แผนร้ายหัวใจรัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: อัศวินของเจ้าหญิง
คุณหนูมนทิชาสะดุ้งตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก หญิงสาวรีบลุกขึ้นจากที่นอนแล้วอาบน้ำอย่างเร่งรีบ ตีห้าตรงเวลาเธอออกมายืนรอชายหนุ่มที่หน้าห้องของเขา ชลธรยังไม่ออกมาหรือว่าชายหนุ่มแอบหนีไปทำงานก่อนหน้าเธออีกแล้ว
ชลธรเปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก คุณหนูมนทิชาทำให้เขาช้าเพราะคุณเธอเล่นอยู่ในห้องน้ำเกือบชั่วโมง กว่าเขาจะได้ใช้ห้องน้ำต่อก็เกือบตีห้า
“พี่ธรช้านะคะ” มนทิชาบ่นเบาๆ เธออุตส่าห์ลุกขึ้นมาตรงเวลาแต่เขาดันมาสายได้ ปลอ่ยให้เธอรอเสียตั้งนานสองนาน
“ทีหลังถ้ารู้ว่าอาบน้ำช้า ให้ผมอาบก่อนคุณจะได้ขัดสีฉวีวรรณได้ตามใจชอบ” ชลธรเอ่ยเบาๆ สายตาตำหนิเล็กน้อย
มนทิชาหน้าเสีย เธอลืมคิดไปว่าห้องน้ำใช้ร่วมกัน และเธอเคยชินกับการใช้เวลาในห้องน้ำนานๆ เสียด้วย
“พรุ่งนี้คุณตื่นช้ากว่านี้สักอีกสิบห้านาทีกำลังพอดีเลย” ชลธรพูดแกมสั่ง
“ค่ะ” มนทิชาก้มหน้ารับเสียงอ่อย
ชลธรเห็นหญิงสาวหน้าเสียเรื่องที่เขาตำหนิ ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเรื่องไม่เอ่ยถึงมันอีก
“แล้วนี่เตรียมพร้อมหรือยัง แน่ใจนะว่าจะตามผมไปทำงานทุกที่” เขาถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ค่ะ พี่ธรไปทำงานที่ไหนมนก็จะตามไปค่ะ” มนทิชากระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที
“งั้นตามมา” ชลธรออกเดินนำไปก่อน เขาอยากรู้เหมือนกันว่าคุณหนูมนทิชาจะมีแรงอึดสักแค่ไหน แผนการณ์ที่คุณลุงส่งลูกสาวมาฝึกงานกับเขาเพื่อทำให้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว หวังว่ามนทิชาคงจะได้นิสัยสู้งานของคุณบูรณะมาบ้างนะ
งานแรกที่ชลธรพามนทิชามาทำงานนั้นก็คือที่แคนทีนนั่นเอง หญิงสาวเคยมาที่นี่แล้วเมื่อวานนี้และกลับมาอีกครั้งตอนแคนทีนปิดพร้อมกับจอมขวัญ เธอจึงไม่ได้เจอกับป้าแก้วแม่ครัวคนเก่งที่ขยันเล่าเรื่องราวของสายธารารีสอร์ตให้เธอฟัง
เสียงกุกกักดังมาจากในครัว ห้องแคนทีนเปิดไฟสว่างจ้า ชลธรเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับถือถาดอาหารมาวางในตู้ ชายหนุ่มเดินไปเสียบน้ำร้อนและชงกาแฟสำหรับตนเอง
“กาแฟไหม” หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“น้ำเต้าหู้ก็มีค่ะ คุณธร ป้าซื้อมาสองสามถุง คุณธรรับสักถุงไหมคะ” ป้าแก้วเดินออกมาจากในครัวพร้อมกับน้ำเต้าหู้
ชลธรหันมาถามด้วยสายตากับมนทิชา หญิงสาวไม่ปฏิเสธเขาจึงเอ่ยปากขอน้ำเต้าหู้ให้หญิงสาวแทน
“ผมขอถุงหนึ่งกับปาท่องโก๋สองตัวได้ไหมครับ” ชลธรยิ้มเมื่อหญิงวัยกลางคนส่งให้ตามที่ขอ
ชลธรบริการมนทิชาด้วยน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ ส่วนเขาแค่กาแฟร้อนแก้วเดี๋ยวก็พอแล้ว ป้าแก้วเดินถือถ้วยน้ำเต้าหู้เดินมานั่งสมทบที่โต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“อ้าวหนูน่ะเอง ตื่นแต่เช้าเลยนะวันนี้ หิวข้าวล่ะซิ เมื่อวานไม่ได้มากินแน่เลย ป้าไม่เห็นรอบเย็น” ป้าแก้วหันมาทักทายมนทิชา เมื่อวานตอนเย็นนางคอยดูว่าหญิงสาวมากินข้าวทันหรือเปล่าแต่ก็ไม่เห็นจึงเดาว่ามาไม่ทันตามเคย
“เมื่อวานหนูมากินทีหลังพร้อมคุณขวัญค่ะ” มนิชาตอบยิ้มๆ
“อ๋อ” ป้าแก้วพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วนี่หิวหรือไงถึงได้ตามคุณธรมาแต่เช้า เอาซิ ข้าวต้มเสร็จแล้ว” นางกระวีกระวาดจะลุกไปตักให้
“ไม่เป็นไรคะป้า มนยังไม่หิว เดี๋ยวค่อยมาทานพร้อมคุณธรก็ได้” มนทิชารีบบอก
“มนทิชาจะมาฝึกงานที่รีสอร์ตเราครับป้า ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินเพราะวันนี้ผมพามาดูแล้ว อีกหน่อยก็คงปรับตัวได้ไม่มาผิดเวลาอีก” ชลธรเอ่ยขึ้น
“แม่หนูนี่มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะคุณธร เมื่อวานคุณขวัญให้ทำอะไรก็ไม่รู้กว่าจะได้กินข้าวเช้าก็ปาไปเกือบสิบโมง ข้าวเย็นก็พร้อมคุณขวัญเกือบสองทุ่ม นี่คงหิวล่ะซิ ไม่พูดไม่จาเลย” ป้าแก้วรายงาน
มนทิชารู้สึกหิวจริงๆ เมื่อวานเธอช่วยงานจอมขวัญจนลืมเวลากินข้าว กว่าที่จะได้ทานอาหารเย็นก็ปาไปเกือบสองทุ่มจริงๆ อย่างที่ป้าแก้วบอก ชลธรไม่คิดว่าวันแรกที่หญิงสาวทำงานจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
“เมื่อวานทำอะไรทำไมไม่มากินข้าว” เขาถามเสียงดุ
“ก็ถอดปลอกหมอนแล้วก็ช่วยหน้าเคาท์เตอร์ กว่าจะเสร็จก็นั่นแหละค่ะ” มนทิชาตอบตามจริง
“งั้นต่อไปก็ต้องรักษาเวลาการกิน ที่นี่กินอยู่เป็นเวลาจะได้ไม่เป็นโรคกระเพาะ” ปลายเสียงเขาดูอ่อนโยนลงเหมือนจะห่วงใยเธอ เขาคงจำได้กระมังว่าตอนเด็กหญิงสาวมักจะร้องไห้ปวดท้องเพราะกินข้าวผิดเวลานั่นเอง
ออกจากแคนทีนที่หมายต่อไปที่ชลธรพามนทิชาไปนั่นก็คือ ห้องพักของแขกที่มาพักเมื่อคืนนี้
“เช้านี้มีเช็กเอาต์กี่ห้อง” ชลธรถามจอมขวัญที่มาทำงานแต่เช้าตรู่
“ห้าห้องค่ะ” หญิงสาวยื่นจำนวนห้องที่ออกไปให้ชายหนุ่มดู
“งานที่สั่งไว้เตรียมเสร็จหรือยัง” เขาหมายถึงกิจกรรมที่ทางรีสอร์ตจัดให้กับคณะแขกที่มาพักในวันนี้ได้สันทนาการเต็มวันที่นี่ โดยมีเขาเป็นผู้นำ
“เรียบร้อยค่ะ เก้าโมงตรงพร้อมกันที่จุดชมวิว” จอมขวัญรายงานแล้วขอตัวไปทำงานอื่นต่อ
มนทิชาหูผึ่งกับคำว่าจุดชมวิวทันที เมื่อวานเธอจำได้ว่าเดินผ่านจุดนี้ และรู้มาอีกว่าทางรีสอร์ตกำลังทำทางพิเศษเฉพาะให้แขกเดินลงทะเลได้เป็นส่วนตัว แววตาของหญิงสาวมีความอยากรู้ขึ้นมาทันที
“วันนี้เราจะไปทำอะไรที่จุดชมวิวเหรอคะ” หญิงสาวถามเสียงใส
“ยังไม่ถึงเวลาไม่ต้องรู้ก็ได้ ตอนนี้ตามผมมาก่อน” เขาทำเสียงดุใส่เธออีกแล้ว
มนทิชาลมแทบจับเมื่อรู้ว่างานที่ชลธรจะฝึกให้เธอทำงานเป็นนั่นก็คือ
“ถอดปลอกหมอนผ้าปูที่นอนไปซักแล้วปูเตียงใหม่ เก็บทำความสะอาดห้องน้ำและเตรียมของใช้ทุกอย่างใหม่หมด ให้ลูกค้าพร้อมเข้าที่พัก ประมาณสิบเอ็ดโมงจะมีลูกค้าเช็กอิน” เขาสั่งหน้าตาเฉย
“เอ่อ คุณธรคะ ขวัญว่าให้คุณมนแค่ถอดปลอกหมอนก็พอมั้งคะ ถ้าให้ทำทุกอย่างจะไหวเหรอ” จอมขวัญต้องหลบสายตาคมกริบที่ชลธรมองมา
ชายหนุ่มรู้ดีว่าจอมขวัญเป็นห่วงว่ามนทิชาจะไม่สามารถทำงานได้ทันภายในเวลาที่กำหนด แต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องสนอให้เธอรู้ว่า การจะเป็นเจ้านายคนนั้นไม่ได้แค่ชี้นิ้วแต่งตัวกรีดกรายสั่งคนอื่น แต่ตนเองต้องรู้งานทุกอย่างในความรับผิดชอบของตน
“ทำได้ไหม” เขาหันมาหามนทิชา
“เอ่อ คือ มน” หญิงสาวอึกอัก ถ้าถอดปลอกหมอนเหมือนเมื่อวานก็พอไหว แต่นี่เล่นให้เธอทำทุกอย่างคนเดียวเห็นทีจะแย่
“ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ แล้วก็ไปเก็บกระเป๋าเลย ผมไม่ฝึกให้แล้วในเมื่ออยากเรียนแต่พอผมสอนคุณก็ไม่ทำ” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาว มนทิชาสบสายตาของชลธรอย่างมาดมั่น
“มนยินดีทำค่ะ แต่ว่าขอให้มีคนมาสอนทำเป็นตัวอย่างก่อนได้ไหม ถ้ามีคนทำเป็นตัวอย่างแล้ว มนคิดว่าทำได้ค่ะ” มนทิชาฮึดสู้ เรื่องอะไรจะให้มาดูถูกว่าเธอทำไม่ได้ ถึงทำไม่ได้ก็จะทำ ลองดูสักตั้งอย่างที่คุณพ่อบอกมันคงไม่ยากเกินไปกระมัง เพราะคนอื่นก็ทำได้แล้วทำไมคุณหนูมนทิชาจะทำไม่ได้
“ได้ ผมอนุญาตแต่แค่ห้องเดียวเท่านั้นนะ ห้องอื่นคุณต้องทำเอง จอมขวัญคุณเป็นคนสอนแล้วกัน” ชลธรพอใจที่เห็นหญิงสาวยอมทำตามที่เขาสั่ง
คุณผู้จัดการรีสอร์ตเริ่มสอนงานให้หญิงสาวอีกครั้ง มนทิชาตั้งใจเรียนรู้สิ่งที่จอมขวัญสอนทุกขั้นตอน
“ห้องพักเป็นแห่งแรกที่แขกจะตัดสินใจว่าจะกลับมาใช้บริการอีกหรือว่าไม่กลับมานะคะ ที่นี่เราจะเน้นความสะอาดเป็นหลักและเน้นให้ลูกค้ารู้สึกว่าห้องพักคือห้องนอนที่มีความสุขยามที่มาพักที่รีสอร์ตเราค่ะ” จอมขวัญปูเตียงเสร็จแล้วก็พาหญิงสาวไปจัดการเรื่องห้องน้ำต่อ
ไม่มีใครคาดคิดว่าคุณหนูมนทิชาที่ไม่ประสาเรื่องการทำงานใดๆ ทั้งสิ้น จะสามารถทำงานที่ชลธรสั่งได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้ว่าจอมขวัญจะอาสาช่วยหญิงสาวลับหลังชลธรในบางเรื่อง แต่มนทิชาก็ปฏิเสธเพราะต้องการทำด้วยตนเองจริงๆ
‘ให้ขวัญช่วยปูเตียงดีกว่าไหมคะ คุณมนไปจัดการเรื่องห้องน้ำดีกว่า’ จอมขวัญเห็นท่าทางของมนทิชาดูจะไม่ไหวจริงๆ
‘ไม่เป็นไรค่ะ มนทำเองดีกว่า เห็นไหมคะไม่ยากซะหน่อย’ มนทิชาปูเตียงแรกด้วยฝีมือเธอเสร็จไปแล้ว กว่าจะได้ตามเหมือนที่จอมขวัญปูก็เล่นเอาเหนื่อยเหลือเกิน
ห้องพักห้าห้องพร้อมให้แขกใช้บริการได้แล้ว สิบเอ็ดโมงแขกที่จอมไว้ก็มาเข้าพักจริงๆ ตามที่ชลธรบอก
มนทิชาแอบสังเกตสีหน้าของแขกที่เดินเข้าห้องที่จัดเตรียมไว้ ทุกคนมีรอยยิ้มพอใจกับการบริการของรีสอร์ต หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไปค่ะ ป่านนี้กิจกรรมของคณะสัมมนาเริ่มแล้ว คุณธรคงพาคณะทำกิจกรรมแล้ว” มนทิชายังไม่ทันจะถามอะไร จอมขวัญก็เดินนำหน้าเธอไปอีกทางเสียแล้ว
จอมขวัญพาเธอมาที่อาคารปูนสีขาวสองชั้นอยู่ในบริเวณรีสอร์ต มนทิชาเปิดประตูกระจกเข้าไปเห็นชลธรกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้า ท่าทางของชายหนุ่มดูไม่เคร่งเครียดเท่าไร จอมขวัญพามนทิชามานั่งด้านหลังสุด
“ตอนบ่ายคณะนี้จะทำกิจกรรมที่ทางรีสอร์ตเราจัดให้ค่ะ โดยมีคุณธรเป็นคนนำ” จอมขวัญกระซิบ มนทิชาพยักหน้ารับทราบ
หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ท่าทางที่นี่คงจะเป็นห้องสัมมนาที่ทางรีสอร์ตมีไว้บริการลูกค้าที่เป็นหมู่คณะ คำนวนด้วยสายตาแล้วสมาชิกที่อยู่ในห้องตอนนี้ราวห้าสิบคน ทุกคนกำลังตั้งใจฟังการบรรยายที่หน้าห้อง
สายตาของมนทิชาประสานกับสายตาของชละรที่จ้องมองมาพอดี หญิงสาวรีบก้มหน้าไม่กล้ามองสบไปกลัวว่าชายหนุ่มจะหาเรื่องตำหนิตนอีก ชลธรสังเกตเห็นชุดที่มนทิชาใส่ตอนนี้แล้วขัดใจมาก เขาสั่งแล้วใช่ไหมว่าชุดเว้าหน้าเว้าหลังโชว์ร่องอกห้ามใส่ แต่เธอก็ยังใส่อีกเห็นทีเขาต้องจัดการเสียแล้ว
ชลธรไม่มีนโยบายให้พนักงานแต่งตัวอื่นนอกจากยูนิฟอร์มที่เป็นสวัสดิการของพนักงาน เขาไม่ต้องการให้พนักงานมาประกวดประชันกันเรื่องเสื้อผ้ามากกว่าเรื่องงาน และยิ่งไม่อยากให้พนักงานต้องถูกลวมลามจากลูกค้าบางประเภทที่มักง่ายไม่เข้าท่า เห็นพนักงานเป็นดอกไม้ริมทางที่ต้องยอมลูกค้าไปทุกเรื่องเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของรีสอร์ต
ชลธรรับหน้าที่เป็นผู้บรรยายต่อจากผู้บรรยายท่านอื่น หญิงสาวจับใจความที่ชายหนุ่มพูดที่ด้านหน้าได้ว่า
‘บ่ายนี้เราจะไปเก็บขยะที่ริมทะเลเพื่อเป็นการอนุรักษ์ทะเลไทย จากนั้นจะมีกิจกรรมที่ชายหาด และกลางคืนขอเชิญที่ลานน้ำพุเราจะมีปาร์ตี้สำหรับคนทำความดีครับ’
จอมขวัญสะกิดให้มนทิชาลุกขึ้น แล้วรีบไปยืนต้อนรับที่ประตูทางเข้าเมื่อครู่นี้ ผู้จัดการคนเก่งยืนยิ้มให้คณะสัมมนาพร้อมกับพูดว่า
“เชิญทานอาหารกลางวันที่สายธาราจัดให้นะคะ แล้วบ่ายโมงเจอกันค่ะ” มนทิชาทำหน้าเลิ่กลั่กเล็กน้อยๆม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรหรือทำอะไร แต่เมื่อเห็นสายตาดุที่ชลธรส่งมาหญิงสาวจึงส่งรอยยิ้มให้กับคณะสัมมนา
จอมขวัญเดินลงไปพร้อมกับบุคคลที่เธอรู้จักในคณะ มนทิชาเดินรั้งท้ายเป็นคนสุดท้าย ชลธรเดินเข้ามารั้งแขนหญิงสาวไว้แล้วกระซิบถามเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน
“กินข้าวเสร็จแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียหน่อยนะ รู้สึกว่าชุดนี้จะไม่เข้าตามระเบียบที่ผมบอกคุณเมื่อคืนนี้” มนทิชาทำหน้าเหวอเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด เธอจะเปลี่ยนอะไรเพราะชุดที่ใส่ตอนนี้เรียบร้อยสุดเท่าที่มีแล้ว
มนทิชาพยามยามจะหลบหลีกการเผชิญหน้ากับชลธร เพราะรู้ดีว่าเขาต้องไล่ให้เธอไปใส่ยุฯฟอร์มที่แสนเชยชองสายธารารีสอร์ต ถ้าเมื่อวานเธอรู้ก่อนล่วงหน้าว่าต้องใส่ชุดพวกนี้ฝึกงานล่ะก็ เธอคงจะขอให้คุณบูรณะออกคำสั่วใหม่ให้พนักงานของที่นี่เปลี่ยนยูนิฟอร์มเป็นอย่างที่ตัวเธอต้องการแน่ๆ
“เดี๋ยวตอนบ่ายเราจะไปพบกันที่จุดชมวิวนะคะคุณมน” จอมขวัญปลีกตัวจากลูกค้ามาบอก
“ต้องไปทุกคนไหมคะ” มนทิชาถาม ถ้าเลี่ยงได้เธอจะเลี่ยงไปทำอย่างอื่นก่อนดีกว่า
“ถ้าคนเยอะแบบนี้คุณธรเอาคนเดียวไม่อยู่ก็ต้องห้าถึงสิบคนค่ะ คุณมนไปด้วยกันซิคะ จะได้รู้ด้วยว่ารีสอร์ตเรามีกิจกรรมอะไรบ้าง” จอมขวัญบอก
กิจกรรมยามบ่ายเริ่มต้นด้วยการช่วยกันเก็บขยะที่หาดทราย มีการแบ่งกลุ่มและมีพนักงานของรีสอร์ตเป็นผู้ดูแล มนทิชาถูกจัดให้ร่วมกิจกรรมและเป็นผู้ดูแลคณะด้วย หญิงสาวพาทุกคนถือถุงและลงมือเก็บขยะ
ความไม่ประสาว่าอะไรเป็นอะไรทั้งสิ้น ทำให้มนทิชาพาคณะเดินตากแดดออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ เธอเองก็ไม่เคยเห็นว่าทะเลริมหาดของรีสอร์ตสวยงามแค่ไหน ไม่เคยรู้ว่าอาณาเขตของรีสอร์ตสิ้นสุดที่ไหน และไม่รู้ว่าตรงไหนคือที่ต้องห้ามบ้าง
มนทิชาพาคณะเก็บไปเรื่อยๆ ยิ่งเดินก็ยิ่งไกลออกไปมากขึ้นทุกที จนในที่สุดมาหยุดอยู่ที่ป้ายประกาศอันหนึ่งที่ติดไว้ว่า ไม่มีกิจห้ามเข้า
“ตรงนี้ห้ามเดินผ่านนะครับ” เสียงทักดังมาจากด้านหลังของเธอ ชายหนุ่มรูปร่างสัดทัดแต่งตัวดูดีก้าวลงมาที่ชายหาด สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยคมของมนทิชา ผู้หญิงคนนี้เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ท่าทางจะเป็นพนักงานใหม่ของสายธารารีสอร์ตจึงไม่รู้ว่าที่ตรงนี้เป็นของใคร
“ขอโทษค่ะ พวกเราเดินกลับไปสมทบกับคนอื่นเลยนะคะ” มนทิชาตะโกนบอกคณะของตน
“เพิ่งมาทำงานที่สายธาราเหรอครับ ถึงไม่รู้ว่านี่เป็นที่ของใคร” ชายแปลกหน้าถามขึ้นมาเมื่อเห็นหญิงสาวจะโกนบอกให้คนอื่นกลับไปทางเดิม
“ค่ะ เพิ่งมาทำงาน ไม่ทราบว่าตรงนี้มีเจ้าของ คิดว่าเดินไปได้ทั่ว ขอโทษอีกครั้งนะคะ” มนทิชาเอ่ยอย่างสุภาพกร้อมกับรีบบอกให้คณะตามไปสมทบกลับกลุ่มอีกครั้ง
“ผมกรกฎนะครับ ถ้ามีอะไรก็มาหาผมได้ที่สมุทรรีสอร์ตนะครับ” ชายหนุ่มยื่นนามบัตรให้จากกระเป๋าเสื้อ มนทิชารับมาถือแบบงงๆ แล้วยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไป
“เดี๋ยวครับ จะไม่บอกชื่อคุณไว้หน่อยเหรอ เผื่อวันหน้าเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น” กรกฎถาม
“มนทิชาค่ะ” หญิงสาวตอบแล้วรีบเดินกลับไป
กรกฎยิ้มเมื่อได้สิ่งที่เขาพึงพอใจแล้ว มนทิชา! ชายหนุ่มพึมพำชื่อนี้อยู่ในใจ เห็นทีว่าบางทีเขาอาจจะต้องไปเยี่ยมสายธารารีสอร์ตเสียหน่อยแล้ว เผื่อว่ามนทิชาคนสวยอาจจะทำให้อะไรๆ บางอย่างของเขาง่ายขึ้นก็ได้
ชลธรยกมือข้างหนึ่งบังแดดเขาสอดส่ายตามองหามนทิชาว่าเธออยู่ที่ไหน จนเห็นว่าเธอเดินกลับมาจากทางอีกด้านของรีสอร์ต ชายหนุ่มสงสัยว่าหญิงสาวเดินไปทำอะไรที่นั่น เพราะทุกคนที่สายธารารีสอร์ตรู้ดีว่าถ้าไม่จำเป็นจะไม่มีใครเดินไปทางนั้นเด็ดขาด
“คุณขวัญ คุณบอกให้มนทิชาเดินไปทางโน้นหรือ” เขาถามผู้จัดการคนสวยที่กำลังพาคณะมาร่วมสมทบกับจุดรวมพลของชายหนุ่ม
“เปล่าค่ะ” จอมขวัญปฏิเสธ
“เราไม่ได้แบ่งสายกันชัดเจนนะคะคุณธรว่าใครไปทางไหน คุณมนเธออาจจะเห็นว่าทางหน้าหาดของเราคนเยอะแล้วก็เลยเดินออกไปไกลหน่อย มีอะไรหรือเปล่าคะ” ผู้จัดการคนสวยถาม เธอเหลียวไปมองตามสายตาของเจ้าของรีสอร์ตหนุ่มก็ถึงบางอ้อ
“ขวัญยังไม่ได้บอกเธอคะ ว่าตรงไหนไปได้ตรงไหนไปไม่ได้ คุณมนคงไม่รู้จริงๆ” จอมขวัญพูดเสียงอ่อยๆ
“ไม่เป็นไร ต่อไปเรื่องมนทิชาผมจัดการเอง คุณขวัญทำงานไปเถอะ” ชลธรตอบเสียงเรียบ
ตอนแรกที่ได้รับคำขอร้องจากคุณบูรณะว่าให้เขาเป็นคนสอนให้มนทิชากับคำว่าการทำงาน เขาคิดว่าเรื่องง่ายๆ แบบนี้ไม่ต้องถึงมือเขาก็ได้ จึงมอบหมายหน้าที่การหัดทำงานให้จอมขวัญแทน และไม่คิดว่าคุณหนูอย่างเธอจะกล้าทำงานจริงจังนอกจากกรีดกรายไปกับความสบายไปวันๆ เท่านั้น
ชลธรรู้จักมนทิชามาแต่เด็ก เขาก็จำภาพลักษณ์ของคุณหนูหัวดื้อคนนี้ได้ตลอดเวลา มนทิชาแตกต่างจากแพรใจพี่สาวที่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่เกินตัว สมัยก่อนที่บิดาเขายังมีชีวิตอยู่คุณอาทิตย์เป็นเพื่อนรักกับคุณบูรณะ
ทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กันตลอดเวลา ชลธรได้พบมนทิชาและแพรใจทุกครั้งที่เขาตามบิดาไปเยี่ยมเพื่อนเก่า เด็กๆ มักจะรวมกลุ่มกันเล่นตามประสา มนทิชาเป็นเด็กสุดและเขาก็ต้องทำหน้าที่เป็นพี่ชายที่คอยดูแลน้องสาวคนนี้ราวกับเจ้าหญิงอยู่ตลอดเวลา
‘พี่ธรเป็นอัศวินของน้องมน น้องมนจะเป็นเจ้าหญิงของพี่ธรคนเดียวตลอดไป’ คำสัญญาจากเจ้าหญิงตัวน้อยว่าจะเป็นเจ้าหญิงของเขาตลอดไป
เวลาผ่านไปเจ้าหญิงตัวน้อยของเขาโตขึ้นจนไปเรียนต่อต่างประเทศ เขาก็ต้องมาช่วยกิจการที่รีสอร์ตของบิดาตั้งแต่เรียนจบ ความห่างหายจากการเรียนที่หนักหนาสาหัสและเพื่อนฝูงที่เปลี่ยนแปลงตามวัย ทำให้เจ้าหญิงกับอัศวินต้องห่างเหินไป ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ข่าวคราวของเธอคือ มนทิชาเหินฟ้าไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้ว เจ้าหญิงของพี่ธรคนเดียวคงไม่มีอีกต่อไปแล้ว
มนทิชาเดินฝ่าไอแดดกลับมาที่จุดรวมพล หญิงสาวรู้สึกกระหายน้ำเหลือเกิน แดดวันนี้แรงเหลือเกินเธอไม่ได้ทาครีมกันแดดมาเสียด้วย ไม่อยากจะคิดเลยว่ากลับไปผิวขาวๆ ของเธอจะเป็นรอยคล้ำขนาดไหน
“ไปทำอะไรตรงนั้นมา” เสียงชลธรดังขึ้นมา มนทิชาสะอึกทันที เธอแทบจะไม่อยกากลืนน้ำหวานลงคอให้ชื่นใจเลย ในใจคิดว่าชลธรคงจะดุเธอเรื่องเสื้อผ้าอีกแน่นอน
“พาแขกไปเก็บขยะตามโปรแกรมของพี่ธรไงคะ” หญิงสาวพยายามตอบอย่างระมัดระวังคำพูดที่สุด คอยสังเกตว่าเขาจะตำหนิเธอเรื่องเสื้อผ้าหรือไม่ คิดในใจว่าถ้าชลธรพูดเรื่องนี้เมื่อไร เธอจะอธิบายว่าอย่างไรดี
“เจออะไรแปลกๆ มั้งไหม” เขาถาม ผิดคาด ชลธรไม่พูดเรื่องเสื้อผ้าแต่กลับถามเธอเรื่องอื่น
“ไม่นี่คะ ไม่เห็นเจออะไร อ้อ เจอป้ายว่าห้ามเขา มนก็เลยพาแขกกลับ” หญิงสาวนึกถึงป้ายอันนั้น
“แค่นั้น ไม่เจออย่างอื่นเหรอ” เขาหรี่ตาถามอย่างจับพิรุธ
“อืม...เจอค่ะ เจอผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาทักแล้วบอกว่าชื่อกรกฎให้นามบัตรมาด้วย” มนทิชายื่นนามบัตรแผ่นนั้นให้ชลธรดู
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำว่ากรกฎ แสดงว่าสิ่งที่เขาคิดไว้เป็นเรื่องจริง
“แล้วเขาพูดว่าอะไรบ้าง” ชายหนุ่มถามต่อด้วยความอยากรู้ล
“ไม่พูดอะไรนี่คะ นอกจากบอกว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ให้มาหา แล้วก็ให้นามบัตรไว้” มนทิชาดื่มน้ำหวานต่ออีกแก้ว หญิงสาวค่อยรู้สึกสดชื่นคลายความร้อนขึ้นมาได้บ้าง
“ท่าทางคงจะถูกใจมันล่ะซิ มันถึงได้บอกให้ไปหา” เขาเอ่ยแล้วพิจารณาตัวเธออีกครั้ง
ชลธรโมโหตัวเองขึ้นมาทันที เขาน่าจะจัดการเรื่องเสื้อผ้าของมนทิชาก่อน ไอ้ชุดเว้าหน้าเว้าหลังโชว์ร่องอกที่เธอสวมอยู่ คงเป็นเหตุให้กรกฎเอ่ยแบบนั้น
“มานี่ ตามมา” ชลธรจับแก้วน้ำหวานในมือของมนทิชาวางลง แล้วดันตัวเธอให้เดินไปกับเขา ตอนนี้แขกอยู่ในอิริยาบถสบายๆ พักผ่อนกับการเก็บขยะเมื่อครู่ อีกสักพักจึงจะมีกิจกรรมที่ชายหาดต่อ
“ไปไหนคะ พี่ธร” มนทิชาตกใจที่จู่ชายหนุ่มจะพาเธอไปไหน
“อย่าถาม ตามมา” เขาฉุดแขนเธอให้เดินตามเร็วขึ้น
ชลธรพามนทิชามาที่ออฟฟิศของสายธารารีสอร์ต ชายหนุ่มเข้าไปหาเสื้อที่คิดว่าจะเป็นตัวที่เธอใส่ได้มาให้ มนทิชาดูจากสภาพห้องแล้วเดาว่าที่นี่คงเป็นที่ทำงานของพนักงานแน่ๆ เพราะมีเอกสารและอุปกรณ์ต่างๆ อยู่บนโต๊ะทำงาน แต่ว่าตอนนี้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ชายหาดหมดจึงไม่มีใครในนี่เลยนอกจากทั้งสองคน
“เอ้า ใส่ซะ จะได้ไม่ต้องโชว์อีก” เขายื่นเสื้อสีน้ำทะเลให้เธอตัวหนึ่ง มนทิชารับมาถือไว้แล้วคลี่ออกดู
“เสื้อพนักงาน จะให้มนใส่จริงๆ หรือคะ” หญิงสาวถาม แบบเสื้อก็เป็นเสื้อมีปกธรรมดา ลวดลายก็สกรีนคำว่าสายธารารีสอร์ตไว้ตรงกลางดูธรรมดาสำหรับเธอเหลือเกิน
“เป็นพนักงานของที่นี่ก็ต้องใส่เสื้อพนักงานจะมาใส่แบบอื่นได้ยังไง เร็วๆ อย่าโอ้เอ้ ผมต้องกลับไปที่ชายหาดอีก” เขาเร่งเธอ
“มนไม่ใส่ได้ไหมคะ มันเชยไปอีกอย่างมันยังไม่ได้ซักด้วย ไว้มนเอาไปซักแล้วค่อยใส่นะคะ” เธอขอต่อรองไม่ใช่ขอเวลาทำใจต่างหาก
“อย่าเรื่องมากถ้าจะทำงานที่นี่ก็ต้องใส่ พนักงานคนอื่นเขาก็ใส่กันหมดแล้วคุณเป็นอะไรถึงจะไม่ใส่” เขาพูดอย่างเหลืออด
“ทีพี่ธรกับคุณขวัญยังไม่ใส่เลย มนไม่ใส่ก็ได้นี่นาคะ”
“ผมเป็นเจ้าของจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ จอมขวัญเป็นผู้จัดการไม่จำเป็นต้องใส่อยู่แล้ว แต่คุณเป็นพนักงานของที่นี่และเพิ่งมาทำงานด้วย เพราะฉะนั้นใส่ซะ” ชลธรเสียงดังเล็กน้อย
มนทิชาหน้างอด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ทีจอมขวัญเป็นผู้จัดการยังไม่ต้องใส่ได้ แต่นี่เธอเป็นลูกสาวเจ้าของรีสอร์ตยิ่งไม่จำเป็นต้องใส่เลย ความดื้อของหญิงสาวแสดงออกโดยการนิ่งไม่โต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น
“เอ้า ใส่ซิ ยืนทำอะไรอยู่ เร็วๆ เข้า ผมจะไปชายหาดแล้ว” เขาหันมาเห็นเธอยังยืนนิ่งอยู่จึงเร่งอีกครั้ง
“มนไม่ใส่ค่ะ เสื้อยังไม่ได้ซัก” น้ำเสียงเธอพาลนิดๆ ใบหน้าเริ่มบึ้งตึงเล็กน้อย
“ไม่ใส่ใช่ไหม” ชลธรเองก็ชัดเริ่มอารมณ์เสีย บอกให้ใส่ไม่ใส่อยากโชวนักใช่ไหมไอ้ร่องอกแขนขาวเนี่ย
ชายหนุ่มคว้าเสื้อที่มือของหญิงสาวมือถือไว้ แล้วจัดการคลี่ออกสะบัดสองสามที จากนั้นจึงจัดการ สวมหัว ให้มนทิชาทันที
“ไม่ใส่ มนไม่ใส่ พี่ธรพูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกว่าไม่ใส่ก็ไม่ใส่ไง” หญิงสาวออกแรงดิ้น
“เป็นพนักงานที่นี่ก็ต้องใส่ ถ้าจะทำงานไม่มีพนักงานคนไหนใส่ไอ้พวกล่อเสือล่อตะเข้แบบนี้ อย่าดิ้นซิ” ชลธรพยายามจับตัวเธอไว้ให้อยู่กับที่
แต่มนทิชามองไม่เห็นเพราะเสื้อบังตาเธออยู่ หญิงสาวจึงดิ้นสะเปะสะปะไปเรื่อย ชลธรจึงต้องใช้สองมือรวบแขนสองข้างของเธอไว้แล้วดันตัวเธอให้หลังไปติดกับตู้เอกสาร ก่อนจะพยายามยัดเสื้อตัวนั้นให้ลงไปให้ได้
“ปล่อยนะ ไอ้พี่ธรบ้า ปล่อย” มนทิชาโวยวาย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะบังคับเธอแบบนี้ พี่ธรที่แสนใจดีของเธอหายไปไหน
“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวเสื้อก็บาดตาพอดี อยู่เฉยๆ ไว้” เขาเอาหัวเขาล็อกขาเธอไว้ช่วยอีกแรง ตอนนี้มนทิชาถูกร่างกำยำของชลธรล๊อกไว้ทั้งบนและล่างแล้ว
“ไม่ใส่ ปล่อย” มนทิชาพยายามดิ้นอีกครั้ง แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นก็ยิ่งอึดอัดเพราะชลธรเล่นทาบทับเธอมาทั้งตัว
“อย่าดิ้น” ชลธร สวมหัวได้สำเร็จกำลังจะสวมแขนทั้งสองข้างและในที่สุดเขาก็ทำได้
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ถ้ายอมใส่ดีๆ ก็ไม่ต้องบังคับกันแบบนี้” เรียบร้อยเสื้อพนักงานอยู่บนตัวของมนทิชาแล้ว
มนทิชานิ่งไม่กล้ากระดุกกระดิกไม่ใช่เพราะโกรธหรือโมโหที่ชายหนุ่มทำแบบนั้นกับตน แต่กำลังใจเต้นที่รู้ว่าตนเองถูกชลธรคร่อมไว้ทั้งตัว ใบหน้าของหญิงสาวอยู่ที่หน้าอกแข็งแรงของชายหนุ่ม เขาก้มลงจับชายเสื้อให้เขาที่จึงไม่รู้ว่าใบหน้าคมเข้มอยู่ห่างจากใบหน้าสวยเพียงแค่คืบ
หญิงสาวสังเกตเห็นใบหน้าที่อ่อนโยนของชายหนุ่มในตอนนี้ พี่ธรที่แสนใจดีกลับมาอีกครั้ง เขาดูแลเธอเหมือนเมื่อตอนนั้นไม่เปลี่ยนแปลง มนทิชาเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“เสร็จแล้ว เดี๋ยวจะให้แม่บ้านซักให้อีก ท่าทางจะใส่พอดีตัว” เขาถอยหลังออกมามองผลงานตนเอง มนทิชาใส่ชุดแบบนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ
“พรุ่งนี้ก็ใส่กางเกงซะจะได้ทะมัดทะแมงหน่อย” เขาสั่งเธออีกครั้งหลังจากที่มองดูผลงานแล้ว
มนทิชาไม่กล้าเถียงอะไรทั้งสิ้น หญิงสาวก้มหน้ามองพื้นความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอไม่อาจจสบสายตาที่เขามองมาได้ ถ้าชายหนุ่มเห็นสีหน้าและแววตาเธอตอนนี้ ชลธรต้องรู้แน่ว่าเธอคิดอะไรอยู่
“ไป กลับไปชายหาดได้แล้ว” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปถือเสื้ออีกหลายตัวติดมือไป
ชลธรเดินเอาเสื้อไปให้แม่บ้านซักทำความสะอาดแล้วสั่งให้ไปส่งที่บ้านพักของเขา มนทิชาบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้ไม่โกรธที่เขาบังคับให้เธอใส่เสื้อที่ไม่ต้องการในตอนแรก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดีไม่อยากถอดออกจากตัวไม่รู้ว่าทำไมหรือเพราะอะไรจึงไม่กล้ามองหน้ากับชายหนุ่มตรงๆ รู้สึกทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ใกล้ จึงได้แต่ปล่อยให้ชลธรเป็นคนจัดการทุกอย่างเพียงอย่างเดียว
“ไปเถอะ เดี๋ยวมีวอลเลย์บอลชายหาดกับเล่นน้ำทะเลตอนเย็นด้วย”เขาเอ่ยปากชวน
ชลธรแปลกใจที่ตลอดทางมามนทิชาไม่พูดไม่จาอะไรเลย หลายครั้งที่เขาชวยคุยและพยายามสบตาด้วยแต่หญิงสาวก็ตอบกลับมาแค่เพียงคำสองคำแล้วก้มหน้าไม่พูดอะไรต่อ ชายหนุ่มเดาว่าเธออาจจะโกรธที่ถูกบังคับให้ใส่เสื้อพนักงานจึงไม่พูดอะไรมาก
กิจกรรมตอนสี่โมงเย็นเป็นการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด ผู้ชนะจะได้รางวัลในคืนนี้ มนทิชาเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้กับชายหนุ่ม หญิงสาวจึงไปนั่งข้างๆ จอมขวัญ ผู้จัดการคนสวยเห็นเธอสวมเสื้อของสายธารารีสอร์ตจึงเอ่ยปากทักว่า
“ใส่เสื้อตัวนี้แล้วคุณมนดูน่ารักไปอีกแบบ เสื้อลายนี้คุณธรออกแบบเอง เห็นบอกว่าสีน้ำทะเลคือสัญลักษณ์ของอัศวิน คงอยากให้พนักงานเป็นอัศวินทุกคนมั้งคะ” จอมขวัญเล่าโดยไม่คิดอะไร
จริงซิ อัศวินของเจ้าหญิงต้องมีผ้าคลุมบ่าสีน้ำทะเล เพราะน้องมนเป็นเจ้าหญิงแห่งท้องทะเลที่สวยงามที่สุดในโลก หรือว่า บางทีที่เขาอยากให้เธอใส่เสื้อตัวนี้ก็เพราะ...
ชลธรเปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก คุณหนูมนทิชาทำให้เขาช้าเพราะคุณเธอเล่นอยู่ในห้องน้ำเกือบชั่วโมง กว่าเขาจะได้ใช้ห้องน้ำต่อก็เกือบตีห้า
“พี่ธรช้านะคะ” มนทิชาบ่นเบาๆ เธออุตส่าห์ลุกขึ้นมาตรงเวลาแต่เขาดันมาสายได้ ปลอ่ยให้เธอรอเสียตั้งนานสองนาน
“ทีหลังถ้ารู้ว่าอาบน้ำช้า ให้ผมอาบก่อนคุณจะได้ขัดสีฉวีวรรณได้ตามใจชอบ” ชลธรเอ่ยเบาๆ สายตาตำหนิเล็กน้อย
มนทิชาหน้าเสีย เธอลืมคิดไปว่าห้องน้ำใช้ร่วมกัน และเธอเคยชินกับการใช้เวลาในห้องน้ำนานๆ เสียด้วย
“พรุ่งนี้คุณตื่นช้ากว่านี้สักอีกสิบห้านาทีกำลังพอดีเลย” ชลธรพูดแกมสั่ง
“ค่ะ” มนทิชาก้มหน้ารับเสียงอ่อย
ชลธรเห็นหญิงสาวหน้าเสียเรื่องที่เขาตำหนิ ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเรื่องไม่เอ่ยถึงมันอีก
“แล้วนี่เตรียมพร้อมหรือยัง แน่ใจนะว่าจะตามผมไปทำงานทุกที่” เขาถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ค่ะ พี่ธรไปทำงานที่ไหนมนก็จะตามไปค่ะ” มนทิชากระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที
“งั้นตามมา” ชลธรออกเดินนำไปก่อน เขาอยากรู้เหมือนกันว่าคุณหนูมนทิชาจะมีแรงอึดสักแค่ไหน แผนการณ์ที่คุณลุงส่งลูกสาวมาฝึกงานกับเขาเพื่อทำให้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว หวังว่ามนทิชาคงจะได้นิสัยสู้งานของคุณบูรณะมาบ้างนะ
งานแรกที่ชลธรพามนทิชามาทำงานนั้นก็คือที่แคนทีนนั่นเอง หญิงสาวเคยมาที่นี่แล้วเมื่อวานนี้และกลับมาอีกครั้งตอนแคนทีนปิดพร้อมกับจอมขวัญ เธอจึงไม่ได้เจอกับป้าแก้วแม่ครัวคนเก่งที่ขยันเล่าเรื่องราวของสายธารารีสอร์ตให้เธอฟัง
เสียงกุกกักดังมาจากในครัว ห้องแคนทีนเปิดไฟสว่างจ้า ชลธรเดินเข้าไปในครัวพร้อมกับถือถาดอาหารมาวางในตู้ ชายหนุ่มเดินไปเสียบน้ำร้อนและชงกาแฟสำหรับตนเอง
“กาแฟไหม” หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“น้ำเต้าหู้ก็มีค่ะ คุณธร ป้าซื้อมาสองสามถุง คุณธรรับสักถุงไหมคะ” ป้าแก้วเดินออกมาจากในครัวพร้อมกับน้ำเต้าหู้
ชลธรหันมาถามด้วยสายตากับมนทิชา หญิงสาวไม่ปฏิเสธเขาจึงเอ่ยปากขอน้ำเต้าหู้ให้หญิงสาวแทน
“ผมขอถุงหนึ่งกับปาท่องโก๋สองตัวได้ไหมครับ” ชลธรยิ้มเมื่อหญิงวัยกลางคนส่งให้ตามที่ขอ
ชลธรบริการมนทิชาด้วยน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ ส่วนเขาแค่กาแฟร้อนแก้วเดี๋ยวก็พอแล้ว ป้าแก้วเดินถือถ้วยน้ำเต้าหู้เดินมานั่งสมทบที่โต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“อ้าวหนูน่ะเอง ตื่นแต่เช้าเลยนะวันนี้ หิวข้าวล่ะซิ เมื่อวานไม่ได้มากินแน่เลย ป้าไม่เห็นรอบเย็น” ป้าแก้วหันมาทักทายมนทิชา เมื่อวานตอนเย็นนางคอยดูว่าหญิงสาวมากินข้าวทันหรือเปล่าแต่ก็ไม่เห็นจึงเดาว่ามาไม่ทันตามเคย
“เมื่อวานหนูมากินทีหลังพร้อมคุณขวัญค่ะ” มนิชาตอบยิ้มๆ
“อ๋อ” ป้าแก้วพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วนี่หิวหรือไงถึงได้ตามคุณธรมาแต่เช้า เอาซิ ข้าวต้มเสร็จแล้ว” นางกระวีกระวาดจะลุกไปตักให้
“ไม่เป็นไรคะป้า มนยังไม่หิว เดี๋ยวค่อยมาทานพร้อมคุณธรก็ได้” มนทิชารีบบอก
“มนทิชาจะมาฝึกงานที่รีสอร์ตเราครับป้า ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินเพราะวันนี้ผมพามาดูแล้ว อีกหน่อยก็คงปรับตัวได้ไม่มาผิดเวลาอีก” ชลธรเอ่ยขึ้น
“แม่หนูนี่มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะคุณธร เมื่อวานคุณขวัญให้ทำอะไรก็ไม่รู้กว่าจะได้กินข้าวเช้าก็ปาไปเกือบสิบโมง ข้าวเย็นก็พร้อมคุณขวัญเกือบสองทุ่ม นี่คงหิวล่ะซิ ไม่พูดไม่จาเลย” ป้าแก้วรายงาน
มนทิชารู้สึกหิวจริงๆ เมื่อวานเธอช่วยงานจอมขวัญจนลืมเวลากินข้าว กว่าที่จะได้ทานอาหารเย็นก็ปาไปเกือบสองทุ่มจริงๆ อย่างที่ป้าแก้วบอก ชลธรไม่คิดว่าวันแรกที่หญิงสาวทำงานจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
“เมื่อวานทำอะไรทำไมไม่มากินข้าว” เขาถามเสียงดุ
“ก็ถอดปลอกหมอนแล้วก็ช่วยหน้าเคาท์เตอร์ กว่าจะเสร็จก็นั่นแหละค่ะ” มนทิชาตอบตามจริง
“งั้นต่อไปก็ต้องรักษาเวลาการกิน ที่นี่กินอยู่เป็นเวลาจะได้ไม่เป็นโรคกระเพาะ” ปลายเสียงเขาดูอ่อนโยนลงเหมือนจะห่วงใยเธอ เขาคงจำได้กระมังว่าตอนเด็กหญิงสาวมักจะร้องไห้ปวดท้องเพราะกินข้าวผิดเวลานั่นเอง
ออกจากแคนทีนที่หมายต่อไปที่ชลธรพามนทิชาไปนั่นก็คือ ห้องพักของแขกที่มาพักเมื่อคืนนี้
“เช้านี้มีเช็กเอาต์กี่ห้อง” ชลธรถามจอมขวัญที่มาทำงานแต่เช้าตรู่
“ห้าห้องค่ะ” หญิงสาวยื่นจำนวนห้องที่ออกไปให้ชายหนุ่มดู
“งานที่สั่งไว้เตรียมเสร็จหรือยัง” เขาหมายถึงกิจกรรมที่ทางรีสอร์ตจัดให้กับคณะแขกที่มาพักในวันนี้ได้สันทนาการเต็มวันที่นี่ โดยมีเขาเป็นผู้นำ
“เรียบร้อยค่ะ เก้าโมงตรงพร้อมกันที่จุดชมวิว” จอมขวัญรายงานแล้วขอตัวไปทำงานอื่นต่อ
มนทิชาหูผึ่งกับคำว่าจุดชมวิวทันที เมื่อวานเธอจำได้ว่าเดินผ่านจุดนี้ และรู้มาอีกว่าทางรีสอร์ตกำลังทำทางพิเศษเฉพาะให้แขกเดินลงทะเลได้เป็นส่วนตัว แววตาของหญิงสาวมีความอยากรู้ขึ้นมาทันที
“วันนี้เราจะไปทำอะไรที่จุดชมวิวเหรอคะ” หญิงสาวถามเสียงใส
“ยังไม่ถึงเวลาไม่ต้องรู้ก็ได้ ตอนนี้ตามผมมาก่อน” เขาทำเสียงดุใส่เธออีกแล้ว
มนทิชาลมแทบจับเมื่อรู้ว่างานที่ชลธรจะฝึกให้เธอทำงานเป็นนั่นก็คือ
“ถอดปลอกหมอนผ้าปูที่นอนไปซักแล้วปูเตียงใหม่ เก็บทำความสะอาดห้องน้ำและเตรียมของใช้ทุกอย่างใหม่หมด ให้ลูกค้าพร้อมเข้าที่พัก ประมาณสิบเอ็ดโมงจะมีลูกค้าเช็กอิน” เขาสั่งหน้าตาเฉย
“เอ่อ คุณธรคะ ขวัญว่าให้คุณมนแค่ถอดปลอกหมอนก็พอมั้งคะ ถ้าให้ทำทุกอย่างจะไหวเหรอ” จอมขวัญต้องหลบสายตาคมกริบที่ชลธรมองมา
ชายหนุ่มรู้ดีว่าจอมขวัญเป็นห่วงว่ามนทิชาจะไม่สามารถทำงานได้ทันภายในเวลาที่กำหนด แต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องสนอให้เธอรู้ว่า การจะเป็นเจ้านายคนนั้นไม่ได้แค่ชี้นิ้วแต่งตัวกรีดกรายสั่งคนอื่น แต่ตนเองต้องรู้งานทุกอย่างในความรับผิดชอบของตน
“ทำได้ไหม” เขาหันมาหามนทิชา
“เอ่อ คือ มน” หญิงสาวอึกอัก ถ้าถอดปลอกหมอนเหมือนเมื่อวานก็พอไหว แต่นี่เล่นให้เธอทำทุกอย่างคนเดียวเห็นทีจะแย่
“ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ แล้วก็ไปเก็บกระเป๋าเลย ผมไม่ฝึกให้แล้วในเมื่ออยากเรียนแต่พอผมสอนคุณก็ไม่ทำ” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาว มนทิชาสบสายตาของชลธรอย่างมาดมั่น
“มนยินดีทำค่ะ แต่ว่าขอให้มีคนมาสอนทำเป็นตัวอย่างก่อนได้ไหม ถ้ามีคนทำเป็นตัวอย่างแล้ว มนคิดว่าทำได้ค่ะ” มนทิชาฮึดสู้ เรื่องอะไรจะให้มาดูถูกว่าเธอทำไม่ได้ ถึงทำไม่ได้ก็จะทำ ลองดูสักตั้งอย่างที่คุณพ่อบอกมันคงไม่ยากเกินไปกระมัง เพราะคนอื่นก็ทำได้แล้วทำไมคุณหนูมนทิชาจะทำไม่ได้
“ได้ ผมอนุญาตแต่แค่ห้องเดียวเท่านั้นนะ ห้องอื่นคุณต้องทำเอง จอมขวัญคุณเป็นคนสอนแล้วกัน” ชลธรพอใจที่เห็นหญิงสาวยอมทำตามที่เขาสั่ง
คุณผู้จัดการรีสอร์ตเริ่มสอนงานให้หญิงสาวอีกครั้ง มนทิชาตั้งใจเรียนรู้สิ่งที่จอมขวัญสอนทุกขั้นตอน
“ห้องพักเป็นแห่งแรกที่แขกจะตัดสินใจว่าจะกลับมาใช้บริการอีกหรือว่าไม่กลับมานะคะ ที่นี่เราจะเน้นความสะอาดเป็นหลักและเน้นให้ลูกค้ารู้สึกว่าห้องพักคือห้องนอนที่มีความสุขยามที่มาพักที่รีสอร์ตเราค่ะ” จอมขวัญปูเตียงเสร็จแล้วก็พาหญิงสาวไปจัดการเรื่องห้องน้ำต่อ
ไม่มีใครคาดคิดว่าคุณหนูมนทิชาที่ไม่ประสาเรื่องการทำงานใดๆ ทั้งสิ้น จะสามารถทำงานที่ชลธรสั่งได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้ว่าจอมขวัญจะอาสาช่วยหญิงสาวลับหลังชลธรในบางเรื่อง แต่มนทิชาก็ปฏิเสธเพราะต้องการทำด้วยตนเองจริงๆ
‘ให้ขวัญช่วยปูเตียงดีกว่าไหมคะ คุณมนไปจัดการเรื่องห้องน้ำดีกว่า’ จอมขวัญเห็นท่าทางของมนทิชาดูจะไม่ไหวจริงๆ
‘ไม่เป็นไรค่ะ มนทำเองดีกว่า เห็นไหมคะไม่ยากซะหน่อย’ มนทิชาปูเตียงแรกด้วยฝีมือเธอเสร็จไปแล้ว กว่าจะได้ตามเหมือนที่จอมขวัญปูก็เล่นเอาเหนื่อยเหลือเกิน
ห้องพักห้าห้องพร้อมให้แขกใช้บริการได้แล้ว สิบเอ็ดโมงแขกที่จอมไว้ก็มาเข้าพักจริงๆ ตามที่ชลธรบอก
มนทิชาแอบสังเกตสีหน้าของแขกที่เดินเข้าห้องที่จัดเตรียมไว้ ทุกคนมีรอยยิ้มพอใจกับการบริการของรีสอร์ต หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไปค่ะ ป่านนี้กิจกรรมของคณะสัมมนาเริ่มแล้ว คุณธรคงพาคณะทำกิจกรรมแล้ว” มนทิชายังไม่ทันจะถามอะไร จอมขวัญก็เดินนำหน้าเธอไปอีกทางเสียแล้ว
จอมขวัญพาเธอมาที่อาคารปูนสีขาวสองชั้นอยู่ในบริเวณรีสอร์ต มนทิชาเปิดประตูกระจกเข้าไปเห็นชลธรกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้า ท่าทางของชายหนุ่มดูไม่เคร่งเครียดเท่าไร จอมขวัญพามนทิชามานั่งด้านหลังสุด
“ตอนบ่ายคณะนี้จะทำกิจกรรมที่ทางรีสอร์ตเราจัดให้ค่ะ โดยมีคุณธรเป็นคนนำ” จอมขวัญกระซิบ มนทิชาพยักหน้ารับทราบ
หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ท่าทางที่นี่คงจะเป็นห้องสัมมนาที่ทางรีสอร์ตมีไว้บริการลูกค้าที่เป็นหมู่คณะ คำนวนด้วยสายตาแล้วสมาชิกที่อยู่ในห้องตอนนี้ราวห้าสิบคน ทุกคนกำลังตั้งใจฟังการบรรยายที่หน้าห้อง
สายตาของมนทิชาประสานกับสายตาของชละรที่จ้องมองมาพอดี หญิงสาวรีบก้มหน้าไม่กล้ามองสบไปกลัวว่าชายหนุ่มจะหาเรื่องตำหนิตนอีก ชลธรสังเกตเห็นชุดที่มนทิชาใส่ตอนนี้แล้วขัดใจมาก เขาสั่งแล้วใช่ไหมว่าชุดเว้าหน้าเว้าหลังโชว์ร่องอกห้ามใส่ แต่เธอก็ยังใส่อีกเห็นทีเขาต้องจัดการเสียแล้ว
ชลธรไม่มีนโยบายให้พนักงานแต่งตัวอื่นนอกจากยูนิฟอร์มที่เป็นสวัสดิการของพนักงาน เขาไม่ต้องการให้พนักงานมาประกวดประชันกันเรื่องเสื้อผ้ามากกว่าเรื่องงาน และยิ่งไม่อยากให้พนักงานต้องถูกลวมลามจากลูกค้าบางประเภทที่มักง่ายไม่เข้าท่า เห็นพนักงานเป็นดอกไม้ริมทางที่ต้องยอมลูกค้าไปทุกเรื่องเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของรีสอร์ต
ชลธรรับหน้าที่เป็นผู้บรรยายต่อจากผู้บรรยายท่านอื่น หญิงสาวจับใจความที่ชายหนุ่มพูดที่ด้านหน้าได้ว่า
‘บ่ายนี้เราจะไปเก็บขยะที่ริมทะเลเพื่อเป็นการอนุรักษ์ทะเลไทย จากนั้นจะมีกิจกรรมที่ชายหาด และกลางคืนขอเชิญที่ลานน้ำพุเราจะมีปาร์ตี้สำหรับคนทำความดีครับ’
จอมขวัญสะกิดให้มนทิชาลุกขึ้น แล้วรีบไปยืนต้อนรับที่ประตูทางเข้าเมื่อครู่นี้ ผู้จัดการคนเก่งยืนยิ้มให้คณะสัมมนาพร้อมกับพูดว่า
“เชิญทานอาหารกลางวันที่สายธาราจัดให้นะคะ แล้วบ่ายโมงเจอกันค่ะ” มนทิชาทำหน้าเลิ่กลั่กเล็กน้อยๆม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรหรือทำอะไร แต่เมื่อเห็นสายตาดุที่ชลธรส่งมาหญิงสาวจึงส่งรอยยิ้มให้กับคณะสัมมนา
จอมขวัญเดินลงไปพร้อมกับบุคคลที่เธอรู้จักในคณะ มนทิชาเดินรั้งท้ายเป็นคนสุดท้าย ชลธรเดินเข้ามารั้งแขนหญิงสาวไว้แล้วกระซิบถามเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน
“กินข้าวเสร็จแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียหน่อยนะ รู้สึกว่าชุดนี้จะไม่เข้าตามระเบียบที่ผมบอกคุณเมื่อคืนนี้” มนทิชาทำหน้าเหวอเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด เธอจะเปลี่ยนอะไรเพราะชุดที่ใส่ตอนนี้เรียบร้อยสุดเท่าที่มีแล้ว
มนทิชาพยามยามจะหลบหลีกการเผชิญหน้ากับชลธร เพราะรู้ดีว่าเขาต้องไล่ให้เธอไปใส่ยุฯฟอร์มที่แสนเชยชองสายธารารีสอร์ต ถ้าเมื่อวานเธอรู้ก่อนล่วงหน้าว่าต้องใส่ชุดพวกนี้ฝึกงานล่ะก็ เธอคงจะขอให้คุณบูรณะออกคำสั่วใหม่ให้พนักงานของที่นี่เปลี่ยนยูนิฟอร์มเป็นอย่างที่ตัวเธอต้องการแน่ๆ
“เดี๋ยวตอนบ่ายเราจะไปพบกันที่จุดชมวิวนะคะคุณมน” จอมขวัญปลีกตัวจากลูกค้ามาบอก
“ต้องไปทุกคนไหมคะ” มนทิชาถาม ถ้าเลี่ยงได้เธอจะเลี่ยงไปทำอย่างอื่นก่อนดีกว่า
“ถ้าคนเยอะแบบนี้คุณธรเอาคนเดียวไม่อยู่ก็ต้องห้าถึงสิบคนค่ะ คุณมนไปด้วยกันซิคะ จะได้รู้ด้วยว่ารีสอร์ตเรามีกิจกรรมอะไรบ้าง” จอมขวัญบอก
กิจกรรมยามบ่ายเริ่มต้นด้วยการช่วยกันเก็บขยะที่หาดทราย มีการแบ่งกลุ่มและมีพนักงานของรีสอร์ตเป็นผู้ดูแล มนทิชาถูกจัดให้ร่วมกิจกรรมและเป็นผู้ดูแลคณะด้วย หญิงสาวพาทุกคนถือถุงและลงมือเก็บขยะ
ความไม่ประสาว่าอะไรเป็นอะไรทั้งสิ้น ทำให้มนทิชาพาคณะเดินตากแดดออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ เธอเองก็ไม่เคยเห็นว่าทะเลริมหาดของรีสอร์ตสวยงามแค่ไหน ไม่เคยรู้ว่าอาณาเขตของรีสอร์ตสิ้นสุดที่ไหน และไม่รู้ว่าตรงไหนคือที่ต้องห้ามบ้าง
มนทิชาพาคณะเก็บไปเรื่อยๆ ยิ่งเดินก็ยิ่งไกลออกไปมากขึ้นทุกที จนในที่สุดมาหยุดอยู่ที่ป้ายประกาศอันหนึ่งที่ติดไว้ว่า ไม่มีกิจห้ามเข้า
“ตรงนี้ห้ามเดินผ่านนะครับ” เสียงทักดังมาจากด้านหลังของเธอ ชายหนุ่มรูปร่างสัดทัดแต่งตัวดูดีก้าวลงมาที่ชายหาด สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยคมของมนทิชา ผู้หญิงคนนี้เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ท่าทางจะเป็นพนักงานใหม่ของสายธารารีสอร์ตจึงไม่รู้ว่าที่ตรงนี้เป็นของใคร
“ขอโทษค่ะ พวกเราเดินกลับไปสมทบกับคนอื่นเลยนะคะ” มนทิชาตะโกนบอกคณะของตน
“เพิ่งมาทำงานที่สายธาราเหรอครับ ถึงไม่รู้ว่านี่เป็นที่ของใคร” ชายแปลกหน้าถามขึ้นมาเมื่อเห็นหญิงสาวจะโกนบอกให้คนอื่นกลับไปทางเดิม
“ค่ะ เพิ่งมาทำงาน ไม่ทราบว่าตรงนี้มีเจ้าของ คิดว่าเดินไปได้ทั่ว ขอโทษอีกครั้งนะคะ” มนทิชาเอ่ยอย่างสุภาพกร้อมกับรีบบอกให้คณะตามไปสมทบกลับกลุ่มอีกครั้ง
“ผมกรกฎนะครับ ถ้ามีอะไรก็มาหาผมได้ที่สมุทรรีสอร์ตนะครับ” ชายหนุ่มยื่นนามบัตรให้จากกระเป๋าเสื้อ มนทิชารับมาถือแบบงงๆ แล้วยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไป
“เดี๋ยวครับ จะไม่บอกชื่อคุณไว้หน่อยเหรอ เผื่อวันหน้าเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น” กรกฎถาม
“มนทิชาค่ะ” หญิงสาวตอบแล้วรีบเดินกลับไป
กรกฎยิ้มเมื่อได้สิ่งที่เขาพึงพอใจแล้ว มนทิชา! ชายหนุ่มพึมพำชื่อนี้อยู่ในใจ เห็นทีว่าบางทีเขาอาจจะต้องไปเยี่ยมสายธารารีสอร์ตเสียหน่อยแล้ว เผื่อว่ามนทิชาคนสวยอาจจะทำให้อะไรๆ บางอย่างของเขาง่ายขึ้นก็ได้
ชลธรยกมือข้างหนึ่งบังแดดเขาสอดส่ายตามองหามนทิชาว่าเธออยู่ที่ไหน จนเห็นว่าเธอเดินกลับมาจากทางอีกด้านของรีสอร์ต ชายหนุ่มสงสัยว่าหญิงสาวเดินไปทำอะไรที่นั่น เพราะทุกคนที่สายธารารีสอร์ตรู้ดีว่าถ้าไม่จำเป็นจะไม่มีใครเดินไปทางนั้นเด็ดขาด
“คุณขวัญ คุณบอกให้มนทิชาเดินไปทางโน้นหรือ” เขาถามผู้จัดการคนสวยที่กำลังพาคณะมาร่วมสมทบกับจุดรวมพลของชายหนุ่ม
“เปล่าค่ะ” จอมขวัญปฏิเสธ
“เราไม่ได้แบ่งสายกันชัดเจนนะคะคุณธรว่าใครไปทางไหน คุณมนเธออาจจะเห็นว่าทางหน้าหาดของเราคนเยอะแล้วก็เลยเดินออกไปไกลหน่อย มีอะไรหรือเปล่าคะ” ผู้จัดการคนสวยถาม เธอเหลียวไปมองตามสายตาของเจ้าของรีสอร์ตหนุ่มก็ถึงบางอ้อ
“ขวัญยังไม่ได้บอกเธอคะ ว่าตรงไหนไปได้ตรงไหนไปไม่ได้ คุณมนคงไม่รู้จริงๆ” จอมขวัญพูดเสียงอ่อยๆ
“ไม่เป็นไร ต่อไปเรื่องมนทิชาผมจัดการเอง คุณขวัญทำงานไปเถอะ” ชลธรตอบเสียงเรียบ
ตอนแรกที่ได้รับคำขอร้องจากคุณบูรณะว่าให้เขาเป็นคนสอนให้มนทิชากับคำว่าการทำงาน เขาคิดว่าเรื่องง่ายๆ แบบนี้ไม่ต้องถึงมือเขาก็ได้ จึงมอบหมายหน้าที่การหัดทำงานให้จอมขวัญแทน และไม่คิดว่าคุณหนูอย่างเธอจะกล้าทำงานจริงจังนอกจากกรีดกรายไปกับความสบายไปวันๆ เท่านั้น
ชลธรรู้จักมนทิชามาแต่เด็ก เขาก็จำภาพลักษณ์ของคุณหนูหัวดื้อคนนี้ได้ตลอดเวลา มนทิชาแตกต่างจากแพรใจพี่สาวที่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่เกินตัว สมัยก่อนที่บิดาเขายังมีชีวิตอยู่คุณอาทิตย์เป็นเพื่อนรักกับคุณบูรณะ
ทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กันตลอดเวลา ชลธรได้พบมนทิชาและแพรใจทุกครั้งที่เขาตามบิดาไปเยี่ยมเพื่อนเก่า เด็กๆ มักจะรวมกลุ่มกันเล่นตามประสา มนทิชาเป็นเด็กสุดและเขาก็ต้องทำหน้าที่เป็นพี่ชายที่คอยดูแลน้องสาวคนนี้ราวกับเจ้าหญิงอยู่ตลอดเวลา
‘พี่ธรเป็นอัศวินของน้องมน น้องมนจะเป็นเจ้าหญิงของพี่ธรคนเดียวตลอดไป’ คำสัญญาจากเจ้าหญิงตัวน้อยว่าจะเป็นเจ้าหญิงของเขาตลอดไป
เวลาผ่านไปเจ้าหญิงตัวน้อยของเขาโตขึ้นจนไปเรียนต่อต่างประเทศ เขาก็ต้องมาช่วยกิจการที่รีสอร์ตของบิดาตั้งแต่เรียนจบ ความห่างหายจากการเรียนที่หนักหนาสาหัสและเพื่อนฝูงที่เปลี่ยนแปลงตามวัย ทำให้เจ้าหญิงกับอัศวินต้องห่างเหินไป ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ข่าวคราวของเธอคือ มนทิชาเหินฟ้าไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้ว เจ้าหญิงของพี่ธรคนเดียวคงไม่มีอีกต่อไปแล้ว
มนทิชาเดินฝ่าไอแดดกลับมาที่จุดรวมพล หญิงสาวรู้สึกกระหายน้ำเหลือเกิน แดดวันนี้แรงเหลือเกินเธอไม่ได้ทาครีมกันแดดมาเสียด้วย ไม่อยากจะคิดเลยว่ากลับไปผิวขาวๆ ของเธอจะเป็นรอยคล้ำขนาดไหน
“ไปทำอะไรตรงนั้นมา” เสียงชลธรดังขึ้นมา มนทิชาสะอึกทันที เธอแทบจะไม่อยกากลืนน้ำหวานลงคอให้ชื่นใจเลย ในใจคิดว่าชลธรคงจะดุเธอเรื่องเสื้อผ้าอีกแน่นอน
“พาแขกไปเก็บขยะตามโปรแกรมของพี่ธรไงคะ” หญิงสาวพยายามตอบอย่างระมัดระวังคำพูดที่สุด คอยสังเกตว่าเขาจะตำหนิเธอเรื่องเสื้อผ้าหรือไม่ คิดในใจว่าถ้าชลธรพูดเรื่องนี้เมื่อไร เธอจะอธิบายว่าอย่างไรดี
“เจออะไรแปลกๆ มั้งไหม” เขาถาม ผิดคาด ชลธรไม่พูดเรื่องเสื้อผ้าแต่กลับถามเธอเรื่องอื่น
“ไม่นี่คะ ไม่เห็นเจออะไร อ้อ เจอป้ายว่าห้ามเขา มนก็เลยพาแขกกลับ” หญิงสาวนึกถึงป้ายอันนั้น
“แค่นั้น ไม่เจออย่างอื่นเหรอ” เขาหรี่ตาถามอย่างจับพิรุธ
“อืม...เจอค่ะ เจอผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาทักแล้วบอกว่าชื่อกรกฎให้นามบัตรมาด้วย” มนทิชายื่นนามบัตรแผ่นนั้นให้ชลธรดู
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำว่ากรกฎ แสดงว่าสิ่งที่เขาคิดไว้เป็นเรื่องจริง
“แล้วเขาพูดว่าอะไรบ้าง” ชายหนุ่มถามต่อด้วยความอยากรู้ล
“ไม่พูดอะไรนี่คะ นอกจากบอกว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ให้มาหา แล้วก็ให้นามบัตรไว้” มนทิชาดื่มน้ำหวานต่ออีกแก้ว หญิงสาวค่อยรู้สึกสดชื่นคลายความร้อนขึ้นมาได้บ้าง
“ท่าทางคงจะถูกใจมันล่ะซิ มันถึงได้บอกให้ไปหา” เขาเอ่ยแล้วพิจารณาตัวเธออีกครั้ง
ชลธรโมโหตัวเองขึ้นมาทันที เขาน่าจะจัดการเรื่องเสื้อผ้าของมนทิชาก่อน ไอ้ชุดเว้าหน้าเว้าหลังโชว์ร่องอกที่เธอสวมอยู่ คงเป็นเหตุให้กรกฎเอ่ยแบบนั้น
“มานี่ ตามมา” ชลธรจับแก้วน้ำหวานในมือของมนทิชาวางลง แล้วดันตัวเธอให้เดินไปกับเขา ตอนนี้แขกอยู่ในอิริยาบถสบายๆ พักผ่อนกับการเก็บขยะเมื่อครู่ อีกสักพักจึงจะมีกิจกรรมที่ชายหาดต่อ
“ไปไหนคะ พี่ธร” มนทิชาตกใจที่จู่ชายหนุ่มจะพาเธอไปไหน
“อย่าถาม ตามมา” เขาฉุดแขนเธอให้เดินตามเร็วขึ้น
ชลธรพามนทิชามาที่ออฟฟิศของสายธารารีสอร์ต ชายหนุ่มเข้าไปหาเสื้อที่คิดว่าจะเป็นตัวที่เธอใส่ได้มาให้ มนทิชาดูจากสภาพห้องแล้วเดาว่าที่นี่คงเป็นที่ทำงานของพนักงานแน่ๆ เพราะมีเอกสารและอุปกรณ์ต่างๆ อยู่บนโต๊ะทำงาน แต่ว่าตอนนี้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ชายหาดหมดจึงไม่มีใครในนี่เลยนอกจากทั้งสองคน
“เอ้า ใส่ซะ จะได้ไม่ต้องโชว์อีก” เขายื่นเสื้อสีน้ำทะเลให้เธอตัวหนึ่ง มนทิชารับมาถือไว้แล้วคลี่ออกดู
“เสื้อพนักงาน จะให้มนใส่จริงๆ หรือคะ” หญิงสาวถาม แบบเสื้อก็เป็นเสื้อมีปกธรรมดา ลวดลายก็สกรีนคำว่าสายธารารีสอร์ตไว้ตรงกลางดูธรรมดาสำหรับเธอเหลือเกิน
“เป็นพนักงานของที่นี่ก็ต้องใส่เสื้อพนักงานจะมาใส่แบบอื่นได้ยังไง เร็วๆ อย่าโอ้เอ้ ผมต้องกลับไปที่ชายหาดอีก” เขาเร่งเธอ
“มนไม่ใส่ได้ไหมคะ มันเชยไปอีกอย่างมันยังไม่ได้ซักด้วย ไว้มนเอาไปซักแล้วค่อยใส่นะคะ” เธอขอต่อรองไม่ใช่ขอเวลาทำใจต่างหาก
“อย่าเรื่องมากถ้าจะทำงานที่นี่ก็ต้องใส่ พนักงานคนอื่นเขาก็ใส่กันหมดแล้วคุณเป็นอะไรถึงจะไม่ใส่” เขาพูดอย่างเหลืออด
“ทีพี่ธรกับคุณขวัญยังไม่ใส่เลย มนไม่ใส่ก็ได้นี่นาคะ”
“ผมเป็นเจ้าของจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ จอมขวัญเป็นผู้จัดการไม่จำเป็นต้องใส่อยู่แล้ว แต่คุณเป็นพนักงานของที่นี่และเพิ่งมาทำงานด้วย เพราะฉะนั้นใส่ซะ” ชลธรเสียงดังเล็กน้อย
มนทิชาหน้างอด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ทีจอมขวัญเป็นผู้จัดการยังไม่ต้องใส่ได้ แต่นี่เธอเป็นลูกสาวเจ้าของรีสอร์ตยิ่งไม่จำเป็นต้องใส่เลย ความดื้อของหญิงสาวแสดงออกโดยการนิ่งไม่โต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น
“เอ้า ใส่ซิ ยืนทำอะไรอยู่ เร็วๆ เข้า ผมจะไปชายหาดแล้ว” เขาหันมาเห็นเธอยังยืนนิ่งอยู่จึงเร่งอีกครั้ง
“มนไม่ใส่ค่ะ เสื้อยังไม่ได้ซัก” น้ำเสียงเธอพาลนิดๆ ใบหน้าเริ่มบึ้งตึงเล็กน้อย
“ไม่ใส่ใช่ไหม” ชลธรเองก็ชัดเริ่มอารมณ์เสีย บอกให้ใส่ไม่ใส่อยากโชวนักใช่ไหมไอ้ร่องอกแขนขาวเนี่ย
ชายหนุ่มคว้าเสื้อที่มือของหญิงสาวมือถือไว้ แล้วจัดการคลี่ออกสะบัดสองสามที จากนั้นจึงจัดการ สวมหัว ให้มนทิชาทันที
“ไม่ใส่ มนไม่ใส่ พี่ธรพูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกว่าไม่ใส่ก็ไม่ใส่ไง” หญิงสาวออกแรงดิ้น
“เป็นพนักงานที่นี่ก็ต้องใส่ ถ้าจะทำงานไม่มีพนักงานคนไหนใส่ไอ้พวกล่อเสือล่อตะเข้แบบนี้ อย่าดิ้นซิ” ชลธรพยายามจับตัวเธอไว้ให้อยู่กับที่
แต่มนทิชามองไม่เห็นเพราะเสื้อบังตาเธออยู่ หญิงสาวจึงดิ้นสะเปะสะปะไปเรื่อย ชลธรจึงต้องใช้สองมือรวบแขนสองข้างของเธอไว้แล้วดันตัวเธอให้หลังไปติดกับตู้เอกสาร ก่อนจะพยายามยัดเสื้อตัวนั้นให้ลงไปให้ได้
“ปล่อยนะ ไอ้พี่ธรบ้า ปล่อย” มนทิชาโวยวาย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะบังคับเธอแบบนี้ พี่ธรที่แสนใจดีของเธอหายไปไหน
“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวเสื้อก็บาดตาพอดี อยู่เฉยๆ ไว้” เขาเอาหัวเขาล็อกขาเธอไว้ช่วยอีกแรง ตอนนี้มนทิชาถูกร่างกำยำของชลธรล๊อกไว้ทั้งบนและล่างแล้ว
“ไม่ใส่ ปล่อย” มนทิชาพยายามดิ้นอีกครั้ง แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นก็ยิ่งอึดอัดเพราะชลธรเล่นทาบทับเธอมาทั้งตัว
“อย่าดิ้น” ชลธร สวมหัวได้สำเร็จกำลังจะสวมแขนทั้งสองข้างและในที่สุดเขาก็ทำได้
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ถ้ายอมใส่ดีๆ ก็ไม่ต้องบังคับกันแบบนี้” เรียบร้อยเสื้อพนักงานอยู่บนตัวของมนทิชาแล้ว
มนทิชานิ่งไม่กล้ากระดุกกระดิกไม่ใช่เพราะโกรธหรือโมโหที่ชายหนุ่มทำแบบนั้นกับตน แต่กำลังใจเต้นที่รู้ว่าตนเองถูกชลธรคร่อมไว้ทั้งตัว ใบหน้าของหญิงสาวอยู่ที่หน้าอกแข็งแรงของชายหนุ่ม เขาก้มลงจับชายเสื้อให้เขาที่จึงไม่รู้ว่าใบหน้าคมเข้มอยู่ห่างจากใบหน้าสวยเพียงแค่คืบ
หญิงสาวสังเกตเห็นใบหน้าที่อ่อนโยนของชายหนุ่มในตอนนี้ พี่ธรที่แสนใจดีกลับมาอีกครั้ง เขาดูแลเธอเหมือนเมื่อตอนนั้นไม่เปลี่ยนแปลง มนทิชาเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“เสร็จแล้ว เดี๋ยวจะให้แม่บ้านซักให้อีก ท่าทางจะใส่พอดีตัว” เขาถอยหลังออกมามองผลงานตนเอง มนทิชาใส่ชุดแบบนี้ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ
“พรุ่งนี้ก็ใส่กางเกงซะจะได้ทะมัดทะแมงหน่อย” เขาสั่งเธออีกครั้งหลังจากที่มองดูผลงานแล้ว
มนทิชาไม่กล้าเถียงอะไรทั้งสิ้น หญิงสาวก้มหน้ามองพื้นความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอไม่อาจจสบสายตาที่เขามองมาได้ ถ้าชายหนุ่มเห็นสีหน้าและแววตาเธอตอนนี้ ชลธรต้องรู้แน่ว่าเธอคิดอะไรอยู่
“ไป กลับไปชายหาดได้แล้ว” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปถือเสื้ออีกหลายตัวติดมือไป
ชลธรเดินเอาเสื้อไปให้แม่บ้านซักทำความสะอาดแล้วสั่งให้ไปส่งที่บ้านพักของเขา มนทิชาบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้ไม่โกรธที่เขาบังคับให้เธอใส่เสื้อที่ไม่ต้องการในตอนแรก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดีไม่อยากถอดออกจากตัวไม่รู้ว่าทำไมหรือเพราะอะไรจึงไม่กล้ามองหน้ากับชายหนุ่มตรงๆ รู้สึกทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ใกล้ จึงได้แต่ปล่อยให้ชลธรเป็นคนจัดการทุกอย่างเพียงอย่างเดียว
“ไปเถอะ เดี๋ยวมีวอลเลย์บอลชายหาดกับเล่นน้ำทะเลตอนเย็นด้วย”เขาเอ่ยปากชวน
ชลธรแปลกใจที่ตลอดทางมามนทิชาไม่พูดไม่จาอะไรเลย หลายครั้งที่เขาชวยคุยและพยายามสบตาด้วยแต่หญิงสาวก็ตอบกลับมาแค่เพียงคำสองคำแล้วก้มหน้าไม่พูดอะไรต่อ ชายหนุ่มเดาว่าเธออาจจะโกรธที่ถูกบังคับให้ใส่เสื้อพนักงานจึงไม่พูดอะไรมาก
กิจกรรมตอนสี่โมงเย็นเป็นการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด ผู้ชนะจะได้รางวัลในคืนนี้ มนทิชาเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้กับชายหนุ่ม หญิงสาวจึงไปนั่งข้างๆ จอมขวัญ ผู้จัดการคนสวยเห็นเธอสวมเสื้อของสายธารารีสอร์ตจึงเอ่ยปากทักว่า
“ใส่เสื้อตัวนี้แล้วคุณมนดูน่ารักไปอีกแบบ เสื้อลายนี้คุณธรออกแบบเอง เห็นบอกว่าสีน้ำทะเลคือสัญลักษณ์ของอัศวิน คงอยากให้พนักงานเป็นอัศวินทุกคนมั้งคะ” จอมขวัญเล่าโดยไม่คิดอะไร
จริงซิ อัศวินของเจ้าหญิงต้องมีผ้าคลุมบ่าสีน้ำทะเล เพราะน้องมนเป็นเจ้าหญิงแห่งท้องทะเลที่สวยงามที่สุดในโลก หรือว่า บางทีที่เขาอยากให้เธอใส่เสื้อตัวนี้ก็เพราะ...
ปัทมกร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2555, 18:49:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2555, 18:51:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 1115
<< ฝึกงานจริง |
ปัทมกร 19 ก.ค. 2555, 21:31:42 น.
ใครชอบไม่ชอบ ขอคอมเม้นท์ด้วยค่ะ
ใครชอบไม่ชอบ ขอคอมเม้นท์ด้วยค่ะ