รอยร้าย...แสนรัก
ชีวิตของเธอกลับต้องเปลี่ยนผันไปจมอยู่กับความหม่นหมอง เพราะพี่ชายข้างบ้านอย่างรีชภวัฒน์ได้สร้างรอยฝันร้ายให้กับเธอชั่วนิรันดร์

แนะนำตัวละคร
พระเอก : รีชภวัฒน์ วิโรจน์ศิลป์ อายุ 33 ปี

ชายหนุ่มผู้คุมการเงินในเครือ วรธิกาจญ์ กรุ๊ป บุคลิกแสนอ่อนน้อมอบอุ่นดั่งพี่ชายของน้องสาว ใบหน้าหล่อตี๋สวมแว่นให้ดูมีความมานะมั่นใจ ชีวิตของเขาไม่เคยทำงานพลาดทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาปรารถนา ไม่เคยมีใครทำให้เขาเผอเรอก่อการกระทำด้านลบได้ นอกจากน้องสาวของเพื่อนชายข้างบ้าน ชื่อ กัญญาวีร์

นางเอก : กัญญาวีร์ รุ่งวัฒนากิจ อายุ 21 ปี

แม่กระต่ายสาวน้อยแสนน่ารักอ่อนหวาน เป็นน้องสาวของเพื่อนชายข้างบ้านรีชภวัฒน์ หรือพี่ชายของกัญญาวีร์ ชีวิตของเธอกลับต้องเปลี่ยนผันไปหม่นหมองเพราะพี่ชายข้างบ้านอย่างรีชภวัฒน์ได้สร้างรอยฝันร้ายให้กับเธอชั่วนิรันดร์
Tags: ซึ้งกินใจ,รอยร้าย แสนรัก,เศร้าๆ,หวานละมุน,รอยร้าย แสนรัก

ตอน: บทที่ 4 หาเรื่องร้ายใส่ตัว...



บทที่ 4 หาเรื่องร้ายใส่ตัว

ข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ฉบับวันรุ่งขึ้น ถูกกางออกอยู่บนโต๊ะทำงานของเลขากึ่งวัยชราหน้าห้องผู้จัดการฝ่ายสมุห์บัญชี ดวงตาเล็กของกัญญาวีร์เหลือบไปอ่านแล้วก็ต้องพยายามเพ่งอ่านให้จนจบ แต่อดสงสารเหยื่อที่ถูกทำร้ายไม่ได้ ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอถูกภัยร้ายพวกผู้ชายคุกคามละเลงตัณหาเพื่อความสนุกสนานสำราญ กัญญาวีร์อ่านจบก็แทบเบือนหน้าหนี ข่าวที่เกี่ยวกับการทำร้ายผู้หญิง เธอมักจะรับมันไม่ได้เสมอๆ เพราะมันกระตุ้น ตอกย้ำให้มีผลกระทบมาถึงตัวเธอด้วยเช่นกัน

“ข่าวน่ากลัวจัง พวกโรคจิตวิตถาร ฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิงที่ไม่เกี่ยวข้อง” ป้าวิมลก็เดินไปชงกาแฟมาดื่มและกลับมาอ่านข่าวต่อด้วยความสนใจ เพราะเหยื่อที่ถูกทำร้ายเป็นนักศึกษาหญิง ทุกราย มักจะมีผมยาวซอยสไลด์รูปร่างบางตัวเล็ก แต่ก็สูงพอๆ กับกัญญาวีร์ มันจึงทำให้ป้าคนแก่เกิดความรู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวนักศึกษาฝึกงานคนแรกในแผนก แม้จะไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ลักษณะของเหยื่อมันเจาะจงอย่างชัดเจนมาก

“ดีแล้วล่ะ ที่ไม่ใช่แถวบ้านของพวกเราเนอะ ว่ามั้ยหนูวีวี่”

“เอ่อ...ค่ะคุณป้า” กัญญาวีร์ยังคงนั่งเหม่อลอยกับห้วงภวังค์ความคิดของตนเองอยู่ จึงไม่ได้ฟังคนเป็นป้าเลขาประจำแผนกสมุห์บัญชีพูดสักเท่าไร แถมหญิงสาวก็ยังไม่อยากเข้าไปอยู่ในห้องสองต่อสองกับผู้จัดการแผนกสมุห์บัญชีเสียด้วย ตอนนี้

“ป้าวิมลคะ วีร์ขอมาฝึกงานนั่งข้างๆ กับป้าได้ไหมคะ” ป้าวิมลคิ้วย่นชนกัน เมื่อได้ยินนักศึกษาสาวเอ่ยถาม ก่อนจะเหลือบไปเห็นแหวนวงเล็กๆ ประกายแวววาวในนิ้วนางข้างซ้ายของสาวน้อย คนเป็นป้าแทบยิ้มปริ่มแต่ก็ไม่พูดอะไรถึงที่มาของแหวนสวยๆ วงนั้น

“ไม่ได้ค่ะ คนที่ตัดสินใจ คือ เจ้านายในห้องโน้นค่ะ ไม่ใช่ป้าคนแก่คนนี้นะคะ” กัญญาวีร์ถึงกับถอนหายใจเฮือกโต ทำคอตกเลยทีเดียว การเข้าไปคุกคลี่ในห้องผู้จัดการฝ่ายของแผนกสมุห์บัญชีมันน่าอึดอัดเหลือเกิน เธอมองดูนาฬิกาตนเอง ก่อนจะเดินมาเคาะประตูห้องทำงานผู้จัดการฝ่ายตามมารยาท พร้อมกับถือถ้วยแก้วกาแฟหอมกรุ่นยกเข้ามาเสิร์ฟในหน้าที่ของเธออีกด้วย

“เข้ามาครับ” รีชภวัฒน์เปิดแฟ้มเอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน โดนไม่ได้มองว่าใครเป็นนำกาแฟเข้ามาเสิร์ฟให้ดื่ม กัญญาวีร์นำแก้วกาแฟมาไว้ตรงหน้าของชายหนุ่ม แล้วหันหลังไปนั่งโต๊ะทำงานของตนเองที่ตั้งตระหง่านตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเขา และงานชิ้นต่อไปของเธอก็เริ่มขึ้นอีก เมื่อเจอการเขียนข้อความแผ่นเล็กๆ วางแปะบอกบนโต๊ะทำงานของเธอ ว่าให้ตรวจแฟ้มบัญชีย้อนหลังสามปีและสรุปส่งในวันถัดไป กัญญาวีร์อ่านข้อความแค่นั้นก็ก้มหน้าทำงานของตนเอง โดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นพบเจ้าของห้องแต่อย่างใด

ด้านรีชภวัฒน์กลับเป็นฝ่าย เหลือบมองหาหลายครั้ง จนเขาเองนั้น ทำงานไม่รู้เรื่องและอึดอัดในบรรยากาศแบบนี้ ก่อนจะส่งสัญญาณบอกเลขาวัยชราหน้าห้องให้เขามาตัวไปกัญญาวีร์ออกไปสำรวจงาน แค่เธอได้เดินออกจากห้องทำงานของเขาถึงกับหายใจโล่งคอเลยทีเดียว ป้าวิมลแทบอมยิ้มแจ่มใสและเสนอการฝึกงานที่แท้จริงให้กัญญาวีร์ แถมยังทำให้เธอลืมใบหน้าของผู้จัดการฝ่ายจอมแสนร้ายได้ทั้งวันอีกด้วย ด้วยการเดินออกจากแผนกและเดินสายเยี่ยมชมแผนกอื่นๆ กับป้าวิมล จนได้รู้จักกับนักศึกษาฝึกงานที่อื่นๆ ในสาขาการโรงแรมการท่องเที่ยว ที่ล็อบบี้หลักของโรงแรม

“นั่น! ใช่ น้องกัญญาวีร์ หรือเปล่าครับ” จู่ๆ เสียงทุ้มนุ่มนวลน่าฟังก็ร้องทักราวกับตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นเธอ

“เอ่อ...ใช่พี่วสันต์หรือเปล่าคะ” กัญญาวีร์ทักกลับเหมือนจะพยายามจำรูปหน้าของผู้ชายคนนี้ได้คร่าวๆ และก็ดีใจปกติกับการได้เจอรุ่นพี่สมัยเรียนตอนมัธยมต้นโน้น สำหรับหนุ่มมาดเท่ห์ สวมชุดเครื่องแบบตำรวจเต็มยศยิ้มรับอย่างอ่อนโยน เขาจำน้องรหัสแสนร่าเริงคนนี้ได้ นั่นก็เพราะก็คนมันเคยแอบชอบนี่นา

“น้องกัญญาวีร์ สบายดีไหมครับ ไม่เจอกันตั้งหลายปีมากเลยทีเดียว” เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มหน้าตาดี มาดแมนเต็มยศ มองมาที่กัญญาวีร์อย่างสำรวจรวดเร็ว ก่อนจะรีบสบตาขึ้นยังใบหน้าหวานของหญิงสาวรุ่นน้องสมัยมัธยมต้น

“สบายดีค่ะ ทางพี่วสันต์คงสบายดีนะคะ” กัญญาวีร์ยิ้มให้ เมื่อเห็นหนุ่มในเครื่องแบบ ก็ดูออกว่ารุ่นพี่ของเธอทำงานอะไร

“ครับ พี่อยากคุยกับน้องกัญญาวีร์จังเลย แต่ว่าพี่ยังติดทำงานอยู่เลย น้องกัญญาวีร์มาฝึกงานที่นี่หรือครับ” วสันต์ถามเพราะเห็นป้ายชื่อติดว่านักศึกษาฝึกงาน จึงพอจะเดาออก จู่ๆ การได้เจอกัญญาวีร์ ทำให้เขาอยากอยู่ใกล้ๆ มากกว่านี่จังเลย ถ้าไม่ได้นัดกับผู้จัดการฝ่ายทั่วไปโรมแรมที่นี่เอาไว้ เขาก็อยากจะคุยกับรุ่นน้องให้นานๆ ยังไม่ทันที่เขาจะถามอะไรกัญญาวีร์ได้อีก พนักงานสาวรีเซฟชั่นของโรงแรม ก็เดินมาเชิญให้นายหนุ่มตำรวจที่เพิ่งจะย้ายประจำการและกลับมาอยู่บ้านเกิดหมาดๆ ไปเข้าพบกับผู้จัดการฝ่ายทั่วไป

“พี่ขอตัวทำงานก่อนนะ ถ้ายังฝึกงานอยู่ที่นี่ พี่จะขอมาคุยด้วยได้ไหมครับ” ใจของหนุ่มตำรวจไฟแรงร้อนรน อยากคุยกับกัญญาวีร์เหลือเกิน แต่งานคดีที่เพิ่งได้รับมอบหมายให้ทำ หลังจากการย้ายเข้ามาประจำการก็ต้องมาก่อน

“ได้ค่ะ” กัญญาวีร์ตอบรับ แล้วรุ่นพี่ของเธอเดินจากไปทำงานของตนเอง แม้สายตาจะหันมาสบกับเธอหลายครั้งก็ตาม มันช่างบังเอิญมากสินะ ไม่คิดว่าเธอจะได้เจอรุ่นพี่หนุ่มแสนใจดีอีก กัญญาวีร์กำลังครุ่นคิดว่า ทำไมใบหน้าหล่อๆ ของรุ่นพี่ในสมัยม.ต้น นั่นช่างละม้ายคลายคลึงกับคนๆ หนึ่งเหลือเกินจังเลยแฮะ

“ทำไมรูปโครงใบหน้าของพี่วสันต์ ถึงได้เหมือนกับน้องแวมจังน้า” กัญญาวีร์ฉุดคิดอยู่คนเดียว ก่อนเสียงโทรศัพท์มือถือของตนจะดังขึ้น ปลายสาย คือ คนที่เธอกำลังคิดถึงอยู่พอดีด้วย ‘วิรตา’

“ว่าไง ยัยตา กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย ลูกแวมล่ะ”

“(แหมๆ ตาโทรหาวีวี่ทั้งที ก็ถามหาแต่ลูกเชียวนะ)” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะชอบใจอย่างอารมณ์ดี

“กำลังคิดถึงนี่นา” ใช่เธอกำลังคิดถึงจริงๆ เจ้าเด็กอ้วนวัยน้อยนิดแห่งดวงใจพวกเธอ

“(เธอจะได้คิดถึงแน่ๆ ลูกแวมกำลังเดินทางไปหาเธอกับน้าน้อยนะ)” หญิงสาวปลายสายบอกก่อนจะหันเข้ามาพูดประเด็นธุระ กัญญาวีร์ก็รับปากและคิดว่าก็ดีเหมือนกันให้น้องแวมมาอยู่ด้วย เธอก็จะได้ไม่เหงา เวลาได้อยู่บ้านหลังโตนั่นคนเดียว และพี่ชายข้างบ้านแสนร้ายก็จะไม่ต้องมาวุ่นวายกับความเป็นส่วนตัวของเธอมากนัก แถมยังทำให้เธอลดช่วงเวลาได้อยู่สองต่อสองกับเขาไปด้วย

พอเธอวางสายโทรศัพท์มือกับเพื่อนสาวคนสำคัญจบธุระแล้ว เสียงป้าวิมลที่เอ่ยขอตัวไปคุยกับเพื่อนๆ ในแผนกไหนต่อแล้วก็ไม่รู้ แกจึงบอกให้กัญญาวีร์กลับแผนกไปก่อน วันนี้เธอไม่อยากจะเจอหน้าพี่ชายข้างบ้านแสนร้ายเลย เพราะเขา มักชอบทำให้เธอ มีอาการหายไจไม่สะดวก เหมือนกำลังขาดอากาศหายใจโดยปริยาย ยิ่งเขาได้สวมบ่วงรัดตัวเธอไว้แบบนี้ หญิงสาวก็ยิ่งไม่อยากจะอยู่ใกล้ๆ เขานัก อีกอย่าง เขาช่างมีอารมณ์แปรปรวนคุ้มดีคุ้มร้าย สาดใส่เธออีกเมื่อไรก็ไม่รู้ เวลาอยู่กับคนอื่นๆ กัญญาวีร์ก็เห็นรีชภวัฒน์ออกจะใจเย็นนุ่มนวลสุภาพเรียบร้อย แต่ทำไมในสายตาของเธอนั้น เขาถึงเป็นดั่งซาตานร้ายกาจมาก ลิฟต์ตัวหนึ่งเปิดออกเธอก้าวเข้าพร้อมกับคู่รัก คู่หนึ่งที่เดินโอบกอดกันมา คงเป็นแขกที่มาพักอยู่ที่โรงแรมสุดหรูนี่กระมัง ชายหญิงคู่นั้นกอดเอวกันจนติดตัวเป็นปาท่องโก๋ กัญญาวีร์ก้มหน้างุดลงอย่างเอียงอายเล็กน้อย ดูเหมือนเธอจะเข้ามาเป็นส่วนเกินแน่ๆ ดวงตาคู่คมกริบของผู้ชายคนนั้นไม่ได้มองคู่รัก เขามองมาที่กัญญาวีร์อย่างออกนอกหน้า จนเห็นได้ถนัดตาเลย มันกรุ่มกริมฉายแววอะไรไม่รู้อย่างประหลาดๆ ที่กัญญาวีร์แทบรู้สึกถึงและหลงสบตาเข้าเพียงแวบหนึ่งก็เกิดอาการน่าใจหายวูบๆ และแล้วลิฟต์ชั้นที่หญิงสาวฝึกงานต้องการก็ผงะเปิดออก เธอก้าวออกอย่างว่องไว และหายใจโล่งคอทันที ที่จะไม่ได้เห็นการกระทำ พลอดรักของสองหนุ่มสาวคู่ในลิฟต์นั้น

“เฮ้อ...”

“ถอนหายใจยาวเชียว ฝึกงานได้สองวันก็เหนื่อยแล้วหรือคะ น้องวีวี่” เสียงแหลม ชวนฟังให้แสบแก้วหูของกัญญาวีร์ เธอหันไปหา ก็ต้องยกไม้ยกมือขึ้นมาไหว้ เพราะวันนี้เพิ่งจะเห็นหลานสาวของป้าพรรณมณี คือ พี่จารุณี มาทำงาน

“ยังค่ะ พี่จา” กัญญาวีร์ตอบอย่างประหยัดคำ แต่ดวงตาแหลมของจารุณีกำลังจ้องสิ่งหนึ่งบนนิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาวฝึกงาน ดวงตาของเธอแทบลุกวาบที่ได้เห็นแหวนเพชรประกายมันวาบๆ มาอยู่แค่สองสามวัน นี่ยัยเด็กข้างบ้านถึงกับปอกลอกเอาทรัพย์สินของคุณรีชภวัฒน์ไปเกือบล้านแล้วหรือไงกัน! แถมเมื่อวานคุณรีชภวัฒน์ก็ซื้อรถคันงามๆ ให้เอามาไว้ ขับไปฝึกงาน แล้ววันนี้จารุณี ซึ่งกำลังได้เห็นสิ่งมูลราคาแวววาวทางจิตใจอีก มันคงเป็นแหวนหมั้นใช่ไหม จารุณีอยากจะร้องกรี๊ดดังๆ ด้วยความริษยา เมื่อรีชภวัฒน์รูปหล่อแสนดีไม่เคยคิดจะชายตามามองเห็นเธอเลยด้วยซ้ำ ที่แท้ก็มีหญิงสาวที่จะหมายปองเอาไว้ในหัวใจมานานแล้วสินะ

“งั้นก็รีบกลับไปทำงานต่อซี! มายืนทื่อ ถอนหายใจทิ้งเล่นๆ แถมนี้อยู่ได้!” จารุณีเอ่ยต่อว่าเสียงดังด้วยความหงุดหงิดอย่างลืมตัว กัญญาวีร์ก็สะดุ้งตัวโหยง เธอจะเอ่ยพูดแก้ตัวแต่ก็สายไปแล้ว เมื่อพี่จารุณีต่อว่าใส่ให้จบ แล้วก็เดินจิกร้องเท้าส้นสูงใส่พรหมสีเข้มทางช่องระหว่างเดิน ไปยังแผนกสมุห์บัญชีตัดหน้านักศึกษาสาวฝึกงานผู้กุมหัวใจ ผู้จัดการการเงินแห่งวรธิกาจญ์ กรุ๊ป ส่วนกัญญาวีร์แทบงุนงันกับกิริยาที่หลานสาวของป้าพรรณแสดงต่อเธอ ซึ่งยังคิดไม่ออก เลยว่าไปทำอะไรให้พี่จารุณีมีน้ำโหเพียงนั้นกันล่ะ นักศึกษาสาวแห่งสมุห์บัญชี เริ่มใจเสียตั้งแต่ก้าวเข้ามาฝึกงานต่อในแผนกช่วงบ่าย...

“ไปไหนมา กัญญาวีร์” เสียงแรกที่เธอได้ยิน ก็ยิ่งเกิดอาการใจหล่นลงพื้นอีก เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของผู้จัดการฝ่ายสมุห์บัญชี อาการตัวสั่นผวาก็เข้ามาแทรกดื้อๆ เพราะดวงตาคู่คมกริบที่ซ่อนด้วยแว่นกรอบเรียวนั้นกำลังบ่งบอกถึงระดับฉุนเฉียวมากแค่ไหน

“ปะ...ไปที่แผนกอื่นๆ กับป้าวิมลค่ะ” เธอไม่รู้จะตอบเขาอย่างไง ก็ป้าวิมลให้ถือแฟ้มหลายอัน เดินตามหลังป้าเลขาวัยกึ่งชราไปแผนกต่างๆ ของโรงแรมนี่นา

“ทีหน้าทีหลัง หัดมารายงานฉันก่อนด้วย จะไปไหน มาไหน ในเวลาฝึกงาน!” เขาโมโหตนเองด้วย เช่นกัน ก็ไล่ให้เธอไปฝึกงานกับป้าวิมลแล้วนี่ ป้าแกจะพาไปไหนก็ได้ แต่ที่ต้องเกิดอารมณ์โมโหเดือดดาล ก็เพราะเขารอเธอ หวังว่าจะได้ไปทานข้าว มือกลางวันด้วยต่างหากล่ะ เขาต้องออกกฎบังคับทุกข้อเลยใช่ไหมเนี่ย

“ค่ะ” กัญญาวีร์ตอบแล้วแทบน้ำตาคลอ เพราะความรู้สึกหวาดกลัวแบบนี้ มันกลับอีกแล้ว การได้อยู่สองต่อสองกับเขา มันคือ เขตอันตรายสำหรับเธอเหลือเกิน นี่แค่ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ด้วยซ้ำ รีชภวัฒน์เอาแต่โมโหตามอารมณ์ และต้องชะงักค้าง จากใจที่ร้อนๆ ก็กลับดับวูบลง เมื่อได้เห็นว่าเรือนร่างบางแสนรักมีน้ำตาใสๆ คลอเบ้าตา เธอพยายามก้าวขาออกจากสายตาคมกริบที่จ้องจะฆ่าเธอนั่นให้ละเอียดเป็นชิ้นๆ รีชภวัฒน์รีบถลาก้าวเข้ามาหา หญิงสาวก็รีบถอยออกห่างอย่างฉับไวด้วยหัวใจเกิดเปราะบางนัก

“ฉันต่อว่าแค่นี้ เธอก็จะร้องไห้ แล้วเธอจะไปทำงานที่ไหนได้กัญญาวีร์”

อ่อนแอ คำนี้คงจะเหมาะสมกับเธอที่สุดตอนนี้ สิ่งที่เธอกลัวคืออารมณ์วูบวามของชายหนุ่มต่างหาก เธอยังไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย แต่เขากลับจะจ้องหาเรื่องเล่นงานเธออย่างเดียว กัญญาวีร์ไม่ได้เอ่ยตอบชายหนุ่มแสนร้ายสักคำ เธอต้องพยายามถอยออกห่างให้ไกลที่สุด เธอเกลียดอาการแบบนี้ของตนเอง ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา เธอพยายามทำตัวให้เข้มแข็งทุกครั้ง แต่ทำไมเวลาตกอยู่ในสภาพแบบนี้กับเขาสองต่อสอง หญิงสาวมักหลงปล่อยความอ่อนแอให้เขาได้เห็น ปล่อยให้มันเป็นโอกาสที่เขาจะสามารถเข้ามาข่มเหงย่ำยีหัวใจของเธอเล่นๆ ได้อีกสินะ

“ปล่อย!” ในที่สุดชายหนุ่มก็ทนไม่ไหว จึงต้องเข้าดิ่งมาคว้าวงไหล่บางของเธอให้เขามาหาประชิดใกล้ตัวของเขา ดวงตาแข็งก้าวของรีชภวัฒน์กำลังลุกพล่านเป็นไฟ ยิ่งเขาอยู่ใกล้กัญญาวีร์เท่าไร ก็ยิ่งเกิดความกลัวอย่างั้นเหรอ แต่น้ำเสียงหวานกึ่งกล้ากึ่งกลัวกลับเอ่ยบอกเขาว่า...

“ปล่อยดิฉัน ดิฉันจะออกไปทำงานกับป้าวิมลต่อค่ะ” สรรพนามแทบเหินห่างเหลือเกิน สมัยก่อนการเรียกสรรพนามของเขากับของเธอ คือ ‘พี่รีช’ กับ ‘น้องวีร์’

“โต๊ะทำงานของเธออยู่ตรงนี่นะกัญญาวีร์...แล้วเมื่อเช้าฉันก็ให้งานไปทำแล้วด้วย จำไม่ได้หรือไง!” เส้นเลือดโมโหพุ่งปรี๊ดใส่ขมับของรีชภวัฒน์ ดูท่าทางเธอจะไม่ต้องการเข้ามาอยู่ในห้องนี้กับเขาจริงๆ สินะ แถมไอ้อากัปกริยาที่รังเกียจเขาสุดใจขาดแบบนี้ มันยิ่งทำให้รีชภวัฒน์เดือดพล่าน

“จำได้ค่ะ แต่ดิฉัน จะขอออกไปให้ป้าวิมลช่วยค่ะ” กัญญาวีร์เอ่ยแสดงความดึงดันดื้อรั้น

“ให้ป้าวิมลช่วย! ทำไมต้องให้คนแก่ช่วยเหลือ แค่สรุปบัญชีย้อนหลัง ให้ฉันรู้มันยากตรงไหน หือ!” รีชภวัฒน์ถึงกับตะคอกใส่ ด้วยความหลงโมโห เพราะหญิงสาวไม่ยอมทำตามประสงค์ของตนเอง กัญญาวีร์ไม่ได้เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายกับพี่รีช ชายหนุ่มข้างบ้านอีกต่อไปแล้วสินะ แค่การกระทำอันเลวของเขาในครั้งนั้น ทำให้ความรู้สึกของกัญญาวีร์ที่มีต่อเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสูญสิ้นใช่ไหม!

“ปล่อยนะ วีร์อึดอัดค่ะ วีร์อึดอัดที่จะต้องฝึกงานในห้องกับพี่รีชสองต่อสอง แค่จับวีร์ใส่กรงแล้ว มันยังไม่พอหรือไง วีร์ขอร้อง ขอให้วีร์รับการฝึกงานกับป้าวิมลได้ไหมคะ ฮือๆ” ชายหนุ่มอารมณ์วูบดับลงทันใด เมื่อรู้ความประสงค์ของเธอแล้ว ใช่สิเขาจับเธอใส่กรงได้แล้วนี่นา แถมกัญญาวีร์ยังเรียกสรรพนามของเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย และเผลอแทนสรรพนามของตัวเธอเองว่า ‘วีร์’ แสดงว่าเธอคงกลัวเขามากสินะ ถึงได้รีบเปลี่ยนคำแทนตัวเอง เพื่อให้เขาลดความเกรี้ยวกาจลงบ้าง

“เธอหนักใจมากสินะ ที่ต้องมานั่งเห็นหน้าพี่แบบนี้ กัญญาวีร์” รีชภวัฒน์ก็รีบแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เหมือนเมื่อก่อนเช่นกัน เผื่อเธอจะลดอาการหวาดกลัวเขาลงบ้าง แต่หญิงสาวไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น เอาแต่สะอื้นไห้เบาๆ จนคนร่างโตเริ่มออกจะรำคาญเข้าไปอีก ยิ่งเขาบังคับเธอ เธอก็ยิ่งเกลียดเขาถูกหรือเปล่า มันไม่ช่วยให้เขากับกลับมาเป็นเหมือนก่อนได้เลย

“ก็ได้ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอย้ายไปนั่งทำงานข้างป้าวิมลแล้วกัน” รีชภวัฒน์ถอนหายใจอย่างหนัก ก่อนจะใช้มือหนาขึ้นมาปาดน้ำตาให้หญิงสาวแสนรักนักหนา มันยิ่งไม่อาจจะทำให้เธอหยุดร้องไห้ได้เลย กัญญาวีร์พยายามเบือนหน้าหนีให้พ้นมือเรียวหนาของชายหนุ่มแสนร้าย ที่ชอบทำลายจิตใจของเธอเหลือเกิน

“ปล่อย…” น้ำเสียงสำลักปนสะอื้นไหพร่ำบอก เนื้อตัวก็สั่นเทาอย่างกับลูกนก เนื่องจากเขาใกล้ชิดแนบเนื้อกับเธอ แล้วร่างกายก็ต่อต้าน รีชภวัฒน์ก็ปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระแต่โดยดี เขาถอยออกห่างออกสักสองสามก้าวด้วย และยืนมองดูกัญญาวีร์พยายามเช็ดน้ำตา

“พี่ขอโทษ พี่ไม่ตั้งได้ใจจะต่อว่านะ” แต่มันเป็นเพราะอารมณ์ร้อนวูบวามครองงำพาไปต่างหาก ยิ่งหลงให้เขาเผลอใช้บังคับอ้างตัวเป็นคู่หมั้น ก็ยิ่งอยากถือใช้สิทธิ์โดยชอบธรรมด้วย

“วีร์อยากกลับบ้าน! วีร์ขอลากลับบ้านค่ะ” กัญญาวีร์เผลอออกอาการเอาแต่ใจขึ้นมาดื้อๆ ไม่สนว่าเขาจะเป็นเจ้านายผู้มีอำนาจประเมินการฝึกงานของเธอ เพราะจิตใจของเธอมันกำลังกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ยิ่งใกล้เขาก็ยิ่งเจ็บเข้าที่หัวใจ รีชภวัฒน์ยกข้อมือข้างที่สวมนาฬิกาขึ้นดูเวลา ซึ่งมันบ่งบอกว่าอีกชั่วโมงกว่าๆ ถึงจะหมดเวลากำหนดการเลิกงานของกัญญาวีร์ แถมเมื่อวานเขาก็ยังทำให้เธออยู่ฝึกงานจนเกินเวลาอีก

“ช่วยทนรอ...พี่ทำงานอีกสักชั่วโมงก่อนได้ไหม แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกันนะครับ” รีชภวัฒน์เอ่ยพูดวาจาอ่อนลง ด้วยเพราะว่าได้เห็นเจ้าน้ำตาใสๆ กำลังเออล้นเจ่อนองเต็มใบหน้าของหญิงสาวอันแสนรักนั่นสิ กัญญาวีร์อยากจะพูดออกไปว่าไม่อยากจะอยู่ใกล้เขาแบบนี้ แต่ก็ไม่กล้าพูด เธอต้องเก็บอาการที่ถูกขัดความประสงค์ตัวเองเอาไว้ ด้วยการหันหลังเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะประจำตำแหน่งของเธอ ไม่ยอมเอ่ยพูดกับชายหนุ่มผู้บังคับกักเกณฑ์ชีวิตเธออีกเลย ถ้ายิ่งแรงต่อต้านแผงฤทธิ์กลับไป เธอนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายเจ็บเอง!

เสียงพ่นลมหายใจเฮือกโตจากรีชภวัฒน์ ก่อนเขาจะเดินก้าวไปนั่งทำงานที่โต๊ะตนเองอย่างว่องไว ศึกสงครามเย็นสงบนิ่งจนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน รีชภวัฒน์เงยหน้าจากงานของตนแล้ว เพ่งมองไปยังฝั่งตรงข้ามปรากฏว่าเรือนร่างบางฟุบหลับไสลคาโต๊ะทำงานของเธอ ทั้งคราบน้ำตาไปแล้ว เขาจึงทำตัวให้เกิดเสียงเบาที่สุด กลัวว่าเจ้ากระต่ายตัวน้อยจะตื่นขึ้นมา เขารีบเก็บเอกสารกลับเข้าแฟ้มให้หมด พอเก็บของเรียบร้อย ก็เดินตรงเข้ามาหาเจ้ากระจ่ายตัวน้อย ด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนกำลังจะเอื้อมมือไปแตะตัวของเธอ เพื่อที่จะปลุกให้เธอตื่น แต่แล้วก็ต้องชะงักเก็บมือเข้ามาลวงกระเป๋ากางเกง ก้มลงมามองที่ใบหน้าหวานน่ารัก ซึ่งเวลานอนหลับแล้ว ทำให้เขาเพลิดเพลินผ่อนคลายดีจัง เหมือนกันแฮะ

เขาเดินไปยังโต๊ะทำงานของตน เพื่อไปลากเก้าอี้ตนเองมาอย่างเสียงเบาๆ ที่สุด และมานั่งจ้องมองหญิงสาวแสนรักหมดหัวใจอย่างเงียบเนิ่นนาน กัญญาวีร์ก็พลิกใบหน้าตนเองมาทางที่เขาลากเก้าอี้เข้ามานั่งเฝ้าอย่างพอดิบพอดี รีชภวัฒน์ก็แทบยิ้มปริ่มในดวงใจ ขนาดนั่งทอดมองสาวน้อยนอนหลับอย่างไม่รู้สึกเบื่อ แถมยังขบขำเบาๆ เมื่อหญิงสาวทำเสียงพึมพำละเมออีกต่างหาก เสียงหัวเราะน้อยๆ ทำให้แทรกเข้ามาปลุกช่วงห้วงฝันของกัญญาวีร์ เธอจึงพยายามปรือดวงตากลมโตอันบวมเปล่ง ที่ผ่านศึกการร่ำไห้ไปในหลายชั่วโมงก่อนขึ้นมาอย่างช้าๆ และก็ต้องสะดุ้งตกใจตื่นๆ รีบขยับการออกห่างอย่างฉับไวรวดเร็ว เมื่อเห็นรีชภวัฒน์นั่งกอดอกแกร่งมองมาที่เธอใกล้ๆ และยิ่งได้เห็นรีชภวัฒน์ถอดแว่นตาออก หัวใจของเธอก็เต้นระส่ำหวั่นไหว กับการได้ยลโฉมใบหน้าตี๋รูปคมหล่อของเขาโดยปราศจากแว่นตากรอบเรียว มันทำให้เขาดูเหมือนคนหนุ่มเจ้าเสน่ห์แสนร้ายนัก

“หึๆ ตื่นแล้วสินะ พวกเราจะได้กลับบ้านกันสักที หรือเธออยากนอนจะที่นี่ต่อล่ะ” น้ำเสียงทุ้มพูดถามอย่างราบเรียบราวคนอารมณ์ดี คราวนี้เธอคงไปทำเป็นตัวตลกในสายตาเขาแน่ๆ ว่าแต่เธอไปทำอะไรให้ล่ะ ก็แค่เผลอหลับเท่านั้นเองนะ กัญญาวีร์รีบก็เอามือปัดแก้มป่องๆ สองข้างของตน และลูบมาเช็ดปากอิ่มอันกระจับได้รูปสวย ก็ไม่เห็นจะมีน้ำลายยืดหกสักหยดเดียว อากัปกริยาของหญิงสาวอตนนี้ก็ยิ่งให้รีชภวัฒน์ขบขัน แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรให้เธอเข้าใจถึงความอารมณ์ดีของเขา รีชภวัฒน์ลุกขึ้นและสวมแว่นตากรอบเรียวไปเก็บอีกกระเป๋าทำงานของตนด้วยผุดยิ้มน้อยๆ กัญญาวีร์ก็ยังเอามือบางลูบหน้าตนเองอีกหนและเกิดอาการร้อนวูบบนใบหน้านวลอย่างไม่ทราบสาเหตุด้วย จึงหันมาสนใจเริ่มเก็บของใช้ส่วนตัวของตนเอง ร่างโตกว่ายืนรอที่หน้าประตูแล้วแถมยังยิ้มมุมปากไม่ยอมหุบเลย หญิงสาวจึงแต่ค้อนในใจรุ่มๆ ‘พี่รีช...ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ’ ถ้าเธอเผลอพูดไปดันอารมณ์แปรปรวนอีก เธอไม่ยอมหาเรื่องใส่ตัวเองดีกว่า ขอปลอดภัยไว้ก่อน อีกอย่างตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอก็จะไม่มีทางได้อยู่สองต่อสองกับเขาแล้วนี่นา ทั้งที่บ้านและที่ทำงานอีกด้วย



การเดินทางกลับบ้านในวันนี้ กัญญาวีร์แทบไม่ออกอาการดื้อดึงใดๆ ทำให้รีชภวัฒน์ไม่ต้องจับมือลากจูงแขนบางบังคับให้กลับบ้านกับเขาเลย แม้เธอจะไม่พูดกับเขาสักคำก็ตาม แต่เธอก็ยอมเดินตามเขาจนไปถึงที่รถและเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดีภาพ หากทว่าข้างระหว่างทางอันมืดมิดไกลออกไปคนละทิศทางของรถคันแกร่งของสองหนุ่มสาวแผนกสมุห์บัญชีแห่งโรงแรมหรูริมทะเล ได้มีรถคันแกร่งโตคันจอดเทียบทางถนนยาวมืดๆ เจ้าของรถ โยนสิ่งหนึ่งออกจากนอกรถทิ้งมันไปอย่างไม่ใยดีเข้าไปในทุ่งป่าทุ่งน้ำ ก่อนจะทำตัวรีบเร่งเดินดิ่งกลับมายังที่รถตนเอง แล้วขับออกไปอย่างเร็วจี๋ เพื่อหวังจะได้พบกับใครคนหนึ่ง แต่แล้วก็เกิดเปลี่ยนใจไม่คิดจะกล้ากลับไปให้เป็นการทิ้งร่องรอยของตนเองเด็ดขาด รถคันแกร่งดำทมิฬหักเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางและมุ่งไปอีกทาง จึงได้แต่ต้องอดใจรอ รออีกสักอาทิตย์ก่อน มือข้างหนึ่งปล่อยออกจากพวงมาลัยรถตนเอง เพื่อคว้าโทรศัพท์ทัชสกรีนราคาแพงขึ้นมาสัมผัส ระหว่างขับรถไปตามเส้นถนนหนทางอันมืดมิดเงียบสงัด ภาพที่เพิ่งจะแอบถ่ายได้จากด้านหลัง ของแผ่นหลังรูปบางก่อนที่ลิฟต์โรงแรมจะปิดลง ซึ่งมันเป็นภาพของหญิงสาวในชุดนักศึกษาทรงผมยาวซอยสไลด์ ดวงตาดำในความมืดเห็นนักศึกษาสาวในโทรศัพท์มือถือของตนแล้วก็แทบกระตุกสั่นๆ เบ้าขอบตาร้อนผ่าวจนเกือบแดงฉาน พร้อมเอ่ยพึมพำอย่างละคนถวิลหาเฉกเช่นบุคคลอันเป็นที่รักในดวงใจ

‘นางฟ้าของพี่ รอก่อนนะ รอพี่ก่อนนะ พี่จะกลับไปหา...’



กัญญาวีร์สะดุ้งด้วยโหยงอย่างไม่ทราบอาการร่างกายของตนเอง เมื่อรถคันแกร่งสีส้มชาอย่างวอลโว่ C 30 หยุดนิ่งสนิทจอดที่หน้าบ้านจัดสรรหลังโตของเธอเรียบร้อย

“ถึงบ้านแล้ว สาวน้อย” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยเตือนขึ้น เมื่อรีชภวัฒน์คิดว่าเธอนั่งหลับไปอีกหนหรือเปล่า นี่เขาเดินมาเปิดประตูรถให้แล้วนะ เธอยังนั่งค้างอยู่ที่เบาะข้างคนขับเหมือนเดิมไม่ยอมขยับตัวออกจากรถ และแล้วกัญญาวีร์ จึงได้ตื่นจากภวังค์อันแปลกประหลาดเมื่อครู่ รีบก้าวขาออกจากรถของพี่ชายตัวร้ายข้างบ้าน แค่ก้าวเท้าแตะพื้นผิวซีเมนต์บ้านตนเอง เสียงร้องแจ๋วๆ ใสดังลั่นของร่างอ้วนๆ ตัวเล็กก็วิ่งแจ้น ออกมาหากัญญาวีร์ด้วยความดีอกดีใจที่สุด

“จุนแม่วีวี่ ฮับ...” กัญญาวีร์ถึงขั้นผุดยิ้มจนแก้มบาน ก้าวเท้าออกห่างจากร่างโตของรีชภวัฒน์ ดิ่งเข้าหาเจ้าตัวน้อยแสนจะคิดถึงสุดใจ วงแขนบางกางออกรับเจ้าร่างจ้ำม่ำกลมๆ ที่กระโดดเข้าใส่หา

“ลูกแวมของแม่...” พร้อมประทับหอมแก้มกลมซาเปาไปฟอดใหญ่ไปมาสองสามที หนูน้อยร่างกลมแทบหัวเราะอย่างดีใจ และมีหญิงสาววัยค่อนข้างไปทางกึ่งชราตัวผอม เนื้อตัวก็แทบไม่ได้ใส่เสื้อผ้าราคาแพงออกจะธรรมดา เดินตามหลังหนูน้อยตัวอ้วนมาพร้อมๆ ด้วย กัญญาวีร์ก็ยกมือขึ้นไหว้ น้าน้อยผู้เป็นพี่เลี้ยงดูแลเจ้าตัวอ้วนลูกของเธอ

“สวัสดีค่ะ น้าน้อย เจ้าอ้วนตันนี้คงดื้อกับน้าน้อยตลอดการเดินทาง มาหาวีร์สินะคะ” กัญญาวีร์เอ่ย

“ตามประสาเด็กวัยเล็กๆ ล่ะค่ะ หนูวีวี่” น้าน้อยหญิงวัยกลางคนตอบด้วยรอยยิ้มแย้ม แม้จะดูเหมือนว่าจะอ่อนเพลียกับการนั่งรถตู้ประจำทาง เดินทางจนมาถึงเมืองริมทะเลบ้านเกิดของกัญญาวีร์แห่งนี่ก็เถอะ รีชภวัฒน์ที่ยืนนิ่งเป็นหิน เมื่อเห็นเด็กตัวอ้วนๆ ในอ้อมกอดของกัญญาวีร์ ถ้าเขาได้ยินไม่ผิดหูไป เธอเรียกเจ้าหนูน้อยตัวกลมๆ นี้ว่า ‘ลูก’ และเจ้าหนูน้อยนั่นก็เรียกกัญญาวีร์ว่า ‘แม่’ ดวงตากลมแป้วเล็กๆ เงยหน้าขึ้นมามองสบตา ร่างหนุ่มตัวโตๆ อย่างกระพริบตาด้วยความงุนงง และด้วยความที่เป็นเด็กน้อยวัยอยากรู้อยากเห็น แถมชายหนุ่มร่างโตที่ยืนข้างหลังแม่วีวี่ดูจะไม่ใช่คนน่ากลัวด้วย เด็กวัยน้อยตัวกลมๆ จึงกล้าที่จะเอ่ยถาม

“จุนลุง...นั่นใครฮับ จุนแม่” แค่หนูน้อยพยายามเรียบเรียงคำพูดถาม กัญญาวีร์ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง แต่เธอจะต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ทั้งสองหนุ่มต่างวัย ต่างอายุกันได้รับรู้จักกันสินะ



โปรดติดตอนต่อไป

บทที่ 5 หนูน้อยในดวงใจ



>O< มาแล้วค๊า อริฌา เริ่มหาเรื่องใส่ตัวเองจริงๆ 555

ชอบเอาปมมาใส่ให้นักอ่านมึนงงๆ เช่นเคย 555

และมันก็จะบดบังฉากโรมานช์ เหอๆ

ขอ อภัย นักอ่านทุกท่านนะคะ ที่นิยายเรื่องนี้

อาจะไม่ได้เน้นเรื่องความรักของคู่ พระ - นาง อย่างเดียว

^____^v

ขอ ภัย อีกหน พอดีไปอ่านกระทู้ในพันทิปมา ติดงอมแงมสามวันเต็มๆ

http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12270132/K12270132.html#47

เรื่องนักเขียนสมัยใหม่หาข้อมูลไม่สมจริงตามอาชีพตัวละครในนิยาย

ทำให้อริฌา เกิดอาการหลอนมากๆ กับการเขียนนิยายไปเลย

จึงขอสารภาพว่า เขียนจากจินตนาการเอง ไม่ได้หาข้อมูลที่ถูกต้องเท่าไรนัก

นักอ่านท่านใดที่หลงแวะเข้ามาอ่าน รอยร้าย...แสนรัก

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เพราะเป็นความเห็นจินตนาการของผู้เขียนล้วนๆ

ไม่ได้มีเจตนาที่จะพาดพิงถึงผู้คนใดๆ หรือสถานที่ใดๆ ทั้งสิ้น

ผู้เขียน จึงขอ อภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย




Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ค. 2555, 08:47:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 12:02:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 2009





<< บทที่ 3 หนีไม่พ้น...   บทที่ 5 หนูน้อยในดวงใจ... >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account