รอยรักเหมันต์
...เพราะสายลมหนาวหรือเพราะมนต์เสน่ห์แห่งทุ่งดอกไม้ จึงนำพาให้สองหัวใจมาพบกัน
เมื่อเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อกับเธอเจ้าของสวนดอกไม้สาวผู้พราวเสน่ห์...
เพียงแรกพบสบตา เขาและเธอก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย
จอมทัพจะสามารถนำดอกไม้งามดอกนี้
เมื่อเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อกับเธอเจ้าของสวนดอกไม้สาวผู้พราวเสน่ห์...
เพียงแรกพบสบตา เขาและเธอก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย
จอมทัพจะสามารถนำดอกไม้งามดอกนี้
Tags: ฤดูหนาว
ตอน: บทส่งท้าย
บทส่งท้าย
กระเป๋าใบใหญ่ถูกวางลงตรงหน้าของเมยาวี จอมทัพและน้ำบุษย์ วันนี้มันเป็นการตัดสินใจที่แน่วแน่แล้วของรติกร เธออยู่ที่นี่นานจนเกินไป เห็นทีเธอควรจะกลับกรุงเทพฯ ไปสักที
“คุณรติจะกลับจริงๆ หรือคะ” เมยาวีเอ่ยเสียงสั่น กรอบหน้าสวยสลดลงไปทันทีที่ได้ยินว่ารติกรตัดสินใจขอกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านของเธอ
“ค่ะ...ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้อยู่ร่วมแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วย”
แม้ว่าเหตุผลที่แท้จริงของเธอคือไม่อยากจะอยู่ให้ถึงวันแต่งงานของพวกเขา เพราะเธอยังไม่สามารถทำใจได้ก็ตาม แต่รติกรก็สามารถปกปิดเหตุผลเหล่านั้นได้ที่สุด
“คุณรติยังไม่หายดีเลยนะคะ จะกลับได้ยังไง” น้ำบุษย์เอ่ยแทรกขึ้นอย่างเป็นห่วงไม่แพ้กัน การที่อยู่ด้วยกันเกือบเดือนทำให้เธออดจะรู้สึกวาบหวิวหัวใจเมื่อขาดใครไปสักคนไปไม่ได้
“รติบอกคุณพ่อคุณแม่ให้มารับที่สนามบินแล้วล่ะค่ะ เดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็คงจะถึง”
“แล้วอีกนานไหมครับคุณรติถึงจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง” จอมทัพมองกรอบหน้าเซียวของเลขาฯ สาวของตนเองอย่างสงสารอีกไม่ได้
“อีกไม่นานหรอกค่ะคุณจอม รติสัญญาค่ะว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง”
“เหมยไม่สามารถห้ามคุณรติได้แล้วจริงๆ หรือคะ” ดวงตาคู่สวยของเมยาวีมีน้ำตาฉาบคลออยู่อย่างเห็นได้ชัด
“คุณเหมย”
รติกรโผเข้าไปโอบกอดเมยาวีเอาไว้แน่น นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเธอก็เป็นได้ที่ได้กอดเพื่อนสาวที่แสนดีของเธอตอนนี้
“รติสัญญานะคะว่ารติจะกลับมาที่นี่อีก รติชอบที่นี่ค่ะ”
เป็นประโยคสุดท้ายที่รติกรพูดขึ้น ก่อนเธอจะตัดสินใจเดินไปยังรถที่เมยาวีได้เตรียมเอาไว้และให้คนรถขับไปส่งหญิงสาวที่สนามบิน
ก่อนจะขึ้นรถ ชัยได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว และยิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“คุณชัย” ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้น เธอหวังว่าจะได้เจอกับเขาและเขาก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวังสักนิด
“ขอให้คุณโชคดีนะครับ เดินทางปลอดภัย แล้วอย่าลืมมาเที่ยวที่นี่อีกนะครับ”
รติกรยิ้ม เธอเงยหน้าขึ้นมองกรอบหน้าคมของเขานิ่งนาน ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่อยู่ในใจเสมอมาและอยากจะบอกเขาเป็นครั้งสุดท้าย
“รติขอให้ความรักของคุณกับคุณปูเป้ยั่งยืนตลอดไปนะคะ คุณสองคนเหมาะสมกันมากค่ะ มากเกินกว่าจะมีอะไรมาแทรกกลางได้ รติขอตัวก่อนนะคะเอาไว้โอกาสหน้าคงจะได้เจอกันอีก”
“ครับ ผมก็ขอให้คุณรติเจอกับคนดีๆ นะครับ โชคดีครับ”
พูดจบชายหนุ่มก็เปิดประตูให้กับรติกรได้ก้าวขึ้นไป พอหญิงสาวขึ้นไปนั่งเขาก็ปิดประตูให้ และเมื่อรถเลื่อนจากไปแล้วทุกคนก็โบกมือลา ไม่แม้กระทั่งปุณชิกาที่ขยับเข้ามายืนข้างๆ กับชัย
****
เมยาวียื่นซองกระดาษสีชมพูไปให้วัสนางค์ ทั้งที่เพื่อนสาวมองมันด้วยความสงสัยเป็นที่สุด
“หมายความว่ายังไง ยายเหมย”
“ฉันรบกวนเธอเอาการ์ดนี่ไปเชิญคุณรักษ์ราชและคุณกัญสิณีด้วย ฉันต้องดูแลงานทางนี้จนไม่มีเวลาไปบอกพวกเขา”
“แล้วทำไมจะต้องเป็นฉันด้วย ให้คนอื่นไปไม่ได้หรือยังไง” วัสนางค์ทำหน้ายุ่ง พลางคิดไปถึงตอนที่เธอจะต้องพบหน้ากับอีตาหน้ากวนนั่น ไม่รู้ว่าถ้าเจอกันแล้วจะอดแว้ดใส่ตานั่นอีกหรือเปล่า
“ฉันเห็นใครไม่เหมาะสมเท่ากับเธอแล้วล่ะฝน นานะ รบกวนหน่อยนะ”
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้วัสนางค์ต้องบากหน้ามายังสถานีตำรวจอีกครั้งหนึ่ง เธอยืนมองป้ายด้านหน้านิดหนึ่งอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินขึ้นไปบนโรงพักในเวลาต่อมา
“มาติดต่ออะไรหรือครับ คุณคนสวย” ร้อยเวรคนหนึ่งสอบตามอย่างกันเอง แต่กระนั้นสายตาก็ไม่วายมองแม่สาวร่างบางตรงหน้าอย่างชื่นชมไม่ได้
“ฉันมาหาคุณรักษ์ราชกับคุณกัญสิณีค่ะ ไม่ทราบว่าทั้งสองอยู่ไหมคะ”
“หมวดราชกับหมวดสิหรือครับ มีอะไรฝากผมเอาไว้ก็ได้นะ ทั้งสองคนไปปฏิบัติภารกิจลับน่ะครับ ตอนนี้ไม่อยู่หรอก”
วัสนางค์หน้าสลดลงไปในทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น หญิงสาวก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใดตนถึงได้รู้สึกเช่นนั้นได้ ผิดหวังทั้งๆ ที่ตนก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรสักนิด
“แล้วอีกนานหรือเปล่าพวกเขาถึงจะกลับมา”
“เป็นคำสั่งจากทางกรมน่ะครับ ทั้งสองไปปฏิบัติภารกิจลับ ไม่มีกำหนดที่จะกลับมาครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฝากการ์ดแต่งงานให้พวกเขาด้วยนะ เพื่อนของฉันจะแต่งงาน ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาทันกันหรือเปล่า”
วัสนางค์พยักหน้ารับทราบด้วยใบหน้าหงอยๆ ก่อนจะวางซองกระดาษสีชมพูให้กับร้อยเวรคนนั้นและเดินออกมาจากโรงพักนั้นอย่างเงียบๆ
*****
หลังทราบว่าจอมทัพจะแต่งงานกับเมยาวีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ท่านนายพลกลยุทธ์จึงยอมตกลงให้ชัยแต่งงานกับลูกสาวของตัวเองแบบง่ายๆ และให้แต่งพร้อมกับงานของจอมทัพเสียเลย ส่วนพันธุ์ไม้นั้นอย่างไรแล้วชัยก็ต้องทำให้ได้สำเร็จและส่งมอบให้กับเขาให้ทันภายในหนึ่งปี
“ทำอย่างกับจะให้ผมปั้มหลานให้ท่านอย่างนั้นแหละ” ชายหนุ่มเอ่ยเป็นเชิงเย้ากับว่าที่พ่อตา ในวันที่ท่านนายพลเข้ามาคุยกับเขาหลังจากที่วันแต่งงานของจอมทัพและเมยาวีชัดเจนแล้ว
“หรือนายไม่อยากจะแต่งงานกับลูกสาวของฉันเร็วๆ ไอ้หมอนี่ พอให้ท้ายหน่อยก็ย้อนเลยนะ”
“ผมไม่ได้ย้อนนี่ครับ ก็มันเป็นความจริงนี่” ชัยทำหน้าทะเล้น มองกรอบหน้าที่เข้มขึ้นของท่านนายพล แม้ลึกๆ แล้วจะรู้สึกเสียวสันหลังอยู่วาบๆ ก็ตาม
“สรุปแล้วนายจะไม่แต่งงานกับลูกสาวของฉันแล้วใช่ไหม ก็ได้ คนอย่างนายพลกลยุทธ์พูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ไม่แต่งก็คือไม่แต่ง”
“อะๆ ท่านครับ ก็ได้ ผมจะแต่งงานกับคุณปูเป้พร้อมกับพี่เหมยและคุณจอมทัพ และสัญญาว่าจะปั้มหลานเป็นของขวัญ พร้อมๆ กับสินสอดที่จะตามไปเลยครับ”
เจ้าหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม ขณะชายชรายศนายพลเปิดเสียงหัวเราะออกมากับน้ำเสียงที่เข้มแถมยังมีหลักการของเจ้าว่าที่ลูกเขยของตนเอง คนอย่างนี้สิ ที่ท่านชอบ เวลาใช้งานมันจะได้ไม่ร้องอิดออด
สรุป งานแต่งงานที่จะจัดขึ้นที่ไร่ศีตกรรณแห่งนี้มีเพิ่มมาอีกคู่หนึ่ง นั่นก็คือคู่ของปุณชิกากับชัย ซึ่งได้เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายของทุกๆ คน เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าท่านนายพลจะยอมยกลูกสาวของตนเองให้กับชัยแบบง่ายๆ อย่างนี้
หลายคนถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ทำให้ท่านนายพลตอบรับและเปิดโอกาสให้กับชัยแบบรวดเร็วปานสายฟ้าแลบไม่ใช่เพราะชัยเอากล้วยไม้พันธุ์ใหม่มาล่อท่านหรอก แต่ท่านได้รู้ความจริงบางอย่างจากปากของจอมทัพว่าตอนที่ปุณชิกาถูกจับไปนั้นชัยได้เข้าไปช่วยเหลือบุตรสาวของท่านและถึงขนาดถูกยิงได้รับบาดเจ็บจนปางตาย คนที่ยอมตายเพื่อปกป้องคนที่ท่านรักแล้ว อย่างนี้ท่านจะไม่ยอมให้มาเป็นลูกเขยได้อย่างไรกัน
เป็นอันว่างานแต่งงานก็เกิดขึ้นในเวลาต่อมา การจัดงานที่ไร่ศีตกรรณ เมยาวีเจ้าสาวของงานนี้ปิดไร่เลี้ยงฉลองและให้คนงานทุกคนมาร่วมงานด้วย...
วันนั้น...
งานแต่งงานแบบเรียบง่ายในทีแรกได้กลายเป็นยิ่งใหญ่ไปถนัดตา เพราะมีแขกเหรื่อมาแสดงความยินดีกันอย่างมากมาย ไม่แม้กระทั่งคนใหญ่คนโตระดับจังหวัด ที่ให้เกียรติมาเป็นสักขีพยานรักให้กับทั้งสองคู่บ่าวสาว ซึ่งทั้งหมดก็เป็นแขกของคุณกัณฑ์สิทธิ์ คุณมาติกา บิดามารดาของจอมทัพ และของท่านนายพลกลยุทธ์ทั้งสิ้น
งานพิธีแต่งงานเป็นไปในแบบฉบับของชาวล้านนา มีการตั้งขันโตกเลี้ยงแขกและการบายศรีสู่ขวัญคู่บ่าวสาว ก่อนจะไปสิ้นสุดที่งานพิธีฉลองมงคลสมรสที่จ้างนักดนตรีมาบรรเลงเพลงบนเวที ท่ามกลางดอกไม้สีสวยซึ่งนำมาจัดกันอย่างสวยงาม
มีหลายคนที่ชื่นชมต่อความเหมาะสมของทั้งสองคู่บ่าวสาว เช่นเดียวกับเหล่าเพื่อนฝูงของทั้งสองคู่ก็ต่างพากันมาแสดงความยินดีในงานครั้งนี้จนแน่นขนัด
งานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงช่วงเย็น แขกต่างอยู่ในช่วงของอารมณ์คึกครื้นมากกว่าเดิม เพราะผู้ใหญ่คนดังและแขกคนสำคัญส่วนมากได้กลับไปจนหมดแล้ว บัดนี้จะเหลือแต่คนหนุ่มคนสาวเท่านั้นที่ยังสนุก นั่งพูดคุยกันอยู่ตามจุดที่ตั้งเป็นโต๊ะขันโตกและปูเสื่อนั่งกับพื้น มองนักดนตรีที่บรรเลงบทเพลงอย่างไพเราะ
มณีกานดาที่รู้สึกเหนื่อยกับการช่วยงานเพื่อนสาวมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเธอทำหน้าที่เป็นช่างแต่งหน้าให้กับเมยาวีด้วย จึงเดินเข้ามาหาเจ้าสาวและเจ้าบ่าวที่กำลังนั่งสนทนากับเหล่าเพื่อนฝูงอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง
“เหมย...คุณจอมคะ คีนขอตัวก่อนนะคะ รู้สึกปวดหัวอย่างไรไม่รู้ค่ะ”
“ตายแล้ว เธอปวดหัวหรือ ไหนมานั่งใกล้ๆ ฉันก่อนสิคีน” เห็นใบหน้าที่เพลียๆ ของเพื่อนสาว เมยาวีจึงรีบดึงมณีกานดาให้นั่งลงข้างๆ เธอในทันที
“ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะเหมย พรุ่งนี้นู้นแหละถึงจะมาช่วยเก็บของ”
“ไม่เป็นไรหรอกคีน ถ้าเหนื่อยนักก็พักก่อนก็ได้ ทางนี้ฉันจ้างคนเก็บเอาไว้แล้วล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ อ้อ...ก่อนไป ขออวยพรให้เธอกับคุณจอมทัพมีความสุขมากๆ นะจ้ะ”
“เธอแน่ใจหรือว่าจะไม่ส่งฉันเข้าหอก่อน...” เจ้าสาวอดจะถามด้วยความเสียดายไม่ได้ ที่เพื่อนสาวไม่ได้อยู่ร่วมในส่วนพิธีที่สำคัญที่สุดของงาน
“ส่งตรงนี้ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ดูแลเพื่อนคีนดีๆ นะคะ คุณจอมทัพ” เธอหันไปทางจอมทัพและส่งยิ้มให้กับเขา ชายหนุ่มพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มขอบคุณ ก่อนเมยาวีจะดึงร่างของเพื่อนสาวเข้ามาสวมกอด พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มจะเอ่อออกมาคลอเบ้าทั้งสองข้าง
“อย่าร้องไห้เลยน่าเพื่อน วันนี้วันดีของเธอนะ”
“จะไม่ให้ฉันร้องไห้ได้ยังไงล่ะคีน สิ่งที่ฉันเคยคุยกับเธอเมื่อครั้งงานแต่งงานของนายปูนกำลังจะเป็นจริงแล้ว ฉันจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้วนะคีน”
“จ้ะแม่เพื่อนสาวคนสวยของฉัน ในเมื่อเธอก้าวมาถึงตรงจุดนี้ได้แล้ว ฉันก็ดีใจกับเธอด้วย แล้วก็อย่าลืมล่ะว่าเธอก็ต้องดูแลมันให้ดีด้วยนะ อย่าให้มันหลุดมือไปง่ายๆ อย่างที่ได้มา”
“จ้า...ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้มันหลุดมือไปเด็ดขาด” เมยาวีให้คำมั่นกับเพื่อนสาว ก่อนจะดึงร่างบางของมณีกานดาเข้ามากอดอีกครั้งหนึ่ง
“ไปถึงบ้านอย่าลืมกินยาด้วยล่ะ”
“จ้า ขอให้เธอมีความสุขมากๆ นะเหมย ฉันไปก่อนนะ อ้อ...ฝากยายฝนด้วยล่ะ นู้น ดูเหมือนว่าจะเริ่มเมาแล้วล่ะ”
หญิงสาวชี้ไปทางวัสนางค์ที่บัดนี้กำลังพูดคุยอยู่กับกลุ่มของปวีร์และมัสมารสกับเพื่อนๆ อีกหลายคน ซึ่งกำลังร่ายมือวาดไปมาประกอบกับการพูดคุย ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ทั้งสองสาวแน่ใจแล้วว่าวัสนางค์กำลังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่ในกระแสเลือดในระดับที่มากพอสมควร
“อืม...รายนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวฉันจะดูเอง ว่าแต่เธอเถอะคีน แน่ใจนะว่ากลับเองได้”
“ได้สิจ๊ะ ฉันไปก่อนล่ะนะ ขอให้มีความสุขกันมากๆ นะคะคุณจอมทัพ ยายเหมย”
ก่อนจากมณีกานดาได้ดึงร่างของเมยาวีเข้ามากอดอีกครั้ง หลังจากนั้นเธอจึงเดินจากไปท่ามกลางสายตาที่มองด้วยความเป็นห่วงของเมยาวี อีกทั้งยังรู้สึกวูบไหวกับการที่ตนจะต้องห่างกับเพื่อน และก็คงจะไม่ได้มากระเซ้าเล่นเหมือนที่ผ่านตลอดไป
จริงอยู่ความเป็นเพื่อนมันจะไม่หมดไป แต่หญิงสาวก็ยังอดจะใจหายไม่ได้เหมือนกัน...
*****
ถึงช่วงเวลาส่งตัวคู่บ่าวสาว คู่ของชัยและปุณชิกาได้ทำพิธีส่งตัวก่อน เพราะต่างถือคติว่าให้คู่ของผู้ที่มีอายุอ่อนกว่าเข้าก่อน ผู้ใหญ่หลายคนต่างมาอวยพร เช่นเดียวกับจอมทัพและเมยาวีที่เข้ามาร่วมการอวยพรด้วย
เมื่อเสร็จจากคู่ของชัยและปุณชิกา ผู้หลักผู้ใหญ่ก็พากันยกโขยงจากเรือนไม้ซึ่งเป็นเรือนหอของชัยมาที่ตึกใหญ่ ซึ่งใช้เป็นห้องหอของทั้งจอมทัพและเมยาวี
ในห้องคุณมาติกาและคุณกัณฑ์สิทธิ์อวยพรบุตรสาวของตนเอง พร้อมกับฝากฝังบุตรสาวกับจอมทัพ ก่อนจะถอยออกมาให้บิดาและมารดาของชายหนุ่มได้อวยพรบ้าง
หลังบิดามารดาของจอมทัพถอยออกไปก็เป็นคิวของท่านนายพลกลยุทธ์ และปิดท้ายด้วยคำอวยพรของเหล่าเพื่อนๆ ของทั้งชายหนุ่มและหญิงสาว วัสนางค์เป็นคนสุดท้ายที่ก้าวเข้ามาด้วยตาแดงๆ เธอเอื้อมมือไปกุมมือของเพื่อนสาวไว้ เช่นเดียวกับใช้ความพยายามเป็นที่สุดยืนทรงตัวของตนเองเอาไว้
“เหมย...ดีใจด้วยนะ ที่เธอมีวันนี้”
สาวฝนเอ่ยเสียงแผ่ว ความเต็มตื้นที่มีอยู่ในหัวใจพากันแล่นจากหัวใจแผ่ปกคลุมไปจนทั่วร่างกาย ดวงตาคู่สวยเริ่มกะพริบถี่ เพื่อจะขับไล่น้ำตาที่มันเอ่อคลอ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดมันออกไป
“ขอบใจเธอมากนะฝน ดูแลตัวเองให้ดีๆ ล่ะ แล้วอย่าลืมหาแฟนมาอวดฉันด้วยนะ”
“จ้า...ฉันไม่ยอมน้อยหน้าเธอแน่ยายเหมย เธอมีได้ คอยดูฉันจะหาให้ได้ภายในปีนี้ ใช่ไหมคะ คุณจอมทัพ” หันมาทางเจ้าบ่าว ก่อนจะคลี่ยิ้มส่งให้เขา
“ครับ ขอบคุณคุณฝนมากนะครับที่ช่วยงานในครั้งนี้ และผมก็จะเป็นกำลังใจให้คุณหาแฟนมาแข่งผมให้ได้นะครับ สู้ๆ ครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณจอม คุณนี่ดีนะคะ ที่ได้เพื่อนของฉันเป็นภรรยา ยังไงก็ช่วยกันรักษาความรักให้งอกงามแบบนี้ตลอดไปนะคะ”
“ครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลเพื่อนคุณฝนให้ดีที่สุด ผมจะไม่มีวันทำให้คุณเหมยต้องเสียใจครับ”
“สัญญากับฝนแล้วนะคะ” วัสนางค์มองตาของจอมทัพ เพื่อจะดูให้แน่ใจว่าเขาพูดความจริงกับเธอ ก่อนจะหันมาทางเพื่อนสาวและโผเข้ากอดกันอีกครั้งหนึ่ง
“ใจหายจัง ที่เราจะต้องห่างกันสักพัก เพราะเธอจะต้องดูแลคุณจอม...เหมย ฉันรักเธอนะ ความเป็นเพื่อนระหว่างเรามันจะคงเดิมใช่ไหมและเธอจะสัญญากับฉันได้ไหมว่าเธอจะไม่ลืมฉัน”
“จ้า...ฉันสัญญา ฉันจะไม่มีวันลืมเพื่อนสาวที่แสนดีของฉันทั้งสองคน ไม่ว่าจะเป็นเธอและยายคีน” วัสนางค์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะส่งยิ้มให้กับคู่บ่าวสาวอีกครั้ง และเดินจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะดึงประตูห้องปิดให้กับทั้งสอง และพยายามเป็นที่สุดไม่ให้เสียงสะอื้นดังออกมาให้ทุกคนได้ยิน
เช่นเดียวกับเมยาวีที่มองตามวัสนางค์ด้วยขอบตาเริ่มแดงขึ้นมาทุกขณะ จอมทัพเห็นดังนั้นก็ดึงร่างบางเข้ามาแนบอกด้วยความรักที่เปี่ยมล้น
****
แสงจันทร์ยามค่ำคืนสุกสกาวเป็นยิ่งนัก ร่างสองร่างเดินมาหยุดยังระเบียงด้านข้างพร้อมๆ กัน ก่อนจอมทัพจะหันมาทางหญิงสาว พร้อมกับยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“คุณช่วยบอกเหมยได้ไหมคะ ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือเรื่องจริงที่เราทั้งสองคนกำลังเจอ” เมยาวียังคิดว่าตนเองฝันอยู่ วันนี้เธออยู่ในชุดเจ้าสาวและที่สำคัญเธอได้แต่งงานกับเขา จะมีใครบอกเธอได้ไหม ว่าสิ่งที่เธอเจออยู่นี้ จะเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝันอย่างที่นึกกลัว
“คุณเหมยอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงครับ ผมไม่ได้เป็นเทพบุตรในฝันและคุณก็ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงในนิยาย แต่บัดนี้เราคือคู่สามีภรรยากัน คุณคือนางเมยาวี อัศวศิโรรมณ์ ภรรยาของนายจอมทัพ อัศวศิโรรมณ์ เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้วนะครับและบัดนี้คุณคือหุ้นส่วนชีวิตของผม เราสองคนคือหุ้นส่วนชีวิตของกันและกันนะครับ”
ร่างสูงหันมาทางหญิงสาว เขากุมมือบางไว้แน่น พร้อมกับบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยน
เมยาวีช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูงกว่าก็พลันคลี่ยิ้มออกมา ความสุขที่มีอยู่ในหัวใจถูกตีแผ่ไปจนทั่วร่างกาย และที่สำคัญ มันได้กระจายไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วย
“เหมยดีใจค่ะ ที่มีคุณและก็รู้สึกอุ่นใจที่มีคุณอยู่เคียงข้าง เหมยผ่านฤดูหนาวที่หนาวเหน็บมาเกือบจะสามสิบปี แต่นี้เป็นต้นไปเหมยจะไม่นอนหนาวอีกต่อไปแล้ว เพราะเหมยมีคุณ ใช่ไหมคะคุณจอม...”
“ใช่ครับที่รักของผม แต่นี้เป็นต้นไป เราสองคนจะไม่พรากจากกัน เราจะอยู่ด้วยกัน ผมจะกอดคุณทุกครั้งที่คุณหนาวและจะดูแลคุ้มครองคุณแบบนี้ตลอดไป ผมสัญญา ผมจะรักคุณแบบนี้ตลอดไป...”
พูดจบชายหนุ่มก้มลงประทับรอยจูบอันดูดดื่มหวานซ่านลงบนหน้าผากกลมมนของหญิงสาว
“เหมยก็รักคุณค่ะ คุณจอม...”
ได้ยินเช่นนั้นแล้วจอมทัพก็ใจชื่น ความสุขที่มีอยู่ในหัวใจมันมากล้นจนไม่อาจประมาณค่าว่ามันมีมากแค่ไหน แต่ที่เขาแน่ใจ เขารักเธอและจะรักแบบนี้ตลอดไป
สายลมหนาวพัดผ่านโลมไล้สองร่างกลางแสงจันทร์กับสายหมอกเส้นบางๆ ที่ลอยเคล้งคว้างอย่างสวยงาม...เมยาวีแน่ใจ แต่นี้เป็นต้นไป เธอจะไม่มีวันหนาวเหน็บหัวใจอีกต่อไปแล้ว เพราะเวลานี้ เธอมีเขาเข้ามาห่มหัวใจให้อบอุ่น และมันจะเป็นเช่นนี้ตราบจนนิรันดร์...
- จบ -
****
จบกันไปแล้วกับฤดูแรก รอยรักเหมันต์...กระผมต้องขอขอบพระคุณ คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกๆ ท่านด้วยนะครับ ที่ติดตาม และคอยลุ้นกันเสมอมา จนเรื่องนี้ดำเนินมาถึงบทสุดท้ายจนได้ ยังไงแล้ว ก็ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงอีกครั้งนะครับ ที่ยังคงรัก และให้กำลังใจกัน กระผมไม่มีอะไรมาก ก็อยากจะกล่าวคำขอบคุณ และอวยพรให้คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน มีความสุขกาย สบายใจ ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่จน อยู่และเป็นกำลังใจ อีกทั้งอ่านงานเขียนของ พายุ - กีรณัช ไปนานๆ นะครับ
สุดท้าย...อิอิ ขอกระซิบข่าวดีก่อน หลายท่านคงจะยังไม่เต็มที่กับตัวละครอีกหลายตัวที่ยังค้างคาใจ เพราะยังมีหลายท่านเหมือนกันที่คิดว่าเรื่องนี้มีด้วยกันถึงสามคู่ หุหุ ก็เล่นทายกันมาแบบนั้น ผู้เขียนเลยมันเขี้ยว แกล้งไปซะเลย อิอิ
ฤดูรัก ก็ต้องมีเป็นฤดู ใช่ไหมครับ...ฤดูหนาว หรือ รอยรักเหมันต์จบไปแล้ว แต่นางเอกของเรายังคงค้างคากันอีกสองคน ยังไงแล้วก็อย่าลืมติดตามกันนะครับ กับภาคต่อของเรื่องนี้...คิมหันต์ร่ายรัก นางเอกจะเป็นสาวคนไหน หรือเรื่องราวจะเป็นอย่างไร คงจะต้องให้คุณผู้อ่านรอติดตามอย่างกระชันชิดเสียแล้วล่ะ...สำหรับข่าวดีนี้ คงจะอีกไม่นานเกินรอ (ตามอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของอีตาบ้าคนเขียน) แต่...อย่าเพิ่งซิ่งกันไปซะก่อนนะ รอติดตามให้ครบทั้ง....ฤดู ก่อนนะคร๊าพ
ขอขอบคุณด้วยใจ
พายุ
ปล. อย่าลืมทายกันมาเล่นๆ ด้วยนะ ว่าชุดนี้มีกี่ฤดู กี่เรื่อง ใครตอบถูกอาจจะมีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ แต่มาจากหัวใจผู้เขียน ไปถึงมือคุณผู้อ่านที่น่ารักก็ได้ อิอิ ^_^
กระเป๋าใบใหญ่ถูกวางลงตรงหน้าของเมยาวี จอมทัพและน้ำบุษย์ วันนี้มันเป็นการตัดสินใจที่แน่วแน่แล้วของรติกร เธออยู่ที่นี่นานจนเกินไป เห็นทีเธอควรจะกลับกรุงเทพฯ ไปสักที
“คุณรติจะกลับจริงๆ หรือคะ” เมยาวีเอ่ยเสียงสั่น กรอบหน้าสวยสลดลงไปทันทีที่ได้ยินว่ารติกรตัดสินใจขอกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านของเธอ
“ค่ะ...ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้อยู่ร่วมแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วย”
แม้ว่าเหตุผลที่แท้จริงของเธอคือไม่อยากจะอยู่ให้ถึงวันแต่งงานของพวกเขา เพราะเธอยังไม่สามารถทำใจได้ก็ตาม แต่รติกรก็สามารถปกปิดเหตุผลเหล่านั้นได้ที่สุด
“คุณรติยังไม่หายดีเลยนะคะ จะกลับได้ยังไง” น้ำบุษย์เอ่ยแทรกขึ้นอย่างเป็นห่วงไม่แพ้กัน การที่อยู่ด้วยกันเกือบเดือนทำให้เธออดจะรู้สึกวาบหวิวหัวใจเมื่อขาดใครไปสักคนไปไม่ได้
“รติบอกคุณพ่อคุณแม่ให้มารับที่สนามบินแล้วล่ะค่ะ เดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็คงจะถึง”
“แล้วอีกนานไหมครับคุณรติถึงจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง” จอมทัพมองกรอบหน้าเซียวของเลขาฯ สาวของตนเองอย่างสงสารอีกไม่ได้
“อีกไม่นานหรอกค่ะคุณจอม รติสัญญาค่ะว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง”
“เหมยไม่สามารถห้ามคุณรติได้แล้วจริงๆ หรือคะ” ดวงตาคู่สวยของเมยาวีมีน้ำตาฉาบคลออยู่อย่างเห็นได้ชัด
“คุณเหมย”
รติกรโผเข้าไปโอบกอดเมยาวีเอาไว้แน่น นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเธอก็เป็นได้ที่ได้กอดเพื่อนสาวที่แสนดีของเธอตอนนี้
“รติสัญญานะคะว่ารติจะกลับมาที่นี่อีก รติชอบที่นี่ค่ะ”
เป็นประโยคสุดท้ายที่รติกรพูดขึ้น ก่อนเธอจะตัดสินใจเดินไปยังรถที่เมยาวีได้เตรียมเอาไว้และให้คนรถขับไปส่งหญิงสาวที่สนามบิน
ก่อนจะขึ้นรถ ชัยได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว และยิ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“คุณชัย” ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้น เธอหวังว่าจะได้เจอกับเขาและเขาก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวังสักนิด
“ขอให้คุณโชคดีนะครับ เดินทางปลอดภัย แล้วอย่าลืมมาเที่ยวที่นี่อีกนะครับ”
รติกรยิ้ม เธอเงยหน้าขึ้นมองกรอบหน้าคมของเขานิ่งนาน ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่อยู่ในใจเสมอมาและอยากจะบอกเขาเป็นครั้งสุดท้าย
“รติขอให้ความรักของคุณกับคุณปูเป้ยั่งยืนตลอดไปนะคะ คุณสองคนเหมาะสมกันมากค่ะ มากเกินกว่าจะมีอะไรมาแทรกกลางได้ รติขอตัวก่อนนะคะเอาไว้โอกาสหน้าคงจะได้เจอกันอีก”
“ครับ ผมก็ขอให้คุณรติเจอกับคนดีๆ นะครับ โชคดีครับ”
พูดจบชายหนุ่มก็เปิดประตูให้กับรติกรได้ก้าวขึ้นไป พอหญิงสาวขึ้นไปนั่งเขาก็ปิดประตูให้ และเมื่อรถเลื่อนจากไปแล้วทุกคนก็โบกมือลา ไม่แม้กระทั่งปุณชิกาที่ขยับเข้ามายืนข้างๆ กับชัย
****
เมยาวียื่นซองกระดาษสีชมพูไปให้วัสนางค์ ทั้งที่เพื่อนสาวมองมันด้วยความสงสัยเป็นที่สุด
“หมายความว่ายังไง ยายเหมย”
“ฉันรบกวนเธอเอาการ์ดนี่ไปเชิญคุณรักษ์ราชและคุณกัญสิณีด้วย ฉันต้องดูแลงานทางนี้จนไม่มีเวลาไปบอกพวกเขา”
“แล้วทำไมจะต้องเป็นฉันด้วย ให้คนอื่นไปไม่ได้หรือยังไง” วัสนางค์ทำหน้ายุ่ง พลางคิดไปถึงตอนที่เธอจะต้องพบหน้ากับอีตาหน้ากวนนั่น ไม่รู้ว่าถ้าเจอกันแล้วจะอดแว้ดใส่ตานั่นอีกหรือเปล่า
“ฉันเห็นใครไม่เหมาะสมเท่ากับเธอแล้วล่ะฝน นานะ รบกวนหน่อยนะ”
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้วัสนางค์ต้องบากหน้ามายังสถานีตำรวจอีกครั้งหนึ่ง เธอยืนมองป้ายด้านหน้านิดหนึ่งอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินขึ้นไปบนโรงพักในเวลาต่อมา
“มาติดต่ออะไรหรือครับ คุณคนสวย” ร้อยเวรคนหนึ่งสอบตามอย่างกันเอง แต่กระนั้นสายตาก็ไม่วายมองแม่สาวร่างบางตรงหน้าอย่างชื่นชมไม่ได้
“ฉันมาหาคุณรักษ์ราชกับคุณกัญสิณีค่ะ ไม่ทราบว่าทั้งสองอยู่ไหมคะ”
“หมวดราชกับหมวดสิหรือครับ มีอะไรฝากผมเอาไว้ก็ได้นะ ทั้งสองคนไปปฏิบัติภารกิจลับน่ะครับ ตอนนี้ไม่อยู่หรอก”
วัสนางค์หน้าสลดลงไปในทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น หญิงสาวก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใดตนถึงได้รู้สึกเช่นนั้นได้ ผิดหวังทั้งๆ ที่ตนก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรสักนิด
“แล้วอีกนานหรือเปล่าพวกเขาถึงจะกลับมา”
“เป็นคำสั่งจากทางกรมน่ะครับ ทั้งสองไปปฏิบัติภารกิจลับ ไม่มีกำหนดที่จะกลับมาครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฝากการ์ดแต่งงานให้พวกเขาด้วยนะ เพื่อนของฉันจะแต่งงาน ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาทันกันหรือเปล่า”
วัสนางค์พยักหน้ารับทราบด้วยใบหน้าหงอยๆ ก่อนจะวางซองกระดาษสีชมพูให้กับร้อยเวรคนนั้นและเดินออกมาจากโรงพักนั้นอย่างเงียบๆ
*****
หลังทราบว่าจอมทัพจะแต่งงานกับเมยาวีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ท่านนายพลกลยุทธ์จึงยอมตกลงให้ชัยแต่งงานกับลูกสาวของตัวเองแบบง่ายๆ และให้แต่งพร้อมกับงานของจอมทัพเสียเลย ส่วนพันธุ์ไม้นั้นอย่างไรแล้วชัยก็ต้องทำให้ได้สำเร็จและส่งมอบให้กับเขาให้ทันภายในหนึ่งปี
“ทำอย่างกับจะให้ผมปั้มหลานให้ท่านอย่างนั้นแหละ” ชายหนุ่มเอ่ยเป็นเชิงเย้ากับว่าที่พ่อตา ในวันที่ท่านนายพลเข้ามาคุยกับเขาหลังจากที่วันแต่งงานของจอมทัพและเมยาวีชัดเจนแล้ว
“หรือนายไม่อยากจะแต่งงานกับลูกสาวของฉันเร็วๆ ไอ้หมอนี่ พอให้ท้ายหน่อยก็ย้อนเลยนะ”
“ผมไม่ได้ย้อนนี่ครับ ก็มันเป็นความจริงนี่” ชัยทำหน้าทะเล้น มองกรอบหน้าที่เข้มขึ้นของท่านนายพล แม้ลึกๆ แล้วจะรู้สึกเสียวสันหลังอยู่วาบๆ ก็ตาม
“สรุปแล้วนายจะไม่แต่งงานกับลูกสาวของฉันแล้วใช่ไหม ก็ได้ คนอย่างนายพลกลยุทธ์พูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ไม่แต่งก็คือไม่แต่ง”
“อะๆ ท่านครับ ก็ได้ ผมจะแต่งงานกับคุณปูเป้พร้อมกับพี่เหมยและคุณจอมทัพ และสัญญาว่าจะปั้มหลานเป็นของขวัญ พร้อมๆ กับสินสอดที่จะตามไปเลยครับ”
เจ้าหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม ขณะชายชรายศนายพลเปิดเสียงหัวเราะออกมากับน้ำเสียงที่เข้มแถมยังมีหลักการของเจ้าว่าที่ลูกเขยของตนเอง คนอย่างนี้สิ ที่ท่านชอบ เวลาใช้งานมันจะได้ไม่ร้องอิดออด
สรุป งานแต่งงานที่จะจัดขึ้นที่ไร่ศีตกรรณแห่งนี้มีเพิ่มมาอีกคู่หนึ่ง นั่นก็คือคู่ของปุณชิกากับชัย ซึ่งได้เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายของทุกๆ คน เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าท่านนายพลจะยอมยกลูกสาวของตนเองให้กับชัยแบบง่ายๆ อย่างนี้
หลายคนถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ทำให้ท่านนายพลตอบรับและเปิดโอกาสให้กับชัยแบบรวดเร็วปานสายฟ้าแลบไม่ใช่เพราะชัยเอากล้วยไม้พันธุ์ใหม่มาล่อท่านหรอก แต่ท่านได้รู้ความจริงบางอย่างจากปากของจอมทัพว่าตอนที่ปุณชิกาถูกจับไปนั้นชัยได้เข้าไปช่วยเหลือบุตรสาวของท่านและถึงขนาดถูกยิงได้รับบาดเจ็บจนปางตาย คนที่ยอมตายเพื่อปกป้องคนที่ท่านรักแล้ว อย่างนี้ท่านจะไม่ยอมให้มาเป็นลูกเขยได้อย่างไรกัน
เป็นอันว่างานแต่งงานก็เกิดขึ้นในเวลาต่อมา การจัดงานที่ไร่ศีตกรรณ เมยาวีเจ้าสาวของงานนี้ปิดไร่เลี้ยงฉลองและให้คนงานทุกคนมาร่วมงานด้วย...
วันนั้น...
งานแต่งงานแบบเรียบง่ายในทีแรกได้กลายเป็นยิ่งใหญ่ไปถนัดตา เพราะมีแขกเหรื่อมาแสดงความยินดีกันอย่างมากมาย ไม่แม้กระทั่งคนใหญ่คนโตระดับจังหวัด ที่ให้เกียรติมาเป็นสักขีพยานรักให้กับทั้งสองคู่บ่าวสาว ซึ่งทั้งหมดก็เป็นแขกของคุณกัณฑ์สิทธิ์ คุณมาติกา บิดามารดาของจอมทัพ และของท่านนายพลกลยุทธ์ทั้งสิ้น
งานพิธีแต่งงานเป็นไปในแบบฉบับของชาวล้านนา มีการตั้งขันโตกเลี้ยงแขกและการบายศรีสู่ขวัญคู่บ่าวสาว ก่อนจะไปสิ้นสุดที่งานพิธีฉลองมงคลสมรสที่จ้างนักดนตรีมาบรรเลงเพลงบนเวที ท่ามกลางดอกไม้สีสวยซึ่งนำมาจัดกันอย่างสวยงาม
มีหลายคนที่ชื่นชมต่อความเหมาะสมของทั้งสองคู่บ่าวสาว เช่นเดียวกับเหล่าเพื่อนฝูงของทั้งสองคู่ก็ต่างพากันมาแสดงความยินดีในงานครั้งนี้จนแน่นขนัด
งานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงช่วงเย็น แขกต่างอยู่ในช่วงของอารมณ์คึกครื้นมากกว่าเดิม เพราะผู้ใหญ่คนดังและแขกคนสำคัญส่วนมากได้กลับไปจนหมดแล้ว บัดนี้จะเหลือแต่คนหนุ่มคนสาวเท่านั้นที่ยังสนุก นั่งพูดคุยกันอยู่ตามจุดที่ตั้งเป็นโต๊ะขันโตกและปูเสื่อนั่งกับพื้น มองนักดนตรีที่บรรเลงบทเพลงอย่างไพเราะ
มณีกานดาที่รู้สึกเหนื่อยกับการช่วยงานเพื่อนสาวมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเธอทำหน้าที่เป็นช่างแต่งหน้าให้กับเมยาวีด้วย จึงเดินเข้ามาหาเจ้าสาวและเจ้าบ่าวที่กำลังนั่งสนทนากับเหล่าเพื่อนฝูงอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง
“เหมย...คุณจอมคะ คีนขอตัวก่อนนะคะ รู้สึกปวดหัวอย่างไรไม่รู้ค่ะ”
“ตายแล้ว เธอปวดหัวหรือ ไหนมานั่งใกล้ๆ ฉันก่อนสิคีน” เห็นใบหน้าที่เพลียๆ ของเพื่อนสาว เมยาวีจึงรีบดึงมณีกานดาให้นั่งลงข้างๆ เธอในทันที
“ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะเหมย พรุ่งนี้นู้นแหละถึงจะมาช่วยเก็บของ”
“ไม่เป็นไรหรอกคีน ถ้าเหนื่อยนักก็พักก่อนก็ได้ ทางนี้ฉันจ้างคนเก็บเอาไว้แล้วล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ อ้อ...ก่อนไป ขออวยพรให้เธอกับคุณจอมทัพมีความสุขมากๆ นะจ้ะ”
“เธอแน่ใจหรือว่าจะไม่ส่งฉันเข้าหอก่อน...” เจ้าสาวอดจะถามด้วยความเสียดายไม่ได้ ที่เพื่อนสาวไม่ได้อยู่ร่วมในส่วนพิธีที่สำคัญที่สุดของงาน
“ส่งตรงนี้ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ดูแลเพื่อนคีนดีๆ นะคะ คุณจอมทัพ” เธอหันไปทางจอมทัพและส่งยิ้มให้กับเขา ชายหนุ่มพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มขอบคุณ ก่อนเมยาวีจะดึงร่างของเพื่อนสาวเข้ามาสวมกอด พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มจะเอ่อออกมาคลอเบ้าทั้งสองข้าง
“อย่าร้องไห้เลยน่าเพื่อน วันนี้วันดีของเธอนะ”
“จะไม่ให้ฉันร้องไห้ได้ยังไงล่ะคีน สิ่งที่ฉันเคยคุยกับเธอเมื่อครั้งงานแต่งงานของนายปูนกำลังจะเป็นจริงแล้ว ฉันจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้วนะคีน”
“จ้ะแม่เพื่อนสาวคนสวยของฉัน ในเมื่อเธอก้าวมาถึงตรงจุดนี้ได้แล้ว ฉันก็ดีใจกับเธอด้วย แล้วก็อย่าลืมล่ะว่าเธอก็ต้องดูแลมันให้ดีด้วยนะ อย่าให้มันหลุดมือไปง่ายๆ อย่างที่ได้มา”
“จ้า...ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้มันหลุดมือไปเด็ดขาด” เมยาวีให้คำมั่นกับเพื่อนสาว ก่อนจะดึงร่างบางของมณีกานดาเข้ามากอดอีกครั้งหนึ่ง
“ไปถึงบ้านอย่าลืมกินยาด้วยล่ะ”
“จ้า ขอให้เธอมีความสุขมากๆ นะเหมย ฉันไปก่อนนะ อ้อ...ฝากยายฝนด้วยล่ะ นู้น ดูเหมือนว่าจะเริ่มเมาแล้วล่ะ”
หญิงสาวชี้ไปทางวัสนางค์ที่บัดนี้กำลังพูดคุยอยู่กับกลุ่มของปวีร์และมัสมารสกับเพื่อนๆ อีกหลายคน ซึ่งกำลังร่ายมือวาดไปมาประกอบกับการพูดคุย ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ทั้งสองสาวแน่ใจแล้วว่าวัสนางค์กำลังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่ในกระแสเลือดในระดับที่มากพอสมควร
“อืม...รายนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวฉันจะดูเอง ว่าแต่เธอเถอะคีน แน่ใจนะว่ากลับเองได้”
“ได้สิจ๊ะ ฉันไปก่อนล่ะนะ ขอให้มีความสุขกันมากๆ นะคะคุณจอมทัพ ยายเหมย”
ก่อนจากมณีกานดาได้ดึงร่างของเมยาวีเข้ามากอดอีกครั้ง หลังจากนั้นเธอจึงเดินจากไปท่ามกลางสายตาที่มองด้วยความเป็นห่วงของเมยาวี อีกทั้งยังรู้สึกวูบไหวกับการที่ตนจะต้องห่างกับเพื่อน และก็คงจะไม่ได้มากระเซ้าเล่นเหมือนที่ผ่านตลอดไป
จริงอยู่ความเป็นเพื่อนมันจะไม่หมดไป แต่หญิงสาวก็ยังอดจะใจหายไม่ได้เหมือนกัน...
*****
ถึงช่วงเวลาส่งตัวคู่บ่าวสาว คู่ของชัยและปุณชิกาได้ทำพิธีส่งตัวก่อน เพราะต่างถือคติว่าให้คู่ของผู้ที่มีอายุอ่อนกว่าเข้าก่อน ผู้ใหญ่หลายคนต่างมาอวยพร เช่นเดียวกับจอมทัพและเมยาวีที่เข้ามาร่วมการอวยพรด้วย
เมื่อเสร็จจากคู่ของชัยและปุณชิกา ผู้หลักผู้ใหญ่ก็พากันยกโขยงจากเรือนไม้ซึ่งเป็นเรือนหอของชัยมาที่ตึกใหญ่ ซึ่งใช้เป็นห้องหอของทั้งจอมทัพและเมยาวี
ในห้องคุณมาติกาและคุณกัณฑ์สิทธิ์อวยพรบุตรสาวของตนเอง พร้อมกับฝากฝังบุตรสาวกับจอมทัพ ก่อนจะถอยออกมาให้บิดาและมารดาของชายหนุ่มได้อวยพรบ้าง
หลังบิดามารดาของจอมทัพถอยออกไปก็เป็นคิวของท่านนายพลกลยุทธ์ และปิดท้ายด้วยคำอวยพรของเหล่าเพื่อนๆ ของทั้งชายหนุ่มและหญิงสาว วัสนางค์เป็นคนสุดท้ายที่ก้าวเข้ามาด้วยตาแดงๆ เธอเอื้อมมือไปกุมมือของเพื่อนสาวไว้ เช่นเดียวกับใช้ความพยายามเป็นที่สุดยืนทรงตัวของตนเองเอาไว้
“เหมย...ดีใจด้วยนะ ที่เธอมีวันนี้”
สาวฝนเอ่ยเสียงแผ่ว ความเต็มตื้นที่มีอยู่ในหัวใจพากันแล่นจากหัวใจแผ่ปกคลุมไปจนทั่วร่างกาย ดวงตาคู่สวยเริ่มกะพริบถี่ เพื่อจะขับไล่น้ำตาที่มันเอ่อคลอ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดมันออกไป
“ขอบใจเธอมากนะฝน ดูแลตัวเองให้ดีๆ ล่ะ แล้วอย่าลืมหาแฟนมาอวดฉันด้วยนะ”
“จ้า...ฉันไม่ยอมน้อยหน้าเธอแน่ยายเหมย เธอมีได้ คอยดูฉันจะหาให้ได้ภายในปีนี้ ใช่ไหมคะ คุณจอมทัพ” หันมาทางเจ้าบ่าว ก่อนจะคลี่ยิ้มส่งให้เขา
“ครับ ขอบคุณคุณฝนมากนะครับที่ช่วยงานในครั้งนี้ และผมก็จะเป็นกำลังใจให้คุณหาแฟนมาแข่งผมให้ได้นะครับ สู้ๆ ครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณจอม คุณนี่ดีนะคะ ที่ได้เพื่อนของฉันเป็นภรรยา ยังไงก็ช่วยกันรักษาความรักให้งอกงามแบบนี้ตลอดไปนะคะ”
“ครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลเพื่อนคุณฝนให้ดีที่สุด ผมจะไม่มีวันทำให้คุณเหมยต้องเสียใจครับ”
“สัญญากับฝนแล้วนะคะ” วัสนางค์มองตาของจอมทัพ เพื่อจะดูให้แน่ใจว่าเขาพูดความจริงกับเธอ ก่อนจะหันมาทางเพื่อนสาวและโผเข้ากอดกันอีกครั้งหนึ่ง
“ใจหายจัง ที่เราจะต้องห่างกันสักพัก เพราะเธอจะต้องดูแลคุณจอม...เหมย ฉันรักเธอนะ ความเป็นเพื่อนระหว่างเรามันจะคงเดิมใช่ไหมและเธอจะสัญญากับฉันได้ไหมว่าเธอจะไม่ลืมฉัน”
“จ้า...ฉันสัญญา ฉันจะไม่มีวันลืมเพื่อนสาวที่แสนดีของฉันทั้งสองคน ไม่ว่าจะเป็นเธอและยายคีน” วัสนางค์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะส่งยิ้มให้กับคู่บ่าวสาวอีกครั้ง และเดินจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะดึงประตูห้องปิดให้กับทั้งสอง และพยายามเป็นที่สุดไม่ให้เสียงสะอื้นดังออกมาให้ทุกคนได้ยิน
เช่นเดียวกับเมยาวีที่มองตามวัสนางค์ด้วยขอบตาเริ่มแดงขึ้นมาทุกขณะ จอมทัพเห็นดังนั้นก็ดึงร่างบางเข้ามาแนบอกด้วยความรักที่เปี่ยมล้น
****
แสงจันทร์ยามค่ำคืนสุกสกาวเป็นยิ่งนัก ร่างสองร่างเดินมาหยุดยังระเบียงด้านข้างพร้อมๆ กัน ก่อนจอมทัพจะหันมาทางหญิงสาว พร้อมกับยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“คุณช่วยบอกเหมยได้ไหมคะ ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือเรื่องจริงที่เราทั้งสองคนกำลังเจอ” เมยาวียังคิดว่าตนเองฝันอยู่ วันนี้เธออยู่ในชุดเจ้าสาวและที่สำคัญเธอได้แต่งงานกับเขา จะมีใครบอกเธอได้ไหม ว่าสิ่งที่เธอเจออยู่นี้ จะเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝันอย่างที่นึกกลัว
“คุณเหมยอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงครับ ผมไม่ได้เป็นเทพบุตรในฝันและคุณก็ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงในนิยาย แต่บัดนี้เราคือคู่สามีภรรยากัน คุณคือนางเมยาวี อัศวศิโรรมณ์ ภรรยาของนายจอมทัพ อัศวศิโรรมณ์ เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้วนะครับและบัดนี้คุณคือหุ้นส่วนชีวิตของผม เราสองคนคือหุ้นส่วนชีวิตของกันและกันนะครับ”
ร่างสูงหันมาทางหญิงสาว เขากุมมือบางไว้แน่น พร้อมกับบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยน
เมยาวีช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูงกว่าก็พลันคลี่ยิ้มออกมา ความสุขที่มีอยู่ในหัวใจถูกตีแผ่ไปจนทั่วร่างกาย และที่สำคัญ มันได้กระจายไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วย
“เหมยดีใจค่ะ ที่มีคุณและก็รู้สึกอุ่นใจที่มีคุณอยู่เคียงข้าง เหมยผ่านฤดูหนาวที่หนาวเหน็บมาเกือบจะสามสิบปี แต่นี้เป็นต้นไปเหมยจะไม่นอนหนาวอีกต่อไปแล้ว เพราะเหมยมีคุณ ใช่ไหมคะคุณจอม...”
“ใช่ครับที่รักของผม แต่นี้เป็นต้นไป เราสองคนจะไม่พรากจากกัน เราจะอยู่ด้วยกัน ผมจะกอดคุณทุกครั้งที่คุณหนาวและจะดูแลคุ้มครองคุณแบบนี้ตลอดไป ผมสัญญา ผมจะรักคุณแบบนี้ตลอดไป...”
พูดจบชายหนุ่มก้มลงประทับรอยจูบอันดูดดื่มหวานซ่านลงบนหน้าผากกลมมนของหญิงสาว
“เหมยก็รักคุณค่ะ คุณจอม...”
ได้ยินเช่นนั้นแล้วจอมทัพก็ใจชื่น ความสุขที่มีอยู่ในหัวใจมันมากล้นจนไม่อาจประมาณค่าว่ามันมีมากแค่ไหน แต่ที่เขาแน่ใจ เขารักเธอและจะรักแบบนี้ตลอดไป
สายลมหนาวพัดผ่านโลมไล้สองร่างกลางแสงจันทร์กับสายหมอกเส้นบางๆ ที่ลอยเคล้งคว้างอย่างสวยงาม...เมยาวีแน่ใจ แต่นี้เป็นต้นไป เธอจะไม่มีวันหนาวเหน็บหัวใจอีกต่อไปแล้ว เพราะเวลานี้ เธอมีเขาเข้ามาห่มหัวใจให้อบอุ่น และมันจะเป็นเช่นนี้ตราบจนนิรันดร์...
- จบ -
****
จบกันไปแล้วกับฤดูแรก รอยรักเหมันต์...กระผมต้องขอขอบพระคุณ คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกๆ ท่านด้วยนะครับ ที่ติดตาม และคอยลุ้นกันเสมอมา จนเรื่องนี้ดำเนินมาถึงบทสุดท้ายจนได้ ยังไงแล้ว ก็ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงอีกครั้งนะครับ ที่ยังคงรัก และให้กำลังใจกัน กระผมไม่มีอะไรมาก ก็อยากจะกล่าวคำขอบคุณ และอวยพรให้คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน มีความสุขกาย สบายใจ ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่จน อยู่และเป็นกำลังใจ อีกทั้งอ่านงานเขียนของ พายุ - กีรณัช ไปนานๆ นะครับ
สุดท้าย...อิอิ ขอกระซิบข่าวดีก่อน หลายท่านคงจะยังไม่เต็มที่กับตัวละครอีกหลายตัวที่ยังค้างคาใจ เพราะยังมีหลายท่านเหมือนกันที่คิดว่าเรื่องนี้มีด้วยกันถึงสามคู่ หุหุ ก็เล่นทายกันมาแบบนั้น ผู้เขียนเลยมันเขี้ยว แกล้งไปซะเลย อิอิ
ฤดูรัก ก็ต้องมีเป็นฤดู ใช่ไหมครับ...ฤดูหนาว หรือ รอยรักเหมันต์จบไปแล้ว แต่นางเอกของเรายังคงค้างคากันอีกสองคน ยังไงแล้วก็อย่าลืมติดตามกันนะครับ กับภาคต่อของเรื่องนี้...คิมหันต์ร่ายรัก นางเอกจะเป็นสาวคนไหน หรือเรื่องราวจะเป็นอย่างไร คงจะต้องให้คุณผู้อ่านรอติดตามอย่างกระชันชิดเสียแล้วล่ะ...สำหรับข่าวดีนี้ คงจะอีกไม่นานเกินรอ (ตามอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของอีตาบ้าคนเขียน) แต่...อย่าเพิ่งซิ่งกันไปซะก่อนนะ รอติดตามให้ครบทั้ง....ฤดู ก่อนนะคร๊าพ
ขอขอบคุณด้วยใจ
พายุ
ปล. อย่าลืมทายกันมาเล่นๆ ด้วยนะ ว่าชุดนี้มีกี่ฤดู กี่เรื่อง ใครตอบถูกอาจจะมีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ แต่มาจากหัวใจผู้เขียน ไปถึงมือคุณผู้อ่านที่น่ารักก็ได้ อิอิ ^_^
พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2555, 18:09:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2555, 18:09:14 น.
จำนวนการเข้าชม : 2360
<< ตอนที่ ๒๕ |
พายุ 10 ก.ค. 2555, 19:34:31 น.
๕๕๕ ยังไม่เฉลย อิอิ
๕๕๕ ยังไม่เฉลย อิอิ
pattisa 10 ก.ค. 2555, 21:20:02 น.
คู่ต่อไปเชียน์วัสนางค์ค่ะ กัดกันน่ารักดี
คู่ต่อไปเชียน์วัสนางค์ค่ะ กัดกันน่ารักดี
ChaCha 7 ก.ค. 2556, 22:29:13 น.
เพิ่งได้อ่านค่ะ เขียนได้น่ารักดีนะคะ ชอบรติอ่ะ อบากอ่านคู่รติ
เพิ่งได้อ่านค่ะ เขียนได้น่ารักดีนะคะ ชอบรติอ่ะ อบากอ่านคู่รติ