ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 9.2 ตอนพิเศษราชนาวีที่รัก 3

“มาซะเกือบไม่ทันได้ถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลยนะ” เมขลาต่อว่ากฤษณะหลังจากที่ออกไปรับที่ลานจอดรถแล้วรีบพาไปถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ก่อนที่ทั้งคู่จะขอตัวออกไปเตรียมการในส่วนของพิธีการที่จะดำเนินต่อไป หลังจากนั้น เมขลาก็พากฤษณะ อาวุธ และอุมารินทร์ไปไหว้พ่อกับแม่ แนะนำให้สั้น ๆ ว่าเป็นเพื่อนจากกรุงเทพฯ ซึ่งพ่อแม่นั้นรู้มาก่อนหน้านั้นแล้วว่า กฤษณะพนักงานของการรถไฟฯ คนนี้ เป็นคนที่เมขลากำลังคบหาดูใจอยู่ หลังจากมองเห็นถึงความจริงใจที่ชายหนุ่มมีให้ลูกสาวของตน แม่ก็สั่งให้เมขลาพาเพื่อนไปนั่งที่โต๊ะ..และระหว่างที่เดินเคียงกันเข้าไปในงาน กฤษณะก็คว้ามือของเมขลามาจับไว้พลางเดินไปด้วย..

“ไม่หลงหรอกน่า..” เมขลาจะดึงมือออกเพราะอายสายตาของคนในหมู่บ้านที่มาร่วมงานแต่กฤษณะก็ไม่ยอมปล่อย เมขลาจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้..พาเขาเดินไปถึงโต๊ะที่มีพี่เดชาพงษ์ พี่หิรัญญา พี่นาทีนั่งอยู่ด้วย หญิงสาวจึงแนะนำให้กฤษณะ อาวุธ และอุมารินทร์ได้รู้จักกับเพื่อนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวและพี่ชายของตนอย่างเป็นทางการ..

หลังจากที่นั่งลงแล้ว กฤษณะก็มองไปยังปลาสำลีนึ่งมะนาว ขาหมู กุ้งอบวุ้นเส้น บนโต๊ะ..

“หนูนากินอะไรหรือยัง” แม้จะหิว แต่เขาก็เลือกที่จะถามเมขลาก่อน..

“ออเดิร์ฟหมดไปก็เพราะเค้านี่แหละ..ตัวเองกินเถอะ..”

“งั้นตักปลาสำลีให้เค้าหน่อย” กฤษณะออดอ้อน

“มือ ไม่มีหรือไง” แม้จะกระซิบกระซาบกัน แต่อาวุธก็ได้ยิน เขาจึงขัดขึ้นมา..

“แดกไป..” พอรู้ตัวว่าไม่สุภาพ เขาจึงยิ้มแบบสำนึกผิดให้คนที่เพิ่งรู้จักกัน..

“สำหรับพี่ คำว่า แดก สุภาพค่ะ..พี่ก็ชอบใช้เหมือนกัน ถึงใจดี..มา เรามาแดกกันต่อ” หิรัญญาแสดงความเป็นคนอารมณ์ดีให้สมาชิกใหม่ที่จะต้องกลายเป็นคนวงเดียวกันในวันหน้าได้รับรู้ ความชื่นมื่นแทรกอยู่ในงานแต่งอันใหญ่โตมโหฬารนี้ท่ามกลางเสียงเพลงขับกล่อมจากนักร้องประจำวงดนตรีและแขกเหรื่อที่มีความสามารถ..กระทั่งช่วงหนึ่งทุกคนก็ต้องหยุดชะงักเพราะจู่ ๆ ญาติของฝ่ายเจ้าบ่าวก็เดินมากระซิบกระซาบกับเดชาพงษ์ และเจ้าตัวก็ทำท่าอิดออดอยู่เพียงครู่ก่อนจะลุกตามกันไป...

“ไปไหนเหรอ” หิรัญญาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้...

แต่เมขลาที่รู้ดีว่าเดชาพงษ์จะไปทำอะไรกลับส่ายหน้าแต่ว่ารอยยิ้มพรายนั้นก็ทำให้คนอื่นพอเดาออกว่าเดชาพงษ์คงจะขึ้นเวทีไปร้องเพลงหรือทำอะไรสักอย่างบนเวทีให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวแน่ ๆ

และเมื่อเพลงจบลงพิธีกรชายและหญิงซึ่งเป็นดีเจระดับจังหวัดที่คุณนายวันเพ็ญเชิญมาทำหน้าที่ดำเนินรายการในวันนี้ก็เดินขึ้นมาบนเวที...

“ค่ะ ขอคั่นรายการเพลงเพราะ ๆ ในช่วงที่ท่านผู้มีเกียรติทุก ๆ ท่านรับประทานอาหารกันสักหน่อยนะครับ”

“คือ ทางญาติ ๆ เจ้าบ่าวมากระซิบบอกเราว่า น้องชายเจ้าบ่าวเสียงดีมาก เคยเป็นแชมป์ประกวดร้องเพลงงานวัดมาด้วย แล้ววันนี้ ทางญาติ ๆ เจ้าบ่าว ก็บอกกับเราว่า อยากได้ยินเสียงน้องชายของเจ้าบ่าวมาก เพราะว่าไม่ได้ยินเสียงมานานแล้ว ดังนั้นแล้ว สำหรับวัน อันเป็นวันมงคลของพี่ชาย เราจึงต้องรีบตามตัว อาจารย์เดชาพงษ์ สุกปลั่ง มาทำหน้าที่ให้ความสุขแก่แขกเหรื่อทุก ๆ ท่านครับ”

“เชิญรับฟังเสียงร้องของอาจารย์เดชาพงษ์ ซึ่งมาในเพลง บุพเพสันนิวาส กันได้เลยค่ะ”...

พิธีกรชายหญิงเดินลงจากเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือโห่หิ้วของญาติเจ้าสาวเจ้าบ่าวและคนในหมู่บ้านที่มาร่วมงาน ไฟบนเวทีค่อย ๆ ดับลงพร้อมกับอินโทรเพลง
‘บุพเพสันนิวาส’ ของครูไพบูลย์ บุตรขันก็ดังขึ้น ไฟสว่างอีกครั้งก็พบว่าเดชาพงษ์ที่ก่อนหน้าอยู่ในชุดกางเกงสแลคสีน้ำเงินกับเสื้อเชิ๊ตสีชมพูนั้นมีเสื้อสูทสีขาวซึ่งมีเลื่อมพรายระยิบระยับของนักร้องอาชีพสวมทับ เขาโบกมือให้กับเสียงปรบมืออีกรอบก่อนจะก้มลงสวัสดีพลางยิ้มกว้าง

“สวัสดีครับ...วันนี้เป็นวันสำคัญขอพี่ชายคนดีเพียงคนเดียวของผม และเพลงนี้ ผมก็ขอมอบให้พี่ชายและพี่สะใภ้ของผมเป็นของขวัญวันวิวาห์ครับ”

เสียงปรบมือดังขึ้นอีกรอบ และจรินนาที่นั่งมองเวทีอยู่นั้นก็ถึงกับยิ้มกริ่มออกมา เพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าขึ้นเวทีร้องเพลงทำตัวเหมือนนักร้องมืออาชีพแบบนี้...

“ไม่น่าเชื่อเนอะ” เอกรินทร์เอียงตัวมาหยอกจรินนาที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าดวงตาของเจ้าหล่อนนั้นปิดความรู้สึกบางอย่างไว้ไม่มิดเสียแล้ว และจรินนาก็ทิ้งค้อนให้เอกรินทร์วงใหญ่...ก่อนจะช่วยคนอื่น ๆ ปรบมือ เมื่อเนื้อเพลงวรรคแรกออกจากลำคอของเขา...

‘เนื้อคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันไปได้ ถ้าเคยทำบุญร่วมไว้ ถึงจะยังไงก็ต้องเจอะกัน เขาเรียกบุพเพสันนิวาสสร้างสรรค์ คงเคยตักบาตรร่วมขัน สร้างโบสถ์ร่วมกันไว้เมื่อชาติก่อน น้องสบตาพี่ ไม่หลบตาหนีพี่รู้แน่ หัวใจของพี่พ่ายแพ้ รักน้องศรีแพรเสียแล้วแน่นอน รักเกิดจากใจใครมิได้เสี้ยมสอน มิใช่ภาพลวงภาพหลอน พี่รักบังอร คงเพราะบุพเพฯ’

และระหว่างที่ฟังเพลงไปจรินนาก็ต้องยกมือมากอดอกเพราะรู้สึกเย็นยะเยือกจนถึงหัวใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น โดยเฉพาะท่อนสุดท้ายที่เธอรู้สึกว่าสายตาของเขานั้นจบจ้องมาหาเธอ... ‘พี่เป็นคนจริงพูดจริงทำจริง น้องหญิงอย่าเพิ่งสนเท่ห์ อย่าเพิ่งขว้างทิ้ง พี่คือเพชรจริงมิใช่เพชรเก๊ เมื่อรักพี่แล้วอย่ารวนอย่าเรนะน้องจ๋าฯ’


พอเสียงเพลงบนเวทีจากเสียงร้องของเดชาพงษ์จบลง พิธีกรชายหญิงก็ก้าวเข้ามาทำหน้าที่กันต่อ..

จนกระทั่งได้เวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำพิธีสำคัญให้ชาวบ้านในถิ่นนี้ให้ประจักษ์แก่สายตา..

‘พิธีลอดซุ้มกระบี่’ ซึ่งคนในแถบนี้แทบจะไม่เคยได้ยินหรือได้พบเห็น..ดังนั้นจึงมีเสียงซุบซิบถามกันว่า ลอดซุ้มกระบี่ทำไม ทำเพื่ออะไร..บ้างที่ดูหนังดูละครหรืออ่านหนังสือมากหน่อย ก็บอกว่า..

“เจ้าบ่าวเขาเป็นทหาร ทหารมีกระบี่เป็นอาวุธ เอาอาวุธมาให้ลอดแปลว่าให้เกียรติเจ้าสาว”

“แต่กูไม่เคยได้ยินว่าทหารเอากระบี่ออกมาฟันข้าศึกสักที”

“แล้วจะมีไว้ทำไม..”

“ก็คงมีเอาไว้ลอดกันนี่แหละ คอยดูแล้วกัน”..

คนที่คิดว่ารู้มากกว่า ก็แสดงความคิดเห็นว่า “เจ้าสาวนั้นลอดไปเพื่อยอมรับว่าเจ้าบ่าวนั้นเป็นทหาร แต่งกันแล้ว จะมีชีวิตคู่ที่เหมือนปกติแบบชาวบ้านธรรมดาไม่ได้ เป็นเมียทหารต้องเสียสละ”..

หิรัญญาที่เคยลอดซุ้มกระบี่กระทั่งเป็นเมียนายทหารไปแล้ว ได้ฟังเสียงกระซิบกระซาบแล้วอมยิ้มก่อนจะก้มหน้ามองลูกชายที่หลับอยู่ในตักของตัวเอง พ่อของเขาติดภารกิจออกทะเลตามหน้าที่ ภาระเลี้ยงลูกจึงตกอยู่ที่เธอ แต่เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเมียทหารเรือพรรคนาวินนั้นจะต้องเจอแบบนี้ ดังนั้นการรอคอยให้สามีกลับบ้าน ภาระเลี้ยงลูกเพียงลำพังอยู่บ่อย ๆ จึงไม่ใช่ปัญหา หลังจากที่แพรวพรรณแต่งงานบ้านของเธอคงจะไม่เงียบเหงาและอีกไม่ถึงปีแพรวพรรณกับจิรวัติคงผลิตน้องมาให้ได้เป็นเพื่อนเล่น บ้านสองหลังที่ปลูกติดกันก็จะมีเสียงเด็ก ๆ ให้ชุ่มฉ่ำใจ..

ไฟหน้าเวทีกับไฟในส่วนบริเวณจัดเลี้ยงลาแสงลง..ดนตรี ‘เพลงพรหมลิขิต’ ของวงสุนทรภรณ์ก็ดังขึ้น ปลุกให้ทุกคนตั้งใจดูว่า เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำอะไรต่อไป..บนผืนผ้าใบด้านหลังซึ่งก่อนหน้านั้นเป็นรูปของจิรวัติกับแพรวพรรณ ถูกเปลี่ยนเป็นผืนผ้าใบสำหรับฉายสไลด์พรีเซนเตชั่นที่ได้จัดทำไว้ โดยแพรวพรรณเป็นคนเขียนบททั้งหมด..

ซึ่งมันก็เริ่มต้นด้วยข่าวกองทัพเรือของประเทศไทย ส่งทหารเรือไทยไปร่วมปราบโจรสลัดที่น่านน้ำโซมาเลียกับนานาประเทศ หลังจากนั้นก็มีรูปของจิรวัติตอนเด็ก ๆ ซึ่งเป็นรูปใบเดียวกับที่แพรวพรรณนั่งมองและนึกถึงเขาขึ้นมาได้..

“พี่พงษ์คะ พี่ได้ข่าวพี่ต้นกล้าบ้างไหม..” ระหว่างที่จอภาพซูมเข้าไปที่ใบหน้าของจิรวัติในวัยเยาว์ ก็มีเสียงของแพรวพรรณดังแทรกพากย์เข้ามาด้วย ซึ่งมันก็ทำให้คนที่นั่งอยู่ในงานหัวเราะกันครืน..

ภาพพรีเซนเตชั่นซึ่งเป็นรูปถ่ายกับเสียงเพลงเสียงพากย์ดำเนินไปจนกระทั่งจบลงที่ภาพเรือนหอของสองคนที่รอคอยให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกลับไปอยู่เคียงกัน ไฟบนเวทีและรอบ ๆ งานดับลงอีกครั้ง..และอึดใจไฟโฟโล่ขนาดใหญ่ก็เปิดส่องไปยังทางเดินซึ่งปูพรมสีแดงตั้งแต่ซุ้มดอกไม้ไปจนถึงเวที...

ความเงียบเข้าปกคลุมสถานที่นั้นเพราะต่างก็ลุ้นกันว่าจะพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นั้นจะเป็นอย่างไร กระทั่ง เสียงออกคำสั่งของนายทหารที่อยู่หัวแถวดังกังวานก้อง เด็ก ๆ ที่มากับผู้ปกครองต่างลุกจากเก้าอี้ชะเง้อมอง และอึดใจนายทหารเรือที่อยู่ในชุดปกติขาวแขนยาวสวมหมวกหม้อตาลก็เดินถือกระบี่ชักแถวก่อนจะแปลขบวนเป็นแถวตอนเรียงสองเมื่อถึงจุดที่กำหนดไว้..นายทหารหัวแถวออกคำสั่งให้ตั้งแถวแล้วชูกระบี่ขึ้น

..เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวปรากฏตัวที่ซุ้มดอกไม้ เสียงปรบมือดังกราวใหญ่

..เสียงดนตรีเพลงบุพพรหมลิขิตดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าสาวนั้นยิ้มทั้งที่ดวงตาคลอครองด้วยหยาดน้ำตา..

ส่วนเจ้าบ่าวนั้นหน้าสงบนิ่ง แต่ดวงตานั้นเต้นระริกอย่างมีความสุข ส่วนแขกที่นั่งเป็นสักขีพยานความรัก เมื่อเพลงพรหมลิขิตมีแต่ดนตรี ระหว่างที่ดูเจ้าบ่าวพาเจ้าสาวลอดซุ้มกระบี่ บางคนที่ร้องเพลงนี้ได้จึงร้องคลอ ๆ แต่ว่าเสียงคลอ ๆ จากหลาย ๆ คนนั้นทำให้เสียงเพลงนี้ค่อย ๆ ดังขึ้น ๆ..

‘พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่ไกลแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ เออชรอยจะเป็นเนื้อคู่ ควรอุ้มชูเลี้ยงดูบำเรอ แต่ครั้งแรกเมื่อพบเธอ ใจนึกเชื่อเมื่อแรกเจอ ฉันและเธอคือคู่สร้างมา เนื้อคู่ ถึงอยู่แสนไกลคงไม่คลาดคลา มุ่งหวัง สมดังอุราไม่ว่าใครใครฯ’

และพอผู้การจิรวัติเดินให้แพรวพรรณคล้องแขนผ่านนายที่ทหารที่ทำซุ้มกระบี่ให้คู่แรก..พลุที่เตรียมไว้กลางทุ่งนาเลยด้านหลังเวทีก็ดังขึ้นตูมใหญ่..

ความสว่างไสวประกายลูกไฟบนท้องฟ้ายามค่ำคืนทำให้งานสว่างวาบขึ้นมา แพรวพรรณนั้นแม้จะรู้ว่า คืนนี้จะมีพลุ แต่พอเห็นลูกไฟพร้อมกับเสียงกัมปนาท แพรวพรรณก็อดจะตกใจไม่ได้..

“เป็นอะไรหรือเปล่า” เจ้าบ่าวก้มหน้ามาถามขณะที่ก้าวเดิน แพรวพรรณเงยหน้ามองเขาแล้วส่ายหัวเบา ๆ

“มือสั่นนะ”

“ตื่นเต้นมากค่ะ”

“อยู่กับพี่แล้วจะกลัวอะไร”

“ขอบคุณนะคะ”

“เรื่อง”

“ทำให้แพรวได้รู้สึกว่าได้รับเกียรติอย่างสูง..”

“ขอบคุณแพรวเหมือนกัน ที่ทำให้พี่กลับมาดังที่บ้านเกิดได้อีกรอบ”

ทั้งสองคนเดินไปคุยกันไปพลางยิ้มบาง ๆ ให้คนที่อยู่สองข้างทาง..จนกระทั่งพิธีลอดซุ้มกระบี่เสร็จสิ้น..พิธีการบนเวทีดำเนินไปตามสคลิปที่ทางเว็ดดิ้งได้วางไว้
และพิธีสุดท้ายของงานนี้ คือพิธีโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว..

ซึ่งงานนี้สาวโสดต่างพร้อมใจกันไปรอด้านหน้าเวที..เพราะพิธีกรประกาศไว้ว่า ดอกไม้ช่อใหญ่ที่แพรวพรรณถืออยู่นั้นมีช่อเล็ก ๆ รวมกันอยู่ถึงห้าช่อและที่สำคัญแต่ละช่อมีแบงก์พันติดอยู่ด้วย..

แรกทีเดียวนั้นจรินนาจะไม่ยอมออกไปแต่ว่าเอกรินทร์ก็คะยั้นคะยอให้ออกไปร่วมสนุก และเมื่อเห็นว่าเดชาพงษ์ยังกล้าที่จะขึ้นเวทีไปร้องเพลงจรินนาจึงต้องกล้าเดินออกมารวมกลุ่มกับสาว ๆ

และเมขลาที่ออกมาพร้อมกับอุมารินทร์และวิจิตรศราก็เหมือนนกรู้ พอเห็นจรินนาเดินมารวมกลุ่มด้วย เมขลาก็รีบยกมือทักทาย...

“สวัสดีค่ะพี่จรินนา” จรินนานั้นแปลกใจที่เมขลารู้จักชื่อของตน แต่ยังไม่ทันที่จะสอบถามความเป็นไปเป็นมา เมขลาก็บอกเล่าเสียเองว่า “พี่เดชาพงษ์แอบแนะนำให้รู้จักพี่ว่าเป็นใคร หนูก็เลยรู้จักชื่อพี่ หนูเป็นน้องสาวพี่เขาค่ะ น้องคนเล็กชื่อหนูนา”

“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” จรินนายิ้มบาง ๆ ให้เมขลาพลางครุ่นคิดว่า นอกจากจะชี้ให้ดูตัวแล้วเขายังบรรยายสรุปเกี่ยวกับตัวเธอให้น้องสาวรับรู้อย่างไรบ้าง แต่คำพูดสุดท้ายของเมขลาก่อนที่วงดนตรีบนเวทีก็บรรเลงเพลงจังหวะสนุก ๆ ส่งสัญญาณให้สาว ๆ ข้างล่างรู้ว่าช่อดอกไม้ในมือเจ้าสาวที่หันหลังให้นั้นกำลังจะร่วงไปอยู่ในมือของใครก็ทำให้ใบหน้าของจรินนานั้นวูบวาบขึ้นมา...

“อย่างไร หนูก็ขอฝากพี่กล้วยไว้ให้พี่พิจารณาสักคนนะคะ”

และยังไม่ทันที่จรินนาจะตอบโต้อะไร ช่อดอกไม้จากมือเจ้าสาวก็ถูกโยนขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะกระจายออกเป็นห้าช่อเล็ก ๆ...หนึ่งในจำนวนห้าช่อนั้น เมขลาได้มาหนึ่งช่อ สามช่อนั้นเป็นของแฟนของนายทหารเพื่อนของเจ้าบ่าวที่มาร่วมงาน ส่วนช่อสุดท้ายเป็นของจรินนาที่เจ้าตัวก็ยังงงไม่หายว่าดอกไม้ช่อนั้นมันมาอยู่ในมือของตนได้อย่างไร


หลังจากที่คะยั้นคะยอให้จรินนาออกไปรอรับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวแล้วเอกรินทร์ที่กลั้นปัสสาวะไว้เป็นนานก็ถึงกาลทนไม่ไหวเพราะว่าดื่มเหล้าผสมไปหลายแก้ว เขารีบลุกออกจากโต๊ะจุดมุ่งหมายคือห้องน้ำที่ทางเจ้าภาพทำเพิ่มสำหรับงานนี้ แต่ว่าพอเดินไปใกล้จะถึงห้องน้ำเขาก็พบว่ามีคนยืนรอคิวกันเกือบทุกห้องและหนึ่งในคนเหล่านั้นที่หันมาหาเขาก็คือเพื่อนเจ้าสาวที่เขารู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกพบ...

“คิวยาวเลย” นาทีเป็นฝ่ายชวนคุยก่อนหลังจากที่เขาตั้งใจมายืนอยู่ด้านหลังเพื่อต่อคิวเข้าห้องน้ำซึ่งนาทีก็อ่านใจออกว่า ฝ่ายนั้นต้องมีใจด้วย ไม่เช่นนั้นเขาก็ไปต่อคิวคนอื่นหรือวิ่งไปทางทุ่งนาข้างบ้านหากว่าทนไม่ไหว และพอทักไปแล้ว คนที่มองตาก็รู้ใจกัน ก็คุยด้วยดวงตาแพรวพราวทันที

“คนเยอะมากเลยครับ”

“มาจากไหนครับ ผมมาจากกรุงเทพฯ เพื่อนเจ้าสาว”

“ผมอยู่นครสวรรค์นี่เองครับ รู้จักกับทางแม่คุณแพรวมานานแล้ว”

“ผมนาที”

“ผมเอกรินทร์ครับ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ค. 2555, 09:19:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ค. 2555, 09:19:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 2884





<< 9.1 ตอนพิเศษราชนาวีที่รัก 2   10.1 “ราคากับคุณค่ามันคนละเรื่องกันนะลูก...” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 14 ก.ค. 2555, 09:21:49 น.
หมดตอนพิเศษแล้วครับ (หมดสต๊อกแล้วด้วย) ต่อไปเส้นเรื่องก็คงจะมีบุคลากรเรื่องในสวนศิลป์เท่านั้น ส่วนคู่ของ เอกรินทร์กับนาที..อยากรู้ละซี่ว่าจะลงเอยกันอย่างไร (คริคริ) /// ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจอีกครั้งครับ ที่เหลือคงจะค่อย ๆ มาทีละคืบเช่นเดิมครับ แล้วเรื่องนี้มีเวลาทำงานเต็มที่อีกไม่กี่วัน เพราะติดภารกิจทำบุญกับจะไปฮานอยหลายวันหน่อยครับ...


imsoul 14 ก.ค. 2555, 09:57:51 น.
ถึงจะเคยอ่านแล้ว อ่านอีกทีก็ยังสนุก แถมยังทำให้แอบไปเอาราชนาวีที่รักมาอ่านอีกรอบ


jink 14 ก.ค. 2555, 10:07:49 น.


Orathai 14 ก.ค. 2555, 10:11:21 น.
ทำไมต้องมาทักทายแนะนำตัวกันหน้าห้องน้ำด้วยง่ะ
อาจารย์กล้วยน่ารักมากเลยค่ะ...


nateetip 14 ก.ค. 2555, 10:20:22 น.
555 อ่านตอนอ.กล้วยร้องเพลง งงเลย ตอนเเรกนึกว่าเป็น บุพเพสันนิสวาส อีกเพลง เลยต้องลองร้องตามดู


goldensun 14 ก.ค. 2555, 10:54:18 น.
เชิดหน้างาน แต่ตอนร้องเพลงมีส่งสัญญาณกันด้วย
จินได้ดอกไม้เจ้าสาวแล้ว กล้วยต้องเริ่มรุกบ้างได้แล้วนะ


nunoi 14 ก.ค. 2555, 11:22:19 น.
อ่านไปยิ้มไป


รอให้เป็นเล่ม 14 ก.ค. 2555, 17:59:07 น.
มีความสุขจริงอะไรจริง!!


แว่นใส 14 ก.ค. 2555, 19:33:28 น.
ได้คู่ละ


nutcha 14 ก.ค. 2555, 20:12:40 น.
พี่ต้นกล้วยมีแอบจีบจินด้วย


konhin 14 ก.ค. 2555, 20:55:55 น.
น่ารักอ่ะ


anOO 15 ก.ค. 2555, 14:24:33 น.
รับดอกไม้ได้ซะด้วยคุณหนูจิน


Zephyr 16 ก.ค. 2555, 21:43:03 น.
คู่นาทีขโมยซีน ฮ่าๆๆๆ


lookAme 20 ก.ค. 2555, 18:10:59 น.
ซีนนี้ไม่ใช่ของเค้า by ต้นกล้วย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account