ร้อยเล่ห์ แสนรัก
ดาดาริน...นางแบบสาวสุดฮอต วางแผนพิลึกพิลั่นเพื่อให้ ทองทิมหลงเสน่ห์ สาเหตุมาจากเธอเข้าใจว่าเขากำลังจะแย่งผู้หญิงจากผู้ชายที่เธอหลงปลื้ม

ด้วยแผนการเหล่านี้ ทำให้เกิดความสัมพันธ์อลหม่าน ระหว่างนางแบบสาวกับทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์


เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ปรินเซสแล้วนะคะ จะลงแค่ 70% ที่เหลือช่วยอุดหนุนหนังสือกันด้วยนะ ><
Tags: รัก,โรแมนติกคอมมาดี้

ตอน: บทที่ 16

ถ้านับเรื่องประหลาดใจที่เกิดขึ้นมากมาย หลังจากที่เธอเอาตัวเข้าไปพัวพันกับทองทิม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าดาดารินตอนนี้ ก็คงคว้าอันดับหนึ่งไปครอบครอง

นางแบบสาวตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก เมื่อโผล่หน้ามาจากห้องของตัวเองหลังจากได้ยินเสียงเอะอะ แล้วพบความวุ่นวายจากพนักงานชายของคอนโดมิเนียม 3-4 คนที่กำลังขนกระเป๋าเดินทาง กับถุงใส่ของอีกสองสามใบเข้าไปในห้องที่อยู่ถัดจากห้องของเธอ

คนที่ยืนคุมพนักงานเหล่านั้นด้วยท่าทางกอดอกสบายๆ อยู่ตรงขอบประตู ไม่น่าตกใจเท่ากับผู้หญิงที่ยืนข้างๆ เขา

สาวร่างเล็กในเสื้อเชิ้ต ลายทางกับกระโปรงยาวสีกรมท่า ยืนอยู่ใกล้ๆ กับเจ้าของคอนโดมิเนียม ดูก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางแบบสาวนิ่งมองเหมือนโดนสะกด ไม่อยากจะคิดว่าคำชวนง่ายๆ ในคืนวันนั้นจะกลายเป็นเรื่องจริงจังอย่างที่ตาเธอเห็น

นี่นายทองเทียมกล้าหาญขนาดเอาผู้หญิงมาอยู่คอนโดฯ เดียวกันเลยหรือ

ไม่อยากจะเชื่ออย่างนั้น แต่ภาพทุกอย่างมันฟ้องว่าใช่ นางแบบสาวตัดสินใจอย่างรวดเร็วโดยปราศจากการไตร่ตรองใดๆ เธอเดินเข้าไปหาผู้ที่จะให้คำตอบที่กระจ่างที่สุดแก่เธอ

“สวัสดีค่ะ คุณทองทิม” เธอทักทายเสียงหวาน ลืมความบาดหมางครั้งสุดท้ายที่เจอไปหมดสิ้น

ทองทิมยิ้มให้อีกฝ่าย แต่เป็นรอยยิ้มยั่วเย้าที่แสนสนุก เขารู้ว่าเธอต้องการอะไร สายตาเธอบอกทุกอย่างหมดแล้ว

“สวัสดีครับคุณดาดาริน ผมขอแนะนำให้รู้จักเพื่อนข้างห้องคนใหม่ของคุณเลยนะครับ นี่คุณแพรฝัน... คุณแพรจะย้ายมาอยู่ห้องนี้นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีอะไรก็ช่วยแนะนำเธอด้วยนะครับ” ทองทิมให้ความชัดเจนแก่นางแบบสาวโดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยถาม ดาดารินทำหน้าอย่างหนึ่งซึ่งทำให้ชายหนุ่มอดสะใจเล็กๆ ไม่ได้

แพรฝันยิ้มอ่อนหวานทักทายสาวร่างสูงโปร่ง ดาดารินฝืนยิ้มตอบทั้งๆ ที่ไม่พอใจสุดขีด
“ขอฝากตัวด้วยนะคะ” แพรฝันเอ่ยเสียงนอบน้อม อีกฝ่ายได้แต่เบ้ปากยิ้มตอบอย่างเสียไม่ได้ ไหนวันนั้นปฏิเสธเสียงแข็งว่าจะไม่ยอมมาอยู่ที่นี่ ทำไมวันนี้กลับเปลี่ยนใจย้ายข้าวของหนีตามกันมาง่ายดาย

“ค่ะ คุณแพรเปลี่ยนใจแล้วหรอคะ ไหนวันนั้นคุณแพรบอกว่าเกรงใจไง” หญิงสาวถามออกไปอย่างที่คิด

“ก็..คือ....” แพรฝันอ้ำอึ้ง จนชายหนุ่มคนเดียวในที่นั้นต้องรีบยื่นมือเข้ามาช่วย
“ผมเป็นคนขอร้องให้คุณแพรมาเองเพราะเป็นห่วงเธอ เมื่อวานมีคนท่าทางไม่น่าไว้วางใจมาเกาะแกะกับคุณแพร ผมไม่อยากให้คุณแพรเดินทางกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ตามลำพังนะครับ ผมก็เลยขอร้องให้เธอมาอยู่ที่นี่ มันเป็นห้องของเพื่อนผมที่เป็นชาวต่างชาติ ซื้อไว้ให้คนอื่นเช่า เรื่องค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องกังวลอยู่แล้ว เพราะผมยินดีให้คุณแพรอยู่ที่นี่ได้ตราบเท่าที่คุณแพรต้องการ” ทองทิมจงใจใช้เสียงอ่อนหวานยามเมื่อพูดถึงแพรฝัน

แต่เรื่องที่เขาพูด ไม่ใช่เพียงเรื่องแต่งขึ้นเพื่อประชดใคร หากเป็นเพราะเขาตระหนักถึงภัยร้ายจากชายฉกรรจ์ 3 คนที่เคยก่อกวนหญิงสาวเมื่อนานมาแล้ว ที่กลับมาคุกคามเธออีก หากเมื่อวานเขาเข้าไปเห็นเหตุการณ์ไม่ทัน แพรฝันอาจถูกลากขึ้นรถไปกับพวกมันแล้วก็ได้

ดาดารินเบ้ปากเมื่อได้ยินถ้อยคำของชายหนุ่ม พระเอกขนาดนี้ ทำไมไม่ขี่ม้าขาวมาด้วยเลยล่ะ

“ก็ดีแล้วค่ะ อยู่ร่วมโลกเดียวกันก็ต้องรู้จักเห็นใจซึ่งกันและกัน คุณแพรฝันก็อย่าลืมตอบแทนคุณทองทิมเขาดีๆ ละคะ เขาจะได้ใจดีอย่างนี้ไปนานๆ ถ้ามีอะไรให้ดาช่วยก็บอกนะคะ แม้ว่าดาจะไม่หน้าใจใหญ่โตเหมือนบางคนแถวนี้ แต่ดาก็ยินดีจะช่วยเท่าที่ดาทำได้ละกันค่ะ”

หญิงสาวจีบปากจีบคอว่า เธอไม่ได้โกรธเกลียดคุณป้ากาแฟมาแต่ชาติปางไหน แต่ต้องเข้าใจว่าแรกรู้จักมันไม่สวยงามนัก ไม่แปลกที่คนเราจะสร้างอคติขึ้นมาเพื่อใช้มองคนอื่น ยิ่งแพรฝันยิ้มหวานปานจะกลืนมาให้ ดาดารินก็ยิ่งขนลุก

“ขอบคุณนะคะ คุณดาดาริน” เจ้าของร้านกาแฟ ที่กลายมาเป็นเพื่อนข้างห้องของดาดารินตอบเสียงนุ่มนวล ดาดารินพยายามปัดความคิดไม่ดีๆ เกี่ยวกับอีกฝ่ายทิ้ง ถึงอย่างไรแพรฝันก็แสดงออกอย่างดี เธอน่าจะทำตัวดีๆ ตอบไปบ้าง

“ถ้าอย่างนั้น ดาของตัวกลับห้องก่อนเลยละกัน” เธอบอกแพรฝันด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นมิตรมากที่สุด ก่อนหันมาที่ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า
“เชิญตามสบาย แต่ระวังอย่าให้เสียงดังรบกวนคนอื่นละกันนะคะ” ดาดารินเอ่ยอย่างประชดประชัน แต่แทนที่ทองทิมซึ่งเข้าใจความหมายจะโกรธ เขากลับหัวเราะ

“ครับ... ผมจะพยายามทำให้เบาที่สุด คุณดาดารินเองก็อย่าแอบฟังพวกเรา....จัดห้องละกันนะคับ”

---------------------------------------------------------------

“พูดไปอย่างนั้นคุณดาดารินจะไม่โกรธแย่หรือคะ”
แพรฝันถามขึ้นเสียงเบาอย่างเกรงใจ หลังจากที่ชายหนุ่มช่วยขนสัมภาระต่างๆ เข้ามาจัดวางในห้องเรียบร้อย

“โกรธ ไม่โกรธก็ช่างเขาสิครับ ไม่เห็นเกี่ยวกับเราเลย” เขาว่าอย่างไม่ยี่หระ แต่ลึกๆ นอกเหนือจากความสะใจ ทองทิมก็รู้สึกไม่ดีเท่าไรที่เห็นนางแบบสาวหมุนตัวกลับไปด้วยความโมโหเช่นนั้น

“คุณทองทิมคะ แพรขอบคุณมากนะคะที่คุณเอื้อเฟื้อกับแพรขนาดนี้ ถ้ามีอะไรที่แพรจะตอบแทนคุณได้ บอกแพรนะคะ แพรจะรีบทำทันทีเลยค่ะ”

“ผมบอกไปแล้วไงว่าคุณแพรไม่ต้องห่วง ไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ผมทำ เพราะผมอยากทำ.... เพื่อนกัน ยังไงก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ”

คำตอบของชายหนุ่ม ทำให้หัวใจเธอแช่มชื่นอยู่ได้เพียงแค่กระพริบตา เพราะประโยคต่อมาของเขาทำลายความฝันของหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว

ทองทิมมัวแต่สนใจอย่างอื่น เลยไม่เห็นสายตาแห่งความผิดหวังของหญิงสาว

“คุณทองทิมกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ วันนี้อยู่ช่วยแพรมาทั้งวันแล้ว” แพรฝันตัดบทอย่างสุภาพ ทองทิมเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เขากลับไปอย่างง่ายดายเช่นกัน
ลับร่างชายหนุ่ม แพรฝันกวาดตามองรอบห้อง มีหลากหลายความรู้สึกปนเปอยู่ในเวลาเดียวกัน

เธอไม่เคยคิดว่าจะผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างทองทิมจะแสนดีกับเธอเช่นนี้ แม้เขาจะใช้คำว่า เพื่อน เป็นตัวแทนความสัมพันธ์ แต่นั่นมันก็ดีแค่ไหนแล้ว

หญิงสาวหลับตาด้วยความเป็นสุข ขอแค่มีเขา... เธอพร้อมยอมแลกกับทุกสิ่ง

ขอแค่มีเขา... คนเดียวเท่านั้น

------------------------------------------------------------

ตอนที่ทองทิมเดินผ่านห้องพักของนางแบบสาวในขากลับ ชายหนุ่มหยุดมองที่บานประตูไม้เนิ่นนานราวกับจะจ้องผ่านทะลุไปถึงคนข้างใน ป่านนี้เธอทำอะไรอยู่ เอะอะโวยวายด้วยความหงุดหงิดใจอะไรบ้างไหม หรือว่า...เธอจะลืมไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

ชายหนุ่มส่ายหน้า นี่เขากลายเป็นบ้าอะไร มายืนจ้องประตูราวกับคนโรคจิต ถ้าพ่อรู้เข้าคงได้หัวเราะเยาะ หาว่าเขาหลงเสน่ห์แม่นางแบบสาวเข้าให้แล้วเป็นแน่ มันจะเป็นไปได้ยังไง สิ่งที่เขาต้องการจากเธอคือความสำนึกผิดเท่านั้น

ทุกคนล้วนมีความรู้สึก มีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ใช่หุ่นเชิดที่เธอนึกอยากจับไปทางไหนก็ได้ตามใจชอบ

ชายหนุ่มบอกตัวเองอย่างหนักแน่น ว่าไม่มีอะไรซ่อนอยู่ในการกระทำของเขามากไปการสั่งสอนให้เธอรู้สำนึก ขณะก้าวกลับขึ้นไปยังห้องพักส่วนตัวชั้นบนสุด

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ใครคนหนึ่งที่ก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าประตูห้องก็สะดุ้งกับการมาของเขา

“คุณวันรี” เขาเรียกชื่อเธออยากจดจำได้ ประชาสัมพันธ์สาวของคอนโดมิเนียมที่เขาเจอะเจอทุกวัน หญิงสาวหน้าซีดเมื่อเห็นเขา

“คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”

วันรีอ้ำอึ้ง ท่าทางมีพิรุธเหมือนซ่อนบางสิ่งไว้ด้านหลัง ชายหนุ่มจ้องมองอย่างคาดคั้นจนหญิงสาวจำต้องตอบ

“ดิฉัน...เอาของมาให้ค่ะ” เธอว่า พร้อมยื่นถุงกระดาษในมือมาให้

“คุณให้ผมหรอ” เขาถามอย่างแปลกใจ

“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ คือ....” วันรีอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไร เงินที่ได้รับจากดาดารินมากพอที่จะรูดซิปปากเธอให้สนิท แต่อำนาจในแววตาของผู้เป็นนายจ้างก็ทรงพลังมากกว่า จนเธอไม่สามารถคิดคำโกหกได้

“มีคนฝากไว้ให้ค่ะ”

“ใครหรอครับ”

“มีคนฝากไว้ให้ค่ะ” เธอตอบซ้ำเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง ทองทิมถอนหายใจ

“ผมทราบแล้วครับว่ามีคนฝากไว้ให้ แต่ผมอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร” เขาถามซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ใกล้หมดความอดทน วันรียิ้มแหย ก่อนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“เอ่อ...คือ.... เธอกำชับไม่ให้ดิฉันบอกคุณน่ะค่ะ” วันรีตอบเสียงเบา ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ความตั้งใจที่จะเก็บรักษาความลับ ไม่อาจต้านทนความหวาดกลัวจากสายตาคมกริบของเขาได้

ทองทิมไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร แค่เขาหายใจแรงๆ วันรีก็สะดุ้งจนเผลอเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมด

“คุณดาดารินเอามาฝากไว้ให้เมื่อเช้าค่ะ เป็นของฝากจากญี่ปุ่น ดิฉันไม่กล้าถามว่าทำไมเธอถึงไม่เอามาให้คุณเอง แต่เธอสั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่ให้คุณรู้”

ทองทิมนิ่งฟังด้วยความประหลาดใจ ก่อนจ้องมองถุงในมืออย่างสับสน

“ขอบคุณมากครับ” เขาตัดบทสั้นๆ วันรีมองดูเจ้าของคอนโดมิเนียมหนุ่มหมุนตัวกลับเข้าไปยังห้องตัวเอง ขณะที่เขายังจับจ้องอยู่ที่ถุงกระดาษในมือ

ประชาสัมพันธ์สาวไม่รู้ว่าตัวเองทำถูกหรือผิด ที่พลั้งปากบอกสิ่งที่ควรจะเก็บงำไว้ไปเช่นนั้น แต่ดาดารินคงเข้าใจ ไม่มีใครหรอก ที่จะบังคับตัวเองให้แข็งแกร่งต่อสายตาคมกริบคู่นั้นได้

--------------------------------------------------------

“ไม่รู้ว่านายทองเทียมคิดอะไรอยู่ กล้าดียังไงถึงได้เอาผู้หญิงคนอื่นมาอยู่ด้วย พ่อแม่เขาจะรู้บ้างไหม ว่าคอนโดมิเนียมที่อุตส่าห์สร้างมากลายเป็นสถานสงเคราะห์ไปแล้ว”
หนึ่ง วันที่ผ่านไป แต่ยาใจก็ยังต้องทนฟังเพื่อนรักบ่นเรื่องเดิมๆ แม้ผู้จัดการจะพยายามเปลี่ยนเรื่องแต่ก็ไม่มีผล ราวกับหมากฝรั่งที่ติดส้นรองเท้า ต่อให้พยายามเขี่ยเท่าไรก็ยังเหนียวหนึบติดทนนานเช่นเดิม

ไม่ว่าจะไปถ่ายแบบตอนสาย เดินแฟชั่นโชว์ต่อในตอนบ่าย จวบจนกระทั่งทั้งคู่ก้าวเข้างาน ‘เทศกาลท่องเที่ยว’ ในศูนย์แสดงสินค้าขนาดใหญ่ในตอนหัวค่ำ ดาดารินก็ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดคิดเรื่องนี้ได้

“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าเขาจริงจังแค่ไหน แล้วคุณป้านั่นคิดอะไรอยู่ เป็นผู้หญิงยิงเรือแท้ๆ กล้าหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่กับผู้ชาย ที่เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่เดือนได้ยังไง ดูก็ออกจะเรียบร้อย แต่ไม่นึกว่าจะไวไฟขนาดนี้ ฉันจะทำยังไงดี นี่ถ้าเกิดว่าธีร์ของฉันรู้เข้า เขาจะไม่ปวดใจตายไปเลยหรือ คนพวกนั้นเขาคิดอะไรของเขากันอยู่นะ ถึงได้ทำร้ายจิตใจธีร์ของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่หยุดพักผ่อนกันบ้างเลยหรือไง” ดาดารินเอ่ย ขณะเดินผ่านแผงกั้นสีดำหลังเวที

นับเป็นโชคดีของยาใจที่บริเวณนั้นมีทั้งช่างแต่งหน้าทำผม ร่วมถึงทีมงานในชุดดำเดินกันให้ขวักไขว่ นางแบบสาวขายาวข้างตัวจึงสงบปากสงบคำเอาได้

“อุ๊ย น้องดามาแล้ว น้องดารีบไปแต่งตัวเลยดีกว่าค่ะ อีกไม่กี่นาทีงานก็จะเริ่มแล้ว เอิ่ม... เดี๋ยวพี่จะบรีฟงานให้น้องดาฟังขณะแต่งตัวไปด้วเลย น้องใจเชิญนั่งรอทางด้านนี้ก็ได้ค่ะ” พี่ทีมงานคนหนึ่งที่เคยร่วมงานกับดาดารินและยาใจมาบ่อยครั้ง เอ่ยขึ้นในทันทีเหมือนท่องไว้แล้ว

แล้วทุกอย่างหลังจากนั้นก็ดำเนิน ไปอย่างรวดเร็ว ดาดารินนั่งนิ่งเป็นหุ่นขณะแต่งหน้าทำผม และรับฟังรายละเอียดงาน

“น้องดาจะเป็นคนนำเอากระทงขึ้นไปให้ท่านประธานบนเวที แล้วก็ยืนรอให้ท่านประธานลอยกระทงเรือลงในบ่อน้ำข้างๆ ที่เตรียมไว้ ซึ่อถือเป็นการเปิดงานอย่างเป็นทางการ จากนั้นน้องดาก็ยืนยิ้มหวาน ตบมืออยู่ข้างๆ ท่านประธานนะคะ จากนั้นพิธีกรก็จะเรียกผู้สนับสนุนของงานมาถ่ายภาพร่วมกัน น้องดาก็ยืนอยู่บนเวทีด้วย รอถ่ายภาพเสร็จก็เป็นอันเสร็จพิธีค่ะ”

ดาดารินรับรู้ข้อมูลกระท่อนกระแท่น เพราะจิตใจมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องอื่น

“เมื่อกี้แกได้ฟังที่พี่เขาพูดบ้างหรือเปล่า” ยาใจเข้ามากระซิบ หลังจากที่พี่ทีมงานเดินจากไปแล้ว

“ฟังสิ ทำไมจะไม่ได้ฟังล่ะ”

ยาใจมองเพื่อนอย่างไม่ค่อยไว้ใจ พูดว่าฟัง แต่สีหน้าเหมือนไม่รับรู้ งานนี้ชักน่าเป็นห่วงแล้วสิ

------------------------------------------------------------------

แสงสปอร์ตไลท์ส่องลงมายังร่างนวลในชุดไทยเปิดไหล่สีทอง ห้อยด้วยสไบผ้าลูกไม้จากฝรั่งเศสสีเดียวกัน ผ้าถุงยาวปักดิ้นลวดลายวิจิตร ดูงดงามอย่างหญิงไทยแต่ก็ทันสมัยอยู่ในที หญิงสาวก้าวย่างอย่างสง่าสมกับเป็นมืออาชีพ แม้ว่าจะไม่ชินกับผ้าถุงซึ่งทั้งแคบและยาวที่สวมอยู่เท่าไร

ประธานของงาน ซึ่งก็คือข้าราชการตำแหน่งสูง เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ยื่นมือออกมารับกระทงขนาดใหญ่ที่ดาดารินยื่นส่งไปให้ หญิงสาวทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา จนกระทั่งพิธีกรเชิญผู้สนับสนุนรายใหญ่ขึ้นมาถ่ายรูปบนเวทีร่วมกัน งานที่ดำเนินมาอย่างราบรื่นมาตลอดเป็นอันต้องสะดุด

เมื่อสายตาปะทะ เข้ากับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่คุ้นตา ในชุดสูทสีดำอย่างเป็นทางการ ที่กำลังก้าวขึ้นเวทีพร้อมรอยยิ้มยั่วเย้า ดาดารินตัวแข็งทื่อเหมือนโดนสะกด

เขา.... เขามาได้ยังไง!?!

เพราะมัวแต่ตกใจเลยไม่ทันระวังตัว เมื่อแขกผู้มีเกียรติทยอยขึ้นมาจนเต็มเวที พื้นที่น้อยนิดทำให้หลายคนกระเถิบเข้าใกล้ เบียดร่างสูงโปร่งไปชิดขอบด้านขวาซึ่งมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่

ดาดารินพยายามทรงตัวสุดกำลัง แต่ผ้าถุงเจ้ากรรมกลับทำให้เธอประคองร่างไว้ไม่อยู่
นางแบบสาวรู้ว่า วินาทีข้างหน้า เธอต้องถลาลงไปในบ่อน้ำแน่ เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจจึงเกิดขึ้น แต่แล้วอ้อมแขนแข็งแรงก็เข้ามาช้อนตัวเธอไว้ได้อย่างว่องไว เช่นเดียวกับตอนที่เขาช่วยเธอจากแผ่นไม้ตกใส่เมื่อคราวก่อน

นาทีนั้นทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง ดาดารินถูกบังคับให้สบตากับชายหนุ่มที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ แล้วเสียงหัวใจของเธอก็เต้นแรงกว่าครั้งไหนๆ

“ดีใจที่เจอผมขนาดนี้เลยหรอครับ” เสียงยั่วเย้าจากคนใกล้ตัวทำให้ดาดารินได้สติ หญิงสาวยันกายขึ้นอย่างยากลำบาก ตระหนักได้ทันทีว่าตอนนี้กล้องทุกตัวจับจ้องมาที่เธอ

“คุณ คุณมาที่นี่ได้ยังไง” ดาดารินถามเสียงสั่น ขณะระงับจิตใจ ที่ (คิดว่า) ตื่นตกใจของตัวเองให้เป็นปกติ

“ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น ไม่ดีใจหรือไงที่เจอผม” เสียงเบาเจ้าเล่ห์กระซิบแนบหูของนางแบบสาว เธอกระเถิบหนีอย่างถือตัว

นางแบบสาวหันกลับไปจ้องมองเขาอย่างไม่เป็นมิตร ตอนนี้เธอตั้งสติได้แล้วและจำได้ว่าเขาทำอะไรกับเธอไว้บ้าง อย่าบอกว่าเขามาที่นี่เพื่องอนง้อเธอ ดาดารินไม่ใจอ่อนง่ายๆ อย่างนั้นหรอก

“คุณมาทำไม”

“ผมมาทำงานสิครับ หรือคุณคิดว่าผมตามคุณมาหรือไง... ผมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนโครงงานนี้ เมื่อกี้พิธีกรก็บอก คุณไม่ได้ตั้งใจฟังหรอกหรอ อย่าทำหน้าหน้าบึ้งอย่างนั้นสิ นักข่าวกำลังถ่ายรูปคุณอยู่นะ รีบหันไปยิ้มให้กล้องสิครับ งานถนัดของคุณเลยไม่ใช่หรอ”

ทองทิมไม่พูดเปล่า แต่ยังจับร่างบางของหญิงสาว หมุนไปเผชิญหน้ากับแสงแฟลชนับร้อยที่พุ่งเข้าใส่อย่างไม่ปราณี

ฟันธงได้เลยว่าก้าวลงจากเวทีเมื่อไร กองทัพนักข่าวคงไม่ปล่อยเธอไว้แน่

แล้วก็เป็นจริงอย่างนางแบบสาวคาดการณ์ไว้ เพราะทันทีที่พิธีการเสร็จสิ้น ทุกประเภทของเครื่องบันทึกเสียง ถูกยื่นเข้ามาจ่อปากหญิงสาวไว้ ราวกับกลัวว่าเธอเป็นก้อนขนมปังที่ถูกฝูงปลารุมกัดแทะ แต่คราวนี้เธอไม่ได้โดนเดี่ยว เพราะชายหนุ่มอีกคน ก็ไม่สามารถฝ่าแนวสกัดของวงล้อมนี้ออกไปได้เช่นกัน

“นี่เป็นครั้งแรก เลยใช่ไหมคะที่คุณทองทิมกับน้องดาออกงานด้วยกัน”
“เรื่องที่เกิดขึ้นบนเวทีเมื่อกี้เป็นการจัดฉากหรือเปล่าคะ”
“งานนี้คุณทองทิมเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ เพราะว่ามีน้องดาเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วยหรือเปล่าคะ”
“น้องดารู้สึกอย่างไรบ้างคะ ที่ได้ออกงานกับคุณทองทิม”

คำถามยังคงระดมยิงใส่อย่างไม่ยั้ง แม้ทองทิมจะมีข่าวกับดาดารินมาพักใหญ่ แต่ด้วยความที่เขาไม่ค่อยออกงานสังคม ทำให้ทองทิมยังปรับตัวกับความกระหายใคร่รู้ของบรรดานักข่าวไม่ได้

ความจริงแล้วงานนี้ควรเป็นเพชรัชที่มา ถ้าทองทิมไม่รู้เสียก่อนว่าใครที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ มันทำให้ชายหนุ่มนึกสนุกจนเสนอตัวแทนพ่อทันที

“ความจริงแล้วเราไม่ได้นัดกันนะคะ ดาก็เพิ่งรู้ว่าคุณทองทิมจะมาด้วย เขาคงอยากให้ดาเซอร์ไพรส์ ดาตื่นเต้นมากเลยนะคะ เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราได้สัมภาษณ์ร่วมกัน พี่ๆ อย่างยิงคำถามเร็วไปนักนะคะ เดี๋ยวคุณทองทิมจะฟังไม่ทัน”ผู้มากด้วยประสบการณ์อย่างดาดารินตอบทุกคำถามอย่างชัดเจน อาศัยช่วงเวลาที่เขายังมึนงงปล่อยหมัดเบาๆ ไปลองเชิง

“ถ้าอย่างนั้น คุณทองทิมรู้สึกอย่างไรบ้างคะที่ได้ออกงานกับน้องดาวันนี้” คำถามถูกยื่นมาที่เขา ทองทิมเหลือบมองนางแบบสาวที่ยืนใกล้ชิด เธอคิดว่าเธอใช้สื่อเป็นอาวุธได้คนเดียวหรือไง

“ก็เฉยๆ นะครับ”

คำตอบสั้นๆ แต่สร้างความฮือฮา จนดาดารินหันขวับมองอย่างตกใจ ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ก่อนอธิบาย

“ปกติเราเจอกันบ่อยอยู่แล้ว ผมเลยไม่ตื่นเต้นอะไร จะมีแตกต่างก็ตรงที่วันนี้คุณดาดารินสวยกว่าปกติ ผมว่าเธอเหมาะกับชุดไทยนะครับ ดูแล้วเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี.... ไม่เหมือนตัวจริงสักนิด” ประโยคหลังเขาเอ่ยเบาราวกระซิบ พอได้ยินแค่สองคน

นักข่าวพากันส่งเสียงแซวกับถ้อยคำหวานๆ ที่ทองทิมสร้างขึ้น ในขณะที่ดาดารินมองอย่างไม่ไว้ใจ

“นี่เป็นครั้งแรกที่เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณทองทิม อยากทราบว่าคุณกับน้องดาคบกันมานานแค่ไหนแล้วคะ”

“เราไม่ได้คบกันอย่างเป็นทางการนะครับ มันเป็นความบังเอิญมากกว่า ดาดารินเธอเข้าหาคนเก่งนะครับ มันก็เลยดูเหมือนเราคบกันไปโดยปริยาย”

เป็นคำตอบที่ฟังทะแม่งๆ ดาดารินรู้ว่าเขาแฝงความนัยร้ายกาจอะไรไว้ รอก่อนเถอะ เธอจะเล่นงานเขาให้เข็ด

“แล้วคุณทองทิมประทับใจอะไรในตัวน้องดาคะ”

เดี๋ยวก่อนนะ เธอไม่ได้ประกาศข่าวงานหมั้นสักหน่อย ถึงได้ยิงคำถามราวกับว่าเธอจะแต่งงานปลายปีอย่างนั้นแหละ

“ดาดารินเป็นคน....อยู่ด้วยแล้วสนุกดีครับ” เขาว่าแล้วชำเลืองมองสาวข้างตัวนิดหนึ่ง รอยยิ้มกวนประสาทปรากฏบนใบหน้าคมเข้ม ชนิดที่มีดาดารินคนเดียวเท่านั้นที่จะมองออก

“เหมือนมีสองบุคลิก ผมไม่เคยเดาใจเธอได้เลย บางครั้งก็อ่อนหวาน น่ารัก แต่บางทีก็บู๊เสียจนผมยังกลัวเลย แต่ก็ดีนะครับ มันทำให้เวลาอยู่กับเธอไม่น่าเบื่อ อย่างล่าสุด... เธอไปถ่ายแบบญี่ปุ่น แล้วก็ซื้อเนคไทเส้นนี้มาฝาก มันก็คงธรรมดาๆ ถ้าเธอไม่แอบฝากคนอื่นมาให้ ผมเซอร์ไพรส์มากเลย”

เขาว่าพลางชูเนคไทผ้าไหมที่สวมอยู่ขึ้นมาอวดทุกคน ดาดารินถึงกับอ้าปากค้าง ลายเส้นสีน้ำของศิลปินชาวญี่ปุ่นชื่อดังถูกพิมพ์ลงบนผืนผ้าไหมสีดำ เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างที่เธอไม่มีวันลืมได้

เธอเพิ่งสังเกตว่า เขาใส่มันมางานนี้ด้วย ใจหนึ่งก็ยินดี แต่อีกใจก็ประหวั่น.... เขารู้ได้อย่างไร

“คุณรู้ได้ยังไง...คะ” เธอถามอย่างสงสัย พลางนึกถึงวันรี....ประชาสัมพันธ์คนนั้นบอกเขาหมดแล้วหรือ

ทองทิมไม่ตอบ แต่ยักคิ้วให้เป็นเชิงล้อเลียน

“คู่นี้สวีตกันจังเลยนะคะ จะมีข่าวดีเมื่อไรคะเนี่ย”

ชายหนุ่มเว้นจังหวะไปเพียงครู่เดียว ก่อนหันมาสบตาคมกริบที่หญิงสาว

“ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับ”

ดาดารินอยากกลั้นใจตายไปตรงนั้น เธอรู้ว่าเขาจงใจกลั่นแกล้ง แต่ทำไมใจมันถึงเต้นแรงเช่นนี้

“ว่าไงคะน้องดา”

นางแบบสาวไม่มีคำตอบ ลำพังแค่รักษาระดับการหายใจให้คงที่ยังยาก แล้วเธอจะมีแรงควานหาคำตอบในสมองที่ตีบตันได้อย่างไร

เพราะอาการนิ่งงันนั้นเองที่บอกว่าเพื่อนรักกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ยาใจที่จับจ้องอยู่ตลอด รีบแทรกตัวฝ่าฝูงนักข่าวเข้ามาดึงร่างบางออกไป

“ขอโทษนะคะ ขออนุญาตเอาตัวน้องดากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ พี่ๆ นักข่าว ขอโทษด้วยนะคะ”

นางแบบสาวหันมองทองทิมอีกครั้ง ราวกับจะค้นหาความจริงใจในถ้อยคำของเขา แต่เธอก็พบเพียงรอยยิ้มแห่งความสนุกสนานที่แต่งแต้มบนใบหน้าคมเข้ม ชั่ววินาทีหนึ่งหญิงสาวรู้สึกแปลบปลาบที่หัวใจอย่างไร้สาเหตุ

“เห็นหรือยังว่าแผนการบ้าๆ นั่นมันสร้างความวุ่นวายแค่ไหน ตอนที่ฉันเห็นคุณทองทิมบนเวทีฉันใจหายเลยรู้ไหม พอรู้ว่าเขามาให้สัมภาษณ์พร้อมแก ใจฉันหล่นไปที่ตาตุ่มเลย ยังดีที่เขาไม่ได้ตอบความจริงไปว่าไม่เคยคบกับแก ไม่อย่างนั้นนะ แกได้กลายเป็นนางแบบลวงโลกแน่” ยาใจเอ่ยหลังจากพาดาดารินเข้ามาหลังเวทีได้สำเร็จ
คำต่อว่าซ้ำเติมของผู้จัดการสาวทำให้ดาดารินได้สติ นางแบบสาวสลัดความรู้สึกเจ็บปวดออกไปอย่างเคยชิน

“ฉันว่าเขาต้องมีแผนการอยู่ในใจ เขารู้ว่าเรื่องจริงเป็นยังไงแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา เออออทำเหมือนว่าเราเป็นแฟนกัน มันต้องมีจุดประสงค์อื่นอยู่แน่ๆ เขาไม่มีทางช่วยฉันฟรีๆ หรอก”

“แล้วไง แกคิดว่าเขาทำเพราะต้องการผลตอบแทนหรอ เขาจะต้องการอะไรจากแก ต้องการเป็นแฟนกับแกจริงๆ งั้นสิ”

“ก็เป็นไปได้” ดาดารินตอบทันที ทั้งๆ ที่ส่วนลึกก็รู้ว่าเขาไม่ได้ปรารถนาเช่นนั้น แต่มันเป็นกลไกที่นางแบบสาวนิยมใช้เพื่อป้องกันความจริงอันโหดร้าย

บางทีคนเราก็สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเอง แล้วหลงเชื่อกับเรื่องโกหกนั้นด้วยรอยยิ้ม

“ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ บางทีนายทองเทียมอาจตกหลุมรักฉันให้แล้ว แต่ไม่กล้าบอก ก็เลยใช้วิธีนี้เป็นการมัดมือชก เพื่อให้ฉันตกลงเป็นแฟนกับเขาจริงๆ”

“ติ๊งต๊อง” ยาใจเอ่ยขึ้นในวินาทีเดียวกันนั้นเอง เธอส่ายหน้ามองเพื่อนรักด้วยสายตากึ่งหมั่นไส้ กึ่งเวทนา

“ฉันว่าแกไปแต่งนิยายน้ำเน่าขายดีกว่า แล้วฉันจะเอาไปเสนอผู้จัดละครให้ คุณทองทิมจะมาเสียเวลาทำอย่างนั้นทำไมเขาก็แสดงชัดเจนอยู่แล้วนี่ว่าชอบใคร แกยังจะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่อีกหรอวะ”

ดาดารินขยับปากจะเถียง แต่เสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลังก็ขัดขึ้นเสียก่อน

“ผมเห็นด้วยกับคุณ ยาใจนะครับ”

สองสาวหันขวับไปมองต้นเสียงเป็นตาเดียว ดาดารินถึงกับช็อก เมื่อเห็นทองทิมยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าเขามายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

“ผมเป็นประเภท... คิดยังไงก็ทำอย่างนั้น ผมชอบใครผมก็จะแสดงให้เขารู้ ไม่สร้างเรื่องให้ปวดหัวหรอกครับ"

น้ำเสียงเรียบๆ ไม่ได้เน้นคำใดเป็นพิเศษ แต่แววตานั่นต่างหากเล่าที่จงใจกระทบกระเทียบเธออย่างจัง

“แต่ยังไงผมก็ ต้องขอบคุณคุณดาดารินมากสำหรับ...เนคไทเส้นนี้ สวยดีนะครับ” ทองทิมเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ

คิดแล้วก็น่าขำ ดาดารินซื้อมาฝากเขา แต่กลับไม่ต้องการให้เขารู้ เธอกลัวอะไร กลัวผู้ชายคนนั้นเขาใจผิดหรือ เขาไม่ต้องการให้เธอสมหวัง จึงหยิบของฝากที่น่าโยนทิ้งเสียมากกว่ามาสวมใส่ ทันทีที่รู้ว่าวันนี้เขาจะได้มาออกงานกับเธอ

เป็นอย่างที่เขาคาดไว้... ผลลัพธ์ที่ได้มันน่าประทับใจจริงๆ

“แต่ความจริงแล้ว คุณไม่ต้องอายก็ได้นะครับ ถ้าคุณอยากให้ ก็ให้ผมตรงๆ เลยก็ได้ ไม่เห็นต้องฝากใครมาเลย”

ดาดารินไม่ได้ตาฝาด เธอเห็น... เห็นผู้ชายตรงหน้าหัวเราะเยาะ เธอต้องกินยาเกินขนาดจนเสียสติ ถึงได้ซื้อมันมาฝากคนที่ไม่ควรค่ากับมันสักนิด

น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะตอบแทนเธอด้วยคำพูดเย้ยหยัน แล้วเธอยังจะเอาไปให้เขาทำไม

ในขณะที่ดาดารินนิ่งอึ้งอ่านจนคำโต้เถียง ยาใจก็รีบส่งข้อความผ่านระบบสายตามาคาดคั้นกับเพื่อนรัก

‘แกซื้อเนคไทเส้นนี้ให้เขาจริงๆ หรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้ แกซื้อให้เขาทำไม’

‘ใจ มันใช่เวลามาถามไหม!!!’ ดาดารินกัดฟันกรอดด้วยความโมโห

“ฉัน... ฉันก็... ฉันก็แค่ซื้อมาให้ในฐานะคนรู้จัก มันเป็นมารยาททางสังคมธรรมด๊า ธรรมดา ไม่เห็นจะต้องขอบคุณอะไรมากมายเลยนี่คะ”

นั่นคือข้ออ้างเดียวที่ เธอคิดออก หวังเหลือเกินว่าเขาจะเชื่ออย่างนั้น

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ ต้องขอบคุณ....ตามมารยาททางสังคมเหมือนกันนะครับ”

เขาย้อนกลับด้วยคำพูด เดียวกับที่ดาดารินใช้ นางแบบสาวแทบจะกรีดร้องด้วยความโกรธถึงขีดสุด

“ผมจะกลับคอนโดฯ คุณจะไปพร้อมกันไหมครับ นี่ผมชวนในฐานะคนรู้จัก อย่าตีความหมายผิดๆ อีกนะครับ”

เคยมีคนบอกว่าให้นับหนึ่งถึงสิบในใจ เวลาโกรธ แต่สำหรับกรณีนี้ ดาดารินคิดว่าต่อให้เธอนับถึงหลักล้าน ก็ไม่มีทางดับไฟแค้นที่สุมอยู่ได้

นายทองเทียม มันชักจะมากเกินไปหน่อยแล้ว เห็นเธอหงอเข้าหน่อยก็เหิมเกริมใหญ่เชียว เธอจะทำเช่นไรดี เธอน่าจะบริจาคเนคไทเส้นนั้นให้องค์กรการกุศลไปเสีย ไม่น่าคิดสั้น ไม่สิ... ไม่น่าสิ้นคิดจนมันไปอยู่ในมือของเขาได้เลย

“ขอบคุณที่ชวนตามมารยาทนะคะ แต่คุณกลับไปเถอะค่ะ ฉันคงไม่รบกวน ไปเถอะใจ....ไปเปลี่ยนเสื้อกัน”

ดาดารินเอ่ยอย่างหัวเสีย ก่อนสะบัดหน้าหนีอย่างหงุดหงิด มันควรเป็นฉากทิ้งท้ายที่เด็ดขาดและสวยงาม หากดาดารินจะไม่ลืมว่าตัวเองกำลังสวมเครื่องแต่งกายแบบใดอยู่

เพียงช่วงขาที่ก้าวยาวเกิน ทำให้หญิงสาวสะดุดความแคบของผ้าถุงตัวเอง คราวนี้ไม่มีมือใดยื่นออกมาช่วยไว้ทัน ร่างบางเซถลา ก่อนล้มคะมำไปกับพื้น

ยาใจเป็นคนแรกที่ปราดเข้ามาทรุดตัวอยู่ใกล้ๆ

“เอ๊ย!! เป็นอะไรหรือเปล่าแก” ผู้จัดการสาวถามด้วยความเป็นห่วง เข้าใจว่าเพื่อนรักคงอับอายอยู่ไม่น้อย ที่ดันมาทำซุ่มซ่ามต่อหน้าคนที่เพิ่งมีเรื่องด้วย ดาดารินจึงได้แต่ก้มหน้านิ่ง

“ดา... เป็นอะไรหรือเปล่า ยืนไหวไหม”

นางแบบสาวพยายามยันกายขึ้น แต่ทุกครั้งที่ออกแรงก็กลับล้มลงไปนั่งเช่นเดิม ยาใจขมวดคิ้ว สีหน้าตึงเครียด

“ท่าทางไม่ดีเลย เป็นไรวะ เจ็บข้อเท้าหรอ”

ดาดารินพยักหน้าช้า ทำเอาคนที่ตอนแรกกอดอกดูพร้อมหัวเราะขำ รีบทรุดตัวลงมานั่งใกล้ๆ

“คุณดาดาริน คุณเจ็บข้อเท้าหรอ” ทองทิมถามเสียงร้อนรนเพราะความห่วงใย อาการของดาดารินดูจริงจังจนเขาไม่สามารถทำเป็นล้อเล่นได้อีก

“เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร” เธอตอบเสียงแข็ง พยายามลุกขึ้นด้วยตัวเองอีกครั้ง แต่มันก็กลับเป็นเช่นเดิม ดาดารินหันไปทางเพื่อน “ใจ ช่วยฉันหน่อย… ช่วยพยุงฉันหน่อย” เธอบอกเพื่อนเสียงเบา ราวกับไม่อยากให้ชายหนุ่มอีกข้างได้ยิน

ยาใจเข้าไปประคองตามที่ดาดารินร้องขอ แต่ความที่เธอตัวเล็กกว่านางแบบสาวเกือบครึ่ง ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาค่อนข้างทุลักทุเล จนชายหนุ่มทนดูต่อไปอีกไม่ไหว

“ให้ผมช่วยเถอะ” เขาว่า ก่อนที่วินาทีต่อมาจะช้อนร่างบางขึ้นอย่างง่ายดาย

“คุณทองทิมปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้ คุณจะทำอะไร ปล่อยนะ!!!” ดาดารินโวยวายเสียงดัง ขณะดิ้นสุดแรง เพื่อให้หลุดรอดจากวงแขนแข็งแกร่งที่โอบอุ้มตัวเธออยู่

“อย่าดิ้นสิคุ ขืนคุณตกไปคราวนี้ได้เจ็บกว่าเดิมแน่ คุณยาใจ ห้องแต่งตัวไปทางนี้ใช่ไหมครับ” ประโยคหลังเขาหันไปถามยาใจที่ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก หญิงสาวพยักหน้าโดยอัตโนมัติ

และในจังหวะที่ทองทิมหันหลังให้นั้นเอง ทำให้ยาใจได้เห็นรอยยิ้มแห่งผู้ชนะ จากนางแบบสาวที่หันมาหลิ่วตาให้

เท่านั้น... คนที่สนิทมานับสิบปีก็เข้าใจความหมาย

แสดงเก่งอย่างนี้ ไปเล่นละครเถอะดาดาริน... อย่ามาเป็นนางแบบเลยจริงๆ


****************************************
มาต่อแล้วนะคะ เป็นไงบ้างตอนนี้ ยาวหน่อยนะคะ หวังว่าจะชอบกัน
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ





ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ค. 2555, 20:07:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ค. 2555, 20:07:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1693





<< บทที่ 15   บทที่ 17 >>
nunoi 8 ก.ค. 2555, 20:55:18 น.
ทันกันจริงๆ


โซดา 8 ก.ค. 2555, 21:19:43 น.
ให้มันได้อย่างนี้สิ ชอบจิงๆๆค่ะ


issbel 8 ก.ค. 2555, 22:53:32 น.
แปะๆๆๆให้ดาดาของพวกเรา


ling 9 ก.ค. 2555, 16:24:23 น.
นางเอกเราต้องเอาคืนซะบ้าง อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account