อมแล้วที่จะโอบกอดเพื่อนรักและร้องไห้ปรับทุกข์ตลอดวัน

“ฉันจะร้องวันนี้เป็นวันสุดท้าย” ฉันประกาศกร้าวแล้วสั่งน้ำมูกเสียเสียงดัง “แล้วคุณจิทัศน์ล่ะ”

“ไปทำงานน่ะ เอาเถอะ ไม่ว่าเธอจะร้องไห้อีกกี่ครั้งก็ขอให้เธอเข้มแข็งเข้าไว้ และจำไว้ด้วยว่า เธอยังมีฉันและแม่ของเธอด้วยนะสิดี”

หนูเล็กเช็ดน้ำตาให้ฉันด้วยทิชชู่ที่ฉันสั่งน้ำมูกไปแล้ว ขี้มูกเลยเปื้อนหน้าฉันเต็มๆ เราหัวเราะกับมันนิดหน่อย แล้วก็กลับมาเครียดอีกครั้ง

“เธอเชื่อคุณจิทัศน์ไหมว่าคุณนรินทร์ไม่ได้รักถวิกาแล้ว”

ฉันส่ายหัวดิก “ฉันไม่เชื่อแน่นอน เรื่องโทรศัพท์เมื่อวานก็รู้ได้แล้วว่าเขาเลือกใคร”

ฉันถอนหายใจ

“ฉันผิดเองแหละหนูเล็กที่ไม่ยืนหยัดในคานของตัวเอง”

หนูเล็กมองฉันด้วยแววตาที่เข้าใจ

“ฉันก็สรุปอะไรไม่ได้หรอกนะ แต่ฉันว่าคุณจิทัศน์รู้จักคุณนรินทร์ดีกว่าใคร เอาเถอะ แล้วเรื่องหลอกๆของเธอสองคนจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ เธอคิดแล้วหรือยัง”

นั่นสิ…คงถึงเวลาแล้วสินะ

“ไม่ต้องทำอะไรหรอก ฉันก็แค่เซ็นใบหย่า เขาก็แต่งงานใหม่ แล้วก็มีทายาท……”

แล้วฉันก็ลำคอตีบตัน พูดไม่ออก ก่อนน้ำตาจะร่วงพรูอีกไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไร

“…..เท่านั้นเอง” ฉันซบหน้ากับฝ่ามือ นึกจินตนาการถึงคนที่ฉันรักมีครอบครัวและลูกตัวน้อยๆอย่างมีความสุขกับแฟนเก่าของเขา ที่ห้องนอนที่ฉันเคยนอนและบ้านหลังนั้นที่ฉันเกือบเป็นสมาชิกแล้วอย่างสมบูรณ์

หนูเล็กโอบไหล่ฉัน

“มันจะไม่เป็นอย่างนั้นหรอกสิดี ฉันมั่นใจ”


น้ำมูกฉันก็ย้อยยืดยาวออกมา แต่ฉันไม่สนใจมันหรอก พอๆกับที่ฉันไม่สนใจเรื่องว่าเขารักฉันหรือไม่อีกแล้ว

“ไม่จำเป็นหรอกหนูเล็ก เขาไม่รักฉันก็เรื่องของเขา ก็ดี ฉันจะได้เลิกหลอกลวงทุกคนเสียที”

ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างคอนโดสูงระฟ้าของหนูเล็ก แล้วนั่นก็ทำให้ฉันนึกอะไรออก ประโยควันสัมภาษณ์งานของฉันที่บริษัทสิทรา

‘ตึกของคุณสูงกว่าตึกของบริษัทอื่น ดังนั้นคุณคงไม่สนใจเอาเรื่องเล็กๆน้อยมาเป็นปัญหาใช่ไหมคะ’

และนั่นทำให้ฉันคิดได้ ฉันต้องทำตัวให้สูงส่งและแข็งแกร่ง จากนั้นปัญหาทั้งหมดก็จะเป็นเพียงมดคันไฟตัวเล็กๆ ไม่สามารถทำอะไรฉันได้เลย ทุกอย่างมันก็แค่…..

โอ๊ย!!!! มันก็แค่มดคันไฟหลายร้อยตัวเท่านั้นเอง!!! ทั้งเจ็บ ทั้งแสบ ทั้งคัน เหมือนที่คุณนรินทร์ทำร้ายฉันอยู่ตอนนี้อย่างไรล่ะ

เขา….เขาไม่เคยมีใจให้ฉันสักครั้งเลยสินะ และนั่นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนคนไร้ค่า ฉันอยู่ใกล้และเคียงข้างเขามาตลอด แต่เขาไม่เคยเห็นอะไรในตัวฉันเลย

ฉันช่าง….ไม่มีความหมายเลยจริงๆ

นั่นไงล่ะ แล้วฉันก็ร้องไห้อีกแล้ว ไม่สามารถหยุดอะไรได้เลย ฉันอยากจะควักต่อมน้ำตาออกจริงๆ

หนูเล็กพูดเสียงเครือขณะกอดฉันแน่น

“เธอ…เธอรักเขามากสินะ…ร้องออกมาเถอะสิดี ร้องมาให้หมดเลย แต่ขอให้จำคำของฉันไว้…คุณนรินทร์ไม่ได้รักถวิกาหรอก”

แล้วเธอก็พูดด้วยเสียงที่มั่นใจเสียเหลือเกิน

“ฉันเชื่อว่าเขารักเธอ ฉันจะพิสูจน์ให้ดู”

พิสูจน์เหรอ…พอเถอะ พอกันที

“ไม่ต้องพิสูจน์อะไรทั้งนั้นหนูเล็ก ยิ่งพิสูจน์ก็ยิ่งรู้ว่าฉันรักเขาข้างเดียวมาตลอด ฉันยิ่ง…เจ็บเข้าไปอีก”

โอย…ทำอย่างไรดี น้ำตามันไม่ยอมหยุดเลย ฉันจะเป็นยายเพิ้ง ตาบวม ที่แสนชอกช้ำและโง่เง่า ไปอีกถึงเมื่อไรกัน

ไม่…พอแค่นี้เถอะ…ฉันตัดสินใจแล้ว

ฉันผละออกจากอ้อมกอดหนูเล็ก ทั้งๆที่น้ำตายังไหลไม่หยุด

“ฉัน…ฉันรักเขา และจะรักต่อไป…ดังนั้น ฉันควรจะปล่อยให้เขาไปมีความสุขจริงไหม”

หนูเล็กจ้องฉันอย่างงุนงง

“ฉันจะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“หา???” เธออ้าปากหวอ “สิดีเธอจะทำบ้าอะไรน่ะ”

ฉันตัดสินใจแล้ว ในเมื่อฉันผิดเองที่ก้าวเข้ามาหาความรักและไม่เข้มแข็งพอที่จะมีมัน ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะแก้ปมอันเขื่องด้วยตัวเอง และเมื่อฉันแก้ได้เสร็จ ฉันก็จะกลับไปโหนคานเช่นเดิม

“ฝากขอบคุณคุณจิทัศน์อีกทีนะ และขอโทษเธอด้วยที่เข้าใจแฟนเธอผิดไป แล้วเจอกันนะหนูเล็กหลังจากฉันหย่าเรียบร้อย”

และไม่ว่าหนูเล็กจะคัดค้านอะไรยังไง ก็ไม่สามารถห้ามฉันให้เก็บข้าวของแล้วเดินออกจากคอนโดของเธอไป

“สิ่งที่เธอต้องทำนะสิดี คือให้เขารู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่ปิดมันคาอกอยู่อย่างนี้” นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เพื่อนรักของฉันพูดผ่านซอกประตูออกมาหลังจากที่ฉันเหวี่ยงมันให้ปิดสนิท



ฉันวางแผนไว้สดๆร้อนๆ แผนที่ไม่ให้คุณนรินทร์รู้ได้เลยว่าฉันรักเขา และเราก็จะจากกันด้วยดี ที่สำคัญเขาจะได้แต่งกับถวิกาแน่นอน ถึงแม้คุณแม่ของเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเธอก็ตาม อ้อ…แล้วไม่ต้องห่วงหรอกว่านราธรไม่มีทายาทสืบต่อ เพราะอย่างไร คุณรันก็ยังเป็นตัวตายตัวแทนเสมอ

แล้วฉัน ทรัพย์สิดี จะจากมาโดยการปล่อยให้คนที่ฉันรักมีความสุขต่อไป

ฉันจะทำอะไรน่ะเหรอ มันอาจจะโหดร้ายกับตัวเองสักหน่อย แต่โดนกิโยตินตัดหัวให้ตายครั้งเดียว ก็ดีกว่าโดนมีดยี่ห้อ คมคม ฉะเจียนตายหลายแผล

วันนี้วันพุธ…เขาอยู่ที่นั่นแน่ๆ ที่ที่ไม่มีใครรับรู้ได้

ฉันสั่งให้รถแท็กซี่มาจอดที่เดิม…ที่พักใจของฉัน

“แจ๊กกี้คะ คุณรันอยู่หรือเปล่า”

แจ๊กกี้หนวดเครารุงรัง แต่ผมที่สั้นติดหนังหัว ทำให้หน้าตาเขาดูใจดีขึ้นมาก เขาทำตาโตใส่ฉัน

“ยู เฮีย คุณกลับมาจากภูเก็ตแล้วเหรอ ไหนล่ะของฝาก น้ำพริกกุ้งเสียบล่ะ”

ภูเก็ต??? เขารู้เหรอ

“เอ่อ…คุณรู้เหรอคะว่า…แล้วนั่นคุณทำอะไร” ฉันมองของที่กองรอบเท้าของเขาด้วยความสงสัย

“โอ้ว…อิท อิส ขี้ดินสอที่เหลาออกมาน่ะ ผมจะกองไว้รอบๆบ้าน เวลาลมพัดจะได้ปลิวว่อน ผมว่ามันสวยดี แต่ช่างเถ๊อะ ไหนล่ะของฝาก”

เพราะความพิลึกพิลั่นของแจ๊กกี้แท้ๆ ทำให้ใบหน้าและจิตใจอันหมองเศร้าของฉันยิ้มออกมาได้

ฉันขยับตัวเดินไปใกล้เขา

“คุณรันบอกเหรอคะว่าฉันแต่งงานกับพี่เขา”

แจ๊กกี้ยิ้มเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ ก่อนจะตบบ่าฉันโดยแรง

“แหม ของแบบนี้ไม่ต้องอายหรอก ผมยังเคยฝันเลยที่จะมีแจ๊กกี้น้อยๆวิ่งรอบบ้าน แต่โลกนี้มันกลมจริงๆนะ คุณกับพี่ของรัน แต่งงานกันได้”

ฉันพูดเสียงกระซิบ “อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะคะ เพราะจากนี้ไปมันอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น คุณรันอยู่หรือเปล่าคะ ฉันอยากพบเขา”

แจ๊กกี้ไม่ยอมตอบ แต่จ้องฉันเสียนาน

“ว่าไงคะ? คุณรั….”

“วันนี้มันไม่มา คุณมากับผมก่อนซิ” แล้วเขาก็ลากฉันเข้าไปในบ้าน ก่อนจะเอาเฟรมวาดรูปวางตรงหน้า แล้วยื่นพู่กันให้อย่างบังคับ

“วาด!!!!” เขาสั่งเสียงดังจนน่ากลัว

เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!! แจ๊กกี้ไม่เคยทำกับฉันแบบนี้นะ แม้กระทั่งครั้งที่ฉันทำให้เขาเสียใจตอนขอเลิกเรียนน่ะ

“จะ…จะ…จะให้ฉันวาดอะไร ฉันไม่มีอารมณ์หรอกนะคะ”

เขาถลึงตาใส่ฉันอีก “ผมสั่งให้วาด!!!”

โอ๊ย!!!! ตอนนี้ฉันกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานนะ ฉันพึ่งโดนหักอกและต้องดำเนินตามแผนของตัวเองต่อไป แล้วแจ๊กกี้ยังจะ…เออก็ได้!!!!

แล้วฉันก็บรรเลงสีนู้นสีนี้มั่วไปหมดในเวลาอันสั้นอย่างไม่ใส่ใจ มันไม่ออกมาเป็นรูปร่างอะไรเลย และฉันไม่คิดว่ามันสวยด้วยซ้ำ

แล้วฉันก็หยุด หันไปมองแจ๊กกี้อย่างท้าทาย

“คุณอ่านอะไรฉันออกอีกล่ะทีนี้” เสียงฉันเริ่มสั่นเครือ น้ำตาเอ่อล้นอีกรอบ

ฉันกำลังจะเข้มแข็งและทำตามแผนของตัวเองอยู่แล้ว แล้วนี่แจ๊กกี้มาให้ฉันวาดอะไรบ้าบอก็ไม่รู้ ฉันไม่มีอารมณ์ทำอะไรหรอกนะ….

มือหยาบกร้านที่ขี้เล็บเต็มไปด้วยสีน้ำมันจับไหล่ของฉันไว้อย่างมั่นคง

“คุณเผยมันออกมาเอง ไม่ใช่จากรูปภาพ แต่จากแววตาของคุณ”

ฉันมองเขาอย่างไม่ชัดเจนนักเพราะน้ำตาได้คลอเต็มเบ้าแล้ว แต่รับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของแจ๊กกี้ ไม่มีแววของความตลกขบขันเช่นเดิม

“ผมมาจากครอบครัวที่หย่าร้าง และไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกกับคนรอบตัวของผม เพราะมันไม่ใช่ความสุขเลย”

ไหล่ของฉันสั่นสะท้าน เขาไม่เข้าใจหรอก เราไม่ได้หย่ากัน เพราะเราไม่เคยมีการเริ่มต้นเลยต่างหาก

“คุณรู้ไหมรูปของคุณครั้งนี้สวยมาก ผมไม่รู้ว่ามันออกมาจากความรู้สึกแบบไหน แต่ตราบใดที่ยังคงมีสีและเส้นอยู่บนเฟรมนี้ มันก็คือศิลปะ และความงดงาม”

ฉันมองเขาอย่างไม่เข้าใจเหมือนทุกที ด้วยหยาดน้ำตานองหน้า

“เช่นเดียวกัน ตราบใดที่ยังมีความรัก ความสุขก็ยังคงมีอยู่บนโลกนี้ และเราจะไม่มีทางรู้เลยว่ามันสวยงามเพียงใด จนกระทั่งมันได้ถูกเปิดเผยออกมา”

เขาใช้มือนั้นเช็ดน้ำตาให้ฉัน

“ผมไม่รู้ว่าปัญหาของคุณคืออะไร แต่อย่าทำลายความรักนั้นเลย เปิดเผยออกมาให้หมดว่าคุณยังรักเขาอยู่ เชื่อมผมสิศิษย์เอก…แล้วคุณจะเห็นความงดงามที่สุดที่เคยเจอมา”

ฉันทิ้งพู่กันแล้ว เอาหน้าซบฝ่ามือร้องไห้อีกครั้ง แจ๊กกี้ลูบศีรษะฉันเป็นเชิงปลอบใจ

“ฉะ…ฉัน ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้” ฉันพูดเสียงสั่นจนแทบฟังไม่ออก

“เขาไม่เคยรักฉันเลยต่างหาก คุณ…คุณไม่เข้าใจหรอกค่ะแจ๊กกี้ ความงดงามที่คุณบอกนั้น…มันไม่มีหรอกค่ะ”

แล้วฉันก็ผละจากเขาวิ่งออกมาเลย วิ่งไปไกลแค่ไหนก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกที ฉันก็กลายเป็นพวกพเนจรเดินเฉื่อยๆอยู่บนสะพานคอนกรีตแห่งหนึ่งแล้ว

ทำไม…ทำไม…ทุกครั้งที่ฉันมีปัญหาอะไร แจ๊กกี้มักจะมองออก มิหนำซ้ำ ยังเอาปัญหาของฉันมาชำแหละผ่าวิเคราะห์และแนะนำทางแก้ไขให้เสร็จสรรพ

แต่ไม่อีกแล้ว…คราวนี้ฉันคงเชื่อเขาไม่ได้

“อ่า มาเลี้ยวๆ มารับปลาล่ะสิ ตามอั๊วมาเลย ทางนู้นน่ะเขาตกกันอยู่”

ฉันหยุดมองชายแก่เชื้อสายจีน ผมหงอกทั้งหัว ใส่เสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงขาสั้น ด้วยความมึนงง

อาเจ็กผมหงอกยังจ้องฉันต่อไป

“บ๊ะ มองอยู่ล่าย บอกให้ไปรับปลาได้แล้วไง”

“หา??? อะไรนะคะ” ฉันถามเสียงสูง

อาเจ็กทำหน้าเซ็ง

“อีหนูคนเดียวกับที่มารับปลาเมื่อวานใช่ไหมล่า ที่ต่อจากกิโลละสี่สิบ เหลือกิโลละสิบสี่น่ะ มาๆ ลีลาอยู่ล่าย ตามอั๊วมารับปลาเร็ว”

อ้อ…ฉันเข้าใจละ นอกจากฉันจะเพิ่งถูกหักอกมาสดๆร้อน กลายเป็นคนไร้ค่าไร้ความหมาย เพราะฉันไม่สวยและสูงส่ง นมโต เหมือนรองนางงามบางคน ยังไม่พอ ตอนนี้ฉันกลับดูเหมือนเด็กรับซื้อปลาอีก สงสัยหยาดน้ำตาของฉันคงหมักหมมจนเป็นกลิ่นเดียวกับปลาของอาเจ็กก็เป็นได้

“โทษค่ะ เจ็กคงจำคนผิด” ฉันทำท่าจะเดินหนีไป แต่อาเจ็กยังตื๊อไม่เลิก

“เดี๊ยวก่อน…อั๊วจำคนไม่ผิดแน่ๆ” แถมรั้งแขนเสื้อฉันไว้อีก

โถ่เอ๊ย! ฉันไม่มีเวลาว่างมาเล่นอะไรบ้าๆบอๆหรอกนะ ฉันมีเรื่องที่ต้องสะสาง!!!!

“ปล่อยนะไอ้เจ็กเลี้ยว!!!! ฉันบอกให้ปล่อย!!!!” แล้วฉันก็กระชากแขนเสื้อขาดดังแคว่ก! แล้วหนีออกมา

“ไอ้หยา ไม่ใช่ก็บอกกันดีดีก็ล่าย ไม่เห็นต้องมาด่าของเจ็กเล็กเลย”

ให้ตายสิ!!! ฉันยังมีปัญหาไม่พอใช่ไหม

ตอนนี้ฉันเดินไปไหนก็มีแต่คนซุบซิบนินทา เพราะนอกจากหน้าตาของฉันจะมอมแมมไปด้วยคราบน้ำตาจนเหมือนเด็กขายปลาแล้ว แขนเสื้อฉันยังขาดจนดูเหมือนเด็กขอทานอีก

หรือฉันควรหาขันมาถือไว้ดี….ประชดชีวิตไปเลย

กว่าฉันจะจ้างแท็กซี่สักคันให้ไปส่งที่บ้านนราธรได้ ก็ต้องควักเงินออกมาให้พวกนั้นดูว่าฉันมีเงินจ่ายค่ารถเมื่อถึงที่หมายแน่นอน

ฉันก็แปลกใจเหมือนกันว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร ทั้งๆที่ฉันควรกลับบ้านไปหาแม่ต่างหาก แต่ไม่ดีกว่า ฉันไม่อยากให้แม่ต้องทุกข์ใจไปด้วย

ที่บ้านนราธรวันนี้เงียบเชียบผิดปกติ รถเล็กซัสคันใหญ่ของคุณพ่อหายไป แถมแม่บ้านก็หายหน้าหายตากันไปหมด ฉันจึงย่องเงียบๆกลับเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องนอนเสียใหม่ และนั่นทำเอาฉันบ่อน้ำตาตื้นอีกรอบ เมื่อเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า คุณนรินทร์ยังไม่กลับมา

กว่าฉันจะต่อสู้ตัวเองกลบน้ำตาให้แห้งสนิทแล้วลงมาตามหาคุณรันก็เป็นเวลาเกือบชั่วโมง ในที่สุดฉันก็เจอเขานั่งวาดรูปอยู่ข้างสระว่ายน้ำ

เขามองฉันอย่างประหลาดใจพร้อมกับยิ้มให้

“อ้าวทำไมกลับมาเร็วล่ะครับ มีน้ำพริกกุ้งเสียบมาฝากผมหรือเปล่า”

ฉันรู้แล้ว…ใครเป็นคนคิดเรื่องน้ำพริกกุ้งเสียบ

“แล้วพี่รินล่ะครับ”

มาถึงตอนนี้…ฉันก็คงไม่สามารถโกหกเขาได้อีกต่อไป

“เอ่อ…ฉันมีเรื่องอยากขอร้องค่ะ”

คุณรันเลิกหันซ้ายขวามองหาพี่ชายแล้วมองฉันอย่างสงสัย

“อะไรเหรอครับ?”

“คือ…ฉันอยากให้คุณ…” มาถึงตอนนี้ฉันกลับพูดไม่ออก ฉันไม่อยากผิดสัญญาที่มีต่อคุณนรินทร์

“คือ…ฉันเป็นหมันน่ะค่ะ”

คุณรันตาโตสุดขีด

“อะไรนะครับ!!!”

ฉันพยามยามตีสีหน้าให้เป็นปกติ “ด้วยเหตุนี้แหละค่ะ ฉันจึงไม่อยากให้นราธรไม่มีทายาทสืบต่อ ฉันอยากให้คุณ…มารับช่วงต่อจากพี่ชายได้ไหมคะ แล้วหาผู้หญิงดีดีสักคน มาผลิตทายาท”

ฉันกลั้นใจฟังคำตอบ และพยามยามจ้องเขาไม่กะพริบตา เพราะกลัวเขาจับได้ว่าฉันโกหก

คุณรันจ้องฉันเหมือนจะจับผิดเป็นนาน

“คุณรู้อะไรไหมครับคุณสิดี เกี่ยวกับชื่อของพี่ชายผม”

คราวนี้ฉันกะพริบตา “คะ?”

“ทำไมเขาถึงชื่อนรินทร์ เหมือนกับพ่อ”

ฉันมืดแปดด้าน…ฉันไม่ได้อยากฟังเรื่องชื่อนะคะคุณรัน!!!!

“นั่นก็เพราะตระกูลนราธร เกิดมาเพื่อทำธุรกิจและสืบต่อให้ลูกชายคนโตเท่านั้นครับ คนอื่นๆ เป็นเพียงหุ้นส่วน คุณจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่รินถึงเป็นคนขี้โมโหง่าย และดูจริงจังเกินไป แต่ทั้งหมดนั่นก็เพราะเขาเกิดมาเพื่อรับภาระนี้ครับ เขาต้องมีชื่อเดียวกับหัวหน้าครอบครัว ชีวิตเขาถูกขีดไว้แล้ว ว่าต้องเรียนในสถาบันที่ตระกูลของเราเรียนสืบต่อกันมา จบมาเขาต้องต่อวิศวะพ่วงด้วยบริหาร จากนั้นก็รับหน้าที่บริหารบริษัทต่อไป คุณสิดีครับ…พี่ชายของผมไม่เคยได้วางแผนอนาคตของตัวเองเลย…”

คุณรันสูดหายใจเข้า ราวกับจะดึงดูดความทุกข์ใจที่มีต่อพี่ชายให้หายไป

“จริงๆแล้วเขาคือนรินทร์ นราธร รุ่นที่สี่ครับ และคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้”

นี่มัน…นิยายของการสืบทอดราชวงศ์หรืออย่างไรกัน คุณนรินทร์ไม่มีทางเดินตามทางของตัวเองเลยเหรอ

“แต่…ถ้าฉันไม่มีทายาทสืบทอดล่ะคะ หรือถ้า…ถ้าฉันไม่มีลูกชาย”

เขาหลบสายตาแล้วชี้แจงต่อไป

“คุณดูถูกคุณแม่ในการเช็กประวัติลูกสะใภ้ของตระกูลนราธรนะครับ”

อะไรนะ???

“คุณอย่าโกหกเลยครับว่าคุณเป็นหมัน…คุณมีปัญหาอะไรกับพี่รินหรือเปล่า”

ฉันผงะจนตกเก้าอี้ เจ็บชะมัด

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ!”

“เป็นเรื่องปกติค่ะ แต่เอ่อ…คุณ…ต้องเชื่อฉันนะคะ ฉันเป็นหมันจริงๆ” ฉันลุกขึ้นแล้วปัดก้นตัวเอง

นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน…อย่าบังคับให้ฉันต้องพูดความจริงเลย

คุณรันทำสายตาเหมือนนกเหยี่ยวจ้องฉัน

“ผมไม่เชื่อครับ และคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ อย่ากวนผมเรื่องนี้อีก” แล้วเขาก็รีบเก็บอุปกรณ์วาดรูปก่อนจะเดินหนีไป

หมายความว่า…ยังไงคุณรันก็ไม่สามารถมารับช่วงต่อจากคุณนรินทร์ได้เลยอย่างนั้นหรือ

“พี่ริน! กลับมาแล้วเหรอฮะ คุณสิดีอยู่ที่สระว่ายน้ำแน่ะ”

แล้วฉันก็แทบจะตกเก้าอี้อีกครั้งเมื่อคุณรันเสแสร้งทำเสียงร่าเริง

ฉันไม่รอช้า เพราะฉันไม่สามารถเผชิญหน้ากับคุณนรินทร์ตรงๆได้ ฉันลุกขึ้นและเร่งฝีเท้าเดินหนีเขาอย่างเงียบๆ

“เดี๋ยว” ไม่ทันเสียแล้ว เขาฉุดแขนฉันไว้อย่างเบามือ

ฉันต้องตั้งสติ ต้องรับมือกับเขา และอย่าให้เขารู้ว่าที่ฉันหนีกลับมา เพราะฉันเสียใจที่เขาได้หักอกฉันไป

“ผม…ผมขอโทษ…แต่…แต่ถวิกาเสียเลือดมากจนเกือบไม่รอด”

นั่น…นั่นไงล่ะ…เขาไม่ได้พูดทำนองว่า เธอต่างหากเข้ามาจูบเขาเองก่อน

ฉันยังคงหันหลังให้เขา และพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด

“อ้อ ก็ดีแล้วล่ะค่ะที่คุณอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่ที่ฉันหนีกลับมาเนี่ย คือแบบว่า…ไม่อยากเป็นก้างขวางคอน่ะค่ะ บังเอิญเจอคุณจิทัศน์เลยขออาศัยกลับมาด้วย”

ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจ หันไปเผชิญหน้ากับเขา แล้วตบต้นแขนเขาเหมือนซี้กันเหลือเกิน

“อย่าคิดมากเลยค่ะ ฉันไม่ได้รักคุณหรอก”

คุณนรินทร์จ้องฉันด้วยดวงตาประหลาดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย และในที่สุด เขาก็ยิ้มที่มุมปากเหมือนไม่อยากให้ฉันเห็น

“อืม…นั่นสินะ…” เขายังคงจ้องฉันต่อไป

โถ่เอ๊ย! อีตาบ้า จ้องกันอยู่ได้ ฉันอยากกะพริบตาจะแย่แล้วเว้ย ปั้นหน้าโกหกต่อไปไม่ไหวแล้วนะ

“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนล่ะ”

แล้วคุณนรินทร์ก็เดินหันหลังจากไป….ทิ้งให้คนขี้โกหกอย่างฉันร้องไห้อีกรอบ

เขาโง่หรือเพราะไม่เคยรักฉันกันแน่ ถึงเชื่อสนิทใจเลยว่า ฉันหนีกลับมาเพราะแค่ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ

เย็นวันนั้นเรากลับมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนเดิม แต่ฉันคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว และอีกไม่นาน ฉันก็คงต้องจากที่นี่ไป แต่จะไปด้วยวิธีไหนก็ยังไม่แน่ใจ ดังนั้นตลอดเวลาที่เหลืออยู่นี้ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณพ่อและคุณแม่ให้มากที่สุด

“วันนี้พ่ออยากเล่นหมากรุกราชวงศ์” คุณพ่อประกาศกลางโต๊ะอาหาร ฉันเห็นคุณรันเบือนหน้าหันไปเบะปาก ส่วนคุณนรินทร์ก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

และฉันยิ่งกว่า…ฉันยังไม่ได้สะสางเรื่องของตัวเองเลย

ตลอดเวลาตั้งแต่สองทุ่มถึงสี่ทุ่ม ฉันก็ได้เข้าใจว่าหมากรุกราชวงศ์คืออะไร จริงๆแล้วมันก็คือหมากรุกสองกระดานที่พอใครชนะ ก็เปลี่ยนไปเล่นกระดานราชาของคุณพ่อ ส่วนใครแพ้ก็ตกลงมาเล่นกระดานขี้ข้าของฉัน…คือ…เพราะฉันไม่เคยชนะใครสักที ตรงข้ามกับคุณพ่อที่ชนะตลอด เนื่องจากลูกชายทั้งสองแกล้งแพ้

“ฮ่าๆ ยังไงพวกแกก็ยังเป็นลูกเจี๊ยบของพ่ออยู่วันยังค่ำแหละน่า เอาละ ไปนอนได้แล้วไอ้ลูกเจี๊ยบทั้งสอง”

หลังจากนั้นก็เป็นเวลาอันขมขื่นของฉัน ฉันต้องกลับมาใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ขยี้หัวใจของฉันให้เป็นเสี่ยงๆอีกแล้ว ที่แย่ยิ่งกว่านั้น คุณนรินทร์อาบน้ำและนอนดูซีรี่ส์เรื่อง Prison Break โดยไม่ได้พยายามพูดถึงเรื่องค้างคาใจเลย

ให้มันได้อย่างนี้สิ!!!!

ฉันหวีผมเสร็จและตัดสินใจแน่วแน่ก่อนจะเป็นคนเริ่มต้นพูดอะไรออกไป

“ถ้าคุณคืนดีกับคุณถวิกา แล้วแม่คุณจะยอมเหรอคะ”

ไม่ได้ผล เขาเป็นบ้าอะไร นอนดูไมเคิล สกอฟิลด์พระเอกของเรื่องแหกคุกอยู่ได้

“ก็ไม่ยอมน่ะสิ” เขาตอบสบายๆ

ฉันกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“แล้วเราต้องไปหย่ากันวันไหนคะ”

“คุณแม่ไม่ยอมหรอก”

ฉันรู้ย่ะ ฉันรู้ นี่นาย นายเป็นคนทำร้ายฉันนะ ช่วยพูดให้มันเคลียร์เลยได้ไหมว่าจะตัดขาดกันเมื่อไหร่

“คุณนรินทร์คะ!!!! มาพูดกันให้รู้เรื่องเลยดีกว่า” ฉันกระโจนลงที่นอน พร้อมๆกับที่ไมเคิล สกอฟิลด์กระโดดลงจากเพดานคุก

เขาหันมาทำหน้าหงุดหงิด “อะไรของคุณ ผมไม่มีอะไรจะพูด คุณอยากพูดอะไรก็พูดมา”

ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้

“คุณกลับไปคืนดีกับคนรักเก่า แล้วฉันก็คงไม่มีความหมายอีกแล้ว แต่ถ้าแม่คุณไม่ยอมให้แต่งกับถวิกา แล้วนราธรล่ะค่ะ เพราะคุณรันบอกว่าคุณคือทายาทอันดับสี่ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”

จมูกฉันเริ่มฟุดฟิด อย่าร้องนะ

“อืม…รู้เรื่องตำนานทายาทแล้วเหรอ แต่คงรู้ไม่หมดหรอกนะ เพราะไอ้รันคงไม่อยากบอกไปให้ตัวเองเดือดร้อน จริงๆแล้ว ถ้าเกิดทายาทอันดับหนึ่งไม่สามารถมีสะใภ้ที่ถูกใจ หรือมีลูกให้ได้ ลูกชายคนรองต้องรับช่วงต่อ อืม…ผมว่าคงถึงเวลาแล้วล่ะที่จะให้รันยอมรับในข้อนี้เสียที คุณก็เตรียมตัวไปโสดอีกครั้งได้เลยนะ”

เขาหาว แล้วพึมพำว่า พระเอกหล่อเหมือนตัวเอง ก่อนฉันจะหันหลังแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อซับน้ำตา

เขายอมรับแล้วสินะ ว่าอยากไปอยู่กับใคร







ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2555, 00:03:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2555, 00:03:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1936





<< ความจริง...   ดื้อ >>
Kapoh 6 ก.ค. 2555, 00:28:28 น.
จะออกหัวรึออกก้อย แล้วเมื่อไหร่จะหันหน้ามาคุยกันดีๆ เนี่ย


konhin 6 ก.ค. 2555, 00:30:00 น.
เอาเข้าไป เมื่อไหร่จะเลิกคิดเองเออเองน้อ


คิมหันตุ์ 6 ก.ค. 2555, 02:09:17 น.
คิดไปเองป่าว หนูสิดี...ฮ่าฮ่า


ใบบัวน่ารัก 6 ก.ค. 2555, 08:28:51 น.
คิดมาก
ตารันก็เห็นแก่ตัว


agentaja 6 ก.ค. 2555, 11:02:09 น.
สิดีเอ๊ยสิดี คิดเองเออเอง นรินทร์ก็ไม่คิดจะพูดมั่งเหรอเนี่ย อึกอัดนะเนี่ย


goldensun 6 ก.ค. 2555, 14:40:24 น.
หน้าตาปิดไม่มิดอย่างนี้ โดนนรินทร์แกล้งแน่เลย


ling 6 ก.ค. 2555, 17:00:51 น.
สิดีอย่าเพิ่งคิดไปเองจิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account